คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : BOX IN THE ROOM
ยามเย็นหลังพระอาทิตย์ตก ฟ้าเริ่มทะมึนจากฝนปอยๆเล็กน้อยก็เริ่มสาดเทลงมาอย่างบ้าคลั่ง ผมวิ่งกลับแฟลตแถวมหาวิทลัยที่ผมเรียนอยู่ มือของผมถือกระเป๋าขึ้นมาบังฝนแต่มันไม่ได้ช่วยอะไรมาก ผมวิ่งมาซักพักก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
“ฮัลโหล เอเหรอ นี่ บีนะ ขอโทษทีนะ ที่ไปหาในวันเกิดไม่ได้ ขอโทษจริงๆ เอาเป็นว่าถ้าเกิดวันไหนว่างจะต้องตอบแทนให้ได้แน่ๆจ้า”
“เหรออืมช่างเถอะไม่ได้สำคัญอะไรมากหรอก”
ผมตอบกลับด้วยอาการแบบไม่สนใจอะไร สื่อให้รู้ว่า ผมงอนเธออยู่ แต่ก็ก็แอบหัวเราะคิกคัก อย่างสนุกสนาน
“เดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะ ทำธุระอยู่ [โครม]”
เสียง โครมในสายก่อนกดวาง ทำให้ผมรู้สึกใจไม่ดี แต่ผมก็มาอยู่ที่หน้าตึก ทางเข้าลิฟท์ อากาศเหม็นอับในห้องทำผมแทบมึนหัว ลิฟท์เก่าๆ ถูกใช้งานบ่อยครั้งมีลอยคลาบสีดำๆแดงๆประหลาดและถูกเขียนเป็นสัญลักษณ์ต่างๆนาๆ เมื่อเดินออกมา ผมมองเห็นความเก่าโทรมของห้องพัก แต่ผมมาจากต่างจังหวัดการหาห้องถูกๆไม่ใช่เรื่องง่าย กลิ่นเหม็นอับอบอวนเพราะ ถังขยะรวม ท่อตัน ผมติดต่อไปหลายครั้งแต่เจ้าของเขายังไม่ส่งช่างมาแก้ให้เสียที ซึ่งหลายๆคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ก็น่าจะทำเหมือนผมเช่นกัน ผมเดินต่อไปจนถึงหน้าห้อง ไขกุญแจและเดินเข้าไป เมื่อเข้ามาผมก็ล็อกห้องตามนิสัยของชายหนุ่มวัยกลัดมันที่ชอบดูหนังผู้ใหญ่จนติดเป็นนิสัยที่ต้องล็อคห้องทุกครั้ง หลังจากเดินเข้ามา ในห้องผมเป็นห้องขนาดเล็ก ไม่ใหญ่มาก มีห้องน้ำอยู่ทางด้านซ้ายจากประตูห้อง อุปกรณ์ทำกิจวัตรต่างๆ มีด หม้อ ตู้วางรองเท้า ถูกวางอยู่ด้านขวามือ เมื่อเดินมาอีกซํกหน่อย ผมก็เห็นหน้าต่างพร้อมตะแกง ที่เปิดไม่ได้ มีเพียงประตูที่ล็อคไว้กับระเบียง ที่เป็นลูกกรงติดป่าเก่า หลายๆคนเชื่อว่าป่านี้มีผี แต่ผมไม่เชื่อ โน้ตบุ๊คของผมวางใกล้ๆกับหน้าต่างและถัดไปมีเตียงขนาดนอนได้หนึ่งคน แต่ที่น่าแปลกที่สุดคือ กล่องใบใหญ่ที่ถูกตั้งไว้อยู่บนเตียงขนาดเกือบครึ่งเตียงผม ผมพยายามเดินเข้าไปใกล้ก็มองเห็นน้ำสีแดงไหลออกมาจากข้างกล่อง ความหวั่นใจของผม ทำให้ใจของผมเต้นแรงมากขึ้น ผมพยายามจะคว้าปากกล่องเพื่อเปิดดู
“ครึ่ก”
กล่องมันขยับได้ สติของผมกระจายโดยทันที ผมรีบวิ่งไปประตูหน้า หยิบกุญแจจากในกระเป๋าแล้วพยายามไขอย่างรวดเร็วแต่ผมดันทำกุญแจตกไม่พอยังเตะออกไปอีกฝั่งของประตูอีก แน่นอนว่าการหนีทางระเบียงเป็นเรื่องไม่ฉลาด ฝนที่ตกลงมา ผสานกับความลื่น ตกลงไปยังไงก็ต้องตายแน่นอน ผมก้าวเท้าเข้าห้องน้ำไปล้างหน้า เพื่อคงสติ มันไม่ใช่ความฝัน กล่องยังคงอยู่เหมือนเดิม ผมตะโกนเรียกคนให้ช่วย ร้องเรียกอย่างไรก็ตาม แต่เสียงฟ้าผ่าตรงกับการตะโกนของผมจนไม่สามารถส่งเสียงอันน่าสังเวชนี้ไปยังอีกฝั่งได้
“ก๊อกๆๆ”
เสียงเคาะประตูดังสามครั้งผมวิ่งไปที่ประตู พลันถามอย่างใจร้อน
“ใครน่ะ?”
“เปิดประตูหน่อย....หนาว หนาวเหลือเกิน”
ผมมองผ่านประตูมีผู้หญิงตัวเปียกปอนในชุดนักศึกษากอดอกก้มตัวสั่นอยู่ เป็นคุณคุณจะเปิดไหมล่ะ แน่นอน ผมละตัวเองออกจากประตู แต่เสียงเคาะกลับแรงขึ้นทุกที
“เปิดประตูหน่อย เร็วๆสิ เร็วๆ เปิด”
“กะ กุไม่เปิด รีบไปให้ไกลเลยนะ ไอ้บ้าเอ๊ย...”.
ผมได้ยินเสียงหยิบกุญแจและพยายามไข เข้ามา ผมก้าวถอยหลังมากไม่ได้เพราะมันจะใกล้กับกล่องผีนั่นทุก
ทีให้ตายเถอะ ในชีวิตต้องโดนผีหลอกแบบไม่เหลือทางรอดอย่างนี้ผมอยากจะกัดลิ้นฆ่าตัวตายเหลือเกิน
แกร๊ก...แอ๊ด!!
ฟ้าผ่าสงมาดังสนั่นเธอเข้ามาในห้องผมไฟก็ดันดับพอดีอีก ผมคว้าไฟฉายส่องไปที่หน้าเธอ
“ไอ้เอ แกเป็นบ้าอะไรของแก ฉันมาถึงตั้งนานบอกให้เปิดประตู ประสาทรึเปล่าเนี่ย หนาวก็หนาวคนจะรีบเข้ามา ตกฝนก็เปียก เป็นบ้าอะไร ฮะ เออแกเห็นเค้กที่ฉันวางไว้บนเตียงไหม เค้กสตอเบอรี่ยักษ์ เซอร์ไพรส์ ไหมล่ะ”
ความกลัวของผมลดลงเพราะสาวน้อยตัวสั่นนั่นคือบี ที่กำลังเดินไปที่เค้ก เธอเปิดกล่องเค้กถึงกับผงะหลังชนโน๊ตบุ๊คของผมตก
“ไอ้เอในเค้กมัน กรี๊ด.....!!”
เสียงของบีดังมากจนผมต้องหยิบมีดข้างๆประตูและไฟฉายเดินเข้าไป สิ่งที่ผมพบก็คือ
“หนู งั้นเหรอ โธ่เอ๊ย ตกใจหมด”
ผมหงุดหงิดกับเรื่องโน๊ตบุ๊คเสียมากกว่า จนซักพัก ไฟฉายหันไปที่ประตูเพื่อเก็บมีด ก็พบชายในชุดช่างร่างใหญ่ถือกระเป๋ากำลังเดินเข้ามาพร้อมล้วงอะไรบางอย่างจากกระเป๋ากางเกง
“ว้ากกก....ผี!!”
“ใจเย็นก่อนครับ ผมเป็นช่างมาเรื่องซ่อมไฟและก็จัดการขยะที่คุณร้องเรียนมาครับส่วนนี่ครับ ใบเสร็จค่าห้องที่คุณค้างไว้ เจ้าของเขาฝากมาให้น่ะ”
ช่างคนนี้แทบทำผมหัวใจวาย เรื่องวันนี้ มันอะไรกัน เซอร์ไพส์วันเกิดแบบสุดๆ
“งั้นผมไปล่ะครับ โคดีนะ”
ผมก็พยักหน้า ส่วน บีก็เดินไปแจ้งเรื่องหนูที่กัดกล่องเค้กจนไส้เค้กไหลเลอะเตียง ให้กับผมอยู่ที่ระเบียงใกล้หน้าต่าง ฝนหยุดตกแล้ว ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดาว งดงามมาก ในขณะที่ บีกำลังหัวเสียอยู่ ผมก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์
ผมกดรับสาย และคนที่พูดตอบกลับผมเขาก็บอกว่า
“ฮัลโหล เอ เหรอ นี่บีนะ เดี๋ยวบีว่าจะไปหา เอซักหน่อยกินอะไรรึยัง เดี๋ยวเราจะซื้อไปให้นะ เออยู่คนเดียวเหรอ เราใกล้ถึงแล้ว กำลังขึ้นลิฟท์ไปเนี่ยแหละ แค่นี้ก่อนนะจะถึงแล้ว”
และสายก็ถูกวางไป จนผมอดคิดถึงเรื่องต่างๆไม่ได้ว่า ผมล็อคประตูก่อนเข้าห้อง เค้กมาได้อย่างไร และ ใครกันแน่ที่อยู่กับผมในห้อง
จบ...
ความคิดเห็น