คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : The X[S]ense ตอน.ปฐมบทห้วงเวลา 1.1
The X[S]ense รหัสคดีลึกลับ
ตอน.ปฐมบทห้วงเวลา 1.1
ในโลกที่มีแต่ความวุ่นวายของปัจจุบันนั้นช่างต่างกับสมัยอดีตราวฟ้ากับเหว ผู้คนที่เดินขวักไขว่กันไปมากำลังรีบเร่งเพื่อไปทำหน้าที่ของตัวเอง บ้างก็ทำงาน เรียนหนังสือ ท่องเที่ยว เป็นต้น และเขาก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนพวกนั้น เขามักจะถูกหาว่าเป็นคนแปลกในหมู่คนแปลกอีกที ทำให้มักจะไม่ค่อยมีใครที่เข้ามาในชีวิตของเขาเท่าไหร่และอย่างดีเขาก็ไม่เข้าไปวุ่นวายกับคนพวกนั้นด้วย
ที่ๆผมอยู่ตอนนี้คือLA สหรัฐอเมริกา ผมเป็นเด็กนอกเติบโตมากับเมืองนอกมาตั้งแต่เล็กๆ ชีวิตของคนที่นี่ไม่มีใครสนใจใคร แม้คุณจะทำจานข้าวหล่นบนพื้นโรงอาหารในHigh School. ผมก็คิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา แค่คุณก้มลงเก็บมัน เพียงเท่านี้ทุกอย่างก็จบ หากแต่ว่าเวลานี้ผมกำลังจะกลับเมืองไทยและคงจะต้องอยู่ยาวอีกนาน ผมก็คิดว่ามันคงจะดีเพราะอย่างน้อยนั่นก็บ้านเกิดเมืองนอนตนเอง
เช้านี้ที่แอร์พอร์ทยังมีคนหลายชาติต่างภาษาเดินกันว่อน ผมรอเวลาเพื่อจะเข้าไปในเกตซักทีเพราะผมเกลียดความวุ่นวายที่นี่ ผมหยิบข้อมูลโรงเรียนใหม่ออกมาดูเล่นเนื่องจากพรุ่งนี้คงต้องไปยื่นใบรายงานตัว ย่าของผมได้เตรียมการไว้ทั้งหมดและมันคือโรงเรียนที่สอนเกี่ยวกับด้านดนตรีสากลและการแสดงและภาษา ที่นี่เป็นโรงเรียนที่เพิ่งเปิดใหม่เมื่อไม่กี่ปีก่อนและเป็นสาขาของโรงเรียนดนตรีระดับโลก Trinity College London High School สาขาของประเทศไทย
“นาย...” LAมีคนไทยอยู่เยอะพอสมควร ไม่แปลกถ้าผมจะได้ยินคำทักทายนี้อยู่บ่อยๆแต่แค่สงสัยว่ารู้ได้ไงว่าผมคือคนไทย ผมหันไปมองเด็กหนุ่มที่น่าจะรุ่นๆเดียวกันกับผม เขาใส่แว่นและดูเหมือนเด็กเรียน
“ครับ” ผมขานตอบกลับไปอย่างสุภาพ
“กำลังจะไปเมืองไทยใช่มั้ยครับ...เราเห็นนายนั่งอยู่ตรงนี้เลยเข้ามาทักดูน่ะ” เด็กชายคนนั้นพูด น้อยคนที่เขาเจอและพอรู้ว่าเป็นคนไทยจะเข้ามาทักทาย คนไทยในต่างแดนที่เขาเคยพบเจอก็ล้วนหยิ่งใส่กันทั้งนั้น แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เจอคนที่ดีๆหรอกนะ เพียงแต่ที่เขาพบมันเป็นส่วนใหญ่
“ใช่ครับ”
“ผมชื่อไนท์นะครับ...ยินดีที่ได้รู้จัก” เขายื่นมือมาให้ผม ผมดูออกตั้งแต่แว๊ปแรกว่าคนๆนี้คงจะอยู่เมืองนอกมานาน จากคำพูดและท่าทางก็คงจะติดมาไม่น้อย
“ครับ” ผมยื่นมือออกไปจับก่อนจะบอกชื่อตัวเอง
“ผมชื่อกันต์ ภาคีไนย เรียกกันต์เฉยๆก็ได้ครับ”
“ฮ่าๆๆ...ผมการันต์ เศวตศิลาครับ” เขาหัวเราะก่อนจะบอกชื่อผมอีกครั้ง ผมรู้ได้ทันทีว่าเขาคงเป็นพวกลูกคนใหญ่คนโต เพราะนามสกุลนั้นก็บ่งบอกฐานะได้ชัดเจน ผมยิ้มให้ เรามีอักษรนำหน้าเหมือนกันซึ่งเวลาออกเสียงมันก็ยิ่งคล้ายกัน
ผมมักจะเฝ้ามองคนที่นั่งข้างๆผมเสมอ เขาดูไม่ค่อยจะชอบสุงสิงกับใคร และตอนที่บอกชื่อกับผมเขาก็ยังพูดจนครบทุกอย่างจนเหมือนกับเป็นการจบประโยคไปในตัว ผมก็ยังอยากจะคุยกับเขานะแต่ติดตรงที่ว่าจะหาเรื่องอะไรมาเปิดประเด็น
“เอ่อ...เราดูเหมือนอายุจะไล่เลี่ยกันเลย ถ้าจะคุยแบบกันเองจะดีมั้ยครับ” เขาหันมามองผมนิ่งๆ
“ก็ได้ครับ” ประโยคยาวๆผมคงไม่มีอากาศได้ยินจากผู้ชายที่ผมพยายามสร้างสัมพันธภาพที่ดีได้เลย เขาเหมือนชอบเงียบอยู่ตลอดเวลาซึ่งผมก็ไม่ได้แปลกใจอะไร ผมมักคิดตรงกันข้ามเสมอ คนเรามีหลายแบบอยู่แล้วผมคิดอย่างนั้น
“นายจะกลับเมืองไทยไปทำไมเหรอ” นี่เป็นครั้งแรกที่เขาชวนผมคุย ผมยิ้มร่าอย่างดีใจ อย่างน้อยผมก็ไม่ได้กำลังคุยอยู่กับตัวเอง
“ฉันจะไปเรียนต่อที่เมืองไทยแทนน่ะ”
“เบื่อที่นี่เหรอ” เขายังคงถามผมถึงแม้สายตาจะจับจ้องไปยังเบื้องหน้าแน่นิ่ง
“เปล่าหรอก...ฉันคิดถึงบ้านน่ะ” คำว่าคิดถึงมันไม่ได้อยู่ในสมองส่วนไหนของผมเลย แต่กลับมีในผู้ชายที่ชื่อไนท์คนนี้ ผมใช้ชีวิตไปวันๆตามความต้องการของผู้อื่นอยู่เสมอ ตั้งแต่พ่อแม่ของผมประสปอุบัติเหตุผมเองก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว ผมมีชีวิตท่ามกลางความต้องการของผู้อื่น
“แล้วนายล่ะกันต์”
“เรียนต่อ” เขาตอบออกไป ผมคิดว่าคนอย่างกันต์น่าจะเรียนต่อที่LAน่าจะดีกว่ามั้ย แต่บางทีเขาอาจจะกำลังคิดเหมือนผมอยู่ก็ได้ ผมพยักหน้ารับรู้
เราขึ้นเครื่องบินลำเดียวกันแม้จะนั่งกันคนล่ะที่ พอถึงเมืองไทยผมก็ยังหวังว่าเรายังสามารถคุยกันแบบปกติได้ ผมรู้สึกว่าเขาเป็นคนแปลกๆอยู่นะในความคิด เครื่องบินที่บินข้ามซีกโลกอยู่หลายชั่วโมงทำเอาผมนั่งปวดสะโพกไปหมด ผมมองหาอีกคน เขากำลังมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเลื่อนลอย ผมก็ได้แต่นั่งแหมะอยู่กับที่เพราะถ้าขยับตัวผมคงเมาเครื่อง อีกไม่นานก็จะถึงสุวรรณภูมิแล้ว พ่อกับแม่คงมารับผมแน่ๆ
ใครจะรู้ว่าการที่ผมมองก้อนเมฆนี้ทำให้ผมรู้สึกเบาหวิว ผมตอนนี้ก็เหมือนกัน ล่องลอยไปในอากาศอย่างไร้จุดหมาย....แต่แล้วทำไมจู่ๆในดวงตาของผมจึงมองเห็นใครบางคน ใครอีกคนที่อยู่อีกที่แต่ทำไมช่วงเวลาเรามันถึงใกล้กันนัก เขาเคยฝันประหลาดๆนี้มาหลายหนแล้วตั้งแต่อยู่ที่อเมริกา แต่เขาไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ มีหมอดูท่าทางแปลกๆที่เขาเคยเจอตอนอยู่ที่High School ทั้งที่ในโรงเรียนเขาไม่น่าจะเจอคนจำพวกนี้แต่เขาก็ดันเจอ
และเธอก็พูดกับผมว่า ผมมีเซ้นในทางวิญญาณอะไรพวกนี้ ผมอาจจะดูเงียบแต่ไม่ถึงขนาดมีเซ้นส์อะไรกับเรื่องพวกนี้หรอก ก่อนที่ผมจะเดินจากเธอไปผมหันหลังกลับไปมองอีกครั้ง แต่เธอก็หายไปแล้ว
คนมีสัมผัสพิเศษมักจะเป็นคนที่ไม่ค่อยสมประกอบเสมอ ในความคิดของผม ถ้าจะบอกว่าผมไม่ปกติมันก็ไม่น่าสงสัย เขาอยู่ก็เหมือนไม่อยู่ ทุกวันนี้เขาอยู่เพื่อคนอื่นไม่ใช่ตัวเอง ....... ตอนนี้เครื่องบินได้ลงจอดแล้วเพราะผมได้ยินเสียงแอร์สายการบินนี้ประกาศ ผมเตรียมสัมภาระและพาสปอร์ตเพื่อตรวจให้เรียบร้อยระหว่างผ่านด่าน
“กันต์” เสียงคุ้นเคยเรียกเขา ผู้ชายคนนี้ตัวไล่เลี่ยกับเขาหากแต่ว่าตัวเล็กกว่าหน่อย
“นายกลับบ้านเลยใช่ป่ะ”
“อืม” ผู้คนเบียดเสียดกันเพื่อจะออกแต่ผมไม่ใช่หนึ่งในนั้น ผมรอให้คนที่ต้องการจะออกก่อนเดินออกไปให้หมด เพราะเป็นปกติที่ผมจะออกคนหลังสุดทุกครั้ง
“นี่...ไลน์ฉัน...แอดมานะ...ฉันอยากเป็นเพื่อนกะนาย” เขายิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตรก่อนจะรีบเดินออกไป ผมมองดูกระดาษในมือที่จดไอดีอะไรซักอย่าง ไลน์เหรอ...เขาไม่เคยเล่นด้วยซ้ำ
ผมเดินออกไปเป็นคนสุดท้ายตามคาด ตอนนี้คงต้องกลับไปคอนโดที่ย่าเขาซื้อไว้ให้ก่อน เพราะคนวันนี้ที่สนามบินนั้นมีเยอะมาก ทำให้เขาต้องเดินหลเป็นพัลวัล แต่ถึงหลบยังไงก็ไม่พ้นเพราะชนเข้ากับใครสักคนแถวนั้น
“ขอโทษครับ” ผมบอกออกไปตามมารยาท เขาคนนั้นหันมาจ้องหน้าผมอย่างเอาเรื่องก่อนจะผงกหัวรับคำของผมไป ผมไม่ได้สนใจอะไรมากกว่านั้นแต่ออกเดินเท้าไปยังรถแท๊กซี่
ชีวิตแบบนี้มันน่าเบื่อ....เขาอยากจะอยู่อย่างสงบที่ไหนซักแห่ง เรื่องชื่อของเขาก็เหมือนกัน เขายังคงนึกถึงผู้หญิงแก่ๆท่าทางเป็นแม่หมอที่เคยเข้ามาพูดกับเขาที่โรงเรียนในอเมริกา ทั้งที่เราก็ไม่เคยเจอแต่เธอก็เรียกผมว่า...
“เซน...ท่านคือคนที่รู้ทุกอย่าง...ตัวตนที่แท้จริงของท่านกำลังจะเผยออกมาแล้ว” เสียงที่โหยหวนนั้นเขายังจำมันได้ดี แต่เขากลับเลือกจะไม่สนใจอะไรถ้าเพราะเวลานี้เขากำลังยืนรอรถแท๊กซี่ เขามองเห็นทุกชีวิตที่เดินผ่านหน้าเขาไป มองเห็นแม้กระทั่งโชคชะตาทั้งดีและร้ายของพวกเขา อายุขัย และถึงกับมองเห็นวิญญาณ เหมือนตอนนี้เขากำลังหลุดมาอีกโลก เขาเห็นผู้ชายที่เขาเพิ่งชนไป แถบบนหัวนั้นมีสีแดง มันหมายความว่าอะไรกัน...
“เซนเหรอ” ชื่อนี้คือชื่อเขาเหรอ
ความคิดเห็น