คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ดินแดนจินตนาการ
“ตื่นๆๆตื่นได้แล้ว!ขี้เซาจริง!”เสียงของหญิงวัยกลางคนดังขึ้น ทำให้เด็กชายที่กำลังนอนเอกเขนกสะดุ้งลุกขึ้นพรวด เขาขยี้ตาและบิดขี้เกียจให้พ้นจากความง่วงเหงาหาวนอน
“ลงมาได้แล้วมากินข้าวเร็ว”เสียงนั้นเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “คร้าบ” เสียงของเด็กหนุ่มวัย15ผมสีทอง นัยน์ตาสีฟ้าขานตอบ เขารีบเดินลงมาจากห้องนอนสู่ห้องอาหาร
ภาพของห้องอาหารในตอนนี้ไม่แตกต่างจากห้องอาหารอื่นๆ แต่ที่แตกต่างคือมีผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเขารู้ว่าเป็นใครยืนอยู่ ‘แม่ของเขาเอง’ “แม่ฮะ มีไรกินมั่ง”เขาถาม “ก็อยู่บนโต๊ะนั่นแหละ”
เธอตอบกลับมาอย่างโมโห เขานั่งลงและกินอาหารของเขาอย่างรีบร้อนเนื่องจากความหิว
เมื่อเขากินเสร็จ และแม่ของเขาก็ดูเหมือนจะสงบลงแล้ว เธอจึงพูดขึ้นขณะล้างจาน “นี่ คริสมีคนส่งจดหมายมาให้ลูกด้วย มันอยู่บนโต๊ะนะ”แล้วก็ก้มหน้าก้มตาล้างจานต่อไป
คริสเดินไปหยิบซองจดหมายสีครีมขึ้นมาพิจารณา บนซองไม่มีอะไรเขียนอยู่ยกเว้น ‘ถึงคุณคริส เรย์โนลด์’ แน่นอนแม่ของเขาก็มีมารยาทพอที่จะไม่เปิดอ่าน เขารีบวิ่งขึ้นไปบนห้องของตน เมื่อซองถูกเปิดออก มีกระดาษสีเดียวกับซองที่ใส่มันมาแผ่นประมาณเอ4อยู่ เขาตั้งหน้าตั้งตาอ่านอย่างใจจดใจจ่อ
ถึงคุณคริส เรย์โนลด์
ข้าคือผู้เฒ่าสูงสุดแห่งดินแดนสุดขอบแห่งจินตนาการ ในเวลานี้ดินแดนของเรากำลังจะถูกกองทัพแห่งปีศาจเข้าครอบครอง เราจึงได้ทำการเลือกบุคคลที่จะนำเราสู่สันติภาพอีกครั้งเมื่อสงครามเริ่มต้น ท่านคือหนึ่งในนั้น ขอให้ท่านรับไพ่ที่อยู่ในซองแล้วมาที่สถานีรถไฟสามทหารในเวลา เที่ยงตรงของวันที่19สิงหาคมด้วย
ด้วยความเคารพอย่างสูง
เรโดธิส ผู้เฒ่าสูงสุด
เขาหยิบไพ่ออกมาจากซองด้วยความตะลึงงันส่วนกลางของมันถูกพิมพ์ด้วยอักษรสีแดงว่า ‘Pass’ แต่แล้วความคิดพวกนี้ก็ไม่สามารถมารบกวนเขาได้อีกเมื่อความขี้เซาเข้าแทนที่ เขาล้มตัวนอนลงแล้วทำการหลับต่อไปบนเตียงที่แสนจะอบอุ่นและสบาย ในบ้านกลางกรุงนิวยอร์กที่ร่มเย็นแห่งนี้
เวลา11.45น.คริสได้มาถึงสถานีรถไฟสามทหารแล้วแต่การที่คนแน่นและสับสนเช่นนี้ทำให้เขาไม่สามารถรู้ได้เลยว่าตอนนี้ตนเองอยู่ส่วนไหนของสถานี ในที่สุดก็มีคนมาลากเขาไป แต่ใครกันนะ
เมื่อออกมาจากฝูงคนที่รีบร้อนเขาก็ประจันหน้าอยู่กับชายร่างสูงและยังใส่หมวกทรงสูงที่มีใบหน้าเกลี้ยงเกลาซึ่งดูใจดีแต่ดวงตาแฝงไปด้วยความเข้มแข็ง “เธอคือคริสเรย์โนลด์ใช่มั้ย” “ครับ”คริสตอบตะกุกตะกักจากนั้นเขาก็ทำปากบุ้ยใบ้ให้คริสตามไป
เขาเดินไปตามสถานีรถไฟจนถึงกลุ่มคนอีก3คน และคริสก็เพิ่งสังเกตเดี๋ยวนี้เองว่าทุกคนนั้นใส่เสื้อคุลมสีดำและหมวกทรงสูงกันทุกคน “ทุกคนมีไพ่กันแล้วใช่มั้ย”เสียงของชายคนนั้นดังขึ้น “ครับ!” ทุกคนตอบพร้อมกัน “เอาละเริ่มเดินทางได้” เขาก็เดินนำทุกคนไปยังห้องเก็บไม้กวาดเล็กที่ทั้งเก่าแล้วสกปรก
เมื่อทุกคนเข้าไปแล้วและเสียงประตูปิดลงสนิทชายอีก2คนก็พูดพึมพำกับกำแพง “แล้วคุณชื่ออะไรครับ” คริสถามอย่างอยากรู้อยากเห็น “พวกเราการ์เดี้ยนไม่เปิดเผยตัวตน” “แล้วผมจะเรียกคุณว่าอะไรหละครับ”ชายคนนั้นทำสีหน้าอ่อนระทวย “เรียกฉันว่าอลันละกัน”เขาไม่พูดอะไรกันอีกจนประมาณ2นาทีต่อมาจึงปรากฏประตูไม้โอ๊กที่มีลวดลายสลักไว้อย่างวิจิตรงดงามมาข้างๆประตูทางเข้าออกห้องแห่งนี้
“เราจะไปที่ไหนกันหรอ”คริสถาม
“ราวาดอลท์นครสีขาว เราจะไปรับอีกคนนึง”อลันรีบตอบ ตอนนี้การ์เดี้ยน2คนกำลังชูการ์ดอยู่เบื้องหน้าประตูได้เปิดออกในนั้นเหมือนกับน้ำวนสีดำ อากาศในห้องตอนนี้นั้นร้อนอบอ้าวมากๆจนคริสเหงื่อเริ่มหยด และในที่สุดการ์เดี้ยน2คนก็เดินเข้าไปในประตู แล้วก็หายไปเฉยๆ ทั้งที่อีกด้านควรจะเป็นสถานี
“รีบๆไปซิ จะได้ปิดประตูมีคนกำลังมาทางนี้ด้วย เร็ว!” อลันพูดพร้อมกับผลักคริสเข้าไปในประตูจนเขาแถบชูไพ่ไว้ไม่ทัน
เมื่อเข้ามาในประตูแล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็มืดไปหมด ห้องเก็บไม้กวาดหายไปความรู้สึกอบอ้าวกลายเป็นเย็นเหมือนน้ำ
ต่อมาช่วงท้องของเขากระตุกอย่างรุนแรงจนแทบจะร้องไห้ เขาหลับตาลงโดยหวังว่าคงไม่มีอะไรไม่ดีเกิดขึ้น เท้าของเขาลอยเคว้งในอากาศ หลายนาทีที่เขารู้สึกเช่นนั้นและในที่สุดเท้าของเขาก็แตะพื้นแรงมากจนตัวเขาล้มนอนลงไปบนพื้นหญ้านุ่มๆ ตาที่ปิดสนิทอยู่ก็ได้เปิดออก สิ่งที่อยู่เบื้องหน้านั้นคือท้องฟ้าสีครามที่มีเมฆสีขาวประดับอยู่ มีนก2-3ตัวบินผ่านไป ‘บรรยากาศแบบนี้คงหาไม่ได้ในนิวยอร์ก’ เขาคิด นิวยอร์กเรอะ แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนกันหละเนี่ย!
เขารีบลุกขึ้นนั่งจนแถบจะกระโดดขึ้นมา เขาจึงรู้ว่าไม่ใช่นิวยอร์กแน่ทุ่งหญ้าเขียวขจีที่กว้างสุดแสนจะบรรยายเขาเห็นจุดขาวๆอยู่ลิบๆ “นั่นมันอะไรกันนะ”เขาคิด “อ้อ นั่นมันราวาดอลท์ไง เดี๋ยวเราจะไปที่นั่นกัน มันห่างจากที่นี่20กม.น่ะ” อลันพูดสิ่งที่ทำให้คริสต้องคิดอย่างตกใจ
“เขาอ่านใจเรางั้นหรอ”
“อืมใช่แล้วฉันอ่านใจเธอได้ มันเป็นความสามารถพื้นฐานของการ์เดี้ยน”
คำพูดของ อลันทำให้เขาต้องผงะ “รอแปบนึงนะ” อลันบอกคริสแล้วหันหลังเดินไป
สิบนาทีต่อมาก็ได้ปรากฏ แสงลำสีฟ้าขึ้นด้านหลังห่างไปสิบเมตร มันเหมือนยิงจากพื้นขึ้นฟ้า เขาวิ่งไปที่ลำแสงนั่น การ์เดี้ยนทุกคนยืนอยู่ล้อมรอบแสงนั่นแล้ว2คนแรกก็เดินเข้าไป อลันไปดึงคริสมาแล้วโยนเขาเข้าไปในนั้น
แสงสีฟ้าแสบตาเข้าแทนที่ทุกอย่าง ทุ่งหญ้าเขียวขจีที่กว้างใหญ่ เมืองสีขาวที่เป็นจุดเล็กๆ และการ์เดี้ยนบัดนี้ได้หายไปหมดแล้ว เขารู้สึกเหมือนกับว่าบินได้ สักครู่แสงรอบๆตัวเขาค่อยๆจางลง และเบื้องหน้าเขาในขณะนี้มิใช่ทุ่งหญ้าอีกแล้วแต่กลายเป็นประตูหินอ่อนขนาดมหึมา มังกร2ตัวถูกแกะสลักไว้บนประตูแต่ละบาน รอบมังกรนั้นเป็นเหมือนเหตุการณ์การต่อสู้อันยาวนานนับร้อยปี
แต่ด้านล่างของประตูใหญ่มโหฬารนั้นยังมีประตูเล็กที่คน1คนสามารถเข้าออกได้เท่านั้น ด้านข้างประตูมีป้อมที่คล้ายๆกับที่เก็บเงินบนทางด่วนอยู่ พวกเขาเดินเข้าไปที่ประตูโดยไม่เข้าแถวยาวเหยียดที่รอเข้าประตูนั้นเป็นเวลากว่าชั่วโมงมาแล้ว แต่คริสก็ไม่สนใจมาก ‘การ์เดี้ยนคงจะมีสิทธิพิเศษอะไรบางอย่างแน่นอน’ เขาคิดในขณะที่ผ่านประตูมาแล้ว
ด้านในของตัวเมืองก็ไม่ได้มีสภาพต่างจากประตูซักเท่าไรนัก เกือบทุกสิ่งทุกอย่างทำด้วยหินอ่อนไม่ว่าจะเป็นตัวอาคาร เก้าอี้ โต๊ะหรือแม้แต่ทางที่ปูลาดด้วยหินอ่อนใต้เท้านั้น
การเดินผ่านอาคารบ้านเรือนต่างๆนั้นมิได้เหมือนในนิวยอร์กแต่ประการใดทั้งสิ้น ร้านตีเหล็ก ร้านขายเครื่องประดับต่างๆที่ดูแปลกหูแปลกตาที่สุด แต่หากสิ่งที่สะดุดตานั้นหาใช้ร้านค้าพวกนี้ไม่ แต่เป็นเต้นท์สีขาวเล็กๆ ป้ายสีทองที่มีตัวอักษรเขียนเอาไว้ เป็นสิ่งที่ล่อตาล่อใจคริสมากที่สุด ‘อุปกรณ์เวทมนต์’ ทำให้เจ้าตัวซุกซนอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปดู แต่มืออันใหญ่โตของอลันก็ฉุดคอเสื้อของตัวซนไว้ จนแถบจะหัวคะมำ
เมื่อเดินต่อไปเรื่อยๆก็ยังมีร้านค้าอีกมากมายจนในที่สุดก็มาถึงประตูหินอ่อนที่เป็นประตูของปราสาทขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางเมือง ประตูเปิดออกต้อนรับการมาเยือนของอาคันตุกะ บัดนี้เบื้องหน้าของพวกเขาคือห้องโถงใหญ่ซึ่งคงไม่พ้นที่จะสร้างด้วยหินอ่อน เสาที่เรียงราย2ข้างขนาบกับพรมยาวสีแดงสด ที่สิ้นสุดพรมมีชายดูมีอายุพอควรสวมมงกุฎสีทองขนาดใหญ่ นั่งอยู่บนบัลลังค์ทองที่มีลวดลายค่อนข้างสวยงาม ทั้งหมดเดินไปหยุดหน้าบัลลังค์แล้วคุกเข่า มีแต่คริสเท่านั้นที่ยังยืนเก้ๆกังๆ แต่เขาก็รู้ทันทีว่าต้องทำอย่างไร
“โฮ่ มากันถึงนครราวาดออลท์แห่งนี้ มีเหตุอันใดรึเหล่าการ์เดี้ยน” ชายสูงอายุที่คริสคาดว่าคงจะเป็นพระราชาของที่แห่งนี้เป็นแน่ “พวกข้ามารับเจ้าชายไปหาท่านผู้เฒ่าสูงสุดพะยะค่ะ!” อลันตอบ
ห้านาทีต่อมาก็มีเสียงเด็กหนุ่มที่ดูอายุไม่ห่างจากคริสนักเอ่ยขึ้น “ข้าพร้อมแล้วรีบไปเถอะเดี๋ยวจะไม่ทันการ” ทุกคนก็ลุกขึ้นแต่มิได้มีใครเงยหน้าเลย จนเดินมาถึงทางออกด้านหลังของห้องโถงแห่งนี้ ทุกคนจึงเงยหน้า ทางเดินยาวที่มีแสงสว่างสาดเข้ามาจากทางหน้าต่างกระทบผมสีน้ำเงินเข้มเงาวับของบุคคลที่อยู่ด้านข้างได้เข้ามาอยู่ในสายตา
“เจ้าชื่ออะไร ที่ถามนี่เพราะข้าคงต้องร่วมเดินทางกับเจ้าอีกนาน” เด็กหนุ่มผู้มีตาสีฟ้าสดใสไม่แพ้คนถูกถามเอ่ยขึ้น
“ฉันชื่อคริส” คริสตอบ
“อืม เจ้าคงไม่ใช่คนแถวนี้จึงไม่รู้ว่าตัวข้าเป็นใครถึงได้ใช้คำพูดเยี่ยงสามัญชน” คนฟังคำตอบพูดอย่างแปลกใจ “แต่ช่างเถอะไม่มีใครใช้คำพูดแบบนี้กับข้านานแล้ว อ้อ. ลืมแนะนำไปเลย ข้ามีชื่อว่าเรเวน ริเวนเดเลีย เจ้าชายของนครสีขาวราวาดอลท์ เจ้าเนี่ยอยู่แถวไหนหรอ”เรเวนถามต่อ
“ฉันอยู่อเมริกาน่ะ” คริสตอบอย่างภาคภูมิใจ
“เหรอข้าไม่เคยได้ยินเลย แล้วไอ้อเมริกาเนี่ย มันอยู่ส่วนไหนของอาณาจักรนี้หรอ” คำถามที่เจ้าชายคนนี้ถามมานั้นทำให้คริสจนปัญญา คำตอบจึงมีแต่ความเงียบ
เมื่อพ้นประตูปราสาทแล้วสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าคือลานหญ้ากว้างขวาง การ์เดี้ยนทั้ง4ทำการเขียนวงเวทย์ขึ้นแล้วยืนล้อมมัน สองมือยื่นมาด้านหน้าราวกับคลำอะไรบางอย่าง
ชั่วอึดใจลำแสงสีฟ้าก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง และเช่นเดิมคริสก็ถูกโยนเข้าไปในนั้นความรู้สึกที่เคยเจอนี้กลับมาอีกครั้ง เพียงชั่วครู่ลำแสงได้หายไป เบื้องหน้ามิใช่ลานกว้างอีกแล้วแต่หากเป็นประตูเหล็กบานใหญ่ แม้จะใหญ่ไม่เท่าของราวาดอลท์ แต่ก็ไม่ด้อยกว่าเท่าไรนัก
พระอาทิตย์และจันทร์เสี้ยวได้ถูกจารึกเอาไว้ เมื่อมองขึ้นไปก็ต้องตะลึงกับหอคอยที่สูงเด่นเป็นสง่าท่ามกลางหมู่ไม้เหล่านี้ แต่ที่ทำให้คริสต้องขยี้ตาซ้ำแล้วซ้ำอีกนั้นกลายเป็นมังกรสีแดงและน้ำเงินที่บินวนอยู่รอบๆหอคอยนี้ ทุกคนมาถึงครบแล้ว การเดินทางก็ต้องดำเนินไปต่อ
ความคิดเห็น