คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : สอบกลางภาค
คริสก้าวขึ้นมาบนเวที สภาพสุดโทรมแถมด้วยความเหนื่อยล้าทำให้เซทยิ้มน้อยๆ เขาเคลื่อนตัวเข้าหากันช้าๆ ระยะห่างเหลือเพียงหนึ่งฟุต แต่ทั้งคู่ไม่มีทีท่าจะโจมตี ทันใดนั้นคริสก็เอี้ยวตัวหลบเจ้าสิงโตอย่างหวุดหวิด ส่วนตัวเจ้านายก็กระเด็นไปข้างหลัง
“นายนี่ใช้ได้นะ แต่ว่าฉันไม่ได้มีเพื่อนแค่สองคนหรอกนะ” เซทชูมือทั้งสองขึ้นในอากาศ สัตว์อีกสามตัวขึ้นมาอยู่บนเวที ได้แก่ กระทิง หมาป่าและแมวป่า “ฉันคงต้องเอาจริง เพราะนายก็คงเอาจริงเหมือนกัน” เมื่อเขาพูดจบก็เกิดลำแสงขึ้นที่มือทั้งสอง สัตว์ทั้งห้าแปรสภาพเป็นดวงแสงวิ่งมาสู่มือ ตัวเขาสว่างวาบ สัตว์ทั้งห้าได้ไปร่วมร่างที่ตัวเขาแล้ว
“แขนขวาฉันมีกรงเล็บราชสีห์ แขนซ้ายมีเขากระทิงหนุ่ม ขาขวามีเท้าของหมาป่า ขาซ้ายมีเท้าของแมวป่า และที่หลังมีปีกของนกอินทรี สัตว์ทั้งห้าผสมผสานเขาอย่างลงตัวนายคงจะล้มยากหน่อยนะ” เมื่อเขาพูดเสร็จเขาก็บินไปในอากาศแล้วโฉบลงมา คริสกลิ้งหลบเขาปล่อยไฟใส่แต่พลาดเป้า ทั้งสองถอยไปตั้งหลัก
“ทำไมพวกนั้นเล่นง่ายจัง ฉันว่ายากออก” คริสบ่นดังๆ เขาเรียกลูกไฟออกมามากมาย หมายจะโจมตีเป้าหมายแต่เซทกลับสามารถกันได้ด้วยโล่เขากระทิง เขาเดินเข้ามาอย่างไม่หวาดเกรงจนระยะประชิด กรงเล็บข่วนเข้าที่หน้าฝ่ายตรงข้าม เลือดกระเซ็นออกมามากจนพื้นเวทีแดงเถือก
“เล่นเจ็บนี่หว่า” คริสกัดฟันเขาเรียกดาบออกมา กระโดดถอยไปตั้งหลัก
“ฉันว่าที่นี่โล่งไปนะ นายว่ามั้ย เรามาทำให้มันสนุกขึ้นดีกว่า” เซทดีดนิ้ว เสาหินมากมายผุดขึ้นมา
“ต่อกันดีกว่า” เซทวิ่งหายไปในดงเสาหิน คริสกำลังตกเป็นเป้านิ่ง เขาดีดตัวขึ้นไปยืนบนเสาหินแล้ว แม้จะไม่สามารถมองเห็นคู่ต่อสู้ได้แต่เขาก็จะไม่ตกเป็นเป้านิ่ง กรงเล็บพุ่งฉิวผ่านอากาศเฉียดเนื้อที่แขนคริส เขากุมแผลไว้ มันพุ่งมาอีกทีเขาหลบวิถีของมันเขาตกลงไปยังดงเสาหิน
“นาร์ค” เสาหินพังทลายลงนับสิบแต่ยังไม่เห็นวี่แววของเป้าหมาย “อ๊ากกกกก!!!”คริสร้องลั่น เลือดของเขาสาดออกมาจากกลางหลัง เขาล้มลงแต่ก็ยังพยายามยันตัวขึ้นมา เขาโดนเซทเหยียบซ้ำ
“ฉันนึกว่านายจะเก่งที่สุด แต่น่าเสียดายอุตส่าห์ใช้พลังเต็มที่แล้วน้า~” เขาเหยียบหนักลงไปอีก คริสยังพยายามดันตัวขึ้น สุดท้ายเขาก็ล้มลงสลบไป “ฉันว่านายไม่มีทางผ่านการสอบกลางภาคแน่ เพราะมันยากกว่านี้หลายเท่าเพื่อน มาเอาตัว...เขา...” เซทตะกุกตะกัก คริสพลิกตัวกลับมา เขาหันนิ้วชี้ขึ้นด้านบน
“เบริส” น้ำเสียงที่อ่อนแรงตรงข้ามกับพลังที่ปล่อยออกมา ลำแสงสีแดงฉานเท่านิ้วถูกยิงออกไปด้วยความเร็วมหาศาล มันถากหน้าอกและหน้าผากเซทเขาล้มลงลำแสงพุ่งขึ้นต่อไปยังหลังคาโดม ตูม!! เศษหินจากหลังคาร่วงลงมาจนห่างจากพวกเขาเพียงไม่กี่เมตร เด็กหนุ่มที่อยู่แถวๆนั้นวิ่งเข้ามาสองมือเล็งไปที่หิน หน้าของเขาดูราวกับปวดท้องอย่างหนัก หินค่อยๆชะลอความเร็วและลงพื้นในที่สุด
“ขอบใจมาก” เรเวนบอกเด็กหนุ่มที่หอบแฮก “ไม่เป็นไร” เขาตอบ เรเวนวิ่งเข้าไปหาทั้งคู่ที่นอนล้มเลือดถูกละเลงไปทั่ว เขาเข้าไปดูคริสที่เจ็บกว่า เขานั่งลงข้างคริสที่ยังพอมีสติอยู่
“นายไม่เป็นไรใช่มั้ย” เรเวนเอาผ้าเช็ดเลือดออกจากใบหน้าของคนเจ็บ “โดนแค่นี้นายคงไม่ตายนะ” เขาแกล้งแซว “แพ้ก็ไม่เป็นไรเพื่อน นายไม่ตายก็ดีแล้ว”
“เจ้าบ้า ใครบอกว่าแพ้เล่า” คริสพูดเอื้อย เขาแบมือโชว์บางสิ่ง สร้อยสีแดงล้อแสงระยิบระยับหลุดจากคอเพื่อนข้างๆมาสู่มือเขา เขาลุกขึ้นพยายามเดินไปที่เจทบอร์ดแต่ก็ต้องล้มลง เพื่อนอีกสองคนต้องช่วยพยุงเขาขึ้นบอร์ดแล้วลากไปด้วย
“นายนี่มันชอบหาเรื่องจริง” โจเซฟเอ่ยขณะที่เขานอนอยู่ข้างๆกันในหอพยาบาล เจ้าตัวดีกำลังแกะห่อลูกอมมะนาว7สีอยู่ เขากินสีครามเข้าไป
“แค่นี่ยังจิ๊บๆจะบอกให้ ถ้าฉันเอาจริงนะป่านนี่เซทมันตายไปแล้ว” คริสพูดอวดตามอารมณ์ เขาหยิบลูกอมสีแดงใส่ปาก หน้าที่กำลังยิ้มก็บูดเบี้ยวในทันที
“ขี้โม้ เจ็บขนาดนี้ยังโม้ได้ก็ดีแล้วและอีกอย่าง ลูกอมนั้นแบ่งความเปรี้ยวเป็นเจ็ดระดับ สีแดงนั้นเปรี้ยวสุดแล้ว ดีแล้วหละ จะได้เงียบซักที” เขาหัวเราะเบาๆ แล้วเอนตัวลงนอน
“เฮ้คริส” เรเวนเข้ามายืนข้างเตียง เขานำห่อกระดาษเล็กๆออกมาจากกระเป๋ากางเกง “นี่คือภารกิจที่ท่านผู้เฒ่าส่งมา เราต้องปกป้องมันเป็นเวลาประมาณ9เดือน” แล้วเขาก็แกะห่อกระดาษออกมา ท่าทีเหมือนไม่ต้องการให้ใครเห็นสิ่งนี้ “มันคือแก้วดาราแห่งชีวิต” ลูกแก้วเจ็ดสีปรากฏบนมือของเขาทั้งคู่
“เหมือนลูกอมมะนาวเลย” คริสเปรย เขาเขยิบตัวเข้าใกล้อีก “เรียกฉันมาอีกโลกนึงเพื่อเก็บลูกแก้วเนี่ยนะ ไร้สาระชะมัดเลย” ว่าแล้วก็เอนตัวลงนอนปล่อยให้เพื่อนยืนอยู่ตรงนั้น
“นายว่ามันจะตามมามั้ย” น้ำเสียงหมดแรงพูด
“จะไปรู้หรอ แต่ถ้าเรายังอยู่ตรงนี้เราตายแน่ๆ” เสียงที่สองเอ่ย “เรารีบหนีกันเถอะ”
“เร็วเข้า!” เสียงแรกเร่ง ทั้งคู่วิ่งเข้าไปในความมืดมิด
“แกมันบ้า” เรเวนพูดระหว่างที่เขานั่งอยู่ในห้องอาหาร คริสกำลังหัวเราะกับความคิดของจอมโจรที่นั่งถัดจากนักสู้ที่กำลังส่ายหน้า
“เอาแก้วดาราแห่งชีวิตไปขาย คิดได้ไงเนี่ย” คริสพูดพลางหัวเราะ เรเวนยังทำหน้าบูดบึ้ง เขาไม่สบอารมณ์เอาซะเลย
“นายบ้าไปแล้ว เจ้าโจรกระจอก” เรเวนยิ้มเยาะ แล้วสงครามเล็กๆในห้องอาหารก็เริ่มด้วยฝีมืของจอมโจรแห่งเซลาม เพื่อนอีกสองคนหล้าถอยออกมาก่อนที่จะโดนลูกหลง “แก!” เจ้าชายที่ควรสงบเสงี่ยมกลับเดือดดาลเป็นคนบ้า
“แกมันก็แค่เจ้าชายถังแตก!” คำสบประมาททำให้เจ้าชายรูปหล่อเดือดดาลขึ้นอีก แต่แล้วเสียงหนึ่งก็หยุดทุกอย่างไว้
“อาจารย์มา!” อาจารย์สามคนย่างสามขุมมาหาคู่มวย ทั้งคู่ก็ถูกแยกออกจากกัน
“พวกเธอชอบหาเรื่องจริงๆเลย ฉันเบื่อกับการทำโทษเธอแล้วนะพรุ่งนี้ก็สอบกลางภาคแล้วเดี๋ยวถ้าตกวิชาฉัน ฉันจะไม่ให้เธอผ่านเลยทั้งปีจำเอาไว้ด้วย” อาจารย์ลินซี่ย์ ดูมักเกิ้ล สอนวิชาการดูแลสัตว์เลี้ยงและอาจารย์ที่ปรึกษาบ่นตัวแสบทั้งสองอย่างเอือมระอา “ฉันจะทำโทษเธอมิสเตอร์ริเวนเดเลีย มิสเตอร์ครอสเอเวอร์ กักบริเวณจนถึงวันพรุ่งนี้”
“แต่อาจารย์...”เรเวนพยายามแย้งแต่ไร้ผล “ไม่มีแต่ เธอทั้งคู่ต้องถูกกักบริเวณ” แล้วเธอก็เดินออกไปจากห้องอาหาร
“เพราะนายนั้นแหละ” เรเวนหาเรื่องอีกครั้ง
“นายต่างหาก” คาร์ลอสเถียง ทั้งคู่คงจะปะทะกันอีกครั้งหากโจเซฟไม่เข้าไปห้าม
เวลาสองทุ่มคู่กัดถุกกักบริเวณในหอคอยธรรมชาติชั้นบนสุด แต่พวกเขาไม่ได้อยู่ตามลำพัง
“เฮ้! อันดิส นายทำอะไรมาถึงมาโดนแบบพวกฉัน” คาร์ลอสถาม สายตาแหลมคมสบกับสายตาอยากรู้อยากเห็น เจ้าโจรทำตาปริบๆ
“อยากรู้จริงๆหรอ ฉันบอกให้ก็ได้ เมื่อวานฉันมีอะไรอย่างงั้นกับเรเน่ นานารินกัสกี้มา แม่นั้นก็ไปฟ้องอาจารย์ซะงั้น ทั้งที่เธอชวนฉันเอง ฉันเลยตกกลางภาคทุกวิชาแถมยังต้องอยู่ที่นี่อีกอาทิตย์นึง” เขาส่ายหัวไปมา “โดนลูซิเฟอร์ซัดเข้าไปอีกทีสองที ก็มึนนิดๆ” แล้วรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ปรากฏ
“นายนี่มันร้ายจริง เล่นไอ้นั้นกับประธานนักเรียนที่เป็นดาวโรงเรียน เก่งวะ” โจรเอ่ยชมทั้งที่ไม่ใช่เรื่องน่าชมเท่าไหร่ “ฉันกะหมอนี่อัดกันกลางห้องอาหารเลยโดนนิดหน่อย” เขาใช้นิ้วโป้งชี้ไปทางเจ้าชายผู้ที่กำลังบรรทมอย่างไม่รู้สึกตัว
“พวกนายก็ร้ายไม่เบา” อันดิสหลบหน้าไปก่อนจะล้มตัวลงนอน
“อยากรีบๆสอบจังเลย” ว่าแล้วคาร์ลอสก็ล้มตัวลงข้างๆเจ้าชาย ดวงตาปิดลงและหลับลงอย่างรวดเร็วเพราะเหนื่อยจากการวิวาทกับเพื่อนข้างตัวเสียเหลือเกิน
เสียงแตรก้องกังวานรับเช้าวันใหม่ การสอบกลางภาคทำให้ทุกคนตื่นตัว นักเรียนสองคนกำลังเดินลงมาจากหอคอยชั้นบนสุดสู่ลานกว้างหน้าหอ พวกเขาบิดขี้เกียจก่อนจะเดินเร็วไปทางห้องอาหาร ณ ราบาโร่เซ็นเตอร์ เพื่อพบกับเพื่อนอีกสองคน
“เมื่อวานหลับสบายมั้ยเพื่อน” คริสทัก ทำให้เพื่อนทั้งคู่หน้าขึ้นสีแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เขานั่งลงกินอาหารเช้าอย่างรีบร้อน เสียงประกาศก็ดังไปทั่วทั้งโรงเรียน
‘ต่อจากนี้ขอให้นักเรียนทุกคนไปรวม ณ สถานที่ต่อไปนี้ ปี1ลานหน้าราบาโร่เซ็นเตอร์ ปี2ราบาโร่เซ็นเตอร์ ปี3สวนชีวะหลังราบาโร่เซ็นเตอร์ ปี4โถงกลาง...’
“ไปกันเถอะ” แล้วทั้งสี่ก็เดินออกจากห้องอาหารไปทางโถงกลางซึ่งบัดนี้ไร้โต๊ะเก้าอี้ พวกเขาเข้าไปต่อแถว
“พวกเธอจะต้องทำการต่อสู้กันที่นี้ แต่ห้ามทำให้อีกฝ่ายเลือดตกยางออก มิเช่นนั้นจะให้ตกวิชาการใช้อาวุธเบื้องต้น การวางแผนรบ การควบคุมจิต การใช้เวทย์เบื้องต้นและการควบคุมพลังธรรมชาติทันทีทันที” อาจารย์ลาบาส ดอร์สัน กล่าวแนะนำ “จะต้องจับคู่ตามที่อาจารย์ได้จัดไว้แล้วดังนี้” เขาก็ร่ายรายชื่อยาวกระทั่ง...
“คาร์ลอส ครอสเอเวอร์จากพลังธรรมชาติกับเมวาริค อิลรีลจากสายเวทย์มนตร์” เสียงประกาศก้อง เขาเข้าไปยังตำแหน่ง การประกาศชื่อก็ตำเนินต่อไปอีกซักครู่จน...“โจเซฟ มอลด์ตันจากพลังธรรมชาติกับรุดเซป เดวัล จากสายเดียวกัน” และยังประกาศต่อไป “อดัม กิลด์ จากพลังจิตและคริสโตเฟอร์เรย์โนลด์ จากพลังธรรมชาติ” รายชื่อยังคงลากยาวไปอีกครู่จนคู่สุดท้ายประจำที่
“กระจอก” คำพูดสบประมาทจากฝ่ายตรงข้ามทำให้นัยน์ตาสีฟ้าหรี่ลง ดวงตาสีเทาซีดมองอย่างดูถูก สัญญาณเริ่มต่อสู้ดังขึ้น “รีลีส” ดาบเรียวยาวส่องแสงวาบในฝ่ามือแต่ฝ่ายตรงข้ามก็เรียกอาวุธออกมาเตรียมสู้เช่นกัน
“ดาบพยัคฆ์ทมิฬ” ดาบใหญ่สีดำโผล่มาสู่กำมือ ทั้งคู่เข้าประดาบกัน เสียงเหล็กวิเศษกระทบกันดังกังวาน เสียงคมดาบเสียดสีกัน เสียงสบถของเด็กหนุ่มที่กำลังเสียเปรียบค่อยๆถอยร่นไปข้างหลัง จนโดนดีดกระเด็นแต่ยังตั้งหลักได้ คริสวิ่งเข้าไปหาแต่ก็ถูกพลังที่มองไม่เห็นจากฝ่ายตรงข้ามกระแทกไปติดกำแพงล่องหน เขาล้มลง แต่ยังสามารถลุกขึ้นสู้ได้ใหม่
“คนกระจอกมันก็กระจอกอยู่วันยังค่ำ” การดูหมิ่นทำให้คริสเลือดร้อนขึ้นอีกเขาพุ่งไปอีกครั้งแต่ก็ถูกผลักด้วยพลังที่มองไม่เห็น คราวนี้เขาพยายามสู้พลังจิตที่ส่งมา ดาบเอซโพธิ์ดำปักลงกับพื้นมือข้างหนึ่งยื่นไปข้างหน้า
“ลองดูซิว่าคนเก่งจะสู้พลังกระจอกๆได้มั้ย” คริสเย้ยหยันกลับ เพลิงร้อนผ่าวผ่านพลังจิตไปยังเจ้าของพลัง เขานำดาบขึ้นมากันทำให้พลังจิตคลายลง ถึงทีคริสโจมตี อักขระสีแดงฉานส่องสว่างที่ฝ่ามือ
“นาร์ค” เพลิงพุ่งขึ้นไปยังดาบ เขาฟาดดาบลงเพลิงเสี้ยวจันทร์ผ่าอากาศ เด็กหนุ่มผมม่วงลุกขึ้นส่งพลังไปต้าน ทั้งสองพลังต้านกันอยู่นานจนพลังระเบิดออก ทั้งคู่ทำท่าจะลุกขึ้นสู้อีกครั้งแต่เสียงระฆังหมดเวลาเตือนพวกเขาไว้ก่อน
“นายโชคดี” แล้วเขาก็เดินจากไปปล่อยให้ตาสีฟ้ามองตามอย่างค่อนข้างเคียดแค้น เขากัดฟันก่อนจะเดินจากไป
“เป็นไงบ้าง” โจเซฟถามเขาดูมอมแมม แขนเสิ้อขาดวิ่น เขาดูเหนื่อยกับการต่อสู้ที่ผ่านมากับรุดเซป ผู้ใช้เงา “นายดูเหนื่อยๆนะฉันว่าไปพักก่อนเถอะ” เขาพูดหอบๆ
“นายนั้นแหละ” เรเวนเดินมาพร้อมคาร์ลอส ทั้งคู่มีสภาพไม่ต่างไปจากเดิมนัก มีแต่รอยเปื้อนฝุ่นนิดหน่อยเท่านั้น“แต่อีกชั่วโมงจะต้องสอบต่อแล้ว คงพักนานมากไม่ได้” โจเซฟเอ่ย ทั้งหมดตรงไปยังห้องพัก ทั้งหมดซื้อขนมขึ้นมากินกันอย่างอร่อย เซท รุดเซป รอยและมูนน็อก ก็มาอยู่กับพวกเขาด้วย
“พวกนายคงผ่านกันสบายๆเลยดิ” คาร์ลอสเปรย เขายัดช็อกโกแลตมิ้นท์ก้อนใหญ่เข้าปาก
“ก็ไม่เท่าไหร่ อย่างน้อยก็ไม่ได้แผล” รอย คันสตัก เดอะ ไนท์ ออฟ ราวาดอลท์เอ่ย อัศวินซดน้ำแดนดี้เบอร์รี่เข้าไปอึกใหญ่ “หอกของฉันมันก็ช่วยกันได้อย่างดี” เขาเอนตัวไปนอนบนตักของเพื่อนข้างๆ “พวกห้องหนึ่งจะผ่านกันหมดมั้ยเนี่ย”
“ผ่านหมดหรือป่าวไม่รู้แต่ฉันหนัก” มูนน็อก กีกาซี เดอะ ไพเรท ออฟ ริเบเรียบ่นเขาพลักไสรอยออกจากตัก
“ไม่นอนก็ได้ ไปนอนกับรุดเซปดีกว่า” เขาก็เบี่ยงตัวนอนลงไปที่ตักของรุดเซปซึ่งเอาเงามารองรับตัวเพื่อนไว้
“ฉันทึ่งกับโจเซฟจริงๆนายใช้ลูกธนูรับกระสุนฉันได้ไง” รุดเซป เดอะ กันสลิงเกอร์ ออฟ ราบาโร่เอ่ยกับโจรที่อยู่ตรงข้าม
“นายไม่รู้หรอก” โจเซฟหันไปหาคาร์ลอสแต่บัดนี้เขาได้หายตัวไปเสียแล้ว
“โจเซฟ ฉันว่านายเจ็บสุดแล้วนะ”เซทซึ่งนิ่งเงียบอยู่นานเพราะขนมที่อยู่ตรงหน้ามันชั่งเย้ายวนใจเหลือทนสำหรับคนที่มีชีวิตอยู่แต่ในป่า ต่างกับผู้ที่ซื้อของเหล่านี้ เขานั่งเงียบเช่นกันแต่เพราะกำลังคิดเรื่องอื่นอยู่ เจ้าชายน้ำแข็งกำลังนั่งหน้าเครียด ในมือกำแก้วน้ำแดนดี้เบอร์รี่สีเขียว “นายอาจเลือดออกก็ได้ ฟ้องอาจารย์ได้นะ” เซทกล่าวทั้งที่ขนมเต็มปาก เขายังหยิบช็อกโกแลตมิ้นท์อีกอันเข้าปาก
“ไม่หรอก แค่ช้ำเอง ฉันไม่เป็นอะไรมาก” โจเซฟคลำรอยช้ำที่ต้นแขน เขาไม่พูดอะไรอีกจนทุกคนออกไปจากห้องเหลือพวกเขาแค่สามคน เขาก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เรเวนเอาแก้วดาราออกมาหน่อย”
เรเวนหยิบแก้วเจ็ดสีขึ้นมา โจเซฟหยิบออกไปสามลูก “ฉันจะเก็บไว้สามลูก นายเก็บไว้สอง คริสเก็บไว้สอง คาร์ลอสอีกสอง”
“ทำไมถึงต้องแยกกันเก็บด้วย” เรเวนแย้ง
“เพราะว่าถ้าท่านเรโดธิสส่งสิ่งนี้มาให้เรา มันจะต้องมีความสำคัญ หากมีคนมาขโมยก็จะไม่หายไปหมด เราต้องแยกกันเก็บ” เขาเก็บของให้กระเป๋า คริสหยิบไปอีกสองลูกใส่กระเป๋าตัวเอง “อีกสองลูกของคาร์ลอสฉันจะเอาไปให้เขาเอง”
ทั้งหมดเดินออกจากห้อง ลงไปสู่โถงกลาง บัดนี้โต๊ะเกือบพันตัวถูกำจัดเรียง แผ่นกระดาษและปากกาถูกตั้งเตรียมไว้เพื่อข้อสอบภาคทฤษฎี
“ไปกันเถอะ” คริสนั่งถัดจากเรเวนส่วนคาร์ลอสและโจเซฟนั่งอยู่มุมห้องตามเลขที่
“นักเรียนทุกคนจะได้รับข้อสอบเองโดยอัตโนมัติ” อาจารย์ดอร์สันเอ่ย “นักเรียนมีเวลาสามชั่วโมงในการทำข้อสอบ ห้ามลอกกัน ห้ามใช้พลัง ใช้แต่ความรู้เท่านั้นเริ่มได้”
ข้อสอบโผล่มาในอากาศสู่โต๊ะนักเรียนทุกคน การสอบเริ่มขึ้น คริสอ่านข้อสอบแล้วกาอย่างรวดเร็ว อีก15นาทีก็เกิดเสียงดังปังทุกสายตาหันไปมอง อาจารย์คนหนึ่งเดินบ่นไปหาเด็กคนนั้น
“ฉันบอกแล้วอย่าใช้เวทมนตร์ไม่เคยเชื่อกันเลย” แล้วเธอก็ลากตัวเด็กคนนั้นออกจากห้องสอบ อีกซักครู่เด็กคนที่สองก็ต้องออกไป
“เหนื่อยชะมัดเลย” คำบ่นจากจอมโจรเป็นเสียงเดียวในความเงียบ เนื่องจากการปวดหัวอย่างหนักของเพื่อนอีกสามคนทำให้ไม่มีเสียงพูดใดๆ ในห้องยังคงเงียบเชียบ หลังจากผ่านการสอบมาหลายชั่วโมง พวกเขานอนหลับลงและไม่ได้รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้นเลย
“ฉันว่าเราพ้นมันแล้วหละ”เสียงหนึ่งเอ่ย “ยังไงก็เข้าเขตโรงเรียนแล้ว” เสียงนั้นหอบแฮกๆ
“นายรีบไปหาของ ฉันจะเฝ้าให้หากมีอะไรจะรีบติดต่อไปทันที” เสียงที่สองสั่ง
“แล้วมันอยู่ที่ไหนวะ” ชายผู้นั้นเดินไปตามทางเดินจนเจอลิฟท์ เขากดขึ้นไปบนชั้น20 เดินไปตามทางเดินมืดๆ สายตาสอดส่องรอบกาย แผลเป็นมากมายบนหน้าแสดงให้เห็นถึงประสบการณ์ต่อสู้
“เฮ้...นั้นใครน่ะ” เสียงแก่ๆดังแว่วมาจากด้านหลัง เขาหันขวับ “ย้าก”
คนพวกนี้เป็นใคร? พวกเขามาตามหาสิ่งใด? อันตรายกำลังคืบคลานเข้ามาสู่นักเรียนแล้ว
ความคิดเห็น