คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Remember Test VIII ::: เธอรังเกียจที่จะสัมผัสฉันมั้ย?
8
เธอรังเกียจที่จะสัมผัสฉันมั้ย?
“พวกแกนี่มัน...- -“
ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้นแต่พอทั้งออกัสและชิปเปอร์ลากพี่ไรทอลและเดรกกลับมาที่บ้านพักก็มีบาดแผลเต็มตัวสะบักสะบอมสภาพดูไม่ได้เลยทีเดียว -_- แค่รู้เผินๆ มาว่าทั้งสองต่อยกันจนห้องแต่งตัวเละเทะไปหมดและออกัสกับชิปเปอร์ที่เดินผ่าน (?) ไปเจอเข้าเลยเข้าไปห้ามและไม่วายถูกลูกหลงไปด้วย
“สงสัยต้องพักกองยาว กลับกรุงเทพฯ ดีมั้ย - -“ ยูเรเนียที่นั่งกดรีโมทเปลี่ยนช่องเป็นว่าเล่นด้วยสภาพอาการที่เบื่อเต็มทน
“เอางั้นก็ได้เดี๋ยวค่อยใช้สตูดิโอที่กรุงเทพฯ แล้วกัน -_-” แล้วทำไมไม่ใช้ที่นั่นตั้งแต่แรกก็จบเรื่องบอกแล้วว่าที่มาที่นี่ก็แค่จะหาเรื่องมาเที่ยวเท่านั้น
“โอ๊ย เจ็บๆ >< พวกแกนะ! ฉันไม่น่าเข้าไปห้ามเลย” ออกัสที่นั่งอยู่ข้างๆ ยูเรเนียดิ้นพล่านเมื่อแม่บ้านเริ่มทำแผล ตอนเห็นสภาพนะฉันคิดว่าพวกเขาสี่คนมีปัญหากันซะอีกแต่ที่ไหนได้ - - อีกสองนั้นมีปัญหาส่วนอีกสองนั้นโดนลูกหลง
“ให้ตายสิยะ - - งานที่ดูท่าว่าจะไปได้สวยกลับพังลงตรงหน้า”
“ถึงจะเร็วไปหน่อยแต่สำหรับที่นี่คงคืนสุดท้าย เดี๋ยวจะจัดปาร์ตี้เล็กๆ ที่ชาดหาดแล้วกัน แล้วก็ได้โปรดอย่าทำงานพัง -_-+” พี่ออร์คัสส่งสายตาแบบเจาะจงตัวไปที่เดรกที่นั่งอยู่ข้างๆ ฉันและพี่ไรทอลที่นั่งสุดโซฟาไกลลูกหูลูกตาทีเดียว
“นี่... เดี๋ยวทำแผลให้” ฉันพลิกตัวไปหาคนที่นั่งข้างๆ ที่ไม่ยอมให้แม่บ้านแตะเนื้อต้องตัวเหตุเพราะเป็นคนถือเนื้อถือตัว (กระแดะนัก - -) และจะทำแผลเองซึ่งมันทุลักทุเลมากจนฉันรู้สึกรำคาญตะหงิดๆ
“(- - ) (- -) ( - -)” จบคำถามของฉันเดรกก็หันซ้ายหันขวาเหมือนมองอะไรสักอย่างและสุดท้ายก็ยอมส่งกล่องปฐมพยาบาลมาให้
“คิดถูกแล้วเหรอที่ให้ซิดนีย์ทำ เดี๋ยวแกก็ตายหรอก -_-“ โมมิจิที่นั่งอยู่ข้างๆ เดรกหันมาถามนี่ถ้าไม่เกรงใจฉันจะขว้างด้วยขวดแอลกอฮอล์นี่ซะ =_=^
“เทแอลกอฮอล์มาเช็ดรอบๆ แผล... ถ้าฉันบอกเธอก็จะทำได้ใช่มั้ย?” น้ำเสียงอ่อนโยนกับสายตาที่มองมานั่นมันอะไรกัน แต่ฉันเชื่อจริงๆ นะบางทีเดรกอาจจะเป็นคนรักของฉันก็ได้ตอนที่ภาพนั้นปรากฎขึ้นมาในหัวน่ะมันเป็นภาพที่ชัดเจน ผู้ชายคนนั้นพร่ำบอกรักฉันและแววตาฉันที่มองผู้ชายคนนั้นมันตอบรับกับสิ่งที่เขาพูดมา เขาว่ากันว่าแววตาไม่เคยโกหกนั้นเป็นเรื่องจริงใช่มั้ย?
“อืม” แต่ทำไมทุกคนถึงได้บอกกันว่าฉันกับเขาไม่ใช่คนรักกันแถมเจ้าตัวยังยืนยันแบบนั้นแล้วภาพในหัวฉันมันอะไรกันแน่ ความฝันเรอะ? แต่สิ่งที่ยูเรเนียพูดตอนนั้นก็มีประเด็นให้คิดเหมือนกันนะ
‘ฉันเป็นพยานให้เอามั้ย... ถ้าหล่อนจำได้ทั้งหมดคงไม่อยากสัมผัสถูกตัวหมอนั่นเลยทีเดียว J’
ใช่... ยัยนั่นพูดแบบนั้น
“เดรก ความจริงเรารักกันใช่มั้ย?” เสียงร้องโอดโอยของออกัสเงียบลงทันทีและทีวีที่ถูกเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาหยุดค้างอยู่ช่องเดิมเมื่อฉันถามออกไป มั่นใจได้เลยว่าคนรอบข้างคงจะได้ยินคำถามนั้นบรรยากาศเลยเงียบผิดปกติแบบนี้ แต่สิ่งที่ฉันอยากรู้เรื่องคนรอบข้างนั้นไม่สมควรแคร์
...
ความเงียบที่ไม่ได้คำตอบนั้นทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นไปสบนัยน์ตาสีน้ำเงินที่จ้องมองด้วยสายตานิ่งๆ แต่ลึกๆ กลับสั่นไหวรุนแรงอย่างกับพายุ
“ใช่... เรารักกัน”
จึก!
“ว้ายยย ขอโทษคะคุณไซทีรอสดิฉันไม่ได้ตั้งใจเจ็บหรือเปล่าคะ -()-;;” ทันทีที่คำตอบออกจากปากเดรกเสียงจึกที่ได้ยินชัดเจนพร้อมกับเสียงเมดร้องขอโทษ สายตาฉันจึงหันไปดูเหตุการณ์แต่สายตาดันสบกับนัยน์ตาสีดำสนิทที่จ้องมองมาด้วยแววตาว่างเปล่า
“ไม่เจ็บหรอก...” และเมื่อเขายืนยันแบบนั้นฉันก็เบนสายตากลับมาทำแผลให้เดรกต่อ
“ขอประธานโทษคะ (_ _; ) มันเป็นความสะเพร่าของดิ...”
“ไม่สิ... จริงๆ แล้วฉันโกหกมันเจ็บมากๆ เลยต่างหาก” บรรยากาศที่ดูท่าว่าจะกลับเป็นปกติก็ต้องกลับมาคุอีกครั้งเมื่อประโยคนั้นหลุดออกมาฉันจึงเงยหน้าขึ้นไปมองเหตุการณ์อีกครั้งและคราวนี้ฉันเห็นแววตาของเขาปรากฎความเจ็บปวดรุนแรงจนอดสงสารไม่ได้ แววตานั่นมันทำให้ฉันรู้สึกอยากปล่อยมือจากเดรกไปปลอบโยนพี่ไรทอล
“เอาละ ไปกันเถอะยูเรเนียต้องเคลียร์สตูดิโอและแจ้งข่าวเรื่องเราจะกลับกับทุกคน” และคำพูดตัดบททั้งหมดของพี่ออร์คัสทำให้บรรยากาศอันน่าอึดอัดคลีคลายไปได้
“ได้สิ ฉันก็อยากไปให้พ้นๆ กับไอ้บรรยากาศงี่เง่านี่เต็มทน อยากจะอ้วกออกมาให้รู้แล้วรู้รอด -_-*” ผู้หญิงคนนี้... ช่างแดกดันเป็นเลิศ =O=;
“เอาอาหารกลางวันไปให้ฉันข้างบนแล้วกันส่วนที่เหลือฉันจัดการเอง” พี่ไรทอลเบือนหน้าไปเก็บกล่องปฐมพยาบาลแล้วบอกกับแม่บ้านก่อนจะเดินขึ้นไปข้างบน ส่วนคนที่เหลืออื่นๆ ก็เริ่มแยกย้ายกันไปทำกิจกรรมในโลกส่วนตัวของตัวเอง
“เจ็บหรือเปล่า?” เมื่อทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ (?) ฉันก็หันมาจัดการกับบาดแผลรอยฟกช้ำที่ใบหน้าของเดรก แต่ฝ่ามือของเขายกขึ้นมากุมมือฉันที่กำลังทำแผลอยู่นั่นทำให้ฉันชะงัก “เจ็บเหรอ?”
“ฉันดีใจมาก ที่เธอจำฉันได้ ^^”
“แสดงว่าเราคือคนรักกันจริงๆ ใช่มั้ย”
“ไม่ใช่หรอก บอกไปแล้วนี่ว่าเราไม่ใช่คนรักกัน”
“แล้วเรารักกันได้ยังไง? นายบอกนี่ว่าเรารักกัน!” ตกลงเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ไม่ใช่คนรักแต่กลับรักกันได้ภาพในหัวฉันตอนนั้นมันปรากฏภาพของคู่รักนะ!
ปัง!!
จู่ๆ เสียงปิดประตูที่รุนแรง ดังขึ้นข้างบนสายตาทุกคนที่อยู่ข้างล่างมองขึ้นไปที่ประตูห้องของพี่ไรทอล
หลังจากสภานการณ์นั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาอีกแม้กระทั่งเดรกที่ฉันพยายามจะถามแต่เขากลับเลือกที่จะเงียบไม่ตอบคำถามของฉัน
วันต่อมา...
ฉันกลับมาถึงที่บ้านโดยสวัสดิภาพ ปาร์ตี้เมื่อคืนเป็นแค่ปาร์ตี้เล็กๆ ที่จัดเพื่อฉลองสำหรับที่เกาะนั้นส่วนถ้าปิดกองเมื่อไหร่จะจัดใหญ่อีกทีที่กรุงเทพฯ
“เดี๋ยววันที่เธอไปทำงานพี่จะให้ออร์คัสมันรับเธอไปที่บริษัทนะ”
“ไม่ต้องก็ได้ ฉันอยากไปเองน่ะ” อยากทำอะไรด้วยตัวเองบ้างไม่ใช่ให้พี่ออร์คัสไปรับไปส่งโดยคำสั่งพี่ซีลอน
“เดี๋ยวเธอก็หลงหรอก -__-^”
“ฮ่าๆ ฉันโตแล้วนะพี่ ถึงแม้ความจำจะยังไม่สมบรูณ์แต่มันก็ยังเริ่มใหม่ได้ถูกมั้ย? ^^”
“แต่เธอเพิ่งไปครั้งแรกไม่ใช่เหรอไง เธอจะรู้จักเส้นทางที่ไหนกัน”
“พี่ก็บอกฉันสิ... ฉันมั่นใจว่าพี่ไปถูก ^^”
“เฮ้อออ เธอนี่ดื้อไม่เคยเปลี่ยนจริงๆ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้พี่จะให้แผนที่เธอไปเองแล้วกันถ้าไปไม่ถูกยังไงก็โทรมา โอเค้?”
“โอเคคะ ^^”
ปกติฉันคงดื้อมากสินะ แต่ถ้าฉันเป็นคนนิสัยแบบนั้นทำไมพี่ซีลอนถึงได้เป็นห่วงขนาดนี้กันนะ
สามวันถัดไป...
เช้าวันนี้ฉันตัดสินใจว่าจะมาเองโดยพี่ซีลอนให้ขับรถไปเองพร้อมกับแผนที่เส้นทางในแผ่นกระดาษ ตอนแรกฉันก็ขับรถไม่เป็นหรอกแต่เพราะตลอดสามวันพี่ซีลอนว่างทั้งวันเลยสอนฉันขับรถอีกอย่างต้องรอให้รอยฟอกช้ำของทั้งเดรกและพี่ไรทอลหายซะก่อนถึงจะถ่ายทำต่อไป
ปึง!
แต่ในระหว่างที่ฉันเปิดประตูรถเพื่อลงไปเสียงดังเสียงหนึ่งก็เกิดขึ้นและรู้สึกแรงสั่นสะเทือนเหมือนฉันจะเปิดประตูไปโดนอะไรสักอย่างที่มีเสียงร้อง - -*
“โอ๊ยย” มั่นใจแล้วว่ามันไม่ใช่สิ่งของแต่เป็นคนแน่ๆ -O-;
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?” ฉันลงจากรถแล้วเดินไปดูผู้หญิงคนนั้น เธอพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นก่อนที่ฉันจะถึงตัวซะอีก =O= จะว่าไปเธอคนนี้แต่งตัวได้เซ็กซี่สุดๆ ไปเลยละทั้งชุดลายเสือดาวและรองเท้าลายเดียวกันมันทำให้เธอดูฮอตสุดๆ
“ไม่เป็นไร ฉันยังสบายดี” เธอยิ้มบางๆ ให้ก่อนจะหมุนตัวเดินไป ขนาดยิ้มยังดูน่าหลงใหลเลยนะเนี่ย
ฉันล็อกรถและเดินเข้ามาในบริษัทซึ่งมีพนักงานสาวคนหนึ่งรอต้อนรับฉันโดยเฉพาะ (?) อยู่แล้ว ทันทีที่มาถึงห้องสตูดิโอที่มีคนในชมรมการแสดงวิ่งกันพลุกพล่านเพื่อเตรียมงานให้ทันกำหนดการแสดง ดูเหมือนที่นี่จะมีแต่คนของชมรมการแสดงสินะ
“กำลังรออยู่พอดีเลยซิดนีย์” ฉันสะดุ้งเมื่อพี่นาร์เซียร์เดินเข้ามาทักและลากฉันไปที่ห้องแต่งตัว “ใส่เองได้ใช่มั้ยชุดนี้ ^^”
“ได้คะ” ฉันรับชุดกระโปรงยาวแบบพวกเจ้าหญิงในนิทานไรงี้มา ถึงมันจะใส่ยากแต่ฉันคิดว่าใส่ด้วยตัวเองได้
“ถ้างั้นพี่ไปดูงานข้างนอกก่อนนะ อีกห้านาทีพี่จะเข้ามาแต่งหน้าให้”
“คะ (- -) (_ _) (- -)” ฉันพยักหน้ารับก่อนที่พี่นาร์เซียร์จะเดินออกไป ฉันจึงถือชุดนั้นเดินไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่มีห้องเดียวและดูจากข้างนอกมันเป็นแค่ห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ห้องแต่งตัวนี้ก็แสนจะกว้างใหญ่แต่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้ามีแค่นี้งั้นเรอะ
แกร๊ก... แอ๊ดดดดด~
“หืม... O_O!” ดวงตาฉันเบิกกว้างเมื่อเปิดประตูห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าออกแล้วเห็นพี่ไรทอลเปลือยท่อนบนและกำลังจะปลดตะขอกางเกงเงยหน้าขึ้นมองฉัน “ต้องขอโทษด้วยซิดนีย์ไม่รู้ว่าพี่อยู่ในนี้ -_-“
แกร๊ก...
ฟึ่บ!
ฉันตะหวัดสายตาไปมองประตูห้องแต่งตัวที่มีคนด้านนอกเปิดเข้ามาแต่ก่อนที่ฉันจะได้เห็นว่าใครมือๆ หนึ่งของคนในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ยื่นมาดึงร่างฉันเข้าไป
“พี่จะทำบ้าอะไรน่ะ -__-^”
“เงียบๆ เถอะหน่าซิดนีย์” ท่อนแขนแข็งแรงของพี่ไรทอลโผเข้ามากอดรัดตัวฉันไว้จากด้านหลังและมันแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ จนฉันได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวเขา
“ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าไม่ต้องมาที่นี่ กลับไปซะ -_-“ แต่เสียงข้างนอกก็ทำให้ฉันชะงักได้มันเป็นเสียงของเดรกที่เหมือนจะคุยกับใครอีกคน
“คิดว่าฉันมาที่นี่ด้วยเหตุผลอะไร? นายรู้ดีอยู่ไม่ใช่หรือไง” ฉันที่กำลังจะสะบัดตัวเพื่อออกไปข้างนอกก็ต้องหยุดไว้เมื่อเสียงผู้หญิงโต้ตอบบทสนทนานั้น
“เหอะ... เพิ่งรู้ว่าเธอสนใจเรื่องนั้นด้วยเหมือนกัน กลับไปซะอย่าให้ฉันต้องใช้วาจาหยาบคายไล่เธอ =_=”
“โดยปกตินายเคยใช้วาจาที่เหมาะสมกับผู้หญิงแล้วเหรอ ช่างเถอะฉันไม่ถือสา”
“โดยปกติฉันเลือกคนปฏิบัติน่ะ J”
“ไอ้คนสองมาตรฐาน... แล้วโดยปกตินายคิดว่าฉันมีแรงจูงใจอะไรถึงมาหานายละ”
“สมบัติและชื่อเสียงของฉัน -_-“
“แค่นั้นเหรอ?”
“เพราะฉันหน้าตาดี ฟีโรโมนน่าดึงดูด :p”
“เอาเป็นว่าฉันเลือกสองอันบนส่วนสองอันล่างฉันยังหาได้อีกเยอะ -_-“
“ฉันให้สิทธิ์เธอเลือกตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“โดยปกติคนอย่างฉันไม่เคยขอสิทธิ์ใคร :p”
“อยู่เงียบๆ นะซิดนีย์” เสียงกระซิบแหบๆ แต่ฟังแล้วใจสั่นอย่างประหลาด ฉันหมุนตัวไปหาเขาเมื่อพี่ไรทอลคลายอ้อมกอดบางทีฉันก็คิดนะว่าผู้ชายคนนี้อาจเกี่ยวข้องกับความจำของฉันแต่ภาพในครั้งนั้นมันชัดเจนว่าฉันกับเดรกเราเป็นคนรักกันแต่เขากลับปฏิเสธว่าไม่ใช่
“พี่... จริงๆ แล้วพี่มีความเกี่ยวข้องยังไงกับฉันกันแน่” สองมือฉันยกขึ้นประคองใบหน้าเรียวได้รูปนั้นอย่างทะนุถนอม นัยน์ตาสีดำสนิทจ้องมองฉันอย่างงุนงง
“พี่เลี่ยงตอบได้หรือเปล่า?”
“ฉันอยากได้คำตอบน่ะ”
“ถ้างั้นพี่ก็ต้องขอโทษด้วยเพราะมันยังไม่ถึงเวลาที่เธอสมควรจะรู้ พี่ไม่สามารถบอกเธอได้หรอก”
“ความทรงจำฉันมันน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยเหรอ แม้กระทั่งพี่ซีลอนยังต้องปิดบังเลย” มือของฉันที่สัมผัสใบหน้าเรียวนั่นค่อยๆ เลื่อนถอยลงแต่จู่ๆ มือของพี่ไรทอลก็ยกขึ้นมาจับมือฉันแนบไว้กับใบหน้าเขาซะก่อน
“ความทรงจำมันเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าเป็นความทรงจำที่เจ็บปวดเป็นความทรงจำที่น่าเศร้าถึงจะภาวนาให้ลืมยังไงมันก็ยังคงอยู่”
“พี่กำลังจะบอกว่าความทรงจำฉันเป็นความทรงจำที่เจ็บปวดและน่าเศร้าเหรอ?”
“พอเท่านั้นละ พี่ไม่อยากพูดเรื่องความทรงจำของเธออีกแล้วนะ”
“ทำไมละ?”
“เพราะถ้าขืนยังพูดอีกต่อไปพี่จะ ‘ไม่ให้อภัย’ เธอเลย” ดวงตาเรียวคมนั้นค่อยๆ ปิดลงช้าเหมือนกำลังรวบรวมสติ ได้โอกาสฉันจึงกวาดสายตามองทั่วใบหน้าเรียวนั้น ดูหล่อมหาศาลทีเดียวไม่อยากเชื่อว่าฉันจะได้สัมผัสเนื้อตัวของผู้ชายคนนี้ “ซิดนีย์...”
“หือ?”
“เธอรังเกียจที่จะสัมผัสฉันมั้ย?” ดวงตาที่ปิดสนิทอยู่เปิดขึ้นมาอีกครั้งนัยน์ตาสีดำจ้องลึกเข้ามาในนัยน์ตาสีแดงเข้มของฉัน
“ไม่ ฉันไม่รังเกียจพี่เลย”
“ถ้างั้น สัมผัสฉันให้มากกว่านี้อีกสิ” ฝ่ามือที่กุมมือฉันอยู่เลื่อนลงมาโอบเอวฉันไว้ แววตาที่แสนเศร้านั้นดึงดูดให้ใบหน้าฉันขยับเข้าไปใกล้ตามคำสั่งทั้งๆ ที่รู้ตัวแต่ก็ยังอยากทำ
ฉันอยากสัมผัสลมหายใจอุ่นๆ นั่น อยากแตะริมฝีปากนั่นอีกครั้ง... สายตาที่มีเสน่ห์ดึงให้ฉันอยากจะสัมผัสร่างกายของเขาให้มากกว่านี้
แกร๊ก!
“พอกันที ฉันจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะฉะนั้นกลับไป...!!” ใกล้แล้วฉันใกล้จะได้ลิ้มรสริมฝีปากที่หอมหวานนั้นอีกครั้งแล้ว
“อะไรเหรอ? ตกใจอะไรงั้นหรอ... โอ้โหแม้แต่ในห้องสี่เหลี่ยมแสนแอดอัดนี่ก็ยังร้อนแรงได้ -O-;”
ฉันสัมผัสได้แล้ว... ลมหายใจอุ่นๆ กับสายตาร้อนแรงที่เพิ่มขึ้นทวีคูณพร้อมจะแผดเผาฉันให้กลายเป็นจุลในพริบตา
“ซิดนีย์ >O< ใส่ชุดเสร็จแล้วใช่มั้ยเอ่ย อะ... เอ่อ...” เสียงหนึ่งทำให้สติฉันกลับเข้ามาอีกครั้งถึงแม้ว่าจะรู้สึกตัวว่าทำอะไรแต่ฉันห้ามตัวเองไม่ได้และเหมือนว่าคนที่กอดฉันอยู่จะรู้ตัวเหมือนกัน
“กรอด~” เสียงขบฟังดังอยู่ใกล้ๆ สายตาฉันหันไปมองและพบว่าที่ประตูห้องเปลี่ยนเสื้อผ้านั้นมีเดรกที่ปั้นหน้าทมึนทึงเตรียมพร้อมที่ระเบิดจะลงทุกเมื่อ ข้างๆ นั้นเป็นผู้หญิงคนเดียวกับที่ฉันเปิดประตูชนเธอที่ลานจอดรถนั่นเอง!
แต่ที่น่ากลัวกว่านั้นคือประโยคถัดมาที่เดรกเอ่ยลั่นจนน่ากลัว “บังอาจขนาดนี้เตรียมตัวตายหรือยัง...ไซทีรอส!”
ถือว่าโชคดีมากๆ ที่เสียงของเดรกที่ออกมาด้วยโทสะดังมากพอที่จะทำให้คนในสตูดิโอได้ยินและวิ่งกรูเข้ามาลากผู้ชายบ้าเลือดคนนี้ออกไปก่อนที่จะเกิดสงครามครั้งที่สองและจะทำให้งานล่าช้ามากกว่าเดิม
แต่ก็ต้องล่าช้าจริงๆ นั้นละเพราะต้องให้เดรกสงบสติอารมณ์ซะก่อนไม่งั้นตอนเข้าฉากถ้าอยู่ใกล้กันเกินไปอาจจะเกิดปัญหาได้
“จริงๆ ฉันว่ามันไม่เกี่ยวกับบทแล้วละ ก่อนจะเอาใครมาแสดงเป็นตัวหลักคิดนิดนึงก็ดีนะคุณชายเธซีลอน” ได้ทียูเรีเนียที่นั่งอยู่ด้วยสีหน้าเบื่อจัดก็กัดเข้าซะได้
“ฉันว่ามันเป็นบทที่น่าสนใจมากทีเดียวแต่คิดหน่อยก็ดีที่จะหานักแสดงน่ะ” ผู้หญิงคนนั้นเธอชื่อ ‘แคมิลา ดัชเชส’ ในมือมีบทละครเรื่องสั้นที่เธอเห็นกวาดสายตามองผ่านๆ
หลังจากเหตุการณ์นั้นพี่นาร์เซียร์ก็บอกว่าเธอเป็นคู่หมั้นของเดรกและอีกไม่นานทางผู้ใหญ่จะจัดงานแต่งอย่างเป็นพิธีให้ ซึ่งมันจะเร็วไปหน่อยสำหรับเด็กม.ปลายอนาคตยังอีกไกลแต่ถ้าเป็นบุตรหรือบุตรีคนใดคนหนึ่งในสิบตระกูลนั้นเรื่องอายุนั้นไม่เกี่ยวข้องกับงานแต่ง เพื่อที่จะรักษาตระกูลต่อไปไม่ก็เพื่อผลประโยชน์ทางการเงินจึงจำต้องแต่งแม้จะคลุมถุงชนก็ตาม
แต่ฉันก็ได้ยินมาว่าเดรกน่ะดื้อมากการที่จะจับตัวผู้ชายคนนี้คลุมถุงชนนั้นยากมากกว่า เขาไม่เคยยอมตกลงทำตามความเห็นใครง่ายๆ (นอกเสียจากถ้าพอใจและเห็นว่ามันมีประโยชน์มากพอ) นอกจากความคิดของตัวเอง
“ใครเป็นคนเขียนบทนี้งั้นเหรอ?” หลังจากที่พี่ออร์คัสทิ้งตัวนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ ดัชเชสเธอก็หันไปถามเขา
“ไม่รู้สิ... ตอนที่เจอมันวางอยู่บนโต๊ะฉันและคิดว่ามันน่าจะเป็นบทที่ดีเลยเอามาแสดงเป็นละครเรื่องสั้น” วางอยู่บนโต๊ะงั้นเหรอ -O-; เป็นอะไรที่ดูลึกลับมากทีเดียว “ส่วนเรื่องตัวละครหลักนั้นมันก็ถูกกำหนดมาไว้แล้ว”
“ถูกกำหนดเหรอ =O=?” พอได้ยินแบบนั้นฉันก็ชะโงกหน้าไปถามพี่ออร์คัส ถ้าบอกว่าถูกกำหนดแล้วตัวละครเอกเรื่องนี้ทำไมต้องเป็นฉัน?
“อืม... ไม่ต้องถามรายละเอียดหรอกเพราะพี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ^_^” ชักจะยังไงๆ แล้วสิ รู้สึกเหมือนเป็นผู้ถูกเลือกอย่างไงอย่างงั้น -O-;
“(- -)” จากที่นั่งคิดอะไรเพลินๆ ก็ต้องสะดุดเมื่อรู้สึกถึงสายตาคู่หนึ่งที่มองมาและเมื่อกวาดสายตามองรอบๆ ก็พบกับนัยน์ตาสีนน้ำเงินที่จ้องมองมาด้วยสายตาเพ็งเล็ง - -*
“เธอมองอะไรงั้นเหรอ?” เสียงของคนที่นั่งข้างๆ ฉันเอ่ยถามนั่นทำให้ฉันสะดุ้งและละสายตาจากนัยน์ตาสีน้ำเงินคู่นั้นมาเป็นหญิงสาวสวยที่นั่งข้างๆ
“ปะ... เปล่าน่ะ -O-;”
“แต่คู่หมั้นฉันมองเธออยู่นะ” เรื่องนั้นฉันรู้แล้วหน่า =O= แต่จะบอกฉันเพื่ออะไรกัน
“เขาคงมองเธอแหละ - -;”
“เธอคิดว่าฉันโง่เหรอไงถึงขนาดกับดูไม่ออกว่าเขามองใคร“ ฉันหันไปมองเสี้ยวใบหน้าสวยที่สายตาของเธอเหม่อมองไปทางอื่น ไม่ใช่ทางอื่นสิแต่เธอกำลังมองผู้ชายคนหนึ่งที่เดินเข้ามาในสตูดิโอต่างหาก
“แกมาทำอะไรที่นี่ - -?” พี่ออร์คัสทักขึ้นเมื่อผู้ชายคนนั้นเดินเข้ามาถึงตัว ฉันเคยเห็นคนๆ นี้ในรายการทีวีบ่อยๆ เขาคือ ‘เธซีรอน วอลคัล’ หนึ่งในสมาชิกวง Uranus ที่กำลังโด่งดังอยู่ในขณะนี้ ออร่าซุป’ตาร์เปล่งประกายจนน่าหมั่นไส้เลยละ - -;
“ฉันกำลังจะกลับห้องแต่บังเอิญลืมกุญแจห้องไว้แล้วได้ข่าวว่าแกมาทำกิจกรรมชมรมที่สตูดิโอสามเลยลงมาเอากุญแจน่ะ -_-“
“อ้อเหรอ” พี่ออร์คัสทำหน้าว่าเข้าใจแล้วก่อนจะหยิบกุญแจแล้วโยนให้ แต่นัยน์ตาสีฟ้าทะเลของวอลคัลดันหันมาทางนี้ไม่สิ... หันมามองคนที่อยู่ข้างๆ ฉันมากกว่าเพราะงั้นทำให้มือที่เตรียมจะรับกุญแจนั้นพลาดทำให้กุญแจตกลงพื้น
“ดัชเชส...” ฉันหันมองคนที่ถูกเรียกชื่อ ใบหน้าสวยนั้นมองวอลคัลอย่างเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ทั้งนั้นต่างจากวอลคัลที่ตกใจจนเห็นได้ชัด
“เอาละ เอานี่ไปแล้วกลับไปซะ - -“ ในบรรยากาศแบบนั้นจู่ๆ ออร์คัสก็เดินไปเก็บกุญแจแล้วยัดใส่มือพี่ชายก่อนจะลากคอให้ออกไปจากสตูดิโอ
ปัง!
ความคิดเห็น