ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Sakura begins : 08
เสียงออดบอกเวลาพักเที่ยงดังขึ้นทำให้เปลือกตาบางกระพริบเปิดอย่างช้าๆ แสงสว่างจ้ากระทบเข้าตาก่อนจะค่อยคลายให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาคุ้นเคยกำลังมองตรงมาด้วยรอยยิ้มกริ่ม มิราอิขมวดคิ้วเล็กน้อยในขณะที่กำลังรวบรวมสติให้เข้าที่หลังจากที่นอนไม่รู้เรื่องมานานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ แต่พอทุกอย่างเริ่มชัดเจน คนที่สมควรจะนอนหลับควรจะเป็นคนที่กำลังยิ้มอยู่ตรงหน้าไม่ใช่หรือ แล้วทำไมเธอถึงได้มานั่งหลับพิงไหล่หมอนี่เฉยเลย
"เฮ้ย!"
มิราอิร้องเสียงหลงก่อนจะรีบดีดตัวออกห่างร่างสูงไปเป็นเมตร เรียวสุเกะขำก่อนจะพูดแหย่ออกไป
"หลับสบายดีมั๊ย"
มิราอิทำหน้าเลิกลั่ก แก้มขาวรู้สึกร้อนฉ่าจนแดงก่ำ อับอายเกินกว่าจะสู้สายตาล้อเลียนที่อีกคนกำลังมองมา ไม่รู้ว่าตัวเองเผลอหลับไปตอนไหนทั้งที่ในตอนแรกไม่เต็มใจจะเข้ามาที่นี่ด้วยซ้ำ แต่จะให้มิราอิยอมรับอย่างง่ายดายก็คงจะไม่ใช่ ร่างเล็กจึงได้แต่เขม่นมองอีกคนตาคว่ำ ริมฝีปากกระจับแดงเม้มกัดแน่นก่อนจะว่าให้อีกฝ่ายเสียงเบา
หันมาตอบเสียงร้องห้ามที่คนตัวเล็กส่งสายตาขอร้องมา ตั้งแต่เด็กเรียวสุเกะไม่เคยยอมให้ใครมากลั่นแกล้งยูมิกะได้ และตอนนี้ก็ไม่ต่างกัน ถึงแม้อีกฝ่ายจะทำเพราะมีใจให้กับเขาแต่การมาทำร้ายคนที่เขารักก็ใช่ว่าเรียวสุเกะจะยอมให้อภัย ร่างสูงเดินกลับห้องสวนทางกับมิราอิที่เดินออกมา แต่เด็กหนุ่มไม่ได้หันมามองอย่างเคย ดวงตาคมเพ่งมองไปที่จุดเดียวคือกลุ่มเด็กสาวหลังห้องที่พอเห็นเรียวสุเกะเดินหน้าเครียดเข้ามาก็ต่างพากันลุกลนในทันที
"ขอคุยด้วยหน่อย"
คนตัวสูงพูดแล้วเดินแยกจากไปท่ามกลางสายตาของใครหลายคนที่คอยเฝ้าสังเกต การณ์ มารูโกะร้องไห้โฮออกมาแต่เมื่อถูกเพื่อนสาวลากตัวให้ออกไปและพวกเธอเองก็ไม่ กล้าที่จะขัดใจคนตัวสูงจึงได้แต่เดินตามออกไปอย่างว่าง่ายทั้งที่ในใจก็ หวั่นกลัวว่าถูกเรียวสุเกะเกลียดเข้าแล้วแน่ๆ
"ยามาดะกลัวจังอ่ะ"
ฮารุกะหันมากระซิบกับมิราอิหลังจากที่เหตุการณ์สงบลง เธอยังคงไม่ออกความเห็นใดๆ ในขณะที่สายตามองตามแผ่นหลังกว้างไปจนสุดสายตา
.
.
.
ชั่วโมงเรียนคาบบ่ายกลุ่มของมารูโกะไม่ได้กลับเข้ามาเรียน มีเพียงคนตัวสูงที่ยังนั่งนิ่งหน้าเฉยจนเพื่อนที่สงสัยไม่กล้าเข้าไปถามว่า เกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งเลิกเรียนเรียวสุเกะก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่มิราอิกำลังตัดสินใจว่าจะเข้าไปที่ชมรมดนตรีดีหรือเปล่า เพราะถึงแม้จะไม่เต็มใจแต่เธอก็ได้ขึ้นชื่อว่าสมาชิกคนหนึ่งเหมือนกัน
"อ่าวชิดะ ชอมาซากิล่ะหายไปไหนแล้ว"
ยูโตะเดินแบกกีต้าร์เข้ามาถามพลางมองหาอีกคนล่อกแล่ก มิราอิส่ายหน้า
"ไปชมรมเบสบอลแล้วล่ะ แล้วนี่เราต้องเข้าไปชมรมด้วยหรือเปล่า"
"ไม่ต้องไปก็ได้นะ วันนี้ก็คงไม่ได้ทำอะไรเหมือนเดิม ไอ้เรียวสุเกะก็ไม่เข้าชมรมวันนี้เห็นบอกจะไปส่งยูมิกะที่บ้าน คงกลัวว่าจะมีใครมาทำร้ายอีก ฉันก็กะจะโดดเหมือนกัน ซิมาซากิไม่ไปก็ไม่มีกำลังใจแล้ว" ยูโตะบ่นแล้วเดินคอตกออกไป ทิ้งไว้ให้รมิราอิได้แต่ส่ายหน้าไม่รู้จะสงสารใครดีระหว่างนากาจิม่ากับฮารุกะเนี่ย
เรื่อยมาจนกระทั่งก่อนวันหยุดสุดสัปดาห์ เรียวสุเกะยังคงแวะเวียนไปห้องเอทุกครั้งที่มีเวลาว่างจนจะกลายเป็นเด็กห้องเอไปแล้ว ส่วนพวกมารูโกะก็กลับมาเรียนตามปกติแต่ดูเหมือนจะท่าทางจ๋อยๆ กว่าปกติ มิราอิเองก็อยากจะให้มันเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ เพราะหมอนั่นไม่ได้มาแหย่มาแกล้งอย่างเคยทำให้เธอรู้สึกว่าชีวิตที่สงบ เงียบได้กลับมาอีกครั้ง
มิราอิคิดพลางเดินไปตามถนนเพื่อตรงไปยังร้านสะดวกซื้อเมื่อเป่ายิงฉุบแพ้พี่สาวที่ตกลงกันว่าใครแพ้จะต้องเป็นคนออกมาซื้อไอศครีมรสวานิลลาทั้งที่ตอนนี้ ก็เป็นต้นฤดูใบไม้ผลิอากาศก็ออกจะเย็นแท้ๆ
คนตัวเล็กเดินเข้าไปในร้านตรงไปยังตู้ไอศกรีม ในขณะที่กำลังเลือกหายี่ห้อที่ชอบสายตาก็เหลือบไปเห็นเรียวสุเกะกำลังนั่งอ่าน หนังสืออะไรสักอย่างบนเก้าอี้ในขณะที่ลูกสาวเจ้าของร้านกำลังยืนประจำแหน่งหน้าเคาน์เตอร์ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลกัน โชคดีที่ระยะทางจากที่มิราอิยืนอยู่มีแผงขนมกั้นทำให้สามารถหลบสายตาจากคนทั้ง คู่ได้
แต่มิราอิไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องหลบด้วย
"เรียวสุเกะคุงไม่ต้องคอยตามดูแลเราตลอดเวลาแบบนี้ก็ได้นะ เราไม่เป็นอะไรแล้ว" ยูมิกะบอกเสียงอ่อนในขณะที่เดินเข้ามาหาคนตัวสูงซึ่งละสายตาจากหนังสือ วารสารดนตรีขึ้นมามองคนตัวเล็กที่กำลังทำหน้าลำบากใจมาให้
"ยูมิกะรำคาญเหรอ"
"ไม่ใช่แบบนั้นนะ คือเราแค่อยากจะบอกว่าเราดูแลตัวเองได้" ฟังคำบอกเล่าของยูมิกะแล้วเรียวสุเกะก็ยิ้มก่อนจะดึงแขนร่างเล็กให้นั่งลง เคียงข้างพลางใช้มือลูบไปตามใบหน้าใสแผ่วเบา ซึ่งยูมิกะก็ได้แต่มองท่าทางเอาใจใส่ของอีกคนตาใส
"เห็นแล้วครับว่าดูแลตัวเองได้ แต่คิดถึงนี่ อยากอยู่ใกล้ๆ ไม่ได้เลยเหรอ" ว่าพลางส่งสายตาอ้อนจนยูมิกะต้องเผลออมยิ้มตาม แก้มขาวแดงเรื่อได้อย่างน่ามองก่อนที่คนตัวเล็กจะแกล้งทำหน้าดุ
"กลับบ้านได้แล้วนะ ดึกแล้ว"
"ไม่เอา วันนี้จะนอนที่นี่"
"เอาจริงเหรอ"
"จริงสิ หรือว่ายูมิกะจะไล่ฉันกลับอีก"
ยูมิกะมองคนตัวสูงตาคว่ำอย่างไม่จริงจัง กำลังจะตอบกลับไปก็มีลูกค้าเดินมาจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์พอดี
"คิดเงินด้วยค่ะ"
ยูมิกะรีบผละจากเรียวสุเกะตรงไปเคาน์เตอร์ซึ่งเรียวสุเกะเองก็มองตามไป พอเห็นว่าเป็นใครริมฝีปากบางก็กดยิ้มลึกพร้อมกับจ้องมองตาไม่กระพริบ
"ทั้งหมด 1250 เยนค่ะ"
มิราอิล้วงเงินออกมาให้แล้วก็ดันเผลอไปสบตากับคนตัวสูงที่เพ่งมองมาอยู่แล้ว ร่างเล็กหันหน้าหนีทันที จริงๆ แล้วเธอก็ไม่ได้อยากจะเข้ามาขัดจังหวะสักเท่าไหร่หรอก เพียงแต่เธอเองก็รีบกลับบ้านเหมือนกันนี่นา จะให้มารอให้คนทั้งคู่อี๋อ๋อกันให้เสร็จมีหวังคงต้องรอจนถึงเช้า
แล้วใครมันจะไปรอได้จนถึงตอนนั้น
เมื่อรับของและเงินทอนมาแล้วคนตัวเล็กก็เดินดุ่มๆ ออกไปจากร้านโดยไม่หันมาทักทายเพื่อนร่วมห้องเลยแม้แต่น้อย เรียวสุเกะมองตามแล้วก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับหันไปหายูมิกะที่กำลังจะเดินเข้ามา หา
"ฉันว่าฉันกลับบ้านก่อนดีกว่า ยูมิกะจะได้เวลาปิดร้านแล้วนี่"
"อื้อ"
ยูมิกะพยักหน้าให้ถึงแม้จะแปลกใจนิดหน่อยที่จู่ๆ เรียวสุเกะก็เกิดเปลี่ยนใจทั้งที่ตอนแรกออกจะรั้นไม่ยอมกลับบ้าน สงสัยตอนแรกคงต้องการจะแหย่เขาเล่นอีกแล้วเป็นแน่
"กลับดีๆ นะ"
"แล้วจะโทรหานะ"
ยูมิกะยืนโบกมือส่งจนร่างสูงปั่นจักรยานไปจนสุดเส้นทาง คนตัวเล็กก็จัดการปิดร้านเตรียมเข้านอน เพราะพรุ่งนี้นัดมายุไปทำรายงานประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นที่ห้องสมุด ของมหาวิทยาลัยแห่งฮาโกเน่ตั้งแต่เช้า
บนเส้นทางขนาดเล็กในย่านชุมชนเริ่มมีผู้คนและยานพาหนะบางตาลงเมื่อเวลาล่วง เลยไปกว่าค่อนคืนแล้ว มิราอิรีบเร่งฝีเท้าเดินไปให้ถึงบ้านที่อยู่ในซอยถัดไปโดยไวแต่ยังไม่ทันที่จะ ไปได้ไกล รถจักรยานก็เข้ามาขวางทางไว้พร้อมกับการปรากฏตัวของคนตัวสูงซึ่งพอมิราอิเห็น ก็กรอกตาด้วยความเหนื่อยใจทันที
"ขึ้นรถสิ จะไปส่ง"
"ไม่ต้อง" มิราอิตอบกลับความมีน้ำใจของอีกคนเสียงห้วนพร้อมกับเดินหลีกออกมา เรียวสุเกะเลิกคิ้วมองแล้วยิ้มก่อนจะปั่นตามไปอย่างช้าๆ
"ยังเป็นมิตรเหมือนเดิมนะมิรรอิจัง"
"ใครอนุญาตให้เรียกชื่อฉันไม่ทราบ"
"ก็ไม่มีป้ายแขวนคอบอกไว้นี่ว่าห้ามเรียก"
"เอ๊ะ..."
ร่างเล็กหยุดเดินก่อนจะหันไปส่งสายตาเอาเรื่องกับร่างสูงที่ยิ้มยียวนมาให้ มิราอิกัดริมฝีปากแล้วสะบัดหน้าตัดใจเดินต่อไป เพราะคิดว่าหากมัวมาต่อปากต่อคำกับหมอนี่ก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้น
ทั้งคู่เดินทางมาถึงหน้าบ้านของมิราอิในเวลาไม่นาน มิราอิเปิดประตูรั้วเข้าไปโดยพยายามไม่สนใจคนตัวสูงที่ตามเข้ามาจอดรถไว้ใกล้ๆ
"พรุ่งนี้เรามีนัดทำรายงานกันนะ อย่าลืมมาล่ะ ฉันกับยูโตะจะรอพวกเธอที่สถานีรถไฟตอนสิบโมง" มิราอิขมวดคิ้วก่อนหันกลับมาเผชิญหน้ากันโดยตรง แล้วถามขึ้นด้วยความสงสัย
"ทำไมต้องไปที่สถานี ไปแค่ห้องสมุดเอง"
เรียวสุเกะกดยิ้มลึก
"ใครบอกเราจะไปห้องสมุด จะทำให้ได้คะแนนดีต้องไปสถานที่จริงถึงจะดี" มิราอิได้ฟังแล้วประกอบกับใบหน้าท่าทางที่ดูมีลับลมคมใน คนตัวเล็กทำหน้าเครียดขณะที่เอ่ยถามเสียงเรียบ
"พวกนายมีแผนอะไรกันอีกล่ะ"
เรียวสุเกะยักคิ้วแล้วหัวเราะเสียงดังลั่น ก่อนจะโบกมือลาในท่าที่มิราอิคิดว่ากวนประสาทได้มากที่สุด เมื่ออีกฝ่ายปั่นจักรยานออกไปแล้ว มิราอิก็ได้แต่ถอนหายใจพรืด รู้สึกกังวลถึงเรื่องพรุ่งนี้ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
"เฮ้ย!"
มิราอิร้องเสียงหลงก่อนจะรีบดีดตัวออกห่างร่างสูงไปเป็นเมตร เรียวสุเกะขำก่อนจะพูดแหย่ออกไป
"หลับสบายดีมั๊ย"
มิราอิทำหน้าเลิกลั่ก แก้มขาวรู้สึกร้อนฉ่าจนแดงก่ำ อับอายเกินกว่าจะสู้สายตาล้อเลียนที่อีกคนกำลังมองมา ไม่รู้ว่าตัวเองเผลอหลับไปตอนไหนทั้งที่ในตอนแรกไม่เต็มใจจะเข้ามาที่นี่ด้วยซ้ำ แต่จะให้มิราอิยอมรับอย่างง่ายดายก็คงจะไม่ใช่ ร่างเล็กจึงได้แต่เขม่นมองอีกคนตาคว่ำ ริมฝีปากกระจับแดงเม้มกัดแน่นก่อนจะว่าให้อีกฝ่ายเสียงเบา
"ไอ้บ้า-"
มิราอิพุ่งพรวดออกไปจากห้องทันทีโดยที่ไม่รอให้เรียวสุเกะมีสิทธิ์ได้ต่อปากต่อคำ คนตัวสูงส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มขันแล้วลุกเดินตามออกไปอย่างไม่รีบร้อน พอเดินเข้าไปในห้องที่ไม่ค่อยมีคนอยู่ คงเพราะออกไปทานข้าวกันแล้ว ที่เหลือก็เจอเพียงฮารุกะกำลังนั่งคุยคล้ายกระซิบกระซาบอยู่กับมิราอิ และยูโตะที่พุ่งเข้ามาหาเขาทันทีที่เห็น
"หายไปไหนมาวะ มึงรู้มั๊ยว่าแฟนมึงกำลังมีเรื่อง"
เรียวสุเกะขมวดคิ้ว
"เรื่อง? เรื่องอะไรวะ ยูมิกะเป็นอะไร" ยูโตะทำหน้าลำบากใจ เพราะเจ้าตัวก็ไม่รู้จะเรียบเรียงคำพูดออกมายังไงเหมือนกัน อีกอย่างก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องมากนักแต่เห็นเค้าลือกันมาเท่านั้นเอง
มิราอิขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้ออกความเห็นกับเรื่องที่ได้ยินมา
"ท้องเสียน่ะ" มิราอิตอบพลางยิ้ม ก่อนจะเหลือบตามองไปยังกลุ่มของมารูโกะที่อยู่หลังห้อง
.
.
.
"ยูมิกะ!"
ร่างสูงรุดเข้าไปหาคนตัวเล็กที่กำลังนั่งทำแผลให้มายุในห้องเรียน พอยูมิกะหันมาหาตามคำเรียกเรียวสุเกะก็ใจหายเมื่อสิ่งที่เห็นเป็นมากกว่าที่คิดเอาไว้ เด็กหนุ่มเดินเข้าไปนั่งลงใกล้ๆ พร้อมกับใช้มือประคองใบหน้าขาวให้หันมาหาอย่างแผ่วเบา
แก้มใสมีรอยแดงช้ำซีกหนึ่งอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งตามลำคอและแขนก็ยังมีรอยขีดข่วนเล็กๆ ให้เห็น แต่เพราะยูมิกะเป็นคนผิวขาว รอยที่เล็กจึงดูเด่นชัดแดงช้ำจนคนตัวสูงครางเสียงแผ่วในลำคอกับสภาพของคนรัก ที่ดูแย่กว่าที่คิด
"ยูมิกะไปโดนอะไรมา" เรียวสุเกะถามเสียงอ่อน ในขณะที่อีกมือลูบไปตามรอยช้ำบนลำแขนแผ่วเบา ยูมิกะเม้มริมฝีปากแน่น เธอไม่อยากให้เรียวสุเกะรู้เรื่องนี้เลยและเธอก็ไม่อยากให้มันดูเป็นเรื่องใหญ่ เพราะจริงๆ แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องดีที่ต้องมาป่าวประกาศให้คนอื่นต้องรับรู้
"เอ่อ..."
"ก็แฟนคลับนายไง พอรู้ว่านายเป็นแฟนกับยูมิกะนะ เดินลิ่วๆ เข้ามาหาเรื่อง นึกแล้วก็เจ็บใจ ไหนๆ ก็ไม่โดนทำโทษแล้วน่าจะซัดให้หลาบจำกว่านี้..."
"มายุ..." ยูมิกะปรามเพื่อนเสียงเข้มทั้งที่ตกลงกันไว้แล้วว่าจะไม่พูดอะไรมาก แต่มายุเจ็บใจนี่นาแล้วก็แค้นมากด้วย อีกอย่างเธอคิดว่าเรื่องนี้เรียวสุเกะควรจะรับรู้เพราะเกี่ยวกับเจ้าตัวเต็มๆ
"ใครทำ" เรียวสุเกะถามเสียงต่ำด้วยใบหน้าเครียดขึงอย่างโมโห ยูมิกะรีบส่ายหน้าตอบทันที
"ไม่เป็นไรหรอกเรียวสุเกะคุง ช่างมันเถอะ"
"ช่างมันได้ยังไง ยูมิกะเจ็บขนาดนี้ ฉันไม่มีทางยอมอยู่เฉยๆ แน่ วาตานาเบะ..." คนตัวสูงหันมาถามมายุที่เหลือบตาไปมองเพื่อนของตัวเองซึ่งกำลังส่ายหน้าด้วย ความลำบากใจ มายุก็รู้ว่ายูมิกะไม่อยากให้เรื่องมันเลยเถิด ไม่อยากเอาเรื่องใครให้ต้องเจ็บแค้นกันและกัน แต่ถ้าไม่ทำให้เข็ดก็จะยิ่งเหลิงกันไปใหญ่น่ะสิ
"พวกมารูโกะห้องนายไง"
เมื่อได้คำตอบที่ต้องการคนตัวสูงก็เดินดุ่มๆ ออกไปทันที
"เรียวสุเกะคุง!"
"ตอนเย็นฉันจะมารับกลับบ้านนะ"
"หายไปไหนมาวะ มึงรู้มั๊ยว่าแฟนมึงกำลังมีเรื่อง"
เรียวสุเกะขมวดคิ้ว
"เรื่อง? เรื่องอะไรวะ ยูมิกะเป็นอะไร" ยูโตะทำหน้าลำบากใจ เพราะเจ้าตัวก็ไม่รู้จะเรียบเรียงคำพูดออกมายังไงเหมือนกัน อีกอย่างก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องมากนักแต่เห็นเค้าลือกันมาเท่านั้นเอง
"เอ่อ..."
เรียวสุเกะมองท่าทางของเพื่อนแล้วคิดว่าคงช่วยอะไรไม่ได้ คนตัวสูงจึงรีบวิ่งตรงไปยังห้องเอทันที โดยมียูโตะวิ่งตามไปในขณะที่ฮารุกะซึ่งก็ได้ยินข่าวลือมาพร้อมกับยูโตะแอบถอนหายใจเบาๆ เมื่อมองไปยังเด็กสาวสี่คนที่นั่งเงียบอยู่ในห้อง แล้วหน้าตาแต่ละคนก็ดูกังวลกันเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเรียวสุเกะดูจะเป็นห่วงยูมิกะกว่าที่คิด ทั้งที่พวกเธอเองก็ไม่ได้จะให้เรื่องมันกระจายไปทั่วโรงเรียนจนกลายเป็นเรื่องใหญ่แท้ๆ
"สงสัยจะเป็นเรื่องแน่ๆ"
"มีอะไรกันเหรอ" มิราอิถามขึ้นกับบรรยากาศที่เปลี่ยนไปของห้อง ฮารุกะมองซ้ายมองขวาก่อนจะเอามือป้องปากกระซิบกระซาบกับเพื่อนที่ยังออกอาการไม่รู้เรื่อง
"พวกมารูโกะไปหาเรื่องคาวาชิมะห้องเอ เห็นคนอื่นบอกว่าตบตีกันแย่งยามาดะน่ะ"
มิราอิขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้ออกความเห็นกับเรื่องที่ได้ยินมา
"แล้วเธอหายไปไหนมา ปล่อยให้ฉันอยู่กับหมอนั่นตั้งนาน น่าเบื่อจะตาย พูดคนเดียวอยู่ได้เป็นชั่วโมงๆ" ฮารุกะบ่นกระปอดกระแปดพลางทำหน้าเหนื่อยจริงจัง ก็ยูโตะน่ะสิ อะไรก็ไม่รู้พูดเอาๆ แล้วไหนจะท่าทางยังกับจะเตรียมพร้อมกระโดดเข้าใส่ได้ทุกเมื่อ นึกขึ้นมาทีไรฮารุกะก็ขนลุกทุกที
"ท้องเสียน่ะ" มิราอิตอบพลางยิ้ม ก่อนจะเหลือบตามองไปยังกลุ่มของมารูโกะที่อยู่หลังห้อง
.
.
.
"ยูมิกะ!"
ร่างสูงรุดเข้าไปหาคนตัวเล็กที่กำลังนั่งทำแผลให้มายุในห้องเรียน พอยูมิกะหันมาหาตามคำเรียกเรียวสุเกะก็ใจหายเมื่อสิ่งที่เห็นเป็นมากกว่าที่คิดเอาไว้ เด็กหนุ่มเดินเข้าไปนั่งลงใกล้ๆ พร้อมกับใช้มือประคองใบหน้าขาวให้หันมาหาอย่างแผ่วเบา
แก้มใสมีรอยแดงช้ำซีกหนึ่งอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งตามลำคอและแขนก็ยังมีรอยขีดข่วนเล็กๆ ให้เห็น แต่เพราะยูมิกะเป็นคนผิวขาว รอยที่เล็กจึงดูเด่นชัดแดงช้ำจนคนตัวสูงครางเสียงแผ่วในลำคอกับสภาพของคนรัก ที่ดูแย่กว่าที่คิด
"ยูมิกะไปโดนอะไรมา" เรียวสุเกะถามเสียงอ่อน ในขณะที่อีกมือลูบไปตามรอยช้ำบนลำแขนแผ่วเบา ยูมิกะเม้มริมฝีปากแน่น เธอไม่อยากให้เรียวสุเกะรู้เรื่องนี้เลยและเธอก็ไม่อยากให้มันดูเป็นเรื่องใหญ่ เพราะจริงๆ แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องดีที่ต้องมาป่าวประกาศให้คนอื่นต้องรับรู้
"เอ่อ..."
"ก็แฟนคลับนายไง พอรู้ว่านายเป็นแฟนกับยูมิกะนะ เดินลิ่วๆ เข้ามาหาเรื่อง นึกแล้วก็เจ็บใจ ไหนๆ ก็ไม่โดนทำโทษแล้วน่าจะซัดให้หลาบจำกว่านี้..."
"มายุ..." ยูมิกะปรามเพื่อนเสียงเข้มทั้งที่ตกลงกันไว้แล้วว่าจะไม่พูดอะไรมาก แต่มายุเจ็บใจนี่นาแล้วก็แค้นมากด้วย อีกอย่างเธอคิดว่าเรื่องนี้เรียวสุเกะควรจะรับรู้เพราะเกี่ยวกับเจ้าตัวเต็มๆ
"ใครทำ" เรียวสุเกะถามเสียงต่ำด้วยใบหน้าเครียดขึงอย่างโมโห ยูมิกะรีบส่ายหน้าตอบทันที
"ไม่เป็นไรหรอกเรียวสุเกะคุง ช่างมันเถอะ"
"ช่างมันได้ยังไง ยูมิกะเจ็บขนาดนี้ ฉันไม่มีทางยอมอยู่เฉยๆ แน่ วาตานาเบะ..." คนตัวสูงหันมาถามมายุที่เหลือบตาไปมองเพื่อนของตัวเองซึ่งกำลังส่ายหน้าด้วย ความลำบากใจ มายุก็รู้ว่ายูมิกะไม่อยากให้เรื่องมันเลยเถิด ไม่อยากเอาเรื่องใครให้ต้องเจ็บแค้นกันและกัน แต่ถ้าไม่ทำให้เข็ดก็จะยิ่งเหลิงกันไปใหญ่น่ะสิ
"พวกมารูโกะห้องนายไง"
เมื่อได้คำตอบที่ต้องการคนตัวสูงก็เดินดุ่มๆ ออกไปทันที
"เรียวสุเกะคุง!"
"ตอนเย็นฉันจะมารับกลับบ้านนะ"
หันมาตอบเสียงร้องห้ามที่คนตัวเล็กส่งสายตาขอร้องมา ตั้งแต่เด็กเรียวสุเกะไม่เคยยอมให้ใครมากลั่นแกล้งยูมิกะได้ และตอนนี้ก็ไม่ต่างกัน ถึงแม้อีกฝ่ายจะทำเพราะมีใจให้กับเขาแต่การมาทำร้ายคนที่เขารักก็ใช่ว่าเรียวสุเกะจะยอมให้อภัย ร่างสูงเดินกลับห้องสวนทางกับมิราอิที่เดินออกมา แต่เด็กหนุ่มไม่ได้หันมามองอย่างเคย ดวงตาคมเพ่งมองไปที่จุดเดียวคือกลุ่มเด็กสาวหลังห้องที่พอเห็นเรียวสุเกะเดินหน้าเครียดเข้ามาก็ต่างพากันลุกลนในทันที
"ขอคุยด้วยหน่อย"
คนตัวสูงพูดแล้วเดินแยกจากไปท่ามกลางสายตาของใครหลายคนที่คอยเฝ้าสังเกต การณ์ มารูโกะร้องไห้โฮออกมาแต่เมื่อถูกเพื่อนสาวลากตัวให้ออกไปและพวกเธอเองก็ไม่ กล้าที่จะขัดใจคนตัวสูงจึงได้แต่เดินตามออกไปอย่างว่าง่ายทั้งที่ในใจก็ หวั่นกลัวว่าถูกเรียวสุเกะเกลียดเข้าแล้วแน่ๆ
"ยามาดะกลัวจังอ่ะ"
ฮารุกะหันมากระซิบกับมิราอิหลังจากที่เหตุการณ์สงบลง เธอยังคงไม่ออกความเห็นใดๆ ในขณะที่สายตามองตามแผ่นหลังกว้างไปจนสุดสายตา
.
.
.
ชั่วโมงเรียนคาบบ่ายกลุ่มของมารูโกะไม่ได้กลับเข้ามาเรียน มีเพียงคนตัวสูงที่ยังนั่งนิ่งหน้าเฉยจนเพื่อนที่สงสัยไม่กล้าเข้าไปถามว่า เกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งเลิกเรียนเรียวสุเกะก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่มิราอิกำลังตัดสินใจว่าจะเข้าไปที่ชมรมดนตรีดีหรือเปล่า เพราะถึงแม้จะไม่เต็มใจแต่เธอก็ได้ขึ้นชื่อว่าสมาชิกคนหนึ่งเหมือนกัน
"อ่าวชิดะ ชอมาซากิล่ะหายไปไหนแล้ว"
ยูโตะเดินแบกกีต้าร์เข้ามาถามพลางมองหาอีกคนล่อกแล่ก มิราอิส่ายหน้า
"ไปชมรมเบสบอลแล้วล่ะ แล้วนี่เราต้องเข้าไปชมรมด้วยหรือเปล่า"
"ไม่ต้องไปก็ได้นะ วันนี้ก็คงไม่ได้ทำอะไรเหมือนเดิม ไอ้เรียวสุเกะก็ไม่เข้าชมรมวันนี้เห็นบอกจะไปส่งยูมิกะที่บ้าน คงกลัวว่าจะมีใครมาทำร้ายอีก ฉันก็กะจะโดดเหมือนกัน ซิมาซากิไม่ไปก็ไม่มีกำลังใจแล้ว" ยูโตะบ่นแล้วเดินคอตกออกไป ทิ้งไว้ให้รมิราอิได้แต่ส่ายหน้าไม่รู้จะสงสารใครดีระหว่างนากาจิม่ากับฮารุกะเนี่ย
เรื่อยมาจนกระทั่งก่อนวันหยุดสุดสัปดาห์ เรียวสุเกะยังคงแวะเวียนไปห้องเอทุกครั้งที่มีเวลาว่างจนจะกลายเป็นเด็กห้องเอไปแล้ว ส่วนพวกมารูโกะก็กลับมาเรียนตามปกติแต่ดูเหมือนจะท่าทางจ๋อยๆ กว่าปกติ มิราอิเองก็อยากจะให้มันเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ เพราะหมอนั่นไม่ได้มาแหย่มาแกล้งอย่างเคยทำให้เธอรู้สึกว่าชีวิตที่สงบ เงียบได้กลับมาอีกครั้ง
มิราอิคิดพลางเดินไปตามถนนเพื่อตรงไปยังร้านสะดวกซื้อเมื่อเป่ายิงฉุบแพ้พี่สาวที่ตกลงกันว่าใครแพ้จะต้องเป็นคนออกมาซื้อไอศครีมรสวานิลลาทั้งที่ตอนนี้ ก็เป็นต้นฤดูใบไม้ผลิอากาศก็ออกจะเย็นแท้ๆ
คนตัวเล็กเดินเข้าไปในร้านตรงไปยังตู้ไอศกรีม ในขณะที่กำลังเลือกหายี่ห้อที่ชอบสายตาก็เหลือบไปเห็นเรียวสุเกะกำลังนั่งอ่าน หนังสืออะไรสักอย่างบนเก้าอี้ในขณะที่ลูกสาวเจ้าของร้านกำลังยืนประจำแหน่งหน้าเคาน์เตอร์ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลกัน โชคดีที่ระยะทางจากที่มิราอิยืนอยู่มีแผงขนมกั้นทำให้สามารถหลบสายตาจากคนทั้ง คู่ได้
แต่มิราอิไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องหลบด้วย
"เรียวสุเกะคุงไม่ต้องคอยตามดูแลเราตลอดเวลาแบบนี้ก็ได้นะ เราไม่เป็นอะไรแล้ว" ยูมิกะบอกเสียงอ่อนในขณะที่เดินเข้ามาหาคนตัวสูงซึ่งละสายตาจากหนังสือ วารสารดนตรีขึ้นมามองคนตัวเล็กที่กำลังทำหน้าลำบากใจมาให้
"ยูมิกะรำคาญเหรอ"
"ไม่ใช่แบบนั้นนะ คือเราแค่อยากจะบอกว่าเราดูแลตัวเองได้" ฟังคำบอกเล่าของยูมิกะแล้วเรียวสุเกะก็ยิ้มก่อนจะดึงแขนร่างเล็กให้นั่งลง เคียงข้างพลางใช้มือลูบไปตามใบหน้าใสแผ่วเบา ซึ่งยูมิกะก็ได้แต่มองท่าทางเอาใจใส่ของอีกคนตาใส
"เห็นแล้วครับว่าดูแลตัวเองได้ แต่คิดถึงนี่ อยากอยู่ใกล้ๆ ไม่ได้เลยเหรอ" ว่าพลางส่งสายตาอ้อนจนยูมิกะต้องเผลออมยิ้มตาม แก้มขาวแดงเรื่อได้อย่างน่ามองก่อนที่คนตัวเล็กจะแกล้งทำหน้าดุ
"กลับบ้านได้แล้วนะ ดึกแล้ว"
"ไม่เอา วันนี้จะนอนที่นี่"
"เอาจริงเหรอ"
"จริงสิ หรือว่ายูมิกะจะไล่ฉันกลับอีก"
ยูมิกะมองคนตัวสูงตาคว่ำอย่างไม่จริงจัง กำลังจะตอบกลับไปก็มีลูกค้าเดินมาจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์พอดี
"คิดเงินด้วยค่ะ"
ยูมิกะรีบผละจากเรียวสุเกะตรงไปเคาน์เตอร์ซึ่งเรียวสุเกะเองก็มองตามไป พอเห็นว่าเป็นใครริมฝีปากบางก็กดยิ้มลึกพร้อมกับจ้องมองตาไม่กระพริบ
"ทั้งหมด 1250 เยนค่ะ"
มิราอิล้วงเงินออกมาให้แล้วก็ดันเผลอไปสบตากับคนตัวสูงที่เพ่งมองมาอยู่แล้ว ร่างเล็กหันหน้าหนีทันที จริงๆ แล้วเธอก็ไม่ได้อยากจะเข้ามาขัดจังหวะสักเท่าไหร่หรอก เพียงแต่เธอเองก็รีบกลับบ้านเหมือนกันนี่นา จะให้มารอให้คนทั้งคู่อี๋อ๋อกันให้เสร็จมีหวังคงต้องรอจนถึงเช้า
แล้วใครมันจะไปรอได้จนถึงตอนนั้น
เมื่อรับของและเงินทอนมาแล้วคนตัวเล็กก็เดินดุ่มๆ ออกไปจากร้านโดยไม่หันมาทักทายเพื่อนร่วมห้องเลยแม้แต่น้อย เรียวสุเกะมองตามแล้วก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับหันไปหายูมิกะที่กำลังจะเดินเข้ามา หา
"ฉันว่าฉันกลับบ้านก่อนดีกว่า ยูมิกะจะได้เวลาปิดร้านแล้วนี่"
"อื้อ"
ยูมิกะพยักหน้าให้ถึงแม้จะแปลกใจนิดหน่อยที่จู่ๆ เรียวสุเกะก็เกิดเปลี่ยนใจทั้งที่ตอนแรกออกจะรั้นไม่ยอมกลับบ้าน สงสัยตอนแรกคงต้องการจะแหย่เขาเล่นอีกแล้วเป็นแน่
"กลับดีๆ นะ"
"แล้วจะโทรหานะ"
ยูมิกะยืนโบกมือส่งจนร่างสูงปั่นจักรยานไปจนสุดเส้นทาง คนตัวเล็กก็จัดการปิดร้านเตรียมเข้านอน เพราะพรุ่งนี้นัดมายุไปทำรายงานประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นที่ห้องสมุด ของมหาวิทยาลัยแห่งฮาโกเน่ตั้งแต่เช้า
บนเส้นทางขนาดเล็กในย่านชุมชนเริ่มมีผู้คนและยานพาหนะบางตาลงเมื่อเวลาล่วง เลยไปกว่าค่อนคืนแล้ว มิราอิรีบเร่งฝีเท้าเดินไปให้ถึงบ้านที่อยู่ในซอยถัดไปโดยไวแต่ยังไม่ทันที่จะ ไปได้ไกล รถจักรยานก็เข้ามาขวางทางไว้พร้อมกับการปรากฏตัวของคนตัวสูงซึ่งพอมิราอิเห็น ก็กรอกตาด้วยความเหนื่อยใจทันที
"ขึ้นรถสิ จะไปส่ง"
"ไม่ต้อง" มิราอิตอบกลับความมีน้ำใจของอีกคนเสียงห้วนพร้อมกับเดินหลีกออกมา เรียวสุเกะเลิกคิ้วมองแล้วยิ้มก่อนจะปั่นตามไปอย่างช้าๆ
"ยังเป็นมิตรเหมือนเดิมนะมิรรอิจัง"
"ใครอนุญาตให้เรียกชื่อฉันไม่ทราบ"
"ก็ไม่มีป้ายแขวนคอบอกไว้นี่ว่าห้ามเรียก"
"เอ๊ะ..."
ร่างเล็กหยุดเดินก่อนจะหันไปส่งสายตาเอาเรื่องกับร่างสูงที่ยิ้มยียวนมาให้ มิราอิกัดริมฝีปากแล้วสะบัดหน้าตัดใจเดินต่อไป เพราะคิดว่าหากมัวมาต่อปากต่อคำกับหมอนี่ก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้น
ทั้งคู่เดินทางมาถึงหน้าบ้านของมิราอิในเวลาไม่นาน มิราอิเปิดประตูรั้วเข้าไปโดยพยายามไม่สนใจคนตัวสูงที่ตามเข้ามาจอดรถไว้ใกล้ๆ
"พรุ่งนี้เรามีนัดทำรายงานกันนะ อย่าลืมมาล่ะ ฉันกับยูโตะจะรอพวกเธอที่สถานีรถไฟตอนสิบโมง" มิราอิขมวดคิ้วก่อนหันกลับมาเผชิญหน้ากันโดยตรง แล้วถามขึ้นด้วยความสงสัย
"ทำไมต้องไปที่สถานี ไปแค่ห้องสมุดเอง"
เรียวสุเกะกดยิ้มลึก
"ใครบอกเราจะไปห้องสมุด จะทำให้ได้คะแนนดีต้องไปสถานที่จริงถึงจะดี" มิราอิได้ฟังแล้วประกอบกับใบหน้าท่าทางที่ดูมีลับลมคมใน คนตัวเล็กทำหน้าเครียดขณะที่เอ่ยถามเสียงเรียบ
"พวกนายมีแผนอะไรกันอีกล่ะ"
เรียวสุเกะยักคิ้วแล้วหัวเราะเสียงดังลั่น ก่อนจะโบกมือลาในท่าที่มิราอิคิดว่ากวนประสาทได้มากที่สุด เมื่ออีกฝ่ายปั่นจักรยานออกไปแล้ว มิราอิก็ได้แต่ถอนหายใจพรืด รู้สึกกังวลถึงเรื่องพรุ่งนี้ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
TBC.
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น