คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Remember Test VII ::: ไฟมันต้องมีชนวน :)
7
ไฟมันต้องมีชนวน J
“ทำไมถึงกลบรอยไม่มิด -_-“ เสียงของพี่ออร์คัสดังขึ้นเมื่อพี่เดรกเดินออกมารอบที่สองและร่องรอยบนลำคอยังไม่หายไป เป็นเพราะชุดลูซิเฟอร์นั้นคอลึกมากการที่จะเห็นรอยชัดเจนก็ไม่แปลกหรอก
“นี่แกจะรองพื้นทั่วตัวฉันเลยใช่มั้ยวะ - - กลบได้แค่นี้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว”
“ฝีมือเธอใช่มั้ย...” พี่ไรทอลที่ยืนพิงผนังห้องข้างๆ เอ่ยถามฉันที่นั่งอยู่บนโซฟาและคำถามนั้นก็ทำให้ฉันสะดุ้งเฮือก
“อะ... อะไรเหรอคะ -O-“ ทำไมมีแต่คนคิดว่าเป็นฝีมือฉัน ถึงฉันจะเป็นคนทำแต่ก็ไม่มีคนรู้ทำไมพี่ออร์คัสกับพี่ไรทอลถึงได้เจาะจงที่ฉันกันนะ
“พี่กำลังถามเรื่องอะไรนั้นเธอรู้ดี”
“เอ้า... ช่างมันเถอะเริ่มกันสักที =_=” ฉันที่กำลังจะเอ่ยปากก็ต้องหยุดไว้เพราะเสียงพี่ออร์คัสเรียกให้เข้าฉากพี่นาร์เซียร์เลยเดินมาพาฉันไป
โชคดีที่ฉากนี้ไม่ต้องใส่ชุดอะไรที่มันพะรุงพะรังและถอดยากเหมือนเมื่อวานแต่ก็แค่ฉากนี้เท่านั้นละ - - เพราะว่าฉากนี้จะถ่ายเกี่ยวกับความฝันตอนที่ซัลฟาเป็นมนุษย์ที่รักกับลูซิเฟอร์แต่ก็ถูกขัดขวางโดยมิคาเอลที่รักซัลฟาเหมือนกัน เป็นรักสามเศร้าที่น้ำเน่าสิ้นดีเนอะว่ามั้ย - -*
“ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าห้ามกัดจนเป็นรอย -_-“ เมื่อฉันเดินเข้ามาในฉากที่พี่เดรกยืนอยู่แล้วเขาก็เขม่นใส่ฉันแต่ประโยคนั่นมัน =O=!
เพียะ!
“พูดออกมาทำไม >-<” ฉันยกมือขึ้นตีไหล่คนตรงหน้า มันใช่เวลามาพูดอะไรแบบนี้หรือเปล่าเนี่ยคนในสตูดิโอตั้งเยอะแยะ “ที่ทำไปเพราะไร้สติต่างหาก”
“อ้อเหรอ...”
“ทำไมต้องทำเสียงอย่างนั้น -_-^”
“ฉากนี้เธอต้องเล่นเป็นคู่รักของฉันนะ ถ้าเขินอย่างนั้นจะไหวเหรอ ^^”
“แน่นอน J” ฉันหย่อนตัวนั่งบนม้านั่งสวนสาธารณะ
ฉากนี้เป็นฉากที่ซัลฟาพาลูซิเฟอร์มาใช้ชีวิตธรรมดาแบบมนุษย์ที่สวนสาธารณะยามเย็น บรรยากาศที่คู่รักกำลังจะสวีทกันก็ถูกขัดด้วยมิคาเอลที่มาเพื่อจะแย่งชิงซัลฟา
“!!”
“ถึงฉันจะเป็นมือใหม่ที่ไม่เคยแสดงแต่ก็จะให้ให้ดีที่สุดแล้วกัน ^_^”
“กล้องพร้อม...!”
“ซีนสอง เทคหนึ่ง เทปเดิน ห้า...สี่...สาม...สอง...หนึ่ง”
ปั้ก!
[Drake’s side]
“ยืนทำหน้าบูดทำไม มานั่งนี่สิ” มือเรียวเล็กของซัลฟาเอื้อมมาจับแขนเสื้อผมก่อนจะดึงให้นั่งลงข้างๆ “ไม่ชอบเหรอ วิถีแบบมนุษย์เชียวนะเจ้าแห่งปีศาจอย่างนายคงไม่เคยสัมผัสหรอกใช่มั้ยบรรยากาศธรรมชาติอย่างนี้”
“บรรยากาศธรรมชาติ?”
“หน้าแบบนี้คงไม่รู้จักสินะ -_-“
“เป็นโลกที่มีสีสันแปลกตาเสียจริงนะ J”
“ชอบใช่มั้ยละ หน้านายมันบอกว่าชอบที่นี่นะ ^^” ซัลฟาเอนหลังพิงพนักพิงม้านั่งก่อนเปลือกตาของเธอจะค่อยๆ หลับลง
“ซัลฟา... ลืมโลกใบนี้ไปซะแล้วไปอยู่กับข้าไม่ดีกว่ารึ?”
“ไม่ได้หรอกลูซิเฟอร์ เราคุยเรื่องนี้กันแล้วนะ ฉันไม่ได้เกิดมาอยู่ตัวคนเดียวฉันมีพ่อมีแม่ที่ต้องดูแลทิ้งพวกท่านไม่ได้หรอกนะ”
“แค่เจ้าบอกมาว่าจะไปกับข้าเท่านี้ข้าก็สามารถทำให้เจ้าหายไปจากความทรงจำบนโลกนี้ซะ”
“ฉันรักนายนะลูซิเฟอร์ แต่พ่อแม่ฉันก็สำคัญเข้าใจใช่มั้ย” ฝ่ามือนุ่มเลื่อนมาสัมผัสใบหน้าผมก่อนที่หน้าผากของเธอจะเคลื่อนมาแตะกับหน้าผากผมช้าๆ
“ยิ่งทำแบบนี้ข้ายิ่งไม่อยากปล่อยเจ้าไป... ซัลฟา”
“ฉันก็ไม่อยากให้นายปล่อยฉันแต่ถ้าทำแบบนั้นมันก็จะเห็นแก่ตัวเกินไป สู้ปล่อยให้นายไปเจอคนที่ดีกว่านี้ไม่ดีกว่าเหรอ”
“คนใหม่รึ? คงเป็นคำขอที่เป็นไปไม่ได้แต่ข้าจะรับฟังเอาไว้” ผมเอียงคอไปสัมผัสแก้มบางๆ ของเธอเบาๆ เป็นสัมผัสที่น่าคิดถึงจริงๆ สินะ “ข้าต้องการเจ้านะ...”
“คัท!!!” อีกแค่นิดเดียวผมจะได้ลิ้มรสอันหอมหวานจากริมฝีปากบางนั่นแล้วแท้ๆ แต่เพราะเสียงคัทที่เป็นการยุติทุกอย่างดังขึ้นแต่มันไม่ใช่เสียงของผู้กำกับอย่างออร์คัสหรอกนะแต่เป็นเสียงของไอ้ไรทอลที่ยืนอยู่ข้างๆ นั่น - -*
“ทำไมชอบสั่งคัทตัดหน้าทุกทีสินะ -_-^”
“ฉันเพิ่งสั่งครั้งแรกเองนะอีกอย่างจบฉากนั้นแล้วไม่ใช่หรือไง J” เป็นเพราะแบบนั้นผมจึงต้องผละออกจากซิดนีย์ ถ้าทำอะไรเกินกว่าบทเดี๋ยวผมจะโดนกีดกั้นซะเอง
“อะไรกันๆ อยากเล่นบทตัวเองไวๆ หรือไงถึงได้กั้นฉันออกนอกหน้าขนาดนี้” ผมกัดด้วยคำพูดทันทีที่ไอ้ไรทอลเดินเข้ามาในฉาก
“คงงั้นมั้ง ได้ใกล้ชิดเท่านั้นก็พอสำหรับคนอย่างแกแล้ว”
“อย่าหวงไปหน่อยเลยหน่า เธอไม่ได้เป็นของแก - -+“
“แล้วแกคิดว่าตัวเองจะได้รึ เจ้าแมวขโมย +- -“ แมวขโมย? กล้าเกินไปแล้วที่มาว่าผมอย่างนี้!
“แล้วแกคิดว่าตัวเองจะรั้งเธอได้ตลอดไป?”
“นี่แก...!” ผมที่นั่งอยู่เฉยๆ ก็ถูกกระชากคอเสื้อจากคนที่มีโทสะเปี่ยมล้นแทบจะทะลักออกมา
“พี่จะทำอะไรน่ะ ที่นีสตูดิโอนะคนเยอะแยะ -_-;” แต่ก็มีมือเรียวเล็กยื่นเข้ามาดึงมือไอ้ไรทอลออกจากคอเสื้อผมแล้วดันออกไปห่างๆ ก่อนที่เสียงของไอ้ออร์คัสที่ผ่านทางโทรโข่งจะดังก้อง
“พวกแกน่ะ! อยู่ให้ห่างๆ กันซะเข้าฉากเมื่อไหร่ค่อยมา =_=+” และเมื่อสิ้นคำพูดก็มีทีมงานคนสองคนเดินมาพาไอ้หมอนั่นออกไปแต่สายตาผมกับมันยังคงไม่ละออกจากกัน บอกแล้วว่ามันกล้าเกินไปแล้วที่ปะทะสายตากับผมขนาดนี้แต่ก็ควรจะทำตัวให้ชินได้แล้วมันเป็นแบบนี้มานานแล้วนี่ J
“พี่โอเคใช่มั้ย?”
“โอเคสุดๆ ไปแลยละมั้ง :D” ถ้าไม่นับว่าถูกมันว่าเป็นแมวขโมยก็โอเคสุดๆ อย่างผมน่ะเหรอ ’แมวขโมย?’ เพ้อเจ้อเกินไปใหญ่แล้ว ผมไม่เคยขโมยของอะไรมันเลยสักนิดเว้นก็แต่สิ่งที่ล้ำค่ากว่าของน่ะ J
“พี่สะใจใช่มั้ยที่ถากถางพี่ไรทอลได้น่ะ =_=”
“ถากถางอะไรกัน? ในหัวพี่ไม่มีคำนั้นเลยนะ ^^”
“พี่... อย่าทำให้กองถ่ายนี้ลุกไหม้มากไปกว่านี้เลยได้มั้ยคะ” ซิดนีย์ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ผมรู้ว่าเธอเหนื่อยที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้แต่ช่วยไม่ได้คนที่ให้ผมกับมันมาร่วมงานกันน่ะคิดผิดใหญ่หลวงซะแล้ว
“แล้วรู้หรือเปล่าว่าไฟนั้นเกิดขึ้นได้มันต้องมีชนวน” ขณะที่เรากำลังสนทนากันบทสนทนานี้ก็ถูกแทรกด้วย ทานิลเรียส ยูเรเนีย ยัยนั่นคงมาได้ยินเข้าสินะ
“ชนวน?”
“ลองคิดเอาเองแล้วกันยูเทอเฟีย ว่าชนวนที่ทำให้เกิดไฟลุกไหม้ในครั้งนี้สาเหตุอยู่ที่อะไร” ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นยัยนั่นก็เดินไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ เป็นผู้หญิงที่น่าสนใจนะว่ามั้ยชอบพูดจาลึกลับแต่ผู้หญิงอย่างนั้นน่ะอันตรายน่าดู J
“คัท!!!”
“พักกอง!”
เสียงของไอ้ออร์คัสดังขึ้นเมื่อจู่ๆ ในระหว่างการถ่ายทำซิดนีย์ก็เกิดปวดหัวขึ้นมากะทันหันและเสียงของยูเรเนียตะโกนตามมาเพราะไม่ว่ายังไงก็ยังถ่ายต่อไม่ได้ทันที
ในขณะที่กำลังถ่ายฉากที่มิคาเอลดึงตัวซัลฟาโดยมีลูซิเฟอร์รั้งเอาไว้และเพราะเหตุการณ์นั้นทำให้การถ่ายทำต้องหยุดชะงักเพราะอาการปวดหัวขั้นรุนแรง ตอนแรกผมก็ไม่อยากรับบทนี้ตั้งแต่อ่านมันแล้วแต่ทันทีที่รู้ว่าคนที่รับบทมิคาเอลคือไรทอลแบบนั้นจะให้ผมอยู่เฉยได้ยังไงละจริงมั้ย
“ซิดนีย์!” ไอ้ไรทอลรับร่างบางที่กำลังจะร่วงลงพื้นเอาไว้สองมือของเธอกดไว้ที่ขมับทั้งสองข้าง ตามจริงน่าจะเป็นผมที่รับร่างนั้นไว้แต่เพราะนัยน์ตาสีแดงนั่นก่อนจะล้มลงไปจ้องมองมาที่ผมราวกับจะตั้งคำถามอะไรสักอย่าง ผมกลัวว่าเธอจะจำได้และถ้าเป็นอย่างนั้นจะยิ่งเป็นปัญหาสำหรับผมมาก
และสุดท้ายผมก็ปลีกตัวมาที่ห้องแต่งตัวส่วนซิดนีย์ก็คงอยู่ที่เดิมนั่นละมั้ง ผมกลายเป็นคนที่แตะต้องเธอไม่ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แต่ก็นั่นละถ้าผมยิ่งเข้าใกล้เธอมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งทำให้ความจำยัยนั่นกลับมาได้เร็วขึ้นเท่านั้น
ตึกๆ
ขณะที่ผมกำลังเดินไปหยิบแก้วน้ำยกมาดื่มก็ต้องถือค้างไว้เมื่อเสียงข้างนอกเหมือนคนกำลังวิ่งมาและ...
ปัง!
“เดรก!”
เพล้ง!!
“เธอว่าไงนะ?” แก้วน้ำที่อยู่ในมือผมร่วงหล่นเพราะคนที่เอ่ยเรียกชื่อผมกลับกลายเป็นซิดนีย์ซะได้ ปกติเธอจะเรียก ‘พี่’ ใช่มั้ยแต่นี่มัน... หรือว่ายัยนี่จะจำได้แล้ว
ไม่สิ... เป็นไปไม่ได้ถ้ายัยนี่จำได้ไม่มีทางรีบร้อนมาหาผมแบบนี้หรอก
“เดรก... เมื่อก่อนฉันเรียกนายอย่างนี้ใช่มั้ย”
“ทำไมเธอถึง...”
“จู่ๆ ภาพมันก็ปรากฏขึ้นมาในหัว นายคือคนรักฉันใช่หรือเปล่า?”
“ห๊ะ?” คนรักงั้นเหรอ? ยัยนั่นมันเห็นภาพบ้าอะไรกันแน่ -_-
ตึก ตึก ตึก!
“ซิดนีย์!” แต่ก่อนที่ผมจะได้เดินไปหาเธอร่างของไอ้ไรทอลก็โผล่มาก่อน
“พี่ไรทอล... พี่รู้จักฉันใช่มั้ยถ้างั้นบอกได้หรือเปล่าว่าเดรกใช่คนรักของฉันมั้ย?”
“อะไรนะ? ไอ้เดรกนี่แก...” คนถูกถามชะงักด้วยความตกใจก่อนจะตวัดสายตามาที่ผม กะแล้วเชียว - -
“อย่ามามองด้วยสายตาแบบนั้น แกคิดหรอกเหรอว่าฉันทำ!”
“อย่าเพิ่งทะเลาะกันได้มั้ย ตอบฉันมาสิพี่!” ซิดนีย์ขัดขึ้นมาก่อนที่การโต้เถียงนี้จะยาวเลยเถิดแล้วหันไปเค้นคำตอบจากไอ้ไรทอล
“มัน... ไม่ใช่คนรักของเธอหรอก” สายตาอาฆาตของมันพุ่งตรงมาที่ผม แต่เท่านั้นละคิดเหรอว่าจะแคร์ -_- แต่ผมก็คิดว่าคำตอบนั้นสำหรับตอนนี้ก็เหมาะที่สุดแล้ว “ไปกันเถอะซิดนีย์”
“เดี๋ยวสิ! พี่กำลังโกหกฉันอยู่หรือเปล่าแต่ภาพนั้นนายพร่ำบอกรักฉันนี่ อีกอย่างความรู้สึกตอนนั้นของฉัน...” ซิดนีย์สะบัดแขนไม่ยอมไปแล้วหันมาเอาคำตอบจากผมแต่ก่อนจะได้คำตอบนั้นไอ้ออร์คัสก็โผล่มาซะก่อน
“ซิดนีย์! ไรทอล? เดรก - -“
“ไปกันได้แล้วซิดนีย์” ไรทอลพยายามจะดึงร่างบางออกไปแต่เธอก็แสดงความดื้อดึงโดยการสะบัดมันออกอีกครั้ง
“ฉันยังไม่ได้คำตอบเลยนะ ที่ถามเพราะต้องการคำตอบ!” ลักษณะท่าทางแบบนี้สมกับเป็นซิดนีย์จริงๆ ถ้าไม่ได้คำตอบก็จะไม่ไปไหน
“คำตอบที่เธอต้องการ...” และถ้าผมไม่ตอบคำถามเรื่องก็คงไม่จบ “ฉันไม่ใช่คนรักของเธอจริงๆ นั่นละ”
“ไม่จริง สายตานั่นนายโกหกฉันอยู่ใช่มั้ย!”
“ฉันไม่ใช่คนรักของเธอ นั่นคือความจริง” จบคำตอบ ซิดนีย์ก็วิ่งเข้ามาแล้วกระโดดกอดผมและเพราะไม่ทันตั้งตัวทำให้ผมเซถอยหลังไปหนึ่งก้าว
“ไม่ใช่... ฉันจำสัมผัสนายได้ กลิ่นที่น่าคิดถึงนี่... ถ้าไม่ใช่คนรักแล้วนายจะเป็นอะไร” บ้าเอ๊ย! ผมอุตส่าห์ห้ามตัวเองไม่ให้สัมผัสผู้หญิงคนนี้แล้วเชียวแต่ถ้าอยู่ใกล้ขนาดนี้ก็ช่วยไม่ได้ละนะ
“รู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังทำอะไร”
“ปล่อยซิดนีย์ซะ...เดรก” ไรทอลเดินเข้ามาเพื่อจะดึงซิดนีย์ออกจากผมแต่เสียงๆ หนึ่งของยูเรเนียที่เดินผ่านห้องนี้กลับทำให้ทุกอย่างชะงัก
“ฉันเป็นพยานให้เอามั้ย... ถ้าหล่อนจำได้ทั้งหมดคงไม่อยากสัมผัสถูกตัวหมอนั่นเลยทีเดียว J”
ยัยบ้านั่น - - น่าจับโยนไปให้พ้นหูพ้นตา!
“จำได้ทั้งหมดงั้นหรอ? หมายความว่าไงกัน” ซิดนีย์คลายอ้อมกอดจากผมแล้วหันไปทางประตูแต่ยัยยูเรเนียก็เดินไปแล้ว ดันมาทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ซะได้ ฮึ่ย!
“ไปพักซะซิดนีย์” เป็นออร์คัสที่เดินเข้ามาดึงซิดนีย์ออกไปและสุดท้ายก็เหลือแค่ผมกับไอ้ไรทอล
ตุ้บ!
“แทนที่จะมองฉันด้วยท่าทางอยากจะพูดอะไรสักอย่าง สู้พูดมาเลยเป็นไง” ผมทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้เดิมพลางเสมองไปทางอื่น
“ทำไมต้องซิดนีย์... ทำไมต้องผู้หญิงของฉัน!”
“มันเป็นธรรมเนียมองซีคริทเซเว่น”
“พวกแกเล่นบ้าอะไรไร้สาระทำให้เรื่องมันยุ่งยาก!” ผมตวัดสายตาไปมองนัยน์ตาสีดำสนิทที่มองผมอยู่แล้ว ใช่... มันเป็นธรรมเนียมของซีคริทเซเว่นที่เลี่ยงไม่ได้
“จบเรื่องนี้ซะ ฉันไม่อยากเถียงกับแก” ผมลุกและกำลังจะเดินออกไปเพื่อเลี่ยงการปะคารมกับมันแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้นที่ผมยอม แต่เพราะแบบนั้นแหละขณะที่ผมกำลังเดินออกนอกห้องไรทอลก็พุ่งมือมาจับคอผมแล้วดันติดกำแพง
ตึง!
“ฉันควรจะฆ่าแกซะ!”
“คิดว่าฉันเคี้ยวง่ายอย่างนั้นเรอะ?”
“ดูถูกฉันหรือไง”
“แกฆ่าฉันไม่ได้หรอก... ไรทอล”
“อะไรที่ทำให้แกคิดอย่างนั้น”
“สองคำง่ายๆ”
“!?”
“ซิดนีย์ J”
ผลัวะ!
สิ้นคำพูดไรทอลก็ปล่อยหมัดใส่หน้าผมทันที ก่อนจะต่อยซ้ำสองและซ้ำหลายๆ ทีด้วยโทสะทั้งหมดที่มันระบายออกมา
หมับ!
“คิดเหรอว่าคนอย่างฉันจะปล่อยให้แกต่อยอยู่ฝ่ายเดียว” ผมรับหมัดที่มันจะต่อยมาอีกก่อนจะสวนกลับไปจนไรทอลเซถอยออกไปยืนตั้งหลักอยู่ห่างๆ
“คิดว่าแกจะไม่โต้ตอบซะแล้ว” จบประโยคนั้นไอ้ไรทอลก็พุ่งหมัดมาอีกครั้ง แววตาจริงจังนั่นคิดจะฆ่าฉันให้ได้สินะ ได้สิถ้าแกอยากได้แบบนี้ฉันก็จะจัดให้ J
ผลัวะ พลั่ก ตุ้บ ตึง!
“เหวออออ... นี่มันเกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย!”
“ยืนเหวอทำซากอะไรเล่าไอ้ออกัสเดี๋ยวเฮียฉันก็ตายหรอก - -*”
ความคิดเห็น