คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เวทมนตร์แห่งแฟรมมิลล์
สภาพห้องขังเก่าทรุดโทรมเหลือจะทน มีเศษฟางชื้นๆเหม็นอับกองเป็นหย่อมๆทับบนพื้นห้องเฉอะแฉะ กลางห้องมีรถขนฟางคันเล็กๆที่มีฟางกองอยู่เต็มเหมือนกับถูกลืมเอาไว้ หนูตัวใหญ่วิ่งหลบมุมมุดเข้าออกกองฟางกันอย่างสนุกสนาน แต่โชคก็ยังดีที่อย่างน้อยเขาได้เข้ามาเป็นคนแรกของห้อง ไม่อย่างนั้นถ้าต้องไปอยู่รวมกับพวกห้องข้างๆแล้วล่ะก็ไม่นานเรื่องก็ต้องเข้ามาหาเขาอีกแน่ๆ
“โชคดีที่ห้องข้างๆมันเต็มแล้วแกเลยได้อยู่ห้องใหม่ ไม่งั้นแกจะได้เจอรับน้องมหาโหดแน่” ผู้ตรวจการณ์ปิดห้องขังดังสนั่นแล้วลงกลอนแน่นหนา
“6โมงเย็นฉันจะมาปล่อยแกไป” เขาพูดเพียงแค่นั้นแล้วเดินจากไป
ฟรอนกวาดตามองสภาพห้องแล้วจึงตัดสนใจเลือกที่นั่งใกล้กับประตูที่แห้งและไม่มีหนูเดิน เขานั่งลงยองๆกอดเข่าเงียบๆหยิบเอาขนนกก้านเรียวยาวสีน้ำเงิน เหลือง และแดงสดผสมกันอย่างกลมกลืนสวยงามออกมาแล้วคาบมันไว้ในปาก เขานั่งเท้าคางแล้วฮัมเพลง “ปีศาจจงเจริญ” ของเผ่าแดชมันตะวันตกเบาๆเฝ้ารอเวลาที่ดวงตะวันจะตกดินแล้วเขาจะได้ออกจากคุกสักที
“ท่าทางนายไม่เหมือนพวกโจรผู้ร้ายเลยนะ”
เสียงเปรยเรียบๆทำเอาฟรอนสะดุ้งเฮือก เพิ่งสังเกตเห็นเดี๋ยวนี้เองว่ามีผู้ที่มาอยู่ก่อนแล้วนอนอยู่หลังฟางกองใหญ่ คนตรงหน้ามองมาที่เขาด้วยรอยยิ้มน้อยๆ
เขาเป็นชายที่มีรูปร่างสมส่วนดูดี ใบหน้าครบเครื่องไปด้วยจมูกที่คมสันและดวงตาสีฟ้าที่ฉายแววฉลาดรอบรู้เกินตัว ผมสีเงินยาวจนถึงเอวแม้เจ้าตัวจะถักเป็นเปียหลวมๆแต่ก็ดูนุ่มและสวยเงางามทำให้รู้ว่าเจ้าของนั้นดูแลรักษามันเป็นอย่างดี
ผ้าคาดผมสีน้ำเงินถูกคาดไว้ที่หน้าผากดูเด่นสะดุดตา เรือนผมสีเงินที่ยาวปรกใบหน้าขาวสะอาดทำให้ฟรอนคิดว่าเขาดูน่าจะเป็นคุณชายจากที่ไหนสักแห่งมากกว่าจะมาเป็นคนที่นอนเล่นอยู่ในคุกกลางวันแสกๆแบบนี้
“นายก็ไม่เหมือนโจรผู้ร้ายเหมือนกันนี่นา” ฟรอนพูดบ้าง ทำให้เขาขยับรอยยิ้มขึ้นไปอีกแล้วยืดกายขึ้น เขาดูแก่กว่าฟรอนเล็กน้อยร่างของเขาดูภูมิฐานผิดกับตอนนอนอาจเป็นเพราะการแต่งตัวและการวางมาดที่ทำให้เขาดูเหมือนเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบอยู่เต็มตัว
“แน่นอนอยู่แล้ว ฉันไม่ใช่ บางทีฉันก็คิดเหมือนกันว่าระบบความปลอดภัยที่นี่ดูจะเข้มงวดไปหน่อย” เขาเอ่ยด้วยมาดนิ่งๆแล้วกระโดดขึ้นไปนั่งบนรถขนฟางท่าทางดูปราดเปรียวเขานั่งลงแล้วไขว่ห้างอย่าสง่าผ่าเผย ก่อนจะเอ่ยคำพูดเรียบๆราวกับกำลังนั่งชมวิว
“เมื่อบ่ายนี้ฉันแค่เดินอยู่ที่โรงสีข้าวแล้วบังเอิญเด็กผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งเกี่ยวฟางข้าวกองเบ้อเริ่มมาหกล้มข้างหน้าฉัน แค่นั้นฉันเลยโดนข้อหาทำลายผลผลิตการเกษตรและทำร้ายร่างกายเด็กน้อยที่น่าสงสาร” เขาพูดเรื่อยๆขณะที่สายตาสะดุดเข้ากับสร้อยคอของฟรอนเขามองดูมันอย่างสนใจ
ฟรอนแค่นหัวเราะ คิดในใจว่ายังมีคนที่ซวยเหมือนเขาด้วยหรือนี่
“ฉันก็เหมือนกัน แค่ยัยแม่ค้าขายผักนั่นคิดว่าฉันพยายามจะกัดมือเธอให้ขาด ฉันเลยโดนข้อหาทำร้ายร่างกายและขโมยผักสด” ฟรอนโกหกลื่นไหลแกล้งทำหน้าเซ็งหน่ายพร้อมกับใช้ฟันกัดขนนกสีสวยให้โบกไปมา
ชายหนุ่มหัวเราะ แววตาดูเหมือนว่าเขาจะพบคนที่ถูกใจ ถูกใจทั้งท่าทางการนั่งแบบเพี้ยนๆและเครื่องอาภรณ์ประหลาดทั้งหลาย
“งั้นแย่หน่อยนะข้อหาขโมยผักสดน่ะหนักพอดูเลย” เขาเอ่ยเยาะๆเลิกคิ้วขึ้น
“นายชื่ออะไรล่ะคนแฟรมมิลล์”
คำถามที่ฟรอนถึงกับอึ้งไปเล็กน้อยกับคนตรงหน้า ถ้าจำไม่ผิดเขาคงยังไม่ได้เอ่ยอะไรถึงที่มาของตัวเองเลย
“ฟรอน นีลโบร์ แล้วนายล่ะคนเมืองเพิร์ท” ฟรอนตอบกลับทั้งๆก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนที่ไหน แต่แค่อยากจะทำเหมือนรู้มากเท่านั้น ดวงตาสีฟ้าของเขาออกแววขบขัน
“ฉันซาฟิน ยินดีที่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว เอ่อ...ในนี้น่าจะมีชาสักถ้วยนะ” เขาเหลียวมองซ้ายขวารอบตัว ขณะที่ฟรอนถึงกับขำพรืด
“นายตีค่าคำว่าคุกสวยหรูไปหน่อยรึป่าว ค่าน้ำชาไม่ใช่ถูกๆที่นักโทษจะกินฟรีได้ตลอดหรอกนะ” ซาฟินยิ้มรับกับคำพูดของเขา
“ฉันลืมไป” ก่อนจะพูดต่อ
“แล้วนายมาที่เพิร์ททำไมล่ะฟรอน” เขาเอ่ยถาม ฟรอนยักไหล่และเริ่มนั่งโยกตัวไปมาอย่างเคยชินทำให้เขายิ่งดูเป็นคนประหลาดมากขึ้นไปอีก เขาตัดสินใจเลือกตอบทางเลือกสุดท้ายที่พ่อทิ้งไว้ให้
“ฉันจะมาที่ศูนย์ฝึกองครักษ์เฮมพ์เบิร์ก แต่หลงทางก็เลยเดินมั่วซั่วมาทั้งวันแล้ว” ฟรอนพูดเรื่อยๆคำตอบที่เรียกความสนใจของซาฟินดวงตาสีฟ้าคู่สวยของเขาวาววับ
“นายจะมาสมัครเข้าฝึกเป็นองครักษ์ที่นั่นหรอ” ใบหน้าคมคายบ่งบอกว่าไม่ค่อยเชื่อ
“แล้วนายจะให้ฉันไปสมัครเป็นขันทีที่นั่นหรือไง” คำพูดกวนๆตอบกลับทำให้ดวงตาสีฟ้าอึ้งไปนิดก่อนที่เจ้าตัวจะเอ่ยย้อน
“นั่นสิ อยากเป็นทั้งทีฉันคงต้องเปลี่ยนจุดหมายไปที่วังแทน” ฟรอนเหลือบตามองบุรุษเบื้องหน้าแล้วหัวเราะขบขันอย่างถูกใจ
“นี่ ฉันเป็นนักทำนายที่มีชื่อเสียงที่สุดของแฟรมมิลล์ ปกติฉันคิดค่าทำนายแพงถึงแพงมากนะ เป็นโอกาสของนายแล้วที่ฉันจะดูให้นายฟรีๆ” พูดจบเจ้าตัวก็ล้วงมือเข้าไปในผ้าคลุมสีม่วงแล้วดึงบางอย่างที่ดูเหมือนเป็นสำรับไพ่เก่าๆออกมา
แค่มองดูก็รู้แล้วว่ามีความขลังถึงที่สุดไพ่ใบเล็กยาวขลิบด้วยลายทองสวยงามถึงแม้ตอนนี้จะหลุดลอกไปเกือบหมดก็ยังดูมีค่ายิ่ง รูปภาพและตัวอักษรเป็นอักขระโบราณของเผ่าแดชมันที่นิยมอาคมชั้นสูง เพียงแค่เห็นซาฟินก็รู้สึกได้ถึงพลังที่ซ่อนอยู่ในสำรับไพ่โบราณนี้
ฟรอนหัวเราะหึหึในลำคอความจริงเขาแค่อยากจะรู้เท่านั้นว่าเขากำลังคุยกับคนประเภทไหนอยู่
ฟรอนกรีดไพ่ในมือออกอย่างสวยงามแล้ววางลงที่พื้น เขาหลับตาพึมพำอะไรบางอย่างปลายนิ้วของเขาตวัดเขียนเป็นตัวอักษรจำนวนมากลงบนตัวไพ่ ตัวของเขาโยกไปมาหนักกว่าเก่าแล้วปลายนิ้วของเขาสะดุดกับไพ่ใบหนึ่งเขาหยุดนิ่งสักพักแล้วลืมตาขึ้นมา ใบหน้าของเขาฉายรอยยิ้มอย่างพึงพอใจยามสบมองบุรุษอีกคน
“ฉันนึกว่านายจะเป็นพวกลูกชายพ่อค้าเศรษฐีซะอีก ที่จริงนายเป็นพวกมียศถาบรรดาศักดิ์นี่นา” คำทำนายที่ซาฟินถึงกับเงียบไปในอึดใจรู้สึกแปลกใจกับคนตรงหน้าที่เก่งสมราคาคุยหรือไม่ก็แค่เดามั่วจนใกล้เคียง
“ไม่งั้นไพ่อัศวินนี่คงไม่สะดุดมือฉันขนาดนี้หรอก” ฟรอนหงายไพ่ใบที่เขาจับอยู่ ซาฟินเห็นภาพอัศวินในชุดเกราะเต็มยศมือถือดาบเรียวยาวทำท่าเหมือนกำลังสู้กับศัตรู ใบหน้าของฟรอนยิ้มกว้าง
“ไม่ต้องห่วงฉันไม่ดูเรื่องอื่นๆของนายโดยพลการหรอก” ดวงตาสีม่วงแดงตอนนี้วาววับเหมือนกับว่าเขากำลังสนุกเต็มที่
ฟรอนเลิกกัดขนนกแล้วนั่งมองเศษฟางตรงหน้าอย่างพินิจ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย ก่อนที่จะคว้าเศษฟางแห้งๆเส้นหนึ่งมาเคี้ยวเล่น ภาพที่ทำให้ซาฟินถึงกับเบิ่งตาโต
ถ้าไม่บ้า ก็ใกล้เต็มทีแล้ว
“เอ่อ นายบอกว่านายจะไปสมัครที่ศูนย์ฝึกเฮมพ์เบิร์กใช่มั้ย แล้วนายเตรียมตัวรึยัง”
ฟรอนหน้าเบ้กับรสชาติของเศษฟาง เขาคายมันออกมาแล้วแต่ถึงอย่างนั้นรสชาติมันก็ยังเฝื่อนคอ
“อ๋อ แน่นอนอยู่แล้ว” เขาหันมาคาบขนนกต่อสบตากับซาฟิน
“ฉันมีบางอย่างจะให้นายดู” เขาล้วงมือเข้าไปใต้ผ้าคลุม เงยหน้าขึ้นมาสบกับดวงตาสีฟ้า แล้วเอ่ยเสียงกระซิบ
“เคล็ดลับที่จะทำให้ฉันสอบเข้าที่นั่นได้สบาย” เขาหยิบดาบเรียวยาวออกมาและทำท่ากวัดแกว่งเหนือหัวอย่างรวดเร็วและสวยงาม
“ฉันได้ยินว่าตอนสอบเข้าเค้าจะทดสอบความสามารถของร่างกาย เพลงดาบและพลังเวท จากนั้นสุดท้ายก็จะเป็นการสอบสัมภาษณ์ เพราะฉะนั้นพวกที่ไม่มีดาบ ไม่มีร่างกายที่พร้อมก็แห้วรับประทานไปตามๆกัน ส่วนใหญ่ทางศูนย์ฝึกจะปิดเงียบรอดูผู้สมัครว่าจะเตรียมตัวมาถูกรึป่าว” ฟรอนยักคิ้วอย่างผู้รู้ทันอย่างน้อยคำโม้ของพ่อก็ทำให้เขามีความรู้บ้างไม่มากก็น้อย แล้วเริ่มกวัดแกว่งดาบท่ารำเพลงดาบของเขาทำให้คนมองนึกถึงพวกเล่นกายกรรมมากกว่าจะเรียกว่าเป็นนักรบ
แต่ซาฟินสังเกตเห็นความผิดปกติของมันได้ทันที
เขาหัวเราะในลำคอแล้วเปรยเสียงนิ่ง
“นายเล่นอะไรน่ะ ดาบนั่นไม่ใช่ดาบจริงนี่”
ฟรอนนิ่งไปในทันทีกับคำพูดและแววตาของคนตรงหน้าที่คาดคั้นความเป็นจริงจนน่าตกใจ คำท้วงที่ทำให้เจ้าตัวหยุดท่วงท่ากายกรรมจนเผลอปล่อยดาบตกพื้น เสียงที่ลั่นกระทบพื้นกลายเป็นเสียงทู่ๆเหมือนของหนักๆแทนที่จะเป็นเสียงสะท้อนของเหล็กกล้าเหมือนดาบธรรมดาทั่วไป
“นายดูออกหรอเนี่ย” ดวงตาสีม่วงฉายแววทึ่งเล็กน้อยก้มลงมองดาบใหญ่ที่พื้น มันเป็นเพียงดาบไม้ที่ถูกหลอกตาโดยการเอาสีเงินมาทาไว้ตรงส่วนที่ควรจะเป็นใบมีด ฟรอนกลืนน้ำลาย ขนาดหมอนี่ยังดูออกว่าเป็นของปลอมแล้วพวกที่ศูนย์ฝึกมีหรือจะไม่สังเกตเห็น
“เอ่อ ช่วงนี้ข้าวของมันราคาแพงน่ะ ขนาดแค่เศษเหล็กก็หลายร้อยกิลแล้ว” เจ้าตัวสบถกับตัวเองเบาๆที่ดันปล่อยไก่ให้กับคนตรงหน้า แต่แล้วก็ยิ้มหัวเราะร่า
“ฉันอุตส่าห์แกว่งเร็วๆแล้วนะเนี่ย ดูท่านายคงจะเป็นพวกอัศวินจริงๆซะแล้ว”
“ดูท่ารึ? หมายความว่าตอนแรกนายเดาสุ่มเอารึไง” ซาฟินเอ่ยเสียงเหมือนจะเย้ยนิดๆ ฟรอนยกนิ้วขึ้นจุ๊ปากส่ายหน้าไปมา
“หมอดูคู่หมอเดาเป็นเรื่องธรรมดา” เขายิ้มแล้วล้วงหยิบลูกแก้วสีดำสนิทจากผ้าคลุมมาถือไว้ในมือ
“แต่ว่าถ้าเป็นการทดสอบพลังเวทแค่นี้ฉันสบายมาก” ลูกแก้วสีดำสนิทอยู่บนมือขวาของฟรอน เขาเริ่มร่ายมนตร์แล้วหลับตา
ซาฟินเห็นอะไรบางอย่างวิ่งวนอยู่ในลูกแก้วขณะที่ดวงตาสีไวน์องุ่นหลับแน่น เสียงร่ายมนตร์ดังขึ้นจนฟังดูขนลุก มนตร์ดำของเผ่าแซกซันที่หายสาบสูญไปนานถูกปลุกขึ้นตื่นด้วยพลังเวทแรงกล้าของชายหนุ่มประหลาดคนนี้
ทันใดนั้นลูกแก้วก็เปล่งแสงสีขาวสว่างบาดตาจนทำให้คุกมืดๆนี้สว่างไสวในชั่วอึดใจ
ฟรอนแอบยิ้มอย่างภูมิใจเมื่อเห็นว่าอีกคนกำลังมองแสงที่สว่างนั้นด้วยความทึ่งปนประหลาดใจ
แต่แล้วแสงนั้นก็พลันดับวูบพร้อมกับใจที่กำลังพองโต ห้องขังกลับมาสู่ความเงียบและอึมครึมอีกครั้ง
มีเพียงเสียงหอบหายใจของคนเล่นตลกที่ยังคงดังอยู่ ลูกแก้วเจ้ากรรมกลับมาสงบนิ่งไร้สิ่งใดเคลื่อนไหว เจ้าตัวดีหันไปมองดวงตาสีฟ้าที่ยังเครียดเขม็งก่อนที่จะยิ้มแหยๆเหมือนเด็กที่ถูกจับได้ว่าโกหก
คนกะล่อนรีบหัวเราะกลบเกลื่อนก่อนจะเอ่ยคำพูด
“เอ่อ พอดี ลืมเปลี่ยนแบตเตอรี่”
พูดจบก็นึกด่าลูกแก้วนรกนั่นในใจ วันนี้วันซวยอะไรที่ลูกแก้วพร้อมใจกันหักหน้าเขา
คนมองนิ่งอึ้งไม่มีคำพูดใดๆหลุดจากปาก หรืออันที่จริงคือเขาหาคำพูดมาบรรยายคนตรงหน้าไม่ได้เลยต่างหาก
ดวงตาสีฟ้าเบือนหนีอย่างเหนื่อยใจเขาคงมองคนผิดไปจริงๆตานี่มันเป็นแค่คนสติไม่เต็มเต็งธรรมดาๆ เขาถอนใจก่อนจะเอ่ย
“นายคิดจะเอาของเล่นตลกพวกนี้ไปสอบเข้าน่ะหรือ ดูถูกกันไปหน่อยมั้ย”
ฟรอนแค่นหัวเราะก่อนจะเอ่ยคำพูดตรงๆเรื่อยๆที่ซาฟินถึงกับนิ่งอึ้ง
“คนในนั้นน่ะถึงได้ชื่อว่าเป็นองครักษ์ก็เหอะ คนอื่นๆก็พูดกันให้ทั่วว่าเป็นพวก อึดแต่โง่ แข็งแกร่งแต่ขาดไหวพริบ รวดเร็วแต่ไม่รอบคอบ ไม่งั้นป่านนี้คงจะมีองครักษ์ที่สำเร็จการศึกษาจนล้นเมืองแล้ว แต่นี่ไม่ยักจะเคยเห็นองครักษ์ตัวเป็นๆสักคน เอ่อ อาจจะเคยเห็นอยู่สักคนสองคน แต่ฉันว่าพวกนั้นน่ะถ้าไม่ซ้ำชั้นจนแก่หงำเหงือกก็คงถูกไล่ออกจนหมด” เขาจุ๊ปากวางมาดเหมือนคนที่รู้ดี
“และพวกที่มาคัดเลือกองครักษ์หน้าใหม่ๆก็เป็นพวกที่ซ้ำๆชั้นกันมานั่นแหละ เพราะฉะนั้นถ้าฉันฉลาดอีกนิด มีไหวพริบอีกหน่อยและรอบคอบอีกเยอะๆ แค่นั้นทำไมฉันจะตบตาพวกขาดไหวพริบที่นั่นไม่ได้” เจ้าตัวบรรยายลักษณะทุกอย่างเสร็จสรรพด้วยความมั่นใจเต็มที่
ซาฟินรู้สึกเหมือนถูกค้อนฟาดหน้าอย่างจัง
ไอ้ยิปซีนี่ ปากหมาหลือเชื่อ
“ถ้างั้นแล้วทำไมนายถึงอยากเป็นองครักษ์นักล่ะ” ซาฟินถามเสียงอ่อน
“อ๋อ เอ่อ เงินทองไงล่ะเป็นพวกนั้นน่ะได้เบี้ยเลี้ยงเยอะจะตาย” ฟรอนพูดพลางหลบตากลัวเจ้าคนชอบจับผิดตรงหน้ามันจะรู้ทันว่าเขาแค่อยากลบประวัติความผิดข้อหาหลอกลวงต้มตุ๋น เขาเริ่มหันมองรอบตัวแล้วคุ้ยเศษดินที่พื้นข้างตัวขึ้นมาดม
ซาฟินเหนื่อยใจหมดเรื่องถามเจ้าคนแปลกตรงหน้า ทุกอย่างในตัวของชายคนนี้มันดูน่าปวดหัวสิ้นดี
“แต่นายลืมอะไรไปอย่างนะฟรอน” เขาเอ่ยเรียกดวงตาที่กำลังจับจ้องเศษดินให้เงยขึ้นมา
“หือ อะไร”
“การรับสมัครของศูนย์ฝึกจะหมดเขตตอนบ่ายสี่โมงเย็น แล้ววันนี้วันสุดท้ายแล้วด้วย ฉันว่านายคงไปทันตบตาพวกหงำเหงือกนั่นแน่ๆ”
ฟรอนทำตาโตเท่าไข่ห่าน ใช่ เขาลืมนึกไปเลย ซาฟินถึงกับแอบขำแต่แล้วเขาก็เห็นรอยยิ้มผุดพรายขึ้นบนใบหน้าดูดีของนักทำนายจอมเพี้ยนตรงหน้า
รอยยิ้มที่บัดนี้เขาไม่ค่อยเชื่อว่ามันจะเป็นเรื่องดีๆ
“ถือเป็นโชคดีของนายนะซาฟิน ที่ได้มาอยู่ห้องขังเดียวกับฉัน” เจ้าตัวพูดจบก็ยิ้มพรายล้วงมือหยิบเอาเทียนไขสีขาวแท่งยาวออกมาจากผ้าคลุมที่สามารถเก็บของได้เยอะเหลือเชื่อ
ดวงตาสีม่วงเข้มดูลึกลับ เขากระซิบเสียงแผ่วเบา
“ด้วยเวทมนตร์นี้ จะทำให้นายกับฉันเป็นอิสระในบัดดล”
คราวนี้ดวงตาสีม่วงแปรเปลี่ยนไป ประกายความขี้เล่นหายไปจนหมดสิ้นสรรพสิ่งในห้องขังพลันหยุดนิ่งสนิท มีเพียงลมหายใจของคนสองคนที่บ่งบอกให้รู้ว่าในห้องนี้ยังมีสิ่งมีชีวิต
ฟรอนลุกขึ้นยืนดวงตาสีม่วงดูเย็นชาสีหน้ายิ้มแย้มเสมอของเขากลายเป็นใบหน้าที่ไร้อารมณ์ดูน่ากลัวอย่างยิ่ง แม้แต่ซาฟินยังไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวให้เกิดเสียงราวกับตกหลุมพรางกับดักความเงียบของคนตรงหน้า
ทันใดนั้นเทียนไขก็ติดไฟ เงาใหญ่สะท้อนไหววูบอยู่บนกำแพงคุกมืด หนูตัวใหญ่ที่เคยพลุกพล่านบัดนี้หายไปจนหมดสิ้นราวกับรับรู้ได้ถึงพลังบางอย่าง
ใบหน้าของฟรอนสงบเยือกเย็นยามที่เขาขยับรอยยิ้มเหี้ยมให้บุรุษเบื้องหน้า
“เอาไว้ขอบใจฉันทีหลังนะ”
พูดจบเทียนไขที่ลุกโชติสว่างไสวถูกทิ้งลงบนฟางกองใหญ่ เปลวไฟลุกลามไปอย่างรวดเร็วทั่วห้องขัง
“ช่วยด้วย ไฟไหม้ ช่วยด้วย” มือใหญ่ตบรัวลงบนแผงลูกกรงเหล็กเสียงดังสนั่นทั่วห้องขัง
ซาฟินมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความมึนงง บรรยากาศอึมครึมเมื่อครู่หายวับไปหมดสิ้น คนที่ทำเป็นเคร่งเครียดเมื่อครู่บัดนี้กำลังตะโกนขอความช่วยเหลืออย่างเอาเป็นเอาตาย เปลวไฟลุกโชนอย่างรวดเร็วจนบัดนี้มันเริ่มลามมาคิดที่ชายเสื้อของเขาแล้ว
นี่หรอเวทมนตร์ของมัน
เขากัดฟันกรอดรู้สึกว่าตัวเองซวยที่สุดที่ได้มาเจอกับไอ้คนประหลาดนี่ อารมณ์ที่เคยนิ่งเสมอขาดผึงอย่างต่อไม่ติด
“ไอ้นักทำนายบ้าเอ้ย!!”
เสียงตะโกนของซาฟินถูกกลบด้วยเสียงเปลวไฟที่โหมกระหน่ำ เขาพยายามเหยียบชายเสื้อที่ติดไฟให้ดับแต่มันกลับลามมาติดที่ส้นรองเท้าเขาแทน ไอ้คนบ้าที่เขาด่ายังคงแหกปากร้องเรียกผู้คุมด้วยความกลัว
คุกที่เคยเงียบสงบบัดนี้ยุ่งเหยิงและสับสนอลหม่าน นักโทษห้องข้างๆต่างส่งเสียงเร่งผู้คุมด้วยกลัวว่าเปลวไฟจะลามมาถึงห้องตน ประตูห้องขังถูกเปิดออกเพื่อช่วยชีวิตนักโทษสองคนที่กำลังจะถูกย่างสด ควันไฟหนาจนบดบังทุกสรรพสิ่งรอบตัว
ไม่มีใครสังเกตเลยว่านักโทษสองคนได้หายตัวไปเสียแล้ว
**ช่วยเม้นด้วยนะ รับฟังทุกความเห็นด้วยความยินดีจ้า
ความคิดเห็น