คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ก่อนจะมาเป็นเด็กเสิร์ฟ
เช้าไม่กลัว...ไม่กลัว...ก็กลัวจะไม่เช้า...เช้าแค่ไหนก็ไหว เพลงนี้ของลีโอพุฒ ถูกเปิดอีกแล้ว ในใจได้แค่คิดว่า ไม่ต้องรอให้ถึงเช้าหรอก อีกเจ็ดนาทีกูก็จะยืนหลับแล้ว ไม่รู้ว่า DJ ตาวมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเจ้าของเพลงหรืออย่างไร เปิดมันได้อยู่ทุกวัน สาวสวยผมบ๊อบสีทองตรงมุมนั้นเธอเริ่มผงกหัว ดูดีๆแล้วเหมือนนกเงือกเมายาเบื่อยังไงยังงั้น น่ารักน่าชังทีเดียว หนุ่มๆในร้านวันนี้รู้สึกว่าจะมาเยอะเป็นพิเศษ หน้าตาเปี่ยมไปด้วยแรงผลักดันของฮอร์โมนแต่ดูจากท่าเต้นและหน้าตาแล้ว วันนี้ไม่มีใครได้ควงสาวกลับบ้านแน่นอน
แสงไฟสลัวเพื่ออำพรางหน้าตา สิวฝ้า ร่องรอยศัลยกรรมที่แท้จริง เพลงเสียงดังสนองความโรคจิต ฟุตบอลคู่ดังจากจอยักษ์ที่ไม่มีแม้เสียงนกหวีด เหล้าเบียร์คอกเทลนานาชนิด ควันบุหรี่ประหนึ่งงาน
ชาปนกิจ ผมยืนอยู่ตรงนี้มาหลายเดือนแล้ว คอยชงเหล้า บริการนักเที่ยวทั้งหลาย ไม่หวังให้ใครสนใจนอกจากสาวๆ มันน่าแปลกที่จู่ๆ ผมเองก็เกิดคำถามในใจว่าจะมีใครในผับแห่งนี้ไหม ที่จะสนใจชีวิตการทำงานภูมิหลังจริงๆของเด็กเสิร์ฟอย่างเรา (ยกเว้นกระเทยโหดที่นั่งหน้าเวที ดูเค้าจะจ้อง...ไม่สิ พินิจผมเป็นพิเศษ)
ผมคิดว่าถ้าคนทั่วไปได้รู้ในสิ่งที่เราเจอ ได้เข้าใจในสิ่งที่เราเป็นคงจะดีไม่น้อย เจ็ดนาทีต่อมาที่แผนที่ว่าจะยืนหลับเป็นอันต้องล้มเลิก ผมพลิกสมุดบิลเครื่องดื่มด้านหลัง แล้วเริ่มเขียนสิ่งที่อยากเขียน เรื่องราวทั้งหมดนี้
อาจจะตอบคำถาม ข้อสงสัย เรื่องจริง ของเด็กเสิร์ฟได้ไม่หมด แต่อย่างน้อยคุณก็จะได้รู้จักชีวิตการทำงานของคนกลุ่มนี้มากขึ้น โดยผ่านตัวผมที่เป็นเด็กเสิร์ฟตัวจริง หวังว่าอย่างน้อยคุณจะมองเห็นคนรอบข้างคุณด้วยมุมมองที่มากกว่า ขอรับรองว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้ 95% เป็นเรื่องจริงล้วนๆ เอาล่ะ...ผมขอแนะนำชีวประวัติอย่างย่อให้คุณรับรู้หน่อยละกัน ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ชีวิตของวัยรุ่นคนหนึ่ง ต้องมายืนขาแข็งชงเหล้าให้คนอายุไล่เลี่ยกันในคืนนี้
ผมเป็นนักศึกษาธรรมดาๆคนหนึ่ง ไม่เหมือนชาวบ้านเพียงไม่กี่อย่าง ที่เด่นๆก็คือชอบเที่ยว ชอบเที่ยวไม่ใช่แค่เที่ยวกลางคืน แต่ชอบท่องเที่ยวด้วย เบื่อๆ ก็นั่งรถไฟไปนอนต่างจังหวัดไกลๆ ตื่นขึ้นมาก็นั่งรถไฟกลับ วันหยุดยาวแบกเป้ไปเที่ยว เชียงรายบ้าง ลาวบ้าง เวียดนามบ้าง ส่วนมากไปมันคนเดียว ที่บ้านกว่าจะรู้ว่าเราไปอยู่ไหนมาก็ตอนเห็นของฝากแล้ว...
เมื่อผมต้องย้ายออกจากหอพักของมหาวิทยาลัยชีวิตมันก็ดูเหมือนจะจืดชืด ความเบื่อในชีวิตที่ซ้ำๆ ซาก ๆ ของผมก็มีมากขึ้นทุกที เวลาเรียนก็เรียนหนัก แต่หลังจากนั้น บางวันก็เตะบอลกับเพื่อนที่คณะ อยู่ว่างจากนั้นทั้งผมและเพื่อนก็หาเรื่องดื่ม และแทง snooker กันอยู่ตลอดเวลา ผมใกล้เป็นนักศึกษาที่ไร้สาระเข้าไปทุกวัน เรียนเริ่มไม่ค่อยรู้เรื่อง ใช้เงินโดยเปล่าประโยชน์ เมื่อคิดว่าชีวิตมีอะไรให้เรียนรู้มากกว่าที่เห็น ผมจึงโทรศัพท์ไปหาพี่สาว...
“พี่อ้อม ขอยืมเงินหน่อย สองแสน”
“เอาไปทำอะไร สองแสน”
“ขอยืมหน่อยจะไปเที่ยวอเมริกา ”
พี่สาวผมเงียบและวางหูไป สองวันต่อมาผมได้รับจดหมายจากกรุงเทพ คิดว่าในใจคงจะต้องเป็นเช็ค ผิดคาด พี่สาวผมเธอส่งจดหมายความยาวกว่าสี่หน้ากระดาษ F4 ด้วยลายมือของเธอเอง เพื่อให้ผมได้รู้ว่าตัวเองทำให้เค้าและแม่ทุกข์ใจมากแค่ไหนจากความประพฤติที่ผ่านมา ความคิดต่างๆที่จะพยายามหนีจากกรอบเดิมๆ ที่ตัวของผมสร้างขึ้นมาเองทั้งหมดจึงเริ่มขึ้น แล้วความคิดที่เป็นจุดเปลี่ยนของทุกอย่างในชีวิตผมในเวลาต่อมา ความคิดที่เปิดโลกกว้างของผม ที่ประสบการณ์จากที่ไหนๆก็ให้ไม่ได้
“เด็กเสิร์ฟ”
คำๆนี้เป็นคำที่คุ้นหู เป็นอาชีพที่น่าสนใจและพอที่จะทำได้สำหรับผม ผมเป็นคนที่คิดไวทำไว จึงรีบหาข้อมูลและร้านที่รับสมัคร ได้ลองเข้าไปสัมภาษณ์งาน กับร้านอาหารกึ่งผับตามคำแนะนำของเพื่อนที่ไม่ค่อยจะ สนิทกัน ร้านตั้งอยู่บนถนนนิมมานเหมินทร์ จ.เชียงใหม่
ด้วยความที่แม่โทรศัพท์มาเช็คทุกวัน ความลับที่ผมกำลังจะไปเป็นเด็กเสิร์ฟร้านเหล้าจึงปิดไม่อยู่ แม่กับพี่สาวโมโหมาก เป็นการเปลี่ยนแปลงตัวเองที่ไม่เข้าท่า ไม่ทราบว่าผมเป็นบ้าอะไรไปอีก ถ้าหากเป็นคุณ ก็คงต้องงอนลูกชายคนนี้บ้างล่ะ
เพราะแม่กับป้าๆน้าๆ ทำสวนอาหารอยู่ ไม่ได้เป็นร้านที่เล็กๆ ซะด้วย เปิดมาก็สิบปีกว่าปี แต่มีคนช่วยงานแค่ไม่กี่คน พี่สาวคิดแผนว่าจะให้เงินเดือนเพิ่ม ร้านที่ไปสมัครให้เท่าไหร่เค้าจะให้อีกหนึ่งเท่าผมก็ไม่เอา ผมขอเลือกที่จะไปเรียนรู้เอง ได้ทีก็ต้องสวมบทสู้ชีวิตตามประสาคนอ่อนต่อโลก ผมวาดฝันไว้ซะเท่ห์ จากที่เห็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านเราไม่เห็นจะลำบากตากตรำแต่อย่างไร
โถ...ช่างน่าสงสารหนุ่มน้อยผู้นี้ช่างไม่รู้เลยว่าประตูเปิดนรกรออยู่ เจ้าช่างด้อยประสบการณ์และบุญเก่าซะเหลือเกิน คิดแล้วก็สมน้ำหน้าตัวเอง...
ความคิดเห็น