ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    REMEMBER TEST

    ลำดับตอนที่ #5 : Remember Test III ::: "Called me... that you ever summon"

    • อัปเดตล่าสุด 23 มี.ค. 55



    3

    “Called me... that you ever summon”

     

    อร่อยใช่มั้ยซิน ^^”

    หลังเลิกเรียนพี่ออร์คัสก็พาฉันมาร้าน Caké and tea ใกล้ๆ โรงเรียน ที่นี่ตกแต่งภายในร้านแบบธรรมดาๆ แต่ให้ความเป็นธรรมชาติมองแล้วรู้สึกสบายแถมเค้กที่นี่ก็รสชาติดีมากๆ เลยด้วย สรุปโดยรวมไม่แปลกใจเลยทำไมลูกค้าถึงได้แน่นเต็มทุกโต๊ะแบบนี้

    อร่อยดีคะ ^^” ถึงตอนนี้ฉันยังคาใจเรื่องที่พี่ออร์คัสพูดกับพี่ไรทอลไม่หายแต่ถึงถามไปตอนนี้ฉันมั่นใจว่าไม่ได้รับคำตอบกลับมาแน่นอน

    เห็นมั้ยบอกแล้วว่าต้องอร่อย Jพี่ออร์คัสยิ้มร่าก่อนจะจัดการเค้กตรงหน้าต่อ บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสก็ได้มั้งบรรยากาศแบบนี้เขาต้องยอมเปิดปากเล่าแน่ๆ

    พี่คะ...

    ครืดๆๆๆ~

    แต่ก่อนที่ฉันจะได้ไถ่ถามอะไรออกไปเสียงโทรศัพท์มือถือของพี่ออร์คัสที่วางอยู่บนโต๊ะก็สั่นครืดๆ ขัดจังหวะไปซะก่อน พี่เขาเลยเลือกที่จะรับสายแทนที่จะฟังคำถามของฉัน

    ฮัลโหล...ห๊ะ?...ตอนนี้เนี่ยนะ...อะไรของแกฉันไม่ว่างหรอก...บัดซบจริงๆ แกนี่หาเรื่องได้ตลอดเลยเฮีย -_-^” หลังจากที่คุยกับปลายสายรู้เรื่องแล้วเขาก็กดตัดสายแล้วลุกขึ้นหุนหัน

    ไปไหนคะ - -

    พี่มีธุระนิดหน่อยนะยังไงจากที่นี่เธอคงกลับเองได้ใช่มั้ย?

    อ้อ... ได้คะ

    โทษทีนะซิดนีย์พี่มีธุระด่วนจริงๆ เลยไปส่งกลับไม่ได้

    ไม่เป็นไรคะ ซิดนีย์กลับเองได้แน่นอนอยู่แล้ว ^^”

    งั้นดูแลตัวเองดีๆ นะ เมื่อได้รับคำยืนยันจากฉันพี่ออร์คัสก็เดินออกไปออกนอกร้านด้วยความเร่งรีบ เชื่อแล้วว่ามันเป็นธุระด่วนจริงๆ

    ก็ดีนะ บางทีถ้าเดินคิดอะไรเพลินๆ ฉันอาจจำเรื่องราวในอดีตกลับคืนมาก็ได้ เป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่าเสียจริง J

     

    สองเท้าฉันก้าวเดินตามทางเท้ามาเรื่อยๆ หลังจากออกมาจากร้าน มีผู้คนในชุดยูนิฟอร์มแบบเดียวกับฉันเดินกันให้ขวักไขว่ ทันทีที่หลุดพ้นจากบริเวณโรงเรียนนั่นมากพอสมควรก็เริ่มมีคนน้อยลงบริเวณโดยรอบนั้นเป็นพื้นที่สาธารณะที่มีพ่อแม่พาลูกๆ มาเล่นในยามเย็นแบบนี้

    ขลุกๆ

    ฉันที่กำลังจะเดินเข้าไปก็ต้องหยุดชะงักเมื่อจู่ๆ ก็มีลูกบอลลมกลมๆ เล็กๆ กลิ้งลุนๆ มาหยุดอยู่ตรงหน้า ก่อนร่างเล็กๆ ของเด็กผู้ชายจะวิ่งมาที่ฉัน

    อะนี่จ้ะ ^^” ฉันย่อตัวลงเก็บลูกบอลลมนั่นส่งให้เด็กชายคนนี้

    ขอบคุณฮะพี่สาวไปเล่นก่อทรายด้วยกันมั้ยฮะ

    อะ... เอ่อ ทรายเรอะ -_-;” เหมือนใครนะ... รู้สึกจะเหมือน... โอ๊ย!”

    เป็นอะไรหรือเปล่าฮะพี่สาว =O=” อะไรกันเนี่ยฉันแค่นึกนิดๆ หน่อยๆ เองนะทำไมต้องปวดหัวจี๊ดขึ้นมาด้วย -__-

    อ่อ... ไม่เป็นอะไรหรอกจ้ะ ^O^;” เมื่อได้ยินคำตอบแบบนั้นเด็กนั่นเลยเดินต่อไปก่อนจะหยุดอยู่ที่กองทรายที่สร้างขึ้นมาเป็นรูปเป็นร่างนิดๆ แล้ว ทำเองเหรอ

    ใช่ฮะ ผมเก่งมากเลยใช่มั้ยละ >O<”

    ใช่เก่งมากเลย... บางทีกองทรายนี่มันดูคุ้นๆ ชอบกลนะ...? โอ๊ยยยยยยย!”

    พี่สาว!” นี่ฉันยังไม่ทันคิดอะไรเลยนะแค่บอกว่าทรายนี่มันคุ้นๆ เท่านั้นเองรู้สึกเหมือนสมองบีบรัดตัวจนปวดตุบไปหมด

    โอ๊ยยยย... ฉันทรุดตัวลงกับพื้นหญ้าด้วยความเจ็บปวดแทบยืนไม่ไหวก่อนที่มือเล็กๆ ของเด็กนั่นจะแตะลงบนแขนฉัน

    มือเล็กๆ งั้นเหรอ....

     

    มือเธอเล็กจังนะในห้องๆ หนึ่งที่แสงข้างนอกสาดส่องเข้ามาบ่งบอกว่าเป็นตอนเช้า บทสนทนาของหญิงชายคู่หนึ่งที่อยู่โซฟาก็เอ่ยขึ้น

    แน่นอนสิ ฉันเป็นผู้หญิงนี่เนอะถ้ามือฉันจะเล็กกว่ามือนายก็ไม่แปลกหรอกชายคนหนึ่งกำลังนอนบนตักของผู้หญิงคนนั้นฝ่ามือเรียวเล็กของเธอถูกจับอย่างทะนุถนอมด้วยฝ่ามือใหญ่

    ถ้างั้น... เธอคงต้องใช้มือเล็กๆ คู่นี้จับมือฉันไว้อย่างมั่นคงเพื่ออยู่เคียงข้างฉันใช่มั้ย?

    น่าขันนักนะ นายก็รู้ดีอยู่ว่าเรื่องของเรามันไม่มีทางเป็นไปได้ ฉันมีคนของฉันและอีกไม่นานเราต้องแยกกัน

    ชักเริ่มไม่สนุกแล้วสิ ถ้าฉันขอร้องเธอจะยอมมั้ย?

    ฉันทิ้งเขาไม่ได้ เพราะงั้นปล่อยให้ความสัมพันธ์ลับๆ ของเราให้มันเป็นต่อไปอย่างนั้นจนกว่าจะจบในที่สุด

    แสดงว่าเธอเลือกทิ้งฉัน...?

    คงจะอย่างนั้น... แต่จะเป็นไรไปความรู้สึกนายไม่ได้ถูกสอนมาให้แสดงถึงความเจ็บปวดในด้านนี้หรอกใช่มั้ยละ

    หยาบคายจังนะ ถึงฉันจะไม่เคยรักใครแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันรักเธอไม่ได้...

     

    ไม่จริง! โกหกทั้งเพ!!!” ฉันตะโกนลั่นหลังจากภาพนั้นในหัวฉายจบลงแต่ความเจ็บปวดยังไม่จางหาย

    พี่สาว ผมคิดว่า...

    หยุดความคิดเธอไปเลยซิดนีย์ ประโยคของเด็กนั่นถูกน้ำเสียงดุดันแทรกขึ้นและเพราะอย่างนั้นภาพในความคิดฉันค่อยๆ จางหายไป

    พี่เดรก...

    เธอกำลังทำให้ฉันกลัวรู้รึเปล่า พี่เดรกก้าวเดินเข้ามาก่อนจะเดินมามาหยุดข้างๆ ฉัน โอเคแล้วใช่มั้ย?

    อือ...

    งั้นก็ดีกลับกันสักที ฝ่ามือใหญ่ของเขายื่นมาจับต้นแขนฉันแล้วดึงให้ลุกขึ้นแต่ก่อนที่จะยอมเดินตามสายตาฉันก็มองหาเด็กคนนั้น

    เด็กคนนั้นไปไหนละ?

    เด็กไหนของเธอ - -*

    เด็กผู้ชายตัวเล็กๆ นั่นไง!”

    อ้อ... ถ้าหมายถึงเด็กนั่นฉันเห็นวิ่งหายไปแล้ว มีอะไรเหรอไง

    เปล่าหรอก ไม่มีอะไร

     

    ไหนพี่บอกจะพาฉันกลับบ้าน -_-^”

    ก็บ้านฉันไง J

    อยากรู้ใช่มั้ยว่าเราอยู่ไหนกัน ที่นี่คือบ้านตระกูลเอธานอลเป็นบ้านสำหรับใช้พักเวลามาเมืองไทยเห็นพี่เดรกบอกว่าที่นี่มีพื้นที่น้อยกว่าที่ประเทศอาร์กอนมากแต่เท่าที่ฉันดูมันใหญ่มากพอตัวทีเดียวละ ถ้านี่ยังน้อยกว่ามากแล้วคฤหาสน์เก่าแก่นั่นจะใหญ่โตขนาดไหน

    แต่ถ้าพี่ซีลอนกลับมาให้เห็นฉันพี่จะเหนื่อยเปล่าๆ นะ

    ก็เพราะเป็นคำสั่งซีลอนฉันถึงพาเธอมาที่นี่ชั่วคราวก่อน เสร็จงานเมื่อไรยัยนั่นจะมารับเธอเอง

    เพื่อ?

    ป้องกันไม่ให้คนที่มีความคิดแตกต่างเข้าใกล้เธอละมั้ง ยิ่งถ้าเธออยู่คนเดียวที่บ้านนั่นถือเป็นโอกาสทองของมันเลย คนที่มีความคิดแตกต่างงั้นเรอะ =O=; มันผู้นั้นเป็นใครกัน

    ใครรึ?

    อยากรู้ก็หัดถามพี่เธอบ้างสิวะ -__-^” ถามนิดถามหน่อยขึ้นวะขึ้นโว้ย ไร้มารยาทกับฉันเป็นที่สุด -*-

    “=_=^^”

    อยู่ในห้องนี้ไปแล้วกัน มีอะไรก็เรียกแม่บ้านเอา พี่เดรกพาฉันเดินมาที่ห้องนั่งเล่นที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูไม่ว่าจะโซฟา โต๊ะ ทีวีและอีกมากมาย

    แล้วพี่ละ?

    ฉันมีงานต้องทำ

    ถ้าเทียบอายุแล้วพี่น่าจะเรียนอยู่เกรดสิบสองใช่มั้ยทำไมถึงทำงานกันแล้วละ? จะว่าไปพี่ซีลอนก็เหมือนกันแต่รายนั้นเป็นซุปเปอร์สตาร์นี่เนอะสมัยนี้ดาราอายุน้อยมีเยอะแยะไป

    ตระกูลเก่าแก่ที่โด่งดังมักมีกิจการเยอะจะให้ผู้นำตระกูลดูแลคนเดียวมันก็คงไม่ไหวเพราะงั้นคนที่เกิดมาในตระกูลพวกนี้จำเป็นต้องเรียนและทำงานไปด้วย

    ไม่เหนื่อยแย่เหรอ?

    มันเป็นภาระงานที่เลี่ยงไม่ได้... สำหรับเธอจะทำอะไรก็ทำแต่อย่าก้าวออกจากรั้วของบ้านนี้เด็ดขาด!”

    สิ้นคำสั่งพี่เดรกก็หมุนตัวเดินออกจากห้องนี้ จะทำอะไรก็ได้แต่ห้ามก้าวออกจากที่นี่งั้นเหรอ งั้นก็แปลว่าฉันสามารถเดินไปไหนมาไหนก็ได้นอกจากห้องนี้น่ะสิ :p

     

    [Dark’s side]

    โฮ่งๆ

    ขณะที่ผมกำลังอ่านรายละเอียดแผนงานบริษัทที่ประเทศไทยอยู่ก็ต้องชะงักเมื่อเสียงหมาที่ผมคิดว่าขังไว้แล้วดังขึ้น มันคือหมาพันธุ์โกเด้น รีทรีฟเวอร์ และเจ้าของมันคือผมเองจำได้ว่ายังไม่ถึงเวลาปล่อยมันออกมาไม่ใช่รึไง - -*

    มันอยู่ในกรงหลังบ้านไม่ใช่รึ ใครปล่อยมันออกมา เสียงนั้นดังขึ้นต่อเนื่องผมจึงหันไปถามริวโตมือขวาคนสนิทยืนอยู่ที่หน้าต่างบานใหญ่ของห้องทำงานนี้

    ซิดนีย์น่ะ

    จะว่าไปเราสองคนอยู่ในสถานะลูกน้องและเจ้านายท่าจะไม่ใช่เพราะหมอนี่มันโตมากับผมเราอายุเท่ากันเพียงแค่ว่าริวโตถูกเลี้ยงดูมาให้เป็นคนที่ปกป้องผมแต่ซะส่วนมากผมดูแลตัวเองได้มาตั้งนานแล้วหมอนั่นเลยถูกคำสั่งจากผมให้ไปดูแล เอธานอล ดราก้อนยัยน้องสาวตัวแสบที่ชอบหาเรื่องได้ทุกวัน

    ยัยนั่นเดินไปเจอมันได้ยังไง -_-^”

    ล่าสุดเท่าที่จำได้ นายบอกให้เธอทำอะไรก็ได้แต่ห้ามออกจากรั้วของบ้านนี้ไม่ใช่เหรอ เธอคงเดินไปเรื่อยๆ แล้วไปเจอมันเข้านั่นละ เออจริงด้วย - -*

    งั้นช่างเถอะแค่อยู่ในพื้นที่ก็พอแล้ว ผมหันกลับมาให้ความสนใจกับเอกสารตรงหน้าต่อและก่อนที่ผมจะหยิบปากกาเซ็นชื่อลงในเอกสารนั่นคำพูดของริวโตก็ทำให้ผมชะงักได้

    แต่จะดีเหรอ... เจ้าโมจิก็เป็นส่วนหนึ่งในความทรงจำนะจะไม่เข้าไป...

    ปัง!

    ผมก้าวออกจากห้องด้วยการปิดประตูเสียงดังก่อนจะสิ้นสุดประโยคนั้น ให้ตายสิผมลืมไปจริงๆ ว่าเจ้าหมานั่นก็มีส่วนเกี่ยวข้อง ตอนนั้นหลังจากที่หมอตรวจอาการซิดนีย์แล้วทั้งผมและซีลอนก็เข้าไปพบกับหมออีกที

     

    ไอ้เรื่องจิตใต้สำนึกสิ่งที่น้องฉันจำไม่เคยลืมที่คุณหมอว่า ถ้ามันเกิดขึ้นจะเป็นยังไงหรือคะ

    มันจะเกิดขึ้นในเวลาที่คนไข้ไปเจอบางสิ่งแล้วมันกระตุ้นจิตใต้สำนึกนั้นขึ้นมาและยิ่งถ้าคนไข้ไปคิดมากกับมันก็จะมีอาการปวดหัวรุนแรงอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ไงละครับ

    แล้วอาการปวดหัวนี่มัน...

    ไม่ต้องเป็นห่วงครับมันเป็นแค่ระยะหนึ่งเท่านั้นแล้วมันจะหายเอง

    แล้วจะมีโอกาสมั้ยที่น้องฉันจะจำได้?

    ถ้ามีอาการแบบนี้หมอคิดว่ามีโอกาสแน่นอนเพียงแต่ต้องใช้เวลา

    แล้วถ้าผมจะถามหมอว่าทำยังไงถึงไม่ให้ซิดนีย์จำเรื่องราวในอดีตได้ละ หมอพอจะมีวิธีหรือเปล่า?

    เอ๊ะ -O-? พอจะมีมั้งครับแค่ไม่ให้คนไข้เจออะไรที่มันกระตุ้นจิตใต้สำนึกให้จำเรื่องราวเหล่านั้นก็พอแล้วแต่ถ้าอาการนั้นเกิดขึ้นถี่เรื่อยๆ อาจจะทำให้คนไข้มีโอกาสฟื้นความทรงจำได้มากขึ้น

    ถ้างั้นแค่ไม่ให้น้องฉันนึกถึงเรื่องราวพวกนั้นก็พอแล้วใช่มั้ยคะ

    ครับ =O=;?’

     

    ตึกๆๆ

    ซิดนีย์!” ผมวิ่งมาถึงหน้าบ้านและพบว่าซิดนีย์กับโมจิกำลังระเริงกับน้ำกันชุ่มช้ำ - -* บางทีผมอาจคิดมากไปเองที่ยัยนี่อาจจะนึกขึ้นได้เพราะโมจิแต่ยังไงก็ต้องระวังไว้ช่วงนี้มีบางสิ่งในอดีตหลั่งไหลเข้ามาเรื่อยๆ จนอาจทำให้เธอจำได้ยิ่งตัวมารอย่างไอ้ไรทอลด้วยแล้วรายนั้นต้องจับเหวี่ยงไปให้ไกลๆ เลยละ

    อ้าวพี่... ทำงานเสร็จแล้วเหรอมาอาบน้ำให้หมาตัวนี้เร็วเข้า >O<”

    ฉันเพิ่งให้คนพามันอาบไปเมื่อวานเธอจะเอามันออกมาเปียกอีกทำไม -_-^”

    อ้าวเหรอ โทษทีนะฉันไม่รู้ (. . )” ซิดนีย์ทำท่าสำนึกผิดพร้อมกับปล่อยสายยางลง บ้าเอ๊ย นี่ผมต้องใจอ่อนเพราะท่าทางแบบนี้ทุกทีสินะ

    เมด... ไปเอาแชมพูโมจิมา ผมหันไปสั่งเมดที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุดก่อนจะพับแขนเสื้อและขากางเกงขึ้น

    เดี๋ยวดิฉันอาบให้ดีมั้ยคะ -O-“

    ไม่เป็นไรฉันทำเองได้ บอกให้ไปเอามา

    แต่ว่า...

    นั่นก็หมาฉัน คิดว่าฉันจัดการหมาตัวเองไม่ได้หรือไงกัน

    คะๆ หลังจากที่เคลียร์กับเมดเรียบร้อยผมก็เดินลงมาหยุดอยู่ตรงหน้าซิดนีย์ที่ยังทำหน้าหงอยไม่เลิก

    ถ้าจะอาบน้ำโมจิฉันจะช่วยอาบให้เธอคงอาบมันไม่เป็นหรอกใช่มั้ย ผมว่าก่อนจะย่อตัวลงหยิบสายยางแล้วฉีดใส่เจ้าหมานี่

    ตั้งแต่เลี้ยงมันมาผมไม่เคยยื่นมือมาอาบน้ำให้มันเลยสักนิดเพราะงานและการเรียนผมยุ่งมากพอที่จะไม่มีเวลาว่างมาเล่นกับมันได้เดี๋ยวก็บินไปบินมาจะว่าง่ายๆ ผมกับมันแทบจะไม่เคยใช้เวลาด้วยกันเลยก็ว่าได้แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าผมจะอาบน้ำหมาไม่เป็นสักหน่อย การที่ผมจะขึ้นมาเป็นผู้นำตระกูลเอธานอลรุ่นต่อไปผมต้องทำเป็นทุกอย่างเพราะอีกหน่อยลูกน้องของพ่อก็ต้องเชื่อฟังผมและผมก็ต้องทำตัวให้น่านับถือและน่าเกรงขามทั้งในโลกธุรกิจด้านสว่างและด้านมืด

    เย้... แกชื่อโมจิเหรอชื่อน่ารักนะ >3<” ซิดนีย์กลับมาร่าเริงอีกครั้งแล้วโผเข้ากอดโมจิ ผมว่าดีแล้วนะที่ตัวตนเดิมของยัยนี่หายไปผมชอบรอยยิ้มที่ดูจริงใจมากกว่ารอยยิ้มที่เต็มไปด้วยปริศนา

    มันเปียกอยู่นะเดี๋ยวเธอก็เปียกไปด้วยหรอก

    ไม่เป็นไรหรอกหน่า ยังไงซะก็เปียกอยู่แล้ว ^O^;”

    นี่ไงละตัวตนของผู้หญิงคนนี้ที่ผมต้องการ J

    ได้แล้วคะคุณ...ดะ...เดรก -O-;” ในขณะที่ผมกำลังมองผู้หญิงคนนี้เสียงเมดก็แทรกขัดจังหวะทำให้สายตาผมตวัดไปมอง -_-*

    นี่พี่ อย่ามองคนอื่นด้วยสายตาแบบนั้นสิมันน่ากลัวนะ

    ช่างเถอะ ตกลงเธอจะอาบน้ำโมจิหรือจะอาบน้ำตัวเองกันแน่ (- -) (_ _) (- -)”

    ก็ไหนๆ ก็เปียกแล้วไง >O<” หึ เป็นบุคลิกแปลกใหม่สำหรับผู้หญิงร้อยเล่ห์อย่างซิดนีย์จริงๆ

    โฮ่งๆ

    อยู่เฉยๆ สิจะดิ้นไปดิ้นมาทำไมวะ -_-^” ขณะที่ผมกำลังเทแชมพูใส่ตัวโมจิเจ้านี่ก็วิ่งไปวิ่งมาจนเทไม่ตรงตัวมันแล้ว

    ตกลงนี่พี่อาบน้ำให้มันเป็นหรือเปล่า - -

    เป็นสิ สายตาแบบนี้ดูถูกฉันเรอะ!”

    เปล่าจ้า~ งั้นฉันจะจับโมจิให้นะ ><!”

    อยากเปียกมากกว่านี้สินะ

    “>O<;”

    ขอมาก็จัดให้ J จบคำพูดผมก็ยกสายยางฉีดน้ำไปที่ซิดนีย์ที่วิ่งหลบพัลวัล คิดเหรอว่าจะพ้น

    โฮ่งๆ ซิดนีย์ที่กำลังจะเดินมาหาผมเพื่อแย่งสายยางก็โดนเจ้าโมจิที่วิ่งเข้ามาข้างหน้าพอดีขวางเอาไว้

    พลั่ก!

    โอ๊ย!” กะแล้วเชียวว่าต้องล้ม -_-^ ยัยนั่นลุกขึ้นมานั่งพร้อมบาดแผลที่คงไถลกับพื้นทั้งหัวเท่าทั้งสองข้างและแขน

    เมด... ไปเตรียมยามา ผมหันไปสั่งเมดที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักก่อนจะทิ้งสายยางแล้วย่อตัวลงตรงหน้าซิดนีย์

    เลือดออกเลย TOT!”

    เธอเป็นคนป็อดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน

    ห๊ะ? TOT”

    ขึ้นมาบนหลังฉันซะจะพาไปทำแผลข้างใน ผมหันหลังให้ก่อนที่ยัยนั่นจะค่อยๆ คลานขึ้นมา

    ไหวแน่เหรอพี่ ฉันหนักนะ ^^;”

    ฉันอุ้มเธอมาหลายครั้งแล้วนะตัวเธอไม่หนักขึ้นหรอก

    ว่าไงนะ? บางทีผมอาจพลาดที่ดันพูดแบบนั้นออกไป บ้าเอ๊ย!

    เดี๋ยวเลือดจะไหลมากกว่านี้รีบเข้าข้างในดีกว่า

    เอ๊ะ? แต่เมื่อกี้...

    เมด กล่องยาเดี๋ยวขึ้นไปวางที่ห้องฉัน ผมตะโกนบอกเมดเพื่อหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามซิดนีย์ จะให้เธอจำได้แล้วผมจะได้กระเด็นออกไปจากชีวิตยัยนี่น่ะเหรอไม่มีวันซะหรอก

    ได้คะๆ -O-;”

    บนห้องเหรอ =O=?

    เธอต้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและล้างแผลก่อน

    ล้างแผล =O=;”

    ใช่ J

     

    ซ่า~!

    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!”

    เว่อร์ไปแล้วซินอยู่นิ่งๆ หน่า -_-^” ทันทีที่ผมเปิดน้ำฝักบัวเพื่อล้างแผลให้ ซิดนีย์ก็สะดุ้งโหยงแทบจะวิ่งหนีถ้าไม่จับตัวเอาไว้

    แต่มันแสบมากเลยนะ

    อย่าเว่อร์ไปหน่อยเลยนิดหน่อยเท่านั้นเองกลับมานั่งที่เดิมเลยซิน!” ผมดึงแขนซิดนีย์ให้กลับมานั่งที่ขอบอ่างจากุซซี่ที่เดิมก่อนจะใช้น้ำฝักบัวล้าง

    มันเจ็บนะ ใช้ราดธรรมดาไม่ได้หรือไง TOT”

    ทำอย่างนั้นสิ่งสกปรกมันจะออกที่ไหน

    พี่สะใจใช่มั้ยที่ทำอย่างนี้ L

    เปล่าเลย J

    ซ่า~!

    ว้ากกก! พี่ทำแรงเกินไปแล้วนะถ้ามันถลอกมากกว่านี้จะทำยังไง!”

    ไม่หรอกหน่า หุบปากแล้วอยู่เงียบๆ ซะ =_=^” หลังจากที่ล้างแผลที่หัวเข่าเสร็จผมก็ดึงแขนซิดนีย์มาล้างต่อมันถลอกเป็นทางยาวจนทำให้ผิวขาวสวยเป็นรอยและมีเลือดซึมออกมา

    ขอโทษนะซินที่ทำให้ผิวสวยๆ เธอเป็นแผลแบบนี้

    ใช่ มันคือความผิดของพี่เลยละ - -*

    ขอโทษนะ

    บางทีฉันก็คิดนะว่าพี่ขอโทษมากเกินไป -_-^ แค่ถลอกนิดเดียวเท่านั้น พี่เป็นอะไรหรือเปล่า? มือเรียวเล็กยื่นมาจับใบหน้าผมดวงตาฉายแววสงสัยปนเป็นห่วง

    เปล่า ผมแตะมือเล็กๆ นั่นอย่างเบามือ ถ้าผมปล่อยวางทิฐิตัวเองในตอนนั้นแล้วล้มเลิกซะบางทีมือคู่นี้อาจจะยังคงจับมือผมอย่างมั่นคงก็ได้

    เปล่าที่ไหน... หน้าพี่ดูเศร้านะ

    งั้นเหรอหน้าฉันมันบอกอย่างนั้นหรอ ผมเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้มันเป็นแรงดึงดูดที่อธิบายยากจริงๆ ทั้งใบหน้าสวยร้ายที่ตอนนี้ไม่มีเครื่องสำอางตกแต่ง นัยน์ตาสีแดงเข้มในกรอบดวงตาเรียวเฉียบคม ผมหน้าม้าแสกกลางที่ถูกเสยขึ้นไปเผยให้เห็นใบหน้าเรียว เรือนผมสีบลอนด์ทองตรงที่ยาวมาถึงกลางหลังที่ผมเคยชอบมัน ริมฝีปากสีอมชมพูที่ผมเคยสัมผัสมันมาแล้วและตอนนี้กำลังคิดจะทำอยู่ด้วย

    พี่...

    “Called me. That you ever summon”

    เดรก... พี่รู้ตัวหรือเปล่ากำลังทำอะไร

    “I know...

    ไม่ พี่ไม่รู้เลย ซิดนีย์เลื่อนใบหน้าเข้ามาเลยกลายเป็นว่าตอนนี้เราทั้งสองคนเคลื่อนเข้าหากันช้าๆ จนผมสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของเธอ

    ปัง!

    เฮียจ๋าาาาาาา~ >O<”

    ริมฝีปากอ่อนนุ่มที่ผมกำลังจะได้สัมผัสมันอีกครั้งเคลื่อนเข้ามาใกล้แต่เพราะเสียงๆ หนึ่งทำให้เธอหยุดชะงัก...

    พี่ซิดนีย์...O_o”

    “O_O! อะ... เอ่อ ขอโทษคะพี่ =O=;;” ซิดนีย์ถอยใบหน้าออกห่างจากผม บ้าเอ๊ย! -__-^ ใครวะที่เข้ามาขัดจังหวะถ้าเป็นเมดผมจะ...

    ดราก้อน - -* ไม่ใช่เมดและไม่ใช่ใครที่นี่นอกจากน้องสาวผมเอง ยัยนั่นมาที่เมืองไทยทำไมกันน่ะ -__- บอกแล้วไงว่าไม่ให้ไปไหนมาไหนคนเดียวแต่นี่มาถึงที่นี่เชียวงั้นรึ! “ฉันบอกแล้วไม่ใช่รึไงว่าห้ามมาคนเดียว

    ฉันเก่งนะ ดูแลตัวเองได้เฮียจะห่วงทำไม - -* ว่าแต่พี่ซิดนีย์เถอะทำไมถึง...อุ๊บ OxO!” ก่อนที่ดราก้อนจะพูดอะไรออกไปผมก็พุ่งไปจัดการปิดปากยัยน้องสาวตัวแสบแล้วลากออกจากห้องน้ำ

    อาบน้ำซะซินเดี๋ยวฉันจะให้เมดเอาเสื้อผ้าขึ้นมาให้

    อะไออะอ๋องเอี่ยอ่อยอั่นเอยอ่ะ!” (อะไรของเฮียปล่อยฉันเลยนะ)

    ปัง!!

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×