คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Remember Test III ::: "Called me... that you ever summon"
3
“Called me... that you ever summon”
“อร่อยใช่มั้ยซิน ^^”
หลังเลิกเรียนพี่ออร์คัสก็พาฉันมาร้าน Caké and tea ใกล้ๆ โรงเรียน ที่นี่ตกแต่งภายในร้านแบบธรรมดาๆ แต่ให้ความเป็นธรรมชาติมองแล้วรู้สึกสบายแถมเค้กที่นี่ก็รสชาติดีมากๆ เลยด้วย สรุปโดยรวมไม่แปลกใจเลยทำไมลูกค้าถึงได้แน่นเต็มทุกโต๊ะแบบนี้
“อร่อยดีคะ ^^” ถึงตอนนี้ฉันยังคาใจเรื่องที่พี่ออร์คัสพูดกับพี่ไรทอลไม่หายแต่ถึงถามไปตอนนี้ฉันมั่นใจว่าไม่ได้รับคำตอบกลับมาแน่นอน
“เห็นมั้ยบอกแล้วว่าต้องอร่อย J” พี่ออร์คัสยิ้มร่าก่อนจะจัดการเค้กตรงหน้าต่อ บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสก็ได้มั้งบรรยากาศแบบนี้เขาต้องยอมเปิดปากเล่าแน่ๆ
“พี่คะ...”
ครืดๆๆๆ~
แต่ก่อนที่ฉันจะได้ไถ่ถามอะไรออกไปเสียงโทรศัพท์มือถือของพี่ออร์คัสที่วางอยู่บนโต๊ะก็สั่นครืดๆ ขัดจังหวะไปซะก่อน พี่เขาเลยเลือกที่จะรับสายแทนที่จะฟังคำถามของฉัน
“ฮัลโหล...ห๊ะ?...ตอนนี้เนี่ยนะ...อะไรของแกฉันไม่ว่างหรอก...บัดซบจริงๆ แกนี่หาเรื่องได้ตลอดเลยเฮีย -_-^” หลังจากที่คุยกับปลายสายรู้เรื่องแล้วเขาก็กดตัดสายแล้วลุกขึ้นหุนหัน
“ไปไหนคะ - -“
“พี่มีธุระนิดหน่อยนะยังไงจากที่นี่เธอคงกลับเองได้ใช่มั้ย?”
“อ้อ... ได้คะ”
“โทษทีนะซิดนีย์พี่มีธุระด่วนจริงๆ เลยไปส่งกลับไม่ได้”
“ไม่เป็นไรคะ ซิดนีย์กลับเองได้แน่นอนอยู่แล้ว ^^”
“งั้นดูแลตัวเองดีๆ นะ” เมื่อได้รับคำยืนยันจากฉันพี่ออร์คัสก็เดินออกไปออกนอกร้านด้วยความเร่งรีบ เชื่อแล้วว่ามันเป็นธุระด่วนจริงๆ
ก็ดีนะ บางทีถ้าเดินคิดอะไรเพลินๆ ฉันอาจจำเรื่องราวในอดีตกลับคืนมาก็ได้ เป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่าเสียจริง J
สองเท้าฉันก้าวเดินตามทางเท้ามาเรื่อยๆ หลังจากออกมาจากร้าน มีผู้คนในชุดยูนิฟอร์มแบบเดียวกับฉันเดินกันให้ขวักไขว่ ทันทีที่หลุดพ้นจากบริเวณโรงเรียนนั่นมากพอสมควรก็เริ่มมีคนน้อยลงบริเวณโดยรอบนั้นเป็นพื้นที่สาธารณะที่มีพ่อแม่พาลูกๆ มาเล่นในยามเย็นแบบนี้
ขลุกๆ
ฉันที่กำลังจะเดินเข้าไปก็ต้องหยุดชะงักเมื่อจู่ๆ ก็มีลูกบอลลมกลมๆ เล็กๆ กลิ้งลุนๆ มาหยุดอยู่ตรงหน้า ก่อนร่างเล็กๆ ของเด็กผู้ชายจะวิ่งมาที่ฉัน
“อะนี่จ้ะ ^^” ฉันย่อตัวลงเก็บลูกบอลลมนั่นส่งให้เด็กชายคนนี้
“ขอบคุณฮะพี่สาวไปเล่นก่อทรายด้วยกันมั้ยฮะ”
“อะ... เอ่อ ทรายเรอะ -_-;” เหมือนใครนะ... รู้สึกจะเหมือน... ”โอ๊ย!”
“เป็นอะไรหรือเปล่าฮะพี่สาว =O=” อะไรกันเนี่ยฉันแค่นึกนิดๆ หน่อยๆ เองนะทำไมต้องปวดหัวจี๊ดขึ้นมาด้วย -__-
“อ่อ... ไม่เป็นอะไรหรอกจ้ะ ^O^;” เมื่อได้ยินคำตอบแบบนั้นเด็กนั่นเลยเดินต่อไปก่อนจะหยุดอยู่ที่กองทรายที่สร้างขึ้นมาเป็นรูปเป็นร่างนิดๆ แล้ว “ทำเองเหรอ”
“ใช่ฮะ ผมเก่งมากเลยใช่มั้ยละ >O<”
“ใช่เก่งมากเลย...” บางทีกองทรายนี่มันดูคุ้นๆ ชอบกลนะ...? “โอ๊ยยยยยยย!”
“พี่สาว!” นี่ฉันยังไม่ทันคิดอะไรเลยนะแค่บอกว่าทรายนี่มันคุ้นๆ เท่านั้นเองรู้สึกเหมือนสมองบีบรัดตัวจนปวดตุบไปหมด
“โอ๊ยยยย...” ฉันทรุดตัวลงกับพื้นหญ้าด้วยความเจ็บปวดแทบยืนไม่ไหวก่อนที่มือเล็กๆ ของเด็กนั่นจะแตะลงบนแขนฉัน
มือเล็กๆ งั้นเหรอ....
‘มือเธอเล็กจังนะ’ ในห้องๆ หนึ่งที่แสงข้างนอกสาดส่องเข้ามาบ่งบอกว่าเป็นตอนเช้า บทสนทนาของหญิงชายคู่หนึ่งที่อยู่โซฟาก็เอ่ยขึ้น
‘แน่นอนสิ ฉันเป็นผู้หญิงนี่เนอะถ้ามือฉันจะเล็กกว่ามือนายก็ไม่แปลกหรอก’ ชายคนหนึ่งกำลังนอนบนตักของผู้หญิงคนนั้นฝ่ามือเรียวเล็กของเธอถูกจับอย่างทะนุถนอมด้วยฝ่ามือใหญ่
‘ถ้างั้น... เธอคงต้องใช้มือเล็กๆ คู่นี้จับมือฉันไว้อย่างมั่นคงเพื่ออยู่เคียงข้างฉันใช่มั้ย?’
‘น่าขันนักนะ นายก็รู้ดีอยู่ว่าเรื่องของเรามันไม่มีทางเป็นไปได้ ฉันมีคนของฉันและอีกไม่นานเราต้องแยกกัน’
‘ชักเริ่มไม่สนุกแล้วสิ ถ้าฉันขอร้องเธอจะยอมมั้ย?’
‘ฉันทิ้งเขาไม่ได้ เพราะงั้นปล่อยให้ความสัมพันธ์ลับๆ ของเราให้มันเป็นต่อไปอย่างนั้นจนกว่าจะจบในที่สุด’
‘แสดงว่าเธอเลือกทิ้งฉัน...?’
‘คงจะอย่างนั้น... แต่จะเป็นไรไปความรู้สึกนายไม่ได้ถูกสอนมาให้แสดงถึงความเจ็บปวดในด้านนี้หรอกใช่มั้ยละ’
‘หยาบคายจังนะ ถึงฉันจะไม่เคยรักใครแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันรักเธอไม่ได้...’
“ไม่จริง! โกหกทั้งเพ!!!” ฉันตะโกนลั่นหลังจากภาพนั้นในหัวฉายจบลงแต่ความเจ็บปวดยังไม่จางหาย
“พี่สาว ผมคิดว่า...”
“หยุดความคิดเธอไปเลยซิดนีย์” ประโยคของเด็กนั่นถูกน้ำเสียงดุดันแทรกขึ้นและเพราะอย่างนั้นภาพในความคิดฉันค่อยๆ จางหายไป
“พี่เดรก...”
“เธอกำลังทำให้ฉันกลัวรู้รึเปล่า” พี่เดรกก้าวเดินเข้ามาก่อนจะเดินมามาหยุดข้างๆ ฉัน “โอเคแล้วใช่มั้ย?”
“อือ...”
“งั้นก็ดีกลับกันสักที” ฝ่ามือใหญ่ของเขายื่นมาจับต้นแขนฉันแล้วดึงให้ลุกขึ้นแต่ก่อนที่จะยอมเดินตามสายตาฉันก็มองหาเด็กคนนั้น
“เด็กคนนั้นไปไหนละ?”
“เด็กไหนของเธอ - -*”
“เด็กผู้ชายตัวเล็กๆ นั่นไง!”
“อ้อ... ถ้าหมายถึงเด็กนั่นฉันเห็นวิ่งหายไปแล้ว มีอะไรเหรอไง”
“เปล่าหรอก ไม่มีอะไร”
“ไหนพี่บอกจะพาฉันกลับบ้าน -_-^”
“ก็บ้านฉันไง J”
อยากรู้ใช่มั้ยว่าเราอยู่ไหนกัน ที่นี่คือบ้านตระกูลเอธานอลเป็นบ้านสำหรับใช้พักเวลามาเมืองไทยเห็นพี่เดรกบอกว่าที่นี่มีพื้นที่น้อยกว่าที่ประเทศอาร์กอนมากแต่เท่าที่ฉันดูมันใหญ่มากพอตัวทีเดียวละ ถ้านี่ยังน้อยกว่ามากแล้วคฤหาสน์เก่าแก่นั่นจะใหญ่โตขนาดไหน
“แต่ถ้าพี่ซีลอนกลับมาให้เห็นฉันพี่จะเหนื่อยเปล่าๆ นะ”
“ก็เพราะเป็นคำสั่งซีลอนฉันถึงพาเธอมาที่นี่ชั่วคราวก่อน เสร็จงานเมื่อไรยัยนั่นจะมารับเธอเอง”
“เพื่อ?”
“ป้องกันไม่ให้คนที่มีความคิดแตกต่างเข้าใกล้เธอละมั้ง ยิ่งถ้าเธออยู่คนเดียวที่บ้านนั่นถือเป็นโอกาสทองของมันเลย” คนที่มีความคิดแตกต่างงั้นเรอะ =O=; มันผู้นั้นเป็นใครกัน
“ใครรึ?”
“อยากรู้ก็หัดถามพี่เธอบ้างสิวะ -__-^” ถามนิดถามหน่อยขึ้นวะขึ้นโว้ย ไร้มารยาทกับฉันเป็นที่สุด -*-
“=_=^^”
“อยู่ในห้องนี้ไปแล้วกัน มีอะไรก็เรียกแม่บ้านเอา” พี่เดรกพาฉันเดินมาที่ห้องนั่งเล่นที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูไม่ว่าจะโซฟา โต๊ะ ทีวีและอีกมากมาย
“แล้วพี่ละ?”
“ฉันมีงานต้องทำ”
“ถ้าเทียบอายุแล้วพี่น่าจะเรียนอยู่เกรดสิบสองใช่มั้ยทำไมถึงทำงานกันแล้วละ?” จะว่าไปพี่ซีลอนก็เหมือนกันแต่รายนั้นเป็นซุปเปอร์สตาร์นี่เนอะสมัยนี้ดาราอายุน้อยมีเยอะแยะไป
“ตระกูลเก่าแก่ที่โด่งดังมักมีกิจการเยอะจะให้ผู้นำตระกูลดูแลคนเดียวมันก็คงไม่ไหวเพราะงั้นคนที่เกิดมาในตระกูลพวกนี้จำเป็นต้องเรียนและทำงานไปด้วย”
“ไม่เหนื่อยแย่เหรอ?”
“มันเป็นภาระงานที่เลี่ยงไม่ได้... สำหรับเธอจะทำอะไรก็ทำแต่อย่าก้าวออกจากรั้วของบ้านนี้เด็ดขาด!”
สิ้นคำสั่งพี่เดรกก็หมุนตัวเดินออกจากห้องนี้ จะทำอะไรก็ได้แต่ห้ามก้าวออกจากที่นี่งั้นเหรอ งั้นก็แปลว่าฉันสามารถเดินไปไหนมาไหนก็ได้นอกจากห้องนี้น่ะสิ :p
[Dark’s side]
“โฮ่งๆ”
ขณะที่ผมกำลังอ่านรายละเอียดแผนงานบริษัทที่ประเทศไทยอยู่ก็ต้องชะงักเมื่อเสียงหมาที่ผมคิดว่าขังไว้แล้วดังขึ้น มันคือหมาพันธุ์โกเด้น รีทรีฟเวอร์ และเจ้าของมันคือผมเองจำได้ว่ายังไม่ถึงเวลาปล่อยมันออกมาไม่ใช่รึไง - -*
“มันอยู่ในกรงหลังบ้านไม่ใช่รึ ใครปล่อยมันออกมา” เสียงนั้นดังขึ้นต่อเนื่องผมจึงหันไปถามริวโตมือขวาคนสนิทยืนอยู่ที่หน้าต่างบานใหญ่ของห้องทำงานนี้
“ซิดนีย์น่ะ”
จะว่าไปเราสองคนอยู่ในสถานะลูกน้องและเจ้านายท่าจะไม่ใช่เพราะหมอนี่มันโตมากับผมเราอายุเท่ากันเพียงแค่ว่าริวโตถูกเลี้ยงดูมาให้เป็นคนที่ปกป้องผมแต่ซะส่วนมากผมดูแลตัวเองได้มาตั้งนานแล้วหมอนั่นเลยถูกคำสั่งจากผมให้ไปดูแล ‘เอธานอล ดราก้อน’ ยัยน้องสาวตัวแสบที่ชอบหาเรื่องได้ทุกวัน
“ยัยนั่นเดินไปเจอมันได้ยังไง -_-^”
“ล่าสุดเท่าที่จำได้ นายบอกให้เธอทำอะไรก็ได้แต่ห้ามออกจากรั้วของบ้านนี้ไม่ใช่เหรอ เธอคงเดินไปเรื่อยๆ แล้วไปเจอมันเข้านั่นละ” เออจริงด้วย - -*
“งั้นช่างเถอะแค่อยู่ในพื้นที่ก็พอแล้ว” ผมหันกลับมาให้ความสนใจกับเอกสารตรงหน้าต่อและก่อนที่ผมจะหยิบปากกาเซ็นชื่อลงในเอกสารนั่นคำพูดของริวโตก็ทำให้ผมชะงักได้
“แต่จะดีเหรอ... เจ้าโมจิก็เป็นส่วนหนึ่งในความทรงจำนะจะไม่เข้าไป...”
ปัง!
ผมก้าวออกจากห้องด้วยการปิดประตูเสียงดังก่อนจะสิ้นสุดประโยคนั้น ให้ตายสิผมลืมไปจริงๆ ว่าเจ้าหมานั่นก็มีส่วนเกี่ยวข้อง ตอนนั้นหลังจากที่หมอตรวจอาการซิดนีย์แล้วทั้งผมและซีลอนก็เข้าไปพบกับหมออีกที
‘ไอ้เรื่องจิตใต้สำนึกสิ่งที่น้องฉันจำไม่เคยลืมที่คุณหมอว่า ถ้ามันเกิดขึ้นจะเป็นยังไงหรือคะ’
‘มันจะเกิดขึ้นในเวลาที่คนไข้ไปเจอบางสิ่งแล้วมันกระตุ้นจิตใต้สำนึกนั้นขึ้นมาและยิ่งถ้าคนไข้ไปคิดมากกับมันก็จะมีอาการปวดหัวรุนแรงอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ไงละครับ’
‘แล้วอาการปวดหัวนี่มัน...’
‘ไม่ต้องเป็นห่วงครับมันเป็นแค่ระยะหนึ่งเท่านั้นแล้วมันจะหายเอง’
‘แล้วจะมีโอกาสมั้ยที่น้องฉันจะจำได้?’
‘ถ้ามีอาการแบบนี้หมอคิดว่ามีโอกาสแน่นอนเพียงแต่ต้องใช้เวลา’
‘แล้วถ้าผมจะถามหมอว่าทำยังไงถึงไม่ให้ซิดนีย์จำเรื่องราวในอดีตได้ละ หมอพอจะมีวิธีหรือเปล่า?’
‘เอ๊ะ -O-? พอจะมีมั้งครับแค่ไม่ให้คนไข้เจออะไรที่มันกระตุ้นจิตใต้สำนึกให้จำเรื่องราวเหล่านั้นก็พอแล้วแต่ถ้าอาการนั้นเกิดขึ้นถี่เรื่อยๆ อาจจะทำให้คนไข้มีโอกาสฟื้นความทรงจำได้มากขึ้น’
‘ถ้างั้นแค่ไม่ให้น้องฉันนึกถึงเรื่องราวพวกนั้นก็พอแล้วใช่มั้ยคะ’
‘ครับ =O=;?’
ตึกๆๆ
“ซิดนีย์!” ผมวิ่งมาถึงหน้าบ้านและพบว่าซิดนีย์กับโมจิกำลังระเริงกับน้ำกันชุ่มช้ำ - -* บางทีผมอาจคิดมากไปเองที่ยัยนี่อาจจะนึกขึ้นได้เพราะโมจิแต่ยังไงก็ต้องระวังไว้ช่วงนี้มีบางสิ่งในอดีตหลั่งไหลเข้ามาเรื่อยๆ จนอาจทำให้เธอจำได้ยิ่งตัวมารอย่างไอ้ไรทอลด้วยแล้วรายนั้นต้องจับเหวี่ยงไปให้ไกลๆ เลยละ
“อ้าวพี่... ทำงานเสร็จแล้วเหรอมาอาบน้ำให้หมาตัวนี้เร็วเข้า >O<”
“ฉันเพิ่งให้คนพามันอาบไปเมื่อวานเธอจะเอามันออกมาเปียกอีกทำไม -_-^”
“อ้าวเหรอ โทษทีนะฉันไม่รู้ (. . )” ซิดนีย์ทำท่าสำนึกผิดพร้อมกับปล่อยสายยางลง บ้าเอ๊ย นี่ผมต้องใจอ่อนเพราะท่าทางแบบนี้ทุกทีสินะ
“เมด... ไปเอาแชมพูโมจิมา” ผมหันไปสั่งเมดที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุดก่อนจะพับแขนเสื้อและขากางเกงขึ้น
“เดี๋ยวดิฉันอาบให้ดีมั้ยคะ -O-“
“ไม่เป็นไรฉันทำเองได้ บอกให้ไปเอามา”
“แต่ว่า...”
“นั่นก็หมาฉัน คิดว่าฉันจัดการหมาตัวเองไม่ได้หรือไงกัน”
“คะๆ” หลังจากที่เคลียร์กับเมดเรียบร้อยผมก็เดินลงมาหยุดอยู่ตรงหน้าซิดนีย์ที่ยังทำหน้าหงอยไม่เลิก
“ถ้าจะอาบน้ำโมจิฉันจะช่วยอาบให้เธอคงอาบมันไม่เป็นหรอกใช่มั้ย” ผมว่าก่อนจะย่อตัวลงหยิบสายยางแล้วฉีดใส่เจ้าหมานี่
ตั้งแต่เลี้ยงมันมาผมไม่เคยยื่นมือมาอาบน้ำให้มันเลยสักนิดเพราะงานและการเรียนผมยุ่งมากพอที่จะไม่มีเวลาว่างมาเล่นกับมันได้เดี๋ยวก็บินไปบินมาจะว่าง่ายๆ ผมกับมันแทบจะไม่เคยใช้เวลาด้วยกันเลยก็ว่าได้แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าผมจะอาบน้ำหมาไม่เป็นสักหน่อย การที่ผมจะขึ้นมาเป็นผู้นำตระกูลเอธานอลรุ่นต่อไปผมต้องทำเป็นทุกอย่างเพราะอีกหน่อยลูกน้องของพ่อก็ต้องเชื่อฟังผมและผมก็ต้องทำตัวให้น่านับถือและน่าเกรงขามทั้งในโลกธุรกิจด้านสว่างและด้านมืด
“เย้... แกชื่อโมจิเหรอชื่อน่ารักนะ >3<” ซิดนีย์กลับมาร่าเริงอีกครั้งแล้วโผเข้ากอดโมจิ ผมว่าดีแล้วนะที่ตัวตนเดิมของยัยนี่หายไปผมชอบรอยยิ้มที่ดูจริงใจมากกว่ารอยยิ้มที่เต็มไปด้วยปริศนา
“มันเปียกอยู่นะเดี๋ยวเธอก็เปียกไปด้วยหรอก”
“ไม่เป็นไรหรอกหน่า ยังไงซะก็เปียกอยู่แล้ว ^O^;”
นี่ไงละตัวตนของผู้หญิงคนนี้ที่ผมต้องการ J
“ได้แล้วคะคุณ...ดะ...เดรก -O-;” ในขณะที่ผมกำลังมองผู้หญิงคนนี้เสียงเมดก็แทรกขัดจังหวะทำให้สายตาผมตวัดไปมอง -_-*
“นี่พี่ อย่ามองคนอื่นด้วยสายตาแบบนั้นสิมันน่ากลัวนะ”
“ช่างเถอะ ตกลงเธอจะอาบน้ำโมจิหรือจะอาบน้ำตัวเองกันแน่ (- -) (_ _) (- -)”
“ก็ไหนๆ ก็เปียกแล้วไง >O<” หึ เป็นบุคลิกแปลกใหม่สำหรับผู้หญิงร้อยเล่ห์อย่างซิดนีย์จริงๆ
“โฮ่งๆ”
“อยู่เฉยๆ สิจะดิ้นไปดิ้นมาทำไมวะ -_-^” ขณะที่ผมกำลังเทแชมพูใส่ตัวโมจิเจ้านี่ก็วิ่งไปวิ่งมาจนเทไม่ตรงตัวมันแล้ว
“ตกลงนี่พี่อาบน้ำให้มันเป็นหรือเปล่า - -“
“เป็นสิ สายตาแบบนี้ดูถูกฉันเรอะ!”
“เปล่าจ้า~ งั้นฉันจะจับโมจิให้นะ ><!”
“อยากเปียกมากกว่านี้สินะ”
“>O<;”
“ขอมาก็จัดให้ J” จบคำพูดผมก็ยกสายยางฉีดน้ำไปที่ซิดนีย์ที่วิ่งหลบพัลวัล คิดเหรอว่าจะพ้น
“โฮ่งๆ” ซิดนีย์ที่กำลังจะเดินมาหาผมเพื่อแย่งสายยางก็โดนเจ้าโมจิที่วิ่งเข้ามาข้างหน้าพอดีขวางเอาไว้
พลั่ก!
“โอ๊ย!” กะแล้วเชียวว่าต้องล้ม -_-^ ยัยนั่นลุกขึ้นมานั่งพร้อมบาดแผลที่คงไถลกับพื้นทั้งหัวเท่าทั้งสองข้างและแขน
“เมด... ไปเตรียมยามา” ผมหันไปสั่งเมดที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักก่อนจะทิ้งสายยางแล้วย่อตัวลงตรงหน้าซิดนีย์
“เลือดออกเลย TOT!”
“เธอเป็นคนป็อดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน”
“ห๊ะ? TOT”
“ขึ้นมาบนหลังฉันซะจะพาไปทำแผลข้างใน” ผมหันหลังให้ก่อนที่ยัยนั่นจะค่อยๆ คลานขึ้นมา
“ไหวแน่เหรอพี่ ฉันหนักนะ ^^;”
“ฉันอุ้มเธอมาหลายครั้งแล้วนะตัวเธอไม่หนักขึ้นหรอก”
“ว่าไงนะ?” บางทีผมอาจพลาดที่ดันพูดแบบนั้นออกไป บ้าเอ๊ย!
“เดี๋ยวเลือดจะไหลมากกว่านี้รีบเข้าข้างในดีกว่า”
“เอ๊ะ? แต่เมื่อกี้...”
“เมด กล่องยาเดี๋ยวขึ้นไปวางที่ห้องฉัน” ผมตะโกนบอกเมดเพื่อหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามซิดนีย์ จะให้เธอจำได้แล้วผมจะได้กระเด็นออกไปจากชีวิตยัยนี่น่ะเหรอไม่มีวันซะหรอก
“ได้คะๆ -O-;”
“บนห้องเหรอ =O=?”
“เธอต้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและล้างแผลก่อน”
“ล้างแผล =O=;”
“ใช่ J”
ซ่า~!
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!”
“เว่อร์ไปแล้วซินอยู่นิ่งๆ หน่า -_-^” ทันทีที่ผมเปิดน้ำฝักบัวเพื่อล้างแผลให้ ซิดนีย์ก็สะดุ้งโหยงแทบจะวิ่งหนีถ้าไม่จับตัวเอาไว้
“แต่มันแสบมากเลยนะ”
“อย่าเว่อร์ไปหน่อยเลยนิดหน่อยเท่านั้นเองกลับมานั่งที่เดิมเลยซิน!” ผมดึงแขนซิดนีย์ให้กลับมานั่งที่ขอบอ่างจากุซซี่ที่เดิมก่อนจะใช้น้ำฝักบัวล้าง
“มันเจ็บนะ ใช้ราดธรรมดาไม่ได้หรือไง TOT”
“ทำอย่างนั้นสิ่งสกปรกมันจะออกที่ไหน”
“พี่สะใจใช่มั้ยที่ทำอย่างนี้ L”
“เปล่าเลย J”
ซ่า~!
“ว้ากกก! พี่ทำแรงเกินไปแล้วนะถ้ามันถลอกมากกว่านี้จะทำยังไง!”
“ไม่หรอกหน่า หุบปากแล้วอยู่เงียบๆ ซะ =_=^” หลังจากที่ล้างแผลที่หัวเข่าเสร็จผมก็ดึงแขนซิดนีย์มาล้างต่อมันถลอกเป็นทางยาวจนทำให้ผิวขาวสวยเป็นรอยและมีเลือดซึมออกมา
“ขอโทษนะซินที่ทำให้ผิวสวยๆ เธอเป็นแผลแบบนี้”
“ใช่ มันคือความผิดของพี่เลยละ - -*”
“ขอโทษนะ”
“บางทีฉันก็คิดนะว่าพี่ขอโทษมากเกินไป -_-^ แค่ถลอกนิดเดียวเท่านั้น พี่เป็นอะไรหรือเปล่า?” มือเรียวเล็กยื่นมาจับใบหน้าผมดวงตาฉายแววสงสัยปนเป็นห่วง
“เปล่า” ผมแตะมือเล็กๆ นั่นอย่างเบามือ ถ้าผมปล่อยวางทิฐิตัวเองในตอนนั้นแล้วล้มเลิกซะบางทีมือคู่นี้อาจจะยังคงจับมือผมอย่างมั่นคงก็ได้
“เปล่าที่ไหน... หน้าพี่ดูเศร้านะ”
“งั้นเหรอหน้าฉันมันบอกอย่างนั้นหรอ” ผมเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้มันเป็นแรงดึงดูดที่อธิบายยากจริงๆ ทั้งใบหน้าสวยร้ายที่ตอนนี้ไม่มีเครื่องสำอางตกแต่ง นัยน์ตาสีแดงเข้มในกรอบดวงตาเรียวเฉียบคม ผมหน้าม้าแสกกลางที่ถูกเสยขึ้นไปเผยให้เห็นใบหน้าเรียว เรือนผมสีบลอนด์ทองตรงที่ยาวมาถึงกลางหลังที่ผมเคยชอบมัน ริมฝีปากสีอมชมพูที่ผมเคยสัมผัสมันมาแล้วและตอนนี้กำลังคิดจะทำอยู่ด้วย
“พี่...”
“Called me. That you ever summon”
“เดรก... พี่รู้ตัวหรือเปล่ากำลังทำอะไร”
“I know...”
“ไม่ พี่ไม่รู้เลย” ซิดนีย์เลื่อนใบหน้าเข้ามาเลยกลายเป็นว่าตอนนี้เราทั้งสองคนเคลื่อนเข้าหากันช้าๆ จนผมสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของเธอ
ปัง!
“เฮียจ๋าาาาาาา~ >O<”
ริมฝีปากอ่อนนุ่มที่ผมกำลังจะได้สัมผัสมันอีกครั้งเคลื่อนเข้ามาใกล้แต่เพราะเสียงๆ หนึ่งทำให้เธอหยุดชะงัก...
“พี่ซิดนีย์...O_o”
“O_O! อะ... เอ่อ ขอโทษคะพี่ =O=;;” ซิดนีย์ถอยใบหน้าออกห่างจากผม บ้าเอ๊ย! -__-^ ใครวะที่เข้ามาขัดจังหวะถ้าเป็นเมดผมจะ...
“ดราก้อน - -*” ไม่ใช่เมดและไม่ใช่ใครที่นี่นอกจากน้องสาวผมเอง ยัยนั่นมาที่เมืองไทยทำไมกันน่ะ -__- บอกแล้วไงว่าไม่ให้ไปไหนมาไหนคนเดียวแต่นี่มาถึงที่นี่เชียวงั้นรึ! “ฉันบอกแล้วไม่ใช่รึไงว่าห้ามมาคนเดียว”
“ฉันเก่งนะ ดูแลตัวเองได้เฮียจะห่วงทำไม - -* ว่าแต่พี่ซิดนีย์เถอะทำไมถึง...อุ๊บ OxO!” ก่อนที่ดราก้อนจะพูดอะไรออกไปผมก็พุ่งไปจัดการปิดปากยัยน้องสาวตัวแสบแล้วลากออกจากห้องน้ำ
“อาบน้ำซะซินเดี๋ยวฉันจะให้เมดเอาเสื้อผ้าขึ้นมาให้”
“อะไออะอ๋องเอี่ยอ่อยอั่นเอยอ่ะ!” (อะไรของเฮียปล่อยฉันเลยนะ)
ปัง!!
ความคิดเห็น