คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : 011 : Kimi Shika -Only You- (Chiyu X Yuji)
君しか –Only You-
“เค้กสตอเบอรรี่ที่สั่งได้แล้วครับ...... เหลืออะไรอีกมั้ยฮะ??” เสียงแฟนของผมถามลูกค้ารายหนึ่งที่มากันสองแม่ลูก ผมมองแล้วก็ยิ้มทันที ก่อนที่จะกลับมาชงกาแฟตามที่ลูกค้าโต๊ะต่อไปสั่งต่อ
“ขอ...ไอศกรีมโอริโอ้มิลค์ให้ที่นึงแล้วกันนะจ๊ะ.....” คุณแม่ของโต๊ะนั้นยิ้มหวานให้
“โอเคครับ..... อ่า.... เอาครีมเพิ่มมั้ยฮะ....”
“เอาจ๊ะ” ว่าเสร็จแล้วแฟนของผมก็เขียนรายการอาหารเพิ่มลงในใบสั่งสีขาว ก่อนที่จะเดินมาให้ผมที่เคานต์เตอร์
“ยังไม่ต้องรีบนะ... เอาไว้โต๊ะนั้นทานให้เกือบเสร็จแล้วค่อยเอาไปให้” เขาบอกผมทันที แน่นอนว่าผมพอเข้าใจดี เพราะการที่จะทำก่อนแล้วเอาไปให้เลย จะทำให้ไอศกรีมละลายเร็ว แล้วอีกอย่างโต๊ะนั้นมีเด็กเล็ก แล้วเด็กเล็กๆก็ขึ้นชื่อเรื่องความซุกซนและการกินช้าอีกด้วย
“อื้ม... เข้าใจล่ะ”
“ยูจิ......” เสียงของมัตตันดังมาจากหน้าประตูห้องครัว “สปาเก็ตตี้กับมักกะโรนีเสร็จแล้ว......”
“แล้วสเต๊กกับข้าวผัดอเมริกันล่ะ?”
“ทาเครุกับชินเปกำลังช่วยกันทำอยู่.... รอแป๊บละกัน.....”
“อืมๆ....” แฟนของผมรีบรับจานอาหารสองจานมา แล้วก็เดินไปเสิร์ฟให้ลูกค้าทันที
และนี่ก็เป็นกิจวัตรประจำวันของพวกผม พนักงานในร้าน SuG39’ คาเฟ่ จริงๆจะเรียกเป็นพนักงานก็ไม่ถูกเท่าไหร่หรอก เพราะร้านนี้พวกเรา 5 คนเป็นคนช่วยกันลงทุนลงแรง จัดการทั้งเรื่องออกแบบร้านแล้วก็อาหาร การเงิน ผมมีหน้าที่อยู่ในเคาน์เตอร์คอยเก็บเงินแล้วก็ทำเครื่องดื่มกับไอศกรีม ยูจิ แฟนของผมก็เป็นพนักงานคอยเสิร์ฟ แล้วก็ช่วยอาหารเล็กๆน้อยๆในยามที่ลูกค้าเยอะมาก ส่วนที่เหลืออยู่สามคนมักจะใช้ชีวิตอยู่ในครัว มัตตันหรือมาซาโตะ จะถนัดอาหารพวกเส้นๆ เช่น สปาเก็ตตี้ ก๋วยเตี๋ยว บะหมี่ ราเม็ง ชินเปจะถนัดพวกข้าว แล้วก็อาหารทอดๆ ส่วนทาเครุ รายนั้นมีชื่อเรื่องการทำเค้ก ร้านของเราขายอาหารหลายรูปแบบ เช่น อาหารญี่ปุ่น อาหารฝรั่ง อาหารกินเล่น พวกของทอด แล้วก็อาหารหวาน แล้วยังมีบริการอินเตอร์เน็ตด้วย
คนจะเข้ามาเยอะในช่วงเวลาสายๆ แล้วก็เย็นๆจะเป็นพวกเด็กนะเรียนซะส่วนใหญ่ หลังจาก 6 โมงไปแล้ว ก็ไม่ค่อยมีคนมาที่ร้าน ก็เป็นเวลาที่พวกผมต้องทำอะไรตอบแทนที่ได้ทำงานไปทั้งวัน
“เขียนดีๆนะชินเป......” เสียงเจ้าทาเครุทำเอาผมรู้สึกหมั่นไส้มันเล็กน้อย “มานี่ เดี๋ยวฉันช่วย” พูดยังไม่ทันไร มันก็จับมือชินเปที่กำลังถือไอซิ่ง เขียนอะไรบนหน้าเค้กสีชมพูๆก็ไม่รู้
หวานแหววกันจริงไอ้คู่นั่น มันคบกันอยู่ครับ ไม่ต้องสงสัยหรอก พอหลังเลิกงาน (รึในเวลางานก็ด้วย) มันก็ชอบสร้างโลกส่วนตัวกันแบบนี้ประจำแหละ ผมหันไปมองอีกด้าน มัตตันกำลังทอดไก่ทอดกับไส้กรอกอยู่ แน่นอนว่าอาหารมื้อเย็นของพวกเราคือข้าวผัดอเมริกันครับ ก็จะมีข้าวผัดกับแครอท ถั่วลันเตา ลูกเกด ไข่ดาว ไส้กรอก แล้วก็ไก่ทอด ของหวานก็จะมีเค้ก ส่วนเครื่องดื่มที่เป็นหน้าที่ของผมก็คงจะไม่พ้นน้ำผลไม้ แต่นั่นเอาไว้ทีหลังดีกว่า
แฟนของผมมีหน้าที่ผัดข้าวผัด ผมก็ไม่รอช้า เล่นบทสวีทบ้างโดยการเข้าไปกอดแฟนทางด้านหลัง
“จิยุ......” ได้ยินเสียงเขาไม่พอใจด้วย “ฉันกำลังทำอาหารอยู่นะ”
“ก็ฉันอยากกอดนายนี่นา........” ผมพูดพร้อมกับไซร้คอหมอนั่นเบาๆ อา~ หอมชะมัดเลย
“นี่นาย!” ท่าทางเหมือนเขาอยากจะโวยวาย แต่ผมสังเกตว่าเขาน่าแดงๆด้วยล่ะ น่ารักชะมัดเลย~~~ “มาช่วยทำอาหารเลยดีว่า....”
“จ้าๆ”
ทั้งๆที่ดูเหมือนพวกผมรักกันดีใช่มั้ยครับทุกคน แต่ในใจลึกๆแล้วผมรู้สึกราวกับว่า พวกผมกำลังห่างเหินกัน...... โดยเฉพาะหลังลับสายตาทั้งสามคนไป ผมกับยูจิ.....
“นี่.... นายอาบพร้อมกับฉันมั้ย?”
“ไม่ล่ะ...... ฉันจะทำงาน นายไปอาบเถอะ” หมอนั่นตอบในขณะที่ตัวเองจ้องหน้าคอมพิวเตอร์อยู่ หมอนี่เรียนมหาลัยอยู่ ผมก็พอจะเข้าใจว่าหมอนี่งานเยอะ แต่ว่า..... ดูจากคำพูดสิ เขาไม่เคยสนใจผมเลย แม้แต่จะมาพูดกับผมสักคำ.....
สายน้ำที่ไหลออกมาเป็นสายเล็กๆนับ 10 สายชโลมไปทั่วร่างกายอันเปล่าเปลือยของผม ผมนึกย้อนกลับไปสมัยที่พวกเราสองคนคบกันใหม่ๆ หลังจากที่พวกรู้จักกันมานานนับปี เราสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่มัธยม หมอนี่เป็นคนสนุกสนาน ทำให้ผมหัวเราะได้เสมอ และเพราะอะไรบางอย่างในตัวหมอนี่ ทำให้ผมรักหมอนี่มากกว่าใครๆ ผมขอคบกับเขา และเขาก็ตอบตกลง ผมดีใจมาก
แต่มันรู้สึกเหมือนมีแค่คำพูด......... ตลอดเวลาที่คบกันมา ผมกลับรู้สึกเหมือนกับว่าทุกอย่างยังคงเป็นเหมือนก่อน ผมรักเขา..... แต่ผมกลับไม่เคยรู้สึกเลยว่าเขารักผม...... เขาทำกับผมเหมือนยังเป็นแค่เพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น
มันทำให้ผมคิดอยู่เสมอว่า เขารักผมหรือเปล่า...... หรือเขาแค่ตกลงคบผมไปอย่างนั้นเอง.....
ผมออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดคลุมอาบน้ำ..... ผมก็ยังเห็นเขาตั้งหน้าตั้งตาพิมพ์อะไรไม่รู้ผ่านคอมอยู่เหมือนเดิม
“ยังทำงานไม่เสร็จอีกเหรอ……”
“อืม.... ยังเลยน่ะ”
“ฉันนอนก่อนล่ะ....... นายอย่านอนดึกนะ..........” ผมพูดด้วยความเป็นห่วง ในขณะที่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วทิ้งตัวนอนลงบนเตียงนุ่มๆ
“อืม.....” นั่นคือคำตอบของเขา น่าเชื่อมั้ยล่ะ ยูจิที่แสนจะร่าเริง พูดมาก แต่พออยู่กับผมเพียงสองคนเขาตอบผมเพียงแค่นี้
ไม่ใช่แค่นี้....... ถ้าไม่ใช่เวลางาน เขาแทบไม่พูดไม่จาอะไรกับผมเลย จนบางทีผมก็รู้สึกหงุดหงิด ผมคบกับเขามาตั้งนาน แต่......... ยังไม่เคยแม้แต่จะจูบกันเลยด้วยซ้ำ เขาไม่ยอมผมนี่ - -
“ยูจิ......” ผมถามเขาขึ้น หลังจากที่ผมเห็นเขาทำงานมาเหนื่อยๆ แล้วยังต้องมาทำความสะอาดร้านอีก..... “ให้ฉันช่วยมั้ย”
“ไม่ต้องหรอก นายขึ้นไปพักผ่อนเหอะ เดี๋ยวฉันทำเอง” เขาพูดแบบฝืนยิ้ม ทั้งๆที่เขาก็น่าจะอยากได้ใครสักคนมาช่วย แต่ทำไมเขาถึงชอบปฏิเสธนักนะ
“งั้นเหรอ... อืมๆ” ผมทำเป็นเย็นชาไม่สนใจบ้าง แล้วก็ขึ้นบันใดไปอาบน้ำ พอดีทาเครุลงมาพอดี
“เฮ้ย ยูจิ ให้ฉันช่วยมั้ย”
“ลงมาเลยนะ....... ให้ฉันทำอยู่คนเดียวได้ไง......!!” หมอนั่นตะโกนเรียกทาเครุอย่างดัง...... ทาเครุลงไปเอาไม้กวาดแล้วก็ช่วยกันทำความสะอาด...... มันยิ่งทำให้ผมแปลกใจ เขาไม่ต้องการคนมาช่วย หรือไม่ต้องการให้ผมไปช่วยก็ไม่รู้สิ แต่ผมว่าน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า ทำไมกันนะ เขารังเกียจผมเหรอ
ผมต้องทำอะไรสักอย่างแล้วสิ.......
“ยูจิ” ผมเรียกเขาขึ้นมา..... หมอนั่นไม่แม้แต่จะมามองผมเลยสักนิด เอาแต่เล่นอะไรก็ไม่รู้อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ดูแล้วเหมือนเล่นแชทมากกว่า หมอนั่นหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข ปล่อยให้ผมนั่งเซ็งอยู่บนเตียง
“หือ?” มีเพียงคำตอบแค่นี้ ให้ผม
“นายรักฉันรึเปล่า” ผมถามขึ้น..... หมอนั่นดูเหมือนจะตกใจ อึ้งไปครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบ
“รักสิ นายถามแบบนั้นทำไม?” แล้วก็หันมายิ้มแห้งๆ นี่นายฝืนหรือไงนะ
“นายไม่ได้รักฉันใช่มั้ย........ นายอย่าฝืนเลยน่า” ผมพูดออกไปทันที ดูแค่นี้ก็รู้ แค่จะพูดคำว่ารัก ยังทำท่าทางฝืนขนาดนี้ แสดงว่าในใจของหมอนั่น ไม่ได้ผมอยู่เลยสักนิดสินะ
“จิยุ....... พูดอะไรของนายน่ะ” หมอนั่นดูหน้าเสียนิดๆ แล้วก็ถามผมแบบจริงจัง แต่ผมก็จริงจังไม่แพ้หมอนั่น
“ฉันพูดจริงๆนะ..... นายไม่ได้รักฉันเลย...... แม้แต่นายจะสนใจฉันยังไม่มีเลย....... ถ้านายไม่รักฉัน ก็ไม่ต้องฝืนหรอก ฉันไม่อยากบังคับนาย” เหมือนผมจะพูดเองเออเองไปรึเปล่า แต่ผมไม่ได้อยากพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้มากมายมากหรอก เพราะแต่ละคำที่ผมพูดไป ผมเจ็บ..... จากใจ
“อืม..... แล้วแต่นายจะคิดแล้วกัน” หมอนั่นตอบผมมาอย่างเย็นชา ใช่สิ..... มันเป็นความจริงอยู่แล้วนี่ ทุกอย่างมันออกมาชัดเจนอยู่แล้ว
“ฉันจะไปนอนกับมาซาโตะล่ะ..... อย่านอนดึกนะ” ผมพูดทิ้งท้ายก่อนที่จะปิดประตูออกจากห้องนอนไป....... อา จบกันซะที
ความรักของผม........
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“.......จิยุ.......” ยูจิเรียกผม “โอริโอ้มิลค์ปั่นที่ 1 อ๊ะๆ 2 ที่ๆ”
“อืมๆ” ผมรับงานแล้วทำหน้าที่ของผมต่อไปตามปกติ........ ถึงพวกเราจะเกิดเรื่องแบบนั้น แล้วก็เลิกรากันไป ผมไม่รู้หรอกนะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นส่งผลอะไรกับเราสองคนยังไง แต่ผมก็มีความรู้สึกว่าเราได้ย้อนกลับไปเหมือนเมื่อก่อน ถึงแม้ความสัมพันธ์มันจะไม่กลับมาเหมือนเก่าแล้ว.....
ผมไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเขา..... คนที่ผมรัก..... รักมาตลอด และจนถึงบัดนี้ก็ได้เป็นแค่คนที่แอบรัก.......
ทั้งๆที่เขา..... ก็คุยกับคนอื่นได้เหมือนปกติ เหมือนเด็กชายที่สดใสร่าเริงคนหนึ่ง แต่กับผม เขาก็ยังคงไม่พูด ไม่คุย ไม่ทักเหมือนเดิม
นี่มันอะไรกันนะ.........
“นี่ๆ จิยุเขาเป็นอะไร ท่าทางซึมๆ” ได้ยินเสียงทาเครุดังแว่วๆมาจากในครัว “นายรู้มั้ยยูจิ”
“ฉันจะไปตรัสรู้ได้ยังไง” เสียงหมอนั่นตอบกลับมาอย่างเย็นชา...... “ช่างเขาเถอะ” ......
ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าคำตอบต้องออกมาอีกทำนองนี้ ตั้งแต่ไหนแต่ไหน เขาไม่เคยที่จะเป็นห่วง หรือพูดแบบเป็นห่วงเป็นใยผมซักนิด ไม่ว่าจะก่อนคบกัน ตอนคบกันจนถึงตอนเลิกกันไปแล้ว ทุกอย่างก็ยังเป็นเหมือนเดิม แล้วยิ่งมากกว่าเก่าด้วยซ้ำ แต่ทำไมนะ.... ความรักที่ผมมีต่อเขามันยังไม่เคยลดลงไปเลย ทั้งๆที่เขาเย็นชาใส่ผมซะขนาดนั้น
ผมควรจะทำยังไงนะ ทนเจ็บแบบนี้ต่อไป หรือว่าควรจะตัดใจ แล้วพบกับคนใหม่ๆดี
สายฝนเย็นๆที่กระหน่ำลงมา ทำให้ร่างกายภายใต้เสื้อผ้าของผมต้องเปียกปอนราวกับเข้าไปอาบน้ำโดยที่ยังไม่ได้ถอดเสื้อยังไงอย่างนั้น ผมวิ่งสุดฝีเท้า ก่อนที่จะรีบผลักประตูร้านเข้ามาทันที ของที่อยู่ในมือเป็นตัวถ่วงให้ขาของผมก้าวช้าลง
เส้นผมจับตัวกันเป็นก้อนๆ ทั้งเย็นและหนัก ทรมาณชะมัด......
ผมหอบด้วยความเหน็ดเหนื่อย
“ซื้อมาแล้วล่ะ มัตตัน...... “ ผมยื่นถุงพลาสติกที่เต็มไปด้วยวัตถุดิบในการทำอาหารให้กับมัตตันทันที เขาก็รับพร้อมกับถามผมด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“เป็นอะไรมากรึเปล่า ขอโทษด้วยนะที่ให้ออกไปซื้อทั้งๆที่ฝนตกขนาดนี้” มัตตันทำหน้าเหมือนเขาสำนึกผิดยังไงก็ไม่รู้ มันไม่ใช่ความผิดของเขาหรอก จู่ๆวัตถุดิบสำคัญๆในร้านก็ดันหมด แล้วฝนก็ตก พวกเราไม่มีข้าวเย็นกินกัน ผมก็เลยยอมอาสาวิ่งไปซื้อที่ซูเปอร์มาเก็ตมาให้ แต่มันไม่มากมายเท่าไหร่ แต่ก็คงพอกินสำหรับคืนนี้
“ไม่เป็นไรหรอก มัตตันเข้าไปทำอาหารเถอะ” ผมพูด..... ความเย็นจากน้ำฝนมาเจอกับแอร์ในร้านทำให้ผมอดที่จะตัวสั่นไม่ได้ หนาว
“นายไปอาบน้ำก่อนเถอะ แล้วค่อยมากินสุกี้กัน”
“อืม....”
เวลาผ่านไปนานมากแล้ว..... สุกี้ที่ช่วยกันทำก็เสร็จหมดเรียบร้อย มีทั้งผัก หมู ไก่ ปลา แล้วก็อาหารทะเลาหลากหลายอย่าง แต่ทว่า...... จิยุก็ยังไม่ลงมาสักที......
“จิยุทำไมช้าจัง” ชินเปอดที่จะบ่นไม่ได้ เพราะเขาเริ่มหิวจากการทำงานมาทั้งวัน ฝนก็ยังไม่หยุดตก ออกไปไหนไม่ได้
“เดี๋ยวฉันไปตามให้นะ” ทาเครุพูดขึ้น พร้อมกับเดินออกจากในครัวและขึ้นไปข้างบนชั้นสองทันที..... ก่อนที่จะรีบลงมาข้างล่างอย่างรีบเร่ง
“นี่พวกเรา แย่แล้ว !!!!! จิยุ........ !!!!!” ..........
...............
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“จิยุ..... ตื่นได้แล้วนะ........” เสียงที่แสนจะคุ้นหู ดังขึ้นข้างๆผม ทำให้ผมลืมตาตื่นขึ้นมาเล็กน้อย...... อา~ นี่ผมนอนอยู่เหรอเนี่ย ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ล่าสุดเท่าที่ผมจำได้ คือผมออกมาจากห้องน้ำ แล้วก็แต่งตัวเสร็จ เตรียมที่จะลงไปทานข้าวข้างล่าง แต่จู่ๆผมก็รู้สึกแปลกๆเหมือนไม่มีแรง.....
รู้สึกได้ถึงไอร้อนที่ออกมาจากร่างกายของตัวเอง นี่ผมเป็นไข้เหรอเนี่ย.....
“เป็นไงบ้าง ดีขึ้นรึยัง” ผมมองไปด้านข้าง เห็นยูจินั่งลงที่ข้างๆเตียงผม ก่อนที่จะใช้มือนุ่มๆนั่นมาแตะที่หน้าผากของผมเล็กน้อย ทำไมต้องเป็นหมอนี่ด้วยนะ...... “ตัวเริ่มเย็นบ้างแล้วนี่...... หิวรึยัง.... ฉันเอาโจ๊กที่มัตตันทำมาให้น่ะ”
ผมพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง..... อา.... ยังรู้สึกปวดหัวนิดๆอยู่เลย
“วันนี้ไม่ขายของหรือไงกัน....”
“ฝนตกขนาดนี้..... จะไปซื้อของได้ยังไงกันล่ะ เลยปิดร้านวันนึงน่ะ” เขาบอก...... “นี่กินโจ๊กก่อนนะ จะได้หายไวๆ” ท่าทางเขาเหมือนเป็นห่วงผม แต่เขาจะเป็นห่วงจริงๆหรือเปล่า หรือว่าแค่ทำตามหน้าที่เท่านั้นก็ไม่รู้
“ไม่..... ฉันไม่กิน” ผมพูด ผมยังไม่อยากที่จะทำอะไรตอนนี้หรอก ผมไม่หิว ไม่อยากนอนด้วย..... แต่ผมปวดหัวตุ๊บๆเลยตอนนี้ อา~ แย่จัง
“ห๊ะ..... ไม่กินแล้วจะหายได้ยังไงล่ะ สักคำนึงนะ แล้วค่อยกินยา” หมอนี่ตื้อให้ผมกินอีก...... ยังไงผมก็ไม่กิน
“ไม่.... ฉันไม่หิว” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นายเอาลงไปเหอะ..... ฉันจะนอน”
“....แต่นี่....... มัตตันอุตสาห์ทำให้นายนะ นายไม่กินก็เสียน้ำใจเขาหมดสิ” ก็บอกว่าไม่กินไงเล่า !!!!!! หมอนี่ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องแล้วเหรอไง !!!!
“งั้นนายก็กินแทนสิ” ผมพูด....... ถ้าเสียดายนักก็กินแทนไปเลย นั่นแสดงว่านายอยากกินไม่ใช่รึ
“ไม่กินจริงๆเหรอ” หมอนั่นหันมาพูดกับผม ทำหน้าแบบเสียดายๆ ก็บอกว่าฉันไม่กินไงเล่า นายก็กินแทนไปเซ่ !! น่ารำคาญชะมัดเลยแฮะ
“งั้นกินยามั้ย?” หมอนั่นโชว์ซองยาทันที “ถ้าไม่กินข้าวก็ต้องกินยาสักหน่อยนะ......”
“ไม่......” ผมสะบัดหน้าหนีทันที ให้ตายเถอะ รำคาญชะมัด ตื้อให้กินโน่นกินนี่อยู่ได้ ก็บอกว่าไม่อยากกิน เข้าใจมั้ย!!!!!!
“..........” หมอนั่นมองหน้าผมแปลกๆ แล้วก็เอายาเม็ดนึงออกมาจากซอง ก่อนที่จะจับเข้าปากตัวเองไป............ นี่เดี๋ยวสิ คนป่วยน่ะ มันผมไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมหมอนั่นกินยาล่ะ ?
“...................” ด้วยเวลาอันรวดเร็วจนผมไม่ทันตั้งตัว หมอนั่นก็กระชากตัวผมที่อยู่บนเตียงไปจูบทันที O_O!!!!!
นี่............. นี่มันอะไรกันเนี่ย !!!!!~
ผมรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่กลืนลงคอของผมไปอย่างรวดเร็ว....... นอกจากนั้นผมยังรู้สึกได้ถึงความหวานอันร้อนแรงของหมอนั่นอีกด้วย........ มันทำเอาผมเคลิบเคลิ้มไปโดยไม่รู้ตัว
แต่ไม่ได้สิ........ เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วนี่......
ผมผลักเขาให้ออกห่างจากตัวผมทันที............. ตอนสมัยที่เราคบกัน ไม่มีเลยแม้กระทั่งจูบ..... แล้วมาดูตอนนี้สิ...... มันเรื่องอะไรกัน
“นายทำอะไรนะ!!” ผมตวาดขึ้นเสียงดังด้วยความตกใจแบบสุดๆ
“ก็จิยุไม่ยอมกินยานี่!!!!!! ข้าว ก็ไม่ยอมกินแล้วแบบนี้มันจะหายได้ยังไงกัน !!!!!!!” หมอนั่นตอบเสียงดังไม่แพ้กับผมเลย หน้าของหมอนั่นดูแดงๆเล็กน้อย เสียงเหมือนคนจะร้องให้
“พูดเหมือนเป็นห่วงฉันเลยนะ.......หึ” ถึงจะเป็นคนที่ผมรักมากขนาดไหนก็เหอะ แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้ต่อน้ำตาของหมอนั่นหรอกนะ...... เข้มแข็งเข้าไว้สิจิยุ......
“ก็เพราะเป็นห่วงจิยุน่ะสิ!!”
“หา.........” หมอนี่พูดอะไรนะ เป็นห่วงผมงั้นเหรอ โกหกรึเปล่า “อย่ามาโกหกเลยน่า นายไม่ได้เป็นห่วงฉันจริงๆหรอก ใช่มั้ยล่ะ.....” ผมพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา ไม่ว่าจะยังไง ผมก็ไม่ควรที่จะหลงเชื่อง่ายๆ ผมต้องเป็นตัวของตัวเอง ให้มากกว่านี้......
“จิยุไม่เชื่อใจผมสินะ........” จู่ๆหมอนั่นก็ก้มหน้าก้มตาลงเหมือนกำลังสารภาพผิดอะไรสักอย่าง....... บรรยากาศเหมือนมันเศร้าๆลงไปพร้อมกับความมืดมนในหัวใจยังไงไม่รู้ นี่ผมทำเกินไปหรือเปล่านะ...... “ผมรู้ว่าที่ผ่านมาจิยุดีกับผมมาก ผมรู้ว่าผมทำผิดกับจิยุเอาไว้มากมาย...... ที่ผ่านมางานของผมเยอะมาก ตั้งแต่รายงานแล้วก็เรื่องร้าน ทุกอย่างทำให้ผมเครียด ผมหาทางออกของตัวเองไม่ได้..... ผมไม่อยากแสดงให้ใครได้รู้ ผมไม่อยากให้จิยุต้องมาเครียดไปพร้อมกับผมด้วย ผมก็เลยเย็นชาใส่ ผมขอโทษ.... ที่ผ่านมาผมเป็นแฟนจิยุแท้ๆแต่ผมไม่ได้ใส่ใจหรือสนใจเรื่องของเราเลย”
ผมฟังจากน้ำเสียงก็รู้แล้วว่าหมอนี่จริงจังแค่ไหนที่ได้พูดออกมา..... มันทำเอาผมอึ้งไปเลยทีเดียว
“ยูจิ...... นี่นายกำลังจะพูดอะไรกันแน่”
“ผมไม่รู้หรอกนะว่าจิยุจะเชื่อผมรึเปล่า...... แต่มันเป็นสิ่งที่ผมอยากจะบอกจิยุมาตลอด สิ่งที่ผมเก็บไว้มานาน.......” หมอนี่ตั้งใจจะพูดอะไร..... “ผมรักจิยุ....... รักมากที่สุดเลยด้วย”
ผมโผเข้ากอดหมอนั่นทันทีโดยไม่รอช้า.......
“นายพูดจริงรึเปล่า......”
“จริงสิ...... ผมรักจิยุ..... รักจิยุจริงๆ” ท่าทางหมอนี่เหมือนเด็กๆเลยแฮะ...... เด็กน้อยที่บอกคำว่ารักได้ออกมาจากใจ บอกซ้ำๆซากๆให้คนฟังเชื่อแบบนั้น
“ฉันก็รักนาย.....”
ผมผลักหมอนั่นให้ออกห่างก่อนที่จะจูบหมอนั่นอีกครั้งหนึ่ง และก็ค่อยๆ ซุกไซร้ไปที่คอขาวๆของหมอนั่น หมอนี่เป็นของผม คนเดียวเท่านั้น!!
“อ๊ะ........ นี่จิยุ เดี๋ยวสิ........” หมอนั่นขัดขึ้นเมื่อผมกำลังจะดันตัวหมอนั่นให้ล้มลงนอนบนเตียงนุ่มๆ “จะทำอะไรนะ”
“ไม่น่าถามให้เสียเวลา” มาถึงการนี้แล้ว ผมว่าหมอนี่มันต้องรู้แหละว่าผมกำลังจะทำอะไร แต่ผมไม่สนใจหรอก เพราะ..... ไม่มีอะไรมาหยุดผมได้!!!!
“อ๊ะ.....อ๊า~~~~ “
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“ไปทำอีท่าไหนเข้าละเนี่ย ไข้ขึ้นตั้ง 39 องศา” มัตตันถือเทอร์มอมิเตอร์ในมือ พร้อมกับถอนหายใจอย่างกังวลออกมา หลังจากที่วัดไข้ยูจิที่กำลังนอนไข้ขึ้น......
“จะใครสักอีกล่ะมัตตัน...... เพราะมันๆๆๆๆๆๆ” หมอนั่นพูดจาไม่ไว้หน้าผมที่กำลังนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงเลย 555+ สงสัยหายไข้เมื่อไหร่ จะต้องลงโทษอย่างหนัก!!!!!
“อย่างนี้คงต้องปิดร้านยาว.....” ใช่..... ผมคงคิดผิดสินะเนี่ย ที่ใจร้อนไปทำหมอนั่นตอนที่ผมกำลังไม่สบาย เหอะๆ
“ดูแลตัวเองดีๆนะ ฉันจะไปข้างนอกกับมิตจังซะหน่อย” มัตตันว่า แล้วก็ออกจากห้องไปทันที
หมอนั่นมองหน้าผมอย่างค้อนๆนิดนึง.......
“ทำไม..... อยากโดนอีกรึไงกัน” ผมแกล้งถามไป........
“เพราะนายคนเดียวเลยจิยุ ทำฉันไข้ขึ้นอย่างนี้”
“แล้วนายไม่ชอบรึไงฮะ.......” ผมพูดแหย่ๆไป หมอนั่นหน้าแดง แล้วก็รีบหันไปอีกทางนึงทันที
“ฉันหลับล่ะ” หึหึ......... นึกว่าจะแน่สักแค่ไหนกันเชียวนะแฟนผมนี่.......
END
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ห่างหายไปนานเท่าไหร่แ้ล้วน๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
(แล้วคิดยังไงอัพน๊ะ?)
ช่วงนี้ไม่ค่อยได้แต่งฟิคซักกุเลยค่ะ เพราะฉะนั้นจะเอาฟิคเก่าๆที่แต่งไว้มาลงนะคะ 555+
ขอบคุณที่มาอุดหนุนค่ะ
^^
ความคิดเห็น