ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fake N.O.A / โลกและสีสัน กับเรื่องราวจอมปลอมของโชคชะตา

    ลำดับตอนที่ #3 : Heaven-unum [มาเถอะ ลูก ๆ ทั้งหลาย ข้าจะสอนให้รู้จัก ความกลัวในพระเจ้า]

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.ย. 60





         [มาเถอะ ลูก ๆ ทั้งหลาย ข้าจะสอนให้รู้จัก ความกลัวในพระเจ้า]
     


     

          วัลแคน


    1      ทุกวัน ทุกคืน พวกข้าต่างเฝ้ามอง


    2     โลก ดินแดนที่เปี่ยมไปด้วยเรื่องราวมากมาย
           สรรพสิ่งชีวิตต่างดำเนินวิถีชีวิตไปตามรูปแบบของพวกเขา
           การเกิด การแก่ การตาย ความรัก สงคราม สิ่งสุขใจ และสิ่งทุกข์ใจ


    3     โลกที่พวกข้าต้องปกป้องนั้นช่างมีหลายสิ่งหลายอย่างจริง ๆ


    4      แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ช่างเป็นภาพที่จำเจเสียเหลือเกิน ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วก็จบลง จากนั้นก็เกิดขึ้นใหม่แล้วก็จบลงอีกครั้ง
           นี่คือรูปแบบที่ถูกกำหนดไว้ มาตั้งแต่สมัยที่พระผู้เป็นเจ้าได้รังสรรค์โลกใบนี้ขึ้นมา


    5      พวกข้าเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่จุดสูงสุดของลำดับสิ่งมีชีวิตทั้งหมด 


    6      นามเรียกของพวกข้าคือ เทพธิดา


    7      เสมือนเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ เพื่อคอยดูแลโลกใบนี้ในขณะที่ท่านหลับใหล
            เป็นทั้งมือ ปาก ดวงตา แล้วคอยดูแลให้โลกใบนี้ไปในตามเส้นทางที่ถูกต้อง


    8      ทว่าระยะหลังมาโลกได้เปลี่ยนแปลงไปมาก ในทิศทางที่แย่ลง


    9      สิ่งมีชีวิตบนโลกเริ่มไม่ทำตามคำสั่งสอนของพวกข้า
            พวกเขาเริ่มที่จะ ต่อต้าน ระบบของโลกที่เป็นมาตลอด


    10     โลกที่พระองค์เจ้าทรงรัก ทรงห่วงใย ได้เปลี่ยนไปจากที่เคยเป็น


    11     นี่ก็เป็นโชคชะตาที่ถูกกำหนดไว้เช่นนั้นหรือ ?



    12     ผู้นำพาให้โลกไปในเส้นทางที่ผิด คือกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า ผู้ใช้ศาสตร์มืด


    13     สิบปีก่อน หลังจากตัวข้าได้สูญเสียดวงตาคู่นี้ไป พวกมันก็เหิมเกริมประกาศตั้งตัวเป็นศัตรูกับความดีงามของโลก แล้วชักพาไปสู่เส้นทางที่ผิด


    14     พลังที่พวกมันใช้เป็นศาสตร์ต้องห้าม เป็นสิ่งที่ล้วนผิดต่อประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า
         ไม่มีใครทราบว่าพวกมันได้ร่ำเรียนศาสตร์ดังว่ามาจากที่หนใด แต่ความมืดค่อย ๆ แปดเปื้อนโลกใบนี้ขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว


    15    หลังการปราก
    ตัวของพวกมัน โลกใบนี้ต่างก็เกิดวิกฤตการณ์มากขึ้น


    16    วันที่เขตโลกเก่าถูกแผดเผาด้วยเพลิงสีดำ
            วันที่มณีแห่งบาปเจ็ดประการได้กลับมารวมกัน และถูกทำลายลง
            วันที่เสาหลักแห่งความสมดุล ณ ปลายชายแดนสุดของโลกพังทลาย
            วันที่เหล่าผู้ใช้ศาสตร์มืดประกาศสงครามต่อสรวงสวรรค์อย่างจริงจัง และก่อจลาจลไปทั่วทุกเขต


    17     ต่อให้พวกข้าเป็นผู้พิทักษ์โลกใบนี้อยู่บนดินแดนที่เรียกว่า สรวงสวรรค์ ก็ตาม แต่พวกข้าก็ไม่อาจหยุดยั้งวิกฤตการณ์ใด ๆ ไว้ได้เลย


    18     ผู้ใช้ศาสตร์มืด แต่เดิมลัทธิของพวกมันมีกันเพียงน้อยนิด ทว่าปัจจุบันกลับมีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ และมีเขตที่ต้องตกเป็นเหยื่อของการกระทำพวกมันไม่ต่ำว่าสิบเขต


    19     ในยามปกติพวกข้ามีกฎว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเหตุที่เกิดขึ้นในเขตต่าง ๆ
            ทว่านี่ไม่ใช่เหตุปกติเสียแล้ว แต่เป็นการขัดต่อบัญชาสวรรค์ พวกมันต้องการที่จะทำให้โลกใบนี้ตกสู่ในความโกลาหล


    20     พวกข้าจึงมีหน้าที่ที่จะลงไปแก้ไข และกำจัดต้นตอของความชั่วร้ายนี้ให้หมดสิ้น










    เขตแห่งอนารยชน



    21     เป้าหมายที่พอทราบของผู้ใช้ศาสตร์มืด คือการทำให้เขตต่าง ๆ เกิดความวุ่นวาย
            พวกมันได้รุกรานเข้าไปในเขตที่ยังมีความเจริญไม่สูงมาก แล้วใช้ทั้งวิทยาการที่สูงกว่า หรือพลังเหนือธรรมชาติ ในการเอาชนะผู้ที่อ่อนแอ


    22     เขตแห่งอนายชน เขตที่เต็มไปด้วยชาวเผ่านักรบ ที่มีความสามารถในการต่อสู้ไม่ใช่น้อย
            ทว่านั่นเป็นหลักการที่ใช้ได้สำหรับในเขตของพวกเขา หากเปรียบเทียบกับเขตอื่น ๆ แล้ว พวกเขามีเพียง อาวุธโบราณ ที่ทำจากวัสดุธรรมชาติที่หาได้ง่าย ๆ เช่นหอกไม้, ธนู


    23     จริงอยู่ที่พวกเขาอาจจะมีความได้เปรียบเชิงพื้นที่ และความสามารถในการวางกับดัก


    24     แต่ก็เป็นเพียงส่วนน้อย และทำได้เพียงแค่นั้น เมื่อมาเจอกับศัตรูที่ไม่เคยสู้ด้วย ชาวเขตอนารยชนก็เป็นได้เพียงเป้าซ้อมยิงหรือกระสอบทรายของศัตรู


    25     เสียงของยักษ์สีดำสองขาไร้ชีวิต ที่เหล่าผู้ใช้ศาสตร์มืดหยิบยืมมาใช้จากกองทัพของกองกำลังทหารของเขตที่มีวิทยาการ
         แสงสีน้ำเงินที่นำพาความตาย และเปลวไฟเข่นฆ่าทุกชีวิตในเขตนี้


    26     อาวุธสีดำที่สร้างขึ้นจากการเปลี่ยนสสารในอากาศ พลังที่ถูกเรียกว่าเวทมนตร์


    27     การสังหารหมู่ผู้อ่อนแอกว่า ภายใต้หน้ากากสีดำอันเป็นเอกลักษณ์ของคนในลัทธิ อาจจะมีรอยยิ้มที่ชั่วร้ายอยู่ก็เป็นได้


    28     พวกมันเผาหมู่บ้าน และผู้คนอยู่อาศัยทั้งเป็น ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ คนแก่ ชายหรือหญิง ก็ตาม


    29     การกระทำอันแสนโหดเหี้ยมของพวกมันจะต้องหยุด


    30     เมื่อปีกจากสวรรค์ได้จุติลงสู่พื้นโลก


    31     เหล่านักรบสวรรค์ติดปีกได้เข้าร่วมการต่อสู้ที่ไร้ความยุติธรรมนี้


    32     นำโดยหนึ่งในเทพธิดาแปดทิศ
             เทพธิดาแห่งอุดร เบลโลนา


    33     ผู้ใช้ศาสตร์มืด พอทราบการมาถึงของเทพธิดาจากสวรรค์ เป้าหมายของพวกมันก็เปลี่ยนมาเป็นการจัดการพวกนางในทันที


    34      ทว่าพวกมันยังคิดผิดถนัด นักรบสวรรค์ไม่ได้อ่อนแออย่างที่พวกมันดูแคลน
     

    35      ต่อให้พวกมันใช้พลังต้องห้าม อันเป็นพลังทรงอนุภาพที่แสนอันตราย แต่พวกมันก็ยังเพิ่งใช้ได้ไม่นาน ถึงจะสร้างความเป็นต่ออย่างมากต่อสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ แต่สำหรับสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนลำดับสูงสุดแล้ว ระดับเพียงแค่นั้นยังไม่อาจทำอะไรได้


    36      ยิ่งด้วยเทพธิดาเบลโลนา เป็นผู้ลงไปสู่สนามรบด้วยตนเอง ผลแพ้-ชนะก็ยิ่งเห็นชัด


    37      ต่อให้ไม่ต้องมองเห็นด้วยตาคู่นี้ ก็สามารถเห็นภาพของผู้พ่ายแพ้อย่างราบคาบได้
              เทพธิดาเบลโลนา เป็นเทพธิดาผู้มีความแข็งแกร่ง ท่วงท่าการโจมตีดุดันดุจราชสีห์ เสียงคำรามของนางทำให้ศัตรูต่างหวาดหวั่น การเคลื่อนไหวที่ว่องไวจนศัตรูไม่อาจตั้งรับได้ทัน


    38      นางอาจจะเป็นเทพธิดาที่ป่าเถื่อนไปสักหน่อยสำหรับในหมู่เทพธิดา
              แต่เรื่องในการรบก็ไม่เป็นสองรองใคร ซึ่งนั่นก็เป็นจุดดีข้อหนึ่ง


    39      นางบุกทะลวงไปจนถึงหัวหน้าของเหล่าผู้ใช้ศาสตร์มืดที่เข้ามาโจมตีเขตแห่งอนารยชนนี้


    40      และใช้เวลาเพียงชั่วครู่เดียว จัดการทั้งองค์รักษ์และตัวมันจนพ่ายแพ้


    41      สุดท้ายพวกข้าก็เป็นฝ่ายชนะในสงครามเล็ก ๆ นี้


    42      ถึงเช่นนั้นสำหรับพวกข้าแล้ว มันก็ยังเป็นความพ่ายแพ้อยู่เช่นกัน
              เพราะหากเมื่อมองย้อนกลับไปมองดูภาพของความสูญเสีย พวกข้าก็มาถึง..ช้าเกินไป ทำให้ต้องมีผู้สละชีวิตไปมากมาย..


    43      พวกข้าทราบดี ทั้งเทพธิดาเบลโลนาเองก็เช่นกัน ว่านี่คือสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็เหมือนกับโชคชะตาที่ลิขิตไว้


    44      แต่ถ้าเป็นไปได้พวกข้าก็ปรารถนาที่จะหลีกเลี่ยงสิ่งที่คล้ายกับถูกกำหนดไว้นี้เสียเหลือเกิน


    45      ที่เทพธิดาเบลโลนาจัดการไปเป็นเพียงหัวหน้าผู้คุมกองทัพเท่านั้น
             เป็นผู้เลื่อมใสในลัทธิ แต่ว่ายังไม่ใช่ตัวต้นตอที่แท้จริง


    46      ผู้ที่เผยแพร่ศาสตร์มืด แล้วก่อความวุ่นวายให้แก่โลก เริ่มมาจากบุรุษ-สตรีทั้งหมดห้าคน


    47      ผู้แรก พี่ชายคนโต  เซอร์พริส
             ผู้ที่สอง พี่ชายคนรอง  โมเดลาร์
             ผู้ที่สาม น้องชายคนกลาง  โฮริฟิก
             ผู้ที่สี่  น้องสาว  โพร์เทรเยอร์
             และผู้ที่ห้า น้องชายคนเล็ก  โพบีเทอร์


    48      ไม่มีใครทราบว่าพี่-น้องห้าคนนี้เป็นใครมาจากไหน ที่ทราบมีเพียงว่าพวกเขาเป็นสายพันธุ์ ครึ่งอินคิวบัส-ซัคคิวบัส/ครึ่งมนุษย์
              ที่ได้เรียนรู้วิชาศาสตร์มืด แล้วเริ่มก่อตั้งลัทธิขึ้น โดยที่เป้าหมายที่แท้จริงยังไม่กระจ่างชัด


    49       มีเพียงโฟบีเทอร์เท่านั้น ที่ปัจจุบันทราบว่าอยู่ที่เขตใด
               แต่นอกจากนั้นเก็บตัวหลบซ่อนอยู่ในเงามืดที่แม้แต่ข้าก็มองไม่เห็น จึงไม่สามารถรีบเผด็จศึกในครั้งนี้ได้อย่างเด็ดขาด


    50        ทว่าการที่อย่างน้อยก็ทราบว่า โฟบีเทอร์อยู่ที่แห่งใด ก็เป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้พวกข้ารุกคืบได้


    .
    .
    .
    .
    .
    .






    มิเนอร์วา






    เขตแห่งอัศวิน



    1      กองทัพอัศวินชุดเงินควบม้าออกเป็นขบวน
            พวกเขาชูดาบออกจากฝั่งอย่างไม่กลัวเกรง
            เหล่าอัศวินที่แข็งแกร่งสุดแห่งแฟนตาเซีย กำลังเข้าต่อกรกับอสูรร้ายที่พวกเขาไม่เคยพบเจอ


    2      อสูรร้าย ผู้มีสามหัว ตรงกลางเป็นราชสีห์ ข้างขวาเป็นฉลาม ข้างซ้ายเป็นแพะ
            ทั้งสามหัวมีเขางอกขึ้นมา ตรงกลางเป็นกระทิง ทางซ้ายเป็นแรด ทางขวาเป็นด้วง
            ลำตัวของมันแบ่งเป็นสามส่วน ส่วนแรกเป็นพยัคฆ์ สองเป็นโคโมโด สามเป็นม้า
            มีทั้งปีกของพญาอินทรีบนลำตัว และหางที่เป็นงูจงอางมีพิษ 


    3      มันมีลมหายใจของมังกร เปลวเพลิงร้อนระอุที่สามารถเผาร่างเนื้อของเหล่าอัศวินให้กลายเป็นเถ้าถ่านได้ในพริบตา
           ทว่าเหล่าอัศวินก็ไม่ถอยกลับ พวกเขาควบม้าตรงเข้าไปหาอสูรร้าย แม้จะดูไม่มีทางชนะก็ตาม


    4      ห่าฝนธนูจากกองพลเกาทัณฑ์ที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของป่าโปรยลงมา
            ปักเข้าร่างขนาดใหญ่ของอสูรร้ายนับร้อย แต่ลูกธนูดอกเล็ก ๆ ก็ยังไม่อาจสร้างความเสียที่มากพอแก่มันได้


    5      จึงทำให้ต้องปล่อยลูกหินไฟออกมา เพื่อเสริมพลังโจมตีให้เห็นผลมากขึ้น


    6      เปลวไฟสามารถทำให้อสูรร้ายเสียจังหวะได้ แต่เพราะมันไม่ใช่เพียงสัตว์ร้ายธรรมดา มันจึงไม่ได้เกรงกลัวไฟของมนุษย์เลยแม้แต่น้อย


    7       กลับกันทุกครั้งที่มันพ่นเปลวเพลิงมรณะออกมาจากปาก ฝ่าอัศวินเสียเองที่หัวใจถึงกับเต้นรัวแรงอย่างไม่เป็นจังหวะ
             มีอยู่หลายคนที่เกิดความคิดขึ้นว่า 'ได้โปรด อย่าโดนนะ อย่าโดนนะ'
             ซึ่งก็มีทั้งผู้ที่สมหวัง และผู้ที่ไม่เป็นตามหวัง


    8       ที่เขตแห่งนี้ความรู้เรื่องเวทมนตร์ยังไม่เป็นที่แพร่หลาย สิ่งที่พวกเขาใช้จึงมีเพียงวิทยาการที่พัฒนาที่สุดของพวกเขาในตอนนี้แล้ว อย่างดาบ หอก โล่ ธนู เครื่องยิงหิน


    9       โอกาสที่จะได้รับชัยชนะนั้นช่างริบหรี่ ที่มองเห็นมีแต่ภาพของอสูรร้ายที่กำลังตวัดขา ตวัดหาง ทำเอาร่างของอัศวินบนหลังม้าปลิวกระเด็นกันไปทีละหลายคน 


    10      ท่ามกลางความสิ้นหวัง เล่าชาวเมืองที่อยู่ไกลออกไปจากสนามรบต่างสวดอ้อนวอน
             ตอนนี้ไม่มีความหวังที่จะเอาชนะอสูรตนนี้ได้เลย สิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้มีเพียงการสวด และขอให้เกิด
    ปาฏิหาริย์ขึ้น


    11      และแล้วเมื่อมีแสงสีทองสาดส่องผ่านกลุ่มเมฆสีครึมบนท้องฟ้า ทุกคนก็ทราบได้ทันทีที่ว่านั่นคือปาฏิหารย์


    12      ปีกสีขาวสวยงามสยายกว้าง
             ผมสีคราม และวงแหวนเหนือศีรษะ
             ออร่าสีทอง และความรู้สึกอันแสนบริสุทธิ์


    13      ท่ามกลางความสิ้นหวัง ย่อมมีแสงสว่างสาดส่องลงมา
              แสงที่จะขับไล่ความมืดมิดให้หมดสิ้นไป
              ด้วยอำนาจของเหล่าผู้สถิตบนสวรรค์ 
    ปาฏิหาริย์ได้เกิดขึ้น ณ ที่นี้แล้ว


    14      หนึ่งในหกพี่-น้องแห่งจูปิเตอร์
              เทพธิดาลำดับชั้นสูงสุดของสรวงสวรรค์
              เทพธิดา มิเนอร์วา


    15      เหล่าอัศวินต่างพากันยืนซาบซึ้งกับความช่วยเหลือที่มาถึง
             ส่วนเจ้าอสูรร้ายส่งเสียงคำราม มันรู้ได้ในทันทีว่าผู้ที่มาจากสวรรค์ผู้นั้นเป็นศัตรู


    16      อสูรร้ายที่เกิดขึ้นจากการใช้ศาสตร์มืด ก่อสร้างสิ่งที่ผิดปกติ
             ต้นแบบของเจ้าสิ่งนี้มาจาก 'ความผิดพลาดของพระผู้เป็นเจ้า' ไม่ผิดแน่


    17      ทว่าผลงานนี้ดูเหมือนจะยังไม่ใช่ ผลงานที่สมบูรณ์
              ด้วยร่างที่ผสมปนเปของมัน แม้จะทำให้อสูรตนนี้มีความสามารถหลากหลายอย่าง ทว่าก็สร้างจุดอ่อน และความอ่อนแอให้มันด้วยเช่นกัน ด้วยความที่ไม่สมส่วนนี้


    18      เทพธิดาก้มหน้าลงมองอสูรร้าย ก่อนที่จะชูมือขั้นฟ้า ทันใดนั้นก็มีบางสิ่งโพยพุ่งออกมาจากหมู่เมฆ
             มันคือกงจักร หนึ่งในอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของเทพธิดามิเนอร์วา


    19      กงจักรแยกออกเป็นจำนวนมหาศาล แล้วร่อนลงไปหาอสูรักษ์
             บินโฉบไปมา ทั้งหน้า ทั้งหลัง ทางซ้าย ทางขวา


    20      อสูรยักษ์มีขนาดตัวที่ใหญ่เกินไป จนขยับตัวหลบการโจมตีไม่ได้สะดวก มันแทบจะรับการโจมตีทั้งหมดเข้าไป


    21      เป้าหมายของกงจักรที่เข้าไปตัด คือส่วนข้อต่อของสายพันธุ์ที่แตกต่างกัน


    22      เพียงครู่เดียว ร่างของเจ้าอสูรร้ายก็แน่นิ่ง แต่มันก็ยังยืนอยู่ตรงนั้น


    23      ใช้เวลาครู่หนึ่ง ก่อนที่ส่วนต่าง ๆ บนตัวของมันจะแยกออกจากกัน
             แบ่งแยกชิ้นส่วนที่ต่างกัน ทำให้ร่างของสัตว์ที่รวมเป็นหนึ่งแยกกันอีกครั้ง


    24      เพียงการมาถึงของนาง ก็สามารถจัดการกับศัตรูที่เหล่าอัศวินสู้ได้อย่างยากลำบากได้ง่ายดาย


    25      เหล่าอัศวินลงจากหลังม้า แล้วคุกเข่าทำความเคารพกันพร้อมเพรียง


    26      หลังจากนั้นพวกเขาก็นำพาเทพธิดาเข้าสู่อาณาจักรของพวกเขา
             ระหว่างตามเส้นทาง พบกับชาวเมืองมากหน้าหลายตา ที่ต่างก็พากันคุกเข่าทำความเคารพตลอดทาง


    27       อาจดูเป็นภาพที่ไม่ให้เกียรติ ที่เหล่าทหารขึ้นบนหลังม้า ในขณะที่เทพธิดาที่มีขนาดเล็กเท่ากับเด็กคนหนึ่งเดินด้วยเท้าเปล่า
              แต่นั่นก็เป็นประสงค์ของนางเอก ที่จะไม่ขึ้นบนสิ่งมีชีวิตที่ถูกนำมาเปลี่ยนเป็นยานพาหนะ แล้วด้วยสิ่งที่นางทำได้ก็ทำให้ไม่มีใครกล่าวว่าใด ๆ


    28      ตอนที่เดินอยู่เทพธิดาจะพับเก็บปีกของนางไป แต่ออร่าอันศักดิ์สิทธิ์ก็ยังส่องแสงเรืองมาจากตัวนาง ทำให้นางต่างจากผู้คนทั่วไปมิอาจมีผู้เปรียบ


    29      มีบางคนที่เกรงว่าจะมีโคลนติดเท้าอันแสนบอบบางของนาง
             แต่ทุกครั้งที่ยกเท้าขึ้นมา ก็เห็นได้ว่าไม่มีสิ่งปนเปื้อนบนร่างของนางเลยแม้แต่นิดเดียว


    30      เมื่อมาถึงพระราชวัง เหล่าขุนนาง ชนชั้นสูง และองค์กษัตริย์ก็คุกเข่ารอคอยการมาถึงของเทพธิดาอยู่แล้ว
             เหล่าอัศวินแยกกันไปเก็บม้าเข้าคอก แล้วก็ค่อยกลับมาร่วมกับเหล่าขุนนาง


    31      พระมหากษัตริย์เริ่มกล่าวแนะนำตัวก่อน
             "แด่เทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ผู้สถิตบนสรวงสวรรค์ ข้ามีนามว่าเบรฟ เป็นกษัตริย์แห่งอาณาจักรแฟนตาเซียแห่งนี้"


    32      กษัตริย์เบรฟ เป็นกษัตริย์วัย 80
             พระองค์สูญเสียบุตรชายทั้งสองไปในสงครามกับอาณาจักรอื่น ทำให้ทายาทที่เหลืออยู่มีเพียงหลานของพระองค์ แต่เนื่องด้วยเขายังวัยเยาว์นัก จึงทำให้ไม่อาจครองบัลลังก์ได้ พระองค์ที่ถึงชราภาพมากแล้ว จึงยังต้องเป็นผู้ปกครองอาณาจักรต่อไป


    33      มีคนในเขตนี้กล่าวว่าอาณาจักรแฟนตาเซียแห่งนี้ เป็นอาณาจักรที่อ่อนแอที่สุด
             ซึ่งก็เป็นความจริง สภาพของอาณาจักรนี้ มีความเจริญ กำลังและทรัพยากรที่น้อยกว่าอาณาจักรอื่น ๆ มาก ซึ่งนี่ก็คงเป็นสาเหตุว่าทำไมที่นี่ถึงถูกจ้องเล่นงานโดยเหล่าผู้ใช้ศาสตร์มืด


    34      เทพธิดาทรงกล่าวนามของนาง เพื่อเป็นการแนะนำตัวให้ทุกคนในที่นี้ทราบ
             "ข้าคือเทพธิดามิเนอร์ว่า ลำดับที่ห้าของหกเทพธิดาแห่งจูปิเตอร์ ข้ามีประสงค์ที่จะช่วยเหลืออาณาจักรของท่าน เพื่อจัดการกับศัตรูร่วมโลกที่กำลังเป็นภัยใหญ่หลวงต่อทุกเขต ณ ตอนนี้"


    35       ถึงแม้ว่านางจะมีร่างและน้ำเสียงที่เป็นเด็ก แต่นางก็สามารถพูดได้เยี่ยงผู้ใหญ่ ผู้คนจึงไม่สงสัยในตัวนาง


    36       "ท่านจะให้พวกข้าช่วยเหลือท่านประการใด เชิญบอกประสงค์มาได้ตามที่ท่านต้องการเลย พวกข้ายินดีช่วยเหลือด้วยทุกอย่างที่มี" กษัตริย์กล่าวกับนาง


    37       "ข้าทราบมาว่า ฐานใหญ่ที่ โฟบีเทอร์ หนึ่งในห้าของผู้ก่อตั้งลัทธิผู้ใช้ศาสตร์มืด อยู่ที่ริมเขาทางตะวันออกของที่นี่ ข้าอยากจะขออนุญาตองค์กษัตริย์ให้ข้าไปตรวจสอบเสียหน่อย" นางพูดอย่างมีมารยาท


    38      องค์กษัตริย์ก้มศีรษะ "มิกล้า ๆ ท่านเทพธิดามิเนอร์วา ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตตัวข้าที่ต่ำต้อยและชราเฒ่าผู้นี้เลย หากท่านปรารถนาสิ่งใด ข้ายินดีที่จะรับใช้ท่านเสมอ"


    39      "แต่ข้าเห็นว่าศัตรูเป็นผู้ใช้ศาสตร์ซึ่งมีจำนวนมากมาย ข้าปรารถนาที่จะช่วยเหลือท่าน ด้วยการส่งทหารของข้าไปร่วมรบด้วย พวกท่านเห็นเป็นเช่นไร หัวหน้านายกองทหารของข้า แทดเดิลเอ่ย"


    40      "ข้ายินดีอย่างยิ่งที่จะช่วยเหลือท่านเทพธิดาขอรับ"


    41      เทพธิดามิเนอร์วากล่าวว่า "ข้าซาบซึ้งในน้ำใจของพวกท่านทั้งสอง แต่ศัตรูของข้าคือผู้ใช้ศาสตร์มืด หากท่านร่วมสู้ด้วยพวกท่านอาจจะได้รับบาดเจ็บและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้"


    42      "พวกข้าคณะอัศวินเกิดมาเพื่อเตรียมตัวรับความเสี่ยงอยู่แล้วขอรับ พวกข้าขอสาบานว่าจะร่วมรบเต็มที่และจะไม่เสียดายชีวิต รวมถึงจะไม่เป็นตัวถ่วงแก่ท่านเทพธิดาด้วย ขอให้พวกข้าได้ร่วมสู้ในศึกที่เต็มไปด้วยเกียรตินี่ด้วยเถอะขอรับ" เซอร์แทดเดิลกล่าวอย่างเต็มใจ


    43     "หากพวกท่านประสงค์เช่นนั้น ข้าก็จะไม่ห้ามอีก" มิเนอร์วายอมรับในกองอัศวินแห่งอาณาจักรแฟนตาเซีย แล้วยินดีที่จะให้เขาร่วมออกเดินไปด้วย


    44     หลังจากนั้น กองอัศวินสามร้อยนายก็ติดตามเทพธิดามิเนอร์วาเดินทางไปยังป่าทางตะวันออก
            ชาวเมืองต่างมองพวกเขาเป็นผู้กล้าที่จะเดินทางไปร่วมสู้ในศึกศักดิ์สิทธิ์ จึงต่างพากันสรรเสริญพวกเขา และให้ความเคารพในเทพธิดา


    45      เซอร์แทดเดิลชูมือขึ้น แล้วป่าวประกาศว่า "พวกเราจะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน เพราะพวกเรามีองค์เทพธิดาอยู่ข้างพวกเรา แด่ชัยชนะ!"


    46      "แด่ชัยชนะ แด่ชัยชนะ!" 
             ชาวบ้านและอัศวินตะโกนส่งเสียงปลุกกำลังใจ แล้วพวกเขาก็ออกเดินทางไป






    47      พวกเขาใช้เวลาครึ่งค่อนวันในการเดินทางเข้ามาในป่า
              พอมาถึงก็เข้าสู่ช่วงค่ำของวันแล้ว มิเนอร์วาจึงบอกกับเซอร์แทดเดิลให้พักกันที่นี่ก่อนก็ได้


    48      กองอัศวินจึงตั้งค่ายกันที่ริมธาร เพื่อพักผ่อนรอถึงวันพรุ่งนี้



    49      ดวงดาราส่องแสงระยิบระยับ เทพธิดามิเนอร์วาแยกตัวมาจากกองอัศวิน แล้วมายืนอยู่กลางริมธารเพียงลำพัง
             นางมายืนดูหมู่ดาวเพียงลำพัง พร้อมกับสัมผัสความรู้สึกกับสภาพแวดล้อมโดยรอบไปด้วย


    50      ป่าแห่งนี้อุดมสมบูรณ์..ใช่ เป็นเช่นนั้นจริง ๆ
             แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกถึงสิ่งที่คล้ายกับมะเร็งในป่านี้เช่นกัน
             มันเป็นความรู้สึกที่อึดอัดและผิดปกติ ทำให้รู้ตัวอยู่เสมอว่าภายในป่าแห่งนี้มีผู้ใช้ศาสตร์มืดอยู่อย่างแน่นอน


    51      มิเนอร์วาออกมาจากกองอัศวินก็เพื่อที่จะทำให้ประสาทรับรู้ของนางดีขึ้น และไม่ต้องจับผิดกับพวกเขา


    52       แต่การที่นางออกมาเช่นนี้ก็ทำให้พวกเขามีความเสี่ยง เพราะอาจมีผู้ใช้ศาสตร์มืดจู่โจมได้ทุกเมื่อ


    53       นางจึงคิดจะกลับไปหลังจากที่สำรวจมามากพอแล้ว
              แต่พอหันกลับไป นางก็พบกับอัศวินหนุ่มน้อยผู้หนึ่ง    


    54       "ข..ขออภัยที่ล่วงเกินขอรับ"  อัศวินหนุ่มน้อยที่ดูไร้ประสบการณ์รีบก้มลงขอโทษในทันที


    55      "ไม่จำเป็นหรอก อัศวินหนุ่ม" มิเนอร์วา ไม่ได้กล่าวว่าใด ๆ และยังยิ้มให้อัศวินหนุ่มอย่างอ่อนโยน "เจ้ามีธุระอะไรกับข้ารึเปล่า ?"


    56      "ข..ข้าไม่ได้มาแอบดูท่านนะขอรับ ข้าเพียงแค่.." เด็กหนุ่มกระวนกระวายจนดูเหมือนจะคุมตัวเองไม่อยู่


    57      "ไม่จำเป็นต้องแก้ตัวหรอก ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาร้าย" มิเนอร์วาจับให้อัศวินหนุ่มยืนขึ้น
              "ที่ข้าสนใจคือเหตุใดเจ้าถึงตามข้ามาแค่นั้น ?"


    58     "ข..ข้าเคยอ่านหนังสือของท่านน่ะขอรับ ข้าเลยอยากจะเห็นตัวท่านเต็ม ๆ อีกครั้ง เพราะข้า..ข้าชอบหนังสือของท่านมากจริง ๆ"


    59     เทพธิดามิเนอร์วา คือเทพธิดาที่ทรงปัญญาที่สุดในบรรดาหกพี่-น้องแห่งจูปิเตอร์
            นางเป็นผู้ให้กำเนิดหอสมุดแห่งสวรรค์ ก่อนที่จะเผยแพร่ความรู้จากหอสมุดของตัวเองลงไปยังโลก ทำให้เกิดหอสมุดขึ้นมากมายในโลก
           หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งก็คือ นางเป็นเทพธิดาผู้มอบความรู้ให้แก่โลกนั่นเอง


    60     "ข้ารู้สึกยินดีที่ได้ยินที่เจ้าพูดเช่นนั้น ขอขอบคุณเจ้ามากจริง ๆ"


    61     "ม..มิกล้าขอรับ" เด็กหนุ่มประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก หากเขาเกิดความรู้สึกใด ๆ กับองค์เทพธิดามีหวังเขาได้กลายเป็นผู้ที่มีบาปติดตัวมากที่สุดในโลกแน่ ๆ แต่ความงามในร่างเด็ก ๆ ของนางก็ช่างไม่มีมนุษย์ใดอื่นในเขตนี้เปรียบได้จริง ๆ


    62     ขณะที่เทพธิดามิเนอร์วา และอัศวินหนุ่มทำการสนทนากัน
             เซอร์แทดเดิลที่รับหน้าที่เฝ้ายามกะแรก ก็กำลังแบ่งทหารไปทำหน้าที่ต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด


    63     เขาเป็นอัศวินที่ได้รับการไว้เนื้อเชื่อใจจากองค์กษัตริย์มาก และเขาเองก็จงรักภักดีอย่างยิ่ง จึงเป็นัวอย่างของอัศวินที่ดีคนหนึ่ง


    64     ระหว่างที่เขาออกตรวจตราคนในค่าย ก็จะมีนายกองแต่ละกองออกมารายงานตัว


    65      แต่เมื่อมาถึงกองที่อยู่ท้ายแถว กลับไม่มีใครออกมารายงานตัว


    66     เขาก็ว่ามันรู้สึกแปลก ๆ แต่ระหว่างที่คิดเช่นนั้นเขาก็รู้สึกบางอย่างอีก
             ว่าจู่ ๆ ทุกอย่างรอบข้างมันก็เงียบไปหมด
             ราวกับว่าเขาได้ไปอยู่คนละโลกกับเมื่อครู่นี้


    67     เพราะตอนนี้ไม่มีอัศวินคนอื่นอยู่ข้างกายเขาเลย


    68     "เกิดอะไรขึ้น ?" อัศวินคิดในใจ พร้อมชักดาบขึ้นมา


    69      ไม่รู้สึกถึงใคร ไม่ได้ยินเสียงอะไร มองอะไรไม่เห็น ไม่มีอะไร
             มันเป็นความรู้สึกที่ว่างเปล่า ราวกับว่าเขาอยู่คนเดียวบนโลก แต่ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกได้ว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว


    70     มันมีบางอย่างอยู่ด้วยกับเขา..


    71     ศัตรู..ผู้ใช้ศาสตร์มืด..สัตว์ป่า..ปีศาจ..ผีสาง
             ความคิดสับสนวนอยู่ในหัวไปหมด แต่เขาก็คิดหาคำตอบไม่ได้เสียที


    72     จนกระทั่งเมื่อมีบางอย่างเกิดขึ้น มันก็สายไปเสียแล้ว..



         
     "อ้ากกกกกกกกก!!!!!"




    73     เสียงร้องที่พลันดังขึ้นท่ามกลางที่เงียบเชียบ
           ทำให้เสียงนั้นก้องกังวานและดังไปจนถึงที่ เทพธิดาและอัศวินหนุ่มอยู่


    74     "ส...เสียงของหัวหน้านี่!?" อัศวินตกใจกับเสียง เขารีบวิ่งไปตามเสียงร้องดังกล่าวในทันที


    75     ในขณะที่เทพธิดารู้สึกหวั่นใจ สิ่งที่นางกังวล เป็นความจริงขึ้นแล้ว..
             เมฆสีดำเริ่มก่อตัวขึ้น บดบังแสงของดวงดาวที่ส่องสว่างจนถึงเมื่อครู่นี้..


    76     อัศวินหนุ่มวิ่งนำไปจนถึงค่ายก่อน แต่เมื่อมาถึงเขากลับพบว่าที่นี่มันเงียบกริบ และไม่มีใครอยู่เลย..


    77     ค่ายอัศวินที่ควรมีอย่างน้อยอัศวินเดินตรวจตราเฝ้ายาม
             แต่ตอนนี้มันกลับเป็นเพียงค่ายที่ว่างเปล่า ไร้ผู้คน


    78     "ทุกคนไปไหนหมด ?" อัศวินหนุ่มเข้าไปในค่าย แล้วพยายามออกตามหาคนอื่น "ทุกคนอยู่ที่ไหนกัน ?" เขาส่งเสียงเรียกไปเรื่อย แต่ก็ไม่มีเสียงใดขานรับ
            น้ำจากท้องฟ้าเริ่มร่วงโรยลงมาแล้ว..


    79      "ไม่มีใครเลย.." อัศวินหนุ่มสับสน ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
             ปรากฏแสงวูบวาบสีขาว จากอัสนีบาตที่ผ่าลงบนภูเขาข้าง ๆ


    80      แสงเมื่อครู่ ทำให้อัศวินเห็นเงาข้างในค่าย ทำให้รู้ว่ามีคนอยู่ข้างใน


    81      เด็กหนุ่มเริ่มรู้สึกเบาใจลง "โธ่ อะไรกันถ้าอยู่ข้างในก็บอกกันหน่อยสิ"
             เขาพูดหยอกเล่นกับอัศวินผู้นั้น แต่ไม่มีการตอบกลับใดจากเขา


    82      ความรู้สึกแน่นอกกลับมาอีกครั้ง อัศวินหนุ่มพยายามส่งเสียงทักทหารในค่าย แต่เขาก็ยังไม่ตอบแถมยังไม่ขยับเขยื้อนเลยด้วย
              จนเขาค่อย ๆ เลื่อนมือไปเปิดดูข้างในนั้น..


            เปรี๊ยงง!!!



    83      "หว่า!" อัศวินหนุ่มถอยออกมาในทันที
             ภาพที่เขาเห็นคือสภาพของซากโครงกระดูกที่ยังมีเนื้อและเลือดติดอยู่ ตั้งไว้ข้างในค่าย


    84     ไม่ใช่แค่นั้น พอเขาสังเกตดี ๆ ค่ายอื่น ๆ ก็มีสภาพไม่ต่างกัน
             โครงกระดูกที่ควรจะมีร่างเนื้อห่อหุ้มเอาไว้ของมนุษย์ เหลือทิ้งไว้แต่โครงที่ว่างเปล่าและไร้ชีวิต


    85     "ไม่จริง ๆ ไม่จริง ๆ ไม่จริง ๆ" อัศวินหนุ่มพยายามหลอกตัวเอง แต่เขารู้ดีที่สุดว่าสิ่งที่เขาเห็นเป็นความจริง.. 


    86      กองทัพอัศวินสองร้อยเก้าสิบเก้านายได้กลายเป็นร่างโครงกระดูกสีเลือดไร้ชีวิตทั้งหมด


    87      เด็กหนุ่มทำอะไรไม่ถูกอีกต่อไป เขาถูกความกลัวเข้าครอบงำ ไม่รู้ว่าจะต้องไปทางไหน ไม่รู้ว่าจะขอให้ใครช่วย ไม่รู้ว่า..อะไรกำลังจะมา..


    88      เสียงแหลมที่พุ่งผ่านอากาศมาอย่างรวดเร็ว แสงสีดำที่ตรงเข้าหาเข้าด้วยความเร็วสูง
             อัศวินหนุ่มที่สับสนไม่อาจหลบได้แน่นอน ไม่สิ..ต่อให้เขาตั้งสติมั่นคง ความเร็วขนาดนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่ปฏิกิริยารับรู้ของมนุษย์จะตอบสนองได้ทัน


    89     แต่ก่อนที่แสงสีดำนั้นจะพุ่งเข้าใส่ศีรษะของอัศวินหนุ่ม
             ก็มีมือข้างหนึ่งคว้าแสงนั้นเอาไว้ และหยุดมันไว้ก่อนจะถึงเป้าหมาย


    90     ลูกธนูสีดำ..ที่มีลายสลักผิดแผกไปจากอาวุธทั่วไป สิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่ทหารทั่วไปจะใช้แน่นอน


    91     เทพธิดามิเนอร์วาเพิ่งชีวิตของเด็กหนุ่มไว้อย่างฉิวเฉียด


    92     "ไม่เป็นอะไรนะ ?" นางถามเขา แต่ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพที่ช๊อกเกินกว่าจะพูดอะไรได้


    93     ทันใดนั้นก็มีการโจมตีเข้ามาอีก แสงสีดำพุ่งทะลวงผ่านอากาศเล็งมาที่เธอ
             มิเนอร์วาคว้าร่างของเด็กหนุ่มแล้วกางปีกของตนเองออก เมื่อนั้นความเร็วในการเคลื่อนไหวของนางก็สูงขึ้นเสียจนสามารถ เลี่ยงหลบทุกการโจมตีที่ยิงเข้ามาได้


    94      ระหว่างนั้น นางก็รู้สึกถึงบางอย่างจากด้านหลัง
             คลื่นกระแทกที่สั่นสะเทือนพื้นดินคล้ายแม๊กม่าที่โพยพุ่งจากใต้พิภพ เข้ามาจากด้านหลังของนาง


    95      นางโยนเด็กหนุ่มไปให้ไกลที่สุด จากนั้นก็หุบปีกลงเพื่อป้องกันการโจมตีนั้นซึ่ง ๆ หน้า


    96      แรงปะทะนั้นทำให้เทพธิดาถอยหลังมาเล็กน้อย แต่ก็ไม่อาจทำอะไรนางได้


    97      "รีบหนีไปเร็วเข้า!" เทพธิดามิเนอร์ว่า บอกกับเด็กหนุ่ม แต่ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่คืนสติอยู่ดี


    98     และแล้วก็มีการโจมตีเข้ามาอีก ไม่ใช่คลื่นกระแทก ไม่ใส่ลำแสงสีดำ แต่เป็นลูกไฟสีดำจากท้องฟ้า


    99     มิเนอร์วาปล่อยกงจักรขึ้นไปผ่าไฟเหล่านั้น แต่ก็ยังไม่หมด บางส่วนที่เหลืออยู่ลงมาระเบิดที่นางอยู่พอดี แต่นางก็หุบปีกลงเพื่อป้องกันไว้ได้ทัน


    100    นางยังคงไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่สถานการณ์ก็ไม่สู้ดีขึ้นเรื่อย ๆ
             "รีบหนีไป" เทพธิดายังคงน้ำคำเดิมกับเด็กหนุ่ม


    101    อัศวินที่เห็นความไม่ย่อท้อของเทพธิดา ทำให้เขาได้สติคืนมา
             เขาเข้าใจว่าถ้าเขาอยู่ที่นี่ต่อไปก็มีแต่จะเป็นตัวถ่วง เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องรีบวิ่งหนี


    102    วิ่งไป วิ่งไปให้เร็วที่สุด วิ่งไปแบบไม่คิดชีวิต
             อัศวินจะไม่ทิ้งเกียรติ แล้ววิ่งหนีในสนามรบ แต่นี่มันแตกต่างกัน


    103    บางครั้งการประเมินระดับของคู่ต่อสู้ที่สู้ด้วย แล้วเลือกที่สู้หรือไม่สู้ ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่อัศวินพึงทำ หากเป็นศัตรูที่ห่าชั้นเกินไป แล้วยังสู้ต่อ ก็เป็นว่าตัวเขาเองนี่ล่ะที่ไม่เข้าใจถึงคำว่า เกียรติ ดีพอ


    104    มันอาจเป็นเหมือนกับว่า เขาได้ทอดทิ้งให้ผู้หญิงไว้ในสนามรบ
             แต่ในความจริงทุกคนก็รู้ดีว่า ระดับของสายพันธุ์ของตัวเขา และผู้หญิงคนที่ว่านั้นแตกต่างกันถึงเพียงไหน


    105    ทำให้เขาวิ่ง วิ่งต่อไป โดยที่ไม่รู้สึกเสียใจ


    106    แต่ว่า..เขาก็ไม่เร็วพอที่จะหนีจากอุ้งเล็บแห่งความตาย..


          เฉือดด!!!


    107    มีบางอย่างเกิดขึ้น..มันรวดเร็วมากจนแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ตัว
             เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโดนอะไรเข้าไป เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้เขาเป็นอย่างไร
             เด็กหนุ่มได้ถูกฆ่าตาย โดยที่เขาไม่รู้ตัว..


    108    ลำคอถูกตัดออกจากลำตัว ศีรษะตกลงสู่พื้นโดยที่ยังลืมตาอ้าปากอยู่


    109     และแล้วสารที่ติดอยู่บนแผลที่ถูกตัดของอัศวินก็ค่อยลามขึ้น
              เปลี่ยนร่างเนื้อของเขา ไปเป็นโครงกระดูกสีแดงโดยสมบูรณ์


    110     เทพธิดามิเนอร์วาเลือกทางเลือกที่ผิดอย่างมหันต์ นางคิดว่าหากปล่อยให้เขาวิ่งหนีไปเขาก็จะมีโอกาสรอด แต่เป็นว่าการที่ปล่อยให้เขาไปนั้น กลับเป็นการนำเขาไปสู่ความตาย


    111     นางโทษตนเองที่ไม่แข็งแกร่งพอ
              นางที่ได้รับกล่าวขานว่าฉลาดที่สุดในหกพี่-น้อง กำลังโทษในความเขลาของตนเอง
              และเพราะแบบนั้น นางจึงปกป้องใครไว้ไม่ได้เลย
              เป็นอีกครั้งที่เทพธิดา ไม่อาจเปลี่ยนโชคชะตาของสิ่งมีชีวิตบนโลกได้


    112     เนตรเทพธิดา ดวงตาที่สามารถมองทะลุไปถึงสายพันธุ์ของสิ่งที่มองเห็น
              เทพธิดามิเนอร์ใช้ดวงตาคู่นั้นจับจ้องไปที่ศัตรูของนาง


    113     พวกมันค่อย ๆ เดินออกมาจากมุมที่มองไม่เห็น 
              ผู้หญิงหนึ่ง..สอง..สาม..สี่คน ล้อมนางไว้ทั้งสี่ทิศ


    114     "พวกเจ้าเป็นใคร ผู้ใช้ศาสตร์มืดงั้นรึ ?" เทพธิดาเอ่ยถาม ระหว่างที่กำลังรอดวงเนตรวิเคราะห์ภาพที่เห็นเสร็จ แต่ก็ไม่มีคำตอบจากพวกนางทั้งสี่คน


    115     แต่เทพธิดามเนอร์วา พอจะทราบดี พลังแบบนี้ไม่ใช่พลังของพวกผู้ใช้ศาสตร์มืด แล้วถ้าเช่นนั้นพลังที่พวกมันใช้คืออะไร


    116     หลังจากรอวิเคราะห์เสร็จสิ้น คำตอบที่ปรากฏขึ้นบนจอตาของเทพธิดาก็ทำให้นางแสดงอาการแปลกประหลาดใจอย่างที่สุด จนออกมาทางสีหน้า


    117      "เป็น..ไป..ไม่ได้.." 


    118     หญิงสาวทั้งสี่ราวกับรอให้ความจริงถูกเปิดเผย พวกนางจึงค่อยขยับปากแล้วพูดออกมาพร้อมกัน
               "พวกเราคืออีฟ เหล่าเทพใหม่ที่จะมาแทนเทพธิดารุ่นเก่าอย่างพวกเจ้า"



    119     ท่ากลางห่าฝนที่โหมกระหน่ำ และค่ำคืนก่อนที่จะถึงศึกระหว่างเทพธิดาจากสรวงสวรรค์กับเหล่าผู้ใช้ศาสตร์มืด ทั้งที่ควรจะเป็นเช่นนั้น
              บางสิ่งบางอย่างกำลังคืบคลานเข้ามา..เงามืดกำลังรุกคืบขึ้นไปบนสรวงสวรรค์..







    นับถอยหลังสู่วันที่สรวงสวรรค์จะล่มสลาย
    ..อีก 7  วัน..














    .................... TO BE CONTINUE ....................
     
     












    .

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×