คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : . ONE . แค่คุณคนเดียว . 1
“ ห...หา? ” เจ้าของชื่อสะดุ้งจนตัวโยน เมื่อจู่ๆ ก็มีเสียงเรียกตัวเองดังขึ้นตรงหน้า แถมคนที่เรียกเขาเมื่อกี้ยังถือวิสาสะเคาะโต๊ะให้เสียงดังไปอีก
“ อะไรวะธีร์ เรียกเบาๆ ก็ได้ยินไหมล่ะ ”
“ เหรอครับ? ” คนที่ทำเสียงดังจนถูกต่อว่าอย่างธีร์ ลูกน้องคนสนิทที่กำลังทำหน้าตาเหนื่อยหน่ายใจ ขณะยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ของคุณสิง เจ้านายของตัวเอง
คุณสิง หรือ คุณสิงโต ปราชญา ลูกชายเพียงคนเดียวของเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ที่ขึ้นรับตำแหน่งประธานต่อจากผู้เป็นพ่อที่ได้มอบทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้ลูกชายของตนบริหารดูแล ส่วนตัวเองนั้นได้ออกเดินทางท่องเที่ยวรอบโลก จนแทบจะไม่กลับบ้านมาร่วมสามเดือนเต็มๆ แล้ว
“ ผมน่ะเรียกคุณสิงเป็นสิบรอบแล้ว แต่คุณสิงก็ไม่ได้ยิน เอาแต่นั่งอมยิ้มอยู่คนเดียว คิดอะไรอยู่เหรอครับ ”
“ เรื่องของเจ้านาย ไม่ต้องยุ่ง ” สิงโตย้อนกลับ แต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไร
ธีร์ ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทที่ทำงานกับสิงโตมาแล้วหลายปี ตั้งแต่ที่คุณพ่อของสิงโตยังคงตำแหน่งประธานอยู่ อีกทั้งพวกเขาทั้งสองอายุอานามก็ยังพอๆ กัน เวลาพูดคุยจึงเข้าใจกันง่ายและรวดเร็ว จนเรียกได้ว่าค่อนข้างที่จะรู้ใจกันอยู่ไม่น้อย
“ ถึงไม่ให้ยุ่งแต่ผมก็รู้ ” ธีร์จุดยิ้มอย่างเหนือกว่า
“ คุณสิงกำลังคิดถึงเรื่องเมื่อคืนอยู่ใช่ไหมล่ะครับ แล้วก็กำลังคิดถึงเรื่องของคุณคนนั้นด้วย ” สิงโตกลอกตา ก่อนจะกอดอกแน่น พร้อมทั้งเอนแผ่นหลังพิงเก้าอี้หนังตัวใหญ่ภายในห้องทำงานของตัวเองอย่างหมดคำพูด
จะรู้ใจกันเกินไปหน่อยไหมวะ
“ ทำไมถึงคิดว่าฉันคิดถึงเรื่องเมื่อคืนด้วยล่ะ ถูกยิงนี้มันน่าคิดถึงตรงไหน ”
“ ก็เพราะคุณสิงถูกยิงไงครับ ถึงทำให้คุณสิงได้เจอคุณคนนั้น ” ธีร์พูดอย่างรู้ทัน ซึ่งคำพูดนั้นเองที่ทำให้สิงโตถึงกับหลุดขำ ปกติเขาก็ไม่ใช่คนชอบเฉไฉอะไรนักหรอก ถ้าธีร์มันพูดขนาดนี้ก็ขี้เกียจจะเถียงแล้วจริงๆ
“ เออ ก็กำลังคิดถึง ‘คนปากดี’ เมื่อคืนอยู่นั่นแหละ ” สิงโตยอมรับแต่โดยดี
เหตุการณ์เมื่อคืนนั้นเกิดขึ้นค่อนข้างรวดเร็วจนตั้งรับไม่ทัน เพราะในขณะที่พวกเขากำลังเดินอยู่ในลานจอดรถ หลังจากที่ออกมาจากงานเลี้ยงภายในโรงแรมช่วงเวลาเกือบๆ สามทุ่มครึ่ง ก็ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์เข้ามายืนขวางและลงมือทำร้ายร่างกาย
ซึ่งในตอนแรกสิงโตและธีร์รับมือได้อย่างไม่มีปัญหา แต่เมื่อจำนวนของอีกฝ่ายเพิ่มมากขึ้นจึงทำให้เสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด ทั้งสองจึงตัดสินใจเอาตัวเองหนีออกมา แต่ระหว่างนั้น หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์ที่สิงโตยังไม่รู้ว่าเป็นคนของกลุ่มไหน ได้เล็งปืนและยิงมาที่เขา แต่โชคดีที่กระสุนเพียงแค่เฉียดเท่านั้น แต่ก็ไม่ปฏิเสธหรอกว่าแผลเฉียดๆ หรือที่คนๆ นั้นบอกว่าแค่ถากๆ ก็ทำให้เจ็บไม่ใช่น้อยอยู่เหมือนกัน
ตอนนั้นสิงโตจำได้ว่าธีร์พาเขาวิ่งเข้าไปในร้านเบเกอรี่ที่ภายในร้านยังเปิดไฟอยู่ ซึ่งต่างจากร้านอื่นที่ปิดประตูล็อกกลอนกันไปหมดแล้ว
พอพวกเขาเข้ามาในร้านก็แทบจะหมดแรงอยู่บนพื้น ก่อนที่คนๆ นั้นที่คงจะเป็นเจ้าของร้านได้เดินออกมาดูด้วยความตกใจ และคงจะตกใจซ้ำอีกตอนที่เขาตะคอกใส่ แถมยังเห็นไอ่พวกเลวพวกนั้นที่วิ่งตามมาหยุดมองตรงหน้าร้าน คล้ายกับลังเลว่าจะพังประตูร้านเพื่อที่จะเข้ามาดูให้แน่ใจว่าพวกเขาซ่อนอยู่ในร้านนี้หรือเปล่า
แต่สุดท้าย พวกมันก็เลือกที่จะไปตามหาที่อื่นแทน
และเจ้าของร้านที่อุตส่าห์ให้ที่หลบภัยแบบจำยอม ก็ยังใจดีคิดจะทำแผลให้ ในขณะที่หน้าตาก็ยินดีเสียเหลือเกิน
“เพื่อนของผมเป็นหมอ ผมเคยเห็นเพื่อนของผมทำแผลอยู่บ่อยๆ เวลาลูกค้าเขาพาหมาพาแมวมาที่คลินิกของเพื่อนผมน่ะครับ”
“ปากดีจังนะครับ”
สิงโตจำได้ว่าเขาตอบกลับคนๆ นั้นออกไปแทบจะทันที ซึ่งแน่นอนว่ายิ่งทำให้ใบหน้าขาวๆ ของคุณหมอจำเป็นที่บูดบึ้งอยู่แล้วยิ่งบึ้งหนักไปกันใหญ่
ดีแค่ไหนที่ไม่ไล่พวกเขาออกจากร้าน แถมยังยอมทำแผลให้จนเสร็จเรียบร้อยอีกต่างหาก
หมากับคนก็คงทำแผลไม่ต่างกันหรอกมั้ง
ซึ่งหลังจากนั้น สิงโตได้บอกให้ลูกน้องจำนวนหนึ่งตรวจสอบที่มาที่ไปของคนกลุ่มนั้นที่เข้ามาทำร้ายพวกเขา และสั่งให้คนมารับตนเองและธีร์ที่ร้านเบเกอรี่แห่งนี้ โดยระยะเวลาประมาณยี่สิบนาทีกว่าๆ ที่สิงโตและธีร์ได้แต่พูดคุยกันเอง เพราะเจ้าของร้านที่พอทำแผลให้เสร็จก็เดินออกจากห้องเรือนกระจกไป
กระทั่งค่ำคืนที่แสนวุ่นวายได้จบลง
โดยที่สิงโตไม่แม้แต่จะได้รู้ชื่อของเจ้าของร้าน ที่อุตส่าห์ให้ความช่วยเหลือ แม้จะไม่เต็มใจสักเท่าไหร่ก็เถอะ
แต่ทั้งที่คิดว่าเรื่องจะจบๆ ไปมันกลับไม่จบ เมื่อสิงโตลืมใบหน้าที่เอาแต่บูดบึ้งขณะทำแผลให้เขาไม่ได้เสียที
ใบหน้าเนียนขาวอย่างคนสุขภาพดี อีกทั้งดวงตากลมโตภายใต้กรอบแว่นตาหนาดูน่ารัก แต่ก็แฝงความจริงจังไว้ไม่น้อย บวกกับจมูกโด่งรั้นและริมฝีปากสีแดงธรรมชาติที่ขมุบขมิบเหมือนกับบ่นอะไรอยู่กับตัวเอง แต่ที่แน่ๆ คือตรงหัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันอยู่ตลอดเวลาจนสิงโตแทบจะปวดหัวแทน
“ ค่าทำแผลนี้ปกติเขาต้องจ่ายเท่าไหร่ ”
“ หา? ” ธีร์เลิกคิ้วสงสัยไม่เข้าใจในสิ่งที่เจ้านายของตัวเองถามออกมาเมื่อกี้
“ ทำแผลไหนครับ ”
“ ยังจะถามอีกว่าแผลไหน ก็นี่ไง โอ้ย! ” สิงโตยกแขนข้างที่มีผ้าพันแผลโผล่ออกมาจากแขนเสื้อเชิ้ตให้เห็นอย่างลืมตัว ทำให้รู้สึกเจ็บๆ ตึงๆ จนต้องรีบพับแขนของตัวเองลงทันที
“ ออ ถ้าที่ทำแผลนี้ผมว่าคุณคนนั้นเขาคงไม่คิดค่าใช้จ่ายอะไรหรอกครับ หน้าตาออกจะใจดีแบบนั้น ” ธีร์บอกตามตรง ที่แม้ว่าคำพูดที่คนๆ นั้นตอบพวกเขาออกมาเมื่อคืนจะค่อนข้างทำให้สตั้นไปนิดหน่อย แต่ก็เพราะว่าเจ้านายของเขาเองนั่นแหละที่ถ้าไม่ไปพูดอะไรที่ไม่เข้าท่าก่อนก็คงไม่โดนอีกฝ่ายตอกกลับมาให้หน้าหงายหรอก
“ แต่นี่เขาต้องใช้ความประณีตมากเลยนะ ถึงทำแผลออกมาได้สวยขนาดนี้ ”
“ เอาความจริงครับคุณสิง ” ธีร์กอดอกแน่น แค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้วเจ้านายเขาน่ะ
“ นี่ก็จะเที่ยงแล้ว เราไปหาเค้กทานหน่อยไหม ”
“ ตอนเที่ยงคุณสิงมีนัดทานข้าวกับคู่ค้าครับเผื่อคุณสิงลืม แล้วหลังจากมื้อเที่ยงคุณสิงก็มีประชุมต่อกับฝ่ายบริหาร ถ้าคุณสิงจะทานเค้กคงต้องเป็นหลังประชุมของวันนี้ครับ ” ตารางงานยาวเป็นหางว่าวที่ธีร์ไล่เรียงออกมา ทำเอาสิงโตแทบอยากจะกลั้นใจตายให้รู้แล้วรู้รอดไป
พ่อนะพ่อ ไม่รู้จะรีบเอาตำแหน่งมาให้กันทำไม
ตอนที่สิงโตมารับตำแหน่งประธานต่อจากคุณพ่อ ก็เป็นตอนที่สิงโตเพิ่งจะเรียนจบโทจากเมืองนอกมาหมาดๆ อายุตอนนั้นก็ยังไม่ทันจะยี่สิบห้าเต็มเลยด้วยซ้ำ ก็ต้องได้มานั่งบริหารงานกับคนจำนวนมากๆ เพียงเพราะคนเป็นพ่อจะได้ไปเที่ยวรอบโลกเสียที แล้วด้วยความที่เป็นลูกชายคนเดียวก็จะให้สิงโตปฏิเสธความตั้งใจของพ่อตัวเองก็ดูจะไม่ดีเท่าไหร่ใช่ไหมล่ะ
สรุปคือกว่าสิงโตจะทานมื้อเที่ยงเสร็จ จะประชุมเสร็จ และกว่าจะให้ลูกน้องคนสนิทอย่างธีร์ขับรถมาส่งถึงที่หน้าร้านที่เกิดเหตุเมื่อคืน เวลาก็ปาไปเกือบจะทุ่มแล้ว
ให้ตายเถอะ!
“ จะเหลือเค้กไหมเนี่ย ”
“ อยู่กับผมไม่ต้องแกล้งทำก็ได้ครับคุณสิง โอ้ย! ” ธีร์ถึงกับร้องเสียงหลง เมื่อสิงโตกระทุ้งศอกเข้าหน้าท้องได้อย่างพอดิบพอดี ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินเข้าไปในร้านทำเหมือนไม่สนใจ
เสียงกระดิ่งที่ห้อยติดอยู่ตรงประตูร้านส่งเสียงกรุ๊งกริ๊ง เพื่อบอกให้คนที่อยู่ภายในร้านรู้ว่ามีลูกค้ากำลังเข้ามา
สิงโตมองไปรอบๆ ร้านทันทีที่เข้ามายืนอยู่ภายในอย่างพิจารณา เพราะเมื่อคืนเกิดเรื่องวุ่นวายทำให้เขาไม่ทันจะได้มองอะไรดีนัก แถมเมื่อคืนเขาก็ได้แต่นั่งอยู่ในห้องเรือนกระจก หันไปมองทางไหนก็เจอแต่ดอกไม้ ชนิดที่ว่าถ้าเขาเป็นพวกแพ้ละอองเกสร เขาคงจะถูกหามส่งโรงพยาบาลไปแล้วแน่ๆ
ภายในร้านเบเกอรี่ที่คลุมโทนด้วยสีฟ้าและสีขาวทำให้รู้สึกสบายตา โต๊ะและเก้าอี้ใช้วัสดุจากไม้ทำขึ้นทั้งหมด ผ้าปูโต๊ะและเบาะรองนั่งมีลวดลายของดอกไม้และเถาเล็กๆ จากงานปัก อีกทั้งของตกแต่งส่วนมากเป็นตุ๊กตาไม้ตัวเล็กๆ ที่ถูกจัดวางไว้ในแต่ละมุมของร้านได้อย่างลงตัว
และในส่วนของห้องเรือนกระจกที่เมื่อคืนสิงโตต้องนั่งอยู่ภายในห้องนั้นเกือบยี่สิบนาที ที่มีทางเดินเชื่อมบริเวณหลังเคาน์เตอร์ของร้านเบเกอรี่ แต่ถ้าจะบอกว่านั่นเป็นร้านดอกไม้ สิงโตก็ไม่เห็นว่าจะมีส่วนไหนของร้านที่จะช่วยโฆษณาหรือเชิญชวนให้คนภายนอกเข้าไปสั่งซื้อดอกไม้ได้เลย เพราะก็อย่างที่บอกว่าทางเชื่อมที่จะเข้าไปมีอยู่ทางเดียวคือตรงเคาน์เตอร์ร้านเบเกอรี่ และมีแต่ลูกค้าที่เข้ามาในร้านเบเกอรี่นี้เท่านั้นที่จะสามารถเห็นว่ามีห้องเรือนกระจกอยู่ภายในอีกหนึ่งหลัง
ห้องเรือนกระจกหลังนั้นไม่เหมือนร้านดอกไม้
แต่ห้องเรือนกระจกหลังนั้น...เหมือนกับห้องส่วนตัวของคนๆ นั้นมากกว่า
“ สวัสดีครับ เชิญครับ ” น้ำเสียงนุ่มเอ่ยต้อนรับ ทำให้สิงโตและธีร์หันไปมองตามต้นเสียงนั้น และได้พบกับเด็กหนุ่มผิวขาวคนหนึ่งกำลังยืนยิ้มให้ตรงหลังเคาน์เตอร์ และข้างๆ เคาน์เตอร์นั้นคือตู้เค้กที่ภายในมีเค้กหลากหลายแบบหลากหลายขนาด ที่ล้วนแล้วแต่สวยงามและหน้าตาน่าทานทั้งนั้น
“ คุณลูกค้าสนใจจะรับเค้กชิ้นไหนครับ ” เด็กหนุ่มคนเดิมถามอย่างเป็นมิตร ในขณะที่สิงโตกำลังมองไปรอบๆ ร้านซึ่งมีลูกค้านั่งอยู่สองสามโต๊ะ และธีร์ที่กำลังลังเลว่าเจ้านายของเขาจะเอายังไงกันแน่
“ คุณสิงครับ ” ธีร์สะกิด ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูร้านได้ถูกเปิดเข้ามาจากภายนอก ปรากฏให้เห็นเด็กหนุ่มผิวเข้มที่กำลังคุยจ้ออยู่กับใครอีกคนที่เดินตามหลังมา
“ คุณ... ” ธีร์ยิ้มกว้าง แต่อีกฝ่ายกลับขมวดคิ้วไม่เข้าใจแทบจะทันที
“ พวกคุณมาทำไมอีก ”
“ พี่คริสรู้จักพวกเขาเหรอครับ ” ก๊วยเจ๋งเองก็แปลกใจ เพราะพี่ชายของเขามีเพื่อนแค่ไม่กี่คน แล้วไม่กี่คนที่ว่า เขาก็เคยเห็นและรู้จักเป็นอย่างดีทุกคน
แต่สองคนนี้ ก๊วยเจ๋งไม่เคยเห็นมาก่อน
“ พวกคุณมีธุระอะไรกับผมอีก ” คริสถามกลับอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ขณะเดียวกับที่ยื่นถุงผ้าที่ภายในมีวัตถุดิบสำหรับทำเบเกอรี่ให้ก๊วยเจ๋งถือไว้ เป็นเชิงบอกกลายๆ ว่าให้เอาของเข้าไปเก็บ ไม่ต้องยืนอยู่ตรงนี้ ซึ่งก๊วยเจ๋งก็เข้าใจ
“ คุณสิงเขาตั้งใจมาหาคุณน่ะครับ...คุณคริส ” ธีร์ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งที่จะเรียกชื่อของอีกฝ่าย หลังจากที่ได้ยินเด็กผู้ชายที่เพิ่งจะเดินเข้าหลังเคาน์เตอร์ไปเรียกเมื่อกี้ ซึ่งคริสก็ไม่ได้ว่าอะไร ก่อนจะชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
“ ตั้งใจมาหาผม? ”
“ ใช่ ” สิงโตพยักหน้า
“ ผมจะเอาเงินค่าทำแผลมาให้คุณ แล้วก็...จะมาลองทานเค้กร้านคุณด้วย ” เหตุผลเรื่องเค้กน่ะพอเข้าใจ แต่เหตุผลเรื่องค่าทำแผลอะไรนั่น คริสคิดว่ามันไม่ได้จำเป็นอะไรเลย
“ ทำแผลแค่นั้นผมไม่คิดจะเอาเงินจากคุณหรอกนะ ” คริสตอบออกไปตามตรง
“ แต่ถ้าเรื่องที่คุณจะมาทานเค้กร้านผม ผมยินดี ”
“ นี่ผมเสียใจนะ ทั้งที่ผมตั้งใจจะเอาเงินค่าทำแผลมาให้ แต่คุณกลับปฏิเสธเงินของผมซะได้ ” สิงโตกอดอกแน่น ในขณะที่ดวงตาคมคายก็จับจ้องใบหน้าขาวใสของคุณเจ้าของร้าน ที่เริ่มจะบึ้งตึงใส่กันอีกแล้ว
“ ถ้าไม่เอาเงินค่าทำแผล...งั้นเค้กทั้งร้าน ผมขอซื้อทั้งหมดเลยแล้วกัน ”
To Be Continued . . .
TALK :
ความคิดเห็น