ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Vampire Myfriend เพื่อนฉันเป็นแวมไพร์

    ลำดับตอนที่ #2 : เพื่อนใหม่สุดเย็นชากับงานสุดอันตราย

    • อัปเดตล่าสุด 12 ก.ค. 57


     

    ฮ้าว~”เสียงหาวอันดังของผู้หญิงร่างเล็ก เจ้าของผมยาวสีน้ำตาลเข้มปลกหลัง ดวงตาสีดำขลับ เธอยืนรอขบวนรถไฟที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้านี้แล้ว เมื่อเธอหาวเสร็จจึงบิดขี้เกียจอีกรอบสลัดความเหนื่อยล้าที่ต้องตื่นมาแต่เช้าท่ามกลางอากาศอันหนาวเหน็บ มีหิมะตกปรอยๆ

    ฟู่~

    หญิงสาวพ่นลมหายใจยาวๆจนเห็นไอควันออกจากปากของเธอ เป็นสัญญาณว่าอากาศนั้นหนาวจริงๆและหนาวมากๆด้วย

    นานิจัง ลูกต้องไปจริงๆเหรอเสียงหนึ่งดังขึ้นที่หลังของเธอ เธอสะดุ้งนิดๆก่อนจะค่อยๆหันไปพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ

    หญิงวัยกลางคน ตรงหน้าคือ แม่ของเธอที่กำลังมองลูกสาวด้วยแววตาอาลัยอาวรณ์กับการไปทำงานที่ห่างไกลของเธอ แม่ทุกคนก็ต้องแบบนี้เป็นธรรมดาอยู่แล้ว เป็นห่วงลูกของตัวเองเวลาจะอยู่ห่างกัน

    ถ้าไม่ไปใครจะทำงานนี้ล่ะแม่เธอบอกแม่เชิงถาม ก่อนจะเดินเข้าไปสวมกอด

    ปู๊น~ปู๊น~

    เสียงรถไฟ คงจะใกล้มาถึงแล้วสิ คงจะต้องไปแล้วสินะ แต่ตอนนี้จะต้องรีบบอกลาให้เสร็จเพื่อจะได้ไม่มีอะไรติดค้าง

    นานิ สัญญาว่าจะกลับมาอย่างปลอดภัย แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะแม่ก็รู้อยู่ว่าลูกคนนี้น่ะเก่งจะตาย ไม่มีใครทำอะไรได้หรอกเธอปลอบแม่ ก่อนจะค่อยๆคลายอ้อมกอด แล้วมองหน้าผู้เป็นแม่ก่อนจะส่งสายตาแน่วแน่ไปที่หญิงวัยกลางคน เธอมองลูกด้วยสีน้าไม่สู้ดีนัก

    สัญญานะว่าจะดูแลตัวเองดีๆผู้เป็นแม่ถามอีกครั้งด้วยแววตาเศร้าสร้อย บัดนี้ขบวนรถไฟได้มาจอดเทียบชานชาลาแล้ว

    เหลือเวลาไม่มากแล้วที่จะได้คุยกัน

    มิกิยะ เนโกะนานิ ส่งยิ้มปลอบใจให้ผู้เป็นแม่ก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ แล้วหมุนตัวไปที่รถไฟ ก่อนจะเดินไปตรงประตูทางเข้า ผู้เป็นแม่มองตามตาละห้อย ภายในใจเต็มไปด้วยความเป็นห่วง แต่งานของลูกสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใดแม้มันจะอันตรายก็ตาม แต่คำสั่งจากเบื้องบนย่อมต้องน้อมรับทำไม่สามารถขัดได้ เธอทำได้เพียงยอมรับชะตากรรมเท่านั้น

    แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ที่นั่นมีแต่คนเก่งๆ เขาจะต้องช่วยหนูได้แน่ มิกิยะพูดขึ้นขณะประตูรถไฟกำลังจะปิด เสี้ยววินาทีสุดท้ายเธอได้พูดประโยคหนึ่งไว้กับแม่ของเธอว่า

    ขอบคุณที่มาส่งนะค่ะ...

     

     

     

     

     

     

     

    วันต่อมา

    ใครที่จะลงสถานีที่จะถึงต่อไปนี้ กรุณาเตรียมสัมภาระของท่านให้เรียบร้อยแล้วลงได้เลยนะครับ

    เสียงประกาศดังขึ้นเมื่อขบวนรถไฟมาจอดที่หน้าสถานีพอดี ผู้คนจึงพากันกุจีกุจอหยิบข้าวของสัมภาระกันพัลวัน มิกิยะเองก็รีบหยิบกระเป๋าจากข้างๆตัวและเดินแหวกฝูงชนลงมาจากรถไฟอย่างรวดเร็ว

    ตึก!

    ฟิ้ววว

    เมื่อเท้าก้าวพ้นจากบันได มิกิยะก็สัมผัสได้ถึงลมหนาวที่พัดปะทะตัวจนรู้สึกแสบจมูก เจ้าตัวเลยรีบเอามือมาดึงผ้าพันคอขึ้นมาปิดปากปิดจมูกเพื่อลดความหนาว ก่อนจะรีบก้าวเท้าเข้าหมู่ฝูงชนที่เดินกันขวักไขว่มากมายไป

    ไม่ช้ามิกิยะก็เดินพ้นจากสถานีรถไฟ แล้วมุ่งหน้าไปที่สำนักงานใหญ่อย่างรวดเร็ว..

    ตามทางเดิน มีต้นซากุระที่เหลือแต่กิ่งก้านขึ้นอยู่เรียงรายตามถนน ผู้คนที่เดินกันเยอะแยะเริ่มให้เห็นเป็นบางตา เพราะเริ่มเดินออกจากตัวหมู่บ้านคนจนในที่สุดก็เหลือแต่เธอที่เดินอยู่ตามทาง ที่เงียบสงัด

     

     

     

    ดวงตาดำขลับ มองต้นซากุระที่เหลือแต่กิ่งก้านมีหิมะปกคลุม ขณะเดินไปตามทาง ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ต้นซากุระต้นหนึ่ง แล้วค่อยเอื้อมมือไปลูบที่ลำต้นเบาๆ

    เมื่อไหร่ จะถึงฤดูใบไม้ผลิจะมาถึงนะ พวกนายจะได้ฟื้นอีกครั้ง เธอพึมเบาๆก่อนจะค่อยๆหลับตาลงอย่างช้าๆ เหมือนต้องการจะพักผ่อนหลังจากการเดินทางอันยาวนาน

    ฟึ่บ~

    มืออีกข้างหนึ่งของเธอล้วงไปหยิบอะไรบางอย่างขึ้นมาจากกระเป๋า เพื่อเอามาอ่านอีกครั้ง

    มันคือแผ่นลิสท์เล็กๆที่สำนักงานใหญ่ส่งมาให้เธอ

    เนื้อหาข้างในบอกคร่าวๆว่าเธอจะต้องมารายงานตัวที่สำนักใหญ่นี้ เพื่อรวมตัวเหล่าฮันเตอร์ให้มาช่วยกันแก้ปัญหาภายในที่เกิดขึ้น

    มันบอกไว้แค่นี้ เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ‘ปัญหานั่นมันคืออะไร แต่รู้ๆคือว่าต้องมาให้ได้เพราะเขากำชับส่งท้ายมา

    ทีแรกเธอก็ไม่อยากจะมา เพราะเป็นห่วงแม่กับน้องที่อยู่ที่บ้าน แม่ก็ไม่อยากให้เธอไปอีกเช่นกัน เพราะเป็นห่วงที่ต้องไปทำงานที่ห่างไกลจากครอบครัว แต่เมื่อเป็นคำสั่งจากเบื้องบน เธอจึงไม่สามารถขัดได้ จึงต้องยอมมาในที่สุด...

    ถ้าพ่อยังอยู่ก็คงดีสินะ จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงแม่ขนาดนี้มิกิยะพึมพำก่อนจะหยิบรูปภาพที่อยู่ในเสื้อกันหนาวออกมาดูมันเป็นรูปที่เธอถ่ายคู่กับพ่อเมื่อครั้งที่พ่อของเธอยังมีชีวิตอยู่

    ไม่เป็นไร..ครอสซังจะต้องช่วยเราได้..

    มิกิยะคิดขณะที่มองรูปนั้น

    ครอส ไคเอน คือผู้เสนอที่จะดูแลเธอขณะที่ปฏิบัติหน้าที่ เพราะเหตุนี้มันจึงทำให้แม่ของเธอเบาใจลงไปหน่อยที่มีคนดูและลูกสาวแทนเธอ เพราะครอส ไคเอน ก็เป็นคนรู้จักที่ครอบครัวของมิกิยะสนิท และเป็นญาติห่างๆของเธอด้วย

    หลังจากมิกิยะ เดินไปตามทางเรื่อยๆในที่สุดเธอก็เดินมาหยุดที่ประตูรั้วสีดำทะมึนที่สูงกว่าเธอหลายเท่าตัว ข้างหลังประตูเป็นตึกที่ใหญ่ราวกับปราสาทที่ดูเก่าแก่แต่มันก็คงทนมาหลายถึงหลายชั่วอายุคนจนมาถึงปัจจุบัน..

    มิกิยะ เธอเองก็เคยมาที่นี่กับพ่อของเธอได้สัก 2-3ครั้ง ไม่น่าเชื่อว่าจะได้มาเหยียบที่นี่อีกครั้ง

    เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเธอพูดเบาๆก่อนจะเอื้อมมือจะไปเปิดประตูเหล็กใหญ่

    เอี๊ยด!!

    อื้มหืม!” มิกิยะอุทาน เมื่อได้ยินเสียงเสียดสีของประตูที่ดังจนแสบแก้วหู แต่เธอก็จำใจยอมเปิดประตูจนสุดกว้าง

    น่าจะเปลี่ยนประตูได้แล้วนะเก่าขนาดนี้ สนิมเขรอะไปหมด มิกิยะบ่นขณะปิดประตู ก่อนจะปัดฝุ่นในมือแล้วเดินเข้าไปในตึกใหญ่

    ตึ้ก ตึ้ก ตึ้ก

    เมื่อเดินมาเรื่อยๆเธอก็พบชายฉกรรจ์ยืนเฝ้าประตูขนาบทั้ง2ข้าง ทั้ง2จ้องเธอเขม็งแต่เธอไม่รู้สึกกลัวสักนิด กลับทำสีหน้าเฉยๆก่อนจะหยิบบัตรแสดงตนขึ้นมา

    ฉันมิกิยะ เนโกะนานิ ฮันเตอร์จากเขตนาระ มาที่นี่เพื่อรายงานตัวตามคำสั่งเบื้องบนเธอพูดเสียงเรียบแต่หนักแน่น ชายทั้ง2มองบัตรที่เธอถือสักพัก ก่อนจะยอมเปิดประตูให้

    ห้องสำนักใหญ่ อยู่สุดทางแล้วเลี้ยวซ้าย ชายคนหนึ่งบอกเธอ มิกิยะพยักหน้ารับเขาเบาๆ ก่อนที่ประตูจะปิดสนิทลง

    มิกิยะเดินไปตามทางที่ชายคนนั้นบอกไว้ 2ข้างที่ดูให้เห็นลางๆเพราะแสงจากคบเพลิงที่ติดไว้ตามกำแพง บรรยากาศดูวังเวงน่ากลัว แต่เท้าของมิกิยะก็ยังคงก้าวเดินต่อไปอย่างไม่กลัวอะไรจนในที่สุดก็เดินมาถึงประตูห้องสำนักงานใหญ่

    มือเรียวๆของมิกิยะค่อยเอื้อมไปจับกลอนประตูอย่างช้าๆก่อนจะค่อยๆผลักประตูเข้าไป

    สงสัยจะมาแล้วเสียงหนึ่งพูดขึ้นขณะมิกิยะกำลังจะปิดประตูห้องลง

    ปึง!

    มาแล้วๆ เสียงที่มิกิยะเคยได้ยิน จนเธอต้องทอดสายตาไปมองว่านั่นคือใคร เสียงนั่นก็คือเจ้าของสีผมข้าวฟ่างนั่นเอง

    ครอสซัง ไม่เจอกันนานเลยนะค่ะมิกิยะทักทายก่อนจะเดินเข้าไปหา ครอสซังที่ยืนอยู่กับชายที่เป็นฮันเตอร์อีกคน

    ไคเอน ส่งยิ้มให้ก่อนจะเดินเข้าไปต้อนรับ

    โตขึ้นหน้าเหมือนพ่อมากเลยนะ จำได้ว่าเจอกันครั้งสุดท้ายก็ประมาณมิกิยะอายุ 10ขวบได้ล่ะมั้ง ฮะๆ ไคเอนบอก มิกิยะส่งยิ้มให้ก่อนจะหัวเราะเบาๆ

    ครอสซังก็ไม่เปลี่ยนไปเลยนะคะ อยู่ยังไงก็อย่างงั้นมิกิยะชมบ้าง ทั้ง2จึงหัวเราะพร้อมๆกัน

    ไม่หรอก มิกิยะจังมานี่ได้บอกแม่รึเปล่าว่าไม่ต้องห่วงลูกสาวน่ะ ครอสซังตอบก่อนจะถามไถ่ มิกิยะบ้าง เธอพยักหน้ารับเบาๆ

    บอกสิค่ะ ขืนไม่บอกแม่ต้องอยู่ไม่เป็นสุขแน่ๆ มิกิยะตอบ ไคเอนยิ้มรับก่อนจะเอามือมาลูบหัวมิกิยะครั้งหนึ่ง ก่อนจะหันหน้าไปบอกอะไรบางอย่างกับฮันเตอร์ชายคนนั้น

    ฉันฝาก เธอลงชื่อมิกิยะแทนด้วยนะ ฉันจะพาเธอกลับแล้ว

    อ้าว? เธอไม่ได้อยู่ที่นี่หรอกเหรอครับ ชายคนนั้นถามไคเอน อย่างงุนงงและสงสัย ไคเอนจึงหัวเราะเบาๆ

    ฉันอาสาครอบครัวว่าจะดูแลเธอแทนน่ะ ไม่งั้นจะมีปัญหา แม่ของมิกิยะเขาเป็นคุณแม่ประเภทห่วงลูกสุดๆน่ะนะ ไคเอนบอกแกมล้อมิกิยะนิดๆ เธอก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆรับไป

    มันก็จริงล่ะนะ..

    ครับ ทางนี้ผมจะจัดการให้ชายคนเดิมรับคำ ไคเอนขอบคุณเขาอีกครั้งก่อนจะหันมาทางมิกิยะที่ยืนรออยู่

    งั้นกลับกันเถอะ เดินทางมาเหนื่อย จะได้ไปพักผ่อนนะไคเอนบอกเธอ มิกิยะขานรับก่อนจะเดินกลับไปพร้อมกับ ครอส ไคเอน

    ขณะเดินกลับ...

    งานนี้คงจะเหนื่อยหน่อยล่ะนะ ไหวรึเปล่านานิจัง?” ไคเอนถามเธอขึ้นขณะเดินไปด้วยกัน มิกิยะหัวเราะนิดๆก่อนจะสั่นหน้าเบาๆ

    หนักกว่านี้ก็เคยเจอมาแล้วค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอกนะค่ะสบายใจได้เลยมิกิยะบอกอย่างมั่นใจ ไคเอนหันมายิ้มให้ ก่อนจะหันหน้าเดินต่อไป

    เอ่อ คือว่าฉันอยากจะรู้น่ะค่ะว่า ทำไมงานนี้ถึงต้องรวมหมู่พวกเหล่าฮันเตอร์ด้วยล่ะค่ะ มันเรื่องใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอค่ะ มิกิยะถามขึ้นหลังจากที่สงสัยมานาน ซึ่งเธอก็ตั้งใจมาถามตั้งแต่แรกแล้ว

    เมื่อไคเอนได้ยินคำถามของเธอ สีหน้าเขาที่กำลังอารมณ์ดีเริ่มเครียดขึ้นมาทันที มิกิยะรู้สึกจะเดาอารมณ์ออก

    ใช่ งานนี้น่ะมันไม่ใช่ที่จะได้แก้ปัญหาได้คนเดียวมันต้องช่วยกันระดมแก้น่ะ

    ไคเอนเริ่มเกริ่นเรื่อง มิกิยะจึงตั้งใจฟังทันที

    เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อ2 อาทิตย์ก่อน เมื่ออยู่ๆแวมไพร์ในสภาอาวุโสได้ถูกลอบทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และร่องรอยที่ถูกทำร้ายมันเกิดจากอาวุธของพวกฮันเตอร์น่ะไคเอนอธิบาย มิกิยะตกใจกับคำบอกเล่าจนตาค้างมือไม้สั่นไปหมด

    เราถูกใส่ร้ายเหรอค่ะมิกิยะถามด้วยน้ำเสียงกังวล ไคเอนพยักหน้ารับเบาๆ

    ใช่ เหมือนมีคนจงใจยุให้ให้ทั้ง2ฝ่าย เกิดสงครามกัน ทางสมาคมฮันเตอร์เองก็เกรงว่าจะมีหนอนบ่อนไส้จริงๆ จึงได้ส่งลิสท์ไปให้ฮันเตอร์จากทั่วสาระทิศมารวมตัวกันที่นี่เพื่อป้องกันไม่ให้พวกศัตรูทำงานกันไม่สะดวก ถ้าไม่รวมตัวกันมันจะดูแลลำบากน่ะ

    มิกิยะเมื่อได้ฟังคำบอกเล่าจากไคเอน มันทำให้เธอเข้าใจอะไรหลายๆอย่างมากขึ้น และเธอก็เริ่มเข้าใจเหตุผลที่มารวมตัวกันด้วย

    แล้วฝ่ายนั้นต้องการอะไรเหรอค่ะ?”มิกิยะถามเพราะอยากรู้สาเหตุ แต่ไคเอนกลับส่ายหัวเบาๆ

    พวกเราเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ในเวลานี้ก็ได้แต่หาเบาะแสของผู้กระทำเหตุแล้วก็จุดประสงค์ที่พวกนั้นทำลงไปล่ะนะ

    มิกิยะถอนหายใจเบาๆเมื่อฟังคำอธิบายจบก่อนจะค่อยๆใช้สายตามองไปตามทางยาว

     รู้สึกไม่ค่อยดีหน่อยๆกับงานที่ตัวเองจะได้ทำ แต่ถ้าไม่มาช่วยกันปัญหามันจะจบเมื่อไรกัน

    ครอสซัง ไม่ต้องห่วงนะนะค่ะถ้ามีอะไรให้ฉันช่วยได้บอกมาเลยนะค่ะ!”มิกิยะบอกอย่างกระตือรือร้น ไคเอนยิ้มและพยักหน้ารับเบาๆใจใจรู้สึกโล่งขึ้นในที่มิกิยะไม่คิดอะไรมากกับงานที่เธอจะได้ทำ

    ดีใจจังเลยนะ ที่มิกิยะไม่กังวลอะไรขอบใจนะไคเอนบอกมิกิยะ เธอยิ้มรับก่อนจะส่งสายตาอันมุ่งมั่นให้ไคเอน

    ไม่เป็นไรค่ะครอสซังเธอพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

    เอ่อ..ฉันว่า เธออย่าเรียกฉันว่าครอสซังเลยนะ มิกิยะมีศักดิ์เป็นหลานฉัน ฉันอยากจะให้เธอเรียกฉันว่าคุณน้ามากกว่าน่ะ เพราะเราเองก็ไม่ได้ใช่คนอื่นที่ไหนไกลไคเอนบอกพลางเอามือมาลูบหัวตัวเองแก้เก้อ มิกิยะมองหน้าไคเอนอย่างสงสัยหน่อยๆ

    แต่ว่า ฉันไม่ใช่หลานแท้ๆนี่ค่ะ อีกอย่างเราก็เป็นญาติที่ห่างกันมากๆด้วย ฉันอยากจะให้ความเคารพคุณมากกว่านี้น่ะค่ะมิกิยะบอกตรงๆ จนไคเอนผงะ เขาจึงรีบเอามือมาโบกอย่างรวดเร็ว เธอถึงกับทำสีหน้าตกใจว่ามีอะไรงั้นเหรอ

    อย่าพูดจาใจร้ายอย่างงั้นสิ ฉันกับคุณพ่อเธอสนิทกันมากๆเชียวนะ มิกิยะเองก็เห็นหน้าฉันตั้งแต่ตัวน้อยๆ และก็ถึงแม้เราจะเป็นญาติที่ห่างกันมากๆก็เถอะ แต่ถือว่ามิกิยะก็เป็นหลานฉันนะ นะๆๆฉันอยากให้เธอเรียกว่าฉันว่า คุณน้าน่ะ น้าๆๆๆไคเอนหาเหตุผลทั้งหมดที่มีอยู่ในสมองขอร้องมิกิยะพลางทำท่าซะน่าสงสารประกอบ จนมิกิยะหัวเราะแหะๆพลางเอามือเกาหัวอย่างอายๆกับท่าทีจริงจังแต่ง้องแง้งของไคเอน แต่เธอก็ยอมรับคำแต่โดยดี

    กะ..ก็ได้ค่ะ คะ คุณน้ามิกิยะรับคำ พร้อมพูดคำว่าคุณน้า ในที่สุดไคเอนจึงยอมสงบลง

    ขอบใจมากนะมิกิยะไคเอนบอกพร้อมรอยยิ้ม มิกิยะยิ้มรับแบบเจื่อนๆ แต่เธอก็รู้สึกดีที่ไคเอนมองเธอเป็นญาติคนนึงของเขา

    แวบ~

    แสงอาทิตย์ทอแสงขึ้น มิกิยะกับไคเอนหันไปมองแสงนั้นพร้อมกัน เธอยิ้มอย่างดีใจที่แสงอาทิตย์แรกในฤดูหนาวปรากฏขึ้น หลังจากที่เธอไม่ได้เห็นมันมาตั้งแต่ฤดูหนาวก้าวย่าง ในที่สุดเธอก็จะได้รู้สึกอบอุ่นซะบ้าง

    แสงนั่นสวยจังเลยนะค่ะ ดูอบอุ่นด้วยสิมิกิยะพูดขึ้นขณะมองแสงอาทิตย์ที่ส่องแสงอ่อนๆ

    ไคเอนที่มองอยู่ด้วยพยักหน้ารับเบาๆ

    นั่นน่ะสิ อาทิตย์ส่องมาแล้วก็คงจะอุ่นขึ้นบ้างล่ะนะ หนาวมาตั้งนานไคเอนพูดบ้าง มิกิยะขานรับเบาๆอย่างเห็นด้วย

    ไปกันเถอะค่ะ ฉันอยากจะเห็นโรงเรียนของคุณน้าจะแย่อยู่แล้วมิกิยะเร่งไคเอนด้วยความตื่นเต้น ไคเอนยิ้มรับแล้วพยักหน้าให้

    อื้ม ไปกันเถอะไคเอนบอกมิกิยะ แล้วทั้ง2คนก็เดินทางกันต่อท่ามกลางแสงแดดอบอุ่นที่ส่องลอดมาตามต้นซากุระที่มีหิมะปกคลุม ตามทางยาว

     







    ที่
    โรงเรียนเอกชนครอส..

    โห..โรงเรียนยังกะปราสาทแน่ะ สุดยอด..มิกิยะอุทานพลางมองไปรอบๆตัวที่มีแต่ตึกของโรงเรียนล้อมรอบอย่างตื่นตาตื่นใจ

    เกิดมาก็เพิ่งจะเห็นโรงเรียนใหญ่ๆก็วันนี้แหละ..

    มิกิยะคิดในใจ

    หลังจากที่ดูตึกอาคารจนครบแล้วเธอจึงเดินไปหาไคเอนที่ยืนรอเธออยู่หน้าตึกหนึ่งตึกที่ใหญ่ที่สุด

    เป็นไงสวยดีมั้ย?”ไคเอนถามมิกิยะ เธอพยักหน้ารัวทันที

    สวยและก็ใหญ่มากๆเลยค่ะ คุณน้า นี่เก่งจังเลยนะค่ะที่สามารถก่อตั้งโรงเรียนเองขึ้นมาได้มิกิยะเอ่ยปากชมไคเอน เขาถึงกับเกาหัวแก้เขินทันทีเมื่อได้รับคำชม

    ฮะๆก็ไม่ขนาดนั้นหรอก มิกิยะชมเยอะไปนะไคเอนบอกมิกิยะ แต่เธอกับส่ายหน้าหงึกๆ

    ไม่ค่ะ คุณน้าเก่งจริงๆ สามรถแบ่งเวลาการเรียนไนท์คลาสและก็เดย์คลาสได้อย่างเหมาะเจาะ เนื้อหาเรียนก็เหมาะกับเด็กในวัยนี้ ทั้งพยายามจะสร้างสันติสุขระหว่างแวมไพร์กับมนุษย์ ทำได้ถึงขนาดนี้ไม่ชมว่าสุดยอดจะให้พูดยังไงกันค่ะมิกิยะพูดรัวจนแทบฟังไม่ทัน ไคเอนก็ได้แต่หัวเราะแล้วเกาหัวแก้อาการเก้อ ก่อนจะเอามือมาลูบหัวมิกิยะเบาๆ

    ขอบคุณสำหรับคำชมนะ เอาล่ะเข้ามาข้างในก่อน ข้างนอกมันหนาวนะมานั่งผิงไฟลดหนาวกันเถอะไคเอนเอ่ยชวน มิกิยะพยักหน้ารับอย่างตื่นเต้นที่จะได้เข้าไป เมื่อไคเอนเปิดประตูเธอก็รีบเดินเข้าไปข้างในทันที

    ฟรึ่บๆ

    ไคเอนปัดหิมะที่เกาะติดตัวออกก่อนจะหันมาหามิกิยะที่ยืนนิ่งอยู่

    ยังไงมิกิยะก็ปัดหิมะที่เกาะตัวก่อนก็แล้วกันนะ แล้วเดินตามฉันมา...เอ่อ..

    มิกิยะจังเป็นอะไรไปเหรอ..?”ไคเอนที่กำลังพูดไม่จบ ได้เปลี่ยนเรื่องพูดทันทีเมื่อเห็นท่าที ของมิกิยะเปลี่ยนไปเหมือนเธอจะตกใจกับอะไรบางอย่างอยู่

    ที่..นี่นอกจากจะมีแวมไพร์ชนชั้นสูงแล้วยังมีระดับล่าง ดะ..ด้วยเหรอค่ะมิกิยะบอกพลางเอามือล้วงเข้าไปหยิบมีดสั้นในกระเป๋า ไคเอนได้ยินดังนั้นจึงนึกออกทันทีว่ายังมีบางเรื่องที่เขาไม่ได้บอกเธอ เขาจึงรีบบอกมิกิยะเสียงดังทันที

    ปัง!

    มิกิยะไวมาก เธอเปิดประตูไปอย่างรวดเร็วมืออีกข้างหนึ่งก็ถือมีดไว้เพราะเธอคิดว่าเป็นพวกที่จะมาลอบทำร้าย แต่ก็ต้องหยุดชะงักก่อน กับประโยคที่ไคเอนพูดออกมา  

    ไม่เป็นไรมิกิยะ เขาคนนั้นเป็นนักเรียนที่นี่น่ะ และเขาก็เป็นฮันเตอร์เหมือนกับเรา ไม่ต้องกังวลเขาไม่ทำอะไรหรอกไคเอนบอกเสียงเรียบพร้อมรอยยิ้มก่อนจะเดินไปปิดประตู มิกิยะจึงรีบเก็บมีดและโค้งตัวขอโทษไคเอนทันที

    ขอโทษนะค่ะที่ทำอะไรไม่ระวังเลย

    ไคเอนหัวเราะเบาๆ ก่อนจะลูบหัวมิกิยะ

    ไม่เป็นไรถือว่าฉันยังไม่ได้บอกอะไรเธอไปเรื่องนะ ป่ะ ไปผิงไฟกันเถอะไคเอนบอกมิกิยะก่อนจะเอ่ยชวน มิกิยะขานรับเบาๆพลางยิ้มหน่อยๆก่อนจะเดินตามไคเอนไป

     

     

     

     

     

     

    ที่ห้องนั่งเล่น

    ดวงตาสีดำขลับกำลังจ้องมองไฟที่กำลังลุกไหม้ พร้อมมีเสียงดังจากการเผาไหม้ของถ่าน มิกิยะจ้องมองมันสักพักก่อนจะหันไปหาเสียงที่เรียกเธอจากด้านหลัง

    มิกิยะ เป็นยังไงบ้างอุ่นขึ้นมั้ย ?”ไคเอนถาม ขณะที่เขากำลังชงเครื่องดื่มอยู่ที่โต๊ะ มิกิยะยืนขึ้นก่อนจะยิ้มให้

    อุ่นขึ้นเยอะเลยค่ะ ขอบคุณนะค่ะมิกิยะบอกด้วยน้ำเสียงสดใส ไคเอนยิ้มตอบก่อนจะเดินมาหาพร้อมเครื่องดื่มร้อนที่เพิ่งชงเสร็จยื่นให้มิกิยะ

    มิกิยะเอื้อมมือไปรับพร้อมกับคำขอบคุณก่อนจะยกขึ้นมาดื่ม ความร้อนที่เธอดื่มเข้าไปมันทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นและสดชื่นขึ้นมาทันที

    ฮ้า~อร่อยจังมิกิยะพึมพำเบาๆ ไคเอนได้ยินจึงส่งยิ้มให้มิกิยะยิ้มตอบก่อนจะหันไปมองหน้าต่าง ที่สามารถมองเห็นได้ทุกตึก เธอมองมันด้วยความสนใจมากๆจนต้องเดินเข้าไปดูใกล้ๆ

    ใหญ่จริงๆโรงเรียนนี้มิกิยะพูดเบาๆก่อนจะใช้สายตากวาดมองวิวที่อยู่นอกหน้าต่าง ซึ่งขณะนี้หิมะได้หยุดตกแล้ว เหลือแต่กองหิมะที่อยู่ตามพื้นแต่ละจุดเท่านั้น

    ตรงนั้นเป็นอาคารที่ไว้ใช้เรียนน่ะ ไคเอนพูดขึ้นขณะที่มิกิยะกำลังมองเพลินๆ เธอหันไปมองหน้าไคเอนที่กำลังยืนจิบเครื่องดื่มอยู่ ก่อนจะขานรับเบาๆ

    อ่ะ เอ่อ คือว่าแวมไพร์ที่ฉันสัมผัสได้นี่เขาเคยเป็นคนมาก่อนใช่มั้ยค่ะมิกิยะถามขึ้นหลังจากสงสัยมาได้สักพัก ไคเอนพยักหน้ารับเบาๆก่อนจะเดินมาที่หน้าต่างตรงที่มิกิยะยืนอยู่ แล้วใช้สายตาทอดมองไปที่วิวข้างนอก

    ใช่ เขาเป็นฮันเตอร์ในตระกูลคิริวน่ะเมื่อไคเอนพูดถึงชื่อปุ๊บ มิกิยะก็รู้เรื่องเลยทันทีเพราะเธอก็เคยได้ยินเรื่องนี้มาเช่นกัน

    ใช่คนในครอบครัวที่ถูกแวมไพร์ฆ่าตายเมื่อหลายปีก่อนสินะค่ะมิกิยะถาม ไคเอนตอบเธอเบาๆเธอถึงกับบางอ้อทันที

    น่าสงสารนะค่ะที่ต้องมาสูญเสียอะไรพร้อมๆกันมิกิยะบอกแกมสงสารกับโชคชะตาของเด็กหนุ่มคนนั้นหน่อยๆ ไคเอนจึงใช้มือไปตบบ่าเธอเบาๆเพื่อปลอบใจ

    เอาน่าตอนนี้คิริว เซโร่คุง เขาคงทำใจได้แล้วล่ะเรื่องมันก็ผ่านมานานแล้วล่ะนะไคเอนบอกมิกิยะ เธอพยักหน้ารับเบาๆ

    แต่ว่าสูญเสียสิ่งที่รักไปในเวลาเดียวกัน มันก็คงจะทำใจยากนะค่ะ แต่ในเมื่อรอดมาได้แล้วมันก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปน่ะนะ เพื่อสานความหวังต่อ...มิกิยะพูดเปรียบเปรย จนไคเอนรู้สึกกินใจกับคำพูดที่เธอพูดแล้วนึกถึงใครบางคนทันที

    มิกิยะจังเนี่ยถอดแบบจากพ่อมาเป๊ะเลยนะ หน้าตาการพูดจานี่ใช่เลย ฮึๆมีคนรับช่วงต่อซะด้วยตระกูลนี้ไคเอนพูดชมอย่างล้อๆให้มิกิยะอารมณ์ดี เธอหัวเราะเบาๆกับคำพูดของไคเอน

    มันก็จริงล่ะนะ ก็พ่อเป็นต้นแบบของเรานี่นา

    เอาล่ะตอนนี้หิมะก็หยุดตกแล้ว มิกิยะจังอยากออกไปเดินดูข้างนอกหน่อยมั้ย ตอนนี้ยังมีเวลาเหลือก่อนจะถึงเวลามื้อเย็นนะไคเอนเอ่ยขึ้นพลางมองที่นาฬิกา

    มีหรือที่มิกิยะคนนี้จะทำให้โอกาสหลุดรอยไป มันแหงอยู่แล้วก็ต้องออกไปเดินสิ!

    ค่ะ ฉันอยากไป!”มิกิยะบอกด้วยน้ำเสียงดีใจ ก่อนจะวิ่งไปคว้าผ้าพันคอที่วางไว้อยู่บนเก้าอี้ แล้วเอามาพันคอตัวเองอย่างรวดเร็ว

    งั้นก็เชิญเลย เย็นแล้วกลับมาที่นี่นะไคเอนบอก มิกิยะพยักหน้ารับก่อนจะวิ่งออกจากห้องไป

     

     

     

    ว้าว~สวยจังเลย มิกิยะพูดขึ้นขณะเดินมาถึงน้ำพุ หลังจากเธอดูทุกบริเวณจนเหนื่อยแล้วเธอจึงเดินมานั่งตรงเก้าอี้ม้านั่งที่อยู่ใกล้ๆน้ำพุ

    ตรงนั้นเป็นหอพักของนักเรียนไนท์คลาสน่ะ

    มิกิยะนึกถึงคำบอกเล่าของไคเอน เมื่อมองไปที่กำแพงสูงใหญ่ที่มีประตูไม้แข็งแรงกั้นไว้ ข้างในก็เป็นตึกใหญ่ที่ใช้ไว้เป็นที่พักของนักเรียนไนท์คลาส หรือก็คือ แวมไพร์ชนชั้นสูงที่มาที่นี่

    เมื่อก่อนที่นี่เคยมีแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์อยู่ ณที่แห่งนี้เมื่อ1ปีก่อน แต่ตอนนี้เขาได้ออกเดินทางไปในที่ไกลแสนไกลแล้ว

    อ๊ะ...

    ขณะที่มิกิยะกำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่ๆเธอก็จับสัมผัสแวมไพร์ ตนเดิมได้

    หรือว่า.. คิริวคุง

    เธอหันหน้าไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว ก็พบชายรูปร่างสูงเจ้าของผมสีเทานัยต์ตาสีม่วงยืนมองเธออยู่หลังต้นไม้ ไม่ไกลจากที่เธอนั่งอยู่ตรงนี้ เธอมองเขาอย่างสงสัยเล็กน้อย

    นายคือ คิริว เซโร่ สินะมิกิยะพูดขึ้น ก่อนจะค่อยๆชันตัวลุกขึ้นยืน

    เธอเป็นแวมไพร์ฮันเตอร์ล่ะสิ ถึงจับสัมผัสได้ เซโร่พูดขึ้นตอนที่มิกิยะยังไม่หันมา แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกกลัวอะไรกลับเฉยๆซะมากกว่ามิกิยะยังคงยืนหันหลังให้ไม่หันมามองอีกฝ่าย

    หึ..ผู้อำนวยการหาเรื่องเข้าตัวอีกแล้ว..น่ารำคาญจริงๆ

    มิกิยะชะงักกับคำพูดชองอีกฝ่ายเธอจึงรีบหันไปมองอย่างรวดเร็วแต่ปรากฏว่าอีกฝ่ายได้หายไปแล้วเหมือนไปพร้อมกับสายลม

    หมอนี่พูดอย่างกับว่าเราจะไปเป็นตัวถ่วงเขายังไงก็ไม่รู้สิ..

     

     

     

     

     

    เห้อ~หิมะตกอีกแล้ว กลับมาแล้วค่า~”มิกิยะบ่นขณะเดินเข้ามาในห้องครัว

    ไคเอนเมื่อเห็นว่ามิกิยะมาแล้วเขาจึงรีบไปจัดแจงวางอาหารไว้บนโต๊ะทันที

    มาซักทีนะ งั้นมากินข้าวกันเถอะมิกิยะจัง~”ไคเอนเอ่ยชวน เมื่อมิกิยะมาเห็นภาพเธอถึงกับผงะทันทีเมื่อเห็นไคเอนกลายเป็นพ่อครัวสวมผ้ากันเปื้นสีชมพู มิกิยะถึงกับอยากจะหงายหลังเงิบ

    มะ..เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะค่ะ..มิกิยะบอก ก่อนจะเดินมาที่โต๊ะอาหารที่มีจานข้าววางไว้ แต่ละจานส่งกลิ่นหอมชวนมิกิยะอยากกินจริงๆ

    ฉันทำเพื่อมิกิยะโดยเฉพาะเลยนะ เอ..แล้วคิริวเขาไปไหนเนี่ยไม่มาทักเพื่อนใหม่ซะหน่อยเหรอเย็นชาจริงๆนะไคเอนถามถึงเซโร่ มิกิยะถึงกับเหตุการณ์ที่เธอพบกับเขาครั้งแรกทันที

    เย็นชาทั้งคำพูดและนิสัยจริงๆ

    ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันเจอคิริวคุงที่ข้างล่างแล้วค่ะมิกิยะบอกไคเอน ไคเอนถึงกับไม่เชื่อหูตัวเอง

    อ้าว!ทักกันแล้วเหรอ?”ไคเอนถามมิกิยะ เธอพยักหน้ารับเบาๆ

    งั้นก็แล้วไป…”ไคเอนไม่ว่าอะไร จึงหันไปสนใจกับข้าวที่อยู่ในหม้อต่อ

     

     

    ไม่อยากเล่าตอนที่เจอกันเล้ยย รู้สึกหงุดหงิดสุดๆและก็ไม่อยากให้ครอสซังกังวลกับคำพูดของหมอนั่นด้วยบอกไว้แค่นี้ก็พอ

    มิกิยะคิดในใจขณะกินข้าวฝีมือน้าของเธอไป ขณะที่กำลังเคี้ยวข้าวเพลินปากอยู่ๆก็มีมือยื่นของอะไรบางอย่างให้กับเธอ

    มิกิยะมองอย่างงงๆแต่พูดอะไรไม่ได้เพราะข้าวยังอยู่ในปาก สิ่งที่อยู่ตรงหน้ามันคือปลอกแขนอันเล็กๆที่มีรูปดอกกุหลาบสีแดงๆปักอยู่กับผ้าสีขาว

    นี่คือปลอกแขน ของกรรมการรักษากฎระเบียบน่ะไคเอนอธิบาย มิกิยะจึงแทบสำลักข้าว แต่ก็ต้องรีบกลืนลงคอ

    ให้ฉันเป็นเหรอค่ะ ไม่ดีมั้งคะมิกิยะถาม ไคเอนส่ายหน้าเบาๆ

    ไม่ได้หรอก คนที่จะเป็นได้มีแต่คนที่รู้เรื่องความลับและสามารถเก็บความลับได้น่ะไคเอนอธิบาย มิกิยะจึงพยักหน้ารับเข้าใจก่อนจะเอื้อมมือไปรับปลอกแขนนั้นมาไว้กับมือ

    ถ้ามีอะไรมีที่ฉันช่วยได้ฉันก็จะช่วยค่ะ..มิกิยะบอก ไคเอนยิ้มให้เธอนิดๆก่อนจะเดินมานั่งใกล้ๆกับมิกิยะ

    เรื่องห้องพัก มิกิยะก็นอนที่ตึกนี้ก็แล้วกันนะ ส่วนเสื้อผ้าเสื้อนักเรียนมิกิยะจะได้ทุกๆวันนะ ฉันจะแขวนไว้ให้ที่หน้าประตูเธอก็เอาไปเก็บที่ตู้ของเธอน่ะ ส่วนหน้าที่ที่ฉันมอบให้เธอฉันจะให้คิริวคุงอธิบายให้ในวันพรุ่งนี้นะ

    คิริวอีกแล้วหมอนั่นอีกแล้ว ไม่อยากรวมงานด้วยเล้ยยย

    มิกิยะคิดแต่ก็ต้องยอมรับ เพราะไม่อยากทำตัวเรื่องมากเธอคิดง่ายๆว่า

    มันคงไม่เลวร้ายเท่าไรมั้ง..?

    เธอมองหน้าไคเอนก่อนจะยิ้มให้แล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อไปอย่างเงียบๆไคเอนเห็นว่าไม่มีอะไรแล้วจึงลุกไปทำกับข้าวต่อ

    วันนี้เหนื่อยทั้งวันแล้วไม่อยากคิดอะไรให้มันเหนื่อยขึ้นอีก ใช้ชีวิตต่อไปเรื่อยๆนี่แหละเดี๋ยวมันก็คงจะชินเองน่ะละนะ..

    แม่..เดี๋ยวฉันจะเขียนจดหมายไปหานะว่าฉันสุขสบายดี แล้วไม่ต้องเป็นห่วงเพื่อนที่นี่จะต้องเป็นคนดีแน่ๆ ฉันเชื่อ..

    แต่ตอนนี้ขอพักร่างกายกับสมองหน่อยนะ..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    B B " style="margin-bottom: 0.0001pt; vertical-align: baseline;">  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×