ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My Love will last forever รักของฉันคือเธอตราบนิรันดร์

    ลำดับตอนที่ #1 : ยินดีต้อนรับโรงเรียนมหาซวย!!!!!!

    • อัปเดตล่าสุด 9 พ.ย. 51


    ชั้น...ขอโทษ

    ...

    ฮือ...ได้โปรด คาโอรุ...ด่าชั้นก็ได้ เธออย่าเป็นแบบนี้เลยนะ..อึก

    ...

    ฮือ...ชั้นขอโทษ...

    ...............

    ชั้นคือทาเคยูชิ  คาโอรุ 16 ปี 

    ที่เรียนปัจจุบัน:อยู่ห้อง 10/13 ห้องมหาซวยแห่งโรงเรียนบาสุโองาเซะ 

    อดีตและปัจจุบัน:  ไม่มีแฟน  อนาคต:หาแฟนต่อไป

    นิสัยส่วนตัว:เจ้าน้ำตา  ส่วนใหญ่แปรเปลี่ยนไปตามอารมณ์

     


    ชั้นเพิ่งย้ายมาเรียนที่นี่เป็นครั้งแรกเพราะเกิดเรื่องนิดหน่อยกับที่เรียนเก่า  แฮะๆ  คุณอยากรู้เหรอคะว่ามีเรื่องอะไร  แต่ตอนนี้ชั้นขอเก็บไว้เล่าทีหลังก็แล้วกันนะ  แค่เรื่องบางเรื่อง การที่จะรื้อมันขึ้นมาแล้วบรรยายเป็นคำพูดมันช่างยากลำบากเหลือเกิน  อย่าเพิ่งโมโหสิคะ  ถ้าไม่ทำแบบนี้ มันก็ไม่ใช่ความลับส่วนตัวกันพอดี เหอๆ...

     

    ชั้นก้าวสู่โรงเรียนแห่งนี้ในวันจันทร์ซึ่งเป็นวันที่จะนำความซวยที่สุดในชีวิตมาสู่ชั้น (และชั้นก็เชื่อมั่นว่ามันก็เป็นอย่างนั้นนะ!) เพราะชั้นไม่เคยลืมวันจันทร์มหาวิปโยค เมื่อนานมาแล้ว ชั้นสอบตกสองวิชาในคราวเดียวกัน สะดุดขั้นบันไดล้มก้นจ้ำเบ้า  ลืมเอาการบ้านที่อุตส่าห์นั่งทำทั้งคืนมาส่ง ต้องโดนโขกสับสารพัด  และทั้งๆที่ไม่ได้คะแนนอะไรอยู่แล้วยังต้องถูกหักคะแนนความประพฤติอีกต่างหาก  พอกลับมาถึงบ้านยังโดนหนามตะบองเพชรทิ่มมือทำให้ไปวาดรูปไม่ได้

    โออออ+มายกอดดด อะไรมานจาซวยขนาดนี้ฟระ!!!!!



     

    ปกติแล้ววันจันทร์ชั้นจะไม่ออกจากบ้านเป็นอันขาด  ถึงมันจะมีเรียนก็เถอะ (ดูมันบ้า) ในวันที่ย้ายโรงเรียน  ครูใหญ่ที่นี่ให้ชั้นมาเรียนในวันจันทร์วันนี้ได้เลย  ซึ่งมามาใหญ่ก็บังคับขู่เข็ญให้ชั้นมาให้ได้ (มามาใหญ่คือแม่บังเกิดเกล้านั่นแหละค่ะ แต่ชั้นชอบเรียกแบบนี้ เพราะมามาใหญ่จริงๆ  แฮะๆก็น้ำหนักตัวนะสิ  คิดอะไรไปได้) มามาบอกว่าถ้าไม่มาวันนี้ก็กลับไปเรียนโรงเรียนเก่าซะให้มันรู้แล้วรู้รอดไป  ส่วนชั้นที่กำลังค้านหัวชนฝาก็ได้แต่กระพริบตาปริบๆเอาหัวออกมาจากฝาและเดินถอยกลับไปตั้งหลักที่ห้อง  พร้อมกับพึมพำเบาๆว่า ย้ายออกมาแล้ว  ใครจะกลับให้โง่ (อีกเหตุผลหนึ่งของชื่อมามาใหญ่ก็คือ  มามาใหญ่ที่สุดในบ้านนั่นเอง)  แต่ความเป็นมามาก็อุตส่าห์ได้ยินและตะโกนดังๆ  กะว่าอยากให้ลูกทุรนทุรายให้ได้ว่า

    พรุ่งนี้แกต้องตื่นหกโมงเช้า  แล้วมามาจะทำข้าวเช้าอร่อยๆให้ทานเองนะจ๊ะ  โฮะๆๆๆ  และแล้วมามาก็กระโดดแบบบัลเล่ออกไป (ช่างกล้าจังนะมามาเรา หุๆๆ)

     

    อืม...อันที่จริงแล้วชั้นก็ทุรนทุรายมาตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้วว่าจะต้องทานฝีมือมามา (ฮือๆๆๆๆ-เสียงสะอึกสะอื้นคนเดียวอยุ่ในห้อง) โถ่...ฝีมือมามาก็คงมีแต่ปาปาเท่านั้นแหละค่ะที่ทานลง  แล้วอาทิตย์ที่ผ่านมา  มามาไปลงคอร์สทำอาหารมา  ซึ่งมามาก็ดูจริงจังกะมันมากทีเดียว  และคนที่ซวยที่สุดก็คือปาปา  ที่ต้องทนชิมกับข้าวของมามาตลอดอาทิตย์เลยทีเดียว (สงสารปาปาจัง)

     

    ชั้นผ่านอาหารเช้าหฤโหดมาได้  ดูท่าว่าคอร์สของมามาคงจะสอนได้ดี  เพราะรสชาติกับข้าวของมามาใช้ได้ขึ้นมาบ้าง  หลังจากที่แมวอย่างชั้นดมกับข้าวพวกนั้นมาแล้ว  ก็รีบวิ่งปรื๋อ+ออกมาจากบ้าน   วันนี้ปาปาติดประชุมเลยมาส่งลูกสาวสุดที่รักอย่างชั้นไม่ได้  ทั้งที่ปกติแล้วปาปาจะเห่อโรงเรียนใหม่ของชั้นมากที่สุดอยู่แล้วเชียว  ปาปาจะส่งชั้นถึงโรงเรียนในวันแรกแบบไก่ไม่ต้องโห่เลยล่ะค่ะ   เห็นไม๊ล่ะว่าวันจันทร์เป็นวันซวยของชั้นเลยจริงๆ  

     

    ในเมื่อชั้นต้องไปโรงเรียนเอง   ตอนนี้ชั้นก็กำลังวิ่งอยู่อ่ะ  ตึก-ตัก  ตึก-ตัก เสียงฝีเท้าของชั้นกระทบพื้นดังไปทั่วบริเวณที่วิ่งผ่าน 

     

    ทั่วเขตนี้แทบไม่มีใครจะตื่นแต่เช้าออกมาเลย  ฟ้าเพิ่งเริ่มสว่างเท่านั้นเอง  พอพ้นออกมาจากเขตบ้านของชั้น  ชั้นก็เพิ่งสังเกตเห็นคนกลุ่มหนึ่งวิ่งเลี้ยวออกมาจากซอยแคบๆ  ชั้นเพ่งมองออกไปเพราะอยากรู้ว่าใครกันนะมาวิ่งกะชั้นด้วยนี่  อ้อ...เป็นพวกนักมวยในยิมในเมืองชั้นนะเองแหละค่ะ  พวกเค้ามากันประมาณสิบกว่าคนกำลังวิ่งสวนชั้นไป  มีคนหัวแหลมวิ่งนำหน้า  ท่าทางฟิตน่าดู  ส่วนอีกหลายๆคนที่วิ่งอยู่ข้างหลังก็ห่อตัวเล็กน้อยเพราะความหนาว  หนึ่งในนั้นโบกมือให้ชั้นด้วย   แล้วชั้นก็ยิ้มพร้อมกับโบกมือตอบไป  ไม่นานคนพวกนั้นก็วิ่งห่างชั้นมาเรื่อยๆ  ทั่วเมืองสำหรับชั้นก็เงียบลงอีกครั้งแล้ว

     

    ตึก-ตัก ...ตึก-ตัก  ชั้นเองก็ได้แต่ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งต่อไปและกำลังจะวิ่งตัดเข้าไปในมุมซอยแห่งหนึ่งที่คุ้นเคย  โดยหารู้ไม่ว่า  

          โว้ยยย!!!!  อาไรกันเนี่ยยยย....

    ชั้นอุทานเสียงหลงเมื่อในขณะที่ชั้นเลี้ยว  ดันมีรถจักรยานพุ่งสวนทางออกมา   ทำเอาชั้นกระโดดหลบอย่างฉิวเฉียด 

    ฟู่... เกือบได้เจ็บตัวแล้วสิเรา

    ชั้นถอนหายใจอย่างโล่งอกและพูดในใจ  ทันใดนั้น  ไอ้คนขับรถจักรยานเจ้ากรรมนั่นหักแฮนจักรยานเสียงดังเอี๊ยดจนมั่นมือ  แล้วก็จับตัวรถกลับหัว  พาดไว้ที่บ่า (เบาขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย?)

         

     

    ไม่เป็นไรใช่ไหม เสียงต่ำๆทุ้มๆ  และหนักแน่นเปล่งออกมาจากริมฝีปากบางเบา

          อืม... ชั้นตอบและหันหลัง  ตั้งท่าจะวิ่งออกไปอีกครั้ง  โดยไม่สนใจคนที่อยู่เบื้องหลัง

          เฮ้เธอ  เดี๋ยวสิ เสียงนั่นดังขึ้นข้างหลังชั้นอีกครั้ง  นายนั่นเดินมาที่ชั้นซึ่งขณะนี้ได้เริ่มออกก้าวไปได้แค่สองสามก้าว  ชั้นชะงักฝีเท้าและมองมาที่ต้นเสียง  (ซึ่งจักรยานที่ยังไม่ถูกเอาลงมาจากไหล่ก็ไม่ได้ทำให้เจ้าของร่างรำคาญความเกะกะแม้แต่น้อย  ท่าจะไม่หนักจริงๆแฮะ)

          มีอะไร? ชั้นถามสั้นๆด้วยเสียงเรียบๆ  ถึงกับทำให้นายนั่นขมวดคิ้วน้อยๆเพราะเสียงห้วนๆของชั้น

          เธออยู่โรงเรียนเดียวกันกับชั้นนี่นา นายนั่นชี้มาที่เครื่องแบบนักเรียนของชั้น  ส่วนชั้นก็ได้แต่ขมวดคิ้วใส่แทนคำถามว่าทำไม

          ก็ถ้าเธอจะไปโรงเรียนล่ะก็   เธอคงไปทางนี้ไม่ได้แล้วล่ะ  ทางข้างหน้ามันซ่อมอยู่  ถ้าไม่เชื่อจะเดินไปดูก็ได้นะ นายนั่นถามหยั่งเชิง

          จริงเหรอ? ชั้นถาม  วันนี้มันวันซวยของชั้นจริงๆด้วยแฮะ

     

    ชั้นหมุนตัวกลับ  เพื่อเดินไปทางเดิม   แม้ว่าทางลัดนี่จะช่วยย่นเวลาไปได้ตั้งเกือบครึ่งเชียวนะ  แหม ถึงชั้นจะเพิ่งย้ายมาเรียนที่โรงเรียนใหม่  แต่ทางแถบนี้ชั้นก็ชำนาญนะคะ   ชั้นกำลังจะวิ่งอีกครั้งแต่เสียงๆหนึ่งก็ดังขัดขึ้นซะก่อน

          นั่นเธอจะซ้อมวิ่งไปโอลิมปิครึไง  อะไรๆก็วิ่งอยู่ได้ ชั้นหันหลังควับอย่างฉุนจัด  และมองร่างสูงที่เพิ่งเปล่งเสียงออกมาเมื่อกี้อย่างเอาเรื่อง   นายนี่มันน่าโมโหจริงๆ

          แล้วนายมีไรกะชั้น  ยุ่งกับการมุ่งสู่เหรียญทองโอลิมปิคของชั้นทำไม ชั้นแผดเสียงลั่นอย่างโมโหเพื่อแดกดันคำพูดจิกกัดของนายนั่น  ส่วนนายนั่นก็หัวเราะหึๆ พลางเอาจักรยานวางลงกับพื้น   นายนั่นมองสบตากับชั้นที่จ้องหน้าอย่างไม่วางสายตา (และกำลังพยายามส่งกระแสจิตอันอาฆาตไปให้นายนั่นด้วย)

          ก็ถือว่าชั้นจะชดใช้ให้ที่เกือบชนเธอด้วยการไปส่งที่โรงเรียนแล้วกัน  คงไม่ขัดจังหวะเส้นทางโอลิมปิคของเธอเท่าไหร่หรอกมั่ง? นายนั่นกลั้นอาการขำอย่างเห็นได้ชัด  มันน่าโมโหจริงๆ ชิ!!

     

    ชั้นมองหน้านายนั่นด้วยตาเขียวปัด   และกระโดดขึ้นนั่งที่เบาะหลังอย่างชำนาญเพราะปาปาเคยพาชั้นขี่จักรยานบ่อยๆ  อิๆ แม้ว่าจะเหม็นหน้านายนี่แต่ยังไงก็ดีกว่าเดินไปเองตั้งเยอะแน่ะ (บ๊าย บาย  เส้นทางโอลิมปิคของช้านนนน...)

     

    นายอะไรก็ไม่รู้ (ก็ชั้นไม่รู้จักชื่อเค้านี่นา) ขี่จักรยานโดยมีชั้นติดสอยห้อยตามและกำลังเกร็งมือที่ขอบเอวนายนั่นไว้แน่น   สองข้างทางมียูนิฟอร์มแบบเดียวกับชั้นเริ่มหนาตามากขึ้น  มีกลุ่มนักเรียนหญิงบางกลุ่มที่มองหน้าชั้น  แต่ก็ไม่รู้ว่าชั้นจะสนใจทำไมนี่นา  เอาล่ะ  ตอนนี้พยามยามเอาตัวให้รอดตายจากการโดนเหวี่ยงออกจากจักรยานคันนี้ก่อนดีกว่า   นายนี่มันขี่จักรยานภาษาญี่ปุ่นรึเปล่านะ  ทำไมมันช่าง....เอ่อ

     

    ชั้นโดนเหวี่ยงไปมาตลอดไม่หยุด  แต่มือตุ๊กแกอย่างชั้นก็เหนียวหนึบไม่หลุดง่ายๆหรอกน่า  ฮุๆๆ (ภูมิใจในตัวเองเหลือเกิ๊น~)  เส้นทางสู่ประตูโรงเรียนก็เป็นทางคอนกรีตอย่างดี  ไม่ได้เป็นหลุมเป็นบ่อตรงไหนเลยแม้แต่น้อย  แต่นายนี่ก็ขับปาดซ้ายป่ายขวา หรือว่าจะหลบศพแมลงสาบ (อาจจะใช่ เพราะชั้นไม่เห็นศพหมาน้อยเลยแม้แต่ตัวเดียว  โอ~แมงสาบทั้งหลายจงไปสู่สุขคติด้วยเทอญ  สาธุ)

     

    เสียงเฮฮาดังสนั่นอยู่ข้างหน้าของเรา  ชั้นแอบชะโงกหัวไปจากหลังกว้างๆของนายนี่เพราะแค่อยากรู้ว่าใครกันนะเสียงดังจัง?  ภาพเบื้องหน้าคือกลุ่มนักเรียนชายหลายสิบคนกำลังหยอกและเปล่งเสียงหัวเราะลั่นเลยอ่ะ  แต่? ทำไมชั้นรู้สึกว่าไอ้นายจักรยานนี่กำลังพุ่งไปใส่พวกกลุ่มนี้นะ  อืม... แฮะๆสงสัยคิดไปเอง  แต่....  รถจักรยานถูกเบี่ยงไปเต็มพิกัด ความเร็วเพิ่มขึ้น  สังเกตเห็นได้ง่ายๆจากขาทั้งสองข้างที่สับถี่ยิบ ห่างกันไม่กี่เซ็น  ถ้าจะหักหลบคงไม่ทันด้วยความกว้างแค่นี้

         

     

          ว้ากกกกกก (เสียงตะโกนในใจค่ะ  เพราะชั้นไม่กล้าทำอะไรเลยนอกจากนั่งตาโต  เตรียมลงไปกองกะพื้นอย่างยอมรับชะตากรรม)

          เฮ้ยยย!” เสียงคนหนึ่งในกลุ่มอุทานเตือนคนอื่นในกลุ่ม  ทุกการกระทำหยุดขะงักในเวลาไม่กี่เสี้ยววินาที   ทันใดนั้น....   ทุกคนก็แตกฮือเหมือนนกพิราบ  และกระจัดกระจายไปเพื่อหลบทิศทางของรถ

     

    นายจักรยานก็ฝ่าไปพร้อมกับหัวเราะกร๊ากกก... ฮ่าๆๆๆ (แบบไม่รู้ว่าจะสะใจไปถึงไหน) มีเสียงสถบกับคำด่าหยาบคายหลุดออกมาจากปากกลุ่มนักเรียนชายกลุ่มเมื่อกี้  มือที่ยังเกร็งแน่นของชั้นก็ยังเกาะหนึบ  แต่ชั้นก็ยังไม่วายเหลียวกลับไปมองอย่างเสียวสันหลังวาบๆ

          ไอ้หมาน้อยริวจิ แกอยากตายมากนักรึไงวะห๊า มีคนแผดเสียงดังลั่น  เป็นวินาทีที่ชั้นสบตากับหมอนั่นพอดี

          ... นายคนที่เรียนนายจักรยานว่าหมาน้อย  และชั้นเงียบไปชั่วขณะ  ชั้นหันหน้าควับมาจ้องแผ่นหลังนายจักรยานอีกครั้ง

          วิ้วๆๆๆ นายจักรยานที่ยังไม่รู้สึกรู้สาอะไร  เปล่งเสียงเหมือนเด็กออกมาอย่างร่าเริง (การไปกวนหน้าแข้งคนอื่นมันอารมณ์ดีอย่างงี้เองเหรอเนี่ย?)

     

    นายนั่นถีบจักรยานมาด้วยความเร็วคงตัวไปเรื่อยๆ   ใกล้ถึงโรงเรียนทุกทีทุกทีแล้ว  นักเรียนเริ่มมากขึ้นกว่าเดิม   เสียงคุยกันจ้อกแจ้กจอแจและเสียงทักทายอรุณสวัสดิ์ดังไปทั่ว   นายนั่นผ่อนฝีเท้าลง  และจอดสนิทที่ริมหน้าประตูโรงเรียน  ชั้นก็เลยกระโดดลงโดยไม่หันกลับไปมองคนมาส่งแม้แต่วินาทีเดียว   รอบข้างมีคนอื่นๆที่ชั้นไม่เคยรู้จัก  และกำลังจะมาพบ  ทุกคนที่ผ่านประตูเข้าไป  อาจมีซักคนที่จะมาเป็นเพื่อนของชั้นก็ได้ 

     

    ริมฝีปากบางใส  แย้มออกมาเล็กน้อยและเริ่มก้าวเข้าสู่โรงเรียนใหม่ด้วยความมั่นใจของชั้น   รู้สึกตื่นเต้นจังเลยแฮะ!   ชั้นเริ่มกระโดดไปอย่างร่าเริง

          เฮ้ยเธอ เดี๋ยวสิ  อย่าเพิ่งไป เสียงนายจักรยานตะโกนไล่หลังชั้น   แต่คนย่างชั้นนะรึจะสน  ก็นายนี่มันทำให้ชั้นอารมณ์เสียมาตั้งแต่เช้านี่นา   แสดงว่าต้องเป็นตัวขัดโชคของชั้น  เพราะฉะนั้น  เราคงจะอยู่ใกล้กันไม่ได้อีกแล้วล่ะ  ลาก่อนน้า~ นายจักรยาน....

     

    ชั้นตั้งท่าก้าวด้วยขาซ้าย  เพราะมีคนบอกว่ามันจะเป็นการปัดเป่าความชั่วร้ายออกไปจากตัว (ก็วันนี้มันวันแสนซวยของชั้นนี้นา) แล้วก็โค้งทำความเคารพอาจารย์หน้าโรงเรียนอย่างนอบน้อมสุดๆ   เมื่อกวาดสายตามองไปรอบๆตัว  ชั้นก็ได้พบกับอาคารสีขาวสูงตระหง่าน  ระหว่างรั้วโรงเรียนด้านหน้ากับอาคารกั้นขวางด้วยลานขนาดกว้าง   มีทางเดินหินอ่อนปูลาดยาวเหยียดถึงตัวอาคาร  ริมเส้นถนน  ปรากฏต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาซึ่งกำลังไหวเอนไปมาเพราะสายลมพัดหวีดหวิว  ราวกับว่ากำลังหัวเราะต้อนรับชั้นยังไงยังงั้น

     

    ชั้นเขย่งก้าวไปตามทาง  ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากหน้าโรงเรียน

          เฮ้  อาจารย์  จะทำอย่างงี้กะผมไม่ได้นะครับ  แค่ให้ผมเข้าไปก่อนไม่ได้รึไงเล่า.... เสียงของนายหมาน้อยริวจิ (หมาน้อยริวจิ = นายจักรยาน = นายอะไรก็ไม่รุ = นายนั่น นั่นแหละ) ที่ถูกขัดไปด้วยเสียงของอาจารย์ผู้คุมว่า

          ไม่ได้  เธอจะเอารถเข้าไปขี่เล่นในโรงเรียนไม่ได้  เธอต้องเอาไปเก็บไว้ที่โรงเก็บรถทางด้านนู่น  ไม่งั้นก็ไม่ต้องเข้า!!” เสียงเฉียบขาดของอาจารย์  ก็ทำเอาคนที่ได้ยินรู้สึกเย็นวาบไม่ได้แฮะ   แต่ดูท่านายหมาน้อยริวจิจะไม่ยอม  และพยายามเอะอะต่อไป...

    ชั้นเดินห่างออกมาเรื่อยๆและฮัมเพลง When you’re gone ของ Arvril Lagvin เพลงโปรดของชั้น

     

    คริๆ...

    ชั้นเปล่งเสียงหัวเราะคิกคัก  จนคนข้างๆเหลียวมามอง  เหอๆ เค้าอาจจะอยากรู้ว่าชั้นเป็นอะไรก็ได้  (หรือเค้าอาจจะมองว่าชั้นเป็นบ้ารึเปล่า???  อะไรประมาณนั้น)  ชั้นหันไปยิ้มให้กับคนอื่นๆรอบตัว  แต่พวกเค้าก็มองหน้ากันสลับกับชั้นอย่างงงๆ (สงสัยเค้าจะเริ่มมั่นใจแล้วว่าชั้นบ้าจริงๆ)

    ระยะห่างของตัวชั้นกับอาคารเริ่มสั้นขึ้นเรื่อยๆ   เสียงคุยกันจ้อกแจ้กจอแจและการเบียดเสียดก้อเริ่มมากขึ้น   ชั้นยังฮัมเพลงต่อไปจน   แต่แล้วเมื่อชั้นหยุดยืนอยู่หน้าอาคารชั้นก็เพิ่งระลึกได้ว่าชั้นลืมอะไรไป  ....

     

    ก็ชั้นยังไม่รู้เลยนี่นาว่าที่ไหนเป็นที่ไหนบ้าง   แล้วชั้นจะไปห้องครูใหญ่ได้ไงเนี่ย???....

     

    ชั้นยืนอยู่คนเดียวเงียบๆ เพื่อตัดสินใจว่าจะเอาไงดีกับชีวิต (ชีวิตนี้ช่างน่าเศร้า T T)   งั้นชั้นคงต้องถามใครซักคนเพื่อให้ช่วยพาชั้นไป   ชั้นมองรอบๆเพื่อหาใครซักคนเพื่อที่พอจะช่วยเหลือชั้นได้   ทันใดนั้น  ชะแวบบบ... มีเด็กผู้หญิงที่ดูจะอายุรุ่นเดียวกันกับชั้นเดินผ่านมาพอดี  อะฮ่า...

     

    ชั้นก้าวเข้าไปหาเธอ (ทั้งๆที่ขาสั่นเล็กน้อย)   แต่เด็กผู้หญิงผมสีน้ำเงินเข้มคนนั้นดูท่าเหมือนจะรู้ว่าฉันจะเดินเข้าไปหา  เหอๆ และแล้วเธอก็เดินหลบเข้าทางมุมอาคารแทนที่จะเดินเข้าทางด้านหน้าเหมือนคนอื่นๆ (อ้าว+) แล้วชั้นก็ยืนเอ๋ออยู่ต่อไป.... T T

     

    ทำไมชีวิตชั้นช่างโชคร้ายอย่างนี้นะ... ฮือ~

    ขณะที่กำลังยืนบื้อ (เศร้า+เซ็ง+งง+ฯลฯ) อยู่  ก็มีอะไรบางอย่างมาสะกิดด้านหลังชั้น  ชั้นหันกลับด้วยน้ำตาคลอเต็มเบ้า....

    ...

    ~เงียบ~

    อ้าว  นายจักรยานหมาน้อยริวจิ!!X” ชั้นอ้ำอึ้งที่อยู่นายนั่นก็โผล่มาตอนนี้  ด้วยสภาพแบบว่า...เอ่อ  หยั่งกะไปวิ่งไล่ล่าอนาคอนด้าในป่าอะเมซอนมาไงงั้น

    ไม่ต้องเรียกเต็มยศขนาดนั้นก็ได้ -__-” ตอนเช้าชั้นเรียกเธอทำไมไม่รอชั้นก่อน นายนั่นถามเสียงเขียว ส่วนชั้นก็ได้แต่ยืนทำหน้าเจื่อนๆ  ก่อนตอบว่า

    อ่อ ก็... แฮะๆ และชั้นก็ยังนึกข้ออ้างไม่ออก  ก็ใครจะไปคิดเร็วขนาดนั้นล่า เหอๆ

    แล้วนายมีอะไรกับชั้นเล่า  รีบๆพูดมาเร็ว ชั้นก็กำลังไหลไปตามน้ำค่ะ  อิอิ

    เธอชื่ออะไร?

    หือ  ถามชื่อชั้นเหรอ ชั้นย้อนคำถามของนายนั่นอย่างไม่แน่ใจ

    ก็ใช่หน่ะสิ  เธอนี่บื้อจัง

    ชิ++นายนั่นหลอกด่าชั้นซะแล้ว  แง่ง (กะลังมันเขี้ยว)

    ชั้นชื่อทาเคยูชิ  คาโอรุ  แล้วนายมีอะไรอีกไม๊? ชั้นพูดอย่างไม่สบอารมณ์อย่างรุนแรง  นายนี่มันตัวซวยของชั้นจริงๆด้วย

    แล้วชั้นก็ชื่อทาคาดะ  ริวจิ  ไม่ใช่นายอะไรๆนั่นของเธอ ริวจิเอ๋ย  หน้าตานายนี้มันกวนประสาทชั้นจริงๆ  ไปให้พ้นๆหน้าชั้นเถอะ  อยู่ใกล้นายมากกว่านี่เดี๋ยวชีวิตชั้นไม่รุ่ง  ฮือๆ...

    มีแค่นี้ใช่ไม๊  งั้นชั้นไปล่ะ ชั้นกะชิ่งออกมาจากนั่น  และเดินดุ่มขึ้นบันไดมาซะงั้น  ทั้งๆที่ชั้นก็ยังไม่รู้ว่าจะไปทางไหน  เอาน่า  เดี๋ยวก็คงจะหาทางไปได้ล่ะวะ (เข้าข้างตัวเองดีกว่า)

     

    หมับ

    มีอะไรบางอย่างเกาะที่มือชั้น...

    กรี๊ดดดดดดดด........ ชั้นสะบัดมือและหลับหูหลับตาร้องเสียงหลง   จนคนบริเวณนั้นหันมามองอย่างสงสัย

    เฮ้ย!!! เธออย่าเพิ่งร้อง  ชั้นเอง ชั้นเอง เสียงของคนที่ชั้นเพิ่งคุยด้วยเมื่อกี้บอกอย่างร้อนรน   และสติที่แตกไปแล้ว   ก็เริ่มกลับสู่ปกติ  ชั้นเงยหน้าและเปิดตามองเจ้าของเสียง...

    ไอ้บ้าเอ๊ยยยยยย.... ชั้นปาดน้ำตาและด่านายริวจิไปคำหนึ่ง ชิ+++

    ก็เธอจะไปไหนเล่า  บอกก่อนสิ

    แล้วนายจะถามทำไม? ชั้นพูดเสียงห้วน 

    นายริวจิ   แล้วนายจะยุ่งกับชั้นไปถึงไหน???

    ......

     

    ตอนนี้ชั้นกำลังเดินตามนายริวจิไปหาห้องครูใหญ่จนได้   ชั้นมองจ้องแผ่นหลังของนายนั่น   ความจริงนายริวจิก็ไม่ได้สูงกว่าชั้นไปเท่าไหร่เล้ย... (เกือบฟุตเนี่ยนะ??) 

    ที่นี่หล่ะ นายริวจิหยุดอยู่หน้าประตูไม้ขัดมันเงาวับบานใหญ่  แล้วก็หมุนตัวกลับมาที่ชั้น  ส่วนชั้นที่ตั้งหน้าตั้งตาเดิน (และสังเกตอะไรเรื่อยเปื่อย) ก็เกือบชนกับอกกว้างๆของนายริวจิ  ชั้นก้าวถอยหลังแบบอัตโนมัติไปสองก้าว  แต่ก็ยังอยู่ใกล้จนเห็นเส้นคิวสีเข้มเรียงตัวกันสวย  ชั้นเลยตัดสินใจ  ก้าวถอยไปอีกดีกว่า (เหอๆ) ชึบ ชึบ...

     

    ขอบใจมากนะนายริวจิ  ...งั้นก็  บาย ชั้นยกสองมือโบกไปข้างหน้านายนั่นและชิ่งแฉล่บหลบผ่านร่างนายริวจิไป  เคาะประตูห้องครูใหญ่  แต่ชั้นก็ยังรู้สึกได้ว่าสายตาของนายนั่นยังมองตามอยู่

    เชิญ มีเสียงดังตอบลอดผ่านบานประตูกลับมา   ชั้นกำลังเปิดประตูก้าวเข้าไป  แต่ก็ยังไม่วาย  หนกลับมามองนายริวจิอีกครั้ง

    ...  นายริวจิยักไหล่ขึ้นนิดนึงก่อนที่จะหมุนตัวหันแผ่นหลังให้ชั้น  แล้วก้าวห่างออกไป

     

    ชั้นก้าวเข้าไปในห้องครูใหญ่  และปิดประตูเสียงแผ่ว (ที่สุดเท่าที่จะทำได้)  ชั้นมองไปที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่เบื้องหน้า   มีร่างครูใหญ่ป้อมๆกำลังง่วนอยู่กับเอกสารกองโตทั้งบนโต๊ะและใต้โต๊ะ(?)  เมื่อครูใหญ่เงยหน้ามาพบชั้น  ก็ยิ้มและหยุดควานหาเอกสาร  แล้วพูดว่า

          เอ่อ..เธอ?

          หนูเป็นนักเรียนใหม่ที่เพิ่งย้ายมาค่ะ  ไม่ทราบว่าครูทราบแล้วใช่ไหมคะ?

          อ่อจำได้แล้ว  แล้วเธอเรียนชั้นอะไรล่ะ??? อ้าว ไหนบอกว่าจำได้ฟระ  ชั้นจ้องหน้าผากครูใหญ่ที่สะท้อนแสงอาทิตย์เต็มที่ (กร๊ากกกกกกกก...)

          เอ่อ หนูอยู่เกรดสิบค่ะ ผู้ปกครองของหนูบอกว่าคุยกับอาจารย์ใหญ่แล้ว หนูได้อยู่ห้อง 10/13 หน่ะคะ ชั้นตอบไปพลางทำสีหน้าลำบากใจ อะไรหวะเนี่ย ไหนมามาบอกว่าไม่มีปัญหาไงเล่า...

          อ่อ อืม  เข้าใจแล้ว แล้วเธอจะทำยังไงต่อล่ะ? ครูใหญ่มองหน้าชั้นและทำสีหน้างงๆ  ซึ่งไม่ต่างจากชั้นเล้ย คนที่ควรจะถามคำถามนี้ต้องเป็นชั้นไม่ใช่รึไง อ๊ากกกกกก...

          แล้วหนูจะไปเรียนที่ไหนคะ ห้องประจำอยู่ที่ไหน  แล้วครูประจำชั้นเป็นใคร  หนูยังไม่รู้เลยค่ะ? ชั้นย้อนถามแบบเซ็งๆ  ก็นี่มันอะไรกันล่า  ตานี่ใช่ครูใหญ่จริงๆรึป่าววะเนี่ย

          อ่อ.. นั่นสินะ  เชิญเธอนั่งที่โซฟาซักครู่  เดี๋ยวชั้นจะแจ้งครูประจำชั้นให้มารับเธอไป ครูใหญ่พูดจบก็ยกหูโทรศัพท์ข้างๆโต๊ะ  ที่มันโดนกองเอกสารเบียดจนจะตกจากโต๊ะอยู่แล้ว (สังเกตได้จากหูโทรศัพท์  ตกลงมาห้อยอยู่ข้างโต๊ะเรียบร้อยแล้ว  เหอๆ)

          ชั้นนั่งลงอย่างกลัวๆกล้าๆ  และพยายามสำรวจไปรอบๆห้องที่กว้างขวางนี้  ทุกสิ่งทุกอย่างถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ (ยกเว้นโต๊ะทำงานของครูใหญ่)  หน้าต่างบานใหญ่ที่กรุกระจกอย่างดี  มีแสงอาทิตย์ส่องผ่านเข้ามา  ให้ความอบอุ่นในห้อง  เพราะเป็นกระจกที่มีคุณภาพดี  เสียงของการรวมตัวของนักเรียนข้างล่างจึงไม่สามารถผ่านเข้ามารบกวนได้เลย  ที่นี่จึงดูเงียบและวังเวงไปถนัดตา (เพิ่งรู้สึกอ่ะคะ)  แล้วแบบนี้  ร้องดังแค่ไหน  คนข้างนอกคงไม่ค่อยได้ยินเท่าไหร่.....  แล้วนี้ถ้าครูใหญ่เป็นพวกอาจารย์โรคจิตที่แอบพาสาวๆนักเรียน ม.ปลายเข้ามาจุดจุดจุด ด้วยก็คงไม่มีใครรู้   อ้าว...แล้วถ้าอาจารย์คิดจะทำมิดีมิร้ายกะชั้นจะทำไงดีเนี่ย

     

    ชั้นมองไปทางครูใหญ่แบบอัตโนมัติ   และพลันสายตาก็ไปสบกับอาจารย์พอดี   ครูใหญ่ยิ้มให้ชั้น (หรือแสยะยิ้มให้มากกว่า)  ชั้นเหงื่อตก (ชักน่ากลัวแล้วเรา) ก่อนที่จะส่งยิ้มคืนให้ (หรือจะเรียกว่าแยกริมฝีปากมากกว่า)  ซักพักก็มีอาจารย์ผู้ชายคนหนึ่งเคาะประตู  ก่อนก้าวเข้ามาในห้องอย่างช้าๆ

          อ่อ  สวัสดียามเช้าอาจารย์มิอุระ  เชิญๆ  ผมมีนักเรียนใหม่แนะนำให้คุณ อาจารย์ยกร่างป้อมๆของตัวเองขึ้นยืน  และผายมือไม้มาทางชั้นอย่างกระตือรือร้นเป็นพิเศษ

          สวัสดีค่ะ ชั้นยืนขึ้นหลังอาจารย์ใหญ่เล็กน้อย  และโค้งอย่างนอบน้อมไปยังอาจารย์มิอุระ

          สวัสดีครับครูใหญ่  และสวัสดีครับนักเรียนใหม่ อาจารย์มิอุระพูดอย่างสำรวมกับอาจารย์ใหญ่   ช่างน่านับถืออะไรเช่นนี้  เหอๆ...

    ........

         

     

    ชั้นเดินตามหลังอาจารย์ประจำชั้นคนใหม่ออกมาจากห้องครูใหญ่  ซึ่งได้พยายามอธิบายสถานที่นั่น นู่น นี้  ให้ฟัง  ซึ่งชั้นก็ขอยอมรับเลยว่า  ชั้นจำที่ไหนไม่ได้เลยซักที่ (ใครจะไปจำทันฟระ  บอกช้าๆหน่อยไม่ได้รึงาย~) เมื่อก้าวขึ้นอาคารหลังสูงเด่นอีกด้านหนึ่งของโรงเรียน  ชั้นจับใจความจากเสียงของอาจารย์มิอุระได้สั้นๆว่า  ที่นี่คือห้องเรียนประจำของห้อง 10/13  เมื่อเดินขึ้นมาบนตัวอาคาร   ชั้นก็เข้าใจว่าทำไมอาคารนี้จึงเป็นที่สิงสถิตของห้อง 10/13 ‘ที่นี่มันที่รวมห้องเด็กเกเรชัดๆ ที่ผนังมีประติมากรรม  ทั้งคำพูดด่าทอ  ท้าตีท้าต่อยกันทั้งนั้น  บอร์ดกิจกรรม  ก็มีถ้อยคำทุเรศ  น่าเกลียดไปหมด   ชั้นเบือนหน้าหนี   และยิ่งก้าวผ่านไปเรื่อยๆ  ก็พบว่าที่นี่  เป็นอาคารเก็บเฉพาะห้องบ๊วยทั้งนั้น   เสียงหยอกล้อเกรียวกราวดังออกมาจากประตูเลื่อนที่พังแหล่มิพังแหล่  ชั้นใจหายวูบ นี่มันอะไรกัน  ชั้นต้องเรียนรวมกับพวกนี้งั้นหรอ?

     

    ถึงชั้นจะไม่ได้เด่นอะไรมากมาย  แต่การเรียนของชั้นก็ไม่แพ้ใครนะคะ  จะบอกให้  จำได้ว่าคะแนนต่ำสุดของชั้นคือ B-    แล้วนี้ชั้นจะเรียนรอดไม๊เนี่ย

     

    อาจารย์มิอุระ  มาหยุดอยู่หน้าห้องๆหนึ่ง  ซึ่งสภาพก็ไม่แตกต่างจากห้องอื่นเท่าไหร่ 

          ที่นี่แหละ  ห้องเรียนของเธอ  อาจารย์พูดจบก็ผลักบานประตูเลื่อนออกช้าๆ (อย่างระมัดระวัง)   เสียงโห่เกรียวกราวดังสนั่น   อาจารย์มิอุระ  พยายามตะโกนให้ทุกคนเงียบแต่ดูท่าว่าคงจะไม่เป็นอย่างนั้นเลย   ชั้นจึงก้าวเข้าไปในห้อง

    ดูเหมือนความสนใจของทุกคนพุ่งมาที่ชั้นเพียงจุดเดียว   มีเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิงถึงสามเท่า  กลุ่มผู้หญิงที่นั่งกระจายอยู่ทั่วห้อง   มีคนน่ารักอยู่ด้วยซึ่งนับว่าเป็นจุดเด่นของห้องทีเดียว  แต่ขณะนี้เธอกำลังนั่งพิง ซบอยู่บนอกกว้างของคนคนหนึ่ง.....   ผู้ชายที่มีคิ้วสวย   มีแผ่นอกกว้าง  ตัวสูงกว่าชั้นนิดนึง(หรอ?)  และเป็นคนที่มาส่งชั้นพร้อมจักรยานที่หวิดจะคว่ำ.....  ใช่แล้ว  นายริวจินั่นเอง

         

     

    ชั้นเผลอถลึงตามอง  ส่วนนายจักรยาน(ริวจิ) ก้อเช่นกัน  เค้ามองและเลิกคิ้ว(สวย) แปลกๆ อย่างงงๆว่าชั้นมาทำอะไรที่นี่   จนกระทั่งยัยคนสวย(?) ผุดลุกจากอก  และมองหน้านายริวจินิ่งอย่างไม่พอใจ   ก่อนจะเปลี่ยนมาส่งสายตาหวานซึ้ง (ซะเมื่อไหร่) ให้ชั้นแทน
         
    ~เราสองคนกะลังส่งสายตาอาฆาตให้กันอย่างไม่ลดละ~

         

     

    เอาล่ะ   เธอแนะนำตัวกับเพื่อนๆใหม่ในห้องเราสิ อาจารย์มิอุระใช้มือดันหลังชั้นไปยืนเด่นตระหง่านอยู่หน้าห้อง   สายตาชั้นหันกลับมาที่ห้องเรียนอีกครั้ง

          สวัสดีค่ะ   ชั้นชื่อทาเคยูชิ  คาโอรุ  ย้ายจากโรงเรียนสตรีมิซาเคโนะค่ะ ชั้นก้มหัวแนะนำตัวเล็กน้อย   และแล้วเสียงดังกระหึ่มก็กลับมาอีกครั้ง   พวกนี้นี่มันสมาธิสั้นรึเปล่าวะเนี่ย???

          เฮ้ๆ เธอหน่ะ    ทำไมดูตลกจัง  ทำไมหน้าเธอตลกจังล่ะ  ฮ่าฮ่าฮ่า  มีเสียงสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งมันดังแทรกขึ้น   และทำให้คนอื่นๆในห้องร่วมวงหัวเราะจนน้ำตาไหลกันไปข้าง   ส่วนชั้นได้แต่อายจนหน้าแดง   นี่มันด่ากันซึ่งๆหน้าเลยนะเนี่ย  ชิ++ 

    ชั้นที่ทำหน้าบูดบึ้งไปแล้ว   กับคำต้อนรับแบบอบอุ่นของเพื่อนร่วมห้อง  

          ว่าเพื่อนใหม่แบบนี้ไม่ดีนะนักเรียน   เอาล่ะ   มีโต๊ะที่ข้างคาโนะว่างใช่ไหม? ให้เพื่อนไปนั่งด้วยไป อาจารย์มิอุระปรามพวกปากสุนัขไปนิดหน่อย  และชี้มือไปที่ที่นั่งใหม่ของชั้น  ซึ่งใกล้กับผู้หญิงคนหนึ่งในห้อง   และโต๊ะที่ว่ากำลังถูกเธอคนนั้นเอาขายาวๆพาดพิงอย่างสบายอารมณ์  เหอๆ

          ไม่มีค่ะอาจารย์   โต๊ะข้างๆหนูเต็มหมดแล้ว ยัยคนที่ชื่อคาโนะกอดอกตอบอาจารย์เสียงห้วน

          งั้นเธอก็ช่วยเอาขาของเธอลงซักทีสิ  มันจะได้มีที่ว่าง อาจารย์มิอุระตอบอย่างไม่สบายใจ  และดูกังวลใจหน่อยๆด้วย

          ชิ++ ยัยคาโนะพ่นเสียงออกจากปากและทำปากยื่นอย่างล้อเลียน   ก่อนที่จะเอาขาลงอย่างช่วยไม่ได้

    เชอะ++  ใครเค้าอยากนั่งใกล้หล่อนกันยะ   ชั้นเชิดปากขึ้นสูงอย่างหมดอารมณ์  สงสัยวันนี้จะซวยทั้งวันแฮะ   โอ๊ยยยย... เซ็ง

     

          

    ถึงเวลาพักเที่ยง

    เธอๆ ชื่อไรอ่ะ มีผู้ชายตัวสูงโย่ง   กำลังก้มหัวที่ตั้งแข็งเป็นหนามทุเรียนมาที่หน้าชั้น

          เอ่อ...ชั้นชื่อ  คาโอรุ ชั้นเบี่ยงหัวหลบหนามทุเรียนที่กำลังจะทิ่มตาได้อย่างหวุดหวิด (555+) แต่ว่าชั้นเองก็แนะนำตัวไปแล้วไม่ใช่เหรอเนี่ย(?)

          อืม... ชั้นชื่อ  นิชิโกะ นะ จำไว้ นายนั่นพยักหัวหงึกหงัก  และต่อท้ายด้วยการบังคับให้ชั้นจำชื่อให้ได้ซะงั้น (เหอๆ)  ชั้นยิ้มแหยๆ (ก็คนมันงงนี่นา  อารายหว่า?)  แล้วก็ก้มหน้าลงอ่านหนังสือต่อ

          

    เธอหน่ะ  ทำไมคิดมาเข้าเรียนห้องเราฮึ?      มีผู้ชายกลุ่มหนึ่งเดิมมาล้อมโต๊ะ  มีคนหัวแหลมอีกคนทุบโต๊ะชั้นดังปังอีกตังหาก   ส่วนชั้นก็ได้แต่นั่งสะดุ้งและเงยหน้ามองอย่างงงๆ

          ถามก็ตอบดิ  เป็นใบ้รึเปล่าหน่ะ   ทำไมคิดมาเข้าโรงเรียนนี้ล่ะ  แถมยังมาเข้าเรียนห้องนี้อีก มีคนอีกคนในกลุ่มที่ชั้นมองไม่เห็นหน้า   เพราะคนล้อมเริ่มเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ   ชั้นแอบมองหานายริวจิว่ามาอยู่ในกลุ่มคนพวกนี้รึเปล่า  และก็แอบดีใจนิดนึงที่ไม่เห็นเค้าเลย (เย้ๆ ดีใจทำไมฟระเนี่ย)

     

     

          ก้อแล้วยังไงล่า  ชั้นแค่ย้ายโรงเรียนแต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะดวงดีมากกกกก....ขนาดได้มาเรียนห้องนี้หรอก  เข้าใจรึยังล่ะ? ชั้นจ้องกลับด้วยสายตาแข็งกร้าว (แม้ว่าความจริงจะกลัวก็เหอะ) 

          เฮอะ  งั้นหรอ  งั้นขอให้เรียนอย่างมีความสุขแล้วกัน  กลุ่มพวกนั้นตอบชั้น  ไอ้หัวแหลมยิ้มเยาะชั้นแล้วก็หมุนตัวกลับ   อี๋  ถ้าหน้าตาดีจะไม่ว่าอะไรเลยนะเนี่ย (เชอะ ไอ้หน้าตาไม่ดี)

     

    ชั้นหงุดหงิดและอารมณ์เสียมากมากกกกก... คิดว่าตัวเองจะทำตัวเป็นเจ้าถิ่นรึไงเจ้าพวกนั้นหน่ะ   อย่าให้ถึงตาชั้นมั่งละ  ฮึ่ยยย!!!...

          นี่เธอ ยัยคนที่นั่งข้างๆชั้น (หรือยัยคาโนะ)   โยนหนังสือการ์ตูนมาใส่หัวชั้นดังโป๊ก  กระแทกหัวชั้นแบบเต็มๆ  อ๊ายยยยยย...

          ชั้นหันหน้าไปอย่างเตรียมแว้ด  และเอามือกุมหัว  นี่... ชั้นโกรธแล้วน้า~

          เรียกดีๆก็ได้  ทำไมต้องโยนใส่หัวด้วยล่า ชั้นขมวดคิ้วด้วยความไม่สบอารมณ์อย่างรุนแรง

          ทำไม... โมโหรึไงแค่นี้  ชิ++  ชั้นเรียกเธอตั้งหลายครั้งไม่เห็นรู้สึก  เลยหาอะไรกระตุ้นไง???  เป็นไงดีใช่ไม๊ล่ะ ยัยคาโนะกอดอกและยิ้มเยาะที่มุมปากแบบสะใจ  ชั้นส่งกระแสอาฆาตไปและยัยนั่นก็เหมือนกัน (แต่ของยัยนั่นรุนแรงกว่า  อึ๋ย.. น่ากลัวจัง)

          แล้วเธอมีอะไร?ชั้นถามแบบสะบัดเชิด

          ก็ชั้นแค่เรียกเฉยๆ  ยัยเด็กใหม่ ยัยคาโนะสะบัดหางเสียงห้วน และหมุนตัวเดินออกจากห้อง

    อี๋.....  ชั้นทำปากล้อเลียนเธอลับหลัง (เหอๆ)  แล้วก็หันมาหยิบข้าวกล่องจากกระเป๋า

     

    ว้าว!!!  วันนี้ออมเล็ต  ของโปรดชั้น (ไข่เจียวนี่อะนะ)  ชั้นหยิบตะเกียบและลงมือ  กินๆๆๆๆๆๆๆ

          เฮ้ยๆๆๆ เด็กใหม่กินข้าว ชั้นเอาหางตากวาดไปดูหน้าคนพูด  ชิ++ ชั้นกะลังกินข้าวอยู่นะยะ   จะกวนกันไปถึงไหน 

          อ้าวววว  กินข้าวอร่อยไม๊เด็กใหม่ 555+”

    เสียงตะโกนล้อเลียนดังไปรอบห้อง  ชั้นทำหูทวนลม  ช่างมัน  ถือว่าชั้นไม่ได้ยิน (ก็ได้วะ)

          เฮ้ยไปกินข้าวปะ  พวกแกอ่ะ  มีเสียงดังขึ้นตรงประตู  ฮะฮะ  นายริวจินั่นเอง  กะลังตะโกนเรียกไอ้พวกมารผจญคอหอยของชั้นซะงั้น

          เออๆๆๆ ไปไป  กินข้าวให้อร่อยนะเด็กใหม่  กลุ่มผู้ชายตะลุยออกไปโรงอาหาร  จนตอนนี้ทั้งห้องแทบว่างเปล่า  แต่แล้วก็เหลือชั้นเพียงคนเดียวที่กินข้าวในห้อง  อืม... เงียบขึ้นเยอะแฮะ   ดีจัง   ชั้นจะได้กินข้าวแบบสบายอารมณ์ซะที  ถือว่าชั้นขอบคุณนายนะ  นายริวจิ

     

    ตึง!!!!

    เสียงคนตีประตูบานเลื่อนเสียงดัง

    ชั้นเงยหน้ามองอย่างตกใจ  นายริวจินั่นเอง  นายกลับมาที่นี่ทำไม  ชั้นตกใจนะเว้ยยยย...

          นายกลับมาที่นี่ทำไม ชั้นถาม

          ชั้นลืมเอาตังค์ไปด้วย  ถ้าชั้นไม่กลับมาแล้วชั้นจะมีอะไรจ่ายหล่ะ

          ขอบคุณ ชั้นพูดแบบเซ็งๆ  เชอะ คนเค้าถามดีๆ

          เธออ่ะ  อดทนไว้ให้ดีหล่ะ  มีเด็กใหม่ต้องย้ายโรงเรียนหนี เพราะย้ายเข้ามาเจอห้องเราแบบเธอเยอะแล้ว

          ขอบคุณที่เตือน   แต่ชั้นไม่เป็นไร ชั้นเบือนหน้าหนี  นายมาเพื่อขู่ชั้นเหรอฮึ  นายจักรยาน  แล้วคิดว่าคนอย่างชั้นมันเหยาะแหยะขนาดนั่นเลยหรอ  ดูถูกกันแล้วนะนายหน่ะ 

          ปั้งงงงงง!!!!!....   เสียงกำปั้นกระแทกโต๊ะชั้นดังไปทั่วห้อง  ทำเอากล่องข้าวชั้นหล่นกระจาย

          ชั้นมองกล่องข้าวตัวเองที่กองอยู่กับพื้น   และมองหน้าเจ้าของผลงานที่เอาฝ่ามือทั้งสองข้างยันโต๊ะชั้นอยู่

          นายทำอะไร??? ชั้นโมโหจริงๆแล้วนะ  พลางขมวดคิ้วตัวเอง  ยกริมฝีปากขึ้นราวกับกำลังจะแยกเขี้ยว

          ชั้นเตือนเธอ  ชั้นอยากให้เธอฟังชั้น  คนแรกที่เธอเจอในโรงเรียนนี้เป็นชั้น  เธอต้องอยู่ที่นี่ให้ได้   อยู่กับชั้น นายนั่นทำท่าหัวเสีย  และหมุนตัวออกจากห้องไป  ทิ้งให้ชั้นอยู่คนเดียวอีกครั้ง

    ..................................................อยู่กับนายงั้นหรอ………………………………

     

     

    นายริวจิ  นายพูดบ้าอะไร???

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×