ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    P:FMR NW

    ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 10 มาสค์ไรเดอร์

    • อัปเดตล่าสุด 14 ต.ค. 56


    เกาะร้างแห่งใดแห่งหนึ่งบนโลก  เวลา ??.?? น.


           ภายในห้องประชุมลับที่เป็นสถานที่ในการรายงานผลความเป็นไปและผลสำเร็จของแผนการของกลุ่มมนุษย์ดัดแปลงพันธุกรรม หรือที่เรียกอีกชื่อนึงว่า 'ลอสท์'  นีเดิลทีี่กลับมาที่นี่เพียงคนเดียวได้กลับมารายงานความสูญเสียและการปรากฏตัวของบางสิ่งที่พวกเขาคาดไม่ถึง สิ่งที่ทำให้แผนการของพวกเขาล้มเหลวและยังต้องสูญเสียเหล่าลอสท์ไปมากมาย ชายชุดขาวยืนอยู่ ณ กลางห้องที่มืดมิด มีเพียงแสงไฟจากสปอตไลท์ที่ส่องมาจุดที่เขายืนอยู่กลางห้องเพียงเท่านั้น

           ภาพโฮโลแกรมด้านหน้าถูกฉายขึ้นเป็นภาพของงูเห่า มีคำเขียนอยู่บนภาพนั้นว่า COBRA
           "นีเดิลดูเหมือนว่าแผนการแย่งชิงไกอาเมมโมรี่และคอสมิคเอเนจี่จะล้มเหลวสินะ ได้ยินมาว่าล๊อคซีดเองก็ถูกขโมยออกไปจากที่นี่เจ้าก็ได้ส่งปิรันย่าออกไปโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตแบบนี้ เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่" เสียงของชายจากโฮโลแกรมพูด

     
           "ท่านคอบร้า ที่ข้าได้ให้ปิรันย่าไปด้วยนั้นเพราะล็อคซีดเป็นสิ่งด๊อกเตอร์กำลังวิจัยหาถึงความลับของมันอยู่ ข้าจึงคิดว่าการหาทางนำมันกลับมาโดยเร็วน่าจะเป็นผลดีต่อเรามากกว่า และคนทรยศอย่างมังกี้เอง ปิรันย่าก็มีความแค้นส่วนตัวกับทางนั้นอยู่แล้ว ข้าจึงให้โอกาสเธอในโอกาสที่จะแก้แค้นและสร้างผลงาน" นีเดิลรายงาน แต่สิ่งที่เขาพูดไปนั้นจะมีความจริงอยู่สักกี่คำ...

           "...ข้าต้องขอชื่นชมที่เจ้านั้นทำผลงานดีมาโดยตลอดจนได้รับตำแหน่งเป็นหัวหน้าของเหล่าลอสท์ด้วยกัน เพียงแต่ว่าเพราะเหตุการณ์ที่พวกเราคาดไม่ถึงในครั้งนี้มันได้สร้างเสียหายให้กับพวกเราอย่างมาก แผนการของพวกเราผิดพลาดและยังต้องสูญเสียลอสท์ไปมากภายในวันเดียว" คอบร้ากล่าว จากนั้นภาพโฮโลแกรมก็ถูกฉายใหม่กลายเป็นภาพของลอสท์ที่เสียชีวิตลงไปในวันนี้ซึ่งประกอบไปด้วย สไปเดอร์,สกอร์เปี้ยน,เมนทิส,คาเมเลี่ยน,โครว์,ปิรันย่า,ฮอร์ส และจากัวร์

           "พวกเขาได้เสียชีวิตลงด้วยฝีมือของพวกเด็กๆที่อยู่ๆก็ได้รับพลังลึกลับมา พวกเราไม่ได้คิดเตรียมการถึงเรื่องนี้ไว้จึงไม่ได้วางแผนรับมือ อีกอย่างพลังของเด็กพวกนั้นก็สูงกว่าที่พวกเราคาดไว้" นีเดิลพูด
           "แต่ว่าการเสียสละของพวกเขาจะไม่เสียเปล่า เพราะมันทำให้เราได้รับข้อมูลของพลังลึกลับเหล่านั้นมาแล้ว"

           "นีเดิล เจ้าทราบสาเหตุที่เด็กพวกนั้นได้รับพลังมารึไม่ ?" คอบร้าถาม

           นีเดิลส่ายหน้า "ข้าเองก็ไม่อาจทราบได้ พลังที่ข้าทราบมีเพียงแค่ไกอาเมมโมรี่ ล๊อคซีดและคอสมิคเอเนจี่ที่เป็นผู้สังหารสกอร์เปี้ยน ปิรันย่าและคาเมเลี่ยนเพียงเท่านั้น ส่วนพลังที่ใช้สังหารโครว์จากที่ได้รับข้อมูลมาน่าจะเป็นพลังของศาสตร์เวทมนต์ที่ทาคากิ โซอิจิโร่ถนัด ที่เหลือเป็นพลังที่เราไม่เคยพบมาก่อน"

           "เจ้าเคยได้ปะมือกับพลังที่เจ้าไม่รู้จักนั่นหรือไม่" คอบร้าสอบถาม

           "เคยครับ แต่ว่าข้าไม่ได้เป็นคนสู้โดยตรงแต่สังเกตการณ์พลังนั้นจากระยะห่าง นั่นเป็นพลังของผู้ที่สังหารฮอร์สและทำให้สไปเดอร์บาดเจ็บสาหัส" นีเดิลเปิดภาพรูปของคิบะ ออกมาด้านหลังของเขา
           "ดูจากรูปแบบพลังแล้ว ถ้าให้ข้าเดาคงจะเป็นพลังของพวกสิ่งมีชีวิตในตำนานฝั่งตะวันตก"

           "แม้แต่เจ้าพวกนั้นก็ยังคิดจะมาขัดขวางพวกเรางั้นรึ ท่าทางจะเกิดเรื่อยุ่งยากขึ้นเยอะเลยสินะ" คอบร้าทำความเข้าใจ "นีเดิลข้าจะให้โอกาสเจ้าแก้ตัว เจ้าจงกลับไปยังฟูโตะและจงจับเป็นหนึ่งในแปดของเหล่าผู้ได้รับพลังนี้มา พวกเราจะได้ทำการตรวจสอบพลังของพวกมัน และไม่แน่ว่าพลังของพวกมันจะสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาสายพันธ์ในก้าวไปอีกขั้นก็เป็นได้" คอบร้าสั่ง

           "ได้ตามที่บัญชาครับ" นีเดิลโค้งคำนับรับคำสั่ง
           "เพียงแต่ว่าจากการสูญเสียในครั้งนี้ทำให้ข้าต้องหาลอสท์ฝีมือดีๆไปช่วยทำให้แผนการนี้สำเร็จให้ได้"

           "ไม่ต้องห่วงข้าได้จัดลอสท์ที่จะไปกับเจ้าไว้เรียบร้อยแล้ว" คอบร้าพูด
           "บีทเทิล แสต็กออกมาได้!" ทันทีที่คอบร้าสั่งลอสท์รูปแบบด้วงเขา(บีทเทิล) และด้วงกวาง(แสต็ก) ก็ออกมาจากเงามืดพร้อมที่รับคำสั่งจากคอบร้าทันที

           "สองพี่น้องบีทเทิลและแสต็ก ลอสท์สวมเกราะที่ได้รับขนานนามว่าเป็นคู่ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาลอสท์ทั้งหลาย จะให้ใช้พวกเขาสองคนในการจับตัวเจ้าพวกเด็กนั่นเรอะครับ ?" นีเดิลถามเพื่อความแน่ใจ

           "จากตัวเลขความสูญเสียที่คาดไม่ถึงในครั้งนี้ทำให้พวกเราจำต้องระมัดระวังในพวกมันมากขึ้น การใช้พวกเขาก็เพื่อที่แผนการของเราจะสำเร็จได้โดยง่าย และเพื่อป้องกันไม่ให้มีความสูญเสียไปมากกว่านี้" คอบร้าพูด

           "ข้าจะปฏิบัติตามที่ท่านประสงค์ ท่านคอบร้า" นีเดิลโค้งคำนับ แล้วเดินออกจากห้องนี้ไปพร้อมกับลอสท์ทั้งสองตัว


           นีเดิลเดินมาที่เครื่องวงแหวนวงกลมบางอย่าง ดูเหมือนว่าจะเป็นประตูข้ามมิติที่พวกลอสท์มี คล้ายกับระเบิดสั่นสะเทือนคลื่นมิติเวลาที่เป็นขนาดพกพาที่พวกมันเคยใช้
           "เอาล่ะ แผนการจับเป็นเจ้าพวกนั้น คงจะลงมือสุ่มหี่สุ่มห้าไม่ได้ต้องเตรียมตัวและแผนไว้รับมือกับพวกมันโดยเฉพาะ"

           "แค่จับเด็กคนนึงมันจำเป็นที่จะต้องทำอะไรถึงเพียงนั้นเลยงั้นรึ" บีทเทิลสงสัย
           "แค่เด็กอมมือไม่เอาไหนพวกนั้นคิดว่าจะมาสู้ลอสท์อย่างพวกเราได้เรอะ ไร้เหตุผลสิ้นดี" แสต็กดูถูกความเก่งกาจของพวกเขา 

           "พวกท่านทั้งสองพวกท่านก็น่าจะทราบดีเรื่องความสูญเสียที่เกิดขึ้นแล้วนี่ ระดับพวกนั้นข้าไม่คิดว่าพวกเราจะจัดการได้ง่ายอย่างที่คิด แต่ว่ายังไงพวกมันก็เพิ่งได้เริ่มต่อสู้ได้เพียงวันเดียว เรื่องกลยุทธ์หรือวิธีต่อสู้ก็คงแค่เป็นไปตามสัญชาตญาณของพวกเขาเท่านั้น ถ้าเป็นอย่างที่ข้าคิดการที่จะเอาชนะพวกมันก็คงไม่ใช่เรื่องยาก" นีเดิลตาดคะเน

           "เดี๋ยวพวกเราจะเป็นคนทำหน้าที่นั้นเอง นีเดิลเจ้าคอยยืนอยู่เฉยๆด้านหลังไปเถอะ" บีทเทิลบอก
           "ใช่ๆ เจ้าอยู่ที่นี่ก็เป็นได้แค่ตัวถ่วงพวกเราเปล่าๆ ให้พวกเราสองคนลุยกันเองเท่านี้ก็จะไม่มีช่องโหว่ต่อให้พวกมันทั้งแปดเข้ามาพร้อมๆกันก็ชนะพวกเราไม่ได้!" แสต็กเชื่อมั่นในความเก่งกาจของพวกมันทั้งสองมาก

           "ถ้าพวกท่านต้องการเช่นนั้นข้าก็จะทำตามที่พวกท่านต้องการ ข้าจะทำหน้าที่เป็นคนสนับสนุนพวกท่านเอง แต่ต้องขอให้พวกท่านเป็นคนสู้กับเจ้าพวกนั้นซึ่งๆหน้าด้วยล่ะ" นีเดิลทำตัวเป็นอ่อนน้อทถ่อมตน

           "วางใจเถอะ พวกเราน่ะแข็งแกร่งที่สุดใช่มั้ยพี่!" แสต็กพูดกับพี่ชายคนของตัวเอง
           "ถึงจะแข็งแกร่งแต่ว่าพพวกเราเองก็ต้องการกำลังสนับสนุน นีเดิลหากเจ้าเห็นพวกเราย่ำแย่เมื่อไหร่ก็ต้องขอให้เจ้ามาช่วยเหลือพวกเราในยามนั้นด้วย....เพียงแต่ว่า โอกาสนั้นอาจจะไม่มี เพราะพวกข้านั้นจะล้มพวกมันก่อนที่พวกมันจะได้ทำอะไรเสียอีก!" บีทเทิลประกาศ

           "ถ้าเช่นนั้นก็ขอให้พวกท่านทำตามที่พวกท่านต้องการเถอะครับ" นีเดิลยิ้มอย่างเป็นมิตร แต่จริงๆแล้วรอยยิ้มของปิศาจร้ายได้ซ่อนอยู่ภายในความมิตรนี้อีกที
    "คงจะได้เวลาที่พวกเราจะต้องไปบ้างแล้ว" นีเดิลสั่งสัญญาณให้เหล่านักวิทยาศาสตร์ชุดขาวของลอสท์เปิดเครื่องวงกลมตรงหน้า

           "สถานที่ที่จะไปคือทวีปเอเชียตะวันออก ประเทศญี่ปุ่น เมืองฟูโตะ พื้นที่ขอบเขตการปกครองเอเรีย 1 ภูมิภาคกลาง หาสถานที่ที่คาดว่าจะมีประชาชนน้อยที่สุดและทำการส่งพวกเราไปที่นั่น" นีเดิลบอกรายละเอียดสถานที่ นักวิทยาศาสตร์ของลอสท์ก็ใส่ข้อมูลดังกล่าวลงไปในเครื่องและเริ่มหาจุดที่เหมาะในการลงไป
           "กำหนดสถานที่ได้แล้วครับ บนชั้นดาดฟ้าของตึกของบริษัท Tormenta(ภาษาสเปน = พายุ)"

           "เข้าใจแล้ว" ทันทีที่เดินเครื่องสั่นสะเทือนมิติวลาก็เกิดเป็นช่องว่างมิติสีดำขึ้นมา
           นีเดิล บีทเทิลและแสต็ก ลอสท์ทั้งสามเดินเข้าไปในช่องว่างมิตินั้นอย่าไม่มีความกลัวเกรง และส่งพวกเขาไปยังที่แห่งนั้นภายในทันที



    โรงพยาบาล WINDY  เวลา 20.30 น.

           ที่โรงพยาบาลที่โอโตนาชิ โคโตริเลขานุการของ 765 โปรดักชั่น ได้พาเหล่าเด็กหนุ่มผู้ถูกเลือกโดยชะตากรรมนั้นมายังที่แห่งนี้เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บได้รับมาจากการต่อสู้ แต่ในบรรดาพวกเขาทั้งเจ็ดคนนั้นมีเพียงแค่สามคนเท่านั้นที่สามารถกลับไปที่บ้านได้เพราะไม่ได้รับอาการบาดเจ็บถึงขนาดที่ต้องนอนโรงพยาบาลซึ่งประกอบไปด้วย จุนอิจิ อากิฮิสะ และไซโตะ และพวกเขาก็ถูกนัดหมายให้มายังสำนักงานในวันรุ่งขึ้น

           ส่วนโอริมูระ อิจิกะที่ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับสกอร์เปี้ยนในร่างมนุษย์จนได้รับบาดเจ็บไปเกือบทั่วทั้งร่างกาย และยังต่อสู้ในโดยการเป็นดับเบิ้ล ทั้งๆที่ร่างกายเองก็ยังเจ็บอยู่ เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บให้หายจึงถูกบังคับในนอนที่โรงพยาบาล โดยมีชารล์ ดูนัวร์หญิงสาวที่เขาช่วยไว้อยู่เคียงข้าง

           ทางซาการะ โยชิฮารุที่ได้รับผลจากแรงระเบิดที่ลอสท์ปิรันย่าทำไว้ ทำให้เขาเองก็ได้รับบาดเจ็บไม่แพ้กัน
           เพียงแต่ว่าอาการโดยรวมแล้วตัวโยชิฮารุถือว่าอาการดีกว่าอิจิกะเพราะบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่เพื่อป้องกันการเกิดอันตรายอื่นจึงถูกบังคับในนอนที่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการให้แน่นอน โดยมีโอโตนาชิ ดคโตริเลขานุการของ 765 โปรดักชั่น ผู้นำพาพวกเขาเจ็ดคนมารวมกัน
           และทาคากิ ยูทาโร่ได้ไปนอนค้างอยู่ที่บริษัทพร้อมกับคุณตาและอามามิ ฮารุกะไปดอลของ 765 โปร
      

           และคนต่อมา....
           "แฮ่ก...แฮ่ก!" ซาเต็น รุยโกะรีบมายังโรงพยาบาล WINDY ในทันทีหลังจากที่เธอได้รับโทรศัพท์จากผู้หญิงที่เธอไม่รู้จัก และบอกว่าตอนนี้พี่ชายของเธออยู่ที่โรงพยาบาล เธอรีบวิ่งไปที่เคาน์เตอร์ของโรงพยาบาล
           "คุณพยาบาลคะ ทราบมั้ยคะว่าตอนนี้คามิโจว โทวมะอยู่ที่ห้องอะไรน่ะค่ะ ?"

           "โปรดรอสักครู่นะคะ" พยาบาลกดเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์หาห้องที่โทวมะพักรักษาตัวอยุ่
           "ค่ะ เจอแล้วแล้วค่ะ ห้อง 108 ค่ะอยู่ชั้นบนค่ะ  ไม่ทราบว่าคุณเป็นญาติของเขาเหรอคะ ?"

           "น้องสาวค่ะ ขอบคุณมากนะคะ!" เมื่อรุ้ห้องที่โทวมะอยู่แล้ว รุยโกะก็รีบวิ่งขึ้นบันไดแล้วตรงไปที่ห้อง 108 ทันที
           เธอจับลูกบิดประตูแล้วเปิดประตูเข้าไปในห้องในทันที "พี่โทวมะ!!"

           "รุยโกะ มีอะไรทำไมวิ่งมาขนาดนั้นล่ะ ?" โทวมะที่นอนพักอยุ่ที่เตียงถึงกับสะดุ้งเมื่อน้องสาวบุญธรรมเข้ามาอย่างรีบเร่งแบบนี้ 

           "คนที่ควรถามน่ะหนูต่างหากล่ะ" รุยโกะขมวดคิ้ว เธอเลื่อนเก้าอี้ไปอยู่ข้างเตียงของโทวมะและนั่งลงอย่างอารมณ์เสีย "พี่โทวมะนี่ชอบทำให้คนอื่นเป็นห่วงอยู่เรื่อยเลย ชอบไปหาเรื่องใส่ตัวแล้วก็ไปเจ็บตัวมาทุกที่สิน่า หนูก็อุตส่าห์ออกมาจากบ้านเพื่อตามหาพี่ในเมืองแต่ก็หาไม่เจอ จนได้รับโทรศัพท์จากพี่สาวที่บอกว่าเป็นเลขาของ 765 นี่ล่ะถึงได้มาถูก"

           "ขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วงน่ะ" โทวมะขอโทษ
           "แต่ที่ต้องมานอนโรงพยาบาลเนี่ยไม่ใช่เพราะโดนรุมอัดมาหรอกนะ"

           "ไม่ได้โดนรุมอัดมา แล้วไปโดนอะไรมาล่ะคะถึงเป็นแบบนี้ ?" รุยโกะเกิดความสงสัยแต่เมื่อเธอมองหน้าโทวมะ เธอก็เข้าใจในทันที "ปะ...ไปสู้มางั้นเหรอคะ ทำไม...ถึงต้องแปลงร่างด้วยล่ะ ศัตรูมันเป็นตัวอะไรถึงกับต้องใช้พลัง ?"

           "ก็ไม่รู้รายละเอียดนักหรอก รู้แค่ว่ามันเรียกตัวเองว่าลอสท์น่ะ" โทวมะเล่าเรื่องที่ตัวเองพอรู้ให้รุยโกะฟัง
           "ฉันคิดว่าถ้าปล่อยมันไว้คงจะต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นตามมาอีกแน่ ก็เลยสู้กลับไปและก็เอาชนะมันมาได้ ร่างกายก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรนะ แต่ดูเหมือนพวกหมอเขาเช็คว่าเป็นโรคร้ายอะไรเนี่ยล่ะ"

           "โรคร้าย โรคอะไรงั้นเหรอคะ ?" รุยโกะรีบถามด้วยความเป็นห่วง

           "เออ...จริงๆแล้วพวกเขาตรวจผิดน่ะ จริงๆแล้วไม่ได้มีอาการอะไรเลย ดูเหมือนเครื่องมันจะมาเจ๋งตอนตาฉันพอดีน่ะ" โทวมะเล่าความจริง

           รุยโกะถอนหายใจ "..ค่อยเบาใจลงหน่อย คิดว่าพี่โทวมะจะเป็นอะไรไปซะแล้ว"

           "หึ ร่างกายของคุณคามิโจวน่ะมันฟื้นตัวเร็วยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้นล่ะ ต่อให้โดนระเบิดมาก็ไม่เป็นไร" โทวมะอวด รุยโกะจึงหยิบไม้เบสบอลมาตีหัวด้วยความหมั่นไส้ "รุยโกะมันเจ็บนะ และตีคนที่ป่วยอยู่มันไม่ดีนะ"

           "พี่โทวมะพูดได้ซะขนาดนั้นหนูคิดว่าคงไม่ตายหรือไม่เป็นอะไรแน่ค่ะ" รุยโกะบอก
           "ถ้าอย่างงั้นดูเหมือนว่าพี่ยังไงก็ต้องนอนที่นี่สินะคะ ถ้าอย่างงั้นหนูจะโทรไปบอกพ่อกับแม่ว่าวันนี้หนูและพี่โทวมะจะไม่กลับละกันนะคะ"

           "อ้าว รุยโกะจะนอนที่นี่ทำไมล่ะ ก็ไม่ได้ป่วยไม่ใช่เหรอ ?" โทวมะงง

           ซาเต็นหันกลับมาพร้อมกับออกอาการเขินเล็กน้อย "กะ..ก็น่าจะดูดีอยู่แล้วนี่"
           "ก็จะเฝ้าดูอาการพี่โทวมะไง เวลามีคนเจ็บก็ต้องมีคนเฝ้าสิ อีกอย่างจะให้เด็กผู้หญิงออกไปเดินคนเดียวในเมืองยามค่ำคืนแบบนี้มันอันตรายนะคะ"

           "อา จริงด้วย ขอบคุณนะรุยโกะ งั้นฉันขอนอนก่อนล่ะ" โทวมะขอบคุณและพลิกตัวไปอีกข้างแล้วหลับลงนอน

           และคนสุดท้ายที่ต้องนอนที่โรงพยาบาลเช่นกัน โดยเขานั้นยังเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน และเขาก็ยังไม่รู้สึกตัว เขายังเป็นคนที่ได้รับบาดเจ็บที่ในบรรดาทุกคน ถึงแม้ว่าอาการของเขาจะดีขึ้นแล้ว แต่ก็ยังไม่ทราบว่า อะยาซากิ ฮายาเตะ....เขาจะตื่นขึ้นมาเมื่อใด.....

    และแล้ววันแห่งการเริ่มต้นนี้ผ่านพ้นไป เข้าสู่วันใหม่....


    .
    .
    .
    .



    ???  เวลา ??.?? น.


           ภายในความมืดมิดที่ไร้ซึ่งแสงสว่าง ทุกๆอย่างรอบข้างล้วนเป็นสีดำ ความมืดมิดที่ปกคลุมไปทั่วทุกที่ ไร้ซึ่งจุดสิ้นสุด ไร้ซึ่งจุดเริ่มต้น ไร้ซึ่งเสียง ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิต มีเพียงความว่างเปล่า แต่ว่าเมื่อมีแสงไฟสีฟ้าดวงเล็กๆเกิดขึ้น บางสิ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดก็รีบเข้าหาแสงนั้นทันที

            ดวงแสงนั้นได้ก่อร่างเป็นมนุษย์ เขาคืออะยาซากิ ฮายาเตะ ชายหนุ่มที่ประสบกับชะตากรรมที่โหดร้ายกว่าใครอื่น ทั้งเรื่องที่พ่อแม่ของเขาทิ้งเขาไว้พร้อมกับหนี้ 156,804,000 เยน เรื่องที่เขาเกือบเอาตัวไม่รอดจากการตามล่าของเหล่ายากูซ่า เรื่องที่เขาเกือบต้องมาตายด้วยฝีมือของสัตว์ประหลาดแมงมุม และเรื่องที่เขาได้ไคว่ขว้าดวงแสงสีฟ้าดวงนึงไว้สิ่งนั้นมันทำให้ชีวิตของเด็กหนุ่มคนนึงเปลี่ยนไป

           ฮายาเตะรีบวิ่งหนีบางอย่างที่มาจากเงามืด ถึงจะมองไม่เห็นมันแต่ว่าเสียงร้องคำราม เสียงร้องโหยหวน เสียงของความตายก็ดังมาจากทั่วทุกสารทิศ ภายในความืดมิดที่ไม่มีสิ้นสุดนั้น เด็กหนุ่มทำได้เพียงวิ่งไปข้างหน้าเท่านั้นโดยที่ไม่รู้เลยว่าข้างหน้าของเขาจะมีอะไรรออยู่

           "ทำไมเราถึงมาที่นี่ได้...ที่นี่มันที่ไหน!?" เด็กหนุ่มถามตัวเอง 
           เขาวิ่งตรงไปเรื่อยแต่เมื่อมาถึงจุดหนึ่งเขาก็ชนเข้ากับกำแพงสีดำ ทำให้เขาไปต่อไม่ได้ "แย่แล้วแบบนี้จะทำยังไงดี!" ฮายาเตะพยายามคลำหาทางออกไปเรื่อยๆแต่ว่าไม่ว่าจะพยายามไปมากเท่าไหร่ก็ไม่สามารถหาทางออกไปจากความมืดมิดนี้ได้ จนเสียงร้องของปิศาจที่ดังมาจากด้านหลังดังขึ้นเรื่อยทำให้เขารู้ว่าต้องรีบเข้าแล้ว
           "อยู่ที่ไหน ทางออกอยุ่ที่ไหน!?"

           ทันใดนั้นใยแมงมุมได้ถูกพ่นออกมารัดแขนของเด็กหนุ่มไว้ "นะ...นี่มัน"
           เขาหันกลับไปก็พบว่าเงามืดค่อยรวมตัวกันและค่อยๆเปลี่ยนตัวเองเป็นลอสท์สไปเดอร์ "แกต้องตาย ข้าจะต้องชำระแค้นเรื่องที่แกทำกับข้าไว้!"

           เงาดำอื่นๆเองก็ค่อยๆก่อร่างสร้างตัวเป็นลอสท์ที่ตายไปแล้ว "ชำระแค้น...ชำระแค้น...ชำระแค้น"
           ความืดมิดทั้งหลายเดินเข้าไปใกล้ฮายาเตะและเขารุมล้อมเขาจนแสงสว่างหายไป

           "อย่าเข้ามานะ...อย่าเข้ามา!!" เด็กหนุ่มตะโกน แสงสว่างสีฟ้าจากร่างของเขาถูกปลดปล่อยออกมา ทำลายเหล่าเงาสีดำและเปลี่ยนความมืดมิดให้กลับเป็นแสงสว่างสีเขียวอมฟ้า
           "นี่มัน...เกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย!?" เด็กหนุ่มมองฝ่ามือของตัวเอง

           ฮายาเตะเงยหน้าขึ้นเขาก็พบเห็นเด็กผู้หญิงที่ถูกขังอยู่ในกรงสีทอง แต่ว่ามันเป็นที่ที่ไกลมาก ไกลมากถึงขนาดที่วิ่งไปภายในวันนี้เขาก็ไม่มีทางที่จะถึงจุดหมายอย่างแน่นอน แต่สำหรับมนุษย์ที่ตอนนี้ไม่รู้จะไปมีที่พึ่งที่ไหนแล้วเขาก็ทำได้เพียงวิ่งตามเธอคนนั้นไป และถึงแม้จะอยู่ห่างไกลแต่เด็กหนุ่มก็สามารถมองเห็นหยดน้ำตาของเธอที่ร่วงลงสู่พื้นสีขาวได้อย่างชัดเจน และน้ำตาหยดนั้นก็ได้ทำให้แสงสีฟ้านี้เปล่งประกายจ้ามากขึ้นจนทำให้เด็กหนุ่มหายไปในแสงนั้น....



    โรงพยาบาล WINDY  เวลา 06.10 น.


           "ว้าา!!" ฮายาเตะสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากความฝัน "ความฝัน...อย่างงั้นเรอะ..."
           เด็กหนุ่มเมื่อฟื้นมายังโลกแห่งความจริงแล้ว เขาหันไปมองรอบๆพบว่าตัวเองอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคย และไม่น่าจะเป็นบ้านของเขา "ที่นี่ที่ไหน..โรงพยาบาลงั้นเรอะ ?"
           ฮายาเตะหันไปมองป้ายที่ติดอยู่ข้างๆที่เขียนว่า 'โรงพยาบาล WINDY' ก็ทำให้เขาทราบถึงที่ที่เขาอยู่ตอนนี้แล้ว

           "ทำไมเราถึงมาอยู่ที่นี่ได้ เมื่อวานนี้จำได้ว่า..."
           ภาพของเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้กลับมาในความทรงจำของเด็กหนุ่มอีกครั้งทำให้เขารู้ถึงสาเหตุที่ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ "...เราสู้กับสัตว์ประหลาดแมงมุมตัวนั้นแล้วก็ล้มลงไป แต่ว่าหลังจากนั้นเราก็จำอะไรไม่ได้เลย"


           ตอนนั้นเองทาคากิ โซอิจิโร่ประธานบริษัท 765 โปรดักชั่น และเป็นคุณตาของยูทาโร่ ชายผู้เป็นหัวหน้าของโคโตริผู้สั่งให้เธอรวบรวมเหล่าเด็กหนุ่มผู้ได้รับพลังลึกลับ ได้เปิดประตูเข้ามาในห้องของฮายาเตะและเห็นว่าเขาได้ฟื้นจากอาการบาดเจ็บแล้ว "อา...ในที่สุดก็รู้สึกตัวแล้วสินะ อะยาซากิ ฮายาเตะคุง"

           "คุณคือ...ทำไมรู้ชื่อผมล่ะครับ ?" ฮายาเตะแปลกใจกับชายแก่ที่เขาไม่รู้จักทำไมถึงรู้จักชื่อของเขา

           "เมื่อวานตอนบ่ายเธอได้มาส่งเอกสารสำคัญเกี่ยวกับการจัดแสดงงานคอนเสิร์ตให้ฉัน และตอนที่เธอขี่จักรยานตกลงไปในชั้นรถไฟใต้ดินเธอได้ทำนี่ตกไว้น่ะ" โซอิจิโร่หยิบบัตรประจำตัวของฮายาเตะขึ้นมา
           "นั่นมันของผมนี่...นึกออกแล้วคุณคือคนที่ผมมาส่งเอกสารให้เมื่อวานนี่"

           "อืม ไม่คิดเลยนะว่าจะได้เจอเธออีกในสภาพนี้น่ะ" โซอิจิโร่นั่งลงบนโซฟาข้างๆเตียงผู้ป่วย
           "ว่าไงหลังจากที่ผ่านเหตุการณ์ที่เลวร้ายเมื่อวานมา ตอนนี้รู้สึกเป็นไงบ้างล่ะ ?"

           "คุณรู้เหรอครับ ?" ฮายาเตะไม่ตอบคำถามของโซอิจิโร่แต่กลับเป็นถามเพราะดูเหมือนว่าชายชราคนนี้จะรู้เรื่องต่างๆอย่างดีมากกว่าตัวเขาเองเสียอีก

           "รู้สิ รู้ว่าเธอต้องเจอกับสัตว์ประหลาดนั่น รู้ว่าเธอได้รับพลังที่คาดไม่ถึงมา และก็รู่ว่าเธอใช้พลังนั้นจัดการมันลงได้" โซอิจิโร่บอก

           "เรื่องนั้นมันไม่ใช่ความฝันจริงๆสินะครับ" ฮายาเตะรำพึง
           "ต้องบอกว่าโชคร้ายน่ะนะที่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวานคือความจริง และเธอเองก็เกือบเอาชีวิตไม่รอดแล้วด้วย ถ้าเกิดไม่ได้พลังนั่นมา" 

           เมื่อนึกถึงเมื่อวานฮายาเตะก็นึกออกว่าตัวเองได้รับบาดเจ็บไปทั่วทั้งตัวแน่นอน เพราะเขาถูกสไปเดอร์ทำร้ายจนร่างกายบอบช้ำไปหมด แต่พอเขาสำรวจร่างกายตัวเองอีกทีก็พบว่าไม่มีบาดแผล ไม่มีรอยแผลเป็น ขนาดแผลที่โดนแทงทะลุก็ยังหายเหมือนกับว่าไม่เคยเป็นอะไร
           "คุณบอกให้หมอของที่นี่รักษาผมงั้นเหรอครับ ?"

           "ก็ไม่เชิง บาดแผลทั้งหมดที่เธอน่าจะเป็นพอเลขาของฉันที่เป็นคนไปรับเธอไปถึงก็บอกว่าเธอนอนกองนองเลือดอยู่ที่สวนสาธารณะพร้อมเศษอวัยวะและซากศพของกลุ่มคนที่คาดว่าน่าจะเป็นพวกแก๊งอะไรซักอย่าง แต่ไม่มีร่องรอยของลอสท์แม้แต่น้อย ถึงแม้จะมีร่องรอยจากการต่อสู้อยุ่มากก็ตามล่ะนะ" โซอิจิโร่เล่า
           "เมื่อวานเกิดอะไรขึ้นแล้วเจ้าสัตวืประหลาดนั้นเธอปล่อยให้มันหนีไปได้งั้นเหรอ ?"

           "เปล่าครับ" ฮายาเตะส่ายหน้า
           "ผมเป็นคนจัดการกับเขาเอง และเขาก็สลายหายไปต่อต่อตาผมจากนั้นผมก็จำอะไรไม่ได้ต่อจากนั้น"

           "อืม อย่างงั้นเรอะ" โซอิจิโร่ทำความเข้าใจ
           ฮายาเตะหันไปมองที่ของสัมภาระของเขาที่วางอยู่บนโต๊ะข้างๆก็เห็นมี ไดร์เวอร์และไรด์บุ๊คอุปกรณ์ที่เขาใช้ต่อสู้เมื่อวานวางอยู่ตรงนั้นด้วย "คุณรู้มั้ยครับว่าพลังนั้นคือพลังอะไร ?"

           โซอิจิโร่ส่ายหน้า "พลังที่เธอมีเป็นพลังที่ดูแปลกที่สุดในบรรดาพวกเธอทุกคน มันไม่ใช่พลังของฝั่งวิทย์หรือฝั่งเวท และดูเหมือนว่าจะไม่ใกล้เคียงกับรูปแบบพลังใดบนโลกเลยแม้แต่น้อยด้วย"

            ตอนที่โซอิจิโณ่พูดนั้นฮายาเตะก็รู้สึกตะหงิดใจกับคำๆนึง "บรรดาพวกเธอทุกคน...หมายความว่ายังไงครับ ?" 
            "อ้อ จริงด้วยเธอยังไม่รู้สินะ"

           "รู้เรื่องอะไรเหรอครับ ?" ฮายาเตะถาม

           "เธอน่ะไม่ใช่คนเดียวที่ได้พลังลึกลับที่คล้ายๆแบบนี้มาน่ะสิ ยังมีคนอื่นๆที่พบกับชะตากรรมเดียวกันกับเธออยู่ด้วย" โซอิจิโร่ชี้แจง ฮายาเตะถึงกับพูดอะไรไม่ออกเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาบอก
           "แต่ว่าทุกคนดูเหมือนจะมีรูปแบบพลังที่ต่างกันออกไป และไม่มีใครที่มีพลังเหมือนเธอเลยสักคนน่ะนะ"

           "อย่างงั้นเหรอครับ ถ้าแบบนั้นตอนนี้คนอื่นๆเขาเป็นยังไงบ้างครับ ปลอดภัยดีรึเปล่า ?" ฮายาเตะห่วงความปลอดภัยของคนที่เขาไม่รู้จักก่อนทำให้โซอิจิโร่รู้สึกแปลกใจไม่น้อย

           "ตอนนี้ทุกคนปลอดภัยดี โดยรวมแล้วก็ดีกว่าเธอน่ะนะ อะยาซากิคุง ก่อนที่จะห่วงคนอื่นห่วงตัวเองก่อนก็ดีนะ" โซอิจิโร่แนะนำ เด็กหนุ่มอมยิ้มและก้มหน้าลงเล็กน้อย
           "ถ้าเกิดมีคนที่มีพลังแบบผมอยู่จริงๆ พวกเขาก็อาจจะต้องพบกับเรื่องน่ากลัวแบบนี้เหมือนกับผม ผมจึงเป็นห่วงพวกเขาน่ะครับว่าจะทำใจรับมือกับเรื่องได้รึเปล่า"

           "แปลกคนดีนะเธอเนี่ย" โซอิจิโร่ชม เขามองนาฬิกาข้อมือของตัวเองก็ทำให้เขารู้ว่าถึงเวลาต้องไปแล้ว
           "ถ้าเธออยากจะรู้ความจริงของเรื่องที่เกิดขึ้น่ละก็ก็ขอให้ไปที่ 765 โปรดักชั่นตอนเที่ยงนี้นะ ที่นั่นฉันจะเป็นคนให้คำตอบเธอเอง และเธอเองก็อาจจะได้พบกับคนที่เดินบนชะตากรรมเส้นทางเดียวกันกับเธอก็ได้"

           "ครับ ขอบคุณนะครับสำหรับทุกอย่าง" ฮายาเตะกล่าวขอบคุณ
           ชายวัยกลางคนเปิดประตูและเดินออกไปจากห้อง

           หลังจากที่ได้อยุ่คนเดียวแล้ว ฮายาเตะได้เอื้อมมือไปหยิบไดร์เวอรืและไรด์บุ๊คของเขาดูใกล้ๆ
           "นี่ก็คือ...พลังของเรา ?"



    หน้าบริษัท 765 โปรดักชั่น  เวลา 11.07 น.


           หลังจากนั้นฮายาเตะได้ขอออกจากโรงพยาบาลซึ่งก็สามารถออกได้โดยง่ายเพราะดูเหมือนทางโซอิจิโร่จะทำเรื่องทุกอย่างไว้แล้ว เขาก็ตัดสินใจที่จะรู้ความจริงจึงไปยัง 765 โปรดักชั่น ที่ที่เด็กหนุ่มคิดว่าเขาจะได้คำตอบของทุกอย่าง
    "ที่นี่สินะ 765 โปรดักชั่น" เด็กหนุ่มมายืนอยุ่หน้าตึกสูงภายในเมืองใหญ่ ที่มั่นใจได้ว่าเป็นบริษัทที่ว่าเพราะว่ามีป้าย 765 เขียนเด่นสง่าอยู่บนอาคาร

            "ยังไงก็ลองเข้าไปก่อนดีกว่า" เด็กหนุ่มกำลังจะก้าวเท้าเข้าไปในบริษัท 

            "เฮ้ นายน่ะ!" เสียงของชายคนึงดังขึ้นทำให้ฮายาเตะต้องหยุดและหันกลับมาตามเสียง
            "ครับ ?"

           ชายผู้ที่เรียกฮายาเตะก็คือฮิรากะ ไซโตะ ชายผู้ใช้พลังจากคิบัทค้างคาวพูดได้แปลงร่างเป็นคิบะ นักรบสวมเกราะสีเลือด "หน้าตานายคุ้นๆนะ เราเคยเจอที่ไหนมาก่อนรึเปล่า ?"
           "อืม...นั่นสินะครับ" ฮายาเตะมองหน้าของไซโตะและพยายามนึกเช่นกัน

           "อ้อ...เจ้าคนที่ช่วยจับขโมยเมื่อวาน/คนที่ช่วยผมจับโจรวิ่งราวเมื่อตอนนั้น" ทั้งสองนึกออกพร้อมกัน
     
           "ไงสบายดีสินะ แล้วนายมาที่นี่ทำไม ?" ไซโตะถาม "จะมาสมัครเป็นไอดอลเรอะ ?"
           "ไม่ใช่ครับ คือผมมีธุระที่สำคัญที่ต้องมาคุยกับประธานของที่นี่น่ะครับ" ฮายาเตะบอก "เป็นเรื่องสำคัญที่ผมต้องการจะรู้ให้ได้น่ะครับ"

           ไซโตะได้ยินฮายาเตะเล่าแบบนี้แล้วทำไมเขารู้สึกบางอย่าง "เดี๋ยวนะหรือว่านายก็ด้วย ?"

           "ผมก็ด้วย.." ฮายาเตะงงกับสิ่งที่ไซโตะบอก แต่ว่าเมื่อเขาลองคิดดีๆเขาก็เข้าใจ
           "หรือว่าคุณเองก็....เป็นเหมือนกับผม ?"

           "ถูกต้องแล้วล่ะ แต่ว่าคู่หูของฉันเขาเป็นพลังที่เรียกว่าคิบะยังไงล่ะ" คิบัทพูดมาจากถุงผ้าของไซโตะ

           "เมื่อกี้เสียงมาจากไหนน่ะครับ ?" ฮายาเตะสงสัยกับเสียงที่เขาได้ยิน

           "อะ...เปล่าๆไม่มีอะไร ไม่มีเสียงอะไรทั่งนั่นล่ะ" ไซโตะพยายามกลบเกลื่อนและเขย่าคิบัทที่อยู่ในถุงผ้าเพื่อทำให้มันเงียบ "ถะ...ถ้าอย่างงั้นเดี๋ยวฉันขอตัวเข้าไปก่อนนะ ต้องรีบเข้าไปก่อนน่ะ"
           ไซโตะรีบเข้าไปในบริษัทก่อนทันที ทิ้งฮายาเตะให้ยืนอยู่ข้างนอกแบบงงๆ

           "เราเองก็คงต้องเข้าไปสินะ" ฮายาเตะตัดสินใจเดินตามไซดตะเข้าไปในบริษัท
           ทันทีที่เขาเข้าไปภายในนั้นเขาก็ตามหาประชาสัมพันธ์เพื่อที่จะถามถึงห้องของโซอิจิโร่ "เออ คือว่าห้องของประธานของที่นี่อยู่ทีไหนเหรอครับ ?"

           "ค่ะ โปรดแจ้งชื่อของท่านก่อนค่ะ" ประชาสัมพันธ์บอก
           "ผมชื่ออะยาซากิ อายาเตะครับ ท่านประธานของทีนี่เขานัดผมไว้" ฮายาเตะตอบ

           "รอสักครู่นะคะ" ประชาสัมพันธ์หญิงรีบกดเครื่องคอมพิวเตอร์และเช้คตารางของประธานทันที
           "ค่ะ ท่านประธานรออยู่ที่ห้องประชุมชั้นบนสุดค่ะ"

           "ครับขอบคุณมากนะครับ" ฮายาเตะเสร็จแล้วก็เดินไปที่ลิฟท์เพื่อที่จะขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นบน
           ตอนที่เขาเดินมาถึงนั้นเขาก็เจอผู้หญิงคนนึงเพิ่งสะดุดตรงหน้าลิฟท์พอดี เขาจึงวิ่งไปดูอาการของเธอ "คุณครับ เป็นอะไรรึเปล่า ?"

           "แฮะๆ ลื่นล้มจนได้ ไม่เป็นไรๆฉันลื่นล้มเป็นประจำอยุ่แล้วน่ะ" เธอคืออามามิ ฮารุกะ ไอดอลของ 765 โปรดักชั่น และยังเป็นเพื่อนสมัยเด็กของทาจิบานะ จุนอิจิ
           ฮายาเตะยื่นมือช่วยดึงเธอยืนขึ้น "ขอบใจนะ"

           "ไม่เป็นไรครับ เออ...คุณคือ ?" 

           "อ้อ ฉันชื่ออามามิ ฮารุกะเป็นไอดอลที่ทำงานที่นี่น่ะ" ฮารุกะแนะนำตัว "ยินดีที่ได้รู้จักนะ...เออ..."
           "ขอโทษครับ ผมอะยาซากิ ฮายาเตะครับ คือวันนี้ท่านประธานของที่นี่เขานัดผมไว้ผมจึงจะไปพบน่ะครับ"

           "เอ๋ หรือว่าเธอจะเป็นคนที่แปดน่ะ" ดวงตาของฮารุกะเปล่งประกาย
           ฮายาเตะตกใจที่ฮารุกะแสดงท่าทีแบบนี้เมื่อเธอรู้ว่าเขาเป็นอะไร "คะ...ครับ" และตอนนั้นเองประตูลิฟท์ก็เปิดออก ทั้งสองจึงเข้าไปในลิฟท์แก้วนั้นเพื่อขึ้นไปชั้นบน พร้อมกับคุยกันระหว่างนั้น

           "คุณอามามิ คือว่าคุ-" ระหว่างที่ฮายาเตะกำลังพูด ฮารุกะก็ตั้งนิ้วชี้ป้องปากชายหนุ่มไว้
           "เรียกแันว่าฮารุกะดีกว่านะ แบบนั้นมันฟังดูสนิทสนมมากกว่าน่ะ พวกเราเองก็เป็นเพื่อนกันด้วยไม่ต้องทำตัวห่างเหินแบบนั้นหรอก" ฮารุกะขยิบตาให้ฮายาเตะ

           "คะ...ครับ คุณฮารุกะ" ฮายาเตะตกลงตามที่ฮารุกะบอก
           "แล้วคุณฮารุกะทำไมถึงรู้เรื่องของพวกผมได้ล่ะครับ ?"
     
           "อืม พูดยังไงดีล่ะ แบบว่าฉันน่ะรู้เรื่องพวกนี้มาตั้งแต่ปีที่แล้วแล้วน่ะ หลังจากนั้นมาก็รู้เรื่องทางนี้เรื่อยๆจนถึงเมื่อวานก็มารู้ว่ามีคนที่ได้รับพลังพิเศษมากถึงแปดคนในวันเดียว ก็เลยรุ้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษด้วย" ฮารุกะบอก
           "และในบรรดาแปดคนตอนนี้ฉันเองก็เจอแค่ 3 คนเองนะ"

           "มีผมแล้วก็คนอื่นอีกสองคนสินะครับ" 

           "พอดีว่ามีอยู่คนนึงที่คุยกันเป็นปกติอยู่แล้วน่ะ ส่วนอีกคนเพิ่งรู้จักกันเมื่อวานน่ะ" ฮารุกะอธิบาย
           "แต่ไม่คิดเลยนะว่าในบรรดาทั้งแปดคนจะมีคนหน้าตาหน้ารักอย่างฮายาเตะคุงอยู่ด้วยน่ะ"

           "งะ..งั้นเหรอครับ" ฮายาเตะรุ้สึกเขินและอายที่ได้รับคำชมแปลกๆ

           "เอาล่ะ ถึงแล้ว!" ลิฟท์แก้วเลื่อนจนไปถึงชั้นบนสุด ทันทีที่ประตูลิฟท์เปิดออกทั้งสองเดินออกมาจากลิฟท์ แล้วฮารุกะก็เดินนำไปห้องประชุมของโซอิจิโร่
    "ท่านประธานน่าจะอยู่ในนี้ล่ะ พร้อมกับคนอื่นๆน่ะ" ฮารุกะเปิดประตูเข้าไปในห้องประชุมก็พบว่าทุกคนอยุ่ข้างในกันหมดแล้ว

           "อามามิคุง อะยาซากิคุงมาจนได้นะ นั่งก่อนสิ เท่านี้ก็ครบแล้วจะได้เริ่มคุยกันซักที" โซอิจิโร่บอก

           "ฮารุกะ ?" จุนอิจิแปลกใจทันทีที่เห็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวเองเข้ามาในห้องหน้าตาเฉย
           "สวัสดีจุนอิจิ ไม่คิดเลยนะว่าจุนอิจิเองก็จะมาเกี่ยวด้วยเนี่ย" ฮารุกะคุยกับจุนอิจิอย่างกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

           "ดะ..เดี๋ยวสิทำไมเธอถึงมาอยู่นี่ล่ะ ?" จุนอิจิถาม

           "ฮะๆๆ เรื่องมันยาวน่ะ" ฮารุกะนั่งลงข้างๆจุนอิจิ
           ฮายาเตะที่ไม่รู้จักใคร แต่พอเห็นไซโตะก็เลยไปนั่งข้างๆเขาทันที โดยที่ทางด้านซ้ายของเขานั้นคืออิจิกะ ถัดไปคือชาร์ล

           "ผมขอนั่งด้วยนะครับ" ฮายาเตะบอกกับอิจิกะและไซโตะก่อนที่จะนั่ง

           "เชิญตามสบายเลย" อิจิกะบอก
           "นั่งไปเถอะ ไม่มีใครว่าหรอก" ไซโตะพูด
           ทุกคนในห้องนั่งเป็นรุปตัวยู ไล่จากขวาไปซ้ายได้แก่ อากิฮิสะ,ฮารุกะ,จุนอิจิ,ไซโตะ,ฮายาเตะ,อิจิกะ,ชาร์ล,รุยโกะ,โทวมะ และสุดท้ายคือโยชิฮารุ 
           ส่วนโคโตริและยูทาโร่ยืนอยู่หลังห้อง ส่วนโซอิจิโร่อยู่หน้าห้อง

           "ถ้าพร้อมแล้วก็จะเริ่มล่ะนะ" โซอิจิโร่พยักหน้าบอกโคโตริเธอก็เปิดภาพของลอสท์ขึ้นมา
           "พวกเธอทุกคนคงจะรู้ดีกันอยู่แล้วสินะว่ามาที่นี่ทำไม องค์กรของพวกเราได้ค้นพบว่าพวกเธอทั้ง 8 คนนั้นได้รับพลังที่ยิ่งใหญ่มา และพลังเหล่านั้นก็ได้ทำให้พวกเธอผ่านช่วงเวลาวิกฤติจากการโจมตีของสิ่งมีชิวิตดัดแปลงพันธุกรรม หรืออีกชื่อนึง ลอสท์ มาได้"

           "เออ...คือว่าอะไรคือลอสท์อย่างงั้นเหรอครับ ?" อิจิกะถาม
           "คือก็เข้าใจอยู่ว่าพวกนั้นเป็นมนุษย์ที่กลายร่างเป็นสัตว์ชนิดต่างๆได้ แต่ว่าทำไมพวกนั้นต้องทำร้ายมนุษย์หรือต้องฆ่าพวกเขาเพื่อให้ได้พลังยิ่งใหญ่มา"

           "จะอธิบายให้ ลอสท์นั้นจริงๆแล้วก็คือมนุษย์ธรรมดาเดินดินเหมือนพวกเรา เพียงแต่ว่าพวกเขานั้นได้ถูกดัดแปลงผ่าตัดปรับเปลี่ยนโครงสร้างพันธุกรรมไป จากนั้นก็ทำการใส่เครื่องจักรหรือเทคโนโลยีชีวภาพเข้าไปเร่งความสามารถของร่างกายพร้อมกับฉีดยาชนิดหนึ่งที่จะให้ร่างกายมนุษย์สามารถหลอมรวมเข้ากับ DNA ของสัตว์ได้" โซอิจิโร่อธิบาย ซึ่งแน่นอนว่าคนที่อยู่ในห้องกว่าครึ่งแถบจะไม่เข้าใจที่เขาพูดเลย

           "คุณตาครับเรื่องเกินจริงแบบนั้นมันจะทำได้เรอะ หาก DNA มารวมกันจริงๆมันจะไม่ทำให้คนๆนั้นตายหรือเกิดอะไรผิดปกติก่อนเหรอครับ ?" ยูทาโร่ยืนกอดอกถาม
           "ก็ถ้าคนที่ทำไม่ใช่เขาก็คงทำเรื่องที่ดูเกินจริงแบบนี้ไม่ได้หรอก"

           "ใคร? พวกองค์กรร้ายเรอะ ?" ไซโตะพูดขึ้น

           "อันที่จริงก็หวังจะให้เป็นแบบนั้น แต่ว่าคนที่จะทำเรื่องแบบนี้ได้ ก็คงจะต้องเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่เก่งอยู่มากอย่างที่เธอน่าจะเดาออกนะ คนๆนั้นคือด๊อกเตอร์โมจิซึกิ ฮิโรชิ" ภาพบนหน้าจอฉายภายประวัติและหน้าตาของเขา
           "เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้ถนัดเรื่องพันธุกรรมศาสตร์ และถนัดเรื่องการนำสัตว์หลากหลายชนิดมาผสมข้ามพันธ์กับชนิดอื่น มันอาจจะฟังดูเป็นไปไม่ได้ในหลายๆเรื่องแต่เขาก็ทำสำเร็จ แต่ว่าการผสมสัตว์แบบนี้มันเป็นเรื่องที่ผิดศีลธรรม และอีกอย่างเขาก็คิดจะใช้ศาสตร์นี้กับมนุษย์เช่นกัน นั้นทำให้เขาถูกไล่ออกจากหน่วยงาน"

           "แต่ว่าก็แค่ลุงแก่คนเดียวทำไมถึงสร้างกองทัพมนุษย์ดัดแปลงอะไรนั่นได้เยอะขนาดนั้นล่ะ ?" อากิฮิสะถาม

           "อันที่จริงดูเหมือนว่าเขาจะได้รับการช่วยเหลือจากองค์กรอื่นด้วย จึงทำให้พวกมันถึงมีได้ถึงขนาดนี้" โซอิจิโร่เปิดภาพต่อไปซึ่งเป็นภาพของลอสท์ที่ถูกจับได้ แต่ว่าไม่มีตัวใดที่สามารถจับเป็นได้เลยมีแต่ลอสท์ที่ถูกกำจัดเท่านั้น
    "ลอสท์มีพลังมากขึ้นเรื่อยๆ ลำพังหน่วยงานลับทั่วโลกก็คงจะรับมือไม่ไหว พวกเขาจึงคิดหาทางรับมือพวกมันอยู่ แต่ว่าต่อให้เป็นสายเวทกับสายวิทย์ร่วมมือกันก็ยังไม่สามารถรับมือกับลอสท์ที่มีจำนวนมากกว่าได้ จึงทำให้พวกมันเริ่มได้เปรียบมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่าสถานการณ์ก็ยังอยู่ในสภาพคงตัวไม่ได้เลวร้ายอะไรถึงขนาดที่คิดกันหรอกนะ"

           "เออ...แล้วที่พวกลอสท์ต้องทำอะไรแบบนี้ เป็นเพราะอะไรน่ะ ครองโลกเรอะ ?" โยชิฮารุเดา

           "ในแง่คิดของเด็กนั่นก็เป็นความคิดที่ดูดีนะ แต่ว่าลอสท์นั้นมีเป้าหมายต่างจากนั้นเล็กน้อย มันไม่ได้คิดจะครอบครองโลกแต่พวกมันคิดจะเปลี่ยนมนุษย์ทุกคนให้กลายเป็นลอสท์เพื่อที่จะก้าวให้มนุษย์ไปสู่การวิวัฒนาการขั้นใหม่ที่สูงกว่าเดิม" โซอิจิโร่ชี้แจงให้ทราบ "มนุษย์ที่ถูกเปลี่ยนให้กลายเป้นลอสท์โดยที่ไม่ได้สมัครใจ หลายคนจะถูกลบความทรงจำและถูกใส่ความทรงจำปลอมให้รับใช้พวกมัน หรือคนที่เห็นด้วยอยู่แล้วก็จะกลายเป็นลอสท์ระดับสูงที่มีหน้าที่สั่งการและมีพลังเหนือกว่าลอสท์ทั่วไป"

           "เรื่องแบบนี้มัน.." โทวมะรู้สึกเวทนากับสิ่งที่เกิดขึ้น

           "ลอสท์นั้นไม่เคยคิดอ่อนข้อให้ใคร หากใครที่มีประโยชน์มันก็จะทำการรวบรวมคนเหล่านั้นมาเป็นขุมกำลังให้กับพวกมัน หากใครเป็นได้แค่ขยะในสายตาของพวกมันก็จะถูกทำลายทิ้งในทันที และผู้ที่คิดต่อต้านพวกมันก็ต้องกับจุดจบ" โซอิโร่พูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

           "โหดร้าย..." รุยโกะรู้สึกหวั่นๆขึ้นมานิดๆ

           "แล้วพวกเราจะทำอะไรได้บ้างครับ ?" จุนอิจิพูดขึ้นทำให้ทุกคนรอบข้างถึงกับหันไปมอง
           "เอ๊ะ..ก็แบบว่าพวกเราน่ะได้รับพลังที่มนุษย์ธรรมดาไม่มี ถ้าสมมุติว่าพวกเราใช้พลังนี้ต่อสู้กับพวกลอสท์ คอยปกป้องผู้คนล่ะก็ นี่ก็อาจจะเป็นประโยชน์ก็ได้นะ ยังไงพวกเราก็มีสิ่งนี้อยุ่แล้ว" จุนอิจิหยิบโอสไดร์เวอร์ของตัวเองขึ้นมา ทุกคนเองก็ต่างหยิบไดร์เวอร์ตัวเองขึ้นมา ส่วนโทวมะกับยูทาโร่แค่มองลงที่เอวตัวเอง ไซโตะก็แค่มองไปที่ถุงผ้าที่ใส่คิบัทอยู่

           "แต่ว่าฉันก็ไม่ได้คิดจะมาเป็นฮีโร่อะไรแบบนี้ด้วยน่ะสิ" อากิฮิสะพูดในเชิงไม่อยากร่วมด้วย

           "เหอะ พวกขี้ขลาดก็เป็นซะแบบนี้ล่ะ ถึงจะมีพลังอะไรอยู่แต่มีไปก็เป็นได้แค่ของประดับ" ยูทาโร่พูดเหยียดหยามอากิฮิสะตรงๆ ทำเอาชายผู้มีพลังแห่งอวกาศลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธทันที
           "เฮ้ย นี่จะหาว่าฉันขี้ขลาดรึไง!?"

           "ก็รู้ตัวดีนี่ อีกอย่างฉันไม่อยากจะไปสู้ร่วมกับพวกมือสมัครเล่นอย่างพวกนายด้วยล่ะนะ" ยูทาโร่พูดหยามอีกแต่คราวนี้มันกระทบไปถึงทุกคน โยชิฮารุและไซโตะที่ทนไม่ไหวก็ลุกขึ้นยืน

           "พูดแบบนี้นาคิดว่ามีนายคนเดียวเรอะที่ผ่านเรื่องร้ายๆมาน่ะ!" โยชิฮารุตะคอก
           "ถ้านายไม่ชอบการร่วมสู้กับมือสมัครเล่นล่ะก็ฉันเองก็ไม่คิดจะร่วมมือกับนายเหมือนกันนั่นล่ะ เรื่องไร้สาระแบบนี้" ไซโตะพูด

           "งั้นก็ดีเลยนี่จะได้ไม่ต้องมีคนมาถ่วงฉัน" ยูทาโร่พูดจนทั้งสามทนไม่ไหว
           แต่จุนอิจิรีบลุกขึ้นมาจับอากิฮิสะไว้ อิจิกะรีบหยุดไซโตะ ส่วนโทวมะก็หยุดโยชิฮารุไว้ "พวกนายใจเย็นๆกันก่อนเถอะน่า"

           "นี่นายเองก็เงียบได้แล้วคิดจะให้บรรยากาศมันแย่ไปถึงไหนน่ะ" อิจิกะตะโกนบอกยูทาโร่
           "จริงอย่างที่บอกนะ พวกเราทุกคนเองก็เจอเรื่องที่แย่ๆมาเหมือนกัน และนายคนเดียวคิดว่าจะสู้กับพวกมันได้รึไง" โทวมะบอก

           "อิจิกะ/พี่โทวมะ" ผู้หญิงสองคนรู้สึกกังวลใจในสภาพสถานการณ์เช่นนี้

           "แล้วพวกนายน่ะเตรียมใจที่จะตายกันรึเปล่าล่ะ!?" ยูทาโร่พูดเสียงดัง สิ่งนั้นทำให้ทั้งห้องตกลงสู่ในความเงียบ อากิฮิสะ ไซโตะและโยชิฮารุถึงขีดสุดรีบสลัดคนที่จับตัวเองอยู่แล้วคิดจะเข้าไปชกยูทาโร่ให้ได้

           "ทุกคนช่วยสงบสติอารมณ์ลงหน่อยเถอะครับ!!" ฮายาเตะที่ฟังมานานลุกขึ้นตะโกน ทำให้ทุกคนหยุดนิ่ง
           "ขะ..ขอโทษครับ" ฮายาเตะนั่งกลับลงไปอย่างเงียบๆ

           จุนอิจิเห็นว่าตอนนี้ทุกคนเริ่มเงียบจึงใช้โอกาสนี้พูด
           "อืม ใช่อย่างที่เขาพูดนั่นล่ะ ตอนนี้พวกเราทุกคนควรสงบสติอารมณ์ลงก่อนนะ อีกอย่างพวกเราเองก็ไม่ใช่ศัตรูกัน ถ้ามาสู้กันเองก่อน พวกเราไม่มีทางชนะลอสท์ได้แน่ แต่ว่าถ้าหากพวกเราร่วมมือกันฉันเชื่อว่าจะต้องผ่านมันไปได้" คำพูดของจุนอิจิทำให้อากิฮิสะ โยชิฮารุและไซโตะใจเย็นลง

           "เอางั้นก็ได้" ทั้งสามยอมกลับมานั่งที่

           "ฉันชื่อทาจิบานะ จุนอิจิ ชื่อเวลาที่เป็นสิ่งนี้คือ
    OOO (โอส) ยินดีที่ได้รู้จัก" จุนอิจิแนะนำตัวแก่ทุกคน

           อิจิกะเห็นจุนอิจิทำแบบนั้น เขาจึงลุกขึ้นตาม 
           "ฉันชื่อโอริมูระ อิจิกะ เวลาที่แปลงร่างชื่อ
    W (ดับเบิ้ล) ยินดีที่ได้รู้จัก แล้วก็..."
           ชาร์ลลุกขึ้นยืนตาม "ผมชื่อชาร์ล ดูนัวร์ครับ เป็นส่วนนึงของ
    W (ดับเบิ้ล) ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะครับ"

           โทวมะลุกขึ้นยืนแนะนำตัว
           "ฉันคามิโจว โทวมะ เวลาที่เป็นนักรบสีทองมีคนเรียกฉันว่า
    AGITO (อากิโตะ) ดังนั้นก็ขอใช้ชื่อนั้นก็แล้วกัน"

           "ฉันฮิรากะ ไซโตะ" ไซโตะลุกขึ้นยืน พร้อมกับปล่อยคิบัทที่อยู่ในถุงผ้าออกมา "ส่วนเจ้านี่..."
           "สวัสดียินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะฉันชื่อ คิบัทรุ่นที่สาม เป็นผู้ที่ทำให้คู่หูแปลงร่างเป็น
    KIVA (คิบะ) ได้" คิบัทแนะนำตัว
     
           "คะ...ค้างคาวพูดได้!?" เกือบทั้งห้องตกใจทันทีที่เห็นคิบัทพูดได้
           "น่ารักจังเลย!" ส่วนฮารุกะกลับคิดต่างจากคนอื่น

           ต่อมาโยชิฮารุเป็นคนแนะนำตัว "ฉันซาการะ โยชิฮารุ หรืออีกชื่อนึง...!!" ชายหนุ่มชูมือขึ้นฟ้าและทำท่าแปลงร่างของของเขา โดยทำเหมิอนใส่ล็อคซีดลงเซ็นโกคุไดร์เวอร์ และตั้งท่าเหมือนตอนถือดาบคู่
           "
    GAIMU (ไกมุ)!!"

           "นักรบ...สวมเกราะ ?" รุยโกะงงกับชื่อของโยชิฮารุ

           "งั้นก็ตาฉันบ้าง!!" อากิฮิสะลุกขึ้นและทำท่ากดสวิทซ์ทั้งสี่ จากนั้นก็ชูมือทั้งสองข้างขึ้นฟ้าและตะโกนว่า "อวกาศมาแล้ว!!!"
           "โยชิอิ อากิฮิสะ หรือชื่อนั้นก็คือ  
    FOURZE (โฟร์เซ่) ยินดีที่ได้รู้จักนะทุกๆคน"

           "ทาคากิ ยูทาโร่
    WIZARD(วิซาร์ด)" ยูทาโร่แนะนำตัวเงียบไม่มีท่าอะไรเหมือนโยชิฮารุหรืออากิฮิสะ

           ฮายาเตะหันซ้ายหันขวาเห็นว่าทุกๆคนแนะนำตัวกันหมดแล้วเหลือเพียงแค่เขาคนเดียว เขาจึงลุกขึ้นแนะนำตัว "ผมอะยาซากิ ฮายาเตะครับ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะครับ พวกเรามาพยายามด้วยกันเถอะครับ"
    "ชื่อของผมคือ
    DECADE
    (ดีเคท) ไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นชื่อนี้นะครับ แต่ว่ามันคือชื่อที่อยู่ๆก็เหมือนรู้ขึ้นมาเอง ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ" ฮายาเตะโค้งคำนับ

           โซอิจิโร่ยืนมองสถานการณ์ และสภาพบรรยากาศที่ดีขึ้นเพราะฮายาเะและจุนอิจิ
           "ทุกคน ต้องขอขอบคุณสำหรับน้ำใจของพวกเธอนะ แต่ว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่อันตรายมาก ฉันกลัวว่า..." 

           "ไม่เป็นไรครับ พวกเราตกลงที่จะใช้พลังนี้เพื่อปกป้องมวลมนุษย์ ขอให้พวกเราได้ช่วยเถอะครับ" จุนอิจิขอร้อง
           "ผมเองก็คิดแบบเดียวกันครับ" ฮายาเตะ และคนอื่นๆต่างก็เห็นด้วยกับจุนอิจิ แม้แต่ยูทาโร่เองก็เช่นกัน

           โซอิจิโร่เห็นพวกเขาทั้งแปดต่างพร้อมใจกันเช่นนี้ทำให้เขาไม่กล้าที่จะหักห้าม
           "ถ้าอย่างงั้นชะตากรรมของโลกใบนี้ ฉันขอฝากให้กับพวกเธอ ปกป้องโลกใบนี้ให้ได้ล่ะ"

           "เอาล่ะ เท่านี้กลุ่มฮีโร่กลุ่มใหม่ก็ถือกำเนิดขึ้นแล้ว!" อากิฮิสะตะโกน

           "แต่ว่าถ้าทุกคนเรียกชื่อนำหน้าเหมือนกันก็น่าจะทำให้พวกเราฟังดูเหมือนเป็นกลุ่มเดียวกันมากกว่านะ" ฮารุกะแนะนำ "เอาเป็นชื่อมาสค์ไรเดอร์เป็นไง ชื่อนี่ฉันคิดว่าเป็นชื่อที่ดูดีนะ"
           "มาสค์ไรเดอร์...ข่าวลือเรื่องบุรุษสวมหน้ากากแล้วคอยปกป้องชาวโลกจากความชั่วร้ายนั่นสินะคะ" รุยโกะทำความเข้าใจ

           ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่เรื่องที่พูดกันเองขึ้นมาแต่ทุกคนต่างก็ยอมรับในชื่อนี้
           "มาสค์ไรเดอร์....งั้นเรอะ..."


    .
    .
    .
    .



    บริษัท 765 โปรดักชั่น  เวลา 13.02 น.


           หลังจากที่ทุกคนได้ตกลงคุยกันเรื่องความเป็นไปต่อจากนี้และเรื่องลอสท์แล้ว ทุกๆคนต่างก็แยกย้ายไปใช้ชีวิตตามแบบของตัวเองจนกว่าจะเกิดเรื่องขึ้นมาอีก พวกเขาในยามนี้ก็เป็นเพียงแค่มนุษย์ธรรมดา แต่มีเพียงหนึ่งที่แอบเข้าหาโซอิจิโร่โดยที่แอบปิดเป็นความลับกับทุกคน เธอคือคนที่ดึงชายชาวญี่ปุ่นคนนึงเข้ามาเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ในครั้งนี้

           ชาร์ลวางกระเป๋าที่ใส่อุปกรณ์ที่มีลักษณธคล้ายแฟลชไดฟ์ หรือที่เรียกว่าไกอาเมมโมรี่
           ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่พวกเธอใช้ในการแปลงร่างเป็น W ลงบนโต๊ะของโซอิจิโร่เพื่อส่งมอบมันให้ถึงเขา ตามที่ถูกสั่งมา "ไกอาเมมโมรี่ 6 ชนิด และครอสไดร์เวอร์ 2 เครื่อง ได้นำมาส่งตามที่กำหนดแล้วครับ"

           "อืม" โซอิจิโร่พินิจมองมันอย่างรอบคอบ "นี่คือสิ่งที่ทำให้เธอกับโอริมูระ อิจิกะคุงแปลงร่างเป็น W ได้สินะ"
           "แล้วแบบนี้เอามาส่งมอบให้ทางเรามันจะดีเรอะ ท่าทางเธอ...ไม่สิ...พวกเธอเองก็น่าจะมีความผูกผันกับของสิ่งนี้แล้วหนิ"

           "ผมน่ะ..ไม่อยากดึงอิจิกะเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้ครับ มันเป็นเส้นทางที่อันตรายเกินไป" ชาร์ลบอกจากใจจริงของเธอ "อิจิกะต่างจากคนอื่น เพราะว่าถ้าผมไม่ได้ไปเจอกับเขา และไม่ได้ขอให้เขาช่วย อิจิกะก็คงไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับโลกทางนี้เลยสักนิด คงจะไ้ใช้ชีวิตแบบมนุษย์ปกติเหมือนเดิม ผมจึงคิดว่าการส่งมอบไกอาเมมโมรี่ให้พวกคุณน่าจะเป็นทางเลือกที่ถูกครับ"

           "แล้วตัวเธอล่ะจะทำยังไงต่อ ?" โซอิจิโร่ถาม "หลังจากที่เธอส่งไกอาเมมโมรี่ให้พวกเราแล้ว หน้าที่ของเธอก็จะหมดลง แล้วเธอก็จะกลับฝรั่งเศสอย่างงั้นรึ"
           "ครับ ผมตัดสินใจแล้ว ผมไม่อยากสร้างปัญหาให้อิจิกะอีกแล้ว"

           ชายวัยกลางคนหลับตาคิดอยุ่ครู่นึง แล้วเขาก็ปิดกระเป๋าไกอาเมมโมรี่ลงและยื่นคืนให้กับชาร์ล
           "ทำไมล่ะครับ ?" ชาร์ลสงสัยกับการกระทำของโซอิจิโร่

           "ตอนนี้เจ้าของของมันไม่ใช่ฉัน แต่ว่าเป็นตัวเธอและโอริมูระ อิจิกะ ฉันไม่มีสิทธิที่จะรับมันไว้ได้หรอก จะต้องขออนุญาตจากทางโอริมูระคุงด้วย" โซอิจิโร่ให้เหตุผลเพื่อที่จะให้ชาร์ลกลับไปคุยกับเขา 
           "ไปปรึกษากับเขาก่อนว่าเอายังไงต่อไป แล้วค่อยกลับมาหาฉัน เข้าใจนะ"

           "ครับ" ชาร์ลตอบแบบไม่ค่อยเต็มใจนัก


    ร้านเมดคาเฟ่  เวลา 13.22 น.


           "น้ำผลไม้รวมได้แล้วค่ะ" เมดสาวมาเสิร์ฟน้ำผลไม้ให้กับฮายาเตะที่โต๊ะด้านนอกร้าน
           ฮายาเตะ อิจิกะและไซโตะต่างมาเปิดใจคุยกันครั้งแรก พวกเขาเลือกมาที่ร้านเมดคาเฟ่ตามคำแนะนำของอิจิกะ เพราะเขารู้จักกับคนของร้านนี้

            "เฮ้อ เจ้าทาคากินั่น อยากจะชกมันสักหมัดจริงๆ!" ไซโตะบ่น เขายังแค้นเรื่องที่ยูทาโร่พูดหยามพวกเขาไม่ได้อยู่ "คนอย่างงั้นไม่อยากจะไปร่วมต่อสู้ด้วยเลยแฮะ"

           "เรื่องนั้นฉันก็คิดแบบนั้นนะ แต่ว่าถ้าพวกเรามีพวกเยอะเข้าไว้ก็น่าจะดีกว่าไม่ใช่เรอะ อีกอย่างที่หมอนั้นพูดถึงแม้จะไม่น่าฟังก็ตามแต่ว่าที่บอกว่าเราเตรียมใจที่จะตายรึเปล่านั่นก็เป็นเรื่องจริงนะ" อิจิกะบอก
           "ถ้าต่อสู้จริงๆ พวกเราก็อาจจะมาตายโดยที่ไม่รู้ตัวก็ได้นะ"

           "อย่าพูดเรื่องที่ฟังดูน่าหดหู่แบบนั้นสิ" ไซโตะว่า "อะยาซากินายว่าไงล่ะ ?"

           "ผมคิดว่าเหล่าไม่ควรจะมองอะไรที่แย่ๆแบบนั้นนะครับ" ฮายาเตะออกความเห็นที่ต่างไปจากทั้งสองคน
           "ผมคิดว่าสาเหตุที่พวกเราสู้ไม่ใช่เพื่อที่จะจัดการกับศัตรู ไม่ใช่เพื่อที่จะสู้เพื่อเอาชีวิตรอดเพียงคนเดียว แต่การต่อสุ้ของพวกเราคิดว่าน่าจะเป็นเพื่อการปกป้องผู้คนที่ไร้ซึ่งพลังจะดีกว่านะครับ หากทำแบบนั้นแล้วผมเชื่อว่าไม่ว่าศัตรูจะมาแบบไหนพวกเราก็ต้องเอาชนะพวกมันได้อย่างแน่นอนครับ!"

           เมื่อฮายาเตะพูดเช่นนั้นอิจิกะกับไซโตะก็อดที่จะขำไม่ได้ "ขะ..ขอโทษครับที่พูดอะไรแปลกๆ"
           "ไม่ใช่แบบนั้นฉันคิดว่าเป็นความที่ดีมากเลยนะเรื่องนั้นน่ะ" อิจิกะเห็นด้วยกับฮายาเตะ "อย่างที่นายบอกพวกเรานั้นต่อสู้เพื่อปกป้องทุกๆคน" อิจิกะเห็นด้วย

           "ถึงแม้มันจะดูฝันหวานไปหน่อยก็เถอะนะ แต่แบบนั้นก็อาจจะดีจริงก็ได้" ไซโตะเสริม

           "ขอบคุณครับ" ฮายาเตะสังเกตมองอิจิกะดีๆแล้วเขาก็รู้สึกเหมือนบางอย่างขาดหายไป
           "โอริมูระคุง แล้วคุณดูนัวร์ล่ะครับ เมื่อก่อนหน้านี้ยังเห็นอยู่ด้วยกันอยู่เลยหนิครับ"

           "จะว่าไปก็จริงแฮะ" ไซโตะพูด

           "ถ้าชาร์ลล่ะก็ ตอนนี้ฉันคิดว่าคงจะเอาไกอาเมมโมรี่และครอสไดร์เวอร์ไปให้กับประธานทาคากิน่ะ" อิจิกะบอก 

           "ทำไมคุณดูนัวร์ต้องทำแบบนั้นล่ะครับ ?" ฮายาเตะถาม
           "ชาร์ลน่ะถึงจะรู้จักกันได้แค่วันเดียวฉันก็รู้ได้ในทันทีเลยว่า เธอน่ะเป็นคนที่ไม่ค่อยอยากจะไปพึ่งพาใคร อยากที่จะทำอะไรด้วยตัวเองเพราะไม่อยากจะไปสร้างปัญหาให้กับคนอื่น สาเหตุที่ฉันมาพัวพันกับเรื่องนี้ เธอคงจะคิดว่าเป็นเพราะตัวเธอเองนั่นล่ะ"

           "แบบนี้ก็มีด้วยเหรอเนี่ย" ไซโตะเอามือทาบที่คาง
           "แล้วถ้าเป็นแบบนี้ นายก็จะสู้ไม่ได้แล้วน่ะสิ ถ้าไกอาเมมโมรี่ถูกส่งมอบให้ทางนั้นตอนนี้นายก็เหมือนกับเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาแล้วสินะ"

           "จะพูดแบบนั้นก็คงได้ แต่ว่าจริงๆแล้วฉันก็ไม่เชิงว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ตั้งแต่แรกซะทีเดียวนะ" อิจิกะบอก

           "หมายความว่ายังไงครับ ?" ในตอนที่ฮายาเตะกำลังถามอยู่นั้น ชาร์ลที่เดินออกจตามหาพวกเขาอยู่ก็มาเจอเข้าพอดี แต่เธอแอบหลบอยู่หลังต้นไม้ไม่ให้พวกเขารู้ตัว

           "เรื่องมันนานแล้วล่ะนะ ตั้งแต่สมัยที่ฉันเด็กๆเมื่อก่อนน่ะด้วยสาเหตุอะไรก็ไม่รู้ล่ะนะ แต่ว่าฉันสูญเสียครอบครัวไปเมื่อตอนเด็กๆด้วยอุบัติเหตุ แต่พอมาตรวจสอบอย่างละเอียดจริงๆดูแล้วก็ได้รับการยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นอุบัติเหตุ แต่มีคนจงใจให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น และสิ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุในครั้งนั้นก็ไม่ใช่อะไรอื่น แต่ว่าเป็นไกอาเมมโมรี่นี่ล่ะ" สิ่งที่อิจิกะเล่าทำเอาทั้งสามถึงกับช็อคไปพร้อมๆกัน
           "คนที่เป็นคนทำยังหาตัวไม่ได้ แต่เบาะแสคือ ไกอาเมมโมรี่นั้นเป็น ไกอาเมมโมรี่ W"

           "W เหมือนกับดับเบิ้ล(W) ที่นายเป็นอยุ่ตอนนี้เลยสินะ" ไซโตะพูด
           "นั่นสิครับ" ฮายาเตะเห็นด้วย

           "เหมือนประชดเลยนะ ฉันสูญเสียครอบครัวไปเหลือเพียงแค่พี่สาวเพราะไกอาเมมโมรี่ แต่ว่าตอนนี้ฉันกลับกลายมาเป็นผู้ใช้ไกอาเมมโมรี่ซะเอง ท่าทางชะตากรรมของฉันคงจะผูกพันกับมันจริงๆนั่นล่ะ" อิจิกะพูด
           "แต่ว่าถ้าชาร์ลจะไปแล้วแบบนี้คงจะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับมันแล้วล่ะ"

           "ถ้าอย่างงั้นก็คุยกับเจ้าตัวเองเลยจะไม่ดีกว่าเรอะ ?" เสียงของคิบัทพูดขึ้น และมันก็แอบโผล่ออกมาจากถุงผ้า "นายเองก็อยากคุยให้รู้เรื่องใช่มั้ยล่ะคนที่หลบอยู่ตรงนั้นน่ะ"
    คิบัทที่รู้ว่าชาร์ลซ่อนอยุ่หลังต้นไม้รีบตะโกนบอกให้เธอออกมา
            ซึ่งหญิงสาวในชุดผู้ชายชาวฝรั่งเศสก็ยอมออกมาตามคำเรียกร้อง

           "ชาร์ล/อิจิกะ..." ทั้งสองเมื่อเจอหน้ากันก็พูดกันไม่ออก ยิ่งหลังจากที่ได้ยินเรื่องอดีตของเขาไปแล้ว
           ฝ่ายหญิงหลบหน้าฝั่งชายและหันกลับมาพูดเพียงว่า "อิจิกะคืนนี้ผมจะกลับไปฝรั่งเศสแล้วนะ"

           "งั้นเรอะ...ถ้าอย่างงั้นก็รักษาตัวด้วยนะ" ฝ่ายชายก็ตอบเธอกลับไปเพียงแค่นั้น ชาร์ลที่กำลังจะเดินจากไป แต่เธอก็ถูกฮายาเตะจับมือหยุดไว้ก่อน

           "เดี๋ยวก่อนสิครับทั้งสองคน ถ้าเอาแต่ทำแบบนี้กันจะไม่ได้เรื่องกันนะครับ มาคุยกันให้รู้เรื่องไปเลยดีกว่านะครับ" ฮายาเตะแนะนำ ซึ่งทั้งสองก็คิดเช่นนั้นแต่ว่าพวกเขามีปัญหาเกินกว่าที่จะคุยได้ตามปกติในตอนนี้
           "ฮิรากะคุง พวกเราไปซื้อของแถวนี้กันก่อนเถอะครับ" ฮายาเตะรีบเข้าไปผลักไซโตะ

           "เดี๋ยวสิอะยาซากิ จะทำอะไร เดี๋ยว!" ไซโตะถูกฮายาเตะพาตัวออกไปเพื่อปล่อยให้ทั้งสองคนได้อยู่เพียงสองต่อสอง

           "อิจิกะเรื่องที่ครอบครัวอิจิกะถูกฆ่าโดคนใช้ไกอาเมมโมรี่นั่นเป็นความจริงเหรอครับ ?"
           ชาร์ลถามอิจิกะก็ตอบเพียงแค่พยักหน้าเอาๆเท่านั้น "ถ้าอย่างงั้นผมคิดว่าเลือกทางนี้น่าจะดีแล้วนะครับ เท่านี้อิจิกะก็จะไม่ต้องมายุ่งกับไกอาเมมโมรี่อีก และจะได้กลับไป-"

           ก่อนหน้าที่ชาร์ลจะพูดอะไรมากกว่านี้อิจิกะก็จับไหล่ทั้งสองข้างของเธอไว้
           "ชาร์ล เรื่องนั้นจะเป็นยังไงน่ะก็ช่างมันเถอะ เมื่อวานที่ฉันช่วยเธอเพราะฉันรู้สึกว่ามีบางอย่างที่ต้องทำ ฉันอาจจะเลือกที่จะหนีไปก็ได้ตอนนั้นแต่ฉันไม่ทำ ฉันก็ำไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงคิดแบบนั้นแต่ว่านี้อาจจะเป็นสิ่งที่อะยาซากิบอกกับฉัน ความรู้สึกในการการปกป้องคนอื่น มันทำให้ฉันแข็งแกร่งขึ้น"

           "แต่ว่าถ้าเป็นแบบนี้อิจิกะก็ต้อง..."

           "ฉันไม่เป็นไร ฉันไม่ได้อยู่คนเดียวนี่ ฉันยังมีนาย และยังมีพวกคนอื่นๆที่จะร่วมต่อสู้ไปพร้อมกัน เพราะฉะนั้นนายก็ไม่ต้องกังวล ให้ฉันน่ะร่วมต่อสู้ร่วมปกป้องคนอื่นๆเหมือนกับที่ปกป้องนายเถอะ" อิจิกะบอกกับหญิงสาวในชุดผู้ชาย

           ชาร์ลอมยิ้ม "อิจิกะนี่จริงๆเลยนะ ขนาดรู้จักกันแค่วันเดียวก็ทำให้ผมใจอ่อนได้"
           "ถ้าอย่างงั้น!"

           "แต่ไม่ว่ายังไงผมก็คงต้องกลับไปฝรั่งเศส แต่ก่อนหน้าผม..."


    ตู้มมม!!!

           ก่อนหน้าที่พวกเขาจะคุยกันเรียบร้อยก็มีการขัดจังหวะมาจากฝีมือของลอสท์เพชรฆาตทั้งสองที่ถูกสั่งให้มาจัดการกับพวกเขานั่นก็คือบีทเทิลและแสต็ก ผู้คนที่อยู่ในร้านเมดคาเฟ่ต่างรีบวิ่งหนีทันทีเมื่อเห็นสัตว์ประหลาดเดินเข้ามา
           "มีอยู่สองคนงั้นก็แปลว่าเป็นคนที่จัดการสกอร์เปี้ยนสินะ แล้วต้องจำคนไหนไปล่ะพี่ ?" แสต็กถาม

           "จับไปทั้งสองคน เพราะพวกมันจะต้องเป็นประโยชน์ต่อด๊อกเตอร์ได้แน่" บีทเทิลบอก
           "ถ้าอย่างงั้นก็จัดให้ตามที่ขอเลยพี่!" แสต็กสร้างดาบที่มือซ้ายและโล่ที่มือขวาขึ้นมา แล้ววิ่งเจ้าไปโจมตีอิจิกะกับชาร์ลในทันที "ฮ่าส์!!"

           ทั้งสองหมุนตัวหลบและถอยออกมาตั้งหลัก ชาร์ลเปิดกระเป๋าออกและให้ครอสไดร์เวอร์แก่ชายหนุ่มพร้อมไกอาเมมโมรี่ "อิจิกะ พวกเราไปกันเถอะ การต่อสู้ก่อนที่จะลาจากกัน!" เธอกดไกอาเมมโมรี่

           "อา ตกลงตามนั้นเลย!" อิจิกะหยิบไกอาเมมโมรี่ขึ้นมา และกดที่มัน


    CYCLONE

    JOKER

           "แปลงร่าง!" ชาร์ลใส่เมมโมรี่ลงไดร์เวอร์ของเธอเองมันก็ถูกส่งย้ายไปที่ไดร์เวอร์ของอิจิกะ ส่วนตัวเธอก็สลบลงไป จากนั้นชายหนุ่มก็กดเมมโมรี่ของหญิงสาวซ้ำลงไปแล้วตามด้วยใส่เมมโมรี่ของเขาลงไป จากนั้นก็สับไดร์เวอร์ไปสองทาง

    CYCLONE JOKER

           สายลมพายุหมุนพัดกระหน่ำเข้ามาลอสท์แสต็กที่ถูกลมนั้นพัดเข้าไปก็ถูกปัดกระเด็นตกลงไป
           ร่างของชายหนุ่มได้เปลี่ยนเป็นร่างของนับรอบสองสี ที่มีร่างกายซีกขวาเป็นสีเขียวอ่อน ร่างกายซีกซ้ายเป็นสีดำม่วง "มาสค์ไรเดอร์ดับเบิ้ล เอาล่ะจงนับความผิดที่พวกนายทำซะ!" ดับเบิ้ลชี้นิ้วไปที่ลอสท์

           "เหอะ อย่ามาทำอวดดีไปหน่อยเลย!" แสต็กกระโดดขึ้นไปสู้กับดับเบิ้ลใหม่
           มันพยายามใช้ดาบฟันใส่เขาแต่ว่าด้วยความเร็วที่เหนือกว่าของดับเบิ้ล ทำให้เขาสามารถหลับได้ทุกการโจมตี แต่กลับกันการโจมตีของดับเบิ้ลก็ไม่อาจะทำอะไรแสต็กที่เกราะแข็งกว่าได้

           ดับเบิ้ลกระโดดหมุนตัวเจะใส่แสต็ก มันเพียงแค่ยืนเฉยก็สามารถรับการโจมตีไว้ได้สบายๆ
           "เจ้านี้เกราะหนาเกินไป" อิจิกะพูด และในจังหวะนั้นแสต็กก็ใช้โล่กระแทกทำให้เขาตีลังกาและใช้ดาบฟันซ้ำจนทำให้มาสค์ไรเดอร์ตกลงมาที่พื้น "อ้ากก!!"
           "ก็ไม่เห็นเท่าไหร่นี่!" แสต็กเหยียบซ้ำ

           "มันก็ไม่แน่หรอก" ดับเบิ้ลสร้างลมพายุพัดใส่แสต็กทำให้มันเสียหลัก
           จากนั้นมาสค์ไรเดอร์ก็ลุกขึ้นนำกระแสลมมารวมกันที่ฝ่ามือทำให้ มือของดับเบิ้ลมีสภาพเหมือนดาบวายุ และสามารถโจมตีสร้างความเสียหายให้กับแสต็กได้

           บีทเทิลที่เห็นว่าดับเบิ้ลเริ่มสู้กับแสต็กได้แล้วก็คิดจะขึ้นไปช่วย แต่ว่า...
           "เฮ้ย คิดจะไปไหนน่ะ" ไซโตะตะโกนเรียกบีทเทิลให้หันมา "คู่ต่อสู้ของนายน่ะคือฉันคนนี้ต่างหากล่ะ"

           "ฮิรากะคุงแล้วผมล่ะ ?" ฮายาเตะงงกับหน้าที่ของตัวเองเพราะตอนนี้เขาไม่มีคู่ต่อสู้
           "อะยาซากิ รู้สึกว่าคิบัทจะตรวจพบพวกมันอีกตัวอยู่ใกล้ๆนี้ นายไปตามหามันก็แล้วกัน" ไซโตะกระซิบบอกกับฮายาเตะ

           "เข้าใจแล้วครับ" ฮายาเตะรีบไปตามที่ไซโตะบอกทันที

           "คิดจะสู้คนเดียวงั้นเรอะ ?" บีทเทิลถามเพราะเห็นฮายาเตะวิ่งไปไหนก็ไม่ทราบ
           "อย่างนายน่ะแค่ฉันคนเดียวก็เหลือแหล่แล้ว" ไซโตะเปิดถุงผ้า "คิบัท!"

           "รับทราบ!" คิบัทบินออกมากัดที่ข้อมือของชายหนุ่ม


    BITE

           ทันทีที่ถูกกัดมันก็ทำให้เกิดรอยประหลาดขึ้นบนใบหน้าของเขา พร้อมกับเข็มขัดสีแดงที่ปรากฏขึ้นมาสวมที่เอวของเขา ไซโตะจับคิบัทมาแล้วใส่ลงที่ไดร์เวอร์ของเขา "แปลงร่าง!!"
           ร่างของเขาค่อยกลายเป็นกระจกและในที่สุดก็แตกออกกลายเป็น คิบะ


    KIVA

           "มาสค์ไรเดอร์คิบะ ตั้งแต่นี้ไปล่ะคือการต่อสู้ที่แท้จริงล่ะ!" ไซโตะกล่าว
           "เอาล่ะ!" มาสค์ไรเดอร์กระโดดเตะใส่บีทเทิลอย่างไม่รอช้า แต่ทางบีทเทิลก็สร้างโล่ขึ้นที่มือซ้ายและป้องกันท่าเตะของคิบะไว้ แล้วตามด้วยสร้างดาบที่มือขวาฟันสวนกลับไป

           "คู่หูเป็นอะไรรึเปล่า!?" คิบัทถามอาการ
           "ไม่เป็นไร..ไม่เลวนี่ท่าทางนายคงจะเก่งกว่าที่ฉันคิดสินะ ถ้าอย่างงั้นทางนี้ก็ต้องเอาจริงให้นายรู้ซะบ้าง!" คิบะวิ่งเเข้าไปพยายามที่จะต่อยใส่มันแต่ทุกครั้งที่โจมตีก็จะถูกมันกันไว้ได้ และยังถูกโจมตีสวนกลับไปเรื่อยๆ

           "โธ่เว้ย!" 

           "การเคลื่อนไหวของเจ้าข้าดูออกหมดแล้ว!" บีทเทิลแทงดาบใส่คิบะ
           ตอนนั้นมาสค์ไรเดอร์ก็สามารถรับดาบของมันไว้ได้ "ไร้สาระน่า ทางฉันเองก็รุ้การเคลื่อนของแกแล้วเหมือนกันล่ะน่า!" คิบะกระโดดข้ามไหล่ของมันไปอีกฝั่งนึง แล้วใช้เท้าขวา ซึ่งเป็นข้างที่มีเกราะเหล็กเตะใส่ท้องของลอสท์จนทำให้มันเสียหลัก

           "คึ!" บีทเทิลถอยร่นลงมาเพราะแรงกระแทก

           "คู่หูเรามาโจมตีครั้งสุดท้ายจัดการมันไปเลยเถอะ!" คิบัทแนะนำ
           "เอาอย่างงั้นก็ได้!" ไซโตะหยิบแฟซเซิลสีแดงที่อยู่ข้างเข็มขัดขึ้นมาแล้วเขาก็ใช้งานมันโดยเสียบใส่ปากของคิบัทที่ไดร์เวอร์


    WAKE UP!

           ทันใดนั้นท้องฟ้ายามเย็นก็ถูกเมฆหมอกสีดำเข้าปกคลุมกลายเป็นท้องฟ้ายามราตรี
           ดวงจันทราเสี้ยวปรากฏขึ้นบนท้องนภาที่ไร้ซึ่งดวงดารา คิบะยกขาของเขาขึ้นแล้วเกราะเหล็กที่ขาของเขาก็ปลดพันธนาการออกเผยให้เห็นพลังต้องคำสาป มาสค์ไรเดอร์กระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้านั้นแล้วพุ่งตัวลงมาเตะใส่บีทเทิล "ฮ่าส์!"


    DARKNESS MOON BREAK

          ร่างของลอสท์ถูกคิบะเตะเลื่อนไปจนชนกับผนัง เกิดขึ้นเป็นตราสัญลักษณ์สีดำขนาดใหญ่
          คิบะหันหลังกลับ ร่างของบีทเทิลกลายเป็นกระจก "หายไปซะ!" สิ้นคำพูดของชายหนุ่มร่างของลอสท์ก็แตกสลายลงไปเหลือเพียงเศษเสี้ยวแสงที่กระจายออกมาจากร่างที่แตกสลายเท่านั้น
           แล้วท้องฟ้าก็คืนกลับสู่ท้องฟ้ายามปกติ

           "พี่!!" แสต็กที่เห็นพี่ชายของตนพ่ายแพ้ลงไปก็ยิ่งอาละวาดหนักมากขึ้น จนทำให้ดาบสายลมของดับเบิ้ลเริ่มต้านไม่ไหว
           "ข้าจะแก้แค้นให้พี่!"

           "เกราะมันแข็งขึ้นอีกแล้ว ทำยังไงดีล่ะชาร์ล ?" อิจิกะถามหาคำแนะนำ
           "ถ้าเป็นแบบนี้เราก็คงทำได้แต่เปลี่ยนเมมโมรี่เท่านั้นล่ะ" ชาร์ลแนะนำ

           "งั้นเรอะ เปลี่ยนรูปแบบพลังสินะ" อิจิกะทำความเข้าใจ
           "แต่ว่าผมไม่มั่นใจว่าพวกเราที่เพิ่งหัดใช้จะใช้ได้รึเปล่านะครับ" ชาร์ลรู้สึกกังวล

           "ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้หรอก" อิจิกะรีบทำการหยิบไกอาเมมโมรี่สีแดงส้มและสีเงินขึ้นมา และเปลี่ยนกับเมมดมรี่ที่ใส่อยู่ตอนนี้ทันที


    HEAT METAL

            ร่างกายซีกขวาของดับเบิ้ลเปลี่ยนเป็นสีแดงส้มพลังแห่งความร้อน ซีกซ้ายเปลี่ยนเป็นสีเงินพลังแห่งเหล็กกล้า พร้อมกับไม้พลองเหล็กที่ปรากฏขึ้นมาทันทีที่เปลี่ยนเป็นร่างนี้
    "ร่างนี่มีอาวุธด้วยเหรอเนี่ย!" ดับเบิ้ลหยิบไม้พลองออกมาเป็นอาวุธ

           "ของแบบนั้นมันเอาชนะข้าไม่ได้หรอก!!" แสต็กวิ่งเข้าหาดับเบิ้ลอย่างไม่รอช้า
           มาสค์ไรเดอร์ใช้ไม้พลองตีกระแทงใส่มือดาบของแสต็กปัดดาบของมันออกไป แล้วใช้ไม้พลองกระแทงที่กลางอกอีกทีทำให้มันถอยหลังไป

           "เจ้านี้แรงไม่เบาเลย!" ดับเบิ้ลควงไม้พลองและใช้ตีฟาดใส่ลอสท์ 
           "อ้ากก!!" โล่ของแสต็กถึงกับเกิดรอยร้าวเมื่อถูกไม้พลองผสมพลังไฟของเขาเข้าไป 

           "มาทำให้จบๆกันเถอะ!" อิจิกะบอก
           "ok อิจิกะ" ชาร์ลตอบรับ ดับเบิ้ลดึงไกอาเมมโมรี่ออกมาเสียบที่ไม้พลองและกดใช้งานมัน


    METAL MAXIMUMDRIVE

           ไม้พลองของดับเบิ้ลลุกเป็นไฟทั้งด้านบนและด้านปลาย "เอาล่ะนะ!"

    METAL BRANDING


           "ฮ้ากก!!" ดับเบิ้ลพุ่งตัวเข้าไปด้วยเปลวไฟ ชนใส่ลอสท์และทำลายมันลงไปในการโจมตีครั้งเดียว

    บรึ้มม!!!

           "เท่านี้ก็เรียบร้อย" ดับเบิ้ลควงไม้พลองเก็บที่หลัง


           ตอนนั้นเองบนดาดฟ้าของอาคารข้างๆ นีเดิลที่มองการต่อสู้อยู่นั้น....
           "บีทเทิลกับแสต็กพลาดไปแล้วเรอะ บอกว่าจะเป็นคนจัดการเอง แต่พอเอาจริงๆก็ไม่เห็นได้เรื่อง"
           นีเดิลที่สังเกตการณ์อยู่ห่างๆพูดสบประมาทในตัวลอสท์ทั้งสองที่เพิ่งถูกกำจัดไป "แบบนี้ก็เหลือแค่เราคนเดียวแล้วสินะ"

           ฮายาเตะวิ่งขึ้นมาบนชั้นดาดฟ้า "ในที่สุดก็เจอตัวแล้วนะครับ!"

           "โอ๊ะโอ โดนหาเจอซะละ โดยเด็กที่มีพลังซะด้วย" นีเดิลหันกลับไปหาฮายาเตะอย่างไม่กลัวเกรง
           ชายชุดขาวปล่อยเข็มขนาดใหญ่โจมตีใส่เด็กหนุ่มโดยไม่ทันตั้งตัว แต่ว่าฮายาเตะก็สามารถหลบเข็มเหล่านั้นได้และยังถอยออกมาพร้อมกับหยิบดีเคทไดร์เวอร์ขึ้นมา

           "เอาล่ะนะครับ!" ฮายาเตะสวมไดร์เวอร์และใส่การ์ดลงไป
           "แปลงร่าง!!"


    KAMEN RIDE

    DECADE


           ประกายแสงสีฟ้าปรากฏขึ้นรอบตัวฮายาเตะ และมันก็ค่อยเปลี่ยนสีเป็นสีแดงมาเจ็ตต้าแล้วผสานร่างกับเด็กหนุ่ม เปลี่ยนร่างเขาไปเป็นนักรบสวมเกราะ ที่มีชื่อว่า "มาสค์ไรเดอร์ดีเคท"
           ดีเคทหยิบไรด์บุ๊คขึ้นมาและเปลี่ยนมันเป็นโหมอยิงปืนและยิงใส่นีเดิล

           "ไม่ได้ผลหรอกน่า!" นีเดิลเคลื่อนที่หลบได้อย่างชำชอง

           เมื่อโจมตีระยะไกลไม่โดนเลย ฮายาเตะจึงหยิบไรด์บุ๊คอีกเล่มที่ซ่อนทับเล่มเดิมอยู่ออกมาแล้วเปลี่ยนมันกลายเป้นดาบจากนั้นก็เข้าไปโจมตีในระยะประชิด "ฮ่าส์!!"
    แต่นีเดิลก็ใช้หอกยาวป้องกันการโจมตีไว้ และสามารถต่อกรกับมาสค์ไรเดอร์ได้อย่างสูสี

           "เป็นอะไรไปมีฝีมือแค่นี้รึไง!?" นีเดิลพูดเหยียดหยาม
           "ถ้าอย่างนี้ล่ะครับ!" ดีเคทฉวยโอกาสจังหวะที่นีเดิลเผลอปัดหอกของมันออก แล้วหมุนตัวในจังหวะนั้นเขาก็ใส่การ์ดลงไดร์เวอร์ แล้วหันกลับมาจ่อปืนใส่มัน


    FINAL ATTACK RIDE

    DE-DE-DECADE

    DIMENSION BLAST


           การ์ดสีทองปรากฏเรียงรายขึ้นมาเป็นทางตรงไปที่นีเดิล
           "ย่าส์!!" ทันทีที่เหนี่ยวไกลำแสงก็ถูกยิงออกมาจากกระบอกปืน พอลำแสงผ่านการ์ดสีทองนั้นมา ก็ขยายกลายเป้นลำแสงขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนโจมตีใส่นีเดิล


    ตู้มม!!!

           "สำเร็จรึเปล่า ?" ฮายาเตะรอลุ้นผลจากการโจมตีเมื่อกี้
          พอควันระเบิดที่ฟุ้งกระจายอยู่เริ่มจากลง แทนที่จะเห็นร่างของชายชุดขาวยืนอยุ่ตรงนั้นกลับกลายเป็น ลอสท์รูปแบบเม่นยืนอยู่ตรงนั้นแทน และมันก็ใช้เพียงมือเดียวรับท่าไม้ตายของดีเคทไว้ได้อีก

           "เกือบไป เกือบไป ถ้าไม่ใช่ร่างนี้เมื่อกี้อาจจะขึ้นสวรรค์ไปจริงๆก็ได้"
           นีเดิลพูดอย่างสบายๆเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันสะบัดมืออย่างกับว่ารู้สึกเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น 

           "แกนี่มันตัวอันตรายจริงๆ ไม่คิดเลยว่าจะมีพลังขนาดนี้ซ่อนอยู่ ถ้าอย่างงั้นก็คงต้องขอถอยกลับไปตั้งหลักก่อนล่ะนะ" นีเดิลกระโดดข้ามตึกหนีไปในที่สุด

           "ลอสท์ตัวนั้นแข็งแกร่ง..."
           ฮายาเตะจะตามไปแต่ก็ไม่ทันเสียแล้วเพราะมันได้ลับสายตาไปแล้ว ในเมื่อไม่สามารถไล่ตามมันไปได้เด็กหนุ่มจึงคืนร่างกลับเป็นมนุษย์และเดินกลับลงไปข้างล่างหาพวกอิจิกะ....
           

    สนามบินฟูโตะเอเรีย 1  เวลา 19.10 น.

           อิจิกะ ฮายาเตะและไซโตะหลังจากที่ผ่านการต่อสู้มา พวกเขาก็มาส่งชาร์ลที่สนามบินเพราะเธอนั้นจะต้องขึ้นเครื่องกลับไปยังฝรั่งเศส แต่ก่อนที่หญิงสาวจะไปเธอก็หยุดเดินและหันกลับมาหาพวกเขา
           "มีอะไรอีกล่ะ หรือจะลืมของสำคัญอีก" อิจิกะล้อ

           "นั่นสินะ" ชาร์ลเดินย้อนกลับไปหาอิจิกะและส่งมอบกระเป๋าไกอาเมมโมรี่ให้กับเขา
           "อิจิกะ ผมของฝากไกอาเมมโมรี่และครอสไดร์เวอร์ด้วยนะ"

           "ฮะ หมายความว่าไงน่ะ แล้วนายไม่ได้เอาไปให้ประธานทาคากิแล้วเรอะ ?" อิจิกะงง

           "ประธานทาคากิบอกว่าสิ่งนี้เป็นของผมและของอิจิกะ เขาไม่มีสิทธิที่จะเอาของสิ่งนี้ไป ตอนแรกผมก็สับสนว่าจะทำยังไงดี แต่ว่าหลังจากที่พวกเราได้ร่วมต่อสู้กัน มันทำให้ผมคิดได้ว่า ไม่แน่สักวันนึง...สักวันนึงพวกเราอาจจะได้กลับมาเจอกันอีกครั้งก็ได้ ผมเชื่ออย่างงั้น"

          "ชาร์ล.." อิจิกะมองไปที่ชาร์ล ดวงตาของเธอเชื่อมั่นในสิ่งที่เธอพูดจริงๆ
          "ฉันเองก็เชื่อนะ สักวันนึงพวกเราจะกลับมาพบกันอีกครั้ง และเมื่อถึงวันนั้นพวกเรามาเป็น ดับเบิ้ลด้วยกันอีกครั้งนะ!" ชายหนุ่มยื่นมือหาเธอ
     
           "อืม ไว้วันนั้นพวกเรามา.." หญิงสาวในร่างชายจับมือกับอิจิกะ เป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพก่อนที่ทั้งสองจะแยกจากกัน


           หลังจากนั้นไม่นานนักเครื่องบินลำที่ชาร์ลโดยสารก็ค่อยเคลื่อนตัวออกจากลานบินขึ้นสู่ฟากฟ้า
           ปล่อยชายทั้งสามยืนมองเธออยู่ด้านล่าง มองการจากไปของเพื่อนของพวกเขา โดยที่หวังว่าสักวันนึงพวกเขาจะกลับมาเจอกันอีกรั้งนึง

           "ไว้เจอกันใหม่นะ คู่หู.." อิจิกะพูดทิ้งท้ายก่อนที่จะเดินหันหลังกลับไปพร้อมกับกระเป๋าไกอาเมมโมรี่ สิ่งที่เป็นเครื่องยืนยันว่า เธอจะกลับมาสักวันนึง.....



     
    .................... TO BE CONTINUE ....................





    หอพักที่ฮายาเตะพักอาศัยอยู่  เวลา 20.40 น.

           ฮายาเตะกลับมาที่หอพักของตัวเองและเดินขึ้นไปยังชั้นบนเพื่อที่จะกลับเข้าห้องของเขา แต่ว่าพอเขาใช้กุญแจเปิดประตูเข้าไปในห้อง กลับกลายว่าห้องนั้นกลายเป็นห้องว่างไม่มีของส่วนตัวหรืออะไรเหลือไว้เลย
           "นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?"

           "คุณเจ้าของหอครับ คุณเจ้าของหอ!"
           ฮายาเตะลงไปถึงห้องของเจ้าของหอพักเพื่อที่จะถามว่าทำไมห้องเขาถึงเป็นเช่นนั้น

           ผู้หญิงวัยประมาณห้าสิบเปิดประตูออกมาตามเสียงเรียก
           "เอ...เธอคือลูกของอะยาซากิสินะ มีธุระอะไรที่นี่อีกล่ะไม่ใช่ย้ายออกไปแล้วเรอะ ?"

           "ย้ายออกเรื่องอะไรกันครับ ผมยังไม่ได้ย้ายออกอะไรเลยนะครับ!" ฮายาเตะพยายามเถียง จนเจ้าของหอต้องนำเอกสารเซ็นย้ายออกที่พ่อของฮายาเตะเซ็นไว้ออกมาเป็นหลักฐาน "มะ..ไม่จริงน่า...เรื่องแบบนี้"

           "ที่นี่ก็เข้าใจแล้วสินะ แค่นี้ล่ะนอนดึกเดี๋ยวผิวเสีย"
           เจ้าของหอปิดประตูทิ้งฮายาเตะไว้ข้างนอกอย่างไร้ซึ่งเยื่อใย


           เด็กหนุ่มเดินเปล่าเปลี่ยวไปอย่างไร้จุดหมายท่ามกลางค่ำคืนที่เงียบสงัด
           ตอนนี้เขาไม่มีทั้งครอบครัว ไม่มีเงินเก็บ ไม่มีบ้านที่จะให้กลับ เหลืออยู่เพียงตัวคนเดียว "เราจะทำยังไงต่อไปดีนะ...เดินต่อไปแบบไร้จุดหมายแบบนี้ แล้วไปหาที่นอนพักตามใต้สะพานดีมั้ยนะ" ฮายาเตะถามตัวเอง

           "เอ๊ะ นั่นอะยาซากิใช่มั้ย ?" เสียงของชายที่คุ้นเคยเรียกเด็กหนุ่ม
           พอเขาหันไปมองข้างหน้าก็เจอกับอากิฮิสะที่เพิ่งออกมาจากร้านสะดวกซื้อ "ไง มาทำอะไรแถวนี้เนี่ย ตอนนี้ก็จะสามทุ่มแล้วนะไม่กลับบ้านเหรอ ?"

           "คือว่าตอนนี้ผมไม่มีบ้านให้กลับแล้วน่ะครับ" ฮายาเตะบอกความจริงไป
           "ไม่มีบ้านให้กลับหมายความว่าไงน่ะ ?" อากิฮิสะทำหน้างง แต่เมื่อเห็นฮายาเตะทำหน้าซึมๆจึงไม่คิดจะถามต่อ "เอางี้มั้ยคืนนี้นายมานอนที่บ้านฉันคืนนึง"

           "เอ๊ะ บะ..แบบนั้นจะดีเหรอครับ ?" ฮายาเตะรู้สึกเกรงใจ

           "ไม่เป็นไรๆ พวกเราน่ะเป็นเพื่อนกันแล้วน้า~ เป็นเพื่อนกันก็ต้องช่วยเหลือกันเวลาที่คนอื่นมีปัญหาสิ" อากิฮิสะเชิญชวนฮายาเตะด้วยความใจกว้าง
           "ตามมาสิบ้านแันอยู่ไม่ไกลหรอก อันที่จริงต้องเรียกว่าหอพักล่ะนะ"

           "ขอบคุณนะครับโยชิอิคุง" ฮายาเตะกล่าวขอบคุณ

           "เรียกอากิฮิสะก็ได้ เรียกนามสกุลแล้วมันฟังดูห่างเหินยังไงไม่รู้ ฉันเองก็จะเรียกว่าฮายาเตะ เข้าใจสินะ" อากิฮิสะบอกกับฮายาเตะ
           "ครับ ขอบคุณนะครับอากิฮิสะคุง"

           "เอาล่ะ พวกเรามาแล้ว!!!" ชายหนุ่มตะโกนเสียงดังลั่น อย่างไร้เหตุผล





     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×