คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : 010 : Love You Merry Christmas (Reno X Ryoga)
ปีที่แล้ว......
“คือ..... ขอโทษนะเรียวงะ คือ.... ฉันคบกับชินแล้วน่ะ ขอโทษจริงๆนะ” คำพูดที่พูดออกไปตอนนั้น ทำเอาบรรยากาศรอบข้างเงียบไปหมด ไม่รู้เพราะอะไรช่วงนั้น ผมกลับไปตกหลุมรักคนๆหนึ่ง และความรู้สึกมากมายในตอนนั้นมันกลับทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง ในใจลึกๆ ผมคิดว่าคนที่อยู่ตรงหน้าของผมในตอนนั้น จะร้องให้ หรือทำท่าอ้อนวอนอยากจะให้ผมกลับไปหาเขา
แต่เปล่าเลย
“อืม.... งั้นเหรอ ฉันรู้มานานแล้วล่ะ.... ขอบคุณมากเลยนะที่อยู่เคียงข้างฉันมาได้ตลอดหลายเดือน ขอบคุณจริงๆ ขอให้พวกนายมีความสุขนะ ^^” แต่มันกลับกลายเป็นใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้ม ผมไม่รู้หรอกนะว่าใจจริงหมอนั่นจะทำได้เหมือนที่พูดหรือเปล่า
แต่เพราะว่าความรู้สึกหลังจากวันนั้น มันเริ่มเปลี่ยนไป ผมกับเรียวงะคบกันก่อนหน้าที่จะตั้งวง ในช่วงนั้นยังหานักร้องนำไม่ได้ หลังจากนั้นชินก็เข้ามา ผมกับชินเริ่มสนิทกัน มากขึ้นเรื่อยๆ เวลาผมมีอะไรทุกข์ใจ ทะเลาะกับเรียวงะ ชินเป็นคนเดียวที่คอยรับฟัง และให้กำลังใจผม เขาคอยช่วยผมมาตลอด ผมไม่รู้ว่าตอนไหนที่หัวใจของผมนึกถึงแต่ชิน แต่แล้ว มันก็ทำให้ผมต้องบอกเลิกคนที่ผมเคยรักมากที่สุด
แต่กว่าจะรู้ว่า... คนที่ผมรักมากที่สุด จริงๆแล้วเป็นใคร มันก็สายไปแล้วล่ะ
1 ปีผ่านไป 24 ธันวาคม 2010
“ฉันไปก่อนนะเรโนะ......” เสียงของชินท่าทางร่าเริงสดใสทำเอาผมต้องตื่นหลังจากที่ฝันได้ไม่นาน..... ฝันถึงเรื่องซ้ำๆซากๆ กับความผิดพลาดเมื่อปีที่แล้ว
“นายจะไปไหนน่ะ ไม่เห็นบอกฉันก่อนเลย - - ‘” ผมถามขึ้น ก็จริงอยู่ว่า หลังจากนั้นผมจะชินย้ายมาอยู่ด้วยกัน แต่หลังๆมานี่ หมอนี่ทำอะไรไม่เคยบอก ไม่เคยปรึกษาผมสักคำ
“ก็นาย..... ดื่มเหล้าทุกวันก่อนนอน กลับมาก็ดึก ใครจะไปอยู่บอกคนอย่างนายกัน....” นั่น ว่าผมอีกแน่ะ “ฉันจะไปเดทกับพี่โช ฝากห้องด้วยนะ.... อ๊ะ จริงสิ นายเองก็คงออกไปตะลอนๆตามคลับแถวนี้อีกสินะ หาอะไรกินเองนะ ไปละ บายๆ” รีบพูด แล้วก็เปิดประตูก่อนที่จะปิดลง จะรีบไปไหนกันนะหมอนั่นน่ะ
ในตอนแรกที่ผมกับชินย้ายมาอยู่ด้วยกัน ก็มีความสุขอยู่ แต่พอหลังจากนั้นไม่นาน พวกเราสองคนเริ่มแตกคออะไรกันเรื่อยๆๆๆๆ จนในที่สุดผมก็รู้ตัวว่า ผมไม่ได้รักหมอนี่เลย ผมรักมันในฐานะเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่คอยรับฟังผมได้ก็เท่านั้นเอง
แล้วหลังจากนั้นเพียงไม่นาน ผมกับชินก็อยู่กันในห้องๆนี้ในฐานะเพื่อน ไม่เคยก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของกันและกันอีกเลย
“ไอ้เจ้าบ้า ทิ้งฉันอยู่ในห้องแบบนี้คนเดียวได้ไง..... ชิส์ ออกไปข้างนอกดีกว่า....” ผมลุกขึ้นจากเตียงทันทีที่คิดได้ แล้วก็เข้าไปอาบน้ำ แต่งตัว.... ผมไม่รู้หรอกนะว่าวันคริสมาสอีฟแบบนี้จะไปไหนดี แฟนก็ไม่มี เพื่อนแต่ละคนก็มีแฟนกันหมด บางคนก็กลับบ้านนอก สรุป ผมต้องไปเดินคนเดียวน่ะสิ
บรรยากาศแบบนี้ถ้ามีเพื่อนๆในแก๊งสักสองสามคนอยู่ปาหิมะ ไปเล่นเกมส์ตามงานเทศกาลก็ดีอยู่หรอก
“อ๊ะ จริงสิ...... วันก่อนได้บัตรลดราคาร้านเนื้อย่างมานี่หว่า ไปไหนแล้ววะ” ผมนึกอะไรบางอย่างออกได้ วันก่อนนี้ผมกับชินไปเล่นเกมส์อะไรสักอย่าง แล้วได้รางวัลมาเป็นบัตรลดราคาจำนวน 2 ที่ หมอนั่นก็เลยยกให้ผม มันหมดเขตวันคริสมาสซะด้วยสิ ไหนๆก็ไหนๆแล้วไปกินซะหน่อยก็ดี เสียดาย
แล้วมันอยู่ไหนวะเนี่ย
ผมค้นหามันจากโต๊ะทำงานที่อยู่ใกล้ๆกับเตียงนอนทันที ของอะไรไม่รู้เยอะไปหมด ส่วนมากก็เป็นรูปชินกับพี่โชอะไรนั่น ไม่รู้รักอะไรนักหนาไม่เห็นหัวเพื่อนร่วมห้องอย่างผมเลย เจอหน้ากัน จะพูดกันทีมีแต่เรื่องพี่โชๆ
ผมหยิบหนังสือโน้ตเพลงเล่มหนึ่งออกมา มาเปิดผ่านๆอย่างเร็ว จำได้นะว่าผมอ่านหนังสืออะไรสักอย่าง แล้วก็เอาใบอะไรไม่รู้ไปคั่นไว้ ช่วงดึกๆ ไม่รู้อะไรมั่ง....
แล้วในที่สุดผมก็เจอ กระดาษที่ตกลงมาจากในหนังสือนั่น 2 ใบ
ใบนึงเป็นบัตรลดราคาร้านเนื้อย่าง
อีกใบนึง เป็นรูป........ ตัวผมกับใครคนหนึ่งถ่ายรูปกันที่ลานน้ำพุในสวนสาธารณะ....
เรียวงะ.....
ตั้งแต่เมื่อตอนนั้นผมไม่ได้คุยกับหมอนี่เท่าไหร่ แต่รู้แค่ว่าหมอนี่เป็นแฟนแล้ว รู้สึกจะชื่อโคคิอะไรนั่น... เป็นรุ่นน้องที่มาแอบชอบ ในวันแบบนี้ ก็คงอยู่กับแฟนหมอนั่นละมั้ง....
ช่างเถอะ ไปเที่ยวดีกว่า
“อ้าว เรียวงะ.....”
“หืม...... ไง เรโนะ”
ผมทักทายเรียวงะ หลังจากที่เดินออกมาจากห้องพัก แล้วเตร่ไปตามถนนเพียงไม่กี่ก้าว...... แปลก ผมเห็นหมอนั่นอยู่คนเดียว แฟนไม่ได้อยู่ด้วย.... ก็เหมือนผมนั่นแหละ
“มาทำอะไรตรงนี้ล่ะ? มาหาเพลงเก่าๆฟังรึไง....” ผมถามไป เพราะตรงที่หมอนั่นยืนอยู่คือหน้าร้านขายซีดี แล้วหมอนี่ก็ชอบฟังเพลงเก่าๆซะด้วย
“ฉันคงมากินแผ่นเพลงล่ะมั้ง...~ นายน่ะแหละ มาทำอะไร ชินไม่มาด้วยรึ?” โผล่มาก็ถามถึงหมอนั่นเลย ไม่อยากรู้บ้างรึไงว่าผมเป็นยังไงบ้างน่ะ
“ก็นายเห็นว่าหมอนั่นมาไหมล่ะ? แล้วนี่ เจอกันทั้งทีไม่คิดจะถามไถ่ว่าเป็นยังไงกันบ้างเลยเหรอ?” ผมถามอย่างงอนๆนิดๆ =3=
“ก็ฉันคิดว่านายน่าจะมีความสุขก็ดีก็เลยไม่ถามไง.... แล้วนี่ตื่นแต่เช้าเลยนะ มาทำอะไรล่ะ?” แหม ยังจำได้อีกเหรอเนี่ย ว่าวันหยุดแบบนี้ผมชอบตื่นสาย! แน่นอนว่าวันนี้ถ้าเจ้าชินมันไม่ส่งเสียงให้ผมตื่นซะก่อน ผมก็นอนยาวล่ะ อากาศแบบนี้ด้วย
“ก็หมอนั่นออกไปทำธุระ แล้วทิ้งฉันอยู่คนเดียว ก็น่าเบื่อแย่สิ..... ก็เลยมาเดินเล่นน่ะ นายน่ะแหละ ไม่มากับแฟนเหรอ?” ไม่ได้อยากรู้หรอกนะ แต่ถามเป็นพิธีไปงั้นเอง
“ไม่หรอก หมอนั่นอยากไปสนุกกับเพื่อนๆวันคริสมาสอีฟก็เลยปล่อยๆไปน่ะ..... วันนี้ก็เลยมาเดินเล่นนิดหน่อย วันหยุดแบบนี้ มีอะไรเยอะแยะเลยนี่” คงจะหมายถึงงานเทศกาลล่ะมั้ง? วันคริสมาสมันก็มีอะไรเยอะแยะกว่าปกติจริงๆ มีซานต้าคอส มีกวางเรนเดียร์สวยๆ
“งั้นวันนี้นายก็ว่างน่ะสิ”
“ก็ใช่น่ะสิ”
“งั้น......” ได้โอกาสล่ะ “ไปด้วยกันไหมล่ะ?”
“หืม......”
ผ่านไป 2 ชั่วโมง.... ผมกับเรียวงะออกมาจากโรงหนัง เพราะว่าพวกผมมาถึงโรงภาพยนตร์ก็ได้เวลาฉายรอบแรกพอดี ก็เลยถือโอกาสเข้าไปนั่งดู หนังโรแมนติกซะด้วยนะ แต่รู้สึก ชีวิตจริงมันจะไม่ - - ‘
“นายว่าหนังสนุกดีมั้ย?” ผมถามขึ้นทันทีหลังจากก้าวออกจากโรงได้
“ก็ดีนะ.... แต่ถ้ามาดูกับแฟน มันจะได้อะไรที่ลึกซึ้งกว่านี้”
“อ้อ นั่นสินะ.....เรื่องของเพื่อนสองคนที่เคยคบกันเป็นแฟนมาก่อนแล้วเลิกกันไปนี่ มันก็เหมือนชีวิตจริงเลยนะ ทั้งๆที่ห่างกันไปหลายปี แต่ทั้งคู่ก็ยังมีความรักให้กัน.... “ เหมือนชีวิตจริงของผมยังไงก็ไม่รู้ ใช่... เพราะผมกับเรียวงะเคยคบกัน แต่ตอนนี้ ผมก็ยังคงรักเขา เพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆในตอนนั้น ทำให้ผมหน้ามืดไปหน่อยก็เท่านั้นเอง
“ช่างเหมาะจริงๆกับที่พวกเรามาดูกันสองคนเนี่ย” แต่ท่าทางหมอนี่จะไม่โรแมนติกกับหนังเลย - - ‘
“เรียวงะ นายมัวแต่มองกวางเรนเดียร์ตัวนั้นน่ะ เดี๋ยวฉันก็แซงหรอก!” ผมพูดขึ้นเสียงดังเกือบจะลั่นร้านปาจิงโกะ เพราะผมสังเกตว่าในขณะที่ผมกำลังบังคับรถที่อยู่ในเกมส์อย่างเมามันส์ หมอนี่ มันกลับมองกวางเรนเดียร์แจกใบปลิวตรงข้ามร้านแบบไม่วางตาเลย....
“ใครจะไปปล่อยให้นายแซงได้เล่า! อีกอย่าง ฉันไม่ได้มองกวางเรนเดียร์ซะหน่อย!!!”
“นายจะบอกว่านายมองโปสเตอร์เนื้อย่างที่อยู่ข้างๆนั่นรึไง” ผมว่าใช่ ร้านตรงข้ามที่ว่าเป็นร้านเนื้อย่าง ร้านที่ผมได้บัตรลดราคามาพอดี
“ก็ใช่น่ะสิ..... อ๊ะ...... เรโนะ!!!!!!!” ยังไม่ทันถึงนาที ผมก็บังคับรถแข่งของผมเข้าเส้นชัยนำหน้าเรียวงะไปจนได้ 555+ ไม่ว่ากี่ปีกี่ชาติ ก็ยังตามผมไม่ทันเรื่องเกมส์อยู่ดีละวะ
“ก็นายมัวแต่มองไอ้พวกนั้นนี่...... ช่างเถอะ..... ไปกินเนื้อย่างกันดีกว่า.....”
“หือ?”
“แล้วทำไมนายไม่มากินกับชินสองคนล่ะ” เรียวงะถามขึ้น บัตรลดราคานี่มีแค่สองที่นั่ง แล้วทำไมผมถึงไม่มากับชินล่ะ ใช่ ผมต้องมากับหมอนั่นแน่ๆ ถ้ายังเป็นแฟนผมอยู่น่ะนะ
“ก็หมอนั่นไม่ว่าง..... นายน่ะแหละ อยากกินทำไมไม่ชวนแฟนนายมากินล่ะ?”
“ฉันก็เป็นคนออกน่ะสิ ไม่มีเงินมากขนาดนั้นหรอกนะ มันแพง” เออ จริง - - ‘ ผมก็ไม่เคยมากินร้านนี้คนเดียวโดยปราศจากเพื่อนฝูงผู้ออกเงินเหมือนกัน
“ฉันเข้าใจ..... แล้ว.... รู้สึกเป็นยังไงบ้างล่ะ การเป็นเมะน่ะ?” นี่ผมไม่มีอะไรจะถามจริงๆเหรอเนี่ย - - ‘ แต่ ตั้งแต่หมอนี่เลิกกับผมไป พอคบกับคนที่ชื่อโคคิ หมอนี่เป็นเมะ.....
“ก็ดีน่ะสิ..... ได้เป็นฝ่ายปกป้องคนอื่น”
“คงดีกว่าอยู่กับฉันใช่มั้ยล่ะ”
“อื้อ ^^” แล้วทำไมจะต้องยิ้มด้วยล่ะนี่ - - ‘
แต่...... เพราะตอนนี้พวกผมสองคนกลับกลายเป็นเพื่อนกันได้แบบนี้ ทำให้ผมพอคุย พอชวนคุยในเรื่องที่คุยกับแฟนไม่ได้เหมือนกัน มันคงเป็นข้อดีสินะ..... ใช่ มันต้องดีสิ ในเมื่อผมกับเขา คงไม่มีทางได้กลับเป็นเหมือนเดิมอีก ถึงจะอยากให้เป็นแบบนั้นก็เถอะ
ผมอยู่กับเรียวงะทั้งวัน..... จนพระอาทิตย์เริ่มจะตกดิน จากสถานที่ๆไม่ค่อยมีอะไรมากนัก กลับถูกประดักตกแต่งไปด้วยไฟสีต่างๆ เขียว เหลือง แดง น้ำเงิน ระยิบระยับเต็มไปหมด แล้วก็คงถึงเวลาที่ผมจะต้องกลับไปยังห้องเก่าๆ แล้วก็นอนไปพร้อมกับฤทธิ์ของแอลกอฮอร์เหมือนเดิมล่ะมั้ง
“พรุ่งนี้นายก็คงอยู่กับแฟนของนายสินะ” ผมพูดขึ้น อีกเพียงไม่นาน ผมก็คงต้องแยกกับเขา ต่างคนต่างกลับบ้าน
“อื้อ.... ใช่แล้วล่ะ นายก็คงอยู่กับชินสินะ”
“ก็เหมือนนายน่ะแหละ” พูดไป อันที่จริง หมอนั่นคงไม่กลับบ้านหรอก คงมีผมนอนซม ดูหนังอยู่ในห้องคนเดียว
ผู้คนเดินเพ่นพ่านไปมาต่อหน้าผม คู่รักกันบ้าง บรรดาเพื่อนๆ สาวๆ หนุ่มๆจับกลุ่มกันเดิง คุยกันเฮฮาไปบ้าง พี่น้องกันบ้าง พ่อแม่ลูกกันบ้าง..... เวลาแบบนี้คงจะเป็นเวลาที่มีความสุขสำหรับคนหลายๆคน แต่ก็เป็นเวลาที่เหงาของคนอีกมากมายเลยล่ะนะ.....
“ไปไหนกันดี ห้องฉันดีไหมอีฟ?”
“จะดีเหรอ? ฉันนะอุตสาห์เก็บห้องนะ นายไปก็เละกันหมดน่ะสิ”
“หนอย...... ไม่อยากให้ฉันไปเรอะ!!!”
ผมได้ยินคู่รักคู่หนึ่งดังขึ้นจากแถวๆนั้น ผมหันไปเพราะได้ยินว่ามีๆคนนึงชื่ออีฟ เหมือนกับวันคริสมาสอีฟ แต่ปรากฏว่า เป็นคู่รัก ที่ 1 ในคู่นั้นมีคนที่ผมรู้จักคนหนึ่ง.....
แต่คนที่อยู่ข้างๆผมตอนนี้ คงเป็นฝ่ายที่รู้จักมากกว่า
“เรียวงะ! นั่นแฟนนายไม่ใช่เหรอ?” ผมชี้ไปที่สองคนนั่น..... ที่กำลังหยอกล้อกันอยู่ “คนที่ผมชมพูๆนั่นน่ะ”
“เห??” เรียวงะมองตามผมไป ทำหน้าแบบไม่รู้เรื่องจริงๆ “หา..... โคคินี่”
“ก็ใช่น่ะสิ.... ยืนเซ่ออยู่ได้นายนี่ แฟนนายกำลังหยอกล้อกับใครก็ไม่รู้...... นี่นายยังยืนเฉยอยู่ได้!” ผมว่า ทั้งๆที่ผมก็เห็นว่าสองคนนั่นกำลังหยอกล้ออย่างคิกคักน่ารักๆอยู่นั่น แต่แฟนอย่างหมอนี่กลับยืนอยู่เฉยๆ ทำแบบไม่รู้ไม่ชี้ มันคืออะไรกันล่ะเนี่ย! ถ้าเป็นผมน่ะ ผมจะไปลากเจ้าสองคนนั่นไปจัดการ!
โอเค ผมไปจัดการมันเองก็ได้!
“เอ่อ...... ก็ปล่อยเค้าไปเถอะน่า.... อย่าไปยุ่งเลยเรโนะ” เรียวงะดึงแขนผมไว้ ในขณะที่ผมกำลังจะเข้าไปลากเจ้าสองคนนั่นออกจากกัน
“ได้ไงล่ะ นั่นแฟนนายไม่ใช่เหรอ!!!” ผมชี้สองคนนั่นเพื่อเป็นการตอกย้ำอีกที “นายไม่รักแฟนนายรึไงกัน!!!”
“ระ....เรโนะ.....” หมอนั่นยังไม่ปล่อยแขนผม “เอ่อ.... โคคิน่ะ........ คือ..... ฉันโกหกน่ะ!!”
“หา..... นายพูดอะไร?” ผมถาม หมายความว่ายังไงกัน โกหก??
“คือ..... ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกความจริง......... ฉันกับโคคิ...... เลิกกันแล้วน่ะ..” เรียวงะบอก ทำหน้าเหมือนทำอะไรผิดแบบนั้น
“นายว่าไงนะ!!! พวกนายเลิกกันแล้ว ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!!!!”
“เอ่อ.... ตั้งแต่..... 6 เดือนที่แล้วน่ะ?? ขอโทษนะ ที่ฉันไม่ได้บอก...... คือ ฉันคิดว่านายยังไม่รู้ แต่ก็ต้องถามเรื่องนั้นแน่ๆเลยก็โมเมไปงั้นเองน่ะ.....”
“แล้วนั่นแฟนใหม่หมอนั่นสินะ??” ผมถามเพื่อความแน่ใจ
“อื้อ..... สองคนนั่นคบกันมานานแล้วน่ะ.....”
“งั้นตอนนี้นายคบกับใครอยู่ล่ะ?”
“เอ่อ.... ไม่มี......” ผมได้ยินแบบนั้น ก็เหมือนกับชีวิตได้ว่างเปล่าไปหมด คนๆนี้ที่ผมได้ตัดใจเอาไว้มานานแล้ว ทั้งๆที่รู้ แต่ก็ยังแอบอวยพรว่าจะไปกันได้ดี ทั้งๆที่รู้สนิทว่าเวลาแบบนั้นจะไม่หวนกลับมาอีก แล้วไงกันล่ะเนี่ย ความจริง เป็นสิ่งที่ผมตั้งตัวไม่ทันจริงๆ
“งั้นฉันก็...ต้องขอโทษเหมือนกัน” ผมเองก็โกหก “ฉันกับชินก็เลิกกันแล้ว ตอนนี่ฉันตัวคนเดียว”
“เอ๋.... ทำไมล่ะ พวกนายสองคนรักกันดีไม่ใช่เหรอ?”
“ก็..... พวกฉันไม่ได้รักกันจริงๆหรอก ในที่สุดก็รู้ว่าเราสองคนเหมาะกับการเป็นเพื่อนกันมากกว่าน่ะ
..”
“งั้นเหรอ..... งั้นต่างคนก็ โกหกกันน่ะสิ - - ‘” ก็ใช่น่ะสิ..... ให้ตาย พวกเราทำแบบนี้เพราะอะไรกันเนี่ย??
“เรื่องในตอนนั้นฉันขอโทษนะ..... ทั้งๆที่ฉันไม่ได้รักชินจริงๆ แล้วก็ยังไปบอกเลิกนายตอนนั้น นายคงโกรธล่ะสิ หลังจากนั้นมาพวกเราก็ไม่ได้คุยกันเลย”
“อื้ม... ก็ใช่..... แต่ก็ดีนี่นา ทำให้ฉันรู้ว่า ฉันคงจะไม่ใช่คนที่ดีพอสำหรับนายไง” ไม่ดีพองั้นเหรอ หมอนี่กำลังเข้าใจอะไรผิดสินะ
“ใครบอกล่ะ? มันทำให้ฉันรู้ล่ะว่าใครที่เป็นคนที่ฉันรักจริงๆตะหาก”
“เห??” หมอนี่หันมามองผม ท่าทางกำลังงง ใช่สิ เจอแบบนี้เป็นใครก็งง
“ก็ฉันน่ะมัวแต่หน้ามืดตามัวจนปล่อยให้คนที่ฉันรักจริงๆต้องหลุดมือไปไง เอ่อ.... จะว่ายังไงดีล่ะ -//-“ พูดเองก็เขินเองแฮะ เหมือนผมกำลังสารภาพรักอีกครั้งยังงั้นแหละ “เรียวงะ...... ฉันรักนาย”
“หา?”
“คือ..... หลังจากที่ฉันคบกันชินได้ไม่นาน ฉันก็เริ่มรู้ตัวน่ะ ว่าคนที่ฉันรักจริงๆ ไม่ใช่เขา แต่เป็นนาย” แต่ ก็เพิ่งมาบอกหลังจากที่เลิกกันไปได้ปีนึงเต็มๆ แล้วเขาจะยังรักผมอยู่ไหมเนี่ย -*-
“เอ๋.... ฉันก็....เหมือนกัน” เรียวงะก้มหน้าลง หน้าแดงๆเหมือนเขินนิดๆ “แต่ฉันคิดว่านายคงไม่ได้คิดแบบนั้นแล้ว ฉันก็เลย ตัดใจไปแล้วน่ะ”
“แล้วถ้ารู้แบบนี้.... นายจะทำยังไงล่ะ.......” ระหว่างนั้นมีเสียงโทรศัพท์ดังแทรกเข้ามา ทำไมฟะเนี่ย!!! ไม่ใช่ใครที่ไหน จากเพื่อนร่วมห้องผมเอง “ว่าไงชิน....” ผมรับสายทันที รู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยที่ถูกขัดซะได้
“เรโนะ....คือ นายอยู่ข้างนอกใช่มั้ย คืนนี้นายช่วยไปนอนค้างที่ไหนก็ได้ บ้านเพื่อนก็ได้นะ คือ...แบบว่า พี่โชจะมาค้างกับฉันที่ห้องน่ะ แหะๆ” หนอย ไอ้คนมีแฟน!
“พี่โชมาค้างแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วยล่ะ?????”
“อย่าทำเป็นงี่เง่าหน่อยเลยเรโนะ พี่โชกับฉันนอนด้วยกันมันก็ >/////<” เออ ผมเข้าใจแล้ว
“ก็เลยไล่ฉันไปนอนที่อื่นสินะ เออ..... นายจะนอนยาวจนไปถึงพรุ่งนี้เลยก็ได้ เดี๋ยวคืนนี้” ผมเหล่มองเรียวงะ “ฉันจะไปนอนบ้านคนแถวๆนี้แหละ ไม่ต้องห่วง.... “
“อ้อ.... พี่โชฝากถามว่า เหล้าที่อยู่ในตู้เย็นน่ะ ดื่มได้มั้ย แหะๆ” ยึดห้องยังไม่พอ จะขโมยเหล้าผมกินด้วยรึ - -
“เออ อยากกินอะไร อยากทำอะไรก็ทำไปเลย.... แค่นี้ใช่มั้ย”
“คร้าบบบ โชคดีนะเรโนะ” แล้วก็วางสายไปเลย.....
“อะไรน่ะเรโนะ...... โดนไล่ออกจากห้องรึไง” แค่ฟังจากที่ผมคุยฝ่ายเดียวก็เข้าใจเรื่องหมดแล้วรึเนี่ย ฉลาดจริงๆเลย ^^
“อ่าฮะ..... แล้ววันนี้... ขอไปนอนค้างด้วยนะเรียวงะ”
“เห? ทำไมต้องเป็นบ้านฉันด้วยล่ะ?”
“ก็จะให้ฉันไปนอนกับหมาที่ไหนเล่า.... ถ้าไม่รังเกียจ ขอค้างด้วยนะ ^^”
“......”
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“เรโนะ...... นี่นายเอาไวน์ของฉันมาดื่มได้ไง” เรียวงะออกมาจากห้องน้ำหลังจากแช่ไปเกือบชั่วโมง (ก็หมอนี่ชอบแช่น้ำเอามากๆ - -) ออกมาก็มาพบผมที่อยู่ในชุดนอน แถมดื่มไวน์แดงที่เอามาจากในตู้เย็นเรียบร้อย
“ก็มันอยู่ในตู้เย็น ฉันก็เอามาดื่มสิ... วันนี้วันคริสมาสอีฟแท้ๆ ก็ต้องขนมปังขาวกับไวน์แดงนี่แหละ”
“ไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น ไวน์ของฉัน นายเอามาดื่มก่อนโดยไม่บอกฉันได้ไง”
“นายจะให้มันเน่าคาตู้เย็นรึไง..... มานี่เลยเรียวงะ มาดื่มด้วยกัลลลล” ผมหันไปมองเรียวงะ เห็นหมอนั่นกำลังเปิดตู้เสื้อผ้าพอดี “ไม่ต้องหาชุดนอนมาใส่หรอก ยังไงคืนนี้นายก็ไม่ได้ใส่หรอก ^[++]^”
“พูดอะไรของนาย ทีนายยังใส่เลย” นั่น ย้อนมาที่ผมอีก ก็แหม...... กว่าจะอาบน้ำเสร็จอะไรเสร็จ จะให้ผมแก้ผ้านอนรึไง
“ก็ฉันไม่อยากแช่ลมแข็งตายนี่หว่า...... ยังไงก็ต้องถอดมันอยู่ดี” ขี้เกียจพูดอะไรแล้วฟะ ดูเหมือนช่วงนี้หมอนี่จะเล่นตัวนะ แต่ก็ช่างเถอะ ยังไงก็ต้องเสร็จผมอยู่ดีล่ะ หึหึ.....
ส่วนต่อจากนี้ไป จะเป็นยังไง คิดกันเอาเองแล้วกัน ผมขี้เกียจบรรยาย
Merry Christmas & Happy New Year 2011 ครับ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
= = '
ทำไมมันเริ่มมีวิวิดเข้ามาเอี่ยวด้วย (ตั้งอีกสักเรื่องสำหรับวิวิดโดยเฉพาะเลยดีไหม???)
ฟิคสำหรับคริสมาส แต่มาลงวันสิ้นปี (เจริญครับ เจริญสุดๆ)
ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ลงฟิค เพราะมัวแต่ติดการ์ตูน ติดเฟซ ติดเรียวงะ m_m
ขอให้มีความสุขในวันสิ้นปี+ปีใหม่เลยนะคะ ^^
ความคิดเห็น