คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Remember Test VI ::: กลิ่นที่น่าคิดถึง
กลิ่นที่น่าคิดถึง
“นี่มัน... โอ๊ย อ๊ากกกกกกก!” ฉันปล่อยดอกกุหลาบในมือให้ร่วงหล่นแล้วกดขมับทั้งสองเข้าด้วยความเจ็บปวด
“คัทๆๆๆ!”
“ฉันบอกนายแล้วใช่มั้ยออร์คัส - - ว่าบทละครเรื่องนี้มันไม่เวิร์ค”
“ซิดนีย์! เธอคิดบ้าอะไรวะ” พี่เดรกที่อยู่ใกล้ที่สุดพุ่งตัวมาหาฉันตามด้วยพี่ไรทอล
“แกทำบ้าอะไรซิดนีย์ - -“
“แหกตาดูอยู่ไม่ใช่หรือไง ฉันยืนห่างกับยัยนี่ตั้งเมตรกว่า!”
“ไอ้พวกบ้าทะเลาะอะไรกันอยู่ได้ถ้าไม่ช่วยก็หลบไป!” พี่ออร์คัสแทรกกลางระหว่างสองคนนี้เข้ามาจับตัวฉัน “ไม่เป็นไรนะซินลุกไปพักก่อนเถอะ”
“พักกอง!! ให้ตายสิมีแต่ปัญหา -_-“ ฉันลุกตามแรงดึงของพี่ออร์คัสแต่ความเจ็บปวดก็ยังไม่หายไปก่อนเสียงของยูเรเนียจะตะโกนดังลั่นสตูดิโอ
“ซิดนีย์...” เสียงของพี่เดรกเรียกฉันแต่ก็ถูกขัดด้วยคำพูดของพี่ออร์คัส
“ไม่ใช่ตอนนี้เดรก พวกแกอยู่ที่นี่กันไปก่อน”
@ ห้องแต่งตัว
“เธอโอเคนะซิน?” ฉันถูกพามาห้องแต่งตัวที่ที่ไม่มีใครอาการปวดหัวรุนแรงแบบนั้นค่อยๆ หายไปแล้ว
“คะ”
“ถ้าไม่ไหวจริงๆ ไม่ต้องเล่นก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไรหรอกคะ อีกอย่างพี่คงหาตัวเอกให้ทันคงไม่ได้แล้วใช่มั้ยละเพราะงั้นฉันยังไหวคะ ^^”
“ถ้ายังไหวก็พักในนี้ไปก่อนแล้วกัน ^_^”
“คะ” หลังจากที่ฉันพยักหน้ารับพี่ออร์คัสก็ลุกแล้วเดินออกไปจากห้องแต่งตัว เลยกลายเป็นว่าในห้องนี้เหลือฉันเพียงคนเดียว
ไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมภาพๆ นั้นถึงได้ปรากฎขึ้นมาจะว่ากันตามจริงเนื้อเรื่องในบทละครที่ว่าเรื่องของนกไนทิงเกลมันตรงกับภาพในหัวฉันมาก สงสัยมันคงเป็นภาพในจิตนาการของฉันมั้ง =O=; แต่เสียงของชายคนนั้นมันคุ้นมาก คุ้นซะจนฉันหลงคิดว่า...
แอ๊ดดดดดดด~
“ซิดนีย์...” ท่าทางห้องนี้จะไม่ได้มีแค่ฉันเพียงคนเดียวแล้วละสิ - - ในขณะที่กำลังคิดๆ อะไรอยู่พี่ไรทอลที่ยังอยู่ในชุดมิคาเอลก็โผล่เข้ามาก่อนจะเดินมานั่งเก้าอี้ว่างตรงหน้าฉัน
“ขอโทษนะที่ทำให้พี่วุ่นวายไปด้วยงานเลยล่าช้า (. . )”
“ไม่เป็นไรหรอกซิดนีย์ เธอโอเคดีแล้วใช่มั้ย?”
“ใช่โอเคแล้ว ^^” คำตอบนั้นเป็นจังหวะเดียวกับประตูห้องแต่งตัวถูกเปิดออก (ไม่สิ - - ถูกถีบมากกว่า) โดยชายที่อยู่ในคราบลูซิเฟอร์
ปัง!
“ซิดนีย์! ไรทอล - -” ฉันว่ากะจะอยู่ในห้องแต่งตัวเงียบๆ แล้วเชียวแต่กลับมีคนมาวุ่นวายซะได้ นัยน์ตาสีแดงเพลิงนั้นมองมาที่ฉันด้วยแววตาโล่งใจเมื่อเห็นว่าไม่เป็นอะไรก่อนสายตานั้นจะเบนไปยังคนที่อยู่ตรงหน้าฉันแล้วเปลี่ยนเป็นแววตานิ่งเฉย
“พวกพี่มาทำอะไรงั้นเหรอ?”
“ก็มาดูเธอว่าโอเคหรือยัง” พี่ไรทอลเป็นคนตอบคำถามนี้ก่อนฝ่ามือเรียวที่ใหญ่กว่ามือฉันจะค่อยๆ เอื้อมมือแตะใบหน้าฉันเบาๆ “เธอนั่นแหละดูสีหน้าไม่ดีเลย... แน่ใจนะว่าโอเค”
สัมผัสที่ราวกับจะทะนุถนอมฉันนี่มันอะไรกัน มันเป็นความรู้สึกที่น่าเศร้าจนอยากจะร้องไห้ฝ่ามืออบอุ่นที่ทำให้ฉันคิดถึง แต่ถึงยังไงมันก็ยังไม่ใช่สำหรับฉันอยู่ดีทำไมกันนะ?
ก๊อกๆ
แอ๊ดดดดดดดด~
“คุณชายเอธานอล ออร์คัสเรียก” จู่ๆ ยูเรเนียก็โผล่เข้ามาในห้องเพื่อตามพี่เดรกก่อนที่เธอจะเดินไปแล้วเปิดประตูทิ้งไว้
“Shit!” เขาสบถก่อนจะสะบัดหน้าเดินตามออกไป
ปัง!
“ซีนหนึ่ง เทคสาม เทปเดิน ห้า...สี่...สาม...สอง...หนึ่ง”
ปั้ก!
“น่าเศร้านะที่ดอกกุหลาบสีแดงมันต้องแลกมาด้วยชีวิตนกตัวหนึ่ง”
“เจ้ากำลังหมายถึงตำนานนกไนทิงเกลรึ?”
“ใช่เป็นเรื่องเล่าที่น่าเศร้ามากเลยใช่มั้ยละ”
“ซัลฟา...” ลูซิเฟอร์ที่เดินเข้ามาใกล้ค่อยๆ คุกเข่าลงข้างซัลฟา “ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน...”
“...” เพราะคำพูดนั้นทำให้ซัลฟาชะงึกกึกยิ่งใบหน้าที่ฉายแววเศร้าสั่นคลอนก็ยิ่งทำให้น้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้วกลับพรั่งพรูขึ้นมาอีก มือข้างที่ถือดอกกุหลาบเผลอกำแน่นจนลืมตัวทำให้หนามแหลมคมนั้นทิ่มแทงฝ่ามือเล็กเรียวจนมีโลหิตสีเข้มข้นไหลออกมา “อ๊ะ!”
“ซัลฟา! เจ้าไม่เป็นอะไรมากใช่มั้ย” ลูซิเฟอร์กำลังจะเข้าไปแตะต้องมือของเธอด้วยความห่วงใยแต่จังหวะนั้นคนที่โผล่เข้ามาก็มาสกัดกั้นไม่ให้เขาแตะต้องซัลฟาได้
“ลูซิเฟอร์... ตามหาตัวเจอเสียที เจ้าคิดจะทำอะไรถึงได้ก้าวเข้ามาในเขตสวนหวงห้าม” และคนๆ นั้นก็คือ ‘มิคาเอล’ ผู้ซึ่งเป็นทูตสวรรค์
“มิคาเอล... เจ้ามาขวางข้าทำไม”
“เพราะข้าจะไม่มีวันให้เจ้าแตะต้องตัวซัลฟาเด็ดขาด”
“เจ้ามีสิทธิ์ในเรื่องนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กันรึ?”
“สิทธิ์ของข้านั้นน่ะเหรอ เจ้าคงยังไม่รู้อะไรนางคือคู่หมั้นของข้าและเป็นหญิงที่ข้าหลงรักยังไงละ J”
“ว่าไงนะ!”
“ดูท่าเจ้าจะตกใจมากละสิ” ใบหน้าที่ตกใจของลูซิเฟอร์ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นนิ่งเฉยก่อนรอยยิ้มเย้ยยันจะปรากฏขึ้นบนริมฝีปากบาง
“เจ้าคิดว่าตัวเองจะมาแทนที่ข้าได้อย่างนั้นหรือ?”
“หมายความว่ายังไง”
“ข้าไม่จำเป็นที่จะต้องอธิบาย เจ้านั้นรู้ดียิ่งกว่าใคร”
“หึ... ต่อให้ซัลฟารักเจ้า เจ้าทั้งสองคนก็ไม่มีวันได้เคียงคู่กัน” รอยยิ้มที่แสนบริสุทธิ์แต่แฝงไปด้วยความชั่วร้ายที่อยู่เบื้องลึก
“!!”
“ข้ารู้ว่าเจ้ารู้ดี... ซัลฟาคือนางฟ้าและเจ้าคือปีศาจถ้านางรักเจ้านางต้องตายและข้ามั่นใจว่าเจ้าคงไม่อยากให้หญิงสาวอันเป็นที่รักต้องมาเสียสละตายเพราะเจ้าอีกเป็นครั้งที่สอง”
“...”
“มันเป็นกฎความรักระหว่างนางฟ้าและปีศาจที่น่าสมเพชสิ้นดีนะว่ามั้ยลูซิเฟอร์... ทหาร! จับตัวพวกลักลอบซะ!!” เสียงของมิคาเอลตะโกนดังลั่นบริเวณและเป็นไปดังคาดทหารที่อยู่บริเวณนั้นต่างพากันวิ่งมา
“ขอบอกเอาไว้ เจ้าไม่สามารถกำหนดความคิดและการกระทำของข้าได้... แล้วเราจะได้พบกันแน่นอนมิคาเอล J”
“คัทททททททท!” เสียงของพี่ออร์คัสตะโกนขึ้นเมื่อจบประโยคของลูซิเฟอร์ ฉันถูกดึงให้ลุกโดยพี่นาร์เซียร์ “ทำได้ดีมากเลยทุกคน สำหรับคืนนี้ก็พอเท่านี้ก่อน เลิกกอง!!”
คำสั่งของพี่ออร์คัสถือเป็นคำประกาศศิตทุกคนต่างกุลีกุจอวิ่งเก็บอุปกรณ์ฉากต่างๆ ส่วนฉันก็ถูกพาออกมาเปลี่ยนชุด สำหรับคืนนี้ฉากก็มีเท่านั้นละแต่พรุ่งนี้จะเริ่มต้นด้วยฉากที่อยู่ในความฝันของซัลฟาเธอฝันเรื่องในอดีตชาติที่เคยเป็นมนุษย์
“ถึงจะเป็นการแสดงครั้งแรกของมือใหม่แต่ซิดนีย์ก็ทำได้ยอดเยี่ยมเลยนะ ^^” พี่นาร์เซียร์ที่อยู่ข้างนอกเอ่ยชมฉันในขณะที่ฉันกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเล็กๆ
กุกกักๆ ตึกๆๆๆ
เสียงขลุกขลักข้างนอกไม่ได้ทำให้ฉันสนใจไปมากกว่าซิปที่อยู่ข้างหลังที่รูดยังไงก็ไม่ลงเหมือนมันติดอะไรสักอย่าง ทำไมชุดแบบนี้มันถึงได้ใส่ยากถอดยากแบบนี้
“พี่เซียร์คะ... ช่วยเข้ามารูดซิบข้างหลังนี่ให้หน่อยมันติดอะไรก็ไม่รู้รูดไม่ลง - -*” เมื่อหมดปัญญาฉันจึงตะโกนเรียกพี่เซียร์ที่อยู่ข้างนอกก่อนที่เสียงเปิดประตูห้องเปลี่ยนเสื้อของแคบๆ นี้จะเปิดออกและปิดลง “ช่วยหน่อยนะคะฉันรูดเองไม่ลง”
กึกๆ ปรืดดดดดด
ไม่มีการตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก - - แต่พี่เซียร์ก็ทำตามที่ฉันบอกเธอกระตุกซิปข้างหลังแรงๆ และมันก็เลื่อนลงในที่สุดแต่ทำไมพี่เซียร์ถึงได้เลื่อนลงได้ช้าอย่างนี้น่ะ -_-^
“ขอบคุณมากเลยนะคะพี่ ถ้าพี่ไม่อยู่ฉันต้องลำบากแน่ๆ เลย -^-“
“ไม่เป็นไรหรอก...”
เฮือก!! เสียงนี้มัน...
“พี่เดรก -O-!!” ฉันหันขวับทันทีที่ได้ยินเสียงต่ำของผู้ชายแทนที่จะเป็นเสียงแหลมของผู้หญิงอย่างพี่นาร์เซีย เป็นเพราะฉันหันข้างให้กระจกเสียด้วยเลยไม่ได้สังเกตว่าคนที่เข้ามานั้นคือพี่เดรก แว้กกกก =O=;
“จะดิ้นทำไมฉันกำลังจะรูดซิปลงให้เธออยู่นะซิดนีย์ - -*” พี่เดรกยื่นมือมาจับเอวฉันเพื่อหมุนตัวแต่ฉันกลับปัดมือนั้นออกยิ่งทำให้ใบหน้าที่หงุดหงิดธรรมดาของเขาเพิ่มเป็นทวีคูณ
“พี่เข้ามาได้ยังไงน่ะแล้วพี่นาร์เซียร์อยู่ไหนกัน =O=;”
“ฉันเห็นยัยนั่นเดินไปคุยโทรศัพท์ทางนั้นก็เลยเดินเข้ามาเธอก็เรียกใช้พอดี”
“ไม่ใช่ๆ >-</ ฉันเรียกพี่นาร์เซียร์ต่างหากพี่เป็นผู้ชายจะเข้ามาในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้ากับฉันได้ยังไงกันเล่า!”
“ทำไมจะไม่ได้ฉันมารูดซิปลงเท่านั้นเองนะ เธอนั่นละคิดบ้าอะไรคนเดียวยัยเด็กเพ้อเจ้อ -_-“ มิหน่าละตอนที่เขารูดซิปลงช้าๆ มันถึงให้ความสยิวกิ้วอย่างบอกไม่ถูก
“ฉันไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย >O<!”
“หันหลังมาฉันยังถอดเสื้อเธอไม่เสร็จ” พี่เดรกพยายามจับตัวฉันหมุนอีกรอบแต่ฉันก็สะบัดตัวให้พ้นจากมือเขา
“พูดจาน่าเกียจถอดเสื้ออะไรกัน”
“แล้วต้องพูดยังไง =_= รูดซิปลงใช่มั้ยหันหลังมา” คราวนี้ฉันต้องหันหลังตามแรงมือของพี่เดรกเพราะเขาแทบจะกระชากให้ฉันหมุนตัวเลยทีเดียว โหดร้ายเป็นที่สุด
“ห้ามมองอะไรทั้งนั้นเข้าใจมั้ยพี่ ><!”
“เธอแคร์เรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“อะไรนะ?”
“เปล่า... มันติดอะไรอีกวะเนี่ย” ซิปที่รูดมาได้ก็ต้องติดอีกไม่รู้เพราะสาเหตุอะไรแต่ที่รู้สึกได้ว่าพี่เดรกกำลังจะกระชากซิปลงด้วยกำลังล้วนๆ
“เบาๆ สิเดี๋ยวชุดมันขาดนะ”
“เธอก็อย่าดิ้นสิ ยิ่งดิ้นมันยิ่งติดน่ะรู้มั้ย” เพราะน้ำเสียงหงุดหงิดนั่นทำให้ฉันยอมเงียบปากอยู่นิ่งๆ และเพราะความเงียบนั่นละทำให้ฉันได้ยินเสียงลมหายใจของเราสองคนในห้องแคบๆ ที่แทบจะยืนพิงกันอยู่แล้วแต่จู่ๆ พี่เดรกก็หยุดมือที่กำลังรูดซิปไว้ก่อนที่สองท่อนแขนแข็งแรงนั่นจะค่อยๆ เลื่อนมาโอบกอดเอวฉันแล้วดึงเข้าหาตัว
“เหวออออ O_o ทำอะไรน่ะพี่เดรกฉันให้พี่รูดซิปนะ!” ฉันรู้สึกได้ว่าพี่เดรกค่อยๆ เอนตัวพิงผนังห้องอ้อมกอดนั้นกระชับขึ้นเรื่อยๆ จนแผ่นหลังฉันแนบชิดกับแผ่นอกกว้างของเขาจนแทบจะเหมือนทากาวติดกันเลยละ โครงหน้าเรียวได้รูปค่อยๆ วางลงบนไหล่ฉัน
“...” สายตาฉันหันไปมองเสี้ยวใบหน้าที่ยังคงความหล่อไม่เปลี่ยนดวงตาดุดันน่ากลัวแต่ก็มีเสน่ห์อีกแบบ นัยน์ตาสีแดงเพลิงตอนอยู่ในคราบลูซิเฟอร์ถูกถอดออกกลับเป็นสีน้ำเงินเหมือนเดิม เรือนผมที่เป็นสีดำก็ล้างออกจนกลายเป็นเหมือนเดิมแล้ว เส้นผมนุ่มลื่นที่ชื้นหน่อยๆ แตะโดนต้นคอฉันคงจะเพิ่งสระผมมาสินะ
“พี่...” ถึงจะโดนกอดด้วยความไม่เต็มใจแต่ฉันก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันเป็นอ้อมกอดที่ฉันโหยหาอยู่ลึกๆ สัมผัสที่อบอุ่นจนอยากจะยื้อเวลาให้นานกว่านี้ ลมหายใจร้อนๆ ที่ผ่านผิวแก้มฉันมันทำให้ใจสั่นไหวแปลกๆ
“เรียกชื่อฉันสิ...ชื่อของฉัน”
“เดรก”
“อีก...”
“เดรก”
“อีกสิ...” การกระทำทั้งหมดมันเหมือนร่างกายขยับเคลื่อนไหวได้เอง และในจังหวะนั้นฉันใช้แรงที่มีทั้งหมดดึงแขนทั้งสองข้างของเดรกออกจากเอวฉันก่อนจะหมุนตัวแล้วโผเข้ากอดเขาแทน
“ฉันคิดถึง...เดรก” นิ้วมือฉันสัมผัสเส้นผมสีน้ำตาลไหม้ที่นุ่มละไม ฉันเข้าใจแล้วว่ากลิ่นที่น่าคิดถึงมันเป็นอย่างนี้นี่เอง กลิ่นหอมจากตัวเขามันน่าคิดถึงจนอดใจไม่ไหวจริงๆ อ้อมกอดที่ฉันต้องการมันอบอุ่นยากเกินบรรยายจริงๆ ฉันเริ่มรู้สึกหลงกับสัมผัสพวกนี้แล้วละ
“อย่ากัดนะซิดนีย์เดี๋ยวเป็นรอย” ฉันไม่ฟังเสียงห้ามเตือนนั่น ก่อนจะใช้ฟันกัดเนื้อคอของเขาอย่างหมั่นเคี้ยว
“งับ...งับๆๆ”
“เจ็บนะซิน เธอกัดแรงไปแล้ว” กลิ่นหอมแบบนี้มันน่ากัดทุกที่จริงๆ มันน่าหลงใหลซะจนไม่อาจผละออกไปได้
“เสร็จหรือยังจ้ะซิดนีย์ >O< ได้เวลาอาหารเย็นแล้วนะ” และเสียงของพี่นาร์เซียร์ที่ตะโกนเรียกทำให้สติค่อยๆ กลับคืนมาพอที่จะรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรลงไป ฉันเงยใบหน้าขึ้นมาและประสานสายตากับนัยน์ตาสีน้ำเงินในกรอบดวงตาดุดันนั่น
“ฉันขอครองนะ ริมฝีปากเธอ” คำพูดที่น่าตกใจทำให้ฉันไม่ทันตั้งตัวก็ถูกจู่โจมทางริมฝีปากซะแล้ว จูบร้อนแรงราวกับจะแผดเผาร่างฉันให้ไหม้ไปตรงนั้นทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ จนแทบทนไม่ไหวก่อนมันจะกลายเป็นจูบที่อ่อนโยนราวกับจะรั้งฉันไว้ไม่ให้ผละออกมาจากมันเป็นสิ่งเสพติดที่อันตรายจริงๆ สัมผัสที่น่าหลงใหลกลับมาอีกแล้วสิ่งที่เขาทำกำลังบดขยี้สติสัมปชัญญะของฉันไม่ให้หลงเหลือ
“ซิดนีย์... เป็นอะไรหรือเปล่า -O-“ แต่เพราะเสียงเรียกของพี่นาร์เซียร์ทำให้ฉันตั้งสติแล้วถอนริมฝีปากออกเพื่อตะโกนตอบคนที่อยู่ข้างนอกและสิ่งที่ฉันกระทำทำให้คนที่กอดฉันอยู่ทำหน้าไม่พอใจอย่างรุนแรง
“อะ... เอ่อ โอเคดีคะ =O=;”
“ถ้างั้นก็ออกมาได้แล้วจ้ะ จะได้ล้างเครื่องสำอางออก” ฉันตัดสินใจจะออกไปแต่พยายามดิ้นให้หลุดจากกอดนนี้ท่าจะยากดูเหมือนพี่เดรกจะกอดแน่นไม่ยอมให้ออกไปง่ายๆ
“พี่นาร์เซียร์ไปก่อนก็ได้เลยนะคะ เดี๋ยวฉันทำเองได้ -_-;”
“เอ๋? จะดีเหรอแน่ใจนะว่าทำได้ต้องแกะผมด้วยนะพี่ทำให้ดีกว่ามั้ง”
“พี่นาร์เซียร์ไปเถอะคะ เดี๋ยวทางนี้ซิดนีย์จัดการเองได้ไม่ต้องเป็นห่วง =-=;”
“อะ... เอางั้นก็ได้ งั้นพี่ไปก่อนนะซิดนีย์” สุดท้ายพี่นาร์เซียร์ก็ยอมแล้วออกไปในที่สุดเดาได้จากฝีเท้าที่เดินออกไปและเสียงปิดประตู ความเงียบในห้องนี้เลยกลับมาอีกครั้ง
“เรื่องจริงนะ ถ้าพี่ไม่ออกไปฉันจะโกรธจริงๆ =_=”
“- -*”
“-_-+”
“ก็ได้ ออกไปรอข้างนอกใช่มั้ย =_=” ในที่สุดพี่เดรกก็ยอมคลายอ้อมกอดแล้วเดินออกไปจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแคบๆ นี่ก่อนที่ฉันจะได้ยินเสียงเขาทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้
เฮ้ออออ... เมื่อกี้ฉันทำบ้าอะไรลงไปนะ (_ _)
“แน่ใจนะว่าพี่ทำเป็น (_ _)” ฉันนั่งหลับตารอให้พี่เดรกล้างเครื่องสำอางให้เป็นเพราะฉันทำไม่เป็นที่พึ่งสุดท้ายเลยเป็นผู้ชายคนนี้ - - แล้วสิ่งที่น่าตกใจคือผู้ชายอย่างเขาทำเป็นน่ะสิ ฉันเคยได้ยินเรื่องของพี่เดรกจากพวกสาวๆ ที่โรงเรียนว่าเขาน่ะเป็นถึงผู้สืบทอดตระกูลเอธานอลตระกูลที่มีอำนาจในด้านมืดมากที่สุดการที่บุคลิกของเขาจะเป็นคนน่ากลัวและน่าเกรงขามนั้นไม่แปลกเลย แต่บุคลิกและท่าทางของเขาไม่น่าจะทำเรื่องหยุมหยิมแบบนี้เป็น
“แน่ใจสิ คิดว่าฉันเป็นใครกัน J”
“ทำเป็นแบบนี้แสดงว่าพี่ทำให้ดราก้อนบ่อยละสิ (_ _)”
“เธอคิดว่ายัยตัวแสบบ้าพลังนั่นจะแต่งหน้าหรือไงกัน อีกอย่างฉันกับดราก้อนเราก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันฉันคงไม่มีเวลาทำอย่างนั้นหรอก” จริงสินะพี่ซีลอนน่ะบอกฉันว่าดราก้อนเรียนที่
“ถ้างั้นพี่ชอบแต่งหน้าเหรอ =O=;” ฉันลืมตาขึ้นมาด้วยความตกใจแต่ก็ถูกสำลีที่พี่เดรกถืออยู่ในมือโป๊ะเข้าตาทั้งสองข้าง -_-^
“ฉันรู้ว่าเธอคิดอะไร - - หยุดคิดไปได้เลย ฉันแค่เคยทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งต่างหาก J”
“โอ้โห แสดงว่าผู้หญิงคนนั้นต้องสำคัญสำหรับพี่แน่ๆ” ไม่อย่างนั้นเขาไม่สนใจเรื่องหยุมหยิมของผู้หญิงแบบนี้หรอก
“ใช่ เป็นผู้หญิงที่สำคัญมากทีเดียวละ ^_^”
“แล้วเธอ... ไปไหนซะแล้วละ?” ถ้าเป็นผู้หญิงที่สำคัญขนาดนั้นน่าจะมีข่าวเกี่ยวกับพี่เดรกและเธอคนนั้นบ้างสินะ
“สำหรับตอนนี้เธอตายไปแล้วละ”
“ห๊ะ -O-?”
“อยู่นิ่งๆ ได้มั้ย -_-^” ตายไปแล้วงั้นเหรอ นี่ฉันถามอะไรที่มันกระตุกต่อมความเฮิร์ตของพี่เดรกหรือเปล่าเนี่ย =O=; แต่สีหน้าของเขาไม่ได้แสดงอาการใดๆ เลยนะ
“พี่... คือว่าฉันขอโทษที่...”
“ถามน่ะเหรอ ช่างมันเถอะเธอสงสัยก็ต้องถามเป็นธรรมดาอยู่แล้ว”
“พี่คงเสียใจมากสินะ”
“เสียใจเหรอ? เปล่าเลย J” อะไรนะ ‘เปล่าเลย’ งั้นหรอ... ยังไงกันแน่ทั้งๆ ที่เป็นผู้หญิงคนสำคัญควรจะเสียใจมากๆ เลยไม่ใช่หรือไง
“พี่นี่เลือดเย็นสมคำล่ำลือจริงนะ” ทั้งที่เป็นคนสำคัญแท้ๆ ตัวเองก็บอกอยู่แต่กลับไม่มีความเสียใจปรากฏบนใบหน้าเลยสักนิดเป็นคนที่เลือดเย็นจนน่ากลัวทีเดียว
แอ๊ดดดดดดดด~
“กะแล้วเชียวว่าต้องอยู่ที่นี่” ฉันดึงสำลีที่อยู่บนตาตัวเองออกเมื่อได้ยินเสียงคนตอนแรกฉันก็คิดว่าพี่นาร์เซียร์ซะอีกแต่กลับกลายเป็นพี่โมมิจิซะได้
“มาทำอะไรของแก -_-“
“แค่มาตามทั้งสองคนไปทานข้าวเย็นน่ะสิ”
“เดี๋ยวฉันตามไปเอง”
“ฉันว่าแกรีบๆ ไปดีกว่านะก่อนที่คนที่มาตามรอบที่สองจะเป็นคนที่ไม่น่าอภิรมย์สำหรับแกเท่าไหร่” ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นพี่โมมิจิก็หมุนตัวเดินออกไป
“เสร็จแล้ว ฉันไปก่อนละแค่แกะผมเธอคงทำได้ใช่มั้ย” พี่เดรกวางอุปกรณ์ล้างเครื่องสำอางทุกอย่างลงบนโต๊ะก่อนจะลุกขึ้น
“ได้สิ -O-“ อย่าบอกนะว่าแม้แต่แกะผมผู้ชายคนนี้ก็ทำได้ ไม่เข้าใจเลยว่าจะเก่งไปทำไมและเพื่ออะไร
ตึก ตึก...กึก!
“อ้อ... จริงสิที่ฉันบอกว่าตายไปแล้วนะคือตัวตนของผู้หญิงคนนั้นต่างหาก J” แต่ก่อนที่จะก้าวเดินออกไปพี่เดรกก็หมุนตัวกลับมาบอกเรื่องๆ หนึ่งก่อนจะเดินไป
ปัง!
หมายความว่ายังไงน่ะที่ว่า ‘ตัวตนของผู้หญิงคนนั้น’ ชอบพูดอะไรที่มันเป็นปริศนาอยู่เรื่อยสินะ
‘นี่มัน... เอาข้าวขึ้นไปให้ฉันบนห้องแล้วกัน -_-’
นี่คือประโยคของยูเรเนียเมื่อสามสิบนาทีก่อนที่ยัยนั่นเดินตามหลังฉันเข้ามาในบ้าน ส่วนฉันน่ะปลีกตัวมาในห้องนั่งเล่นอีกห้องที่มันสงบเพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะอาหารเย็นที่ว่ามันไม่ได้ต่างอะไรไปจากเมื่อตอนบ่ายๆ เลยสักนิดเดียวทั้งแสงสีและเพลงร็อคหนักๆ นั่นยังจะเรียกว่ามื้อนี้คืออาหารเย็นอีกเรอะ ไม่เข้าใจเลยพวกซีคริทเซเว่นต้องการวิถีชีวิตแบบนี้ไปทำไมกันนะ
ตุ้บ~
“การแสดงวันนี้ทำได้ดีมากเลยนะซิดนีย์ ^^” เป็นพี่ออร์คัสที่เข้ามานั่งโซฟาตัวยาวตัวเดียวกับฉันแต่เราอยู่กันคนละมุม
“คงเพราะมีติวเตอร์ดีละมั้งคะ ^^;” ฉันละสายตาจากหนังสือในมือหันไปยิ้มให้พี่ออร์คัส ยังดีที่ฉันเปิดทีวีไว้เลยไม่ทำให้ห้องนี้มีบรรยากาศเงียบพิกล
“งั้นเหรอ... พี่ถามอะไรหน่อยสิ ^_^”
“ถามมาได้เลยคะ” สายตาที่กำลังไล่อ่านตัวหนังสือละไปตอบพี่ออร์คัสแวบเดียวก็หันกลับมาอ่านต่อแต่เป็นเพราะคำถามของเขาทำให้สายตาฉันหยุดชะงักค้าง
“พวกเธอสองคนไปทำอะไรมางั้นเหรอ”
“พี่กำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันคะเนี่ย -O-;” ฉันวางหนังสือไว้บนตักก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำบนโต๊ะข้างหน้ามาดื่มแก้เก้อ พี่ออร์คัสคงไม่ได้หมายถึงฉันกับพี่เดรกหรอกใช่มั้ยที่ว่าสองคนน่ะ
“ที่คอไอ้เดรกมีรอยช้ำรอยแดงไปหมด พี่คงไม่คิดว่ามันไปอะไรๆ กับคนที่นี่หรอก คนอย่างมันถือเนื้อถือตัวจะตายไป ^-^”
อึก!
ใช่เลย กำลังหมายถึงฉันและพี่เดรกแน่ๆ แล้วไอ้รอยแดงที่ว่านั่นอะไรกันน่ะ =O=; ไม่ทันสังเกตเห็นนี่ตกลงฉันเผลอกัดเขาจนถึงขั้นเป็นรอยช้ำรอยแดงเลยหรอเนี่ย
“แค่กๆ อะ... เอ่อ แล้วทำไมพี่ถึงคิดว่าเป็นฉันละคะ”
“อย่างที่บอกเดรกมันเป็นพวกถือเนื้อถือตัว มันไม่เคยให้ใครมาฝากร่องรอยบนตัวอย่างแน่นอน” แล้วมีเหตุผลอะไรที่มาเจาะจงตัวฉันเป็นคนแรกกันละเนี่ย -_-^
“อาจจะเป็นคนอื่นก็ได้นี่คะ จะเป็นฉันได้ยังไงกันละจริงมั้ย ฮะๆ ^O^;” ฮือ TTOTT นี่ฉันกัดเขาเยอะถึงขนาดพี่ออร์คัสเห็นเลยเหรอเนี่ยทั้งๆ ที่ในบ้านนั้นมืดเข้ารับกับบรรยากาศผับสุดๆ แล้วแท้ๆ
“สำหรับตอนนี้รู้ตัวหรือเปล่าว่าเธอโกหกไม่เก่งเลยนะซิดนีย์”
“อะ... เอ่อ พี่กำลังพูดถึงเรื่องอะไรคะเนี่ย ฮะๆ ^^;”
“ช่างเถอะ รักษาตัวให้ดีแล้วกัน” ว่าจบพี่ออร์คัสก็ลุกแล้วเดินออกไปจากห้องนี้ อะไรกัน - - เดินเข้ามาถามเรื่องนั้นแล้วก็พูดจาแปลกๆ
จะว่ากันตามจริง... ที่คอเขาเป็นรอยแดงจริงเหรอเนี่ย TOT นี่ฉันทำบ้าอะไรลงไปกัน!
ความคิดเห็น