ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2
      ส่วนทางด้านสวนสาธารณะ y นั้นพวกฮาชิมะก็กำลังรวมพลรออาซึมิอยู่
   
    “แค่ผู้หญิงคนเดียวพวกนายจัดการกันเองไม่ได้รึไง ถึงต้องเรียกให้ฉันมาด้วยตนเองน่ะ” เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างรำคาญ พร้อมกับยกมือขึ้นกอดอกอย่างวางมาด ผมสีส้มที่ยาวถึงต้นคอของเขาปลิวไสวไปตามสายลมที่พัดผ่าน เสื้อแขนยาวสีดำที่เขาใส่อยู่ถูกถลกขึ้นจนถึงต้นแขนและไม่ติดกระดุมซักเม็ดจึงทำให้มองเห็นเสื้อยืดสีขาวที่ใส่ไว้ข้างใน และเมื่อดูคู่กับกางเกงที่ดูยับๆนั้น ทำให้รู้ได้ทันทีว่าคนๆนี้มีเรื่องกับคนอื่นบ่อย และยิ่งดูคู่กับท่าที่แสนจะวางมาดของเขาก็แสดงให้เห็นเลยว่า ชายผู้นี้คือ อุจิดะ โทโมโนคิหัวหน้าแกงค์ฮาชิมะ
      “นั่นสิ ความจริงพวกนายเรียกแค่ฉันมาคนเดียวก็ได้” อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นอีก และเดินขึ้นมายืนข้างๆโทโมโนคิ เขามีผมสีน้ำตาลแดงที่ดูแล้วแสบตาไม่แพ้โทโมโนคิเลยทีเดียว แต่งตัวสไตล์เดียวกับหัวหน้าแกงค์ตัวเองไม่มีผิดเพี้ยน และคนที่กล้ามายืนทาบรัศมีกับหัวหน้าแกงค์มีคนเดียว คือ มิสึยามะ มาคิรองหัวหน้าของแกงค์
        “หรือไม่งั้นพวกนายก็เรียกพวกเรามาคนใดคนหนึ่งก็ได้ ”เสียงชายอีกคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอีก ผมสีแดงของเขาสว่างจ้าเมื่อกระทบกับแสงแดด การแต่งกายดูจะพอเรียบร้อยกว่าสองคนแรกนิดหน่อย เขาเป็น 1ใน3องครักษ์ แห่งฮาชิมะ เรโซ อาคุอะ ส่วนองครักษ์อีกสองคนยืนขนาบข้างเขาอยู่ คนหนึ่งผมเหลือง ยืนอยู่ด้านซ้าย ท่าทางเงียบๆ วางมาดนิดๆ ชื่อสุมิบาระ นาอิ ส่วนอีกคนผมสีเขียว ยืนอยู่ด้านขวา ดูจะหลุกหลิกตลอดเวลา เหมือนอยู่นิ่งไม่ได้ คนนี้ชื่อ โอคาซากิ ซาโตะ
        “เราทั้งหมดต้องขอโทษหัวหน้า รองหัวหน้าและองครักษ์ทั้ง 3 ด้วย ที่ต้องทำให้เสียเวลา” สมาชิกคนหนึ่งของแกงค์พูดขึ้น “เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่สำคัญคือ ทำไมไอ้เจ้านั่นยังไม่มาอีก เลยเวลานัดมา20นาทีแล้ว ถึงพวกเราเป็นแกงค์อันธพาลแต่ก็รู้จักรักษาเวลานะ แล้วนี่มันอะไรกัน” โทโมโนคิบ่นด้วยเสียงอันดัง  “นั่นไงหัวหน้า มันมาแล้ว” สมาชิกแกงค์ที่ดูเหมือนจะเป็นคนดูต้นทางเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นอิซามิในคราบอาซึมิเดินมาแต่ไกล
          “ขอโทษที่ทำให้คอยนาน” เด็กสาวบอกเมื่อเดินมาถึง มีความประหม่าปนในน้ำเสียงเล็กน้อย
          “เธอทำไมถึงมาสาย” อาคุอะเป็นคนพูดเปิดฉากการสนทนาด้วยคำถามเรียบง่ายและธรรมดาสุดๆ มันสามารถช่วยลดความประหม่าที่ต้องสู้กับแกงค์ใหญ่ของอิซามิได้มากทีเดียว
          “ฉันไม่ค่อยได้มาแถวนี้น่ะ เลยหลงทางนิดหน่อย” อิซามิตอบเต็มปากเต็มคำ ตอนนี้ความกาล้าของเธอกลับมามีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม
          “เธอกล้าดีนะ ฉันชอบ” ซาโตะบอกแสดงถึงความชื่นชม
            “ นี่เธอใช่คนเดียวกับเมื่อวานจริงเหรอ” ชายหนุ่มผมชี้โด่ชี้เด่คนหนึ่งถามอย่างไม่แน่ใจ ดูเหมือนเขาจะเป็น 1 ในคนที่อยู่ในเหตุการณ์เมื่อวาน
          “ใช่ ทำไมล่ะ”อิซามิถาม ในใจกังวลอย่างมาก กลัวว่าความลับจะแตก “ก็เธอไม่เหมือนเมื่อวานเลยน่ะสิ ตัวก็สูงขึ้น ผมก็ยาวขึ้น และที่สำคัญ ดูอวดดีมาๆด้วย” เขาพูดอย่างพินิจพิเคราะห์ แต่ดูเหมือนเด็กสาวจะไม่ชอบคำพูดของเขาเท่าไหร่นัก คิ้วของเธอขมวดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
          “ขมวดคิ้วอย่างนั้นหมายความว่าไง อยากเรื่องรึไง”ชายคนเดิมถามขึ้น เด็กสาวมองหน้าเขาอย่างไม่เกรงกลัว ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า  “ถ้าใช่ แล้วจะทำไม” เธอทำหน้าแบบอยากลองดีสุดๆ “เฮ้ เธอควรจะรู้นะว่าอยู่ในฐานะอะไร ทำตัวตัวให้มันดีๆหน่อยดีกว่ามั้ง” ชายหัวหน้าแกงค์พูดขึ้นแทรก เขาเริ่มไม่พอใจอาการของเด็กสาวแล้ว “ถ้าเจ็บตัวอย่าหาว่าไม่เตือนล่ะกัน” คราวนี้นาอิที่เห็นเงียบอยู่นานเป็นฝ่ายพูดขึ้นบ้าง
        “คิดว่าฉันกลัวรึไง” เด็กสาวโต้กลับทันที ดูท่าว่าเธอจะมีความโกรธมากกว่าความเกรงกลัวแล้ว “นี่เห็นว่าเป็นผู้หญิงพวกเราเลยไม่อยากทำอะไรรุนแรงนะ” มาคิเอ่ยขึ้น พร้อมกับเอามือ 2 ข้างจับกันจนมีเสียงกรอบแกรบดังออกมาเป็นเชิงขู่ แต่อิซามิยังคงเฉย คงเป็นเพราะเธอเจอท่านี้มาบ่อยแล้ว และทุกรายที่ทำแบบนี้ น็อคตั้งแต่ 5 นาทีแรกที่สู้ด้วยซ้ำไป
        “ท่าทางจะใกล้ฟิวส์ขาดแล้วแฮะ” เสียงคนๆหนึ่งคิดอยู่ในใจหลังจากที่รอดูเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้น
        “ฉันว่าพวกนายอยากลุยก็เข้ามาเลยดีกว่า มัวพิธีรีตองอยู่ได้ เสียเวลา”อิซามิบอกพร้อมยกมือขวาขึ้นตั้งหมัดและชกเข้าที่ฝ่ามือซ้ายของตนจนเกิดเสียงดังเพื่อข่มคู่ต่อสู้บ้าง
        “ไหนบอกชื่อของเธอมาซิ โรงเรียนด้วย ชั้นอะไร ห้องอะไร บอกมาให้หมด” ชายที่ถูกขัดขาบอกด้วยความโกรธ แต่เขาไม่รู้หรอกว่ามันเป็นการทำเหมือนก้าวก่ายเรื่องของเธอมากเกินไป จนทำให้เธอฟิวส์ขาดแล้ว
        “ตายแล้ว ท่าทางฟิวส์ขาดแล้วชัวร์ๆ” เสียงคนๆหนึ่งคิดอยู่ในใจอย่างตกใจหลังจากที่เห็นเหตุการณ์ที่ผ่านมา
      “ถ้าอยากรู้ฉันจะบอกให้เอาบุญ ฉัน โฮชิคาอิ อาซึมิ โรงเรียนฮาคุริโนะ ชั้นม.ปลายปี 1 ห้อง B แล้วอย่ายุ่งเรื่องส่วนตัวฉันอีก ฉันเกลียดคนจุ้นจ้าน ”เมื่ออิซามิตอบจบ กลับมีคนๆหนึ่งตกใจนิดหน่อย
        “ โฮชิคาอิ อาซึมิ ทำไมถึงคล้าย คล้ายกันอย่างนี้ อิซามิ”
        “เธอนี่กล้าดีจังนะ จะตายยังไม่รู้ตัวอีก นาย 3 คนลุยเลย” โทโมโนคิพูดออกคำสั่งน้ำเสียงแสดงออกถึงความโกรธเป็นอย่างมาก พร้อมชี้นิ้วไปที่สมาชิก 3 คนที่ยืนอยู่ใกล้อิซามิมากที่สุด ทั้ง 3 พยักหน้าเมื่อได้ยินคำสั่งของหัวหน้าใหญ่ ก่อนจะวิ่งตรงเข้าไปหาเด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างหน้าของตน ทั้งที่เธอน่าจะเสียเปรียบแต่เด็กสาวกลับเผยรอยยิ้มที่ทำให้ทุกคนในที่นั้นงงกันหมด
        ชายหนุ่มผมทองที่วิ่งเข้ามาถึงเด็กสาวคนแรกยกขาขึ้นหมายเตะคอของเธอแบบไม่ยั้งมือ แต่ดูเหมือนอิซามิจะรู้ตัวทันก่อนแล้ว เธอจึงยกแขนขึ้นกันได้อย่างไม่ยากเย็นนัก แถมยังมีเวลาใช้มือขวาชกเข้าที่ท้องของเด็กหนุ่มอย่างจังจนเขากระเด็นไปไกล ก่อนจะหันกลับมาตั้งรับคนต่อไป คนที่สองเด็กสาวสามารถจัดการเขาได้ก่อนที่เขาจะมาถึงตัวด้วยซ้ำ เท้าของเธอสามารถยันเขาออกไปได้ไกลก่อนจะตวัดขากลับมาเตะชายคนสุดท้ายกระเด็นไปได้อีกคน
      “ฝีมือของฮาชิมะมีแค่นี้เองเหรอ ถ้ามีใครรู้ว่าพวกนายมาแพ้เด็กผู้หญิงโนเนมอย่างฉันได้คงเก็บไปเล่าเป็นเรื่องตลกได้หลายปีทีเดียวเลยล่ะ” เด็กสาวพูดอย่างเยาเย้ย การกระทำของอิซามิทำให้ระดับหัวหน้าของฮาชิมะตกใจไม่น้อย คงไม่มีใครนึกถึงว่าสมาชิกในแกงค์จะแพ้ได้ง่ายนาดนี้
        “สุดยอดเหมือนเดิมเลย สามารถจัดการได้ภายในเวลาอันสั้น เก่งจริงๆ” เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นเบาๆ แต่มีคนๆหนึ่งกลับได้ยินเสียงนั้น
        “นายสองคน ลุย”คราวนี้มาคิผู้เป็นรองหัวหน้าเป็นคนสั่งบ้าง สมาชิกอีกสองคนจึงวิ่งเข้าไป เด็กสาวสามารถหลบได้อย่างสบายๆก่อนจะโต้กลับไปอย่างแรง แต่ดูเหมือนมันจะพลาดนิดหน่อย หน้าของเธอจึงเกิดแผลเป็นขีดยาว เธอค่อยๆเอานิ้วลูบเลือดเหล่านั้นออกจากหน้าตัวเอง ก่อนจะตะโกนด้วยความโกรธสุดๆ “ไอ้เจ้าพวกบ้าอยากตายนักก็เข้ามาเลย แน่จริงเข้ามาเลย 10 คนสิ” เธอท้าอย่างไม่เกรงกลัวใดๆทั้งสิ้น
        “ตายล่ะหว่า คราวนี้โกรธแบบสุดๆเลยอ่ะ ทำไงดี”เสียงปริศนาเดิมดังด้วยความร้อนรน แต่เสียงยังคงเบาสุดๆ แต่คนหูดีกลับได้ยินมันอยู่ดี
        “คราวนี้พวกเราขอไปด้วยดีกว่า ถ้าพวกเราไม่ออกโรงเองคงไม่ไหวแน่” อาคุอะเอ่ยขึ้นเป็นตัวแทนขององครักษ์ทั้ง 3  ก่อนที่เหล่าองครักษ์จะเดินออกไป การต่อสู้กำลังจะเริ่มขึ้นหากแต่มีอย่างหนึ่งเกิดขึ้นก่อน
        “ยัยนี่เป็นใครน่ะ เห็นมาทำลับๆล่อๆอยู่นานแล้ว” เสียงของรองหัวหน้าหนุ่มดังขึ้นพร้องกับดึงปกเสื้อของคนๆหนึ่งออกมาจากหลังพุ่มไม้ คนที่ถูกหิ้วอยู่ดิ้นอย่างไม่ชอบใจแต่ก็ไม่สามารถหลุดออกมาจากการ จับของมาคิได้ และเมื่ออิซามิหันไปก็ลมเกือบจับเมื่อพบว่าคนๆนั้น คือ...
        ขอโทษทีที่ตอนนี้ยังสั้นอยู่ ยังไงตอนหน้ารับรองยาวกว่านี้แน่ อย่าลืมโหวตให้หน่อยนะ ไม่ก็ติ ชม
   
    “แค่ผู้หญิงคนเดียวพวกนายจัดการกันเองไม่ได้รึไง ถึงต้องเรียกให้ฉันมาด้วยตนเองน่ะ” เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างรำคาญ พร้อมกับยกมือขึ้นกอดอกอย่างวางมาด ผมสีส้มที่ยาวถึงต้นคอของเขาปลิวไสวไปตามสายลมที่พัดผ่าน เสื้อแขนยาวสีดำที่เขาใส่อยู่ถูกถลกขึ้นจนถึงต้นแขนและไม่ติดกระดุมซักเม็ดจึงทำให้มองเห็นเสื้อยืดสีขาวที่ใส่ไว้ข้างใน และเมื่อดูคู่กับกางเกงที่ดูยับๆนั้น ทำให้รู้ได้ทันทีว่าคนๆนี้มีเรื่องกับคนอื่นบ่อย และยิ่งดูคู่กับท่าที่แสนจะวางมาดของเขาก็แสดงให้เห็นเลยว่า ชายผู้นี้คือ อุจิดะ โทโมโนคิหัวหน้าแกงค์ฮาชิมะ
      “นั่นสิ ความจริงพวกนายเรียกแค่ฉันมาคนเดียวก็ได้” อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นอีก และเดินขึ้นมายืนข้างๆโทโมโนคิ เขามีผมสีน้ำตาลแดงที่ดูแล้วแสบตาไม่แพ้โทโมโนคิเลยทีเดียว แต่งตัวสไตล์เดียวกับหัวหน้าแกงค์ตัวเองไม่มีผิดเพี้ยน และคนที่กล้ามายืนทาบรัศมีกับหัวหน้าแกงค์มีคนเดียว คือ มิสึยามะ มาคิรองหัวหน้าของแกงค์
        “หรือไม่งั้นพวกนายก็เรียกพวกเรามาคนใดคนหนึ่งก็ได้ ”เสียงชายอีกคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอีก ผมสีแดงของเขาสว่างจ้าเมื่อกระทบกับแสงแดด การแต่งกายดูจะพอเรียบร้อยกว่าสองคนแรกนิดหน่อย เขาเป็น 1ใน3องครักษ์ แห่งฮาชิมะ เรโซ อาคุอะ ส่วนองครักษ์อีกสองคนยืนขนาบข้างเขาอยู่ คนหนึ่งผมเหลือง ยืนอยู่ด้านซ้าย ท่าทางเงียบๆ วางมาดนิดๆ ชื่อสุมิบาระ นาอิ ส่วนอีกคนผมสีเขียว ยืนอยู่ด้านขวา ดูจะหลุกหลิกตลอดเวลา เหมือนอยู่นิ่งไม่ได้ คนนี้ชื่อ โอคาซากิ ซาโตะ
        “เราทั้งหมดต้องขอโทษหัวหน้า รองหัวหน้าและองครักษ์ทั้ง 3 ด้วย ที่ต้องทำให้เสียเวลา” สมาชิกคนหนึ่งของแกงค์พูดขึ้น “เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่สำคัญคือ ทำไมไอ้เจ้านั่นยังไม่มาอีก เลยเวลานัดมา20นาทีแล้ว ถึงพวกเราเป็นแกงค์อันธพาลแต่ก็รู้จักรักษาเวลานะ แล้วนี่มันอะไรกัน” โทโมโนคิบ่นด้วยเสียงอันดัง  “นั่นไงหัวหน้า มันมาแล้ว” สมาชิกแกงค์ที่ดูเหมือนจะเป็นคนดูต้นทางเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นอิซามิในคราบอาซึมิเดินมาแต่ไกล
          “ขอโทษที่ทำให้คอยนาน” เด็กสาวบอกเมื่อเดินมาถึง มีความประหม่าปนในน้ำเสียงเล็กน้อย
          “เธอทำไมถึงมาสาย” อาคุอะเป็นคนพูดเปิดฉากการสนทนาด้วยคำถามเรียบง่ายและธรรมดาสุดๆ มันสามารถช่วยลดความประหม่าที่ต้องสู้กับแกงค์ใหญ่ของอิซามิได้มากทีเดียว
          “ฉันไม่ค่อยได้มาแถวนี้น่ะ เลยหลงทางนิดหน่อย” อิซามิตอบเต็มปากเต็มคำ ตอนนี้ความกาล้าของเธอกลับมามีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม
          “เธอกล้าดีนะ ฉันชอบ” ซาโตะบอกแสดงถึงความชื่นชม
            “ นี่เธอใช่คนเดียวกับเมื่อวานจริงเหรอ” ชายหนุ่มผมชี้โด่ชี้เด่คนหนึ่งถามอย่างไม่แน่ใจ ดูเหมือนเขาจะเป็น 1 ในคนที่อยู่ในเหตุการณ์เมื่อวาน
          “ใช่ ทำไมล่ะ”อิซามิถาม ในใจกังวลอย่างมาก กลัวว่าความลับจะแตก “ก็เธอไม่เหมือนเมื่อวานเลยน่ะสิ ตัวก็สูงขึ้น ผมก็ยาวขึ้น และที่สำคัญ ดูอวดดีมาๆด้วย” เขาพูดอย่างพินิจพิเคราะห์ แต่ดูเหมือนเด็กสาวจะไม่ชอบคำพูดของเขาเท่าไหร่นัก คิ้วของเธอขมวดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
          “ขมวดคิ้วอย่างนั้นหมายความว่าไง อยากเรื่องรึไง”ชายคนเดิมถามขึ้น เด็กสาวมองหน้าเขาอย่างไม่เกรงกลัว ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า  “ถ้าใช่ แล้วจะทำไม” เธอทำหน้าแบบอยากลองดีสุดๆ “เฮ้ เธอควรจะรู้นะว่าอยู่ในฐานะอะไร ทำตัวตัวให้มันดีๆหน่อยดีกว่ามั้ง” ชายหัวหน้าแกงค์พูดขึ้นแทรก เขาเริ่มไม่พอใจอาการของเด็กสาวแล้ว “ถ้าเจ็บตัวอย่าหาว่าไม่เตือนล่ะกัน” คราวนี้นาอิที่เห็นเงียบอยู่นานเป็นฝ่ายพูดขึ้นบ้าง
        “คิดว่าฉันกลัวรึไง” เด็กสาวโต้กลับทันที ดูท่าว่าเธอจะมีความโกรธมากกว่าความเกรงกลัวแล้ว “นี่เห็นว่าเป็นผู้หญิงพวกเราเลยไม่อยากทำอะไรรุนแรงนะ” มาคิเอ่ยขึ้น พร้อมกับเอามือ 2 ข้างจับกันจนมีเสียงกรอบแกรบดังออกมาเป็นเชิงขู่ แต่อิซามิยังคงเฉย คงเป็นเพราะเธอเจอท่านี้มาบ่อยแล้ว และทุกรายที่ทำแบบนี้ น็อคตั้งแต่ 5 นาทีแรกที่สู้ด้วยซ้ำไป
        “ท่าทางจะใกล้ฟิวส์ขาดแล้วแฮะ” เสียงคนๆหนึ่งคิดอยู่ในใจหลังจากที่รอดูเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้น
        “ฉันว่าพวกนายอยากลุยก็เข้ามาเลยดีกว่า มัวพิธีรีตองอยู่ได้ เสียเวลา”อิซามิบอกพร้อมยกมือขวาขึ้นตั้งหมัดและชกเข้าที่ฝ่ามือซ้ายของตนจนเกิดเสียงดังเพื่อข่มคู่ต่อสู้บ้าง
        “ไหนบอกชื่อของเธอมาซิ โรงเรียนด้วย ชั้นอะไร ห้องอะไร บอกมาให้หมด” ชายที่ถูกขัดขาบอกด้วยความโกรธ แต่เขาไม่รู้หรอกว่ามันเป็นการทำเหมือนก้าวก่ายเรื่องของเธอมากเกินไป จนทำให้เธอฟิวส์ขาดแล้ว
        “ตายแล้ว ท่าทางฟิวส์ขาดแล้วชัวร์ๆ” เสียงคนๆหนึ่งคิดอยู่ในใจอย่างตกใจหลังจากที่เห็นเหตุการณ์ที่ผ่านมา
      “ถ้าอยากรู้ฉันจะบอกให้เอาบุญ ฉัน โฮชิคาอิ อาซึมิ โรงเรียนฮาคุริโนะ ชั้นม.ปลายปี 1 ห้อง B แล้วอย่ายุ่งเรื่องส่วนตัวฉันอีก ฉันเกลียดคนจุ้นจ้าน ”เมื่ออิซามิตอบจบ กลับมีคนๆหนึ่งตกใจนิดหน่อย
        “ โฮชิคาอิ อาซึมิ ทำไมถึงคล้าย คล้ายกันอย่างนี้ อิซามิ”
        “เธอนี่กล้าดีจังนะ จะตายยังไม่รู้ตัวอีก นาย 3 คนลุยเลย” โทโมโนคิพูดออกคำสั่งน้ำเสียงแสดงออกถึงความโกรธเป็นอย่างมาก พร้อมชี้นิ้วไปที่สมาชิก 3 คนที่ยืนอยู่ใกล้อิซามิมากที่สุด ทั้ง 3 พยักหน้าเมื่อได้ยินคำสั่งของหัวหน้าใหญ่ ก่อนจะวิ่งตรงเข้าไปหาเด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างหน้าของตน ทั้งที่เธอน่าจะเสียเปรียบแต่เด็กสาวกลับเผยรอยยิ้มที่ทำให้ทุกคนในที่นั้นงงกันหมด
        ชายหนุ่มผมทองที่วิ่งเข้ามาถึงเด็กสาวคนแรกยกขาขึ้นหมายเตะคอของเธอแบบไม่ยั้งมือ แต่ดูเหมือนอิซามิจะรู้ตัวทันก่อนแล้ว เธอจึงยกแขนขึ้นกันได้อย่างไม่ยากเย็นนัก แถมยังมีเวลาใช้มือขวาชกเข้าที่ท้องของเด็กหนุ่มอย่างจังจนเขากระเด็นไปไกล ก่อนจะหันกลับมาตั้งรับคนต่อไป คนที่สองเด็กสาวสามารถจัดการเขาได้ก่อนที่เขาจะมาถึงตัวด้วยซ้ำ เท้าของเธอสามารถยันเขาออกไปได้ไกลก่อนจะตวัดขากลับมาเตะชายคนสุดท้ายกระเด็นไปได้อีกคน
      “ฝีมือของฮาชิมะมีแค่นี้เองเหรอ ถ้ามีใครรู้ว่าพวกนายมาแพ้เด็กผู้หญิงโนเนมอย่างฉันได้คงเก็บไปเล่าเป็นเรื่องตลกได้หลายปีทีเดียวเลยล่ะ” เด็กสาวพูดอย่างเยาเย้ย การกระทำของอิซามิทำให้ระดับหัวหน้าของฮาชิมะตกใจไม่น้อย คงไม่มีใครนึกถึงว่าสมาชิกในแกงค์จะแพ้ได้ง่ายนาดนี้
        “สุดยอดเหมือนเดิมเลย สามารถจัดการได้ภายในเวลาอันสั้น เก่งจริงๆ” เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นเบาๆ แต่มีคนๆหนึ่งกลับได้ยินเสียงนั้น
        “นายสองคน ลุย”คราวนี้มาคิผู้เป็นรองหัวหน้าเป็นคนสั่งบ้าง สมาชิกอีกสองคนจึงวิ่งเข้าไป เด็กสาวสามารถหลบได้อย่างสบายๆก่อนจะโต้กลับไปอย่างแรง แต่ดูเหมือนมันจะพลาดนิดหน่อย หน้าของเธอจึงเกิดแผลเป็นขีดยาว เธอค่อยๆเอานิ้วลูบเลือดเหล่านั้นออกจากหน้าตัวเอง ก่อนจะตะโกนด้วยความโกรธสุดๆ “ไอ้เจ้าพวกบ้าอยากตายนักก็เข้ามาเลย แน่จริงเข้ามาเลย 10 คนสิ” เธอท้าอย่างไม่เกรงกลัวใดๆทั้งสิ้น
        “ตายล่ะหว่า คราวนี้โกรธแบบสุดๆเลยอ่ะ ทำไงดี”เสียงปริศนาเดิมดังด้วยความร้อนรน แต่เสียงยังคงเบาสุดๆ แต่คนหูดีกลับได้ยินมันอยู่ดี
        “คราวนี้พวกเราขอไปด้วยดีกว่า ถ้าพวกเราไม่ออกโรงเองคงไม่ไหวแน่” อาคุอะเอ่ยขึ้นเป็นตัวแทนขององครักษ์ทั้ง 3  ก่อนที่เหล่าองครักษ์จะเดินออกไป การต่อสู้กำลังจะเริ่มขึ้นหากแต่มีอย่างหนึ่งเกิดขึ้นก่อน
        “ยัยนี่เป็นใครน่ะ เห็นมาทำลับๆล่อๆอยู่นานแล้ว” เสียงของรองหัวหน้าหนุ่มดังขึ้นพร้องกับดึงปกเสื้อของคนๆหนึ่งออกมาจากหลังพุ่มไม้ คนที่ถูกหิ้วอยู่ดิ้นอย่างไม่ชอบใจแต่ก็ไม่สามารถหลุดออกมาจากการ จับของมาคิได้ และเมื่ออิซามิหันไปก็ลมเกือบจับเมื่อพบว่าคนๆนั้น คือ...
        ขอโทษทีที่ตอนนี้ยังสั้นอยู่ ยังไงตอนหน้ารับรองยาวกว่านี้แน่ อย่าลืมโหวตให้หน่อยนะ ไม่ก็ติ ชม
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น