คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : รักครั้งแรก
คริสสะดุ้งตื่นขึ้นและพบว่าตัวเองอยู่ในหอพยาบาล รายรอบด้วยผู้คนจำนวนมาก บางคนมองเขาอย่างกับว่าเป็นตัวอะไรซักอย่าง บางคนกระซิบกระซาบกัน บางคนชี้มาที่เขาและบางคนยังถอยหนีเมื่อเขาลุกขึ้นนั่ง
“เรเวน นี่มันอะไรกัน” เขาพูด สอดส่ายสายตาหาเพื่อนของตัวเองจึงเห็นผมสีน้ำเงินใสแจ๋วโผล่ออกมา เรเวนและคาร์ลอสเบียดตัวไปมาจนรอดพ้นฝูงชน เขาก็ไล่ทุกคนไปจนอีก10นาทีต่อมารอบเตียงเขาก็ปราศจากซึ่งผู้คน
“นี่มันเรื่องอะไรกันเรเวน คาร์ลอส” คริสสอดส่ายสายตาไปยังทั้งสองซึ่งพยายามเก็บคำพูดไว้แต่ด้วยความเห็นแก่เพื่อน คาร์ลอสจึงยอมปริปากออกมา
“คือเรื่องมันเป็นงี้นะเพื่อน ตอนที่นายกินลาลานิสนะมันไม่สุกดีเท่าที่ควรทำให้นายกินเลือดของมันเข้าไป แล้วนายก็ลุกขึ้นอาละวาดจนงานเลี้ยงเละไม่เป็นท่า แถมยังปล่อยมังกรไฟออกมาตั้ง3ตัว อาจารย์ทุกคนช่วยกันหยุดนายได้แต่ก็ใช้เวลาถึง2ชั่วโมง” เขาหยุด ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“พ่อครัวคนนั้นโดนไล่ออกทันทีเลยหละ” เรเวนเสริม “ฉันก็สงสารเขานะแต่เขาควรจะตรวจดูอาหารให้ดีเสียก่อนจะได้ไม่เกิดเรื่องวุ่นๆงี้”
วันรุ่งขึ้นคริสก็สามารถไปเรียนได้ตามปกติ แต่อาการปวดแสบปวดร้อนที่ต้นแขนยังคงอยู่ อักขระแปลกๆสามตัวถูกจารึกลงบนแขนของเขาโดยไม่รู้ตัว แม้มาดามลิลลี่จะพยายามทุกวิถีทางแล้วก็ตามแต่มันก็ไม่หายไป
วิชาแรกที่เขาต้องเข้าเรียนวันนี้เป็นวิชาที่อาจารย์เลโอสอนเองนั้นคือวิชาการควบคุมพลังธรรมชาติ เขาให้ทุกคนตั้งสมาธินิดหน่อยนึกถึงพลังของตัวเอง เพียงไม่กี่วินาทีหลายคนรวมถึงคริสเองก็สามารถปล่อยพลังออกมาได้ ไฟสีแดงลุกท่วมมือเขามันลามไปถึงแขนและลามไปทั้งตัวแต่ไม่นานเขาก็เรียนรู้วิธีควบคุมมัน
“เฮ้ เพื่อนดูนี่นะ” เรเวนตะโกนเรียก เขายื่นมือออกมาข้างหน้าไอเย็นควบแน่นเป็นน้ำแข็งจนค่อยกลายเป็นรูปปั้น ในที่สุดรูปปั้นวีนัสก็ปรากฏตรงหน้า
“สุดยอดเลย นายทำได้ไงเนี่ย” คาร์ลอสเอ่ย
“นิดหน่อยน่าเพื่อน” เรเวนพูดอวด
็นวิชาที่
เมื่อหมดคาบทั้งหมดดับพลังแล้วทยอยเดินออกมาเพื่อไปเรียนวิชาต่อไป เมื่อถึงช่วงพักกลางวันทถกคนก็จับกลุ่มกันแสดงพลังของตนเอง
“พวกนายดูนี่นะ” เด็กชายผมรุงรังกระซิบในกลุ่มที่มีคริส เรเวน คาร์ลอสอยู่ด้วยเขาดีดนิ้วเบาใส่เด็กหญิง3คนที่เดินผ่านมา กระโปรงของทั้งสามเปิดออกดังพรึ่บ เสียงกรี๊ดดังๆหลุดออกมาก่อนพวกเธอจะหน้าแดงวิ่งจากไป
“แจ๋วฟ่ะ” เด็กหนุ่มร่างกายกำยำผมตั้งขึ้นเอ่ย เขาหัวเราะน้อยๆกับภาพที่ได้เห็น
“นั้นยังจิ๊บๆ ดูนี่ดีกว่า”คาร์ลลอสเอ่ย เขายืนขึ้นยืดอก “เราต้องการอาสาสมัครหนึ่งคน คริสฉันเลือกนาย” คริสยืนขึ้น “โปรดยื่นมือออกมาด้านหน้าด้วย” เขายื่นออกมาอย่างนิ่มนวล คาร์ลอสค่อยๆนำมือไปสัมผัสกับมือที่อยู่ตรงหน้า เพียงเสี้ยววินาทีคริสกระตุกมือกลับสะบัดมันแรงๆหลายที “ไอ้บ้าเอ๊ย! มันเจ็บนะ” คริสตวาดเจ้าตัวดี
“นายทำอะไรเขานะ” เด็กชายข้างคาร์ลอสถาม เขาตอบกลับไปอย่างหน้าตาเฉย “เปล่านี่...ฉันแค่ชาร์จไฟให้เขาหน่อยเดียวเอง” เมื่อจบประโยคเสียงหัวเราะก็ดังลั่นห้องโถง แต่คริสไม่มีอารมณ์ร่วมเลย มือเขายังคงชาไม่มีความรู้สึก
แต่ทันใดนั้นเองเด็กสาวหน้าตาสดใส แก้มอมชมพูน่ารัก ผมสีน้ำตาลของเธอยาวสยาย ดวงตาโตพริ้มเป็นประกาย ผิวขาวเนียน ก็เดินเข้ามาในวง มันทำให้คริสถึงกับอยู่ในภวัง เด็กสาวคนนี้สวยที่สุดเท่าที่เขาเคยพบเจอ เขาไม่สามารถหาคำมาบรรยายความรู้สึกในตอนนี้ได้นอกเสียจากคำว่า “ตกหลุมรัก”
“เธอเป็นอะไรมากหรือเปล่า” เด็กสาวเป็นห่วงเป็นใยทั้งที่เขาไม่รู้จักกันมาก่อน มือของคริสเปลี่ยนจากอาการชาเป็นเจ็บปวด เขาร้องออกมาเบาๆโดยไม่ได้ตั้งใจ เด็กสาววางฝ่ามือลงบนหลังมือ แสงสีขาวเล็กส่องสว่างความเจ็บปวดหายไปในบัดดล
“ขอบคุณครับ เอ่อ... คุณมาช่วยผมไว้ทำไมครับ” คริสเอ่ยอย่างสุภาพ
“ฉันเห็นคนบาดเจ็บไม่ได้ เป็นต้องเข้าช่วยทุกทีแต่ไหนแต่ไรแล้ว เอ่อ...ถ้าไม่รังเกียจฉัน อลิซาเบ็ธ คิดเลอร์ เรียกสั้นๆว่าอลิซก็ได้นะ” เธอยื่นมือออกมาเป็นเชิง
“ผม คริสโตเฟอร์ เรย์โนลด์ เรียกผมว่าคริสก็ได้ครับ” เขายื่นมือออกไปจับ ความปิติยินดีมีอยู่เปี่ยมล้น เมื่อการแนะนำตัวจบลง เธอยิ้มให้เขาแล้วจากไป ทิ้งให้คริสยืนยิ้มอยู่อย่างนั้น
“อะแฮ่มๆ” เสียงกระแอมของเรเวนดึงความสนใจของคริสอย่างรุนแรง เขาสะบัดหน้ากลับไปและพบสายตานับสิบกำลังจ้องมองเขาเขม็ง เขาสะดุ้งโหยงทันที ขณะที่เขากำลังเคลิ้มฝันกับอลิซนั้นเขาไม่ได้คิดถึงเพื่อนที่จับจ้องเหตุการณ์อยู่ข้างหลังเลย และแล้วทุกคนก็หัวเราะร่าคาร์ลอสเข้ามากอดคอคริสไว้แน่น
“เจ๋งจริงๆไอ้เสือ” คาร์ลอสยิ่งกอดคริสแน่ขึ้นไปอีกหลายคนรุมล้อมเขาไว้ “นายเก่งฟ่ะ” “ให้ได้งี้สิ” “ให้ตายเหอะเพื่อน นางฟ้ากับซาตานฮาฮาฮา...” “ไอ้หน้าหล่อเอ๊ย แจ๋วมาก” เสียงตอบรับต่างๆนานาทำให้
คริสเริ่มเวียนหัว เขาอยากออกไปจากวงล้อมนี้โดยเร็วจึงปลดปล่อยพลังไฟขึ้นที่มือข้างหนึ่งค่อยลามไปยังแขนความร้อนทำให้ทุกคนกระจายตัวออกไป เด็กชายผมเรียบเป็นระเบียบกระโดดไปด้านหลัง สองมือชูไปตรงหน้าสายน้ำพวยพุ่งออกมาจากมือทั้งสองดับไฟไปอย่างสนิท คริสวิ่งออกไปพร้อมหน้าแดงๆ
“ไม่น่าเลย” เรเวนหันไปมองทุกคนแล้ววิ่งเหยาะๆตามคริสไป เขาหยุดที่ประตูห้องโถง เด็กหนุ่มผมทองหอบแฮ่กๆอยู่ข้างๆ
“ฉันว่าฉันรักเขาเข้าแล้วซิ” คริสเอ่ย ตาสีฟ้าค่อยๆหรี่ลง เด็กหนุ่มนั่งลงช้าๆ เขากำลังนึกภาพของเด็กสาวในดวงใจ “ฉันเหนื่อยแล้ว ขอตัวไปพักก่อนแล้วกัน” แล้วเขาก็เดินจากไปปล่อยให้เพื่อนคนหนึ่งยืนงงอยู่ตรงนั้น
ในวันเสาร์เช่นนี้การนั่งพักอยู่ในห้องแสนสบายดูจะมีความสุขแต่... “วันนี้แหละคริส!” เรเวนเอ่ยด้วยท่าทีตื่นเต้น เขาโดดไปมาในห้องนอน โดยมีคาร์ลอสและโจเซฟนั่งมอง ทั้งคู่มองตากันแล้วส่ายหน้า
“ไปกันเถอะ” แล้วโจเซฟก็เดินนำทุกคนออกไป เรเวนยังคงกระโดดโลดเต้นไปมา เมื่อพวกเขามาถึงห้องโถงนักเรียนเกือบทั้งหมดได้ถูกบรรจุเข้ามา ส่วนใหญ่คุยกันมากกว่าทำงาน พวกเขานั่งลงได้เพียงไม่กี่นาทีก็ได้ยินเสียงครืนดังมาแต่ไกล เสียงกระพือปีกหลายแบบดังผ่านช่องประตูที่อยู่บนเพดาน ไม่กี่วินาทีสัตว์ต่างๆกว่าพันตัวก็เข้ามา แต่มีนกสีส้มหางยาวเป็นสีแดงเพลิง ปีกใหญ่กระพือช้าๆบินมาทางพวกเขามันค่อยร่อนลงมาเกาะที่แขนของเรเวน
“เรฟ...เด็กดี คิดถึงฉันป่าว ฉันคิดถึงนายมากเลยนา” เขาเอามันเข้ามาใกล้แล้วลูบไปตามตัวมัน มันจิกที่นิ้วเบาๆอย่างรักใคร่ มากกว่าสิบคนหันมามอง “นั้นนกฟินิกซ์นี่ นายไปหามาจากไหนเนี่ย” ทอมเด็กหนุ่มผมรุงรังเอ่ย
แล้วอยู่ก็มีเสือตัวสีเหลืองกระโจนขึ้นมาบนโต๊ะ ปีกสีขาวสะอาดของมันสยายออก ขนนกถูกสะบัดร่วงไปนิดหน่อย มันค่อยๆย่างกรายเข้ามาและหยุดหน้าคาร์ลอส มันกระโจนเข้าใส่เขาทันที! แต่มันมิได้ทำร้ายเขาแต่อย่างใด มันกลับเลียเขาอย่างเอาเป็นเอาตายจนเขาหงายหลังตกเก้าอี้ไป “นี่มัน...” ทอมอึ้งไปพักนึง “เฮฟเว่นไทเกอร์นี่” อีหหลายคนหันมามอง เสือตัวใหญ่มองกลับเป็นเชิงขู่นิดๆ แล้วมันก็เลียเจ้านายมันต่อ
“อ้าวโจเซฟแล้วนายล่ะ” คริสถาม
“นายมากกว่า เจ้าโวลคาโน่ของชั้นมันอยู่ในคอกโน่น” โจเซฟตอบ แล้วหันไปช่วยคาร์ลอสที่นอนกลิ้งอยู่ตรงนั้น คริสยังไม่รู้เลยว่าตัวไหนคือมังกรของเขา สัตว์หลายตัวยังบินว่อนอยู่ที่ด้านบน และแล้ว
“คริสระวัง!” คริสหันไปเห็นอะไรขาวๆบินมาด้วยความเร็วสูง เขาก้มหลบอย่างฉิวเฉียด มันหักเลี้ยวกลับแล้วแลนดิ้งลงไถลไปไกล ของต่างๆบนโต๊ะกระจัดกระจาย มันนิ่งไปพักนึงก่อนที่จะจะกระพือปีกสีขาวคล้ายมังกร หัวของมันค่อยชูขึ้น มังกรสูง1ฟุตลุกขึ้นเดินเตาะแตะมาหาคริสแล้วร้องอย่างมีความสุข อัญมณีสีแดงสดวาววับล้อแสงอาทิตย์
“ให้ตายเถอะคริส! นี่มันเจเวลดราก้อนนี่นา!” ทอมแหกปากร้องออกมาเสียงดังลั่น ทุกสายตามองคริสเป็นสายตาเดียวแล้วเปลี่ยนไปมองมังกรข้างๆ “คริส!” ทุกคนร้องลั่นเช่นกันแถมยังกรูเข้ามาล้อมเขาไว้ มังกรตัวนั้นส่ายหัวไปมาอย่างสับสน
“นายออกไปกันก่อนได้มั้ย” คริสขึ้นเสียงหลายคนเดินออกไป แต่ก็อีกหลายคนยังคงห้อมล้อมไว้ คริสอุ้มมังกรแล้วเดินเร็วๆออกมา เพื่อนอีกสามคนเดินตามไป เมื่อถึงระเบียงที่เปลี่ยวไร้สิ่งมีชิตวิตคริสก็ได้ยินเสียงแปลกๆ แล้วอยู่ๆอักขระที่แขนนั้นก็ปวดแสบปวดร้อนขึ้นมาเฉยๆเขาก็ล้มลง อีกสามคนวิ่งเข้ามาพยุงเขาไว้
“คริสเป็นอะไรมั้ย” เรเวนถามอย่างเป็นห่วงเอามากๆ
“คาร์ลอสดูนั้น” โจเซฟบอกพลางชี้นิ้ว คาร์ลอสหันตาม ผู้ชายหน้าตาหน้ากลัวกำลังย่างสามขุมมาหาพวกเขา ทันใดนั้นตาของชายผู้นั้นก็เปลี่ยนเป็นสีแดง คาร์ลอสทำท่าจะพุ่งออกไปแต่คริสยกแขนมากันไว้
“คาร์ลอสนายอย่าผลีผลาม ถ้านายสู้มันไม่ได้จะทำไง” คริสเตือนซึ่งเขายังคงเจ็บอยู่จึงไม่อาจรั้งไว้ได้ เด็กหนุ่มพุ่งออกไปด้วยความเร็ว เขาชูไพ่ขึ้นมาหนึ่งใบ ไพ่เรืองแสงสีเหลือง
“สปาร์ค” เกลียวสายฟ้าวนรอบแขนของเขา เขาปล่อยพลังพุ่งไปข้างหน้าเบาๆเป็นการลองเชิง แต่เพียงเจ้าปีศาจกระดิกนิ้วสายฟ้าก็เปลี่ยนทิศ ไปชนกำแพง เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
“ซาเกล” พลังไฟฟ้ามากมายถูกปล่อยออกไปอย่างไร้ทิศทาง แต่ก็ยังไม่อาจทำอะไรศัตรูได้ ม่านบาเรียทำให้พื้นที่รอบกายนั้นเละไปหมดแต่เจ้าตัวกลับไม่มีแม้รอยขีดข่วน คาร์ลอสยังไม่ลดความพยายาม
“ซาเกลก้า” คราวนี้ไฟฟ้าถูกปล่อยออกไปเป็นเส้นตรง ทำให้ม่านบาเรียแตกกระจายแต่เจ้าปีศาจก็ยังสามารถหลบได้ โจเซฟยังต้องเข้ามาช่วยอีกแรงเขาปล่อยเถาวัลย์ออกไปรัดแต่มันก็จับเอาไว้ได้แล้วเหวี่ยงร่างโจเซฟกระแทกกำแพงหิน เลือดทะลักออกมาจากปากเขาจนนองทั่วพื้นแล้วก็สิ้นสติไป
คาร์ลอสขวักสร้อยออกมา “รีลีส” สร้อยเปล่งแสงสีเหลืองสว่างจ้าในกำมือก่อนจะเปลี่ยนเป็นมีดคู่ที่ประกบกันเป็นรูปข้าวหลามตัด เขาพุ่งเข้าไปอีกครั้ง การต่อสู้อันรวดเร็วได้เริ่มขึ้น
เขาแทงมันหลบได้เขาเตะมันก็หลบได้อีกมันต่อยสวนมาเขาใช้มือพลักออกไปมืออีกข้างก็ฟันเข้าทีลำตัวแต่ปิศาจก็เอี้ยวตัวหลบได้ เขาเตะกวาดเข้าที่ขามัน มันล้มลงแต่ก็ตีลังกาไปตั้งหลักได้อย่างมั่นคง ทั้งหมดใช้เวลาไม่เกิน30วินาที
“เรเวนปล่อยฉัน!” คริสขึ้นเสียง แต่เรเวนก็ไม่ปล่อยคริสไปเขายังคงจ้องการต่อสู้ คริสสะบัดเรเวนออกไปเขาลุกขึ้นเปลวไฟลุกท่วมมือของเขาความโกรธนั้นพุ่งขึ้น เขาปล่อยพลังออกไปหาเจ้าปิศาจแต่แทนที่จะพุ่งไปข้างหน้ามันกลับม้วนขึ้น สักครู่ก็กลายเป็นรูปร่างมังกรขนาดใหญ่ มันมีตากลมข้างละสาม เปลวไฟถูกพ่นออกมาเบาๆเป็นการข่ม
“เจ้าต้องการข้าคริส ข้าจะให้เจ้ายืมพลังหากต้องการใช้ให้เรียกชื่อข้า ชื่อของข้าคือ อาเดร์” มังกรไฟพูด เรเวนเหวอไปชั่วครู่เพราะมันคือมังกรหนึ่งในสามที่ทำลายงานเลี้ยง แล้วมันก็พุ่งกลับไปหาคริส ที่ฝ่ามือของคริสก็ร้อนผ่าว อักขระตัวแรกส่องแสงสีแดงอยู่บนฝ่ามือ คริสงงไปแปบนึงก่อนที่เขาจะรวมพลังพร้อมปล่อย
“อาเดร์” กระสุนลูกไฟนับร้อยพุ่งไปหาคู่ที่กำลังดวลกันอยู่ คาร์ลอสถีบปิศาจแล้วตีลังกาไปด้านหลังหลบลูกไฟ เจ้าปิศาจที่โดนลูกไฟไปมากกว่าสิบลูกถึงกลับกระเด็นไปชนชุดเกราะเหล็กล้มระเนระนาด เลือดสีดำกระเซ็นไปทั่วทุกสารทิศ มันค่อยๆลุกขึ้นมาร่างกายมีเลือดโฉลมทันใดนั้นร่างกายของมันเริ่มมีเกล็ดเกิดขึ้น มีปีกใสๆงอกออกมากลางหลังจนสุดท้ายมันก็กลายร่างเป็นปีศาจตั๊กแตน
“เรเวนระวัง!” คริสตะโกน เรเวนที่ยังไม่ทันตั้งตัวก็โดนเจ้าตั๊กแตนถีบเอาอย่างจังที่ใบหน้า เขากระเด็นไปไกล ไถลไปตามพื้นพร้อมเลือดเป็นทางเขาลุกขึ้นมาเลือดยังไหลไม่หยุด แล้วเขาก็ชูไพ่ไปในอากาศ
“ไทม์” ไพ่เรืองแสงสีน้ำเงิน ในเสี้ยววินาทีทุกสิ่งทุกอย่างหยุดนิ่งนกที่กำลังบินอยู่กลับลอยนิ่งอยู่ในอากาศ เจ้าปีศาจก็เช่นเดียวกันมันกำลังจะกระโดดเตะเรเวนเป็นครั้งที่สองก็ต้องชะงัก เหลือเพียงเพื่อนอีกสามคนเท่านั้นที่ยังขยับได้
“นี่มันอะไรไป” คาร์ลอสที่กำลังช่วยพยุงโจเซฟพูด เขาลากโจเซฟไปพิงกำแพง
“รอแปบนะ” เรเวนเอ่ย เขาหยิบสร้อยดอกจิกกับไพ่อีกใบออกมา “รีลีส” สร้อยส่องแสงสว่างสีน้ำเงินเจิดจ้าแล้วกลายเป็นหอกน้ำเงินด้ามยาว
“ช็อตกัน” ไพ่ในมือเรืองแสง ตูม!! เรเวนใช้แรงระเบิดพุ่งเข้าเสียบร่างของเจ้าปิศาจจนมันกระเด็นออกไปเสียบกับเสาหินที่แตกหักจนทะลุร่าง สร้อยของคริสส่องสว่างสีแดงเขาหยิบมันออกมา
“คริส นำไพ่เปล่าหันเข้าหามันแล้วพูดว่า ‘ซีล’ มันจะกลายเป็นไพ่ของนาย” คาร์ลอสบอกซึ่งคริสพยักหน้ารับเขาเดินไปหามัน เสียงร้องอย่างหมดแรงของมันถูกปล่อยออกมาจากปากที่นองเลือดสีดำ คริสหันไปมองทางอื่นเพราะไม่อยากที่จะมองสภาพของมันในตอนนี้
“ซีล” ไพ่เรืองแสงสีแดง เกิดลมกรรโชกแรงพัดเอากระดาษปลิวว่อน แล้วมันก็ถูกดูดเข้ามาในการ์ด จากการ์ดที่ว่างเปล่ามันก็ถูกจารึกด้วยตัวอักษรสีแดงว่า “คิก”
“คาร์ลอส ดูนี่สิ” เรเวนร้องเรียก คาร์ลอสวิ่งเข้าไปหาแล้วตะลึงกับสิ่งที่เห็นในมือของเพื่อน
“ไม่จริง...” เขาพูดด้วยเสียงสั่นเครือ “ไม่จริงใช่มั้ย... มันไม่จริง” คริสวิ่งเข้าไปดูจึงเห็นว่ามันคือเข็มกลัดสัญลักษณ์เขี้ยวสีขาวสองอันไขว้กันมีมีดสีม่วงทับ “ไม่จริงนะ...ไม่!!” คาร์ลอสตะโกนออกมา ฟ้าสีครามก็เริ่มมีเมฆครึ้ม เสียงฟ้าร้องดังมาจากทุกหนทุกแห่ง
“ใจเย็นซิคาร์ลอส เรารีบพาโจเซฟไปห้องพยาบาลก่อนดีกว่านะ” คริสปลอบประโลม “มีอะไรเดี๋ยวค่อยคุยกัน ไปก่อนเถอะ” เมื่อคาร์ลอสงบลงทุกสิ่งก็กลับเป็นปกติ น้ำตาเริ่มไหลรินลงมาตามใบหน้า เขาปาดน้ำตาออกแล้วรีบเดินไปหาโจเซฟที่ยังไม่ได้สติ คนอื่นวิ่งเข้าไปช่วยพยุง
ในวันต่อมามันก็เหมือนกับว่าไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น เรเวนอ้างกับมาดามลิลลี่ว่าโจเซฟตกลงมาจากชั้น4 ซึ่งอีกกว่าอาทิตย์เขาถึงจะออกมาได้ แม้ว่าเรื่องจะผ่านไปแล้วก็ยังมีเรื่องวุ่นเกิดขึ้นอีก
“อีกไม่กี่วันก็สอบกลางภาคแล้วนะ!” เรเวนบอกกัน “เราต้องไปอ่านหนังสือกับพวกจูนแล้วก็แครอลแล้วยังต้องไปซ้อมต่อสู้กับพวกเซทแล้วเรายังต้องดูแลพวกสัตว์เลี้ยงแถมยังมีวิชาพละอีก” เขาสารทยายต่ออีก “ฉันว่ามีวิชาเดียวที่ยังไม่ต้องมาปวดหัวนั้นก็คือ...”
“วางแผนรบ” คาร์ลอสต่อ “ก็ไม่มีใครสอนอ่ะนายจะให้สอบยังไง”
“ฉันว่าเราไปหาพวกเซทกันดีกว่า” คริสบอก
“ไปเถอะ” แต่ก่อนที่ทั้งสามจะไปฝึกซ้อมก็ได้เข้าไปเยี่ยมโจเซฟ
“นายสบายดีนะ พรุ่งนี้ก็ออกมาได้แล้ว” คาร์ลอสบอกกับโจเซฟที่นอนอยู่บนเตียง
“อืม ฉันไม่เป็นไรหรอกน่านายรีบไปกันเถอะ” ทั้งสามจึงบอกลาโจเซฟแล้วเดินไปยังโดมอเนกประสงค์ซึ่งในตอนนี่ได้นำลานขนาดใหญ่มาไว้ด้านในเพื่อให้ทุกคนทำกิจกรรมต่างๆ
“กว้างจัง จะเดินไหวมั้ยเนี่ย” คริสถามเรียกเสียงหัวเราะของเพื่อนๆอีกเล็กน้อย “นายขำอะไรอีกเล่า”
“ถ้านายเดินไปหาพวกเซทอีก5วันคงถึงอ่ะ” เรเวนบอกเขาเดินไปเปิดตู้เหล็กที่อยู่ข้างหลัง หยิบแผ่นอะไรยาวๆบางอย่างออกมาสองแผ่น เขาส่งให้คริสแล้วคาร์ลอสก็เดินไปหยิบบ้าง
“นี่คือเจทบอร์ด เขาใช้เดินทางระยะสั้นกันน่ะ ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ สามารถชาร์ตพลังงานได้ และมีระบบที่สามารถเล่นเวอร์ชวลวอร์ได้ด้วย” เรเวนร่ายสรรพคุณเหมือนเป็นพิธีกรรายการขายสินค้า คริสเห็นหลายคนยืนอยู่บนเจทบอร์ด ในมือถือจอยสีขาวคล้ายปืน
“นายใช้จอยนี่บังคับเจทบอร์ด โอเค นายวางมันลงบนอากาศมันจะลอยเอง ขึ้นไปเลย...งั้นแหละ” เรเวนอธิบายไปพร้อมๆกับช่วยคริส “ทรงตัวดีๆแล้วตามพวกฉันมา” ทั้งคู่กระโดดขึ้นบนเจทบอร์ด “นายเห็นไกสีแดงมั้ย กดมันเลย” ทั้งสามพุ่งฉิวไปท่ามกลางหมู่นักเรียนมากมายด้วยความเร็ว บางคนก็ทักคริสหรือไม่ก็เรเวนและคาร์ลอส เขาแล่นไปเรื่อยๆ มันไม่ใช้เรื่องอยากเย็นสำหรับคริสเพราะมันคล้ายกับสเก็ตบอร์ดที่เขาเล่นอยู่ทุกวันจนเมื่อถึงที่หมายพวกเขาก็กระโดดลงมา
“ไงพวก เรารอนายอยู่” เซทเด็กชายผมตั้งกล่าวทักทาย “นายพร้อมรึยัง” เขาเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงฮึกเหิม “ในการซ้อมนี่เราจะมีอยู่ห้าด่านด้วยกัน ด่านแรกนายจะต้องใช้การทรงตัวให้ดีบนท่อนไม้” เขาชี้ไปยังทางที่มีตอไม้โผล่ขึ้นมามากมาย “ต่อไปนายจะต้องเขาไปในเขาวงกตที่อยู่ต่อกัน หาทางออกให้เจอแล้วนายจะเจอด่านที่สามซึ่งก็คือการหลบสิ่งกีดขวางต่างนานา ด่านสี่นายจะต้องว่ายน้ำระยะทาง300เมตร เสร็จแล้วในด่านสุดท้ายนายต้องมาสู้กับ...ฉัน” เขาใช้นิ้วโป้งชี้ไปที่ตัวเอง “นายต้องเอาสร้อยที่อยู่ที่คอฉันไปให้ได้เท่านั้นนายก็ผ่าน”
“ได้เลยเพื่อน ฉันก่อนแล้วกัน” คาร์ลอสพูด เขาเดินไปยังจุดสตาร์ทตั้งท่าเตรียมพร้อม
“พร้อมนะ เตรียมตัว เริ่ม!” เมื่อสิ้นเสียงคาร์ลอสก็กระโดดไปยังดงตอไม้เขาเหยียบตอนู้นตอนี้อย่างรวดเร็วชั่วครู่เขาก็เข้าสู่ด่านเขาวงกต แต่เพียงไม่นานเขาก็หลุดรอดออกมาได้ ด่านที่สามเขาก็ผ่านมาได้อย่างสบายเหมือนแค่เดินชอปปิ้ง แล้วเขาก็กระโดดลงน้ำไปนานห้านาทีเขาก็ผุดขึ้นมาจากปลายทาง เขากระโดดขึ้นไปยังเวทีพื้นหินที่อีกฝั่งมีเซทยืนรออยู่แล้ว
“เก่งมาก นายเร็วมากๆแต่ยังเหลือชั้นอยู่ เตรียมรับมือ” เซทตั้งท่าต่อสู้ คาร์ลอสก็เช่นกัน ทั้งสองเดินวนไปรอบๆเป็นการดูเชิง
“ถ้านายไม่เข้ามางั้นฉันเข้าเอง” ว่าแล้วเซทก็พุ่งไปด้วยความเร็วพร้อมหมัดตรงไปข้างหน้า คาร์ลอสใช้มือปัดออกแล้วเล็งเตะเข้าที่หัว แต่เซทหลบได้เขาตั้งสมาธิเพื่อเรียกพลังออกมาแต่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนกระทั้ง
“ดูนั้น” เด็กชายที่อยู่รอบนอกร้อง สิงโตตัวใหญ่กระโจนข้ามหัวเขาขึ้นไปบนลานประลองมันตะปบเข้าที่แก้มของคาร์ลอสที่ไม่ทันระวังตัว เลือดไหลลงมาเป็นทาง
“ราฟ ฉันว่ามันรุนแรงไปหน่อยนะ” เซทบอกกับสิงโตที่เข้าไปคลอเคลียด้วย “เวอร์จิล!” เขาร้องเรียก นกอินทรีที่บินอยู่เหนือหัว มันค่อยๆโฉบลงมาสู่แขนของเจ้านาย “จัดการ!” สิ้นคำสั่งสัตว์ทั้งสองก็พุ่งเข้ามาหาคาร์ลอส เขาตั้งท่าด้วยท่าทีใจเย็น ราฟใช้อุ้งเท้าเตรียมตะปบอีกครั้งแต่เขาก็หลบไปได้อย่างสวยงาม เขาเตะเข้าที่หน้าของมันจนมันล้มลง
“เวอร์จิล” เซทร้องเรียกอีกครั้งเป็นคำสั่งโจมตี นกอินทรีพุ่งผ่านอากาศไปยังเป้าหมาย คาร์ลอสเอี้ยวตัวหลบจับหางของมันไว้แล้วใช้ไฟฟ้าจี้ไปตรงส่วนคอเบาๆ มันสลบไปทันที เขาพุ่งเขาหาคนบงการ เตรียมใช้หมัดไฟฟ้าเผด็จศึก แต่ก่อนที่หมัดจากกระทบหน้าราฟก็เข้ามากระแทกคาร์ลอสจนเขากระเด็นไป
“โอ๊ย!! เล่นแรงนะ สมกับที่ได้ฉายา เดอะ บีสมาสเตอร์ ออฟ รีเบเรีย ควบคุมสัตว์ได้อย่างใจจริงๆ แต่นายอย่าลืมฉายาฉันสิ” คาร์ลอสเอ่ยเสียงกวนๆ
“เดอะ ทีฟ ออฟ เซลาม...” เซทเอ่ยด้วยเสียง็ เบา เขาคลำหาสร้อยคอแต่บัดนี้มันได้ไปอยู่ในมือของโจรหนุ่มเรียบร้อยแล้ว
“ผ่าน” เซทพูดด้วยความภูมิใจ ทุกคนเฮขึ้นพร้อมกัน เขาเดินลงมาจากเวที เพื่อนๆหลายคนเข้าห้อมล้อม แต่อีกหลายคนก็เข้าไปหาคาร์ลอสเขาไม่แสดงทีท่าตอบรับมากมาย แล้วก็ถึงคราวของเรเวน
“ฉันพร้อมแล้ว” เรเวนเอ่ยด้วยสีหน้ามั่นใจ “พร้อม เตรียมตัว เริ่ม!” เขาพุ่งออกไปด้วยความเร็วเช่นกัน กระโดดไปตามตอไม้สูงต่ำอย่างสบายใจแต่เมื่อถึงเขาวงกตเขากลับหยุดนิ่งหลับตาเพ่งสมาธิ น้ำแข็งค่อยๆเกาะไปตามกำแพงจนในที่สุดเขาลืมตาแล้วเดินไปตามสายน้ำแข็งจนเขาสามารถออกมาได้ ในด่านต่อมาเขาก็ยังผ่านมาได้โดยไม่ยากเย็น เมื่อถึงด่านที่สี่เขาก็เพ่งสมาธิอีกครั้งจนทำให้ทุกคนตะลึง เขาเปลี่ยนน้ำทั้งหมดให้แข็งแล้วเดินผ่านไป เขาค่อยๆเดินขึ้นมาบนเวที
“นายไม่เบาเลยนะ ใช้พลังได้เยี่ยม” เซทกล่าวชม “มาสู้กัน” เขาตั้งท่าต่อสู้แต่เรเวนกลับยืนเฉย เซทเดินวนรอบๆเขาจนในที่สุด
“ราฟ!” เจ้าสิงโตกระโดดเตรียมตะครุบเหยื่อแต่มันก็หยุดนิ่งกลางอากาศ แล้วตกลงมาในสภาพนั้น ไอน้ำเริ่มก่อตัวขึ้นความเย็นแผ่ขยายจนเพื่อนๆรอบข้างต้องถอยออกห่างเวที เวทีปกคลุมไปด้วยไอน้ำสีขาวไม่มีใครสามารถเห็นเหตุการณ์บนเวทีได้
“อั่ก!” เสียงของใครคนหนึ่งดังออกมา และแล้วเงาของร่างๆหนึ่งก็ปรากฏขึ้น เรือนผมสีน้ำเงินโผล่ออกมาจากหมอกควัน เรเวนเดินถือสร้อยลงมาจากเวที ตามด้วยเซทที่มีสีหน้าเจ็บปวดนิดหน่อย
“ผ่าน” เซทเอ่ยอีกครั้ง หลายคนยังงงอยู่ในวิธีของเรเวนแต่ก็เฮตามไปกับเขาด้วย ต่อไปก็ถึงตาคริส
“พร้อม เตรียมตัว เริ่มได้!” คริสวิ่งไปเขากระโดดขึ้นไปบนตอไม้ที่สูงกว่าเอว เป็นเพราะวิชาพละเขาจึงมีแรงมากกว่าเมื่อก่อน เขาค่อยๆกระโดดไปมาทีละท่อนจนลงมาได้ เขาเข้าไปในเขาวงกตที่ดูซับซ้อนมีทางแยกเป็นสองทาง
“ทางไหนว่ะเนี่ย” เขาพูดกับตัวเอง กำลังสับสนสุดๆ หากไปทางซ้ายอาจเจอกับดัก ไปทางขวาอาจเจอสัตว์ประหลาด และในทันใดนั้น...
“โอ๊ย!!” เขาร้องเสียงหลง อักขระที่แขนของเขาเกิดร้อนและแดงราวกับไฟเผา อักขระตัวที่สองส่องสว่างบนฝ่ามือ เขารวบรวมสมาธิปล่อยพลัง เมื่อปล่อยออกมานั้นมังกรที่มีหนามไฟเต็มหลังก็โผล่ออกมา
“ข้าคือนาร์ค มังกรแห่งดวงจันทร์ ข้าจะให้เจ้ายืมพลัง” เสียงแหบห้าวเอ่ย แล้วพุ่งเข้าหาคริสตามเดิม เขาเพ่งจิต
“นาร์ค” ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาพูดซ้ำอีกครั้งแต่ไม่เกิดผล สร้อยของเขาก็เปล่งแสงขึ้นในทันใด เขาหยิบมันขึ้นมา
“รีลีส” มันค่อยๆกลายรูปร่างเป็นดาบสีแดงเรียวยาว ใบหน้าของนาร์คปรากฏในอากาศอย่างเรือนลาง เสียงคำรามเบาๆที่คนอื่นไม่อาจได้ยินเป็นการแนะนำ คริสชูดาบขึ้นในอากาศ
“นาร์ค” เพลิงสีแดงฉานพุ่งจากมือของเขาไปสู่ดาบสีแดงจนมันกลายเป็นดาบไฟ เขาฟาดมันลงมา ลำแสงไฟเสี้ยวจันทร์ทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็ว มันทำลายกำแพงวงกตตรงหน้าจนสิ้นไป เกิดเสียงดังตูมไปตลอดแนว เขาค่อยๆเดินออกมา เมื่อถึงด่านที่สามเขาต้องหลบสิ่งกีดขวางที่ล้วนแล้วแต่อันตรายเช่น ขวานมหึมาที่กวัดแกว่งตลอดเวลา พื้นที่เหยียบแล้วจะมีหอกแทงออกมา หรือกำแพงที่มีธนูพุ่งออกมา
เขากระโดดหลบสิ่งกีดขวางต่างๆ จนถึงห้องกับดักที่โดนขังไว้ทั้งสี่ทิศแถมกำแพงยังค่อยบีบเข้ามา เขาใช้ไฟเผากำแพงแต่ก็เกิดแค่รอยไหม้ ที่ว่างเหลืออีกไม่มากเขาตัดสินใจ
“อาเดร์” กระสุนไฟทำลายกำแพงจนพังทลาย แต่ถ้าเขาวิ่งไปตอนนี้คงไม่ทัน เขาหันฝ่ามือในทางด้านหลังพลังไฟระเบิดเขาไปด้านหน้าพุ่งออกช่องกำแพงไปสู่ด่านที่สี่
เขากำลังครุ่นคิดง่าจะผ่านไปได้อย่างไร ในที่สุดเขาก็กระโจนลงน้ำไป น้ำสีเข้มแถบจะไม่สามารถมองทางด้านหน้า เขายังว่ายไปเรื่อยแต่ยังไปเห็นจุดหมาย นาทีต่อมาเขาได้ยินเสียงราวกับเรือดำน้ำไล่หลังมา ฝูงปลาปิรันย่าหลายสิบว่ายเข้ามา เขาว่ายหนีอย่างเอาเป็นเอาตายรีบโผล่มาบนผิวน้ำ ลมเย็นๆปะทะใบหน้าที่ขาวสะอาด เสียงเชียร์ของเพื่อนๆแว่วมาตามลม เขาได้ยินเสียงของเรเวนชัดเจนที่สุด
“ถ้านายผ่านฉันจะให้นาย1000รีเบลต์!” เขาจึงว่ายต่อไปจนใกล้ถึงฝั่งแต่ปิรันย่าตัวหนึ่งก็กัดที่ขาของเขา เลือดที่ไหลออกมาทำให้ปลาตัวอื่นตื่นตัวเต็มที่มันว่ายเร็วพอๆกับจรวด เขาว่ายหนีสุดชีวิตกลับตัวเป็นท่ากรรเชียง
“อาเดร์” กระสุนลูกไฟพุ่งขึ้นไปในอากาศแล้วเขาก็ว่ายหนีต่อไป ฝูงปิรันย่าคลั่งว่ายเข้ามาแต่... กระสุนไฟที่ลอยอยู่ในอากาศกลับตกลงมาใส่ฝูงปลา คริสตะเกียกตะกายขึ้นมาจากน้ำที่กำลังเดือดได้ที่
“มันอะไรกันนักหนา” เขาพึมพำกับตัวเอง บนเวทีเซทก็มาเตรียมพร้อมอยู่เช่นเคย
“นายรู้กติกาแล้วนะ” เซทบอก เขาตั้งท่าต่อสู้อีกครั้ง “เข้ามา”
ความคิดเห็น