คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : สายลับ
"โอย...เหนื่อยจริงว้อย" เสียงบ่นจากเด็กหนุ่มผมยาวสีน้ำตาลปิดหูปิดตาเรียกความสนใจจากเพื่อนที่แต่งตัว
เตรียมสอบวันที่สอง แต่เสียงหนึ่งกระหยุดการกระทำทุกอย่างไว้
"วันนี้ขอให้นักเรียนทุกคนประจำอยู่ในห้องของตน การสอบในวันนี้ต้องยกเลิกเนื่องจากมีเหตุขัดข้อง จะทำการเลื่อนการสอบออกไปอย่างไม่มีกำหนด ขอให้ทุกคนปฏิบัติตามนี้ด้วย" เสียงตามสายทำให้คริสอึ้งไปนิดๆ นัยน์ตาสีฟ้าเบิกกว้าง เสียงเฮดังมาจากห้องแห่ง พวกเขารีบแต่งตัวให้เสร็จแล้วเดินออกไปนอกห้อง
"เกิดอะไรขึ้น มันไม่ควรเป็นอย่างนี้" เรเวนเอ่ยขึ้น ดวงหน้าขาวน่ามองในตอนนี้กำลังเครียดจัด พวกเขากดลิฟต์ไปที่ชั้น20เพื่อที่จะไปหาเซท เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกเจ้าชายก็เดินนำออกไปแต่เขากลับกระเด็นกลับเข้ามาในลิฟต์ เพื่อนรองรับตัวเขาไว้ก่อนที่จะหันขวับไปดู
"ร่างนี้มันบอบช้ำง่ายจริง" เสียงแหบห้าวกล่าว ร่างสี่ร่างยืนล้อมเสียงนั้น เมื่อสายตาปรับชัดแล้วใบหน้าที่มีรอยแผลเป็นมากมายกำลังแลบลิ้นยาวกว่าหนึ่งฟุต บุรุษหนึ่งพุ่งเข้าไป แต่ก็ถูกอัดกระเด็นมาตั้งหลัก บุรุษอีกคนควงคทาสั้นไปรอบตัว มันเปล่งแสงทุกกิริยาหยุดกึก เขาบริกรรมคาถาเสียงเข้ม
"เสียงเพรียกแห่งวายุ โปรดจงสดับฟังข้า โปรดมอบวิญญาณแห่งทิศอุดร มาสถิตยัง ณ ที่นี้ ดรากูน!" สิ้นเสียง วงเวทขนาดใหญ่บังเกิด ลมพัดกระหน่ำ เศษหิน ซากปรักหักพังปลิวว่อน มังกรตัวใหญ่พุ่งงออกมามันกระแทกศัตรูกระเด็น เสียงอีกหนึ่งเสียงก็เอ่ยขึ้น
"เจ้าแห่งทักษิณาทิศ จงสำแดงฤทธาแห่งผืนพิภพ ปราบเหล่ามารให้มลายสิ้น โกเลม!" วงเวทอีกวงผุดขึ้น โกเลมหินตัวใหญ่กระโดดออกมาจากวงเวท ยกหินก้อนใหญ่ทุ่มใส่อีกฝ่าย แต่มันหายไปอย่างไร้ร่องรอย โกเลมถูกบางอย่างกระแทกล้มลง เสียงอีกเสียงหนึ่งบริกรรมคาถา แต่คราวนี้เป็นผู้หญิง
"วังวนแห่งวารี โปรดโปรยความสง่างามแห่งสายน้ำจากทิศ..." แต่ยังไม่ทันจากร่ายเวทจบ เธอก็ถูกกระแทก ศัตรูกระโดดหนีไปทางหน้าต่าง ชายสองคนดีดนิ้ว มังกรและโกเลมก็สลายไป
"แย่จริง มันหนีไปได้ ใครกันที่มาบุกหอคอยธรรมชาติเช้าตรู่อย่างนี้" ชายอีกคนเอ่ย ทั้งสามคนเดินไปดูหญิงงามซึ่งบัดนี้นอนสลบไม่ได้สติ
"ไอโอเรีย นายอุ้มนาเนียไปหน่อยดิ" ชายร่างใหญ่ผู้เรียกโกเลมพยักหน้า แขนที่มีกล้ามเป็นมัดๆโอบอุ้มร่างบางขึ้นเดินห่างออกไป
"นี่มันเรื่องอะไรกัน" โจเซฟเอ่ยขึ้น เขายังตกตะลึงกับภาพการต่อสู้เบื้องหน้า แต่ก็กดลิฟต์ไปยังชั้น45 พาเรเวนเข้าห้อง
"นี่เองเป็นสาเหตุที่ต้องระงับการสอบ" คริสเอ่ย "เดี๋ยวฉันมา" เขาวิ่งออกไป กดลิฟต์ไปยังชั้น20อีกครั้ง ประตูลิฟต์เปิดออก ชายคนเดิมยืนอยู่หน้าลิฟต์ คริสถูกซัดกระแทกลิฟต์ ก่อนจะถูกโยนออกไปนอกลิฟต์ เขาลุกขึ้นมาปล่อยไฟใส่ มันเอามือกันไว้ ไฟของเขาไร้ผล มันแลบลิ้นยาวก่อนจะพุ่งเข้ามา เขายกแขนขึ้นกัน เล็บคมๆข่วน
"ย้าก!" เขาพุ่งไปหามันลูกไฟในมือลุกโชน ไพ่หนึ่งใบชูขึ้นในอากาศ "ครอส" ตูม!! ไฟกางเขนพุ่งผ่านร่างนั้น มันร้องโหยหวน ร่างมนุษย์เริ่มแปรสภาพเปลี่ยนเป็นปิศาจกิ้งก่า ลูกตามันกลอกไปมารอบทิศร่างติดไฟกลิ้งไปมาบนพื้น มันใช้ลิ้นตวัดดึงขาคริสให้ล้มลง เขาถูกเหวี่ยงไปกระแทกกำแพง
"รูบี้!" มังกรสีขาวบินวนอยู่เหนือหัว เสียงร้องแหลม อัญมณีสีแดงล้อแสงแวววับ ลงมาเกาะแขนเจ้านาย มันสะบัดปีกเบาๆ "ลุย!" ว่าแล้วทั้งสองก็พุ่งเข้าไปโจมตี ดาบเรียบยาวฟันฉับพลาดเป้าหมายไปเพียงไม่กี่เซน แต่เลือดกลับไหลรินจากแขน เหตุจากมังกรที่อยู่ข้างหลัง
"เจ้านาย ใช้ไพ่สิ" เสียงหนึ่งที่คริสไม่เคยได้ยินดังแว่วมา เขาหันขวับ ไปตามเสียง ตรงหน้านั้นคือ รูบี้
"นายพูดได้" เจ้านายชะงักหยุดการกระทำทั้งปวง "นายเป็นมังกรไม่ใช่หรอ ทำไมพูดได้อ่ะ"
"ก็ข้าไม่ได้เป็นใบ้นี่นา" มังกรตอบ มันเหลือบตาไปยังร่างที่ยันตัวกับกำแพงอยู่ "ระวังเจ้านาย!" แต่ไม่ทันที่ตัวเจ้านายจะระวัง ลิ้นยาวที่มีเหมือกเหนียวๆก็ติดหนึบที่ขา เหวี่ยงร่างเหนื่อยล้าไปมา รูบี้บินเข้ามาหมายช่วยแต่ก็ถูกหางสีเขียวตีกลิ้ง
"รูบี้!" เสียงร้องของคริสเรียกให้อีกบุคคลแถวนั้นหันมาสนใจ พลันขวานใหญ่ฟันฉับตัดลิ้นเหนียวขาดสะบั้น เลือดไหลริน เสียงเจ้าปิศาจร้องโหยหวน
"ว่าแล้วเชียว ไม่แน่ใจเลยกลับมาดู" เสียงเข้มจากบุรุษร่างกำยำ ขวานใหญ่พาดบ่าแสดงความน่าเกรงขาม "นายไม่บ้าไปแล้วหรอ มาทำอะไร"
"มันเอาของอย่างหนึ่งไป" คริสบอก "เป็นของสำคัญมากๆครับ" เขายันตัวลุกขึ้นยืน แม้ลมหายใจเหนื่อยหอบแต่ก็ยังพยายามฝืนใช้พลัง
"อย่าเพิ่ง" รุ่นที่ยั้งเตือน เขาเข้าไปกระชากคอเสื้อร่างที่นอนแดดดิ้น "ใครส่งแกมา" เขาตวาดเข้มเรือนผมสั้นสีน้ำตาลสะบัดน้อยๆ "มีจุดประสงค์อะไร"
"อ้าเอ็นอ๋ายอั๊บอองอ่านเออิเอส" กิ้งก่าพูดเสียงอู้อี้เนื่องด้วยลิ้นนั้นได้กองอยู่ตรงหน้า "อ้าไอ้อีอาง
ออกอะไออั๊งอิ้น แอ้อายอ้อไอ้ออก"
กำปั้นหนักเสยเข้าปลายคาง ร่างโชกเลือดกระเด็น ลูกแก้วสีน้ำเงินกลิ้งขลุกๆ "นั้นใช่มั้ยของที่ต้องการ" เขาเดินไปหยิบของมาให้ "เก็บไว้ให้ดี" สิ้นเสียงเขาก็หันไปทางศัตรู แต่มันหายตัวไปอีกแล้ว
"ฉันเห็นมันตกอยู่ตอนนายโดนมันอัดเข้าเลยเก็บมาให้" เสียงจากคริสเรียกความสนใจจากคนในห้องเขายื่นแก้วดาราให้ แต่ไม่ทันที่ความสงบจะบังเกิดเสียงๆหนึ่งก็ทำให้ทุกคนสะดุ้ง
"ขอให้นักเรียนต่อไปนี้มาพบอาจารย์เลโอนาโด โซโลนที่ห้องทำงาน คริสโตเฟอร์ เรย์โนลด์ เรเวน ริเวนเดเลีย คาร์ลอส ครอสเอเวอร์ โจเซฟ มอลด์ตัน ไอโอเรีย เธเดนส์ ลารี่ คอนสตาฟ นาเนีย บลาสเตียนนอย โซลิส เดลมิลด์ เฮนรี่ เกรตครอฟ โมเสส รารอฟก้า อเล็กซ์ซานเดอร์ คีลฟอร์ด ลูเซีย ครอสเอเวอร์ และลูซิเฟอร์ เบรสเซาโกด้า"
สิ้นเสียงประกาศพวกเขาต่างมองหน้ากัน คริสไม่วายหยิบลูกอมมะนาวติดกระเป๋าไปด้วย ทางเดินที่ปูลาดด้วยพรมนุ่มสีทอง แสงไฟสลัวยามค่ำคืนบนทางเดินของหอคอยธรรมชาติสาดส่องตามทางยาว เมื่อถึงหน้าลิฟต์บทสนทนาเล็กๆก็เริ่มขึ้น
"นายว่าพวกเขาเรียกเราไปทำไม ค่ำๆมืดๆอย่างนี้" คริสเป็นคนเปิดเรื่อง
"คงเป็นเรื่องของภารกิจแน่ๆ" เรเวนตอบพลางหยิบแก้วดาราขึ้นดู
"ภารกิจ ภารกิจ อะไรๆก็ภารกิจนะนายอ่ะ" คาร์ลอสเอ่ย เขากลอกตาไปมาเรเวนส่งสายตาปรามนิดๆแต่ก็รู้ว่าไอ้ขโมยตัวนี้มันปรามยังไงก็ไม่ลง คิดแล้วก็ถอนใจเบาๆ
"แต่ฉันเห็นด้วยกับเรเวน" โจเซฟเอ่ยเสียงเรียบ "แต่มันก็ไม่แน่อาจจะเป็นเรื่องเมื่อเช้าก็ได้"
"ฉันไปสู้กับมันมา" คำกล่าวจากคริสเรียกความสนใจจากเพื่อนๆ
"ไอ้บ้า!" เรเวนตวาดใส่ "แกทำอย่างงี้ได้ไง ถ้าแกตายไปฉันจะทำยังไง หา!"
"เฮ้ๆ ถ้าฉันไม่สู้กับมันของในกระเป๋านายก็คงไม่อยู่ในนั้นหรอกนะ" คริสเอ่ยกลับ
เสียงลิฟต์เปิดออกบุรุษสองคนยืนคุยกันอย่างออกรส ทั้งคู่คือคนที่สู้เมื่อเช้า
"ไงพวกนาย ถูกเรียกอ่ะดิ ฉันลารี่ คอนสตาฟ" ชายที่ตัวเล็กกว่ายื่นมือมาจับทุกคน
"พวกพี่ที่สู้กับไอ้นั้นเมื่อเช้านี่ครับ" คาร์ลอสเอ่ย
"นายอยู่ที่นั้นด้วยหรอ" ลารี่เอ่ยด้วยท่าทางสนใจ เขาหันไปมองเพื่อนของตน
"ฉันไอโอเรีย เธเดนส์ ถ้านายไม่ว่าอะไรฉันขอคิดอะไรเงียบคนเดียวหน่อยแล้วกัน" เอ่ยเสร็จเขาก็ก้มลงคุร่นคิด
"รีบไปเถอะเดี๋ยวอาเลโอเล่นเอา" ลารี่ลากทั้งสี่ขึ้นลิฟต์มุ่งหน้าไปยังราบาโร่เซ็นเตอร์ เมื่อลงมาถึงชั้นล่างสุดทั้งหกเดินอยู่บนทางเดินสลัว พวกเขาหยิบเจทบอร์ดทยานไปตามทาง จนเมื่อพ้นอุโมงค์ก็ยังไม่มีเสียงใดแพร่งพรายมีเพียงเสียงเจทบอร์ดโลดแล่น
ราบาโร่เซ็นเตอร์บัดนี้ช่างแตกต่างจากยามแสงแดดสาดส่องเหมือนคนละโลก บรรยากาศที่มีนักเรียนพลุกพล่าน เสียงคุยเซ็งแซ่ แสงจากดวงอาทิตย์ฉายผ่านช่องหน้าต่าง ในตอนนี้กลับมีเพียงความว่างเปล่าเงียบสงัดและวังเวงชวนขนหัวลุก หากทำเป็นบ้านผีสิงคงได้เงินมากมาย แม้จะไม่มีผีแต่เพียงความความมืดมิดก็ทำให้หวาดผวาได้
"แม่เจ้าโว้ย บ้านผีสิงชัดๆ" คาร์ลอสพยายามตะโกนโหวกเหวกตลอดทางเพราะสิ่งที่เขากลัวที่สุดคือผี
เมื่อถึงห้องของอาจารย์เลโอ คนอื่นๆก็มากันครบแล้ว ทุกคนต่างมองมาเป็นตาเดียว
"อย่ามองดิ ผมเขินนะ" คาร์ลอสยังคงอารมณ์ดีเหมือนเคย อ.เลโอส่งสายตาไปยังทุกคน
"เรเวน คริส โจเซฟ คาร์ลอส เอาของนั้นออกมาที" ทั้งหมดทำตาม "นี่คือแก้วดาราแห่งชีวิต มันคือสิ่งสำคัญที่จะทำให้ปีศาจนรกตนหนึ่งฟื้นกำลังขึ้นเช่นเดิม" "เดวิเลส..." เสียงของประธานนักเรียนสายพลังจิตเอ่ยเบาๆ "ถูกต้องเฮนรี่ ในลูกแก้วทั้ง7นี้มีพลังของเดวิเลสสิงสู่ มันต้องถูกทำลาย แต่อาวุธหรือเวทย์ใดๆก็ไม่อาจทำลายมันได้นอกจาก... ดาบมหาพิโรธที่สถิตอยู่ ณ ภูเขาโลกันตร์ ในดินแดนดาร์ทฮีล แดนด้านมืดแห่งแฟรี่เวิลด์"
ทุกคนต่างหายใจยาว พวกเขามองไปยังแก้วดารา ทั้งสี่ไม่คิดเลยว่าสิ่งที่เขาปกป้องมามันจะมีพลังอันเร้นลับและยังอันตตรายอีกด้วย
"พวกเธอทุกคนจำต้องปกป้องมันไปยังดินแดนแห่งความตาย นี่คือภารกิจ" ทุกคนเงียบกริบ "ออกเดินทางพรุ่งนี้เลยนะ ไปได้แล้ว" ทุกคนออกจากห้องไป กลับสู่ห้องของตน ไม่มีใครเอ่ยสิ่งใดยกเว้นคาร์ลอสที่ตะโกนโหวกเหวกเช่นเคยเมื่อผ่านโถงราบาโร่เซ็นเตอร์
เช้าวันรุ่งขึ้นทุกคนแพ็คกระเป๋า ทั้งสี่เดินออกมาสู่ห้องอ.เลโอนาโด
"พร้อมแล้วครับอาจารย์" ทุกคนเอ่ยพร้อมกันทันทีที่อาจารย์เข้ามา
"ดีมากทุกคนอาจารย์จะให้พวกเธอเดินทางด้วยยานธรรมดาเท่านั้นไปเถอะ"
ยานเรดไกอาร์แล่นผ่านตัวเมืองที่มีทั้งตึกรามบ้านช่องจนผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองสู่ทุ่งหญ้าป่าเขาภายในยานเกือบทุกคนมาล้อมวงกันเพื่อวางแผนการเดินทางในครั้งนี้ คนที่ขับยานอยู่ก็คือโมเสสและลูเซีย
"ฉันว่าเราน่าจะไปทางเมืองเนียสวัลเลย์ เป็นทางที่ปลอดภัยที่สุด" ลารี่เอ่ย
"นายจะบ้าหรอ!" โซลิสแย้ง "คงใช้เวลาซักสามเดือนกว่าจะถึง ฉันว่าเราน่าจะผ่านป่าควันไฟเป็นทางที่เร็วที่สุด"
"นายก็บ้าเหมือนกันหละ" ลารี่แย้งบ้าง "ใครๆก็รู้ว่าป่าควันไฟอันตราย สรพัดสัตว์ร้ายนายยังจะเข้าไป"
"เอาหละ เลิกเถียงกันได้แล้วพี่จะให้เราผ่านไปทางเจโล่ทาวน์ จบการประชุม" เฮนรี่ยุติการทะเลาะ เขาเดินไปที่ห้องคนขับเพื่อบอกให้สารถีทั้งสองว่าจะไปทางใด คริสเดินไปยังห้องนอนก็เจอคาร์ลอสหลับอยู่ เขานั่งบนเตียงข้างๆมองดูเพื่อนกรนเสียงดัง เขาเอนตัวนอนแล้วหลับไป
"คริส ตื่นได้แล้ว คริส ถึงเจโล่ทาวน์แล้ว" เรเวนปลุก ยานเรดไกอาร์เทียบท่ากลางเมืองเจโล่ทาวน์ ทุกคนกำลังลงจากยาน เจโล่ทาวน์เป็นเมืองเล็กๆ ที่เป็นจุดขายของเมืองคือที่นี่มีบริษัท เอส. อี. คอปเปอเรชั่นซึ่งเป็นบริษัทเดียวที่ผลิตเจทบอร์ดทั้งเมืองจึงไม่ค่อยมีพาหนะอื่นมากนัก
"เราจะนอนที่นี่คืนนึง พรุ่งนี้เราจะเดินทางเพราะยานเราก็ต้องชาร์จพลังงานอีกอย่างตัวจุดชนวนสเปกตรัมก็มีปัญหานิดหน่อยด้วย" โมเสสเอ่ย
"กรี๊ดดดดด!!! เจ้าชายลารี่!" เสียงกรี๊ดกร๊าดของหญิงสาวในแถวนั้น เรียกความสนใจของพวกพ้องอย่างมากมาย มีแต่เจ้าตัวที่ไม่แม้แต่จะแลมอง
"กรี๊ด!!เจ้าชายเรเวน!!" แม้แต่เรเวนเองก็ป็อป พวกเขายังคงเดินกันต่อไปถึงโรงแรมเล็กๆแห่งหนึ่ง พวกเขาจองไว้6ห้อง ลูซิเฟอร์ขอพักคนเดียวอ้างว่าต้องการความสงบ
คืนนั้นพวกเข้ามานั่งวางแผนกันที่โต๊ะอาหาร ทุกคนยกเว้นสองคนเช่นเคยเพราะพวกเค้าต้องขับยานต่อ
“จากเส้นทางของเจโล่ทาวน์ ไปทางแม่น้ำเดลบลิน ตรงขึ้นไปเรื่อยๆจนถึงยีลเวลร่าซิตี้เราจะพักกันที่นั้นอีกคืน” เฮนรี่กล่าวแผนงานทั้งหมด แต่ก็มีคนยกมือค้าน
“ชั้นว่าเราน่าจะไปทางแม่น้ำวินมิล แล้วลัดไปทางหุบเขาคีร่า แล้วก็เข้าไปพักต่อที่รินรินทาวน์ เราจะไปถึงดาร์ทฮีลเร็วกว่า แต่มันก็เสี่ยงกว่านิดหน่อยอ่ะนะ” อเล็กซ์ซานเดอร์กล่าวค้าน
“หุบเขาคีร่ามันอันตรายจริง แต่ถ้าไปที่นั้นมันอาจจะเร็วกว่าจริงๆก็ได้ เพื่อที่เราจะได้รีบทำลายมันซะ” เฮนรี่เอ่ยต่อ “ใครเห็นด้วยก็ยกมือ ใครค้านก็บอกมา” ทุกคนยกมือแต่โดยดี
“เอาหละ ไหนๆเราก็ประชุมกันเสร็จแล้ว ฉันละหิวจริงๆเลย สั่งอะไรกินหน่อยดีกว่า” โซลิสเอ่ย เขาจึงสั่งของมากิน ส่วนคนอื่นแยกย้ายไปนอนยกเว้นนาเนียที่นั่งอยู่กับเขา
ในใจของคริสกำลังคิดอะไรมากมาย เขาคิดถึงแม่ของเขา เธอจะรู้มั้ยที่เขาต้องมาแบกรับชะตากรรมที่หนักขนาดไหน แม่รู้แค่ว่าเขามาอยู่โรงเรียนประจำที่ไหนซักแห่งในประเทศแถบเอเชีย เมื่อเขาไปยังห้องนอนก็พบโจเซฟนั่งอยู่บนเตียง
“อ้าว แล้วคาร์ลอสกับเรเวนอ่ะ” คริสถาม โจเซฟที่นั่งก้มหน้าอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมาช้าๆ
“คริส นายว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นี่มันเพื่ออะไรกันหรอ” เขาถามกลับ คริสทำหน้างงๆ
“ก็เพื่อโลกนี้ไม่ใช่หรอไง” จากนั้นโจเซฟก็นั่งก้อหน้าต่อไป คริสไม่ได้สนใจอะไรจึงเข้านอนทันที
เช้าวันรุ่งขึ้นพวกเขาก็พักกัน
ความคิดเห็น