ตอนที่ 9 : In the castle’s Mithbells
โซล เมทิลล่า มิทเบลส์ ผู้เป็นเจ้าของดวงตาสีเขียวมรกตและผมสีแพลตินัมประกายม่วงอ่อน กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงขนาดยักษ์ในห้องของตน หลังจากผ่านเหตุการณ์สุวิสัยขึ้น อลิเซีย เมทิลล่า ผู้เป็นมารดาผู้ทำได้เพียงแค่นั่งจับมือของลูกชายอยู่ข้างๆอย่างกังวลใจ โดยมีบรรดาคนรับใช้ หมอประจำบ้านคอยเฝ้าดูอาการอย่างเป็นห่วง ไม่นานก็มีเด็กชายตัวใหญ่และเด็กหญิงเดินเข้ามาสมทบ
“คุณนายมิทเบลส์คะ คือพวกเราต้องขอโทษจริงๆนะคะที่เป็นสาเหตุทำให้ลูกชายของคุณตกน้ำ…”
“ข้า…เอ่อ กระผมเองก็ขอโทษมากๆเลยครับ!!”
เด็กผู้หญิงตัวเล็กและเด็กผู้ชายตัวใหญ่พากันก้มหัวขอโทษต่อเธออย่างจริงจัง มันทำให้เธอรู้สึกถึงความจริงใจที่ไม่เสแสร้งเหมือนกับที่ๆเธอจากมา แม้เรื่องที่ลูกชายของเธอจะตกน้ำเพราะตกใจเสียงตะโกน แต่เธอก็รู้ว่าเด็กสองคนนี้ไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อเขาเลยซักนิดเดียวแถมยังช่วยพาเขามาส่งบ้านอย่างตรงไปตรงมาอีกด้วย ดังนั้นอลิเซียจึงพยักหน้าให้เด็กน้อยทั้งสองพร้อมรอยยิ้มอันอบอุ่น
“ทางฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณพวกหนูที่ไม่ทิ้งลูกชายจอมซนของฉันเอาไว้และพามาส่งถึงที่นี่”
อลิเซียพูดตอบเด็กน้อยอย่างอ่อนโยน ถ้าตัวเธอสมัยเด็กไปเจอเหตุการณ์แบบนี้คงต้องวิ่งหนีหรือไม่ยอมบอกความจริงเพราะกลัวความผิดเป็นแน่ แต่เด็กสองคนนี้กลับช่วยเหลือลูกชายของเธอได้อย่างทันท่วงทีและสารภาพความจริงออกมาอย่างไม่ปิดบัง
“พวกเราต่างหากที่ต้องขอบคุณที่ทางคุณนายมิทเบลส์ ที่ไม่โกรธพวกเรานะคะ แต่ยังไงที่นายน้อยของคุณนายตกน้ำก็เป็นเรื่องจริงที่มีสาเหตุมาจากพวกเราอยู่ดีค่ะ…”
เด็กหญิงตัวเล็กตอบเธอด้วยน้ำเสียงหนักแน่นมั่นคงจนทำให้ผู้ใหญ่ที่อยู่ในห้องนี้อดที่จะพิจารณาตัวเธอไม่ได้ เด็กผู้หญิงที่ดูสะอาดเรียบร้อยที่มีผมสีดำเหมือนสามัยชนทั่วไปแม้จะดูธรรมดาแต่ดวงตามีแววเฉลียวฉลาดสดใสและอ่อนโยนแม้จะมีร่องรอยของความเป็นห่วงและกังวลใจอยู่บ้าง ทว่าบรรยากาศรอบๆตัวของเด็กคนนี้ทำให้รู้สึกน่าคบหาและไว้วางใจได้เป็นอย่างมาก
ส่วนทางด้านเด็กชายตัวโตที่เป็นพี่น้องกันแม้จะมีบรรยากาศและท่าทางเหมือนกับเด็กทั่วไปแต่ก็ดูน่าเกรงขามและหนักแน่นไม่น้อย ในความคิดของคนในคฤหาสน์มิทเบลส์สองพี่น้องนี้ท่าทางจะถูกสั่งสอนมาดีพอสมควรเลยทีเดียว
“อย่าโทษตัวเองไปเลยค่ะ ฉันเข้าใจว่าพวกหนูไม่ได้ตั้งใจและไม่โกหกกับฉัน ว่าแต่พวกหนูรู้ได้ยังไงว่าเด็กคนนี้อยู่ที่นี้กันคะ?”
อลิเซียถามคำถามที่ค้างคาใจของเธอมานาน เพราะตอนที่กำลังออกตามหา ก็เห็นเด็กสองคนนี้วิ่งตรงดิ่งมาที่เธอพร้อมบอกว่าให้รีบช่วยเขาอย่างด่วนที่สุดเพราะตกน้ำในลำธารด้านหลัง เธอจ้องมองไปที่เด็กสองคนเพื่อหาคำตอบแต่เด็กชายตรงหน้าก็ทำหน้าสงสัยไม่แพ้กันและกันไปมองน้องสาวของตัวเอง อลิเซียเลยหันไปที่เด็กหญิงตัวน้อยเพียงคนเดียวด้วยตาม
“เอ่อ นั้นก็เพราะพวกเราเป็นเด็กที่อาศัยอยู่ที่นี้ ดังนั้นพวกเราจึงรู้จักเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันในหมู่บ้านแห่งนี้อยู่แล้ว และอีกอย่างมีเพียงคนของที่นี่พึ่งย้ายเข้ามาใหม่ พอมองจากการแต่งกายของนายน้อยที่ประณีตและดู เอ่อ ราคาแพงกว่าธรรมดาเราจึงคิดว่าเขาต้องมาอยู่ที่คฤหาสน์หลังนี้แน่ๆค่ะ”
เมื่อได้ยินคำตอบนั้นอลิเซียก็รู้สึกถูกชะตากับเด็กหญิงตัวน้อยนี้ทันที ช่างเป็นเด็กที่ช่างสังเกตและคิดวิเคราะห์ หากได้เกิดในตระกูลพ่อขายใหญ่ๆเหมือนเธอคงช่วยกิจการครอบครัวได้ไม่น้อย และนั้นก็ทำให้อลิเซียตัดสินใจอะไรได้บางอย่าง
“หนูช่างเป็นเด็กฉลาดจริงๆ งั้นน้าจะขออะไรพวกหนูซักหน่อยได้มั้ยคะ”
เสียงหวานพูดกับเด็กชายหญิงสองคนอย่างเอ็นดูมากขึ้น ส่วนทางเรนเดียร์และโยริได้แต่หันมองหน้ากันไปมา จนพี่ชายอย่างเรนเดียร์ทำสีหน้าบ่งบอกว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของน้องเลย แน่นอนนั้นเป็นเพราะถ้าในเหตุการณ์แบบนี้น้องสาวย่อมตัดสินใจได้ถูกกว่าเขาทุกอย่าง
………
[Yori]
การแสดงความจริงใจคือพื้นฐานสำคัญของมนุษย์ ฉันอยากให้พวกเราเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน และพวกเค้าจะไม่คิดมาหาเรื่องชาวบ้านตัวเล็กๆอย่างบ้านของเรา แต่คุณแม่ของโซลนี่เป็นคนดีกว่าที่คิดมากเลยทีเดียว ดวงตาสีเขียวมรกตและผมสีทองอร่ามตาแถมดูจากโครงหน้าหวานสวยนั้นก็คล้ายกับคุณพระเอกที่เป็นลูกถึงแปดในสิบเลย แต่ฉันก็ไม่เคยเห็นท่านโผล่มาในเกมหรือแม้กระทั่งตัวโซลเองเมื่อโตขึ้นก็ไม่ค่อยพูดถึงท่านเท่าไหร่ หรือจะเกิดอะไรบางอย่างขึ้นกับเธอ???
ตอนนี้คุณนายมิทเบลส์ก็มาขอให้พวกฉันเป็นเพื่อนกับคุณพระเอกด้วย ซึ่งคิดๆดูแล้วคงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร อย่างน้อยก็ช่วยทำให้คุณพระเอกได้มีเพื่อนเพิ่มขึ้นด้วยล่ะนะ ยังไงทั้งฉันและครอบครัวก็เป็นตัวประกอบที่บังเอิญอาณาเขตบ้านติดกันเท่านั้นเอง ในเมื่อพี่เรนเดียร์ให้ฉันตัดสินใจแล้วด้วยฉันเลยตอบตกลงเรื่องนี้ไปและจะขอมาเยี่ยมนายน้อยที่นี้บ่อยๆ
แต่ก่อนจะกลับคุณนายมิทเบลส์กับพวกเราก็คุยอะไรกันนิดหน่อยทำให้เธอรู้ว่าจริงๆบ้านเราอยู่ใกล้ๆกันและเธอก็บอกอีกว่าในเมื่อพวกเราจะเป็นเพื่อนกับลูกชายของเธอและเธอเองก็ไม่ค่อยชอบถูกเรียกห่างเหินซักเท่าไหร่ เลยให้พวกเราเปลี่ยนคำเรียกจากคุณนายมิทเบลส์มาเป็นคุณน้าอลิเซียแทน(เพราะของฉันและพี่เรนเดียร์อายุมากกว่าเธอ) และในตอนขากลับคุณพ่อบ้านวัยประมาณ50กว่าของคฤหาสน์มิทเบลส์ก็เดินออกไปส่งเราด้วยตัวเองและเพื่อช่วยอธิบายเรื่องที่พวกเราหายไปไหนนานๆกับคุณพ่อคุณแม่ด้วย
………..
ในตอนนั้นฉันกังวลกับการทำให้คนใหญ่คนโตไม่โกรธจนลืมนึกเรื่องสำคัญไปว่าการแสดงออกที่ทำเป็นประจำของตัวเองนั้นไม่นับว่าเป็นเด็กปกติเลยซักนิด แต่เพราะครอบครัวและคนในเมืองนี้มองข้ามเลยลืมคิดว่าคนอื่นนั้นอาจไม่ได้มองข้ามเรื่องนี้ให้ผ่านไปเหมือนที่ผ่านมา
เพราะการกระทำของฉันในตอนนั้นเลยส่งผลให้กลไกแห่งชะตากรรมบิดเบี้ยวออกไป กว่าฉันจะรู้สาเหตุในเรื่องนี้วันเวลาก็เลือนผ่านไปนานแสนนานเสียแล้ว
-------------------------------------------------------
ตอนนี้สั้นๆกันไปค่ะ คุณแม่อลิเซียคิดอะไรกับโยริกันค๊าาาาาา
ตอนหน้าพวกเด็กก้ได้เล่นและทำความรู้จักกันอย่างจริงๆแล้วค่ะ
หืมอะไรงานโปรเจ็ตที่ต้องทำเหรอ? ไรท์ฯจำอะไรไม่ได้เลยยยยยยยยย
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สงส้ยว่าเหตุการณ์ในอนาคตที่เปลี่ยนแปลงจะมีอะไรบ้าง
ส่วนเรื่องอนาคตนั้นเรามาลุ้นไปด้วยกันนะคะ
รอหลายวันอ่านไม่ถึงนาที แต่.....อิ่มใจสุดๆ