ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ผู้ชายเย็นชา และ หนึ่งสัปดาห์แห่งรัก

    ลำดับตอนที่ #1 : เปิดตัว!!

    • อัปเดตล่าสุด 9 ก.ค. 50


     

    ฮ้า~…..ในที่สุดชั้นก็ก้าวเข้าสู่โรงเรียนแห่งนี้จนได้    โรงเรียนแห่งความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง   เพราะมันเป็นโรงเรียนอันดับหนึ่งของจังหวัดเชียวน้า~   คุณภูมิใจกับชั้นเข้าแล้วละซิ    ก็แหม   กว่าจะสอบผ่านเข้ามาเนี่ยชั้นก็เกือบตายเลยนะเนี่ย   บอกตรงๆว่าปลื้มค่ะ  ^__^*  โฮะๆ ความพยายามอยู่ที่ไหน  ความสำเร็จก็หายไปที่นั่น  จริงไหมคะ (คติอะไรของมันเนี่ย? -__-^) อ้อ...ลืมแนะนำตัวไป  ชั้นชื่อเดซ์ ค่ะ  เด็กผู้หญิงผู้น่ารักที่ระหกระเหินมาจากโรงเรียนสตรี (ความจริงก็ไม่ใช่โรงเรียนสตรีหรอกค่ะ  เพียงแต่ว่าบุรุษผู้ชายในโรงเรียนเก่าของชั้นมันเหลือน้อยเหลือเกิน) เพื่อมาตามหารักแท้  โฮะๆๆ  อะไรจะซึ้งกินใจปานนั้น T__T


    วันพรุ่งนี้เป็นวันปฐมนิเทศของโรงเรียนสุรมาลาวิทยาคาร    ก็โรงเรียนใหม่ของชั้นนั่นแหละค่ะ   ชั้นเตรียมพร้อมเต็มที่ด้วยการเข้านอนตั้งแต่เนิ่นๆ  เตียงนุ่มและผ้าห่มอุ่นๆก็ทำให้ชั้นหลับไปในเวลาไม่นาน........... 
    กริ๊งงงงงงง!!” เสียงนาฬิกาปลุกบนหัวนอนของฉันดังแหวกอากาศ   เสียงสม่ำเสมอนั้นทำให้ชั้นต้องคลานขึ้นมาจากปลายเตียงเพื่อปิดมัน   ฮ้าววว!~…-O-” ชั้นอ้าปากเต็มที่  ก็มันยังง่วงอยู่เลยนี่นา   ชั้นจับนาฬิกาปลุกขึ้นมาดู    เจ็ดโมงเช้าแล้ว.........ห๊า O_O’!!! เจ็ดโมงแล้วเหรอเนี่ย   ตายหล่ะหว่า   ชั้นต้องไปงานปฐมนิเทศตอนเจ็ดโมงครึ่งค่ะ  แย่แล้วๆ..... 

    ชั้นกระโดดลงจากรถประจำทางและเริ่มต้นวิ่งไปโรงเรียนแบบรีบสุดชีวิต   เพราะถ้าชั้นไปไม่ทันหล่ะก็ ต้องโดนทำโทษแน่ๆเลย   หนำซ้ำอาจต้องไปบำเพ็ญประโยชน์อีกต่างหาก   อาจารย์โรงเรียนนี้ยิ่งโหดๆอยู่ด้วย    ด้วยความที่ชั้นมีช่วงขายาวเลยเอามาใช้ประโยชน์ได้ในเวลาแบบนี้   
    ร่างผอมๆของชั้นกระโดดไปตามแรงก้าวที่เพิ่มมากขึ้นทุกขณะ    ชั้นมาถึงหน้าประตูโรงเรียนแล้วค่ะ    พื้นหินอ่อนที่ปูลาดตั้งแต่หน้าโรงเรียนเข้าไปถึงหน้าหอประชุมที่ชั้นปฐมนิเทศส่องประกายสีขาววับๆ   ฝนเริ่มตกโปรยลงมากระทบกับมัน  แตกเป็นหยดเล็กกระซ่านไปทั่วทั้งพื้นที่ 

    อ้าวน้องเร้วววว...เดี๋ยวเค้าจะปิดประตูแล้วเร็วๆหน่อย  เสียงของรุ่นพี่ ม.6ดังอยู่เบื้องหน้าของชั้น   ปัดโธ่เอ๊ย! ก็รีบอยู่นี่ไงเล่า ><’  ชั้นบ่นอุบอยู่ในใจ (พูดไปก็โดนด่าสิครับทั่น) มีคนที่มาแบบร่อแร่อย่างชั้นตามหลังมาอีกสองสามคน   เสียงกลองแบบที่เค้าใช้เล่นกันในกีฬาสีดังกระหึ่มอยู่ภายใน   ชั้นเอามือป้องหน้ากันสายฝนที่หล่นลงมา  พลางกระโดดเข้าไปในหอประชุมหยั่งกะนักยิมนาสติกลีลาทีมชาติอะไรประมาณนั้น หุๆ(ทำไมมันจะเข้าข้างตัวเองปานนั้นหนอ -*-) ชั้นมองไปรอบๆหอประชุมหลังสีขาวที่กระโดดผ่านเข้ามาเมื่อกี้   มีการนั่งแถวแบบเป็นห้องซึ่งแน่นอน....ชั้นไม่รู้ว่าห้องของชั้นอยู่ตรงไหน  -_-’ ก็เพิ่งเข้ามานี่นา   เอาละสิไอ้เดซ์เอ๋ย  ชั้นคิดในใจพร้อมกับมองซ้ายมองขวา   เอาวะ...ชั้นวิ่งปรู๊ดเข้าไปที่แถว แถวหนึ่ง (ทั้งๆที่ไม่รู้ว่ามันเป็นห้องไหน  เออ..เอาเข้าไป)  แล้วก็สะกิดถามเด็กผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างหน้าของชั้น

    เธอๆ  นี่ห้องไหนเหรอ?”

    ห้องสามค่ะ เสียงของเค้าหันมาตอบเรียบๆก่อนที่จะหันกลับไปเหมือนเดิม   เย้....ชั้นอยู่ใกล้ห้องตัวเองแล้วหล่ะค่ะเพราะชั้นอยู่ห้องสอง   ชั้นกระโดดข้ามแถวมาอีกครั้ง   เอาหล่ะ  งวดนี้มันต้องเป็นห้องชั้นแน่ๆเลย แต่เพื่อความชัวร์  ชั้นสะกิดคนข้างหน้าเพื่อถามอีกครั้ง   และ...ค่อยยังชั่วค่ะ  มันเป็นห้องของฉันจริงๆนั่นแหละ  ชั้นนั่งด้วยความสบายใจไปไม่นานเสียงประกาศก็ดังขึ้น   มีการกล่าวเปิดงานและต้อนรับนักเรียนใหม่    อาจารย์สองสามคนผลัดกันขึ้นมาให้โอวาท (แบบน่าเบื่อสุดๆ ...ขออภัยค่ะอาจารย์ -*-ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายนะคะ) แล้วก็ไปถึงกิจกรรมของพี่ ม.6  ที่พาน้องไปลอดท้องช้าง (ไม่ใช่ช้างจริงๆหรอกค่ะ  เป็นแค่ต้นไม้ที่ตัดเป็นรูปช้างเท่านั้นเอง  เพราะถ้าช้างจริงๆ รุ่นน้องที่น่ารักอย่างชั้นอาจโดนเหยียบแบบแต๊ดแต๋ไปก็เป็นได้)  แต่สายฝนก็เป็นอุปสรรคกับชั้นจนได้   เพราะมันทำให้พื้นสนามหญ้าของเจ้าช้างอุปโลกน์นั่นเฉอะแฉะไปทั่ว   ไอ้คนที่เดินอยู่ข้างหน้าก็ย่ำเข้าไป  เดินดีๆไม่ได้รึไงห๊ะ >.< 

    เรากลับไปเข้าหอประชุม  แล้วก็มีพิธีทางศาสนาเพิ่มเติม   เรากราบอาจารย์ที่ปรึกษาเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็กลับมานั่งฟังโอวาทต่ออีก   เสียงที่ฟังเหมือนกับยุงตัวเบ้อเริ่ม  แท้ที่จริงแล้วมันเป็นเสียงอาจารย์ที่สรรเสริญถึงคุณงามความดีของโรงเรียนเผื่อว่ามันจะซึมทราบเข้าไปในหัวกลวงๆของชั้นยังไงยังงั้น   ฉันเริ่มเอียงหัวไปข้างหน้า   ก็เมื่อเช้านี้อุตส่าห์รีบแทบตายนี่นา   ฉันงีบไปซักพักก่อนที่จะสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีก  เพราะอาจารย์เริ่มแบ่งฐานให้เราไปปฏิบัติกิจกรรมแล้ว   ห้องสองมารวมกลุ่มกันเพื่อไปพบอาจารย์ที่ปรึกษาก่อน
    (ก็ที่กราบแบบบรรจงมาเมื่อกี้นี้แหละค่า) เราเดินไปที่ห้องที่จัดไว้  ชั้นเดินอย่างงัวเงียอีกครั้ง   แต่ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นใกล้ๆ

    เธอ...  มาจากที่ไหนหน่ะ?” ฉันหันกลับไปดูต้นตอของเสียง   เด็กผู้หญิงที่ตัวค่อนข้างกลมๆ   และเตี้ยกว่าฉันซะหนักหนากำลังจ้องมองใบหน้าของฉันอยู่ 

    มาจากปรีชาวิทยาคารอ่ะ  เธอหล่ะ?” ชั้นยิ้มบางๆและถามเค้าต่อ 

    มาจากสิริวราค์ศึกษาจ้า  เราชื่อมินท์ นะเธอล่ะชื่อไร

    ชั้นชื่อ เดซ์  ยินดีที่ได้รู้จัก ^__^” เป็นอันว่าในที่สุดชั้นก็ได้เพื่อนแล้วค่ะ  ชั้นกับมินท์เดินไปด้วยกัน   ที่ห้องอาจารย์เลือกหัวหน้าเฉพาะกิจคนนึง(ปลากะโห้กลับชาติมาเกิดค่ะ)   มีการออกไปแนะนำตัวแบบสั้นๆในห้อง  ถึงตาชั้นแล้ว   ชั้นก้าวไปหน้าห้องแบบสั่นนิดๆ

                ส...สวัสดีค่ะ  ชื่อปิยณัฐาภรณ์ค่ะ  ชื่อเล่นชื่อเดซ์  มาจาก....... เสียงของชั้นหายเข้าไปในลำคอ   แล้วก็ตัดสินใจผลุบหายเข้าไปแถวโต๊ะที่เรียงกันอยู่ข้างหน้าก่อนที่จะคิดอะไรไม่ออกไปมากกว่านี้   คนอื่นๆ

    ส่งเสียงแบบขำๆอยู่ข้างหลัง  T_T อายค่ะ   ไม่น่าหลุดเลยเรา.....  คนอื่นๆทยอยแนะนำตัวจนหมด   เราเข้าแถวเพื่อไปเข้ากิจกรรมที่กำหนดไว้   ชั้นเข้าไปปะปนกับคนอื่นๆในแถว   เราเคลื่อนตัวผ่านอาคารสูงที่ตั้งอยู่ทั่วไป   ชั้นมองอย่างสนใจและพยายามจดจำเอาไว้ว่าผ่านอาคารอะไรมาบ้าง   เราเข้าไปในตึกที่ดูเป็นหอประชุมอีกหลัง                                              

               
    น้องงงง.....จับมือกันเป็นวงกลมครับ   เร็วๆน้อง เสียงรุ่นพี่ผู้ชายตะโกนสั่งไล่หลังมา   ชั้นจับมือมินท์ไว้แน่น   เราปรึกษากันว่าจะไปแถวตรงไหนดี   แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ขยับไปจากที่เก่า

    เอาเหอะ...แถวตรงนี้ก็ได้  มินท์ตัดบทแล้วก็จูงมือฉันเข้าไปในแถวเกือบกลมนั่น (ความจริงถ้าเรียกว่า  แถวเป็นวงหลายเหลี่ยมก็ได้นะคะ) เรายืนจังงังเพราะวงเกือบกลมหลายเหลี่ยม(ยังไงเนี่ย?)ตรงนั้นมีแต่ผู้ชายทั้งสิ้น    เอาวะ ...คงไม่ตายหรอกน่าแค่นี้   ชั้นบอกกับตัวเองในใจแล้วก็ยืนแถวต่อไป 

    เอาละครับน้อง  จับมือกันเป็นวงกลมด้วยครับ  ชั้นเหลียวไปมองดูข้างๆ  ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างชั้นหน้าตาโหดซะไม่มี (ไม่มีเค้าความดีเหลืออยู่บนใบหน้า) จะให้ชั้นจับมือเนี่ยนะ  ไม่อาววววน้า..... พี่เค้าพาเล่นเกมไฟฟ้ากระแสสลับ  ที่คนที่อยู่ใกล้กับต้องจับมือแล้วยกกันคนละอย่างเช่น  คนนึงยกขึ้นอีกคนเอามือลงแบบนี้ไปตลอดวง   ใครยกผิดโดนออกมาข้างนอก  ชั้นก็ยังไม่จับมือผู้ชายที่อยู่ข้างๆนั่นอยู่ดีนั่นแหละค่ะ  เราเลยใช้พลังจิตจับกันแทน  แฮะๆ  ^__^* ช่วยไม่ได้ค่ะ  

    พี่จะให้สัญญาณเริ่มแล้วน้องยกมือสลับกันเลยนะ   เอาหล่ะ  เริ่ม!” พี่เค้าเป่านกหวีดปี๊ด   ชั้นก็ยกมือเลยค่ะ   แต่ไอ้คนที่อยู่ข้างๆหน่ะสิ  มันยกมือเหมือนฉันเด๊ะเลยค่ะ 

    เฮ้ย  นายต้องมือลงสิ  เอามือลง   มันต้องสลับกันชั้นส่งภาษาใบ้แบบเต็มที่ไปให้ไอ้หน้าโหดที่นั่งอยู่ข้างๆ  เอ๊ะ!! คนอะไรเนี่ย  ยังไม่เข้าใจอีก   เร็วดิ  เร็วๆ เดี๋ยวพี่เค้าเดินกลับมาล่ะซวยแย่เลยนะเฟ้ย!!   เร็วเด้!!                                                    

    อ้าวน้องคนนั้นหน่ะลุกเลยครับลุกเลย  พี่ ม.6 เดินมาชี้หน้าชั้นให้ลุกออกไปเพราะถือว่าชั้นทำผิด  >.<  ไม่น้า  .....สวรรค์โปรด  ทำไมลูกต้องเจออะไรแบบนี้ตั้งแต่ปฐมนิเทศเลยด้วย   ชั้นลุกอย่างช้าๆไปตามพี่เค้าที่ไล่ต้อนไปอยู่กลางวง   มีคนมาร่วมชะตาเดียวกันกับชั้นอีกสามสี่คน   แต่เอ๊ะ!.... ไม่มีผู้หญิงอีกแล้วนี่นา  โอ๊ย! ลูกอยากจะเป็นลมค่ะสวรรค์     รุ่นพี่เค้าให้เต็มตามเพลงที่เค้าร้อง   ชั้นก็โยกๆไปตามเรื่องพอผ่านๆ(และอายแสนสาหัส)  ก็มีรึที่เราจะยอมลงทุนเสียภาพพจน์ตัวเอง   หุๆๆ  ชั้นตีมาดนิ่งเข้าไปแบบแตกกระจุย   พี่เค้าเลยตัดสินใจไล่เรา (และมีชั้นเป็นผู้หญิงหนึ่งเดียว) กลับเข้าแถว  เราผ่านด่านนั้นมาได้โดยที่ต้องทนเสียงหัวเราะคิกๆของคนที่อยู่ข้างๆ 

    ไม่เป็นไรหน่า   น่ารักออก ^__^” มินท์ให้กำลังใจฉันเต็มที่   แต่ความอายก็ยังไม่ลดระดับลง   ถ้าไม่มีพวกผู้ชายที่แกล้งแซวอยู่เป็นระยะ (นี่ขนาดเพิ่งเจอกันนะเนี่ย)  เราเข้าฐานอื่นๆต่อเนื่องไปเรื่อยๆ  โดยที่ยังไม่มีอะไรน่าตื่นตระหนกเกิดขึ้น  รุ่นพี่หาเกมให้เล่นเยอะเลยค่ะ  ชั้นเริ่มรู้สึกว่าความจริงวันนี้มันก็สนุกดี   เราเล่นฐานไปสองฐานแล้วก็ไปกินข้าว   ภาพของโรงอาหารที่เบียดเสียดยัดเยียดกันทำให้ท้องของฉันหายหิวไปในทันใด   แต่กระนั้นเราก็ยังต้องกินข้าวเข้าไปอยู่ดีเพราะไม่งั้นเดี๋ยวจะเป็นลมไปซะก่อนที่จะเริ่มฐาน  ขึ้นเวลาช่วงบ่าย   เราเองก็แยกออกปฏิบัติกิจกรรมอีกครั้ง ผ่านไปสองชั่วโมง   เราเข้าฐานจนหมดสิ้น   และต้องเข้าไปร่วมพิธีปิดการปฐมนิเทศ   เสียงที่ดังแว่วเข้ามาในหูทำให้ชั้นอยากงีบอีกครั้งจนใจจะขาด  

    ตุ้บ!” เสียงของอะไรนุ่มๆดังอยู่บนหัวของฉัน   มันเริ่มกลิ้งไหลลงมาและสงบนิ่งอยู่บนตัก 

    น้องเก็บให้หน่อยครับ  ชั้นถือขนมนั้นแน่น   หิว....  แต่ก็ต้อง  คืนเขา  ถ้าขนมไม่ใช่ของเราคืนเขาไป’ (ครวญซะเป็นเพลงเลยนะเรา)  ชั้นเอื้อมมือส่งขนมวางบนกล่องของพี่ผู้ชายคนนึง  ที่ถือกล่องมาเต็มหน้าจนแทบมองไม่เห็นทาง   พี่เค้าผงกหัวนิดนึงเป็นเชิงขอบคุณ  แต่กล่องขนมก็บังหน้าพี่เค้าซะมองไม่เห็น   เห็นได้ก็แค่เสี้ยวเดียวของเส้นผมที่โผล่อยู่เหนือกล่องขนมพวกนั้น   ชั้นยังจ้องมองอยู่ตรงนั้นจนพี่เค้าหมุนตัวเดินออกไป   ชั้นเลยได้เห็นใบหน้าซีกขวา   หน้าขาวๆ   จมูกที่โด่งออกมาได้รูปนั้น  น่ารักซะไม่มี (ไม่มีที่จะให้เกลียดน่ะคะ)   ถึงมันจะเป็นแค่หน้าซีกเดียวก็เถอะนะ  ^__^** การได้เจออะไรที่มันเป็นความสุขทางสายตา  มันทำให้อารมณ์จังเลยน้า..... 
    ชั้นตั้งใจฟังที่อาจารย์เค้าพูดต่อจนจบ   และกล่าวปิดงานปฐมนิเทศลง   ทั้งยังร่วมเฮ  และดีใจไปกับคนหลายร้อยคนที่หอประชุม    เราถลาลงมาจากหอประชุมแบบดีสุดๆเพราะในที่สุดก็จะได้เป็นอิสระซะที   ชั้นก้าวออกจากโรงเรียนเพื่อไปขึ้นรถประจำทางกลับบ้าน   ฝนตกลงมาอีกครั้ง  แต่คราวนี้ชั้นรู้แล้วว่าตัวเองก็เอาร่มมา
    (แบบว่าเพิ่งสำนึกได้อ่ะค่ะ)  ชั้นเดินไปท่ามกลางสายฝนและร่มหนึ่งคัน  พร้อมกับก้าวขายาวๆไปตามทางเดิน    ฝีเท้าของชั้นหยุดอยู่ที่ป้ายรถเมย์   เพียงไม่นานรถประจำทางก็จอดรับผู้โดยสารขึ้น  ชั้นกวาดตามองไปบนรถ  ...ไม่มีที่ว่างเลยค่ะ  คนเก็บตังค์ที่ตะโกนให้ชิดในดังเรื่อยๆ   ชั้นก้าวเข้าไป  เบียดเสียดกับผู้คนท่ามกลางความอับชื้นและกลิ่นของไอฝนที่ยังติดอยู่ที่เสื้อ   คนเก็บตังค์นั้นก็ดันคนอื่นขึ้นมาเรื่อยๆจนตอนนี้ชั้นหยุดอยู่ตรงที่เกือบท้ายรถ   ชั้นเอามือจับราวเหนือหัวไว้แน่น   พลางแอบดูผู้ชายที่นั่งอยู่เบื้องหน้า   อกเสื้อด้านขวาของเขาปักเป็นอักษรย่อเดียวกันกับชั้น   ชั้นเขยิบเข้าไปใกล้ๆ.... ผู้ชายคนนั้นช้อนสายตาขึ้นมาเห็นชั้นพอดีและกำลังจะลุกขึ้นเพื่อให้ชั้นนั่ง 

    เฮ้ย  ไม่เป็นไร  นั่งต่อเหอะ ฉันพูดอย่างรวดเร็วเพราะแน่ใจว่าสุภาพสตรีที่สมควรจะนั่งมีแค่ชั้นคนเดียว   โดยไม่มีวี่แววของคนชราและท่าทางของคนพิการหรือเด็กอยู่แถวๆนั้นแม้แต่น้อย   ผู้ชายคนนั้นยิ้มให้ฉัน 

    อยู่ ม.4 เหรอ?” เสียงของผู้ชายคนนั้นดังขึ้นมา

    อืม ชั้นตอบเค้าไปสั้นๆและยิ้มหวานๆให้  

    เราก็อยู่ ม.4  เหมือนกัน  เธออยู่ห้องไหนล่ะ  ฉันเอ่ยตอบและถามเค้าต่อว่า

    ห้อง2 ค่ะ  เธอล่ะ?”  

    อยู่ห้อง1  ครับ แหม  พูดครับซะด้วย  มารยาทดีเยี่ยม >.,< (เกิดอาการหื่นอีกแล้วยัยเดซ์เอ๊ย!!) ชั้นสำรวจใบหน้าเค้าเงียบๆ  หน้าคมและตาที่สวยได้รูปดีทีเดียว  

    แล้วทำไมเธอไม่นั่งล่ะ  นั่งไม๊เดี๋ยวลุกให้  ผู้ชายคนนั้นถามต่อและตั้งท่าจะลุก 

    อือ...ไม่เป็นไรหรอก  เราเปียกอยู่อ่ะ  อยากยืน เป็นเหตุผลที่ฟังดูงงใช้ได้ทีเดียวเลยใช่ไหมค่ะ   

    ชื่อไรอ่ะ ชั้นสะกิดถามผู้ชายคนนั้นต่อ

    ชื่อกันครับ…” โดยไม่ต้องต้องรอให้ถามต่อ   ชั้นก็เสนอตัวขึ้นมาในทันใด

    เราชื่อเดซ์นะ  ยินดีที่ได้รู้จัก  ^__^” กันทำหน้ายิ้มๆ   เราคุยกันต่อไปสองสามเรื่องโดยอาศัยที่ว่ากันเป็นเด็กเก่ามานาน    ชั้นถามเรื่องการเรียน    เรื่องอาคาร   เรื่องเพื่อน  ฯลฯ ไปจนไม่รู้จะพูดอะไรกันกับกันอีกแล้ว (ไม่งงใช่ไหมคะ)  รถประจำทางก็วิ่งไปเรื่อยๆ   กันเก็บกระเป๋ารวบขึ้นให้กระชับและหันมายิ้มให้   แล้วบอกว่า เราลงแล้วนะ ^__^”  พร้อมกับก้าวออกไปที่ประตู  ซักพักประตูนั้นก็เปิดออกและพาร่างของกันหายออกไปข้างนอก   ชั้นมองไปที่กระจกรถเม็ดฝนยังจับตัวเป็นกลุ่ม   ไอจับเป็นฝ้าหน้าที่กระจกเริ่มจางไป   ข้างนอกรู้สึกว่าฝนคงจะหยุดตกไปเรียบร้อยแล้ว   ชั้นร้องเพลงเบาๆคลอตัวเองไปคนเดียว   และหย่อนตัวเองลงบนที่นั่งของกัน   โดยที่ไม่รู้ว่าเจ้าของที่นั่งคนก่อนก็ร้องเพลงเบาๆ  พร้อมกับก้าวเข้าในบ้านไปเหมือนกัน...

    อย่างเธอแค่มองไม่ได้หรอก      ให้มองอย่างเดียวไม่ได้หรอก

    พบคนโดนใจอย่างเธอถ้าไม่คุยกับเธอ

    ชั้นเสียดายของ..............

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×