คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : "พิชิต ถนนมรณะ ลาสวิล"
บ้านที่แสนสบายมันทำจากยางรถยงต์เก่าๆและตกแต่งด้วยผ้าเล็กน้อย ทำให้แสงจากภายนอก ส่องสว่างจากสีผ้าเหล่านั้น เนื้อผ้าโปร่ง หากฝนตกคงต้องระเห็ดหนีน้ำหลากแต่ด้วยความที่มันเป็นยางเซาะล่องเฉพาะขอบทำให้น่าจะลอยน้ำได้ในระกับหนึ่ง เสียงแจ้วของ หนูขาวตัวหนึ่งดังมาจากอีกฟากฝั่งของยางรถ ซึ่งถูกคลุมด้วยผ้าผืนเก่าใกล้ขาดเต็มทน บัคบิกตัวน้อยจึงลุกขึ้นจากเตียง และเดินไปยังผ้าผืนเก่านั้น พยายามเชยคอมองดูสิ่งที่ถูกปกคลุมแต่เสียงกลับเงียบลงทันใด
“เจ้าทำอะไรของเจ้า เจ้ากระรอกตัวกระเปี๊ยก”
เสียงของบัคไวท์ ซึ่งดังมาจากด้านหลังด้วยเสียงหนักแน่น แววตาฉายความดุดันภายใต้ดวงตากลมน่ารักนั้น ทำให้ดูห่างเหินจากความน่ากลัวทั้งหลายเหล่านั้นเลย
“ข้าเปล่า ข้าแค่สงสัยว่า ท่านตื่นนอนรึยัง เพราะข้าได้ยินเสียงท่าน และข้าไม่ชอบให้ท่านเรียกข้าว่าตัวกระเปี๊ยก”
บัคบิก พูดพรางมองสวนสูงของบัคไวท์ ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าตนหลายเท่า ถ้าเทียบขนาดกันแล้วนั้น บัคไวท์ ตัวขนาดเพียงแค่ เอวของ บัคบิกด้วยซ้ำ แต่ด้วยความเร็วของบัคไวท์แล้ว บัคบิกเลยไม่กล้าหือรือด้วย เพราะคิดว่า บักไวท์จะสามารถใช้เวทมนย์ได้แบบที่เขาได้โดนในถ้ำนั้นไป
“หากท่านไม่ใช่ผู้วิเศษเราก็ไม่กลัวท่านหรอกนะ ท่าน บัคไวท์”
บัคบิก พยายามข่มความกลัวทั้งหมดด้วยคำพูดของของเขาแต่ บักไวท์กลับยิ้มเยอะให้กับบัคบิกแล้วยังยืดอกใส่ด้วย ทำให้ บัคบิกเริ่มหงุดหงิด เขาจึงหยิบดาบขึ้นมา
“ข้าว่าเราต้องเดินทางต่อแล้ว ป่านนี้ ชะตาชีวิตของเจ้าหญิง ฮามุจะเป็นเช่นไรก็ไม่รู้ ว่าแต่เราจะเดินทางกันยังไงและต้องพบเจออะไรบ้าง ท่านพอจะทราบไหม”
บัคไวท์ เอามามือขึ้นมาลูบคางตัวเอง พรางคิดบางสิ่ง ก่อนที่จะพูดว่า
“ข้ารู้ อย่างแรก เราต้องผ่าน ถ้ำอสูรฟ้า เดินหน้า เข้าสู่ถนน ลาสวิล บ่อแมลง ข้ามบึงเพชรฆาต ผ่านภูเขาพลาสติก นั่นก็ทำให้เจ้ามองเห็นปราสาทไกลๆได้แล้ว เราจะพัก ที่หมู่บ้านแถบนั้นก่อน หวังว่าจะมี บาร์กระรอกแถวนั้นนะ”
“ช้าก่อน ถนน ลาสวิล เราต้องผ่านทางนั้นด้วยรึ แต่ เทเซลเคยบอกข้าว่า เราไม่ควรผ่านที่แห่งนั้นมันอันตราย เราควรเดินอ้อมมันไป ถ้าทำแบบนั้น จะปลอดภัยกว่า”
“เฮ้ เจ้ากระรอก ฟังนะ เจ้า เคยฟัง ฟัง ฟัง จากคนอื่นๆมา แล้วเจ้าเคยเห็นมันด้วยตาตัวเองรึเปล่าล่ะ หากเจ้าไม่เคย ก้าวผ่าน ลาสวิลซักครั้ง เจ้าจะไม่รู้ว่า สิ่งที่รออยู่ตรงหน้าถัดไป จะเป็นอะไร ดังนั้น เลิกพิรี้พิไรน่ารำคาญแล้วออกเดินทางกันได้แล้ว”
บัคไวท์คว้ากระเป๋าของเขา ขึ้น มันเป็นกระเป๋าใบใหญ่สีเขียวที่ อัดแน่นไปด้วยอุปกรณ์เดินทางต่างๆ ทั้งสเบียงเล็กๆ ดั่งพวก ชีทก้อนเล็กๆ ด้ายที่ขดกันจนเป็นเชือก และ ไม้เท้าที่ทำจาก ตะเกียบหักๆแล้วนำมาเหลา หากดูแล้ว เหมือนเขาเป็นพ่อมด ผู้ยิ่งใหญ่ก็ไม่ปาน เมื่อเดินออกมาจาก บ้านพักของ บัคไวท์แล้ว แสงแดดส่องเข้ามาที่ใบหน้า และมีผีเสื้อโบยบิน เสียงสายน้ำที่รินไหล กระทบเข้ากับจังหวะของคลื่นลมอย่างช้าๆ ชวนเคลิบเคลิ้ม
“เฮ้! อย่ามัวเสียเวลาสิ กระรอก รีบเดินเข้าซะที”
บัคไวท์พยายามเรียก บัคบิกจากด้านหลังเพราะเดินช้าเกินไป เมื่อเดินต่อมาได้ซักพัก จนถึง ชายต้นไม้ ที่อยู่อย่างแน่นขนัด และ หญ้าที่สูงขึ้นเล็กน้อย บัคไวท์ หยุดเคลื่อนที่ พร้อมจับ คฑาตะเกียบไว้อย่างแน่น เหงื่อที่รินไหลของเขาสามารถเห็นได้อย่างง่ายดาย
“ช้าก่อน ตอนนี้เราเข้ามาในเขตของพวกมันแล้ว ข้าไม่รู้ว่ามันจะโผล่มาเมื่อไหร่ เตรียมดาบของเจ้าให้พร้อมไว้ พวกมันอาจจะจู่โจมเราได้”
“พวกมัน พวกมันไหนล่ะ พวกมันที่ท่านว่าน่ะ?”
“ลืมไปแล้วรึ กระรอกน้อย เราอยู่ในเขต ถ้ำอสูรฟ้า ก่อนจะถึง ถนน ลาสวิลนะ พวกมันตั้งอาณาเขตแล้วนี้ ท่าที่เคยได้ยินมา พวกมันปกป้องถนนลาสวิล และเส้นทางเดินผ่านนี้ทั้งหมด”
“เดี๋ยวก่อนนะ ท่านเพิ่งจะเคยบอกข้าว่า อย่าเชื่อแค่จากสิ่งที่ฟังให้เห็นด้วยตายังไงล่ะ บัคไวท์”
“เออน่ะ หยวนๆไปก่อนเรื่องเดียว”
เสียงหญ้าซ่อกแซ่กตามทางเดิน บรรยากาศเริ่มอึดอัด มีเพียงเสียงจากใจที่เต้นของ กระรอก และหนูขาว นั้นดังยิ่งกว่า เสียงพงหญ้าที่สั่นไหว เสียงดังกรอบแกรบของรอยเท้า ที่มีมากกว่าสองคนที่เดินตามลำพังนั้น เริ่มเข้าใกล้ทุกที กลิ่นสาปสัตว์เริ่มแรงขึ้นๆ บัคไวท์ หันหน้าซ้ายขวา เพื่อตรวจตราอันตรายที่เข้ามาใกล้ จนกระทั่ง เสียงพุ่งจาก พุ่มไม้ที่อยู่ใกล้ๆ เผยให้เห็นถึงเงา และดวงตา อำมหิตสีฟ้า ฟันอันแหลมคม ใบหฯที่ยื่นออกมา มีรอยสำดำของ ขอบตาจนถึงแก้ม หางเป็นพวงสลับลาย ฟูฟ่อง และยืนด้วยสองขา
“อสูร อสูรโผล่มาแล้ว บัคไวท์”
ด้วยความตกใจ บัคบิก สะบัดดาบไปมา หมายที่จะปกป้องตัวเอง และ บัคไวท์ ที่เข้ามาพยายามจะช่วยแต่เป้าหมายซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า เขาคงตายแน่ ถ้าโดนตะปบด้วยขาของอีกฝ่ายอย่างรุนแรง
“โอ้ ๆ ใจเย็นๆ พวกนาย เราไม่ทำร้ายพวกนายหรอก”
เสียงที่ดูนุ่มนวลนั้น มาจากเงาของสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ตนนั้นนั่นเอง เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ
“พวกเธอกำลังจะไปถนน ลาสวิล สินะ ที่นั่นมันอันตรายนะ อย่าไปที่นั่นเลย มีหลายชีวิตที่ต้องสังเวยสถานที่แห่งนั้นมามากแล้ว และถ้าหาก พวกเธอดื้อรั้นก็เหมือนเอาชีวิตไปทิ้งนั่นแหละ”
บัคบิก และ บัคไวท์มอง สัตว์ร้ายตนนั้นแล้วถามว่า
“ท่านคือตัวอะไรกันแน่ ข้าไม่เคยพบเลย แล้วเรื่องเล่า ที่เขาว่าอสูรฟ้าล่ะ หรือมันคือเรื่องเล่าที่ถูกกุขึ้นมา ข้าแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยจริงๆ ว่าจะได้ พูดคุยกับสิ่งมีชีวิตที่ตัวใหญ่กว่าเช่นนี้”
บัคบิค มองความงดงามและใหญ่โต ก่อนที่พวกเขาจะยืนด้วยสองขาหลัง
“เราคือ แรคคูน ชื่อของเราคือ ซันรูก้า ส่วนเรื่องของถ้ำอสูรฟ้านั้นเป็นที่อยู่อาศัยของเรามันเต็มไปด้วยความงดงามของทะเลสาป จริงๆแล้ว พวกเราไม่ได้เลวร้ายอย่างที่พวกท่านคิดหรอก แต่ เราต้องปกป้องผู้คนจากถนน ลาสวิลเลยแต่งเรื่องขึ้นว่า อสูรสีฟ้าเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวและอันตรายยังไงล่ะ”
“ฟัง ฟัง ฟัง จากคนอื่นมา แล้วเคยเห็นด้วยตาตัวเองไหมล่ะ!!”
บัคบิกทำท่าล้อเลียน บัคไวท์ ด้วยสีหน้าขบขัน
“ปล่อยข้าเถอะน่า ว่าแต่ พวกท่านจะปกป้องไม่ให้ถนนนั้น ถูกข้ามไปเพื่ออะไรกันล่ะ?”
“ถ้าเจ้าอยากจะเห็นในสิ่งที่พวกเราปกป้อง เราก็จะพาเจ้าไปเชยชม”
ซันรูก้า พา บัคบิค และ บัคไวท์ ขึ้นมาบนหลังเพื่อเดินทางมาชมถนน ลาสวิล ณ สถานที่แห่งนั้น มีแต่ซากของสัตว์ กว่า 10ตัวถูกรถชน มีเพียงแต่เลือดและกองกระดูก จน บัคบิก ต้องหลบหน้าหนี
“ตายแน่ๆ ถ้าพวกเราข้ามไปต้องตายแน่ๆเลย”
บัคบิกพยายามคิดหาวิธีข้ามถนนโดยไม่เกิดอันตราย ชั่วอึดใจ ก็มีสิ่งบางสิ่งผ่านไปประมาณกลุ่มหนึ่งได้ แล่นผ่านหน้าไป มันคือยานพาหนะที่ทำด้วยเหล็กกล้า มีเสียงดัง แสบแก้วหู มีควันพิษสีดำ อยู่ตรงท่อด้านหลัง และมี พวกยักษ์อยู่ในของสิ่งนั้น
“ปีศาจนั่นกินพวกยักษ์ด้วย แถมมันตดตลอดเวลา เราจะทำยังไงดีไม่ให้พวกมันเห็นเรา เราควรรอให้ดึกดีไหม ซันรูก้า”
บัคบิคกระโดดโผกอดบัคไวท์จนแนบแน่น และมือทั้งสองรัดคอบัคไวท์จนแทบหายใจไม่ออก
“ปล่อยมือของเจ้าก่อน เจ้ากระรอกขี้กลัวเอ๊ย!!”
“ถนน ลาสวิลมีพวกนี้ผ่านตลอดเวลา กว่าจะหาช่วงว่างเราก็ไม่แน่ใจนักหรอกนะ หรือว่าเจ้าอยากจะลองดูล่ะ ลองหาวิธีด้วยตัวของพวกเจ้าเอง แถมตอนกลางคืน เจ้าพวกนี้จะมีแสงไฟ ทำให้พวกเจ้าแสบตาเมื่อเผชิญหน้าด้วยนะ ยักษ์เรียกสิ่งนี้ว่า รถยนต์”
“รถยนต์รึ เป็นชื่อที่น่ากลัวจริงๆ พวกมันอาจจะเล่นงานเราทีเผลอก็เป็นได้ แต่พวกนั้น ตายเฉพาะบนพื้นนั่น ถ้าเราไปโดยไม่เหยียบพื้นนั่นได้ก็น่าจะปลอดภัย”
บัคบิกบอกกับบัคไวท์ซึ่งสลบเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว ในขณะที่กำลังหาวิธีอยู่นั้นเอง ก็มี เต่าตัวหนึ่งกำลังคลานอยู่บนถนนนั้น บัคบิกหันไปเห็นด้วยสายตาจึงตะโกนออกไปสุดเสียง
“ระวังนะ มันอันตราย ท่านอาจจะตายได้ กลับมาเถอะ ท่าน”
ระยะห่างของพวกเขาไกลเกินกว่าที่ บัคบิกจะตะโกนเรียกทัน ในขณะที่ อสูรจักรกลนั้น เคลื่อนที่มาอย่างรวดเร็วหมายเอาชีวิตน้อยๆ ของเต่าตัวหนึ่ง อสูรตัวนั้นถูกปรับช่วงล่างมาอย่างดี สีแดงสวยสด ที่น่าแปลกคือ มันมีแสงใต้ท้องรถและ รวดเร็วกว่ารถคันอื่นๆ
“แย่แล้ว อสูรสายฟ้า รีบหลบเร็ว”
เสียงของซันรูก้า ตะโกนอย่างรวดเร็วพรางกับวิ่งด้วยขาทั้งสี่ เข้าไปจับร่างของ บัคบิก เหวี่ยงออกนอกถนน เสียงดังครัด ของเกียร์รถ ประสานกับเบรคมือ ทำให้ยางที่ครูดกับถนนเป็นรอยควันขึ้นมาอย่างเด่นชัด แรงกระแทกเข้าสู่ร่างของซันรูก้าอย่างรวดเร็ว แม้จะเป็นปลายท้ายของกระโปรงหลัง เมื่อชนสิ่งที่เล็กกว่า และมีโครงน้ำหนักก็เปรียบได้ดั่งกระสุนพุ่งตรงดิ่งเข้าที่กลางหัวใจ ร่างเล็กๆ ปลิวสะบัดกระแทกกับต้นสนที่อยู่ไกลไป10เมตรทำให้แม้ว่าจะชะเง้อคอมองก็ก็ไม่เห็นร่างของซันรูก้า และอสูรร้ายนั้นก็ขับผ่านไปแบบไม่สนใจใยดีเลย บัคบิก และบัคไวท์ที่เพิ่งจะได้สติต่างวิ่งไปตามทางที่ซันรูก้ากระเด็นไปนั้นอย่างรวดเร็ว
“ซันรูก้า เป็นอะไรรึเปล่า!!”
เสียงของ บัคบิกตะโกนเรียกจาก เนินที่มีความสูง ก่อนถึงพุ่มไม้ที่ ร่างของ ซันรูก้าตกลงไป
“เราต้องรีบลงไปช่วยเขาแล้วล่ะ จับเชือกข้าไว้ให้แน่นๆ ข้าจะลงไปเอง”
บัคไวท์ ยื่น ปลายด้ายด้านหนี่งไว้ และค่อยๆ หย่อนตัวลงมายังพุ่มไม้ที่ซันรูก้าอยู่ก็พบว่า เอวของซันรูก้ามีการแตกหักและร่างนั้นแน่นิ่งมาซักพักหนึ่ง เขาจึงหยิบ เครื่องปฐมพยาบาลส่วนหนึ่งที่เอามาจากบ้าน และใช้บางส่วนของผ้ามัดดามกับกิ่งไม้แถวนั้นเพื่อปฐมพยาบาลเบื้องต้น เขาพาร่างนั้นขึ้นมาตามเส้นด้ายเรื่อยๆ
“ข้าเสียใจด้วยนะ เจ้ากระรอกน้อย แต่ข้าทำได้แค่นี้แหละ ข้าทำได้เพียงยิ้อเวลาชีวิตเท่านั้นเอง”
“ไม่จริง บัคไวท์ ท่านเป็นผู้วิเศษ บอกข้ามาสิ ท่านโกหกข้า”
“เฮ้ เจ้ากระรอก บางครั้งเวทมนย์ก็ไม่ได้ช่วยทุกอย่างเสมอไปหรอกนะ”
บัคบิกซึ่งมองดูร่างของ ซันรูก้าซักพักหนึ่งก็ พูดออกมาว่า
“เราต้องกำจัดมัน เจ้าอสูรสายฟ้า”
“เดี๋ยวนะ เจ้าจะบ้ารึเปล่า ทำยังไงล่ะ เจ้านั่นมันเหล็กทั้งตัวแถม เราตัวแค่นี้สู้กับมันไม่ได้หรอก”
“ได้สิ ก็ของทุกอย่างเรามีพร้อมอยู่แล้วนี่เราเพียงแค่รอโอกาสเท่านั้นเอง ข้ามีความคิดดีๆ อย่างน้อยก็ไม่ได้ทำให้ ซันรูก้าต้องตายเปล่า ข้าขอแค่ ช่วยหาของตามที่ข้าต้องการหน่อยจะได้ไหม ท่านบัคไวท์”
บัคบิก ยื่นกระดาษที่ถูกจดด้วยของหลายๆอย่าง ทั้ง เชือกที่มีความหนา กิ่งไม้ ก้อนหิน และอีกหลายๆอย่างด้วยกัน เมื่อ บัคไวท์อ่านจบ ก็พอเข้าใจแผนการ ของ บัคบิกโดยทันที
“เจ้าจะทำป้อมปืนรึ”
“หรือท่านไม่มีปัญญาทำกันแน่ ผู้วิเศษ!”
เสียงของบัคบิก ทำให้ บัคไวท์ขมวดคิ้วเข้าหากัน ใบหน้าของเขาซึ่งเต็มไปด้วยสีแรงระเรื่อกับควันกลุ่มเล็กๆที่ออกจากหูของเขา เขาไม่เคยคิดว่าจะไล่ตาม กระรอกขี้กลัวอย่างบัคบิก แต่ตอนนี้เขากลับไม่เข้าใจว่า กระรอกตัวน้อยที่เขาพูดเชิงดูถูกตลอดกลับคิดอะไรบางอย่างออก
“ได้งั้นเรามาทำ ป้อมปืนกัน”
บัคไวท์จัดแจงหาของต่างๆเพื่อประกอบเข้ากันและใช้สายโยงจากเถาวัลย์ ที่มัดรวมกัน เพื่อเป็นป้อมจุดในการยิง มันมีความเหนียวพอจะยื้อกิ่งไม้ที่มีความเหนียวในระยะหนึ่ง เขากะประมาณ ให้พองอได้ในระยะการยิงสู่ ถนน บัคบิก หยิบ ก้อนหิน ขนาดประมาณตัวของเขาวางไว้ยังศูนย์ยิงกลางทิศ ที่เขาต้องหาขนาดใหญ่เพื่อที่จะให้มีน้ำหนักในการประทะนั้น
“เอาล่ะ ข้าว่าท่านน่าจะเอียงเล็กน้อยเพื่อให้ได้องศาซักนิดระยะกำลังพอดี จากนี้เราแค่รอเวลาในการเปิดฉาก”
บัคบิก และบัคไวท์เดินลงมาจากจุดเตรียมเครื่องยิง ในขณะที่ บัคบิก ยังคงนั่งเฝ้าดูอาการของ ซันรูก้า
“เขาไม่รอดแล้วล่ะ บัคบิก ทำใจซะเถอะนะ”
บัคบิก ถอนหายใจ เพราะรู้ว่าสิ่งที่ตนทำได้คือ การจัดการกับอสูรเหล็ก และ เดินทางไปช่วยเจ้าหญิง เป็นเป้าหมายหลัก ดังนั้นเมื่อจัดการได้ เขาก็คงต้องรีบรุดไปยังจุดต่อไป ขณะที่กำลังนั่งพักอยู่นั้น เขาก็ได้ยินเสียงพื้นที่เริ่มสั่นสะเทือน และเสียงของล้อรถที่ ครูดไปตามถนนนั้น
“มันมาแล้วล่ะ เตรียมตัวให้พร้อมเถอะ บัคบิก”
บัคบิก ขึ้นประจำตำแหน่งยิง มอง กิ่งไม้ด้านหน้า ดั่งเช่น นักล่าชั้นยอดที่กำลังรอคอยเหยื่อมาติดกับ เหงื่อเริ่มไหลริน และมือกำ เถาวัลย์แน่น
“ใกล้แล้วๆ มันใกล้เข้ามาแล้ว ถ้าข้าสั่งยิง ยิงได้เลยนะ ท่านบัคไวท์”
บัคบิก หันปลายป้อมปืน ไปยังทางทิศที่กำลังจะขับมา เพื่อเพิ่มแรงประทะ ในขณะที่รถใกล้เข้ามาถึงทุกที จนได้ระยะยิงเต็มที่ บัคบิกตะโกนสุดแรงและดึง เถาวัลย์ ซึ่งก่อเกิดสัญญาณให้ บัคไวท์ กัดเชือกจนขาด
“ยิง!!”
สัญญาณนั้นดังขึ้นพร้อมกับ กระสุนที่ถูกดีดออกไปประทะ กับกระจกหน้าของรถ ทำให้เกิดการแตกขึ้น รถเสียหลัก พลิกคว่ำ พุ่งเข้าชนกับต้นไม้อย่างรวดเร็ว
“ทำได้ เราทำได้แล้ว บัคไวท์ ข้าทำสำเร็จ ข้าปราบอสูรสายฟ้า เห็นไหม”
“เจ้าเก่งจริงๆ สหายข้า บัคบิก”
“เดี๋ยวก่อน!! ท่านเรียกชื่อหา และท่านยังบอกข้าว่าสหาย”
บัคไวท์ หน้าแดงระเรื่อ พรางงหันหน้าหนีกลบเกลื่อน
“เรารีบไปกันได้แล้วล่ะน่า ช่างเรื่องนั้นเถอะ”
บัคบิก กับ บัคไวท์ เตรียมตัวที่จะข้ามถนนลาสวิล หนังจากที่ดูวี่แววแล้ว ไม่น่าจะมี พวกรถสวนมาอีกจนกระทั่งมี อสูรตนหนึ่ง สีขาวและสำสลับกัน มันเหมือน อสูรเหล็กตนอื่นๆ เว้นแต่เพียง ไซเรน ดังอย่างต่อเนือง พร้อมสัญลักษณ์ตัวเลข อสูรคันนี้มีพวกยักษ์ออกมาจากตัวคัน และกำลังเดินเข้าไปหาอสูรอีกคัวหนึ่ง
“ช่วยด้วยครับ คุณตำรวจ ผมโดนแก๊งปาหิน ปาใส่รถของผม”
ชายยักษ์สวมสูทดูชราแถมห้องทองคำไว้ที่คอ ผิวสีคล้ำดั่งช็อกโกแลตงามและสวมแว่นกันแดด กำลังโวยวายกับ ชายในเครื่องแบบ ทั้งสองคนเดินเข้ามาพร้อมกับใส่กุญแจมือให้กับ ชายสวมสูท
“แต่คุณขับรถผิดกฏหมายก็สมควรแล้วนี่ครับ แถมยังขโมยรถเขามาอีกไปคุยกันที่โรงพักเถอะครับ เจ้าหน้าที่ ฟอร์ด ผมอยากให้คุณปิดถนนเขตนี้เพราะเป็นเขตอันตรายและวางเวรควบคุมพื้นที่จุดนี้ด้วย”
เจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบทำงานอย่างรวดเร็วจึงมีเวลาให้ บัคบิก และ บัคไวท์ เล็ดลอดข้ามผ่านทางมา แต่ บัคไวท์หยุดเดินก่อนที่จะถึงขอบถนน
“บัคบิก เมื่อสุดเขตจากตรงนี้ไป ก็เกินกว่าสถานที่ที่นายเคยรู้จักแล้วนะ นายแน่ใจนะที่ว่าจะเดินทางต่อ นายจะหันหลังกลับก็ยังทันนะ จากเหตุการณ์เมื่อซักครู่นายก็น่าจะเห็น การผจญภัยนายต้องเจอกับอันตรายอีกหลายอย่าง นายพร้อมจะรับชัตากรรมแล้วรึยังล่ะ?”
บัคบิกหลุดเดิน สายฝนเริ่มร่วงโรย ในขณะที่คิ้วของบัคบิก เริ่มชิดเข้าหากัน เขากำมือแน่นก่อนจะตอบออกไปว่า
“มีหลายๆสิ่งที่ผมยังไม่ได้เรียนรู้ มีอีกหลายเรื่องที่ผมอยากลองค้นหาดู มันเป็นประสปการณ์ที่สำคัญ และทำให้ผมแข็งแกร่งขึ้น อาจจะเหตุการณ์ ดั่งเช่น คุณ ซันรูก้า แต่ผมก็ตัดสินใจแล้วว่า จะช่วยเจ้าหญิงให้ได้ครับ ผมจะไม่หันหลังกลับไปอีกแล้ว”
“ถ้านั่นเป็นคำตอบของนาย ก็ดี บัคบิก มาร่วมผจญภัยกันเถอะสหาย”
“เช่นกันครับคุณ บัคไวท์”
ทั้งคู่จึงเดินข้ามผ่านถนนลาสวิล มาอย่างปลอดภัย........
ความคิดเห็น