คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : . ONE . แค่คุณคนเดียว . 4
“ ...ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อยสิตาสิง ” หญิงสาววัยกลางคน บอกกับลูกชายวัยเจ็ดขวบของเธอที่ทำหน้ามุ่ยตั้งแต่ออกจากบ้านมาแล้ว
วันนี้เธอและสามีได้มาร่วมงานของกลุ่มเครือข่ายสถาปนิก ที่ได้จัดแสดงรูปแบบที่พักอาศัยอย่างหลากหลาย ร่วมทั้งโครงการหมู่บ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมที่ได้เข้าร่วม เพื่อเปิดให้ผู้ที่สนใจได้จับจองพื้นที่ในฝันกว่านับร้อยโครงการ ในที่พื้นที่จัดแสดงที่แสนจะกว้างขวางสุดลูกหูลูกตา
“ ยิ้มหน่อยสิลูก ” หญิงสาวยังคงพูดคุยกับลูกชายที่ยืนอยู่ข้างๆ ตัว หากแต่ลูกชายเพียงคนเดียวของเธอนั้นก็ยังคงทำหน้าไม่สบอารมณ์อยู่ดี จนทำให้คนเป็นพ่อต้องหันมาสนใจด้วยอีกคน
“ สิง ฟังที่แม่เขาพูดไหม ”
“ สิงได้ยินแล้ว แต่สิงก็บอกพ่อกับแม่ตั้งแต่แรกแล้วนี้ครับว่าสิงไม่อยากมา ” สิงโต ลูกชายเพียงคนเดียวของครอบครัวนักธุรกิจใหญ่ ที่ในวงการอสังหาริมทรัพย์นั้นจะมีใครบ้างที่ไม่รู้จัก
ซึ่งแน่นอนว่าเป็นถึงนักลงทุนใหญ่เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย งานแสดงใหญ่ๆ แบบนี้ย่อมต้องถูกเชิญตัวเข้าร่วมงานเป็นธรรมดา
แต่สำหรับสิงโตในตอนนั้น เขากลับเห็นเรื่องทำนองนี้เป็นเรื่องที่แสนจะน่าเบื่อเสมอ ที่ต้องออกมาเจอคนตั้งมากตั้งมาย ที่เขาเองก็ไม่ได้รู้จักด้วยเลย สู้ให้นอนเล่นเกมส์อยู่บ้านยังสนุกเสียกว่า
“ ตาสิง ” คนเป็นแม่ก็ได้แต่เรียกชื่อลูกชายแค่นั้น เพราะเธอเองก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของสิงโตดี เด็กเจ็ดขวบคนไหนบ้างจะชอบงานแบบนี้ มากไปกว่าการไปสวนสนุกหรือห้างสรรพสินค้าอีกล่ะ
“ สิงขอไปเดินดูทางนู้นนะครับ ” สิงโตชี้ไปในโซนของตกแต่งบ้าน ที่ดูจะสบายใจสบายตากว่าโซนที่มีแต่ผู้คนที่บ้างก็นั่งบ้างก็ยืน แถมยังทำหน้าตาคร่ำเคร่ง เห็นแล้วก็ปวดหัวแทน
“ อย่าไปไกลนักล่ะ ” คนเป็นพ่อบอกตามหลัง เมื่อลูกชายของตนเองเดินห่างออกไปได้หลายก้าวแล้ว
สิงโตไม่ตอบอะไร เพราะเขาก็ไม่ได้จะเดินไปไหนไกลตามที่พ่อบอกนั่นแหละ เพียงแต่เขาแค่อยากจะเดินดูอะไรๆ คนเดียวบ้างก็เท่านั้นเอง
สิงโตรู้ดีว่าที่คุณพ่อคุณแม่พาเขามางานนี้เพื่ออะไร
ก็เพื่อมาศึกษา ก็เพื่อมาเรียนรู้ แล้วก็เพื่อมาทำความคุ้นเคย เพราะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตั้งกี่หมื่นล้านจะไปไหนเสีย ถ้าไม่ใช่เป็นของสิงโตลูกชายเพียงคนเดียว ที่ต้องรับช่วงต่อเมื่อถึงเวลาอันสมควร
แต่ให้เริ่มตั้งแต่เจ็ดขวบเนี่ยนะ
ไม่สิ
ตั้งแต่จำความได้เลยด้วยซ้ำ สิงโตนึกหงุดหงิดในใจ
แต่ในขณะที่สิงโตกำลังเดินเซ็งๆ อยู่คนเดียว หูของเขาก็เหมือนกับว่าจะได้ยินเสียงหัวเราะอยู่ใกล้ๆ นี้ เสียงหัวเราะที่ดูมีความสุขเสียเหลือเกิน
สิงโตมองหาต้นเสียง กระทั่งดวงตาคมคายมีเสน่ห์ตั้งแต่ยังเด็ก ได้หันไปเจอเด็กผู้ชายในเชิ้ตสีเหลืองอ่อน เข้าชุดกับกางเกงขาสั้นสีครีม ที่กำลังหัวเราะจนตาปิด อยู่กับพี่สาวผมยาวคนหนึ่งที่เธอเองนั้นก็หัวเราะตามด้วยเหมือนกัน
เสียงหัวเราะที่ไม่ได้ทำให้แค่สิงโตหันไปมองเท่านั้น เพราะผู้คนที่เดินชมงานต่างก็ต้องหันไปมองและยิ้มตามเด็กผู้ชายเจ้าของผิวขาวๆ น่ารักๆ คนนั้นเป็นสายตาเดียว
สิงโตเดินตรงเข้าไปคล้ายกับมีแรงดึงดูด บูธสีขาวสลับสีเขียวอ่อนๆ ตรงหน้าที่เสียงหัวเราะยังไม่หายไป คือร้านดอกไม้ที่ได้มาเปิดบูธขายภายในโซนของตกแต่งบ้านและสวน
สิงโตจ้องมองรอยยิ้มและเสียงหัวเราะด้วยหัวใจที่เต้นรัวขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกับที่เท้าทั้งสองข้างตัวเองก็เดินไปใกล้
กระทั้งคนถูกมองคงเริ่มรู้สึกตัวถึงได้มองตอบ ดวงตากลมโตที่มีหยดน้ำใสๆ ซึมออกมาตรงหางตาจากการหัวเราะกับพี่สาวคนสวย ที่เธอนั้นก็ได้หันมามองด้วยเช่นกัน
“ สวัสดีจ่ะ สนใจดอกไม้เอาไปตกแต่งบ้านหรือภายในสวนไหมจ๊ะ ” พี่สาวคนนั้นทักทายอย่างเป็นกันเอง และเริ่มทำการขายทันทีเมื่อเห็นสิงโตยังยืนนิ่ง
“ หรือถ้ายังไงก็เชิญเข้ามาเดินชมภายในร้านเราก่อนได้นะค่ะ ไม่ซื้อไม่เป็นไร ” สิงโตพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะเดินเข้าไปภายในร้านตามคำชักชวนของหญิงสาว
ภายในร้านที่แม้จะมีพื้นที่จำกัดตามข้อกำหนดของการออกบูธขายสินค้า แต่การจัดตกแต่งก็สวยงามและให้ความรู้สึกสดชื่น สมกับที่เป็นร้านดอกไม้จริงๆ
สิงโตมองไปยังพี่สาวเจ้าของร้านที่ตอนนี้ได้หันไปพูดกับลูกค้าอีกคนที่ดูเหมือนกันจะสนใจกระถางต้นไม้ที่วางอยู่บริเวณหน้าร้าน เหลือก็แต่เพียงเด็กผู้ชายผิวขาวที่ดูๆ แล้วคงจะอายุน้อยกว่าเขาไปสองหรือสามได้ล่ะมั้ง
เด็กคนนั้นที่กำลังจัดดอกไม้ลงแจกันไปตามประสา ที่ดูจากพื้นที่รอบๆ โต๊ะที่มีดอกไม้ดอกเล็กบ้างใหญ่บ้าง ที่ก้านดอกโดนตัดให้สั้นบ้างยาวบ้าง ดูๆ แล้วพี่สาวคนเมื่อกี้คงแค่ให้จัดเล่นๆ ไม่ได้เอาไปขายแน่นอน
สิงโตรีบเดินเข้าไปใกล้ แล้วยืนมองอยู่แบบนั้น
“ สนใจดอกไม้ดอกไหนครับ ” เด็กน้อยผิวขาวที่รู้สึกว่ามีคนเดินเข้ามาและมองตนเองอยู่นั้น ได้เงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับคำพูดที่พี่สาวสอนเวลาที่ลูกค้าเข้าร้านมา
“ จัดดอกไม้แบบนี้... ”
แต่แทนที่สิงโตจะตอบออกไปดีๆ
“ จะขายได้เหรอ ”
♡
“ โอ้ย! ” หนามดอกกุหลาบที่คริสไม่ทันได้ระวังตอนใช้กรรไกรตัด จึงทำให้หนามคมบนก้านดอกกุหลาบปักลงบนนิ้วมือ ทำให้เลือดสีสดซึมไหล จนคริสต้องรีบเอานิ้วมือข้างนั้นเข้าปาก เพื่อห้ามเลือดอย่างเคยชิน
“ กูบอกหลายครั้งแล้วใช่ไหมว่าทำแบบนั้นมันสกปรก ” แต่เมื่อคนๆ หนึ่งเห็นการกระทำนั้นเข้าพอดี ก็ถึงกับเอ่ยปากติเตือนขึ้น ทั้งที่เรื่องนี้ก็บอกไปแล้วไม่รู้ตั้งกี่รอบ
“ อ้าว ไอ่หมอจิต ”
“ กูชื่อจิมไหม ไอ่คริส ” คนที่โดนเรียกว่าหมอจิตถึงกับทำท่าเหนื่อยหน่าย
จิม หรือ จิมมี่ สัตวแพทย์หนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ เพื่อนสนิทซี้ปึ้กของคริส ที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมต้น ที่คริสก็ไม่รู้ว่ามายืนอยู่ตรงประตูห้องเลือนกระจกตั้งแต่เมื่อไหร่
“ มึงมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี้ย ” คริสถามอย่างในใจสงสัย
“ กูก็มาตั้งแต่ที่มึงนั่งเหม่อ แล้วก็ตั้งแต่ที่มึงใช้กรรไกรได้โคตรหวาดเสียว แล้วหนามกุหลาบก็เลยปักมือมึงไง ” จิมมี่จงใจพูดกวนประสาทไปตามนิสัย ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ตัวใกล้ๆ กับที่คริสนั่งอยู่
“ แล้ววันนี้มึงไม่ไปทำงานหรือไง ถึงเอาหน้าโผล่มาที่นี่ได้ ” คริสมองนิ้วตัวเองที่เลือดหยุดไหลไปแล้ว ก่อนจะหันมาหยิบดอกกุหลาบดอกเดิมขึ้นมาตัดก้านอีกครั้ง
“ กูก็มีวันหยุดของกูบ้างไหมมึง นี่ใจคอมึงจะให้กูอยู่กับน้องหมาน้องแมวตลอดเลยหรือยังไงวะ คริส ”
“ ก็แค่ถาม ไม่ได้หรือไง ” คริสพูดโดยไม่หันมองเพื่อน ซึ่งการแสดงออกแบบนั้นที่ทำให้จิมมี่ถึงกับต้องส่ายหน้าไปมายิ้มๆ
“ เห็นก๊วยเจ๋งว่าวันนี้มึงหงุดหงิดตั้งแต่เช้าแล้ว ” จิมมี่พูดไปด้วย มือก็หยิบๆ จับๆ กลีบดอกกุหลาบเล่นไปด้วย จนทำให้คริสต้องตีมือจิมมี่ไปหลายครั้ง เพราะเขากลัวว่าจะทำให้กลีบดอกกุหลาบช้ำขึ้นมาได้
“ ดูท่าเช้านี้จะหงุดหงิดจริงๆ ”
คริสอยากจะบอกเหลือเกินว่าเขาไม่ได้เพิ่งจะมาหงุดหงิดเช้านี้
เขาหงุดหงิดมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วเว้ย ไอ่หมอจิต!
ตั้งแต่เมื่อคืนที่หยอดเหรียญพาคนๆ นั้นเข้ามาในบ้าน แถมไม่พอ ก๊วยเจ๋งยังจะเอาเบอร์ของเขาไปให้คนๆ นั้นง่ายๆ อีกต่างหาก
คนบ้าๆ บอๆ ที่มาขอกินทั้งน้ำทั้งขนม ยังไม่พอ ยังมาขออยู่ด้วยอีก
‘ให้ผมมาอยู่ด้วยอีกคนดีไหม’
พอต่อว่ากลับไป แทนที่จะคิดได้ กลับเอาแต่หัวเราะชอบใจ เลยบอกให้ก๊วยเจ๋งนั่งเฝ้า จนกว่าคนๆ นั้นจะกลับ
ก็กว่าจะกลับ ก็เกือบห้าทุ่มได้
แถมไม่พอ...
ได้เบอร์โทรจากก๊วยเจ๋งไปแล้ว เที่ยงคืนกว่าๆ มีข้อความสั้นๆ ส่งเข้ามา ‘ฝันดีนะครับ คริส’
“ จริงๆ มึงน่ารักนะคริส ถ้ามึงไม่ทำหน้าแบบนี้ ” จิมมี่ขมวดคิ้วประกอบ
“ กูเห็นแล้วปวดหัวแทน ”
“ นั่นมันเรื่องของมึง ” ยิ่งพูด คริสก็ยิ่งหงุดหงิด แต่แทนที่จิมมี่จะอยู่เงียบๆ เพื่อให้คริสเย็นลงบ้าง แต่ไม่เลย จิมมี่ยิ้มขำ จนทำให้คริสต้องตวัดสายตามามอง
“ มีอะไรน่าขำหรือไง ไอ่หมอ ” เดี๋ยวก็เอาโอเอซิสชุบน้ำปาหัวแ ม่ง
“ ถ้าจะให้กูเดานะ ที่มึงหงุดหงิดนี้เพราะเมล่อนปังใช่ไหม ”
เมล่อนปัง...
“ ทำไมมึงถึงคิดแบบนั้นล่ะ ” คริสย้อนถามเพื่อนซี้ที่นั่งเท้าคางกับโต๊ะอยู่ข้างๆ
“ ก็เห็นก๊วยเจ๋งบอกว่าเมื่อวานมึงทำเมล่อนปัง มึงไม่ได้ทำเมล่อนปังมานานแล้วไม่ใช่เหรอคริส ”
“ แต่ก็อร่อยเหมือนเดิมนะ ” คำตอบของคริสที่แม้จะไม่ตรงคำถาม แต่ก็ทำให้สัตวแพทย์หนุ่มอย่างจิมมี่ถึงกับหลุดขำ
“ กูรู้ว่าอร่อยเหมือนเดิม แต่ใจมึงน่ะ ยังเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า คิดถึงเขาคนนั้นหรือไงถึงเป็นบ้าลุกมาทำเมล่อนปังน่ะ แต่เห็นก๊วยเจ๋งว่าทำแล้วก็ไม่กินไม่ใช่เหรอ โคตรเสียของเลยว่ะ มึงไม่กินก็ควรเอามาให้กูกิน ”
“ ไอ่เจ๋งนี้มันพูดมากเกินไปละ ” คริสพูดกับตัวเอง พาลนึกไปถึงไอ่เด็กข้างบ้านที่ถึงจะรักมันเหมือนน้องแท้ๆ แต่บางครั้งก็อยากจะฆ่ามันซะเหลือเกิน
“ มึงไม่ต้องกลัวเสียของหรอกน่ะไอ่หมอ กูให้ก๊วยเจ๋งมันกินแทนแล้ว ”
รวมถึงให้ไอ่คนบ้าๆ บอๆ เมื่อคืนก็ให้กินด้วย ชิ้นหนึ่ง
เห็นก๊วยเจ๋งบอกว่าชื่ออะไรนะ...
“ พี่คริส คุณสิงโตมาหาครับ ”
อ่า ใช่
ชื่อสิงโต
“ ห๊ะ? โอ๊ย! ” หนามดอกกุหลาบปักเข้านิ้วข้างเดิมแถมยังตรงจุดเดิม ในทันทีที่ก๊วยเจ๋งโผล่หน้าเขามาในห้องเลือนกระจก เพื่อบอกว่ามีคนมาหา
มาทำไมอีกวะ คริสคิดในใจ
“ ยังจะเอาเข้าปากอีก ” จิมมี่รีบดึงนิ้วมือของคริสออกจากปากอีกครั้ง เวลาเลือดออกนิ้วคริสชอบเอาเข้าปากตลอด บอกว่าสกปรกๆ ก็ไม่ยอมฟังกันเลย
“ แล้วคุณสิงโตนี่ใครวะ คริส ”
“ ออ... ” คริสสะบัดนิ้วของตัวเองเบาๆ
“ คนบ้าน่ะ ”
To Be Continued . . .
TALK :
ความคิดเห็น