ตอนที่ 6 : ตอนที่ 4 คาราวะท่านหมอเทวดาเฉินฮุ่ย 65%
ตอนนี้โลกทั้งโลกไม่ได้หยุดหมุนแต่มันนิ่งเงียบ ในตอนที่เห็นชุดสีเขียวใบไผ่แล้วใบหน้ารูปงามปานเทพเซียนที่อยู่บนสวรรค์กำลังยกเท้าค้างไว้อยากงดงามก็เกือบจะร้องว๊ากออกมาดังๆแต่พอเห็นหน้าช็อคของอีกฝ่ายตัวเองก็ดันช็อคด้วยซะอย่างนั้น ถ้าจำไม่ได้ว่าตอนนี้เป็นผู้ชายอยู่ฉันคงตามไล่ฆ่าอีกฝ่ายทิ้งไปแล้วที่มายืนมองคนกำลังอาบน้ำ แต่เพราะอีกฝ่ายเป็นคุณหมอรูปงามดังนั้นโจงหานเฟิงคนนี้ก็ไม่คิดที่จะโกรธหรอกนะ หึหึ
แต่เหมือนหมอเฉินจะไม่คิดแบบนั้นเท่าไหร่ สีหน้าของคนงามดูจะดำคล้ำลงทุกทีๆแต่ฉันขอบอกไว้เลยว่าความสวยของเขาก็ไม่ได้ลดลงไปเลย อืม นี่สินะคนดูดีทำอะไรก็ดูดีจริงๆ
“เจ้ายังจะยืนแก้ผ้ากลางบ้านอยู่อีกนานหรือไม่?”
ฉันรู้สึกเหมือนว่าริมฝีปากตัวเองกระตุกอยู่หน่อยๆไม่ใช่ว่าฉันเป็นเจ้าของบ้านที่ล็อกประตูปิดหน้าต่างไว้แล้วดันมีใครบางคนพังประตูเข้ามาหน้าด้านๆเองหรอกเหรอ แต่ถึงแบบนั้นก็พูดตอบไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้มไว้ก่อนอยู่ดี อย่างน้อยฉันก็รู้จักรบุญคุณคน ในเมื่อเขาเป็นหมอที่ช่วยทำแผลให้ถ้าอยากจะดูร่างกายนี้ฉันก็จะให้ดู!!
“ท่านหมอเฉินข้าพึ่งรู้ว่าท่านมีรสนิยมแบบนี้....เฮ้อ น่าเสียดายยิ่งนัก”
ฉันทำท่าบิดเขินอายไปมาทำเป็นพยายามปิดบังร่างกายตัวเองอย่างหวาดๆพร้อมทำหน้าตาตื่นตกใจระคนเจ็บช้ำแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกหงุดหงิดที่สุด
ฉันลอบจับตาดูปฏิกิริยาของท่านหมอด้วยความรู้สึกสนุกสนานยิ่ง เพราะตอนนี้ท่านหมอที่เคยมีสีหน้าเรียบเฉยเริ่มมีเส้นเลือดขีดเล็กๆสามขีดปรากฏอยู่บนขมับด้านซ้ายของเขา
“เจ้าคนไร้ยางอาย....”
ท่านหมอพูดด้วยสีหน้าที่หยิ่งและเย็นชาทำให้ดูห่างเหินและเข้าหายาก แต่สำหรับฉันมันคือการท้าทาย หึ ฉันจะต้องทำให้คนตรงหน้าหลุดภาพลักษณ์แบบนั้นออกมาให้ได้ สำหรับฉันแล้วคิดว่าคนที่กวนตี_ที่สุดไม่ใช่คนที่พูดกวนตี_แต่เป็นคนที่หยิ่งทะนงตนเหนือผู้อื่นต่างหากที่ดูกวนตี_มากกว่า
“โอ๊ะ โอ แล้วท่านเล่าท่านหมอเหตุใดถึงได้ยืนจ้องข้าเสียจนแทบจะทะลุอยู่เยี่ยงนั้น นั่นมิใช่เพราะว่าท่านเองก็ไม่มียางบนหน้าหน้าหรอกรึ?”
พอฉันพูดออกไปแบบนั้นด้วยรอยยิ้มใสซื่อก็ก้มลงหยิบเสื้อผ้าเอามาใส่ใหม่อยากไม่สะทกสะท้าน และทำเป็นไม่สนใจอีกฝ่ายแต่จริงๆก็แอบลอบมองสีหน้าท่าทางอยู่ จริงๆก้อยากจะยืนหน้าไม่อายท้าทายอีกฝ่ายนานๆอยู่หรอกแต่ตอนนี้ถ้าเกิดน้องสาวข้างบ้านเดินมาเห็นเข้าเพราะประตูมันพังเดียวจะกลายเป็นเด็กใจแตกไปซะเปล่าๆ
ตอนนี้ท่านหมอเฉินที่ฉันจับตาดูอยู่ก็ทำให้ฉันผิดหวังนิดหน่อย แม้บางครั้งหน้าจะดูอึมครึมไปบ้างแต่ก็กลับมาเป็นปกติแล้วสงสายตาที่เหมือนก้อนน้ำแข็งนั้นก็ยังคงสงบนิ่งเหมือนเดิม ชิ!
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะแตกต่างกับที่ชาวบ้านคนอื่นๆพูดเสียเหลือเกินนะ นี่คือตัวตนที่แท้จริงของเจ้า?”
เขาพูดออกมาอย่างดูแคลน ฉันเองก็อยากจะบอกอยู่หรอกนะว่าฉันก็ไม่ใช่คนเดิมกับที่ชาวบ้านเหล่านั้นรู้จักกัน ว่าแต่ท่านหมอคนนี้รู้จักเรื่องราวของหลันฮวาด้วยเหรอเนี้ย ดูเหมือนเป็นพวกที่ไม่ค่อยชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านแท้ๆ
“ดูเหมือนท่านหมอเองก็ดูจะแตกต่างกับรูปลักษณ์ภายนอกอยู่เหมือนกันมิใช่รึ?”
ฉันยิ้มเยาะให้กับหนุ่มรูปงาม นั้นสินะแม้จะดูบริสุทธิ์เหมือนเทพเซียนขนาดไหนแต่สุดท้ายมนุษย์ก็คือมนุษย์ ขนาดในนิยายพวกเหล่ามนุษย์ที่อยากเป็นผู้ฝึกตนกลายเป็นเซียนอยู่บนสวรรค์ยังต้องฆ่ากันไปฆ่ากันมาเลย จนไม่รู้ว่าจะไปเป็นเซียนหรือไปเป็นมารกันแน่
“....เอาล่ะข้าไม่อยากมาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระ เจ้าตามมานี่”
ท่านหมอขัดจังหวะความคิดของฉันแล้ววางท่าเหมือนกับเป็นเจ้าของบ้านก่อนจะเดินนำไปที่...ห้องนอนของฉัน
“เอ่อ เดียวนะท่านหมอ...ทำไมถึง...”
ตอนนี้ภาพในหัวของฉันส่งกลิ่นสีม่วงลอยตลบอบอวน ด้านหน้าเป็นหนุ่มรูปงามร่างบางกว่าและเตี้ยกว่าฉัน กำลังเดินนำเข้าไปในห้องนอนที่ตอนนี้ในบ้านมีแค่พวกเราอยู่กันสองต่อสอง และแน่นอนฉันเป็นชายหนุ่มชุดสีแดงสุดหล่อเหลา นี่เป็นไปได้ว่าคนตรงหน้าต้องการรวบหัวรวบหางฉัน? แค่กๆ ไม่ใช่อย่างแน่นอน ถ้าให้เดาจริงๆท่านหมอคงมาตรวจอาการเท่านั้นแหละ
ทว่าภาพฉากที่ท่านหมอเดินยั่วยวนแล้วทอดลงบนเตียงแข็งๆนั้นก่อนจะดึงผ้าคาดเอวออกจากตัวของหนุ่มหล่อที่เหมือนกับร่างกายของฉันก็ไม่ยอมออกจากหัวไปได้ง่ายๆ แต่ว่านะเพราะจริงๆแล้วฉันเป็นผู้หญิงดังนั้นเรื่องที่คิดว่าตัวเองได้ XXXกับหนุ่มรูปงามด้วยร่างกายของหนุ่มรูปงามแล้วมันแหยงๆแปลกๆยังไงก็ไม่รู้
แบบนี้รึป่าวที่เขาบอกกันว่าถึงจะเป็นหนุ่มวายแต่ไม่ได้เป็นเกย์? ไม่สิสถานะของฉันมันซับซ้อนกว่าที่จะจำกัดความได้แล้วจริงๆ ถ้าถามว่าอยู่ในร่างผู้ชายแล้วมีอารมณ์กับสาวงามหรือไม่ ก็ไม่มีทางที่จะเป็นแบบนั้นแน่นอน
ฉันจึงนึกถึงเรื่องน้ำยาหยินหยางที่หลันฮวาพูด ในตอนแรกถ้าคิดแบบไม่คิดหน้าคิดหลังมันเหมือนกับไม่สำคัญแต่สำหรับตอนนี้ฉันก็พึ่งจะมาตระหนักถึงความยุ่งยากทางร่างกายและความรู้สึกที่ต้องแบบรับ ฉันสามารถยอมรับร่างกายนี่ได้ก็จริงแต่สำหรับความรักหรือถ้าเกิดต้องตาต้องใจใครซักคนขึ้นมา...ฉันจะสามารถพูดในร่างนี้ได้เหรอว่าจริงๆฉันเป็นผู้หญิง?
ภายในห้องนอนเมื่อเดินเข้ามาถึงฉันก็หยุดความคิดเกี่ยวกับอนาคตของตัวเองไปก่อนและจ้องมองคุณหมอเฉินที่ทำหน้าเย็นชา ซึ่งแตกต่างกับภาพยั่วยวนชวนขำในจิตนาการเมื่อกี้ลิบลับ ภายในห้องแม้จะเป็นตอนเช้ามันก็ยังคงเงียบกริบ มีเพียงเสียงนกร้องจากด้านนอกเท่านั้นที่ทำให้รู้สึกไม่กดดันจนเกินไป หมอเฉินและฉันต่างมองกันไปมา แล้วสุดท้ายคุณหมอเฉินก็เป็นคนพูดเปิดประเด็น
“ข้าจะมิพูดอ้อมค้อม ดังนั้นข้าจึงอยากสอบถามกับเจ้าโดยตรง...”
“ท่านหมอ เพียงไม่กี่วันท่านก็ตกหลุมรักข้าแล้วรึเนี้ย ย่อมได้ข้าจะบอกก็ได้ว่าข้ายังโสดแล้วก็... ”
“ข้ามิได้จะถามเรื่องนั้น และข้าก็มิได้ตกหลุมรักเจ้า อย่ามากล่าววาจาส่งเดชเช่นนี้อีก!!”
ดูเหมือนตอนนี้ฉันจะสามารถทำให้ท่านหมอตรงหน้าหงุดหงิดขึ้นมาได้แล้ว หึหึ ฉันค่อนข้างพอใจกับผลงานของตัวเองเลยทีเดียว แต่ฉันก็ไม่อยากจะทำให้เขาเกลียดฉันมากเกินไปจนถึงขั้นสกัดจุดกอกยาพิษดังนั้นฉันจึงเอ่ยขอโทษในการพูดล้อเล่นและต้องใจฟังคำถามที่เขาจะถามออกมา
“เมื่อคืนนี้เจ้าได้ทำพันธะสัญญากับสัตว์มายาใช่หรือไม่?”
เมื่อหมอเฉินพูดจบก็มองมาที่มือของฉัน และในตอนนั้นฉันก็พึ่งนึกออกมาเมื่อวานฉันโดนเหล็กแปลกๆจากหีบหน้าหนานั้นแท่งเข้าไป แต่ตอนนี้มันไม่เจ็บแต่มีรอยแปลกๆอยู่ที่ฝ่ามือทั้งสองข้างเหมือนผิวหนังใหม่และผิวหนังเก่าที่ตัดกัน...มันไม่เข้ากันเลยซักนิด
แต่สิ่งที่น่ากังวลใจที่สุดคือสิ่งที่เขาพูดมันน่าจะเกี่ยวกับหีบใบนั้น และฉันเริ่มรู้สึกระแวงคนๆนี้ขึ้นมาทันที บนโลกนี้มนุษย์เชื่อใจไม่ได้ ขนาดพวกพองบางคนยังหักหลังกันเองเลย ดังนั้นฉันจึงทำท่าทางสงสัยอย่างสุดๆส่งตรงไปที่อีกฝ่ายเพื่อให้เขาบอกข้อมูลกับฉันออกมาก่อน แน่นอนว่าถ้าเขาไม่บอกฉันเองก็ไม่คิดจะเปิดปากพูดเรื่องนี้
------------------------------------------45%------------------------------------
“โจวหานเฟิงเจ้าอย่าได้ทำตัวไขสือ ข้าสัมผัสพลังจิตวิญญาณของสัตว์มายาที่ร้ายกาจได้จากบ้านของเจ้า…”
“ข้าเองก็สงสัย ท่านหมอเป็นหมอแต่กลับพูดจาแปลกประหลาดยิ่ง หรือจริงๆแล้วท่านจะไม่ใช่หมอจริงๆกัน?”
ฉันถามกลับไปอย่างที่เล่นทีจริง เพราะเรื่องฝีมือการเป็นหมอนั้นฉันมันใจว่าคนงามตรงหน้านั้นมีแน่นอน แต่มาพูดเรื่องแฟนตาซีใส่แบบนี้ก็คิดว่าคุณหมอคนนี้ไม่น่าจะธรรมดาเหมือนหน้าตาที่สวยงามนั้นจริงๆแล้วหมู่บ้านแห่งนี้มีแต่คนธรรมดาที่มีผู้เป็นวรยุทธ์ปะปายผู้ที่ฝึกคาถาอาคม วิถีเทพเซียนมักไม่ยุ่งกับเมืองธรรมดาๆเพราะงั้นคนที่รู้เรื่องไม่ธรรมดาก็ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
“หึ…ข้าเป็นหมอแน่นอน แต่เรื่องอื่นมันไม่จำเป็นที่เจ้าจะต้องรู้ ตอนนี้รีบตอบคำถามของข้ามาได้แล้ว”
หมอเฉินในตอนนี้ดูเริ่มจริงจังและมีแรงกดดันบางอย่างออกมารอบตัว ฉันรู้สึกได้ว่าตอนนี้มันเริ่มไม่ใช่เรื่องเล่นๆเท่าไหร่แล้ว มันคือพลังกดดันบางอย่างที่หมอหุ่นบางๆไม่ควรมี ยิ่งสงเสริมข้อสงสัยของแน่ให้กระจ่างชัด
ดังนั้นฉันจึงไม่รอช้าส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจพร้อมสกิลขี้ประจบเหมือนกับที่แสดงให้ไอ้เจ้ามังกรหีบดำเพื่อเอาตัวรอด คนที่แข็งแกร่งและชอบข่มขู่แบบนี้ดูแล้วต้องก้มหัวเข้าหาไว้จะปลอดภัยกว่าลูกผู้ชายจะยืดจะหดไม่รู้แต่ที่รู้ๆพ่อไม่ใหญ่อำนาจไม่มีบารมีไม่ถึงฝีมือเท่าแมวสามขาอย่าหาเรื่องคนที่เก่งกว่า! ตอนนี้ฉันไม่ใช่ลูกสาวมาเฟียแต่เป็นไอ้หนุ่มชนชั้นแรงงานไร้ญาติขาดมิตร มีแรงกายแต่ไม่มีพลังอะไร ยอมก้มหัวดีกว่าหัวหายล่ะนะ
“ท่านหมอขอรับท่านไม่ใช่หมอธรรมดาใช่หรือไม่ พลังของท่านที่กดดันข้าอยู่ย่อมแสดงให้เห็นว่าท่านนั้นฝีมือล่ำเลิศมากกว่าที่คนในยุทธภพปกติธรรมดาๆจะมีได้ได้โปรดช่วยให้ข้าน้อยผู้ต้อยต่ำได้รับรู้เป็นการเสริมสติปัญญาซักนิดได้หรือไม่?”
พูดจบก็ส่งสายตาแสดงความเลื่อมใสไปให้ ฉันสังเกตเห็นหน้าคุณหมอทำสีหน้าดูถูกเย็นชาเพิ่มอีกหลายส่วน ก่อนจะคลายพลังที่กดดันตัวฉันเอาไว้ออก
“แค่พลังระดับนี้เจ้าก็กลัวหัวหดประจบประแจงยิ่งกว่าอสรพิษลิ้นสองแฉกเสียแล้ว หึ ถ้าทำได้แค่นี้เจ้าก็ไม่ต้องรู้จักข้าหรอก…”
หมอเฉินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาระดับจะติดลบได้ เล่นตัวเกินไปหน่อยมั้ย แต่เห็นแก่หน้าตาโจวหานเฟิงคนนี้ไม่โกรธก็ได้ แต่ให้มันรู้กันไปว่าวันนี้ฉันจะรู้ตัวตนของคุณหมอคนงามไม่ได้!!
“แบบว่าอย่างน้อยก็บอกข้าซักนิดว่าท่านเป็นคนพรรคไหน ฝ่ายไหนมาประดับสมองข้าน้อยซักหน่อยมิได้หรือขอรับ?”
ฉันทำท่าทางหลุกหลิกประหนึ่งเสี่ยวเอ่อร์ในร้านอาหารเวลาเจอขุนนางใหญ่กังฉินที่เห็นในหนังกำลังภายใน มนุษย์เราไม่กลัวคนดีแต่เกรงใจคนชั่วเป็นที่สุด แน่นอนว่าคุณหมอคนงามที่ไม่รู้ว่าเป็นหมออะไรกันแน่ก็ย่อมมองท่าทางกังวลคลาดกลัวนี้ออกอีกเช่นเคย
“ที่แท้คนอย่างโจวหานเฟิงเป็นพวกกลิ้งกอกตลบหน้าตลบหลังหรือนี่ หากข้าบอกว่าข้ามาจากพรรคอสูรทมิฬหรือพรรคมารแดนใต้เจ้าไม่กลัวจนหัวมุดลงไปอยู่ในท้องเลยรึ?”
ชื่อพรรคอสูรทมิฬที่ท่านหมอเอ่ยออกมาทำให้ฉันสึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะมันเป็นพรรคที่แม่ของหลันฮวากับตัวของหลันฮวาเองได้จากมา แต่รูปประโยคเหมือนจะล้อเล่นกับฝั่งพรรคมารเลื่องชื่อแบบนี้ของคุณหมอเฉินคนงามก็ทำให้พอจะเดาได้ว่าเขาไม่น่าจะเป็นคนที่มาจากทางพรรคมารที่ไหน ไม่เป็นหมอฝ่ายกลาง ก็ต้องเป็นหมอจากโถงโอสถ(หมอเซียน) หรือไม่ก็หมอจากพรรคธรรมะ ดังนั้นฉันคิดว่าควรจะถามอีกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมาได้มากขึ้น
-------------------------------------------------- 65% --------------------------------------------------
ต้องบอกว่าขออภัยจริงๆที่แต่งช้าได้โล่เพราะจากธุระต่างและความอู้ของตัวเอง และที่สำคัญคือตันไปโดยปริยายค่ะ ไม่มีอะไรจะแก้ตัว แต่ช่วงนี้ติดโปรเจคโค้งสุดท้ายแล้ว ก็คิดว่าอู้ไปลงตอนพิเศษเรื่องอื่นได้ทำไมจะมาลงตอนนี้ต่อบ้างไม่ได้ เลยเอาส่วนต่อที่พอจะเขียนออกมาได้เอามาให้ผู้ที่รออ่านอยู่ได้เห้นว่าเราไม่ทิ้งเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณคอมเม้นให้กำลังใจจากทุกคนจริงๆค่ะ ตอนนี้เราก็ผ่านเรื่องที่เสียใจที่สุดเรื่องหนึ่งในชีวิตมาแล้วก็จะพยายามต่อไป และจะพยายามมาต่อเรื่อยๆนะคะ (แน่นอนว่าเรื่องอื่นๆด้วย)
รักคนอ่านเสมอ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ขอบคุณที่แต่งมาให้อ่านคะ
แตกต่าง ก็ดี น่ะ ถ้าเหมือนกันไปซะทุกเรื่องคงน่าเบือ 555 มาเร็วๆ น่ะ