เวลากับความคิดถึง
เป็นเรื่องของคนสองคนนะครับ ที่รักกัน แต่ด้วยความเสียสละแบบไม่เป็นที่ต้องการของคนหนึ่ง เลบทำให้ต้องจากกัน (เป็นเรื่องสั้นแบบเกย์อ่ะครับ หวังว่าอ่านได้)
ผู้เข้าชมรวม
207
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
เสียงลมพัดดังวี้ดหวิว หอบเอาไอเกลือมาจากทะเล ชายหนุ่มคนหนึ่ง รูปร่างหนาสูงใหญ่ ใช้มือหนึ่งกอดหน้าอกไว้ ส่วนอีกมือหนึ่งถือถ้วยกาแฟที่มีควันกรุ่น
เขาค่อยๆ เอาสายตามองจ้องไกลออกไปในทะเล อยากจะฝากให้ลมช่วยพัดพาเอาความคิดถึง ในใจของเขาไปให้อีกคนหนึ่งที่อยู่ไกลแสนไกล ให้ได้รับรู้ว่า ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ไกล แต่ใจเขาไม่เคยที่จะไม่คิดถึง
เสียงมอเตอร์ไซค์แล่นมาไม่ไกลจากเขานัก ทำให้เขาละสายตาจากการมองทะเล หันไปมองยังมอเตอร์ไซค์คันนั้น ที่มีชายที่อายุค่อนไปทางบั้นปลาย ผิวสีดำเข้ม รูปร่างไม่สูงนัก
“หนังสือพิมพ์ครับ คุณวี”
ชายหนุ่มที่ชื่อวีระศักดิ์ค่อยๆ เดินไปเอาหนังสือพิมพ์จากนายคล้าย ผู้ขี่มอเตอร์ไซค์ส่งหนังสือพิมพ์ตามบ้านมาเกือบสิบกว่าปี
“ขอบคุณมากนะครับ ลุงคล้าย”
ลุงคล้ายที่ค่อมมอเตอร์ไซค์อยู่ยิ้มรับคำขอบคุณ แล้วก็ขี่มอเตอร์ไซค์แล่นไปส่งหนังสือพิมพ์ ยังบ้านอื่นๆ ต่อ
ชายหนุ่มมองที่ข่าวพาดหัว อ่านแล้วทำให้รอยยิ้มจากริมฝีปากของเขากว้างขึ้น
‘พระเอกหนุ่มใหญ่ รับรางวัลตุ๊กตาทอง’
สายตาของเขาค่อยๆ เบือนไปดูรูปของพระเอกคนนั้น เวลาผ่านไปเกือบ 1 ปี หรือแม้ว่าจะผ่านไปเป็นสิบยี่สิบปี เขาก็ยังจำได้
เพราะผู้ชายคนที่เป็นพระเอกของคนทั้งประเทศ คือ เพื่อนสนิทในตอนเรียนมหาวิทยาลัยของเขา และเป็นพระเอกที่อยู่ในหัวใจเสมอ
วีระศักดิ์ค่อยๆ เดินเข้าไปในบ้านริมชายทะเลที่ตนเองตัดสินใจมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี้นับแต่เรียนจบ ด้วยรอยยิ้มกว้าง แต่แววตาเต็มไปด้วยความเศร้าเหลือเกิน
‘ หวังว่าเธอคงสุขดี อยู่ตรงนั้นเจอสิ่งดีๆ
ฉันคงมี เพียงสิ่งเดียว ทุกวัน ’
ท่ามกลางแสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปกระพริบเต็มไปหมด ชายหนุ่มผิวขาว ใบหน้าใสอย่างกับผิวเด็ก ไม่มีแม้แต่สิวสักเม็ด คิ้วเข้มพอดี โดยแทบไม่ต้องใช้แมคอัพช่วย ผู้ชายคนนี้ก็หล่อกระชากใจสาวๆ ได้ไม่ยาก
ในวันนี้เป็นวันที่รับรางวัลตุ๊กตาทอง เป็นรางวัลแรกที่เขาจะได้รับในชีวิต ด้วยฝีมือและน้ำพัก น้ำแรงของเขาเอง
ความจริงเขาอยากเป็นนักแสดงมาตั้งแต่เด็ก แต่ในเวลานี้ เขากลับไม่ได้รู้สึกมีความสุขกับ สิ่งที่ทำเลย ถ้าเลือกได้ เขาอยากที่จะไปทำงานตามสาขาที่เขาเรียนจบในตอนเรียนมหาวิทยาลัย
และที่สำคัญ เขาอยากที่จะใช้ชีวิตกับคนที่อยู่ในหัวใจของเขา อยากจะอยู่ด้วยกันนับตั้งแต่วันที่รับน้องใหม่แล้วเขาเผลอไปเหยียบเท้าคนๆ นั้น
แต่เวลาก็ไม่ได้ปล่อยให้เขาได้นึกถึงอดีตอันมีความสุขได้นาน เสียงที่ตามมารบกวนเขาให้ตื่นจากภวังค์ บอกว่า
“พี่ทวีธนะค่ะ ได้เวลาเข้าห้องประชุมแล้วค่ะ”
เขาค่อยๆ เดินเข้าห้องประชุมด้วยสีหน้าอันปั้นแต่งให้ดูแจ่มใส แต่ในใจนั้นเศร้าเหลือเกิน
“วีระศักดิ์ วันนี้ไอ้ธนะมันรับรางวัลด้วยล่ะ” เสียงที่แล่นมาตามสายบอกความดีใจกับเพื่อนทีเดียว
“เออ รู้แล้ว เขาออกข่าวซะเต็มบ้านเต็มเมือง” วีระศักดิ์พูดกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ พยายามกั้น น้ำเสียงแห่งความยินดีเอาไว้ในใจ
“แล้วแกไม่คิดจะมาแสดงความยินดีกับมันหน่อยหรอ”
“ไม่อ่ะ แล้วพวกนายก็อย่าปากโป้งไปบอกมันล่ะว่าข้าอยู่ที่นี้ ให้มันเข้าใจว่าข้าอยู่ที่เชียงใหม่ต่อไปน่ะดีแล้ว”
“ฉันถามจริง แกไม่รู้สึกเจ็บปวดหรอ ที่แกทำแบบนี้”
“ไม่หรอก ตอนแรกๆ มันอาจจะเจ็บ ที่ตัดสินใจตัดใจออกมาแล้ว แต่ในที่สุดก็รู้ว่าทำสิ่งที่ดีที่สุดแล้วสำหรับตัวเอง เรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้หรอก ตัดใจซะตั้งแต่ ”
“ยังไม่ทันจะเริ่มต้นเลยด้วยซ้ำ ฉันถามจริง แกก็รู้นี่ว่าไอ้ธนะมันไม่ได้อยากเป็นดารา มันบอกฉันว่าที่มันไม่อยากเป็นดารา เพราะมันอยากอยู่กับแก มันรักแก มันรู้ว่ามันเป็นดารามันต้องไม่ได้คบกับแก มันก็บอกปัดโมเดลลิ่งไปตั้งหลายครั้ง แต่วันเรียนจบแกก็ชิ่งหนีมันไปไหนก็ไม่รู้ มันเลยตัดสินใจรับงาน” กีรติ เพื่อนของวีระศักดิ์พูดขัดขึ้น
วีระศักดิ์ฟังเพื่อนพูดแล้วก็ตกใจ
“ฉันไม่รู้เรื่องเลย”
“ก็เพราะแกไม่ฟังใครเลยแล้วด่วนตัดสินใจ แกเลยต้องเจ็บปวดอยู่อย่างนี้ เฮอ ฉันก็มารู้ที่หลัง ถ้ารู้ก่อนทีแรกจะจับเอาหัวชนกันซะตั้งแต่เรียนจบเลย”
“ขอบใจมากที่แกมาบอกนะ”
“อืม ไม่เป็นไร ว่าแต่ แกอยากจะส่งของขวัญหรืออะไรไปให้มันไหม”
“ก็ได้ เขายังอยู่ที่เดิมใช่ไหม”
“ใช่ ฉันหวังว่าแกคงจะสมหวังในเร็ววันนี้นะ”
“ไม่หรอก ฉันจะไปอยู่เมืองนอก เพราะฉันอยากให้เขาเป็นดาราต่อไป”
กีรติถอนหายใจมาตามสายอย่างไม่ปิดบัง
“ฉันพูดกี่ครั้งแล้ว หรือจะให้ฉันต้องเอาน้ำมาล้างกะโหลกเอาความโง่เง้าขี้น้อยใจ ชอบทำตัวเป็นวีรบุรุษโดยไม่มีใครขอร้องซักที เหอ”
“ฉันอยากให้มีชื่อเสียง ”
“แกไม่ต้องพูดอะไร ไอ้วี พอกันที ถ้าแกยังไม่เลิกงี่เง้าแบบนี้ ฉันจะลงไปจันท์จับแกมัดไว้กับเสาบ้านเลย คอยดู” กีรติพูดอย่างหมายมั่น แล้วตัดสายทันที โดยไม่ยอมให้อีกฝ่ายแก้ตัวอีก
วีระศักดิ์ถอนหายใจ เดินออกไปยังนอกบ้าน คว้ามอเตอร์ไซค์คู่ใจ ขี่ออกจากบ้านไป
“เป็นไงบ้างไอ้ธนะ ตื่นเต้นหรือเปล่า” เสียงตามสายจากกีรติ เพื่อนสนิทของเขา
“ก็ดี ได้รับรางวัล เออ ว่าแต่ แกติดต่อวีได้หรือยัง” ทวีธนะถามเพื่อน
“ยังเลยว่ะ ตอนนี้ไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน” กีรติพูดแต่แอบเอามือไขว้หลังไว้
“อืม ขอบคุณมากนะที่โทรมาอวยพร”
“ไม่เป็นไร แต่ฉันรับรองได้เลยว่า บางทีการรับรางวัลครั้งนี้ แกอาจจะได้เซอร์ไพรส์อะไรก็ได้”
“ขอให้เป็นอย่างที่เองบอกเถอะ” เขาพูด ไม่นานนักก็วางสาย
ชายหนุ่มมองออกไปนอกหน้าต่าง ในมือถือรางวัลที่เขาได้รับรางวัลมาในวันนี้
“วี นายเห็นแล้วใช่ไหม หวังว่านายคงจะดีใจนะที่เราได้รับรางวัล”
‘ มีแต่คิดถึง มีแต่คิดถึง อยากให้เธอได้อยู่ตรงนี้ ’
วีระศักดิ์นั่งห่อหีบเพลงเป็นรูปเด็กผู้ชายสองคนกำลังกอดกันเป็นของขวัญให้ทวีธนะ นั่งห่อไปก็ยิ้มไป แต่ในใจก็มีความกังวล
บางทีถ้าเขาได้รู้ว่าสิ่งที่เขาทำลงไปทั้งหมด เขาอาจจะโกรธ และไม่อยากพูดกับเราเลยก็ได้
เพราะนับตั้งแต่ที่เรียนจบ เขาได้บอกเพื่อนๆ ทุกคนให้โกหกทวีธนะว่าเขาไปทำงานอยู่ที่เชียงใหม่ ไปทำงานอยู่ที่ทุรกันดารและไม่ต้องการให้ใครไปหา แต่ความจริงเขาไม่ได้ไปทำงานที่เชียงใหม่ เขารับราชการอยู่ที่ จ.จันทบุรี แทน ด้วยความที่ชอบบรรยากาศของบ้านพักตากอากาศที่พ่อแม่ซื้อเอาไว้ เขาเลยตัดสินใจหลบหน้าของทวีธนะ เพราะไม่อยากขัดทางที่เขาจะได้เป็นดารา แล้วคิดว่า เรื่องความรู้สึกในใจมันเป็นไปไม่ได้ เพราะทวีธนะก็ไม่ได้เป็นเกย์ เขาคงไม่มีทางหันมาชอบ เขาจึง ตัดสินใจให้ทุกคนโกหกว่าเขาไปอยู่ที่เชียงใหม่
ในครั้งหนึ่ง กีรติเล่าว่า ทวีธนะถึงขั้นจะไปลากเขาลงมาจากดอย แต่ดีที่ห้ามไว้ทัน และทุกวันนี้เขาได้แต่เสียใจที่ไม่ยอมสารภาพรักให้เขารับรู้ไปตั้งแต่วันที่เรียนจบ
ตอนแรก เขาไม่เชื่อว่าทวีธนะจะรู้สึกกับเขาแบบนี้ แต่ในสิ่งที่ทำให้เขารับรู้ได้มากที่สุด คือ คำให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในวันที่เขารับรางวัล ที่เขาอ่านแล้วถึงน้ำตาคลอ
‘ รางวัลของผมนี้ ผมขอมอบให้กับคนที่เขาอยู่ที่ๆ ไกลจากผมมาก ผมหวังว่าเขาคงดูอยู่ และเขาคงจะคิดถึงผมไม่แพ้ไปกว่าผมที่คิดถึงเขา
อยากให้เขาห่มผ้าห่มดีๆ อากาศบนดอยคงหนาวมาก ไม่งั้นจะไม่สบายเอาได้ ’
ผู้สื่อข่าวก็ถามอีกว่า
‘คนที่อยู่บนดอยนั้นเป็นคนรักคุณหรือเปล่าค่ะ’
‘ใช่ครับ เขาเป็นคนรักของผมเอง แต่ผมก็ผิดเองที่ไม่ได้สารภาพความรู้สึกเขาไปตั้งแต่ วันเรียนจบ และถ้าสิ่งที่ผมพูดและจะทำนับต่อจากนี้ จะทำให้หนทางการแสดงของผมดับวูบลง ผมยินดี เพราะผมจะไม่ยอมสูญเสียความรักของผมไปอีกแล้ว’
หลังจากห่อของขวัญเสร็จ วีระศักดิ์ก็วางกล่องของขวัญลงในกล่องพัสดุ พร้อมจดหมาย จ่าหน้าตามที่อยู่ที่กีรติให้มา แล้วขี่รถออกไปยังไปรษณีย์ทันทีด้วยรอยยิ้ม
ตอนเช้าหลังจากวันรับรางวัล ทวีธนะเดินออกมาที่หน้าบ้าน ไม่นานนักก็มีไปรษณีย์มาจอดที่ รั้วบ้าน
“พัสดุครับ”
“ของผมใช่ไหมครับ” ทวีธนะถาม เขาทำหน้างงเล็กน้อย เพราะส่วนใหญ่ของที่แฟนคลับ จะส่งมาให้จะเป็นที่อยู่บ้านของผู้จัดการส่วนตัวของเขา
“ใช่ครับ เซ็นต์รับด้วยครับ”
เขารับกล่องพัสดุมาอย่างงง เซ็นต์ชื่อในเอกสาร แล้วกำลังจะถือกล่องเดินเข้าไปในบ้าน แต่สายตาเผอิญไปสังเกตเห็นลายมือที่จ่าหน้ากล่อง
มันช่างคุ้นตาเขาเหลือเกิน หรือว่าวีระศักดิ์จะส่งพัสดุมาให้เขา พอเขาหันไปอ่านที่ที่อยู่ผู้ฝากส่ง ก็แทบสิ้นสติทันที
“ใช่วีจริงๆ ด้วย”
ทวีธนะเดินแกมวิ่งประคองกล่องกระดาษเข้าบ้านไปอย่างดี กระแทกตัวนั่งลงบนโซฟาเนื้อนุ่ม มือรีบแกะกล่องของขวัญออกโดยไว
ในนั้นมีกล่องของขวัญใบหนึ่ง มีการ์ดแปะที่หน้ากล่องว่า
‘ขอแสดงความยินดีด้วยนะ ที่ได้รับรางวัล วี’
พอยกกล่องกระดาษออก กำลังจะแกะ จดหมายก็หล่นลงมา
เขารีบเปิดอ่านด้วยมือไม้อันสั่นเทา
ธนะ
ก่อนอื่น เราขอแสดงความยินดีที่นายได้รับรางวัลในครั้งนี้ หวังว่านายคงภูมิใจกับฝีมือของนายนะ บางทีเราดูละครที่นายเลย เรายังชมเลยว่านายแสดงได้ดี
เรามีเรื่องหนึ่งที่จะสารภาพ คือความจริงเราไม่ได้ไปอยู่ที่เชียงใหม่หรอก เราไปอยู่ที่จันทบุรีแทน เพราะเราชอบอากาศที่นี้มาก ทะเลที่นี้สวย ที่อยู่ก็ตามที่เราจ่าหน้าไปนั่นแหละ ที่เราต้องหนีไป เพราะเรากลัวว่าถ้าเราไม่หนีไป นายอาจจะไม่ได้เป็นดาราถึงทุกวันนี้ ก็นายสัญญาว่านายจะไปทำงานกับเรา แต่จะไม่ยอมเป็นดารา เราเลยต้องหนีไปเพื่อไม่ให้นายรู้ว่าเราทำงานที่ไหน นายจะได้ยอมรับข้อเสนอของทางโมเดลลิ่งที่เขาเสนอมา
ทุกวันนี้เรานอกจากจะทำงานแล้ว เราก็ได้แต่มองไปที่ท้องฟ้า หวังว่าจะให้คนที่เขาอยู่บนท้องฟ้า ส่องแสงประกายระยิบระยับ คงจะคิดถึงเราบ้างนะ
สุดท้ายนี้ ขอให้นายมีความสุขมากๆ ละกัน เป็นดาวค้างฟ้าไปเลยล่ะนะ
คิดถึงนายเสมอ
หลังจากอ่านจดหมาย เขาค่อยๆ แกะกล่องของขวัญออก เป็นหีบเพลงรูปเด็กผู้ชายของคนกำลังกอดกัน
ทวีธนะยิ้มด้วยน้ำตา นึกในใจ
ความจริงเขาไม่ต้องเสียสละถึงเพียงนี้ เพราะเราไม่ได้อยากเป็นดารา
สิ่งที่เราอยากได้มากที่สุด คือการได้เดินเคียงข้างกันตลอดไป
เขาวิ่งขึ้นห้องนอน อาบน้ำแต่งตัว แล้วขับรถมุ่งหน้าออกจากกรุงเทพทันที
“ว่าไง ไอ้ธนะ”
“ข้าได้กล่องพัสดุจากวีแล้ว นี่กำลังจะขับรถไปจันท์”
“เองรู้เรื่องทั้งหมดแล้วใช่ไหม”
“รู้แล้ว ข้าไม่โกรธพวกเองหรอกนะที่ปิดบัง แต่ข้าจะไปทำโทษกับตัวต้นเหตุเอง”
กีรติหัวเราะในลำคอ แล้วพูดว่า
“พอเหมาะๆ นะ ยังไงคืนนี้ก็เตรียมไข่กับสไปร์ทไปเยอะๆ ล่ะ”
“ไอ้ทะลึ่ง แค่นี้ก่อนแล้วกันนะ”
“อืม ไปเหอะ” จากนั้นสัญญาก็ตัดไป
รอหน่อยนะวี เดี๋ยวเราจะได้เจอกัน
วีระศักดิ์กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ริมชายหาด ข้างตัวเขามีกองดินสอ สมุดสเก็ตภาพ และก็หนังสืออีก 2 เล่ม
เขาได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาจอด เสียงคนเดิน และก็
“มาแอบอ่านหนังสือวาดรูปอยู่นี่เองหรอ เราตามหาซะจนทั่ว”
ทันทีที่ได้ยินเสียง วีระศักดิ์เงยหน้าขึ้นมองทันที
“ธนะ”
ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรกัน ในใจสั่งให้วิ่ง
ทวีธนะเห็นวีระศักดิ์วิ่งหนีเขา เขาก็รีบวิ่งตามไปโดยทันทีอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่ทัน เพราะวีระศักดิ์เป็นนักวิ่งเก่า เขาเริ่มวิ่งตามไปบนหาดสายที่ทอดยาวไปเรื่อยๆ จนกระทั่งอาการเหนื่อย ทำให้เขาหอบ
“วี เราเหนื่อยแล้ว” ทวีธนะตะโกนไปอย่างรวดเร็ว ภายในใจเขานึกอะไรออกได้อย่างหนึ่ง
วีระศักดิ์หันมามองดูเพื่อนที่กำลังลงไปนอนกลิ้งบนพื้นทราย มือกุมหน้าอกไว้แน่น ทำให้เขา รีบวิ่งมาหาทันที
“ธนะ เป็นอะไรหรือเปล่า”
“เราเจ็บ เราแน่นหน้าอกมากเลย”
“เดี๋ยวนะ แป๊บหนึ่ง” วีระศักดิ์หันหน้าออกนอกทะเลเพื่อคิดหาทางช่วยเพื่อน แต่ทันใดนั้น มือของเขาก็โดนคนที่นอนกลิ้งบนพื้นทรายจับไปจูบเบาๆ
“หอมจัง”
ชายหนุ่มมองหน้าเพื่อนแป๊บเดียว ก็เข้าใจได้ ทำเอาแทบจะอยากปล่อยให้นอนแบบอยู่บน พื้นหาดทรายนี้นัก
“เจ้าเล่ห์นักนะ” วีระศักดิ์หันไปคาดโทษ แล้วทำท่าจะลุกขึ้นเดินหนี แต่อีกฝ่ายไม่ยอมปล่อย แถมมองตาเขาแบบหยาดหยด
“อย่าหนีเราไปไหนอีกเลยนะ แค่นี้นายก็ทำเราคิดถึงจนแทบจะตายอยู่แล้ว”
“แล้วใครให้มาคิดถึงล่ะ”
“ก็ไม่มี แต่ใจมันสั่งมาน่ะ” ทวีธนะพูด พร้อมมองอีกฝ่ายตาหวานเจี๊ยบ
“เราขอโทษนะธนะ”
“ไม่เป็นไร เรายกโทษให้ แต่ต่อไปนี้นายอย่าทำแบบนี้อีกนะ”
“เราสัญญา ว่าเราจะไม่ทำแบบนี้อีก” วีระศักดิ์พูด มองตาอีกฝ่ายเหมือนจะยืนยันอย่างนักแน่น
ทวีธนะดึงอีกฝ่ายเข้ามาโอบกอด ให้เสียงหัวใจบอกความรู้สึกในใจให้อีกฝ่ายได้รับรู้ และเสียงทะเลเป็นพยาน
ผลงานอื่นๆ ของ หิมะกลางทะเลทราบ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ หิมะกลางทะเลทราบ
ความคิดเห็น