ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    P:FMR NW

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 ชะตากรรม

    • อัปเดตล่าสุด 4 ม.ค. 57


    "ชะตากรรม"

    "เป็นตัวกำหนดชีวิตของสิ่งมีวิตทุกชนิดในจักรวาลนี้"

    "ไม่มีสิ่งใดที่สามารถหลีกหนีชะตากรรมได้"

    "ชะตากรรมไม่ได้ดำเนินเป็นเส้นทางเดียว"

    "แต่เส้นทางนั้นได้แยกออกเป็นความเป็นไปได้ที่ไม่รู้จบ"

    "และชะตากรรมได้ลิขิตให้พวกเขาทั้งหลาย"

    "ใด้พบกับสิ่งต่างๆมากมาย....."


    .

    .

    .

    .

    .
     
              ....ทุกสิ่ง..ทุกอย่าง ในจักรวาลนี้นั้นล้วนเริ่มมาจากความว่างเปล่า...
              ....ทุกสิ่ง..ทุกอย่าง ในจักรวาลนี้เริ่มต้นจากการไม่มีอะไรเลย...
              ....ทุกสิ่ง..ทุกอย่าง ในจักรวาลเริ่มต้นขึ้นด้วยดวงแสงเล็กๆเพียงดวงเดียว...
              ....ทุกสิ่ง..ทุกอย่าง ในจักรวาลค่อยๆกำเนิดขึ้นจากดวงแสงเล็กๆนั้น...
              ....ทุกสิ่ง..ทุกอย่าง ในจักรวาลถือกำเนิดขึ้นตามชะตากรรมที่ถูกกำหนดไว้...

     
         "เดี๋ยวก่อน แคลโรล์ นี่เธอกำลังรายงานเรื่องอะไรอยู่" ผู้ชายอายุมากคนหนึ่งพูดขึ้น ขัดการรายงานวิชาดาราศาสตร์ เรื่องการกำเนิดจักรวาล ของเด็กนักเรียน
         แต่ก็ไม่ผิดที่เขาจะทำเช่นนั้น เพราะคนๆนี้นั้นเป็นอาจารย์ของเขา

         "ก็กำลังรายงานเรื่องการกำเนิดจักรวาลอยู่ตามที่อาจารย์สั่งยังไงล่ะครับ แล้วมันผิดตรงไหนล่ะครับ ?" เขาตอบกลับไป อาจารย์ทำท่าหัวเสียและเดินไปหน้าชั้น

          "ก็ที่เธอพูดน่ะ มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการกำเนิดจักรวาลเลยซักนิด" อาจารย์แย้งกลับ "การกำเนิดวาลเธอก็จะต้องพูดถึง ทฤษฎีปรากฏการณ์ Big Bang สิ ไม่ใช่มาพูดอะไรไร้สาระแบบนี้"

         "อาจารย์และเหล่านักวิทยาศาสตร์นั่นล่ะครับที่ผิด" ฝ่ายนักเรียนก็เถียงกลับ ไม่ยอมเป็นฝ่ายผิด "มนุษย์ในโลกนี้เอาแต่เชื่อว่าทั้งจักรวาลแห่งนี้เกิดขึ้นมาจากทฤษฏี Big Bang แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่แบบนั้นเลยซักนิด ที่ทำให้จักรวาลถือกำเนิดขึ้นมาได้ก็เพราะดวงแสงดวงเล็กๆที่ปรากฏขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุในความว่างเปล่า และเมื่อดวงแสงนั้นค่อยๆมีมากขึ้นเรื่องก็ค่อยๆเกิดขึ้นเป็นจักรวาล จากนั้นจักรวาลก็จะแยกตัวเองออกเป็นหลายๆจักรวาลคู่ขนานกันอีกที ที่เรียกว่า Parallel Universe(จักรวาลคู่ขนาน)"

         "และ Parallel Univese นั้นก็มีอยู่อย่างนับไม่ถ้วน ในจักรวาลของเราก็จะไม่สามารถเข้าไปยุ่งกับจักรวาลอื่นได้ กลับกันจักรวาลของคนอื่นก็จะไม่สามารถเข้ามายุ่งในจักรวาลของเราได้!"

         "และทุกจักรวาลก็จะมี ผู้..."
         "พอได้แล้ว" เสียงของอาจารย์ดังขึ้นอย่างเงียบๆแต่แฝงไปด้วยความหนักแน่นจนทำให้ฝ่ายนักเรียนชายต้องหยุดเรื่องที่เขาพูด

         "ฉันก็ชอบใจที่เธอเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ มีจินตนาการล้ำเลิศ ที่สามารถสร้างเรื่องราวอะไรเองได้ถึงขนาดนี้ แต่ว่านี่เป็นวิชาเรียนนะไม่ใช่วิชาเรื่องแต่งขึ้นของนักเรียน" อาจารย์พูดประชดประชันแคลโลล์ "กลับไปนั่งที่.."

         "แต่ว่าอาจารย์ครับ ผมยัง.."
         "ฉันบอกว่าให้กลับไปนั่งที่ได้แล้ว แคลโรล์!!" อาจารย์สั่งเสียงดัง ทำให้นักเรียนที่นั่งหลับในห้องและนักเรียนคนอื่นถึงกลับสะดุ้งตกใจกันแทบทุกคน

         "...ครับ" นักเรียนชายจำใจยอมทำตามที่อาจารย์สั่ง และเดินกลับไปที่ที่นั่งของเขา ท่ามกลางสายตาของเพื่อนร่วมชั้นที่ต่างมามองที่เขาด้วยความแปลกประหลาด แต่ฝ่ายเจ้าตัวก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
         แคลโรล์กลับมานั่งที่เก้าอี้อย่างไม่สบอารมณ์

         "งั้นเมื่อแคลโรล์นำข้อมูลมาผิดแบบนี้ อาจารย์ก็จะสอนให้แทนก็แล้วกัน ทุกคนเปิดไปที่หน้า 226" อาจารย์วิชาดาราศาสตร์บอก นักเรียนทุกคนก็เปิดหนังสือวิชาดาราศาสตร์ไม่ตามที่เขาบอก ยกเว้นแคลโรล์เพียงคนเดียวที่เอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่าง โดยไม่สนใจสิ่งที่อาจารย์พูดเลยแม้แต่น้อย

         "มันจะต้องมีอยู่จริงๆสิ..." ในใจของชายคนนี้กำลังคิดเช่นนั้น "จักรวาลคู่ขนานที่มีอยู่นับไม่ถ้วน...และชะตากรรมที่เป็นตัวลิขิตจักรวาลแต่ละจักรวาล...เรื่องนั้มันจะต้องเป็นเรื่องจริงสิ"

         และนั่นก็เป็นความคิดของเด็กผู้ชายธรรมดาคนนึง
         ในจักรวาลที่ทุกอย่างเป็นเพียงเรื่องปกติไม่มีอะไรแปลกประหลาด
         บางจักรวาลนั้นมีกลุ่มคนใส่ชุดประหลาดเรียกตัวเองว่า ซุปเปอร์ฮีโร่
         บางจักรวาลมีการเล่นเกมบางอย่างที่เกี่ยวพันถึงจักรวาลหรือโลก
         บางจักรวาลมีสัตว์ประ มนุษย์ต่างดาวบุกเข้ามาทำลายล้างโลก
         และบางจักรวาลก็มีนักรบสวมเกราะที่เรียกว่า คาเมนไรเดอร์หรือมาสค์ไรเดอร์ 
         รวมถึงจักรวาลคู่ขนานของพวกเขาเหล่านี้อีกที ด้วยผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไป เรื่องราวที่ต่างเส้นทางกัน ประวัติศาสตร์ที่ต่างกัน ในจักรวาลที่ไม่เหมือนกัน...



    ประเทศญี่ปุ่น เมืองก่อตั้งพิเศษฟูโตะ ปีค.ศ. 2025 เดือนเมษายน

         ฟูโตะ เป็นเมืองที่ถูกก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1948 สามปีหลังจากที่ญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้ในสงครามโลกครั้งที่สอง เนื่องด้วยการปล่อยระเบิดนิวเคลียร์ที่ฮิโรชิม่า และนางาซากิ ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ทำให้ฝ่ายญี่ปุ่นต้องประกาศตกลงยอมแพ้สงครามต่อฝ่ายพันธมิตร และหลังจากที่ประเทศต้องตกอยู่ในสภาพแพ้สงคราม สูญเสียประชากรและทุนทรัพย์ไปมากมาย แต่เหล่าผู้คนก็ยังไม่ยอมแพ้ต่อความยากลำบากที่เกิดขึ้นนี้ และรัฐบาลก็ได้สร้างเมืองที่จะมาเป็นเมืองสำคัญในอนาคต ซึ่งก็คือเมืองฟูโตะนี้เอง

         เมืองฟูโตะถูกสร้างขึ้นทางเกาะทางตะวันออกของญี่ปุ่น เพื่อเป็นตัวแทนแห่งความสงบสุข และมิตรภาพที่ดีต่อกันในหลายประเทศทั่วโลก
         นักวิทยาศาสตร์ชาวต่างชาติ นักออกแบบจากทั่วทุกมุมโลก ได้เข้ามาช่วยกันสร้างและวางแบบแผนของเมืองนี้อย่างเต็มที่ (เป็นเพราะช่วงสงครามเย็นจำเป็นจะต้องแข่งขันกันด้านการสะสมอาวุธ เทคโนโลยีต่างๆ รวมถึงภาพลักษณ์ที่ดีต่อฝ่ายตัวเอง จึงต้องเข้ามาช่วย) และใช้เวลาเพียง 10 ปีเพียงเท่านั้นก็สามารถสร้างเมืองแห่งสันติสุขแห่งนี้ได้สำเร็จ

         ด้วยความร่วมมือของหลายๆประเทศจึงทำให้เมืองฟูโตะแห่งนี้ได้มีการนำรูปแบบการก่อสร้างและวิทยาการของประเทศต่างๆทั่วโลกมารวมกันจนกลายเป็นเมืองที่มีความหลากหลายในหลายๆด้าน และเมืองนี้ยังพัฒนาตัวได้อย่างรวดเร็ว ไม่นานนักเมืองฟูโตะแห่งนี้ก็กลายเป็นหนึ่งในเมืองชั้นนำของโลก

         ถึงว่าเมืองแห่งนี้จะใช้ชื่อว่า 'เมือง' แต่ว่าในความเป็นจริงแล้ว เกาะแห่งนี้มีความกว้างใหญ่พอๆกับประเทศเล็กๆได้เลย และยังมีการแบ่งเขตปกครองออกเป็น 9 เอเรีย ซึ่งมีลักษณะพิเศษที่ต่างกันออกไป

         การเดินทางมายังเมืองฟูโตะนั้นมีอยู่หลายวิธีทั้งเดินทางทางเรือ ทางเครื่องบิน ทางรถยนต์ หรือทางรถไฟ เพราะเกาะแห่งนี้ก็ได้สร้างสะพานทางเชื่อมจากที่นี่ไปยังเกาะหลักญี่ปุ่น และด้วยการที่เป็นเมืองเสรีจึงทำให้สามารถเข้าออกที่นี่ได้โดยไม่สนเรื่องเชื่อชาติ หรือศาสนา แต่ก็ต้องมีการผ่านเข้าเมืองอย่างถูกกฎหมายไม่ใช่ว่าอยากเข้าก็ลอบเข้าอย่างผิดกฎหมายได้เลยแบบนั้น

         นอกจากนี้ด้วยความเป็นเกาะที่มีสิ่งที่เรียกว่า แปดสิ่งมหัศจรรย์ของฟูโตะ ก็สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกได้เป็นอย่างดี ทำให้ที่นี่กลายเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในด้านการท่องเที่ยวและด้านเศรษฐกิจที่ไม่แพ้เมืองสำคัญอื่นๆเลย และเมือนี้ก็ยังเป็นเมืองตัวอย่างที่ใช้พลังงานสะอาด อย่างพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้ำ พลังงานคลื่น ฯลฯ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่ทำให้เกิดมลพิษ ทำให้ได้รับการยกย่องจากทั่วโลกเช่นกัน

         ประชากรที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้นั้นมีอยู่ราวๆ 10 ล้านคน เป็นชาวญี่ปุ่นเกือบ 8 ล้านคน ส่วนที่เหลือนั้นเป็นชาวต่างชาติที่เลือกมาอาศัยอยู่ที่เมืองแห่งนี้ โดยส่วนใหญ่เป็นชาวทางทวีปเอเชีย แต่ว่าก็มีคนจากทวีปยุโรปและอเมริกาอยู่ไม่น้อยเช่นกัน รวมถึงชาวแอฟริกันอีกด้วย

          และเรื่องทั้งหมดก็เริ่มต้นขึ้น ณ ที่นี้...


    เอเรีย 1 CENTRAL  เวลา 16:30 น.

          เมืองฟูโตะแห่งนี้นอกจากจะได้รับการยอมรับทั้งในเรื่องพลังงานสะอาด เมืองตัวแทนแห่งความสงบสุข หรือเมืองที่มีหลักวิทยาการที่ล้ำยุคเป็นอันดับต้นๆของโลก ก็ยังมีหลักสาระบันเทิงที่ไม่แพ้ชาติอื่นๆอีกด้วย และที่โดดเด่นที่สุดสำหรับเมืองแห่งนี้ก็คือ ไอดอล ซึ่งในเอเรีย 1 นี้นั้นก็มีบริษัทชื่อดังที่มีไอดอลดังๆสังกัดอยู่กับบริษัทของตน


         765 โปรดักชั่น ถือว่าเป็นหนึ่งในสิบบริษัทชื่อดังของเมืองนี้ ที่กำลังจะจัดคอนเสิร์ทครั้งใหญ่ซึ่งเป็นอีเวนท์ที่มีความสำคัญอย่างมากสำหรับบริษัทนี้ เพราะเป็นการเปิดตัวไอดอลหน้าใหม่และการนำไอดอลชื่อดังของสังกัดตัวเอง มาแสดงบนเวทีกันทุกคน ซึ่งก้มีแฟนๆต่างเฝ้าติดตามเป็นจำนวนมาก

         เพียงแต่ว่าด้วยความผิดพลาดบางประการจึงทำให้ตอนนี้ทางบริษัทกำลังประสบปัญหาที่อาจจะทำให้คอนเสิร์ทต้องถูกยกเลิก...

         "ไม่ได้! เราจะยกเลิกงานคอนเสิร์ทในครั้งนี้ไม่ได้เด็ดขาด" ชายแก่ผู้เป็นประธานบริษัท 765 โปรดักชั่นค้านการยกเลิกคอนเสิร์ทที่ลูกน้องของเขาเสนอมาอย่างที่สุด
         "งานครั้งนี้สำคัญมาก หากยกเลิกไปล่ะก็พวกแฟนๆคงจะต้องผิดหวังแน่ๆ"

         "แต่ว่าท่านประธานครับ ตอนนี้รถของเราเกิดประสบอุบัติเหตุจึงทำให้ไม่สามารถมาได้ทันตามที่กำหนด ทำให้เอกสารสำคัญที่จำเป็นต่อการเริ่มงานยังมาไม่ถึงนะครับ" ลูกน้องของประธานบอก "ถ้าไม่มีเอกสารนั้นงานของเราก็ไม่สามารถเริ่มได้นะครับ"

         "ถึงงานของเราจะเริ่มตอน 6 โมงเย็นก็เถอะครับ แต่ว่าเราต้องการเอกสารนั้นก่อน 5 โมงไม่งั้นพวกเราจะไม่สามารถจัดการความเรียบร้อยได้ทันนะครับ" ลูกน้องอีกคนพูดขึ้น

         ประธานบริษัทเริ่มรู้สึกตึงเครียดด้วยปัญหาสำคัญ "ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปต้องไม่ดีแน่.."

         "เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอกค่ะ" เลขานุการสาวของท่านประธาน เข้ามาพร้อมกับข่าวดี "ตอนนี้ทางฝั่งนั้นได้ติดต่อกับ Messenger ที่เร็วที่สุดในสายงานมาแล้วค่ะ"
         "Messenger ที่เร็วที่สุดงั้นเรอะ ?"

         บนถนนเส้นทางที่เต็มไปด้วยรถยนต์ และยานพาหนะขับเคลื่อนต่างๆ ได้มีสิ่งหนึ่งขับผ่านการจราจรที่แน่นหนานี้ไปอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วที่ยิงกว่ารถฟอร์มูล่า-1 เมื่อใดที่สิ่งนั้นได้ผ่านไปยังที่ในๆก็จะเกิดสายลมพัดกระหน่ำขึ้นอย่างรุนแรง จนแทบจะทำให้คนหลายคนถึงกับปลิวไปตามแรงลมได้

         เขาขับผ่านรถ ผู้คน ขับย้อนศร มามากแต่ว่าเขาก็เหมือนจะไม่มีใครจับได้ด้วยความเร็วที่แทบจะมองไม่ทันเช่นนี้

         "แฮ่กๆๆ" สายลมนั้นมาหยุดที่ทางไฟแดง เขามองหาทางสำคัญที่จะทำให้เขาสามารถไปยังจุดหมายได้เร็วที่สุด และเขาก็พบเห็นซอยเล็กที่สามารถผ่านไปได้ เด็กหนุ่มปลดเกียร์และรีบมุ่งหน้าไปยังทางที่ว่านั้นและผ่านไปยังอีกฝั่งในชั่วพริบตา

         "ใกล้ถึงแล้วสินะ" เมื่อผ่านมาได้เขาก็รีบพุ่งตรงไปยังจุดหมายในทันที

         ฝั่ง 765 โปรดักชั่นต่างออกมาหน้าสถานที่จัดงาน เฝ้ารอเวลาที่ Messenger ผู้นั้นจะมาถึง
         "นั่นไง มาโน่นแล้ว!" ลูกน้องผู้ชายตะโกนและชี้ไปทางบุรุษผู้ปั่นจักรยานตรงมาที่พวกเขาด้วยความเร็วสูง

         "ขอโทษที่ให้รอครับ!" Messenger พุ่งเข้ามาและหักจักรยานเลี้ยวหยุดลงตรงหน้าของท่านประธาน 765 โปร และลงมาจากจักรยานและถอดหมวกของเขาออก พร้อมกับหยิบใบเซ็นรับของขึ้นมา
         "ของที่ให้มาส่งมาแล้วครับ ช่วยเซ็นด้วยนะครับ"

         "อา ขอบคุณมากๆนะถ้าไม่ได้เธอล่ะก็พวกเราต้องแย่แน่ๆ" ท่านประธานรับใบเซ็นรับของมาและเซ็นชื่อของเขาลงไป ลูกน้องของเขาก็นำเอกสารไป

         "ขอบคุณมากนะครับคุณ Messenger ที่เร็วที่สุดในสายงาน เท่านี้งานเราก็เดินหน้าต่อได้แล้ว!" ลูกน้องทั้งสองคนของท่านประธานรีบกลับเข้าไปในงานเพื่อไปจัดการเรื่องต่างๆให้เรียบร้อย

         "เธอน่ะเร็วดีจริงๆนะ แล้วคราวหน้าจะขอใช้บริการอีกนะ" ท่านประธานยื่นใบเซ็นรับของคืนแก่เด็กหนุ่ม

         เด็กหนุ่มรับใบเซ็นรับของกลับมาและใส่ลงกระเป๋าเสื้อ "ไม่เท่าไหร่หรอกครับ ผมแค่ฝึกมาดีน่ะครับ" เขาปลดล็อคจักรยานออกและขับออกไป "งั้นหวังว่าคราวหน้าจะใช้บริการอีกนะครั.."

         แต่เมื่อออกจักรยานออกไปได้ไม่ไกลด้วยความที่เขาไม่ได้มองจึงทำให้จักรยานของเขาไปสะดุดกับก้อนหินเล็กๆเข้า ถึงจะไม่้มีผลอะไรมากแต่ว่ามันก็ทำให้รถจักรยานของเขาถึงกับเสียหลักและล้มคล่ำ "ว้า!"
         และร่วงลงไปทางบันไดรถไฟใต้ดิน

         "โอ้ย..เจ็บๆ" เด็กหนุ่มร่วงลงมากระแทกกับพื้นอย่างจัง แต่ก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมาก

         "นี่นายเป็นอะไรรึเปล่า ?" เด็กผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่แถวนั้นพอดีเข้ามาดูอาการของเขา และยื่นมือช่วยดึงให้ลุกขึ้น 
     
         "ขอบคุณมาก ผมไม่เป็นไรหรอกครับ แค่นี้สบายมาก" เด็กหนุ่ม Messenger ตอบ
         "คราวหน้าก็ระวังตัวหน่อยนะ ตกลงมาแบบนี้มันอันตรายล่ะนะ" เด็กผู้ชายบอก "งั้นขอตัวนะ" และเขาก็เดินขึ้นบันไดทางที่เด็กหนุ่มตกลงมาไป

         เด็กหนุ่ม Messenger ขึ้นมาจากบันไดทางรถไฟใต้ดิน โดยที่มีประธานและเลขานุการของ 765 โปรดักชั่นเป็นห่วง
         "นี่เธอไม่เป็นไรใช่มั้ย เมื่อกี้นี้น่าจะเจ็บน่าดูนะ" 

         "ครับ แค่นี้ไม่เป็นไรหรอกครับ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ" เขาตั้งรถจักรยานขึ้นใหม่และขึ้นไปขี่อีกครั้ง "งั้นขอตัวก่อนนะครับ" แล้วเขาก็ปั่นจักรยานออกไป

         "เป็นคนที่อึดและแข็งแรงดีนะคะ" เลขานุการสาวบอก
         "นั่นสินะ.." ชายแก่มองไปที่บัตรสี่เหลี่ยมใบหนึ่งที่ตกอยู่ที่พื้น เขาจึงหยิบมันขึ้นมาดู "บัตรประจำตัว Messenger...ของเด็กคนนั้นอย่างงั้นเรอะ ?"

         "อะยาซากิ ฮายาเตะ.." ประธานอ่านชื่อของเด็กผู้นั้นเบาๆ และเก็บลงกระเป๋าเสื้อไป
         "โอโตนาชิคุง พวกเราก็กลับไปทำงานของเราก่อนดีกว่านะ" ท่านประธานบอกกับเลขานุการสาวของเขา

         "ค่ะ ทราบแล้วค่ะ" เธอตอบรับ และทั้งสองก็เดินย้อนกลับไป


    เอเรีย 1  ย่านการค้า Yukikaze  เวลา 17.05 น.

         อะยาซากิ ฮายาเตะคือเด็กหนุ่มที่ต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในครอบครัวที่ค่อนข้างจน จนเขาต้องออกมาทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัวด้วยตัวเอง ซึ่งอันที่จริงแล้วเป็นเพราะพ่อและแม่ของเขานั้นไม่มีงานทำ แต่ไม่ได้มาจากการโดนไล่ออกหรือตกงานแต่อย่างใด

         แต่พ่อของฮายาเตะนั้น เอาแต่พูดเรื่องเพ้อเจ้อไปวันๆและยังไม่ยอมหางานทำ เอาแต่ไปยืมเงินคนอื่นและติดหนี้เขาแต่ก็คิดที่จะหาเงินมาใช้หนี้
         ส่วนแม่ของฮายาเตะ ชอบนำเงินไปทำตามความฝัน(พนัน) ไม่ทำงานบ้าน และทำตัวเหลวไหล

         จึงทำให้มีเพียงแค่เด็กหนุ่มที่มีความเพียรพยายามและความมุ่งมั่นผู้นี้ ที่คอยทำงานหาเงินให้แก่ครอบครัวเพื่อส่งเสียให้ตัวเองได้เรียนในโรงเรียนเอกชนธรรมดา อาหาร ยารักษาโรค ค่าเช่าห้องพัก และค่าอื่นๆอีกมาก

         ด้วยความเหนื่อยจากการทำงานมาทั้งวันฮายาเตะจึงมานั่งพักที่ลานนำพุกลางย่านการค้าที่ผู้คนพลุกพล่าน พร้อมกับตรวจเช็คลิสท์งานในโทรศัพท์ "อืม...งานของวันนี้ก็หมดแล้วสินะ"
         "ถ้าอย่างงั้นก็กลับที่ทำงานก่อนแล้วค่อยกลับบ้านก็แล้วกัน"

         เมื่อตัดสินใจเช่นนั้นได้แล้ว เด็กหนุ่มเดินไปที่ที่จอดรถจักรยานเพื่อที่จะนำรถรถจักรยานของเขาออกมา แต่ว่า...

         "ช่วยด้วยค่ะ มันเอากระเป๋าของฉันไปค่ะ!"
         เสียงร้องขอความช่วยเหลือของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น เรียกให้ฮายาเตะและคนระแวกนั้นหันไปตามเสียงร้องนั้นและก็พบเห็นชายคนหนึ่งกำลังวิ่งหนีมาจากผู้หญิงคนนั้นพร้อมกับกระเป๋าสะพายที่ดูมีราคาในมือ

         อะยาซากิทำตามหน้าที่ที่คนดีๆต้องทำคือการเข้าไปช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อน
         "ไม่ยอมให้ไปได้หรอกครับ" เด็กหนุ่มเคลื่อนไปดักหน้าหัวขโมยคนนั้น

         "ถอยออกไปซะ เจ้าเด้กบ้า" หัวขโมยเงื้อมมือขึ้นสุดพร้อมที่จะต่อยใส่ผู้ที่เข้ามาขวางทางเขา แต่ทันใดนั้นเองก็มีอีกมือหนึ่งเข้ามาหยุดแขนข้างนั้นไว้ "อะไรน่ะ!?"

         เด็กผู้ชายอีกคนหนึ่งเข้ามาหยุดมือของเขาไว้ "เฮ้ยๆ เป็นพวกขโมยมันไม่ดีหรอกนะ ทำแบบนี้น่ะจะมีแต่เจ็บตัวเปล่าๆน่า" 

         "อย่ามายุ่งน่า" เขาโกรธสุดขีดและใช้มืออีกข้างวกตัวกลับมาต่อยชายอีกคน
         "ย้ากก!!" ฮายาเตะพุ่งเข้ามาสุดแรงกระแทกเข้าอกของหัวขโมยอย่างจัง และทำให้มันล้มลง ส่วนชายอีกคนปล่อยมือออกก่อนจึงทำให้ไม่เป็นอะไร

         "ออกไปให้พ้น" หัวขโมยสลัดฮายาเตะออกอย่างสุดแรงทำเอาร่างของเด็กหนุ่มกระเด็นออกมาชนกับชายอีกคนทำให้ล้มไปตามๆกัน ส่วนมันก็รีบหนีไปอย่างรวดเร็ว

          "จริงๆเลย.." ชายอีกคนลุกขึ้น "..หนีไปจนได้ เจ้านั่นมันแรงเยอะชะมัดถึงกับผลักคนกระเด็นได้แบบนี้ แต่ว่าถ้าเป็นอย่างงี้เดี๋ยวเราก็ต้องตามไปเอากระเป๋าคืนอีกสินะ"

         "เออ..คือว่าเรื่องนั้นน่ะครับ" ฮายาเตะส่งเสียงฝ่ายนั้นหันกลับมาตามเสียง และเขาก็เปิดกระเป๋าที่อยู่ในอกให้เห็น "..แบบว่าตอนที่เข้าไปชนเมื่อกี้น่ะครับ ผมเล็งที่กระเป๋าไว้ก่อนแล้ว"

         "โห นายนี่ก็ไม่เลวเหมือนกันนะ"
         ชายหนุ่มยื่นมือให้ฮายาเตะและช่วยดึงเขาขึ้นมา "ขอบคุณนะครับ"

         "พวกเธอเป็นอะไรกันรึเปล่า ?" ผู้หญิงที่ร้องขอความช่วยเหลือเข้ามาหาพวกฮายาเตะ พร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกสองคน "แล้วหัวขโมยนั่นล่ะ ?"

         "ต้องขอโทษด้วยครับ เขาหนีไปได้น่ะครับ" ฮายาเตะบอก
         "แต่ว่าผมเอากระเป๋ามาได้น่ะครับ"

         "อา ขอบใจมากเลยนะจ้ะ" เธอรับกระเป๋าของเธอกลับไป "กระเป๋าใบนี้ซื้อมาแพงจากบราซิลเลยล่ะนะ เดี๋ยวคงต้องระวังให้มากกว่านี้ซะแล้วล่ะนะ"

         "คุณผู้หญิงครับ ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่เองนะครับ" เจ้าหน้าที่บอก
         "พวกเธอนี่ใจกล้าดีเหมือนกันนะที่ไปหยุดผู้ร้ายแบบนั้น แต่ว่าคราวหลังก็ระวังตัวด้วยนะ เดี๋ยวพวกเะอจะเป็นอันตรายได้" ตำรวจอีกนายบอกกับฮายาเตะและชายอีกคน

         "ค่ะ ขอบพระคุณมากนะคะ" ฝ่ายหญิงขอบคุณ และเจ้าหน้าที่ทั้งสองก็ไล่ตามหัวขโมยคนนั้นไป

         "งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ขอตัวไปล่ะนะ" ชายหนุ่มอีกคนพูดขึ้น

         "เดี๋ยวก่ิอนซิจ้ะ พวกเธอช่วยฉันไว้ถึงฉันจะไม่รู้จะให้อะไรตอบแทนก็เถอะแต่ช่วยรับเงินส่วนนี้เป็นของตอบแทนด้วยเถอะนะ ถือว่าเป็นคำขอบคุณจากฉันก็แล้วกัน" ผู้หญิงวัยสามสิบให้เงินเล็กน้อยแก่ทั้งสองเป็นของตอบแทนที่ช่วยเธอไว้

         "ขอบพระคุณมากครับ" ฮายาเตะจำใจรับเงินนั้นมาเพื่อไม่ให้เสียน้ำใจ
         และหลังจากหมดเรื่องวุ่นวายแล้ว เด็กหนุ่มก็แยกกับชายอีกคนและปั่นจักรยานกลับไปที่ทำงานของเขา


    เอเรีย 1  บริษัทส่งของ  เวลา 17.38 น.

         ฮายาเตะกลับมาที่บริษัทส่งของที่เขาทำงานอยู่ เขาจอดรถจักรยานของเขาไว้ที่ที่จอดรถจักรยานของบริษัท และเข้าไปห้องล็อคเกอร์เพื่อถอดชุดทำงานของเขา และเขาก็เพิ่งสังเกตถึงของที่หายไป
         "บัตรประจำตัวของเรา...หายไปไหนนะ ?"

         เด็กหนุ่มนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่เขาเกิดสะดุดก้อนหินตกลงไปที่ทางลงสถานีรถไฟใต้ดิน จึงคิดว่าน่าจะหล่นหายไปในตอนนั้น "ถ้าหล่นไปแบบนั้นคงกลับไปเอาไม่ได้ล่ะนะ เดี๋ยวค่อยไปขอใหม่ก็แล้วกัน" เขายังคงคิดเรื่องในแง่ดีอยู่

         "อะยาซากิอยู่รึเปล่า ?" เพื่อนร่วมงานผู้เป็นรุ่นพี่ของฮายาเตะเดินเข้ามาในห้องล็อคเกอร์ "อา อยู่นี่เอง"

         "มีอะไรอย่างงั้นเหรอครับ ?" ฮายาเตะถามเพราะเห้นรุ่นพี่เรียกหาเขา

         "ก็หัวหน้าเรียกตัวนายน่ะสิ ดูจริงจังมากด้วย นี่นายไปทำอะไรไม่ดีหรือไปส่งของอะไรไม่รึเปล่า ?" รุ่นพี่ซักถาม

         "ก็เปล่านะครับ วันนี้ผมก็ไม่ได้ไปทำอะไรที่รบกวนคนอื่นเขามาก และวันนี้ผมก็ไปส่งของตรงเวลาทุกครั้งนะครับ" เด็กหนุ่มตอบไปตามความจริง

         "อืม อย่างงั้นเรอะ ฉันเองก็ไม่รู้เหตุผลล่ะนะ" รุ่นพี่ทำความเข้าใจ
         "เอาเป็นว่าไปหาหัวหน้าเองก็แล้วกันนะ เดี๋ยวฉันก็ต้องออกไปบ้างละ ขอให้โชคดีไม่โดนหักเงินเดือนล่ะ"

         "ฮะๆๆ อย่าพูดเล่นแบบนั้นสิครับ เดี๋ยวเป็นจริงขึ้นมาคนที่จะซวยตือผมนะครับ" ฮายาเตะพูด

         "ไม่หรอกน่า นายน่ะเป็นมือดีที่สุดของบริษัทเรา หัวหน้าคงไม่ทำอะไรนายหรอกมั้ง" รุ่นพี่พูดให้กำลังใจ "เอาเป็นว่าขอให้ไม่เจอเรื่องอะไรไม่ดีก็แล้วกัน ไปละ"

         "ไปดีมาดีนะครับ" ฮายาเตะกล่าวอำลา
         รุ่นพี่ก็ออกไปขี่จักรยานของตัวเองออกไปทำงาน

         ฮายาเตะเก็บของเข้าล็อคเกอร์เรียบร้อย "ต่อไปก็ไปพบกับหัวหน้าสินะ.."

         เด็กหนุ่มเดินไปที่ห้องของหัวหน้างานของเขา เพื่อที่จะเข้าพบตามที่บอกมา
         ก๊อกๆๆ "ขอเข้าไปนะครับ" อะยาซากิเปิดประตูเข้าไปพบหัวหน้าของเขาที่ทำหน้าเคร่งขึมจริงจังรออยู่แล้ว "หัวหน้าเรียกผมงั้นเหรอครับ"

         "ใช่ พอดีว่ามีเรื่องสำคัญที่จะคุยกับเธอน่ะ" หัวหน้าบอก
         "เรื่องอะไรเหรอครับ ?" ฮายาเตะถาม

         "อะยาซากิคุง ฉันขอไล่เธอออก!" ประโยคสั้นๆง่ายๆที่มาจากปากของหัวหน้าของฮายาเตะ ทำเอาเขาถึงกับนิ่งเงียบไปหลายชั่วครู่ก่อนที่จะรู้สึกอีกที

         "เดี๋ยวๆ เดี๋ยวสิครับทำไมถึงไล่ผมออกล่ะครับ ผมยังไม่ได้ไปทำอะไรผิดเลยนะครับ ของวันนี้ก็ส่งครบตรงตามเวลาทุกอย่างนะครับ" ฮายาเตะพูดอย่างลุกลี้ลุกลน

         "ปัญหาไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก เธอน่ะเป็นคนที่ยอดเยี่ยมที่สุดในสายงานของเราจริงๆนั่นล่ะ" 
         "ถ้าอย่างงั้นเป็นเพราะอะไรล่ะครับ" ฮายาเตะถามเหตุผล

         "เธอน่ะ...โกงอายุเข้าทำงานสินะ จริงๆน่ะยังเป็นแค่เด็กม.ต้นที่เพิ่งเรียนจบและกำลังจะขึ้นม.ปลายสินะ" ฝ่ายหัวหน้าสามารถรู้เรื่องสิ่งที่ฮายาเตะปิดบังเป็นความลับในการทำงานที่นี่ได้ตลอดมา เพราะที่นี่ต้องมีวุฒิจบ ม.6 เป็นต้นไปถึงจะสามารถเข้าทำงานได้ และนี่ก็เป็นกฏหมายภาคบังคับที่จะปฏิเสธไม่ได้

         "ละ..แล้วรู้เรื่องนั้นได้ยังไงล่ะครับ ?" ฮายาเตะถาม
         "เมื่อตอนเที่ยงคุณพ่อและคุณแม่ของเธอได้มาบอกเรื่องนั้นกับฉันยังไงล่ะ" หัวหน้าของฮายาเตะเล่า

         "อุตส่าห์นึกว่าเป็นคนหนุ่มไฟแรงที่เข้ามาทำงาน แต่ว่าเธอก็ต้องทำให้ฉันผิดหวัง ส่วนเงิน หนึ่งแสนเจ็ดหมื่นเยน ก็ได้ให้กับพ่อแม่ของพวกเธอไปแล้ว เพราะเธอก็ทำงานดีมาโดยตลอดคงจะไม่ให้ค่าตอบแทนก้คงไม่ได้" หัวหน้าอธิบายแต่ฮายาเตะกลับดูเหมือนเครียดอะไรบางอย่างมากกว่านั้น

         "เดี๋ยวสิครับ ให้ไปแล้วอย่างงั้นเหรอครับ!" ฮายาเตะเข้ามาทุบโต๊ะอย่างจริงจัง
         "ถ้าให้เงินมากขนาดนั้นกับพ่อแม่ผมไปล่ะก็ มีหวังถูกนำเงินไปใช้ทำตามความฝันหมดแน่น่ะสิครับ!"

         "จะบ้ารึเปล่า  พ่อแม่แบบนั้นมันมีซะที่ไหนล่ะ"
         "ก็เพราะมีน่ะสิครับผมจึงต้องโกงอายุมาทำแบบนี้" ฮายาเตะรีบวิ่งไปออกไปจากห้องนี้ในทันที

         "เดี๋ยวก่อน อะยาซากิ!" หัวหน้าตะโกนไล่หลังไปแต่ฮายาเตะไม่ได้สนใจฟังเสียงของเขาแล้ว คิดแต่ว่ามีเรื่องสำคัญที่เขาจะต้องรีบไปโดยเร็วที่สุด

         อะยาซากิรีบไปเอาของส่วนตัวที่อยู่ในล็อคเกอร์ออกมา และรีบปั่นจักรยานของเขากลับบ้าน
         "ต้องรีบกลับไปให้เร็วที่สุดแล้วแบบนี้" ฮายาเตะปั่นจักรยานไปด้วยความเร็วสุงสุดในทันที


    .
    .
    .
    .



    เอเรีย 1  หอพักที่ครอบครัวฮายาเตะอาศัยอยู่  เวลา 17.55 น.

         ฮายาเตะรีบปั่นจักรยานมาที่หอพักของตัวเองและจอดจักรยานไว้ข้างหอ และวิ่งขึ้นไปที่ห้องขอเขาชั้นบนในทันที และเปิดประตูเข้าไปในห้องนั้น "คุณพ่อครับ คุณแม่ครับ เงินเดือนของผมล่ะ!"
         แต่เมื่อเข้าไปเขาก็ไม่พบเห้นใครอยู่ภายในห้องนั้นเลย "ไม่อยู่งั้นเรอะ"

         แสงแดดยามเย็นที่ส่องเข้ามาทางบานหน้าต่าง ช่วยให้ห้องที่มืดมิดนี้สว่างขึ้นมาได้เล็กน้อย
         เด็กหนุ่มเข้าไปสำรวจในห้องพักของตัวเอง ก็ไม่พบใครอยู่เลยจริงๆ และเขาก็ไปเจอซองที่เขียนว่า เงินเดือน วางอยู่บนโต๊ะไม้ ในห้องนอนของเขา

         "ค่อยยังชั่วยังไม่ได้ใช้สินะ" อายาเตะรู้สึกโล่งอกทันทีที่รูว่าพ่อแม่ยังไม่ได้ใช้เงินเดือนของตน ที่อุตส่าห์เก็บมาด้วยความยากลำบากตลอดเดือน เขาหยิบขึ้นมาแต่ว่าก็มีกระดาษแผ่นนึงร่วงลงมาจากซองนั้นด้วย

         "นี่มัน ?" เด็กหนุ่มอ่านข้อความที่เขียนบนกระดาษแผ่นนั้น
          'ขอโทษนะ เงินที่เราเอาไปลงทุนกับความฝันดูท่าจะพลาดซะแล้วล่ะ จากแม่'

         "เอ๊ะ!?" ฮายาเตะเริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี
         พอเขาเขย่าซองเงินเดือน ก็มีเหรียญ สิบเยนสองเหรียญออกมาเท่านั้น "อะไรกันน่ะ.."

         เมื่อเห็นเช่นนี้เด็กหนุ่มก้ถึงกับหมดแรงและคุกเข่าลงด้วยความสลดใจ "ละ..แล้วแบบนี้จะอยู่จนข้ามปีได้ยังไงล่ะ...บ้านเราไม่เคยมีเงินเก็บแท้ๆ"

         ในระหว่างที่เด็กหนุ่มกำลังหมดกำลังใจอยู่นั้นเขาก็เงยหน้าไปเห็นซองๆหนึ่งที่แปะไว้กับผนังห้อง พร้อมกับมีข้อความเขียนไว้ว่า 'ของขวัญสำหรับลูก ฮายาเตะ'
         อะยาซากิเข้าไปหยิบซองจดหมายนั้นและหยิบแผ่นกระดาษสีขาวข้างในออกมาอ่าน

         "นี่มันอะไรกันน่ะ..หน่วย..สิบ..ร้อย..พัน..หมื่น..แสน..ล้าน..สิบล้าน..ร้อยล้าน.." ฮายาเตะอ่านอย่างช้าๆและเข้าก็รู้สึกตัวเมื่อเห็นข้อความด้านล่าง "จดหมายกู้เงิน 156,804,000 เยนงั้นเรอะ!?"

         เด็กหนุ่มอ่านข้อความต่อไป
         "พ่อกับแม่ได้ไปขอกู้ยืมเงินจากพวกกลุ่มคนแสนดี(ยากูซ่า) มาน่ะจ๋ะ คือแบบจะทำงานใช้หนี้มันก็ขี้เกียจแถมที่บ้านก็ไม่มีตังค์ด้วย งั้นก็ช่วยใช้หนี้หน่อยนะฮายาเตะลูกรักของพ่อและแม่ แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆพ่อและแม่ก็ปรึกษากันไว้แล้วว่าจะทำยังไงดี และในที่สุดก็ได้ข้อสรุปว่า...ต่อหน้าหลัง"

         ฮายาเตะพลิกกระดาษไปหน้าหลัง 
         "พวกเราก็ได้ขายลูกให้กับพวกเขาไปแล้วน่ะสิ ที่เหลือของฝากด้วยนะ ด้วยรักและคิดถึงจากพ่อและแม่"

         "แบบนี้มันหมายความยังไงกันครับ คุณพ่อ คุณแม่" ฮายาเตะตะโกนลั่นไปทั้งหอ
         "ผมก็พอจะเข้าใจสถานการณ์แต่ทำไมถึงต้องทำแบบนี้ด้วยล่ะครับ"

    ตึง! ตึง! ตึง!

         "เฮ้ย อะยาซากิอยู่รึเปล่าพวกเรามารับตัวลูกชายของแกแล้ว!" เสียงตะโกนและเสียงเคาะประตูที่รุนแรงเช่นนี้ทำให้ฮายาเตะเดาได้ไม่ยากเลยว่าผู้ที่มานี้นั้นเป็นใครและมีจุดประสงค์อะไร

         "แบบนี้แย่แน่ๆ" อะยาซากิคิดว่าปล่อยไว้แบบนี้ต้องไม่ดีแน่ๆ เขาจึงพยายามมองหาทางออกและเขาก็หันไปมองทางดวงตะวันสีส้มข้างนอก "ทางนี้..!"

         "ถ้าไม่ยอมเปิดล่ะก็ พวกเราจะพังเข้าไปล่ะนะ!" เสียงจากข้างนอกตะดกนบอก

         ตึง!!  ยากูซ่าห้าคนชายสี่ หญิงหนึ่งเข้ามาในห้องของครอบครัวฮายาเตะ แต่ว่าก็ไม่พบเห็นใครอยู่ในห้องแล้ว

         "ไม่อยู่อย่างงั้นเรอะ" ยากูซ่าตัวสูงพูดขึ้น
         "แต่เมื่อกี้ยังได้ยินเสียงตะดกนของใครบางคนอยู่เลยนะ" ยากูซ่าตัวเล็กบอก
         "ลองหาดูให้ทั่วๆ ส่วนตาเดียวคอยเฝ้าประตูไว้ล่ะ" หัวหน้ายากูซ่าสั่ง
         "รับทราบ" ยากูซ่าที่ตาบอดข้างนึงบอดรับคำสั่ง

         ยากูซ่าอีกสี่คนออกตามหาทั่วทุกห้อง แต่ก็ไม่พบเห็นใครเลยแม้แต่คนเดียว แต่ยากูซ่าหญิงก็สังเกตเห็นความผิดปกติที่มีซองจดหมายตกอยู่ในห้องนอนของฮายาเตะ และยังอยู่ในสภาพที่อ่านแล้ว
         "เจ้านั่นมัน.." เธอหันไปมองทางแสงอาทิืตย์สีส้ม และนั่นก็ทำให้เธอนึกออก

         "ตาเดียว ข้างนอกเจ้าเด็กนั้นมันหนีไปแล้ว!" เพราะเธอสังเกตเห็นบานกระจกที่เปิดอยู่ทำให้ฌะอรู้ได้ในทันทีว่าฮายาเตะหนีออกไปทางหน้าต่าง และเธอก็รีบตะดกนบอกยากูซ่าตาเดียวที่เฝ้าอยู่ที่ต้นทาง

         "ว่าไงนะ!?" ยากูซ่าตาเดียวหันกลับไปมองข้างนอกก็เห็นฮายาเตะขึ้นขับจักรยานและปั่นออกไปอย่างรวดเร็ว "ไม่ยอมให้หนีได้หรอก"

         ยากูซ่าตาเดียวพร้อมกับพรรคพวกรีบลงมาจากห้องและขึ้นรถ ไล่ตามฮายาเตะไป

         เด็กหนุ่มที่ถูกไล่ล่าต่างมีสถานที่มากมายผุดขึ้นมาในหัวของเขาว่าจะหนีไปที่หนใด แต่เขาจำต้องหาที่ที่จะให้เขาสามารถซ่อนตัวจากพวกยากูซ่าเหล่านั้นให้ได้ และเขาก็คิดถึงที่หนึ่งได้
         "จริงสิ ที่นั่นก็แล้วกัน!" เมื่อตัดสินใจได้เขาก็รีบปั่นออกไปด้วยความเร็วสูงในทันที


    เอเรีย 1  สวนสาธารณะ 18.50 น.

          หลังจากที่หนีมาเกือบชั่วโมง ในที่สุดฮายาเตะก็เลือกหนีมาที่สวนสาธารณะใกล้ๆ ซึ่งมีเป็นสวนสาธารณะที่กว้างใหญ่อยู่มากพอสมควรเลย และยังมีเขาวงกตเล็กๆไว้เป็นที่ซ่อนตัวได้อีก เด็กหนุ่มจึงเลือกมาซ่อนที่ตัว ณ ที่แห่งนี้

         แต่ว่าเขาก็ยังไม่อาจหนีพวกยากูซ่าพ้น...
         รถของพวกยากูซ่าที่ตามมาตั้งแต่หอพักที่ฮายาเตะพักอาศัยมาถึงสวนสาธารณะก็จอด และลงกันมาเพื่อตามจับเด็กหนุ่ม "ฮึ่ม มันหายไปไหนแล้วนะ ไม่ใช่ว่าไม่ได้อยู่ที่งั้นเรอะ ?"

         "หัวหน้ามันต้องอยู่ที่นี่แน่ๆครับ จักรยานของมันยังล้มอยู่ตรงนั้นอยู่เลย" ยากูซ่าตัวเล็กชี้ไปที่รถจักรยานของฮายาเตะที่ตอนนี้อยู่ในสภาพหมดสภาพ เพราะการใช้งานที่มากและต่อเนื่องจนเกินไปจนรับไหวไม่ไหว

         "มันอาจจะไปซ่อนในเขาวงตก็ได้เดี๋ยวฉันไปดูให้" ยากูซ่าตาเดียวบอก

         "ได้ ส่วนพวกที่เหลือคอยดูรอบๆ เราจะต้องจับตัวมันมาให้ได้เข้าใจมั้ย" หัวหน้ายากูซ่าสั่ง
         "ครับ/ค่ะ" เหล่าลูกน้องทั้งสี่ขานรับ

         ยากูซ่าร่างสูงแยกออกตามหาฮายาเตะอีกทางนึง ท่ามกลางสวนสาธารณะที่มืดสนิท มีเพียงแสงไฟสลัวๆจากเสาไฟช่วยส่องนำทางให้เพียงเท่านั้น แต่ว่านั่นก็ไม่ได้ช่วยลดความน่ากลัวและความวังเวงของที่นี่ลงเลยแม้แต่น้อย เสียงของเหล่าแมลงทั้งหลายที่ดังอยู่โดยรอบทำให้ชายร่างสูงผู้นี้รู้สึกหวั่นเกรงไม่น้อย

         พรึ่บๆๆ
         เสียงขยับของพุ่มไม้ข้างทำให้ยากูซ่าร่างสูงหันไปสนใจ และเขาคิดว่านั่นจะต้องเป็นฮายาเตะอย่างแน่นอน "อยู่นี่เองหาตัวเจอแล้ว!"
         เขาแหวกพุ่มไม้ออกหวังในใจว่าจะได้เจอกับเด็กหนุ่มแต่เขากลับคิดผิด...

         "ฮว้ากก!!" เบื้องของยากูซ่าร่างสูงคือสัตว์ประหลาดหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว ใบหน้าของมันใสเหมือนกับลูกแก้ว แต่ภายในนั้นมีแสงสามดวงเปรียบเสมือนดวงตาของมันส่องแสงออกมา รูปลักษณ์ภายนอกของมันก็คล้ายคลึงกับแมงมุมยิ่งมาก แต่ที่รู้แน่ๆคือ...มันไม่ใช่มนุษย์...

         "ตะ..ตัวบ้าอะไรเนี่ย!?" ยากูซ่าร่างสูงสะดุ้งตกใจล้มลงในทันที

         "ฮา..." สัตว์ประหลาดรูปร่างหน้าตาคล้ายแมงมุมเดินออกมาจากพุ่มไม้และออกมาดชว์ตัวให้ยากูซ่าคนนี้เห็นเต็มตา "...ฮ่าส์!"
         ฝูงแมงมุมจำนวนมากที่ออกมาจากปากของสัตว์ประหลาดตนนี้เข้าจู่โจมยากูซ่าผู้เคราะห์ร้าย และเข้ากัดกินร่างของเขาอย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่อึดใจผิวหนังของชายร่างสูงก็ถูกฝูงแมงมุมเหล่านั้นกินจนเห็นเนื้อหนังสีแดงที่หุ้มกระดูกของเขา แต่เหล่าแมลงเพชรฆาตยังไม่ยอมหยุดแค่นั้น มันยังกัดกินเนื้อหนังสีแดงเหล่านั้น น้ำโลหิตสีแดงไหลรินออกจากร่างของเขา เสียงร้องโหยหวนขอความช่วยเหลือที่ไม่สามารถร้องออกมาได้ด้วยฤทธิ์ของยาชาจากพิษของแมงมุม ในที่เหล่าแมลงแปดขาก็เขาไปกัดกินอวัยวะภายในของคนๆนี้จนหมดสิ้นเหลือไว้เพียงร่างเนื้อสีแดงเปล่าๆ

         สัตว์ประหลาดแมงมุมใช้มือซ้ายของมันแทงเข้าไปที่หน้าอกด้านซ้ายของศพและดึงหัวใจของคนผู้นี้ออกมา และหยิบเครื่องบางอย่างที่มีเข็มชีดยาและหลอดเก็บบางอย่างออกมาและดูดหัวใจกลายเป็นของเหลวไปไว้ในหลอดแก้วนั้น ได้ 1/5 ของหลอด

         "ยัง..ยัง..ต้องมากกว่านี้" ปิศาจสามตาหันไปมองเหล่าสิ่งมีชีวิตสองขาที่อยู่ในสวนสาธารณะ และนี่คือเวลาของการ ล่า!!


         ในขณะเดียวกันนั้น อะยาซากิ ฮายาเตะที่กำลังหลบอยู่ที่ทางออกของเขาวงกตก็เอาแต่นั่งคิดเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขา "..ถึงจะหนีพ้นแล้วก็เถอะ แต่ว่าทำกันถึงขนาดนี้ พ่อแม่ภาษาอะไรเนี่ย!?" เด็กหนุ่มรู้สึกท้อใจ เจ็บใจ และหมดหวังในเวลาเดียวกัน

        "สุดท้ายแล้ว..โลกนี้พวกคนที่คดโกงนั่นล่ะที่เป็นฝ่ายอยู่รอด ส่วนพวกคนที่มุ่งมั่นและพยายามก็มีแต่ต้องผิดพลาด และไม่เคยสำเร็จ" ฮายาเตะจิตตก "ถึงจะพยายามแค่ไหนก็ไม่เคยได้อะไรตอบแทนกลับมาเลย"

        เมื่อตั้งสติได้เด็กหนุ่มชะเหง่อหน้าออกไปมองรอบๆเมื่อไม่เห็นใครอยู่เขาจึงเดินออกไป
        "ต้องรีบหนีไปให้ไกลที่สุด..หนีออกจากเมืองนี้ไปเลย.."

        "ไม่ยอมให้ทำแบบนั้นได้หรอก" เสียงชายคนหนึ่งดังขึ้น ฮายาเตะหันกลับไปก็พบกับยากูซ่าตาเดียวกำลังจ่อปืนมาที่เขา "หันกลับมาช้าๆ ไม่งั้นหัวของนายได้มีรูแน่"

         ฮายาเตะค่อยๆหันกลับไปช้าๆตามที่ยากูซ่าสั่งและยกมือทั้งสองข้างเหนือหัว
         "แกน่ะไม่เห็นจะต้องกลัวเลยนี่ ทางนี้น่ะเป็นมืออาชีพนะ ถ้ามาด้วยกันดีๆ ไม่แน่ทางพวกฉันก็อาจจะมีงานดีๆให้นายได้ทำและหนี้เพียง 150 ล้านของนายก้จะถูกใช้หมดอย่างรวดเร็วยังไงล่ะ"

         "ผมไม่คิดว่ามันจะง่ายอะไรขนาดนั้นนะครับ" อะยาซากิบอก
         "และให้ไปทำงานอะไรกับพวกคุณแบบนั้น ผมไม่มีทางยอมอย่างเด็ดขาดครับ"

         "เฮ้อ งั้นก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ในเมื่อใช้ไม้อ่อนแล้วไม่ยอมแบบนี้ ทางนี้ก็ต้องใช้ไม้แข็งซะแล้วล่ะนะ" ยากูซ่าตาเดียวปลดเซฟปืนออกและเดินเข้าไปใกล้ฮายาเตะทีละก้าว..ทีละก้าว

         
    "อ้ากกก!!"

         "อะไรน่ะ ?" เพราะเสียงร้องนั้นจึงทำให้ยากูซ่าตาเดียวเสียจังหวะไปชั่วพริบตาหนึ่ง เปิดโอกาสให้ฮายาเตะสามารถรีบวิ่งหนีไปได้อย่างรวดเร็ว
         "อย่าหนีนะ!" ยากูซ่าวิ่งไล่ตามฮายาเตะไป

         "แฮ่กๆๆ" อะยาซากิวิ่งฟ่าดงหญ้า และสวนไปอย่างเร็วที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
         และเมื่อเขาออกมาจากสวนมาที่ทางเดินก็มาพบกับภาพที่เขาไม่คาดคิดมาก่อน "ฮะ..ฮะ!?"

         เบื้องหน้าของเด็กหนุ่มคือร่างของยากูซ่าตัวเล็กที่ถูกตัวประหลาดรูปร่างหน้าตาคล้ายแมงมุม กำลังใช้มือขวาที่ใหญ่กว่าปกติของมันจับขย้ำบีบหัวจนเลือดไหลพุ่งออกมาเป็นน้ำพุสีแดง และมันก็ฉีกร่างเล็กๆนั้นออกเป้นชิ้นๆต่อหน้าต่อตาเขา และหยิบเอาหัวใจของเขาออกมาและใช้เครื่องบางอย่างดูดเขาไปอีก

         "อะ..อา.." เด็กหนุ่มถึงกับตัวสั่นทำอะไรไม่ถูกเมื่อมาเห็นรูปร่างของสัตว์ประหลาดที่น่าเกลียดน่ากลัวเบื้องหน้า ความกลัวที่ครอบงำเขาทำให้ไม่อาจคิดอะไรอื่นได้ เมื่อเห็นร่างที่ชะโลมไปด้วยเลือดของมันทั้งตัวของมันเต็มไปด้วยบาดแผล และรอยขาดจากการต่อสู้กับอะไรบาดอย่างมาก่อน แต่ดูเหมือนเจ้าตัวปิศาจจะไม่ได้ใส่ใจเลย ด้านหลังของมันยังเห็นยากูซ่าผู้หญิงและหัวหน้าที่กำลังสั่นด้วยความกลัวไปแพ้กัน

         ปิศาจตนนั้นเหมือนจะยังไม่สนใจฮายาเตะ เพราะมันเดินหันหลังกลับไปหายากูซ่าผู้หญิงที่ล้มนั่งทำอะไรไม่ถูก
     
         "ดะ..ได้โปรด..ไว้ชีวิตฉันด้วย.." ยากูซ่าหญิงร้องขอชีวิต
         สัตว์ประหลาดแมงมุมยกมือข้างขวาขึ้นและมันก็ฟาดลงผ่าร่างของหญิงสาวขาดออกจากกันเป็นสองส่วนในครั้งเดียว และร่างของเธอก็ล้มลงกับพื้น ดวงตาที่สื่อถึงความหวาดกลัวยังคงเบิกกว้างจ้องไปที่ปิศาจที่สังหารเธอ

         เจ้าปิศาจใช้เครื่องประหลาดนั้นแทงเข้าไปที่หน้าอกด้านซ้ายของยากูฆ่าหญิงและดูดเอาหัวใจของเธอมาทั้งอย่างั้นจนตอนนี้ได้ครึ่งหลอดแล้ว "อีก..สองคน" มันหันไปมองหัวหน้ายากูซ่า

         "มะ..ไม่เอาแล้ว!" หัวหน้ายากูซ่ารีบลุกขึ้นและวิ่งหนีไปอย่างสุดชีวิต

         "หนีไม่พ้นหรอก!" เจ้าปิศาจปล่อยใยแมงมุมจากมือขวาอันใหญ่ของมันเข้ารัดข้อเท้าของหัวหน้ายากูซ่าไว้ จากนั้นก็เหวี่ยงไปชนกับต้นไม้ข้างๆเต็มแรง และดึงเขามาใกล้ตน
         "อะ..อา..อะ.." ใบหน้าที่เละไม่มีชิ้นดีของหัวหน้ายากูซ่า เขาเหมือนจะพยายามร้องขอความช่วยเหลือ แต่ว่าเขาก็ไม่อาจจะทำเช่นนั้นได้เลย

         เพียงพริบตาเดียวกรงเล็บของเจ้าสัตว์ประหลาดก็คร่าชีวิตของยากูซ่าอีกคนไปในที่สุด เลือดสีแดงที่พุ่งพล่านออกมาจากร่างที่ตายแล้วของเขา มันได้เปอะเปื้อนต้นไม้ใบหญ้ารอบนั้นไปมาก หัวใจของเขาก็ถูกดูดไปด้วยเครื่องประหลาดนั้นเหมือนคนที่ผ่านๆมา

        ยากูซ่าตาเดียววิ่งไล่ตามฮายาเตะจนมาพบเจอเขาจนได้ แต่ว่าเมื่อเขาพบเห็นเจ้าปิศาจแมงมุมที่กำลังถือร่างหัวหน้าของเขาไว้ก็ทำให้เขาถึงกับเปลี่ยนไปสนใจมันก่อน
        "แก เจ้าสัตว์ประหลาด!"

         ปังๆๆๆ!
         ทันทีที่เหนี่ยวไกปืนกระสุนปืนก็ยิงใส่เจ้าสัตว์ประหลาดแมงมุมนั้น แต่ว่ากระสุนไม่อาจที่จะระคายผิวหรือทำอะไรมันได้เลยแม้แต่นิดเดียว
         "สัตว์ประหลาดอย่างงั้นเรอะ..ผิดแล้วล่ะ.."

         เจ้าแมงมุมหันหน้ามาเต็มตัว ดวงตาทั้งสามดวงเปล่งแสงออกมา
         "ชื่อของข้าคือลอสท์สไปเดอร์ มนุษย์สายพันธ์ใหม่ที่เหนือล้ำกว่าพวกล้าหลังอย่างพวกแกยังไงล่ะ"

         "พล่ามอะไรของแกอยู่ได้ ตายซะเถอะ!" ยากูซ่าตาเดียวกระหน่ำยิงปืนใส่เจ้าลอสท์สัตว์ประหลาดที่อยู่ตรงหน้าของเขา แต่ว่าก็ไม่อาจที่จะสร้างความเสียหายให้แก่มันได้แม้แต่นิดเดียว จนในที่สุดกระสุนของเขาก็หมดลง..

         "แค่นี้สินะการโจมตีของแกน่ะ..." ควันกระสุนที่ระเหยออกมาจากร่างของมัน และลูกกระสุนที่ตกลงสู่พื้น ร่างกายของมันนอกจากแผลที่เกิดขึ้นมาก่อนแล้ว ก็ไม่มีรอยแผลใหม่ปรากฏขึ้นเลย
         "ตาของข้าบ้างล่ะนะ" สไปเดอร์(แมงมุม) ใช้มือขวาจับไปที่อกด้านขวาและเปิดออกก็เผยให้เห้นช่องว่างๆที่มีแสงสีเหลืองอยู่ภายในนั้น และมันก็ปล่อยออกมาเป็นลำแสงโจมตีใส่ยากูซ่าตาเดียวในทันที

         ร่างของชายตาเดียวถูกแสงสีเหลืองนั้นเข้าฉีกร่างเป็นชิ้นๆอย่างรวดเร็ว จนร่างของเขาแน่นิ่งและค่อยๆล้มลงในที่สุด ส่วนอายาเตะที่อยู่ข้างๆก็ถูกแสงนั่นเข้าที่ขาด้วยเช่นกันทำให้ล้มลง

         "และนี่ก็คือคนสุดท้าย.." สไปเดอร์เดินมาที่ร่างที่เต้มไปด้วยเลือดของยากูซ่า และมันก็ดึงหัวใจของเขาออกมาและดูดเข้าเข้มฉีดยาของมัน จนในที่สุดของเหลวในหลอดที่ว่าก็เต็ม
         "ฮา.." สไปเดอร์ฉีดยาใส่ตัวเอง

         ทันทีที่ยาเข้าสู่ร่างกายของมัน บาดแผลตามผิวหนังของมันก็ค่อยๆหายดีเป็นปกติและในที่สุดเจ้าลอสท์สไปเดอร์ตัวนี้ก็กลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง
    "เท่านี้ก็เรียบร้อย...ต่อไปก็.." มันหันไปมองฮายาเตะที่อยู่ข้างๆ และได้รับบาดเจ็บจากลำแสงเมื่อกี้ด้วย "ต่อไปก็เป็นเวลาสนุกล่ะนะ"

         เด็กหนุ่มรู้ตัวในทันทีว่าตอนนี้เขาถูกจ้องเป็นเป้าหมายแล้ว เขาจึงรีบพยายามหนีด้วยแรงที่เหลืออยู่ แต่ว่าไม่ทันไรขาของเขาก็ถูกใยแมงมุมของมันรัดขาไว้เสียแล้ว และยังถูกลากเข้าไปหามันอีก "อ้ากก!"

          "คิดว่าจะหนีข้าพ้นอย่างงั้นเรอะ!?" ทันทีที่สไปเดอร์ดึงฮายาเตะเข้ามาใกล้ตัว เมื่อมันได้สังเกตเด็กคนนี้ดีๆแล้ว มันก็มีท่าทีแปลกไป

         "นี่แก...ไม่คิดเลยว่าชะตากรรมจะเล่นตลกให้พวกเรามาเจอกันอีกนะเจ้าหนู"

         "!?" ฮายาเตะทำหน้างง ไม่เข้าใจถึงสิ่งที่สไปเดอร์บอก "มะ..หมายความว่าัยังไงครับ พวกเรา..เคยเจอกันมาก่อนด้วยอย่างงั้น..เหรอครับ ?"

         "นั่นสินะ แกยังไม่เคยเจอกับข้าในร่างนี้สินะ" พูดเสร็จสไปเดอร์ก็เหวี่ยงร่างของเด็กหนุ่มชนเข้ากับต้นไม้ และจับทุ่มลงพื้นอย่างรุนแรง
         "ที่วันนี้มันแย่ลงเรื่อยๆ..เป็นเพราะแก..มันเป็นเพราะแกคนเดียว ข้าขอระบายสิ่งที่แกทำให้กับข้าหน่อยเถอะ"

         ปิศาจแมงมุมกางกรงเล็บขนาดใหญ่ที่มือขวาออกและฟันเข้ากลางหลังของฮายาเตะจนเกิดเป็นรอยแพ้ขนาดใหญ่ และเหยียบฮายาเตะลงพื้น
         "อ้ากก!!" ฮายาเตะร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดอย่างที่สุด

         "ใช่แล้วร้องให้ดังสุดๆไปเลย เสียงร้องของสิ่งที่แกทำไว้กับข้า ข้าของฟังให้เต็มที่หน่อยเถอะ!" สไปเดอร์จับร่างของฮายาเตะขึ้นมาและโยนขึ้นไปหมุนตัวกลางอากาศ และใช้กรงเล็บฟันตีลงตกลงมากระแทกพื้นอีกครั้ง และเตะซ้ำกลิ้งไปชนกับศพของยากูซ่าผู้หญิง

         "อะ..อา.." ร่างกายที่บอบช้ำ บาดแผลที่โชกไปด้วยเลือด ร่างกายที่อ่อนแรง
         สภาพของฮายาเตะในตอนนี้ อย่าว่าแต่จะลุกขึ้นยืนหรือขยับเลย เพียงแค่พูดก็แทบจะไม่ไหวแล้ว เด็กหนุ่มผู้โชคร้ายที่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง ถูกยากูซ่าไล่ล่า และยังต้องมาใกล้ตายเพราะสัตว์ประหลาดอีก

         ร่างกายของเด็กหนุ่มเริ่มล้ากับทุกสิ่งและล้มคากองเลือดลงไป...
         "..ถ้านอนไปทั้งอย่างนี้..นี่เราจะตายรึเปล่า...แต่ว่า ถึงจะอยู่ต่อไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น...ต่อให้เราตายไปก็คง..ไม่มีใครมาสนใจ.." สติของฮายาเตะเริ่มเลือนลางเรื่อยภาพรอบข้างค่อยกลายเป็นภาพเบลอ เสียงโดยรอบกลายเป็นเสียงหวี้หนวกหู แต่ก็ยังที่จะพอเห็นร่างมัจจุราชที่กำลังเดินเข้ามาปลิดชีวิตเขาในอีกไม่กี่อึดใจ

         "อ้าวๆ อย่าเพิ่งตายสิ ข้ายังสนุกไม่พอเลยนะ" สไปเดอร์พูดกับฮายาเตะ แต่เขาไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองแล้ว "เชอะ...ถ้าอย่างงั้นข้าก็จะเป็นคนลงมือปลิดชีวิตของแกเองก็แล้วกัน" 

         ลอสท์ยกมือขวาขึ้นพร้อมที่จะสังหารเด็กผู้ชายตรงหน้า
         "ตายซะเถอะ!" กรงเล็บพรุ่งตรงใส่ร่างของอะยาซากิในทันที

         แต่ว่า...


    วู้มม!!

         "อั่ก!" สไปเดอร์ถูกคลื่นพลังบางอย่างผลักกระเด็นออกมาจากร่างของเด็กหนุ่ม
         "นี่มันบ้าอะไร ?" ปรากฏการณ์ประหลาดที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าของสไปเดอร์ คือประกายแสงสีฟ้าที่อยู่ๆก็ปรากฏขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ และประกายแสงเหล่านั้นก็เข้าปกป้องฮายาเตะไว้

         "ของแบบนี้" สไปเดอร์พ่นใยแมงมุมโจมตีใส่ประกายแสงสีฟ้า แต่ใยแมงมุมไม่อาจที่จะทำอะไรกับประกายแสงนี้ได้เลยแม้แต่นิดเดียว "หนอย.."
         "ว้ากก!" ลอสท์เปลี่ยนเป้นเข้าไปโจมตีใกล้ๆแต่ผลคือก็ถูกพลังแสงสีฟ้านั้นสะท้อนออกมาอีก

         "เจ้าแสงบ้านี่มันคืออะไรกันแน่ฮะ!?" สไปเดอร์ตะโกนร้องอย่างดุดัน
         แต่ว่าก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆจากภายในดวงแสงนั้น...


    .
    .
    .
    .



    ???  เวลา ??.?? น.

         "ฮะ!?" อะยาซากิ ฮายาเตะลืมตาขึ้นในสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งทุกทิศทุกทางไม่ว่าจะด้านซ้าย ด้านขวา ข้างหน้า ข้างหลัง ด้านบนหรือแม้แต่ด้านล่างมีเพียงความมืดมิดที่ว่างเปล่า และเขาก็ลอยอยู่ท่ามกลางความมืดที่ไร้ที่สิ้นสุดนี้ ในที่ซึ่งไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตใดๆนอกจากตัวเขาเพียงคนเดียว

         "ทะ..ที่นี่..ที่ไหน ?" เด็กหนุ่มถามกับตัวเอง "และทำไมเราถึงได้ ?"

         เมื่อไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นฮายาเตะจึงค่อยๆเรียบเรียงสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเท่าที่เขาจำได้ "ก่อนหน้านี้เราเจอกับสัตว์ประหลาด...และถูกมันเล่นงาน..หรือว่าเรา.."

         "ไม่..คุณยังไม่ตาย" เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังมาจากด้านหลังของอะยาซากิ
         ฮายาเตะหันกลับไปก็พบกับเด็กสาวชุดสีขาว ผมสีฟ้าอมเขียวคนหนึ่งถูกขังอยู่ในกรงสีทองท่ามกลางความมืดมิดที่ว่างเปล่านี้ แต่ในก่อนหน้านี้เธอไม่ได้อยู่ตรงนี้

         "คุณคือ ?" เด็กหนุ่มเป็นฝ่ายถามก่อนว่าหญิงสาวปริศนาผู้นี้เป็นใคร

         "ถ้าคุณถามถึงสิ่งที่ในโลกของคุณเรียกว่า ชื่อ ล่ะก็ ตัวฉันไม่มีสิ่งนั้นมาตั้งแต่แรกแล้ว" เด็กสาวตอบคำถามของฮายาเตะ "ถ้าถามถึง สถานที่แห่งนี้คือที่ไหน..ตัวฉันก็ไม่อาจที่จะอธิบายได้เช่นกัน..แต่คงจะบอกเป็นภาษาของคุณได้เพียงว่า ที่นี่คือศูนย์กลางของจักรวาลแห่งนี้"

         "ศูนย์กลางของจักรวาล ?" ฮายาเตะทวนคำพูดของเธอ แต่ว่าเขาก็ไม่เข้าใจความหมายทั้งหมดของสิ่งที่เธอบอก "..แล้วผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงล่ะครับ ?"

         "เรื่องนั้นตัวฉันเองก็ไม่อาจบอกได้ เพราะตัวฉันเองก็ไม่รู้ทราบเช่นกัน..แต่ว่าจะต้องมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ตัวคุณมาอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน" เด็กสาวตอบคำถาม

         "แล้วผมจะออกไปจากที่นี่ไปที่โลกของผมได้ล่ะครับ ?" ฮายาเตะถามคำถามอีกข้อ

         "ไม่มี..หนทางที่จะออกไปจากที่นี่ตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว" เธอตอบ "แต่ว่าหนทางที่จะพาคัวคุณกลับไปยังโลกของคุณ ก็ยังพอมีอยู่หนทางหนึ่ง"
         เด็กสาวกุมมือทั้งสองข้างไว้ด้วยกันและเริ่มร้องเพลง ทันใดนั้นร่างของเธอก็เปล่งแสงสีฟ้าอ่อนๆออกมา พร้อมกับประกายแสงสีฟ้าเหมือนกับตอนที่ฮายาเตะเข้ามายังโลกแห่งนี้

         "แสงนี่มัน ?" ทันใดที่เด็กหนุ่มมองไปที่ดวงแสงเหล่านั้นเขาก็เหมือนกับต้องมนต์สะกด
         ด้วยประกายแสงสีฟ้าที่งดงามเหนือกว่าดวงจันทราบนท้องฟ้ายามราตรี ส่องสว่างยิ่งกว่าดวงสุริยันยามอรุณรุ่ง 
    ลุ่มลึกยิ่งกว่ามหาสมุทรใดๆบนผืนแผ่นดิน แวววาวยิ่งกว่าแสงจากดวงดาราบนฟากฟ้า ส่องใสยิ่งกว่าเพชรพลอยใดๆ ความอบอุ่นที่ยิ่งกว่าสิ่งใด ความรู้สึกปลอดโปล่งอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน นั่นทำให้ใครก็ตามที่มาพบเห็นมันจะต้องหลงใหลในความงดงามของมันมันอย่างแน่นอน

         "..." เด็กสาวยื่นมือทั้งสองข้างหาฮายาเตะ ฝ่ายชายก็ยื่นมือไปหาเธอ เมื่อมือของทั้งสองมาสัมผัสกันก็เกิดแสงส่องสว่างไปทั่วทั้งความมืดมิดที่ไร้ซึ่งสิ่งใดนี้
         "เมื่อใดที่คุณรับดวงแสงนี้ไว้ ตัวคุณก็จะได้รับพลังอันยิ่งใหญ่เหนือกว่าสิ่งใดไป จงใช้พลังนั้นในตามที่คุรต้องการ นั่นล่ะคือชะตากรรมของตัวคุณ.."

         "ละ..แล้วคุณจะไม่กลับไปที่โลกด้วยกันอย่างงั้นเหรอครับ ?" ฮายาเตะถามเพราะสิ่งที่เธอพยายามจะบอกเหมือนกับการให้เข้ากลับไปที่โลกของเขาคนเดียว โดยที่ทิ้งเธอไว้ที่นี่

         เด็กสาวยิ้มบางๆให้แก่ฮายาเตะและพูดขึ้นว่า "ตัวฉันน่ะไม่สามารถกลับไปที่ไหนได้..ไม่ว่าที่ไหนๆก็ต่างไม่ใช่ที่ของตัวฉันทั้งนั้น..แต่อย่างน้อยก็ขอให้ตัวคุณ.."
         คำพูดสุดท้ายของเด็กสาวฮายาเตะทำได้เพียงเห็นเธอพูดเท่านั้น แต่ไม่อาจได้ยินคำพูดสุดท้ายนั้นได้ และทุกสิ่งทุกอย่างก็กลายเป็นสีขาวโพลนอีกครั้ง...
     

    เอเรีย 1  สวนสาธารณะ  เวลา 19.30 น.


    ตู้มมม!!

         ประกายแสงสีฟ้าที่ปกคลุมร่างของฮายาเตะไว้เกิดระเบิดออกมาเป็นคลื่นพลังที่รุนแรงจนกระแทกสไปเดอร์ออกไปอีกที และเมื่อประกายแสงค่อยๆจางลง ก็เผยให้เห็นร่างของเด็กผู้ชายที่ร่างกายเคยเต็มไปด้วยบาดแผลและเลือดจากฝีมือของเจ้าสัตว์ประหลาดตรงหน้าเขา แต่ในตอนนี้ร่างกายของเขากลับมาเป็นปกติทุกอย่าง พร้อมด้วยออร่าสีฟ้าที่แผ่ออกมาอ่อนๆจากตัวเขา

         "นี่แกไปทำอะไรอยู่ในนั้นมา" สไปเดอร์ย่อตัวลงไปแบบสี่ขา พร้อมกับแยกเขี้ยวจ้องมองอะยาซากิอย่างหวาดระแวง

         "ผมเอง..ก็ไม่เข้าใจหรอกครับ แต่ดูเหมือนว่าผมจะ..มีบางอย่างที่สามารถทำในตอนนี้ได้อยู่" ประกายแสงสีฟ้าโดยรอบค่อยๆเข้ามารวมกันเป็นหนึ่งเดียวและกลายเป้นดวงแสงดวงเดียวตรงหน้าเด็กหนุ่ม ทันใดที่เขายื่นมือไปรับสิ่งนั้นมันก็ได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นบางสิ่งที่มีรูปร่างลักษณะคล้ายคลึงกับหัวเข็มขัด และการ์ด

         "แกทำอะไรอยู่ตรงเมื่อกี้แล้ว!" ลอสท์ปล่อยแมงมุมจากมือข้างขวาใส่อะยาซากิในทันที แต่เขาก็สามารถกลิ้งตัวหลบมาด้านข้างได้อย่างฉับไว และ..
     
         "ขอเริ่มล่ะนะครับ!" ฮายาเตะสวมหัวเข็มขัดที่ถูกสร้างขึ้นมามาจากดวงแสงสีฟ้า เข้าที่เอวและมันก็มีสายเข็มขัดขึ้นมารัดรอบเอวเขาทั้งหมด "ตรงนี้"
         หยิบไรด์บุ๊ค(หนังสือเก็บการ์ด) ที่อยู่ข้างเอวด้านซ้ายขึ้นมาและเปิดออก จากนั้นก็ดึงการ์ดใบนึงออกมาและใส่ลงไดร์เวอร์(เข็มขัด) ในทันที


    KAMEN RIDE

         "แปลงร่าง!"

    DECADE

         ทันทีที่เสียงจากไดร์เวอร์ดังขึ้น ออร่าสีฟ้าที่แผ่ออกมาจากตัวของเขาก้ค่อยแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงมาเจ็นต้า(สีแดงออกชมพูอ่อนๆ) และรวมกันที่ร่างของเด็กหนุ่มแปรเปลี่ยนกลายเป็นชุดเกราะพิเศษให้แก่ตัวเขา นามของเขาคือ ดีเคท

         "แกจะกลอะไรก็เล่นไป ถึงยังไงแกก็ไม่มีทางชนะมนุษย์ที่วิวัฒนาการแล้วอย่างข้าได้!" ลอสท์ไม่เชื่อในสิ่งที่เห้นอยู่ตรงหน้าว่า เด็กผู้ชายธรรมดาตรงหน้าที่มันเล่นงานจนปางตายจะกลับมามีพลังที่สุดยอดซะจนมันทำอะไรไม่ได้ จึงเริ่มด้วยการโจมตีด้วยใยแมงมุม

         "ฮ่าส์!" ดีเคทรับใยแมงมุมสีขาวนั้นไว้ และเป็นฝ่ายดึงเอาสไปเดอร์เขาหาตัว
         ลอสท์ใช้โอกาสนั้นกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้อย่างรวดเร็ว และพุ่งลงมาใช้กรงเล็บโจมตีใส่ดีเคท

         ฮายาเตะเคลื่อนตัวหลบเพียงเล็กน้อยก็สามารถหลบการโจมตีของสไปเดอร์ได้อย่างง่ายดาย และชกใส่หน้าของลอสท์และหมุนตัวเตะใส่มันจนถอยออกไปได้เล็กน้อย
         สไปเดอร์ถอยออกมาตั้งหลักใหม่และกางกรงเล็บที่มือขวาออก เข้าโจมตีดีเคท "ย้ากก!"

         ฝ่ายดีเคทใช้มือขวารับกรงเล็บของลอสท์ไว้ได้ ตามด้วยสกัดขาให้ล้มลงและเหวี่ยงโยนไปชนกับต้นไม้ข้างๆ ด้วยแรงที่มากมายกว่าที่คิดจึงถึงกับทำให้ต้นไม้ต้นนั้นล้มลง "บะ..บ้าน่า..นี่คนอย่างข้า ถูกคนอย่างงั้นเล่นงานงั้นเรอะ!?"

         เจ้าสัตว์ประหลาดแมงมุมกระโดดพลิกตัวขึ้น "ฮว้ากก!!"
         มันคำรามและพ่นแมงมุมจำนวนออกมาจากปากของมัน ฝูงแมลงที่สามารถกัดกินร่างเนื้อของมนุษย์ได้อย่างรวดเร็วพุ่งตรงเข้าหาเด็กหนุ่ม

         ดีเคทดึงไรด์บุ๊คออกมาจากเข็มขัดและมันก็ยืดออกกลายเป็นดาบ
         "ฮ่าส์!" ด้วยการตวัดดาบเพียงครั้งเดียวก็สามารถปัดฝูงแมลงเพชรฆาตเหล่านั้นออกไปได้จนหมด ฝ่ายปิศาจแมงมุมก็ยิ่งพ่นฝูงแมงมุมออกมามากขึ้น ดีเคทใช้ดาบฟันฝูงแมลงออกไปและเดินเข้าใกล้ตัวลอสท์มากขึ้น

         เมื่อเข้าใกล้ตัวลอสท์ได้ ดีเคทใช้ดาบฟันลงใส่ร่างของลอสท์ถึงกับให้มันได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว จนกระเด้นกลิ้งตัวออกไป

         "แกนะแก!" ลอสท์กัดฟันกรอด และโจมตีด้วยการปล่อยกระสุนใยแมงมุมโจมตีใส่ดีเคท

         เด็กหนุ่มใช้ดาบฟันกระสุนใยนัดแรก กลิ้งหลบนัดที่สอง จากนั้นก็งอด้ามจับดาบของเขาลงและดาบค่อยๆลดลงกลายเป็นปืน ดีเคทเล็งปืนไปที่กระสุนใยแมงมุมที่ถูกปล่อยออกมาโจมตี ทันทีที่เหนี่ยวไกกระสุนลำแสงก็ถูกยิงออกมาจากปากกระบอกปืนและทำลายกระสุนใยแมงมุมที่มันปล่อยออกมาได้

         และกระสุนลำแสงที่เหลือก็เข้าโจมตีใส่ลอสท์ทำให้มันได้รับบาดเจ็บเข้าไปอีก
         ดีเคทวิ่งเข้าไปใกล้ตัวมันและฟันดาบลงใส่ร่างของลอสท์สไปเดอร์แนวขวาง ตามด้วยฟันลงแนวแทยง และปิดท้ายด้วยการฟันจากบนลงล่าง จนทำให้ลอสท์ค่อยๆล้มลง

         "จบแล้วสินะ.." ฮายาเตะคิดเช่นนั้นและหันหลังให้กับเจ้าสัตว์สัตว์ประหลาด

         "ช่างอ่อนนัก!" สไปเดอร์อาศัยทีเผลอของเขา ปล่อยใยแมงมุมเข้ารัดตัวของดีเคททั้งร่างและล้มลงกับพื้น ส่วนลอสท์เป้นฝ่ายลุกขึ้นยืน "ถึงแกจะมีพลังมากแค่ไหน แต่ว่าเรื่องประสบการณ์ล่ะก็ข้าน่ะมีมากกว่าเจ้าอยู่แล้ว"

         "ได้เวลาจัดการแล้ว!" ลอสท์สไปเดอร์กระโดดเข้าโจมตีฮายาเตะด้วยแรงที่เหลือทั้งหมด
         แต่ว่าไดร์เวอร์ของดีเคทก็ปลดปล่อยพลังแสงสีฟ้าออกมา ปล่อยออกเป็นคลื่นพลังที่รุนแรงจนสามารถทำลายใยแมงมุมที่รัดตัวเขาอยู่ลงได้ และสามารถกระแทกสไปเดอร์ออกไป

         เด็กหนุ่มค่อยๆลุกขึ้นยืน พร้อมกับแสงสีฟ้าที่เปล่งแสงออกมาจากไรด์บุ๊ค เมื่อเขาเปิดออกมาเขาก็พบกับการ์ดใบนึงกำลังเปล่งแสงอยู่พอเขาดึงการ์ดใบนั้นออกมา แสงนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นการ์ดในทันที "ขอจัดการล่ะนะครับ!"
         ดีเคทใส่การ์ดลงไดร์เวอร์


    FINAL ATTACK RIDE

    DE-DE-DECADE

    DIMENSION KICK


         ทันใดนั้นก็มีการ์ดสีทองปรากฏขึ้นเป็นทางเรียงยาวตรงไปที่สไปเดอร์
         "ฮ่า!" ดีเคทกระโดดขึ้นไป การ์ดที่เรียงรายอยู่เหล่านั้นก็ค่อยๆลอยขึ้นไปตามกลายเป้นทางตรงลงมาที่ลอสท์สไปเดอร์ ฝ่ายลอสท์จึงเปิดอกด้านขวาออกเพื่อใช้พลังโจมตีกลับ

         ดีเคทพุ่งตรงลงมาผ่านการ์ดที่เรียงรายอยู่ เตะใส่ลอสท์เข้าตรงๆด้วยพลังทั้งหมดที่มีอยู่ "ฮ่าส์!"
         พลังจากอกด้านขวาของลอสท์ไม่อาจทำอะไรการ์ดสีทองได้เลยแม้แต่น้อย ดีเคทจึงเตะใส่อกขวาของมันได้สำเร็จด้วยแรงปะทะที่รุนแรงจึงทำให้สไปเดอร์กระเด็นไปอย่างรุนแรง และกระแทกเข้ากับพื้น

         เด็กหนุ่มกลับลงมาที่พื้น สัตว์ประหลาดแมงมุมที่ถูกท่าเตะของดีเคทเข้าไปเมื่อกี้นี้ ค่อยๆลุกขึ้นยืนอีกครั้งทั้งๆที่ร่างกายของมันก็กลับมาเต็มไปด้วยบาดแผลอีกครั้ง รวมถึงด้วยผลจากท่าเตะจึงทำให้ร่างกายตรงนั้นค่อยๆกลายเป้นละอองแสงทีละนิดอย่างช้าๆ

         "ยะ..อย่าคิดว่าชนะข้าคนเดียวแล้วเรื่องทั้งหมดจะจบนะ.." สไปเดอร์บอกกับฮายาเตะ     
         "พวกเรา..เหล่ามนุษย์ที่ถูกเลือกจะต้องทำการเปลี่ยนแปลงโลกที่แสนโสมมใบนี้ได้อย่างแน่นอน การที่จะพามวลมนุษชาติสู่การวิวัฒนการได้ก็มีเพียงแต่พวกเราเพียงเท่านั้น.." ร่างของมันค่อยๆกลับคืนเป็นร่างมนุษย์ ซึ่งเป็นคนที่ทำให้ฮายาเตะแปลกใจเป้นอย่างมาก

         "คะ..คุณ หัวขโมยเมื่อตอนนั้น" ฮายาเตะต้องพบว่าสัตว์ประหลาดแมงมุมที่เขาต้องต่อสู้ด้วยเมื่อกี้นั้นคือชายหัวขโมยที่เขาเพิ่งเจอไปเมื่อตอนเย็น

         "พวกเราลอสท์คืออนาคตของมวลมนุาย์ ไม่มีใครจะมาหยุดยั้งแผนของพวกเราได้ ฮ่าๆๆๆ!" สไปเดอร์ในร่างของชายหัวขโมยค่อยๆสลายกลายเป็นแสงหายไปในที่สุด ทิ้งไว้เพียงเสียงหัวเราะของมัน..

         เมื่อการต่อสู้จบลง ไดร์เวอร์ก็หลุดออกจากเอวของฮายาเตะทำให้เขาคืนร่างกลับเป็นมนุษย์ และล้มลงกับพื้น "ชะ..ชนะแล้ว..สินะครับ ?" สติของเด็กหนุ่มเริ่มเลือนลางอีกครั้งเพราะความเหนื่อยล้าจากการต่อสู้ "นี่เราทำดีที่สุดแล้วสินะ.."

         "ถ้านี้เป็นแค่ความฝัน...มันก็คงจะดีนะ" เปลือกตาของเด็กหนุ่มปิดสนิทลง สติของเขาดับลงไป อะยาซากิ อายาเตะนอนล้มฟุบไปทั้งอย่างงั้นท่ามกลางสวนสาธารณะยามราตรีที่เงียบสงัด..




    .................... TO BE CONTINUE ....................
     





    เอเรีย 1  นอกสวนสาธารณะ  เวลา 19.43 น.

         ระหว่างที่การต่อสู้เอาชีวิตรอดของเด็กหนุ่มและสัตว์ประหลาดแมงมุมเกิดขึ้นอยู่ภายในสวนสาธารณะที่ไร้ซึ่งผู้คนนั้น และเมื่อการต่อสู้จบลงด้วยชัยชนะของฝ่ายเด็กหนุ่ม แต่เขาก็ต้องหมดสติไป เพราะความเหนื่อยล้าจากการต่อสู้ ถึงจะเป้นการต่อสู้ที่รุนแรงแต่ก็ไม่มีผู้ใดที่รู้สึกถึงมันเลย ยกเว้นเพียง...

         "..เมื่อกี้นี้ ?" หญิงสาวคนหนึ่งที่เดินผ่านมาทางสวนสาธารณะพอดีรู้สึกถึงอะไรบางอย่างในสวนสาธารณะ "ความรู้สึกเมื่อกี้นี้..."

         เธอหันไปมองในสวนสาธารณะที่มืดมิดและไร้ซึ่งเสียงใดๆ
         "..เหมือนได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังมาจากในนั้น รึเปล่านะ ?"

        เด็กผู้หญิงตั้งใจฟังอีกครั้งนึง แต่คราวนี้เธอก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรจากในนั้นอีกแล้ว เพียงแค่ความรู้สึกแปลกๆที่เธอสัมผัสจากภายในนั้น "หรือว่าเราจะคิดไปเองรึเปล่านะ"
        เธอยังคงไม่มั่นใจในสิ่งที่เธอรู้สึกได้ แต่ก็ไม่อยากที่จะปล่อยให้เรื่องนี้คาใจ

         "เอ๊ะ นั่นฮินะงิคุนี่ ฮินะจัง!" เด็กผู้หญิงอีกคนที่ดูเหมือนจะรู้จักกับเธอเรียก ทำให้เธอคนนั้นหยุดที่จะเข้าไปในสวนสาธารณะ

         "อิสึมิ..มาทำอะไรที่นี่ตอนกลางคืนน่ะ ?" เธอถาม

         "แฮะๆ แบบว่ามันอยู่ๆก็อยากจะทานป๊อกกี้ขึ้นมาเฉยเลย เลยออกมาซื้อน่ะ" อิสึมิตอบ "แล้วฮินะจังล่ะออกมาทำอะไรตอนกลางคืน แล้วจะเข้าไปในสวนสาธารณะเหรอ ?"

         ก่อนหน้านี้ฮินะงิคุคิดว่าจะเข้าไปข้างใน แต่เมื่อเธอเห็นเพื่อนด้วยแบบนี้ก็เป็นห่วงว่าเะอจะตามเข้าไปด้วยและอาจจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น เพราะเธอรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ไม่ดีมาจากภายในนั้น เธอจึงต้องตัดใจที่จะเข้าไป
         "เปล่า ไม่มีอะไรหรอก" ฮินะงิคุบอกกับอิสึมิ "เอาเป็นว่าเดี๋ยววันนี้ฉันจะไปส่งที่บ้านให้ เด็กผู้หญิงไม่ควรออกมาตามลำพังเวลากลางคืนนะ"

         "ค่าๆ แต่ฮินะจังเองก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ ?" อิสึมิย้อน

         "ไม่ต้องพูดมากน่ากลับกันได้แล้ว" ฮินะงิคุผลักอิสึมิและเดินไปอย่างเร็วที่สุด
         "แหม ช้าๆหน่อยก็ได้น่า~"

        หลังจากที่ทั้งสองคนออกไปจากบริเวณนี้ รถตู้ปริศนาคันหนึ่งก็ขับมาจอดที่หน้าทางเข้าสวนสาธารณะ โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
        "คนสุดท้ายอยู่ที่นี่สินะ.." บุคคลปริศนาที่อยู่ในรถคนนี้พูดขึ้น 
        วงล้อแห่งชะตากรรมได้เริ่มหมุนแล้ว...









    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×