คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เปิดตัว!!
ฮ้า~ ..ในที่สุดชั้นก็ก้าวเข้าสู่โรงเรียนแห่งนี้จนได้ โรงเรียนแห่งความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันเป็นโรงเรียนอันดับหนึ่งของจังหวัดเชียวน้า~ คุณภูมิใจกับชั้นเข้าแล้วละซิ ก็แหม กว่าจะสอบผ่านเข้ามาเนี่ยชั้นก็เกือบตายเลยนะเนี่ย บอกตรงๆว่าปลื้มค่ะ ^__^* โฮะๆ ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จก็หายไปที่นั่น จริงไหมคะ (คติอะไรของมันเนี่ย? -__-^) อ้อ...ลืมแนะนำตัวไป ชั้นชื่อเดซ์ ค่ะ เด็กผู้หญิงผู้น่ารักที่ระหกระเหินมาจากโรงเรียนสตรี (ความจริงก็ไม่ใช่โรงเรียนสตรีหรอกค่ะ เพียงแต่ว่าบุรุษผู้ชายในโรงเรียนเก่าของชั้นมันเหลือน้อยเหลือเกิน) เพื่อมาตามหารักแท้ โฮะๆๆ อะไรจะซึ้งกินใจปานนั้น T__T
วันพรุ่งนี้เป็นวันปฐมนิเทศของโรงเรียนสุรมาลาวิทยาคาร ก็โรงเรียนใหม่ของชั้นนั่นแหละค่ะ ชั้นเตรียมพร้อมเต็มที่ด้วยการเข้านอนตั้งแต่เนิ่นๆ เตียงนุ่มและผ้าห่มอุ่นๆก็ทำให้ชั้นหลับไปในเวลาไม่นาน........... “กริ๊งงงงงงง!!” เสียงนาฬิกาปลุกบนหัวนอนของฉันดังแหวกอากาศ เสียงสม่ำเสมอนั้นทำให้ชั้นต้องคลานขึ้นมาจากปลายเตียงเพื่อปิดมัน “ฮ้าววว!~
-O-” ชั้นอ้าปากเต็มที่ ก็มันยังง่วงอยู่เลยนี่นา ชั้นจับนาฬิกาปลุกขึ้นมาดู เจ็ดโมงเช้าแล้ว.........ห๊า O_O’!!! เจ็ดโมงแล้วเหรอเนี่ย ตายหล่ะหว่า ชั้นต้องไปงานปฐมนิเทศตอนเจ็ดโมงครึ่งค่ะ แย่แล้วๆ.....
ชั้นกระโดดลงจากรถประจำทางและเริ่มต้นวิ่งไปโรงเรียนแบบรีบสุดชีวิต เพราะถ้าชั้นไปไม่ทันหล่ะก็ ต้องโดนทำโทษแน่ๆเลย หนำซ้ำอาจต้องไปบำเพ็ญประโยชน์อีกต่างหาก อาจารย์โรงเรียนนี้ยิ่งโหดๆอยู่ด้วย ด้วยความที่ชั้นมีช่วงขายาวเลยเอามาใช้ประโยชน์ได้ในเวลาแบบนี้
ร่างผอมๆของชั้นกระโดดไปตามแรงก้าวที่เพิ่มมากขึ้นทุกขณะ ชั้นมาถึงหน้าประตูโรงเรียนแล้วค่ะ พื้นหินอ่อนที่ปูลาดตั้งแต่หน้าโรงเรียนเข้าไปถึงหน้าหอประชุมที่ชั้นปฐมนิเทศส่องประกายสีขาววับๆ ฝนเริ่มตกโปรยลงมากระทบกับมัน แตกเป็นหยดเล็กกระซ่านไปทั่วทั้งพื้นที่
“อ้าวน้องเร้วววว...เดี๋ยวเค้าจะปิดประตูแล้วเร็วๆหน่อย” เสียงของรุ่นพี่ ม.6ดังอยู่เบื้องหน้าของชั้น ‘ปัดโธ่เอ๊ย! ก็รีบอยู่นี่ไงเล่า ><’ ชั้นบ่นอุบอยู่ในใจ (พูดไปก็โดนด่าสิครับทั่น) มีคนที่มาแบบร่อแร่อย่างชั้นตามหลังมาอีกสองสามคน เสียงกลองแบบที่เค้าใช้เล่นกันในกีฬาสีดังกระหึ่มอยู่ภายใน ชั้นเอามือป้องหน้ากันสายฝนที่หล่นลงมา พลางกระโดดเข้าไปในหอประชุมหยั่งกะนักยิมนาสติกลีลาทีมชาติอะไรประมาณนั้น หุๆ(ทำไมมันจะเข้าข้างตัวเองปานนั้นหนอ -*-) ชั้นมองไปรอบๆหอประชุมหลังสีขาวที่กระโดดผ่านเข้ามาเมื่อกี้ มีการนั่งแถวแบบเป็นห้องซึ่งแน่นอน....ชั้นไม่รู้ว่าห้องของชั้นอยู่ตรงไหน -_-’ ก็เพิ่งเข้ามานี่นา ‘เอาละสิไอ้เดซ์เอ๋ย’ ชั้นคิดในใจพร้อมกับมองซ้ายมองขวา เอาวะ...ชั้นวิ่งปรู๊ดเข้าไปที่แถว แถวหนึ่ง (ทั้งๆที่ไม่รู้ว่ามันเป็นห้องไหน เออ..เอาเข้าไป) แล้วก็สะกิดถามเด็กผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างหน้าของชั้น
“เธอๆ นี่ห้องไหนเหรอ?”
“ห้องสามค่ะ” เสียงของเค้าหันมาตอบเรียบๆก่อนที่จะหันกลับไปเหมือนเดิม เย้....ชั้นอยู่ใกล้ห้องตัวเองแล้วหล่ะค่ะเพราะชั้นอยู่ห้องสอง ชั้นกระโดดข้ามแถวมาอีกครั้ง ‘เอาหล่ะ งวดนี้มันต้องเป็นห้องชั้นแน่ๆเลย’ แต่เพื่อความชัวร์ ชั้นสะกิดคนข้างหน้าเพื่อถามอีกครั้ง และ...ค่อยยังชั่วค่ะ มันเป็นห้องของฉันจริงๆนั่นแหละ ชั้นนั่งด้วยความสบายใจไปไม่นานเสียงประกาศก็ดังขึ้น มีการกล่าวเปิดงานและต้อนรับนักเรียนใหม่ อาจารย์สองสามคนผลัดกันขึ้นมาให้โอวาท (แบบน่าเบื่อสุดๆ ...ขออภัยค่ะอาจารย์ -*-ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายนะคะ) แล้วก็ไปถึงกิจกรรมของพี่ ม.6 ที่พาน้องไปลอดท้องช้าง (ไม่ใช่ช้างจริงๆหรอกค่ะ เป็นแค่ต้นไม้ที่ตัดเป็นรูปช้างเท่านั้นเอง เพราะถ้าช้างจริงๆ รุ่นน้องที่น่ารักอย่างชั้นอาจโดนเหยียบแบบแต๊ดแต๋ไปก็เป็นได้) แต่สายฝนก็เป็นอุปสรรคกับชั้นจนได้ เพราะมันทำให้พื้นสนามหญ้าของเจ้าช้างอุปโลกน์นั่นเฉอะแฉะไปทั่ว ไอ้คนที่เดินอยู่ข้างหน้าก็ย่ำเข้าไป เดินดีๆไม่ได้รึไงห๊ะ >.<
เรากลับไปเข้าหอประชุม แล้วก็มีพิธีทางศาสนาเพิ่มเติม เรากราบอาจารย์ที่ปรึกษาเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็กลับมานั่งฟังโอวาทต่ออีก เสียงที่ฟังเหมือนกับยุงตัวเบ้อเริ่ม แท้ที่จริงแล้วมันเป็นเสียงอาจารย์ที่สรรเสริญถึงคุณงามความดีของโรงเรียนเผื่อว่ามันจะซึมทราบเข้าไปในหัวกลวงๆของชั้นยังไงยังงั้น ฉันเริ่มเอียงหัวไปข้างหน้า ก็เมื่อเช้านี้อุตส่าห์รีบแทบตายนี่นา ฉันงีบไปซักพักก่อนที่จะสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีก เพราะอาจารย์เริ่มแบ่งฐานให้เราไปปฏิบัติกิจกรรมแล้ว ห้องสองมารวมกลุ่มกันเพื่อไปพบอาจารย์ที่ปรึกษาก่อน (ก็ที่กราบแบบบรรจงมาเมื่อกี้นี้แหละค่า) เราเดินไปที่ห้องที่จัดไว้ ชั้นเดินอย่างงัวเงียอีกครั้ง แต่ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นใกล้ๆ
“เธอ... มาจากที่ไหนหน่ะ?” ฉันหันกลับไปดูต้นตอของเสียง เด็กผู้หญิงที่ตัวค่อนข้างกลมๆ และเตี้ยกว่าฉันซะหนักหนากำลังจ้องมองใบหน้าของฉันอยู่
“มาจากปรีชาวิทยาคารอ่ะ เธอหล่ะ?” ชั้นยิ้มบางๆและถามเค้าต่อ
“มาจากสิริวราค์ศึกษาจ้า เราชื่อมินท์ นะเธอล่ะชื่อ’ไร”
“ชั้นชื่อ เดซ์ ยินดีที่ได้รู้จัก ^__^” เป็นอันว่าในที่สุดชั้นก็ได้เพื่อนแล้วค่ะ ชั้นกับมินท์เดินไปด้วยกัน ที่ห้องอาจารย์เลือกหัวหน้าเฉพาะกิจคนนึง(ปลากะโห้กลับชาติมาเกิดค่ะ) มีการออกไปแนะนำตัวแบบสั้นๆในห้อง ถึงตาชั้นแล้ว ชั้นก้าวไปหน้าห้องแบบสั่นนิดๆ
“ส...สวัสดีค่ะ ชื่อปิยณัฐาภรณ์ค่ะ ชื่อเล่นชื่อเดซ์ มาจาก.......” เสียงของชั้นหายเข้าไปในลำคอ แล้วก็ตัดสินใจผลุบหายเข้าไปแถวโต๊ะที่เรียงกันอยู่ข้างหน้าก่อนที่จะคิดอะไรไม่ออกไปมากกว่านี้ คนอื่นๆ
ส่งเสียงแบบขำๆอยู่ข้างหลัง T_T อายค่ะ ไม่น่าหลุดเลยเรา..... คนอื่นๆทยอยแนะนำตัวจนหมด เราเข้าแถวเพื่อไปเข้ากิจกรรมที่กำหนดไว้ ชั้นเข้าไปปะปนกับคนอื่นๆในแถว เราเคลื่อนตัวผ่านอาคารสูงที่ตั้งอยู่ทั่วไป ชั้นมองอย่างสนใจและพยายามจดจำเอาไว้ว่าผ่านอาคารอะไรมาบ้าง เราเข้าไปในตึกที่ดูเป็นหอประชุมอีกหลัง
“น้องงงง.....จับมือกันเป็นวงกลมครับ เร็วๆน้อง” เสียงรุ่นพี่ผู้ชายตะโกนสั่งไล่หลังมา ชั้นจับมือมินท์ไว้แน่น เราปรึกษากันว่าจะไปแถวตรงไหนดี แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ขยับไปจากที่เก่า
“เอาเหอะ...แถวตรงนี้ก็ได้” มินท์ตัดบทแล้วก็จูงมือฉันเข้าไปในแถวเกือบกลมนั่น (ความจริงถ้าเรียกว่า แถวเป็นวงหลายเหลี่ยมก็ได้นะคะ) เรายืนจังงังเพราะวงเกือบกลมหลายเหลี่ยม(ยังไงเนี่ย?)ตรงนั้นมีแต่ผู้ชายทั้งสิ้น เอาวะ ...คงไม่ตายหรอกน่าแค่นี้ ชั้นบอกกับตัวเองในใจแล้วก็ยืนแถวต่อไป
“เอาละครับน้อง จับมือกันเป็นวงกลมด้วยครับ” ชั้นเหลียวไปมองดูข้างๆ ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างชั้นหน้าตาโหดซะไม่มี (ไม่มีเค้าความดีเหลืออยู่บนใบหน้า) จะให้ชั้นจับมือเนี่ยนะ ไม่อาววววน้า..... พี่เค้าพาเล่นเกมไฟฟ้ากระแสสลับ ที่คนที่อยู่ใกล้กับต้องจับมือแล้วยกกันคนละอย่างเช่น คนนึงยกขึ้นอีกคนเอามือลงแบบนี้ไปตลอดวง ใครยกผิดโดนออกมาข้างนอก ชั้นก็ยังไม่จับมือผู้ชายที่อยู่ข้างๆนั่นอยู่ดีนั่นแหละค่ะ เราเลยใช้พลังจิตจับกันแทน แฮะๆ ^__^* ช่วยไม่ได้ค่ะ
“พี่จะให้สัญญาณเริ่มแล้วน้องยกมือสลับกันเลยนะ เอาหล่ะ เริ่ม!” พี่เค้าเป่านกหวีดปี๊ด ชั้นก็ยกมือเลยค่ะ แต่ไอ้คนที่อยู่ข้างๆหน่ะสิ มันยกมือเหมือนฉันเด๊ะเลยค่ะ
‘เฮ้ย นายต้องมือลงสิ เอามือลง มันต้องสลับกัน’ชั้นส่งภาษาใบ้แบบเต็มที่ไปให้ไอ้หน้าโหดที่นั่งอยู่ข้างๆ เอ๊ะ!! คนอะไรเนี่ย ยังไม่เข้าใจอีก เร็วดิ เร็วๆ เดี๋ยวพี่เค้าเดินกลับมาล่ะซวยแย่เลยนะเฟ้ย!! เร็วเด้!!
“อ้าวน้องคนนั้นหน่ะลุกเลยครับลุกเลย” พี่ ม.6 เดินมาชี้หน้าชั้นให้ลุกออกไปเพราะถือว่าชั้นทำผิด >.< ไม่น้า .....สวรรค์โปรด ทำไมลูกต้องเจออะไรแบบนี้ตั้งแต่ปฐมนิเทศเลยด้วย ชั้นลุกอย่างช้าๆไปตามพี่เค้าที่ไล่ต้อนไปอยู่กลางวง มีคนมาร่วมชะตาเดียวกันกับชั้นอีกสามสี่คน แต่เอ๊ะ!.... ไม่มีผู้หญิงอีกแล้วนี่นา โอ๊ย! ลูกอยากจะเป็นลมค่ะสวรรค์ รุ่นพี่เค้าให้เต็มตามเพลงที่เค้าร้อง ชั้นก็โยกๆไปตามเรื่องพอผ่านๆ(และอายแสนสาหัส) ก็มีรึที่เราจะยอมลงทุนเสียภาพพจน์ตัวเอง หุๆๆ ชั้นตีมาดนิ่งเข้าไปแบบแตกกระจุย พี่เค้าเลยตัดสินใจไล่เรา (และมีชั้นเป็นผู้หญิงหนึ่งเดียว) กลับเข้าแถว เราผ่านด่านนั้นมาได้โดยที่ต้องทนเสียงหัวเราะคิกๆของคนที่อยู่ข้างๆ
“ไม่เป็นไรหน่า น่ารักออก ^__^” มินท์ให้กำลังใจฉันเต็มที่ แต่ความอายก็ยังไม่ลดระดับลง ถ้าไม่มีพวกผู้ชายที่แกล้งแซวอยู่เป็นระยะ (นี่ขนาดเพิ่งเจอกันนะเนี่ย) เราเข้าฐานอื่นๆต่อเนื่องไปเรื่อยๆ โดยที่ยังไม่มีอะไรน่าตื่นตระหนกเกิดขึ้น รุ่นพี่หาเกมให้เล่นเยอะเลยค่ะ ชั้นเริ่มรู้สึกว่าความจริงวันนี้มันก็สนุกดี เราเล่นฐานไปสองฐานแล้วก็ไปกินข้าว ภาพของโรงอาหารที่เบียดเสียดยัดเยียดกันทำให้ท้องของฉันหายหิวไปในทันใด แต่กระนั้นเราก็ยังต้องกินข้าวเข้าไปอยู่ดีเพราะไม่งั้นเดี๋ยวจะเป็นลมไปซะก่อนที่จะเริ่มฐาน ขึ้นเวลาช่วงบ่าย เราเองก็แยกออกปฏิบัติกิจกรรมอีกครั้ง ผ่านไปสองชั่วโมง เราเข้าฐานจนหมดสิ้น และต้องเข้าไปร่วมพิธีปิดการปฐมนิเทศ เสียงที่ดังแว่วเข้ามาในหูทำให้ชั้นอยากงีบอีกครั้งจนใจจะขาด
“ตุ้บ!” เสียงของอะไรนุ่มๆดังอยู่บนหัวของฉัน มันเริ่มกลิ้งไหลลงมาและสงบนิ่งอยู่บนตัก
“น้องเก็บให้หน่อยครับ” ชั้นถือขนมนั้นแน่น หิว.... แต่ก็ต้อง ‘คืนเขา ถ้าขนมไม่ใช่ของเราคืนเขาไป’ (ครวญซะเป็นเพลงเลยนะเรา) ชั้นเอื้อมมือส่งขนมวางบนกล่องของพี่ผู้ชายคนนึง ที่ถือกล่องมาเต็มหน้าจนแทบมองไม่เห็นทาง พี่เค้าผงกหัวนิดนึงเป็นเชิงขอบคุณ แต่กล่องขนมก็บังหน้าพี่เค้าซะมองไม่เห็น เห็นได้ก็แค่เสี้ยวเดียวของเส้นผมที่โผล่อยู่เหนือกล่องขนมพวกนั้น ชั้นยังจ้องมองอยู่ตรงนั้นจนพี่เค้าหมุนตัวเดินออกไป ชั้นเลยได้เห็นใบหน้าซีกขวา หน้าขาวๆ จมูกที่โด่งออกมาได้รูปนั้น น่ารักซะไม่มี (ไม่มีที่จะให้เกลียดน่ะคะ) ถึงมันจะเป็นแค่หน้าซีกเดียวก็เถอะนะ ^__^** การได้เจออะไรที่มันเป็นความสุขทางสายตา มันทำให้อารมณ์จังเลยน้า.....
ชั้นตั้งใจฟังที่อาจารย์เค้าพูดต่อจนจบ และกล่าวปิดงานปฐมนิเทศลง ทั้งยังร่วมเฮ และดีใจไปกับคนหลายร้อยคนที่หอประชุม เราถลาลงมาจากหอประชุมแบบดีสุดๆเพราะในที่สุดก็จะได้เป็นอิสระซะที ชั้นก้าวออกจากโรงเรียนเพื่อไปขึ้นรถประจำทางกลับบ้าน ฝนตกลงมาอีกครั้ง แต่คราวนี้ชั้นรู้แล้วว่าตัวเองก็เอาร่มมา (แบบว่าเพิ่งสำนึกได้อ่ะค่ะ) ชั้นเดินไปท่ามกลางสายฝนและร่มหนึ่งคัน พร้อมกับก้าวขายาวๆไปตามทางเดิน ฝีเท้าของชั้นหยุดอยู่ที่ป้ายรถเมย์ เพียงไม่นานรถประจำทางก็จอดรับผู้โดยสารขึ้น ชั้นกวาดตามองไปบนรถ ...ไม่มีที่ว่างเลยค่ะ คนเก็บตังค์ที่ตะโกนให้ชิดในดังเรื่อยๆ ชั้นก้าวเข้าไป เบียดเสียดกับผู้คนท่ามกลางความอับชื้นและกลิ่นของไอฝนที่ยังติดอยู่ที่เสื้อ คนเก็บตังค์นั้นก็ดันคนอื่นขึ้นมาเรื่อยๆจนตอนนี้ชั้นหยุดอยู่ตรงที่เกือบท้ายรถ ชั้นเอามือจับราวเหนือหัวไว้แน่น พลางแอบดูผู้ชายที่นั่งอยู่เบื้องหน้า อกเสื้อด้านขวาของเขาปักเป็นอักษรย่อเดียวกันกับชั้น ชั้นเขยิบเข้าไปใกล้ๆ.... ผู้ชายคนนั้นช้อนสายตาขึ้นมาเห็นชั้นพอดีและกำลังจะลุกขึ้นเพื่อให้ชั้นนั่ง
“เฮ้ย ไม่เป็นไร นั่งต่อเหอะ” ฉันพูดอย่างรวดเร็วเพราะแน่ใจว่าสุภาพสตรีที่สมควรจะนั่งมีแค่ชั้นคนเดียว โดยไม่มีวี่แววของคนชราและท่าทางของคนพิการหรือเด็กอยู่แถวๆนั้นแม้แต่น้อย ผู้ชายคนนั้นยิ้มให้ฉัน
“อยู่ ม.4 เหรอ?” เสียงของผู้ชายคนนั้นดังขึ้นมา
“อืม” ชั้นตอบเค้าไปสั้นๆและยิ้มหวานๆให้
“เราก็อยู่ ม.4 เหมือนกัน เธออยู่ห้องไหนล่ะ” ฉันเอ่ยตอบและถามเค้าต่อว่า
“ห้อง2 ค่ะ เธอล่ะ?”
“อยู่ห้อง1 ครับ” แหม พูดครับซะด้วย มารยาทดีเยี่ยม >.,< (เกิดอาการหื่นอีกแล้วยัยเดซ์เอ๊ย!!) ชั้นสำรวจใบหน้าเค้าเงียบๆ หน้าคมและตาที่สวยได้รูปดีทีเดียว
“แล้วทำไมเธอไม่นั่งล่ะ นั่งไม๊เดี๋ยวลุกให้” ผู้ชายคนนั้นถามต่อและตั้งท่าจะลุก
“อือ...ไม่เป็นไรหรอก เราเปียกอยู่อ่ะ อยากยืน” เป็นเหตุผลที่ฟังดูงงใช้ได้ทีเดียวเลยใช่ไหมค่ะ
“ชื่อ’ไรอ่ะ” ชั้นสะกิดถามผู้ชายคนนั้นต่อ
“ชื่อกันครับ ” โดยไม่ต้องต้องรอให้ถามต่อ ชั้นก็เสนอตัวขึ้นมาในทันใด
“เราชื่อเดซ์นะ ยินดีที่ได้รู้จัก ^__^” กันทำหน้ายิ้มๆ เราคุยกันต่อไปสองสามเรื่องโดยอาศัยที่ว่ากันเป็นเด็กเก่ามานาน ชั้นถามเรื่องการเรียน เรื่องอาคาร เรื่องเพื่อน ฯลฯ ไปจนไม่รู้จะพูดอะไรกันกับกันอีกแล้ว (ไม่งงใช่ไหมคะ) รถประจำทางก็วิ่งไปเรื่อยๆ กันเก็บกระเป๋ารวบขึ้นให้กระชับและหันมายิ้มให้ แล้วบอกว่า “เราลงแล้วนะ ^__^” พร้อมกับก้าวออกไปที่ประตู ซักพักประตูนั้นก็เปิดออกและพาร่างของกันหายออกไปข้างนอก ชั้นมองไปที่กระจกรถเม็ดฝนยังจับตัวเป็นกลุ่ม ไอจับเป็นฝ้าหน้าที่กระจกเริ่มจางไป ข้างนอกรู้สึกว่าฝนคงจะหยุดตกไปเรียบร้อยแล้ว ชั้นร้องเพลงเบาๆคลอตัวเองไปคนเดียว และหย่อนตัวเองลงบนที่นั่งของกัน โดยที่ไม่รู้ว่าเจ้าของที่นั่งคนก่อนก็ร้องเพลงเบาๆ พร้อมกับก้าวเข้าในบ้านไปเหมือนกัน...
“อย่างเธอแค่มองไม่ได้หรอก ให้มองอย่างเดียวไม่ได้หรอก
พบคนโดนใจอย่างเธอถ้าไม่คุยกับเธอ
ชั้นเสียดายของ..............”
ความคิดเห็น