ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yamashi] cherry blossom... ~ยามเมื่อซากุระผลิบาน~

    ลำดับตอนที่ #9 : Sakura begins : 08

    • อัปเดตล่าสุด 19 ก.ค. 56


          เสียงออดบอกเวลาพักเที่ยงดังขึ้นทำให้เปลือกตาบางกระพริบเปิดอย่างช้าๆ แสงสว่างจ้ากระทบเข้าตาก่อนจะค่อยคลายให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาคุ้นเคยกำลังมองตรงมาด้วยรอยยิ้มกริ่ม มิราอิขมวดคิ้วเล็กน้อยในขณะที่กำลังรวบรวมสติให้เข้าที่หลังจากที่นอนไม่รู้เรื่องมานานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ แต่พอทุกอย่างเริ่มชัดเจน คนที่สมควรจะนอนหลับควรจะเป็นคนที่กำลังยิ้มอยู่ตรงหน้าไม่ใช่หรือ แล้วทำไมเธอถึงได้มานั่งหลับพิงไหล่หมอนี่เฉยเลย

         "เฮ้ย!"

         มิราอิร้องเสียงหลงก่อนจะรีบดีดตัวออกห่างร่างสูงไปเป็นเมตร  เรียวสุเกะขำก่อนจะพูดแหย่ออกไป

          "หลับสบายดีมั๊ย"
         
          มิราอิทำหน้าเลิกลั่ก แก้มขาวรู้สึกร้อนฉ่าจนแดงก่ำ อับอายเกินกว่าจะสู้สายตาล้อเลียนที่อีกคนกำลังมองมา ไม่รู้ว่าตัวเองเผลอหลับไปตอนไหนทั้งที่ในตอนแรกไม่เต็มใจจะเข้ามาที่นี่ด้วยซ้ำ แต่จะให้มิราอิยอมรับอย่างง่ายดายก็คงจะไม่ใช่ ร่างเล็กจึงได้แต่เขม่นมองอีกคนตาคว่ำ ริมฝีปากกระจับแดงเม้มกัดแน่นก่อนจะว่าให้อีกฝ่ายเสียงเบา
     
         "ไอ้บ้า-"
     
          มิราอิพุ่งพรวดออกไปจากห้องทันทีโดยที่ไม่รอให้เรียวสุเกะมีสิทธิ์ได้ต่อปากต่อคำ คนตัวสูงส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มขันแล้วลุกเดินตามออกไปอย่างไม่รีบร้อน พอเดินเข้าไปในห้องที่ไม่ค่อยมีคนอยู่ คงเพราะออกไปทานข้าวกันแล้ว ที่เหลือก็เจอเพียงฮารุกะกำลังนั่งคุยคล้ายกระซิบกระซาบอยู่กับมิราอิ และยูโตะที่พุ่งเข้ามาหาเขาทันทีที่เห็น

         "หายไปไหนมาวะ  มึงรู้มั๊ยว่าแฟนมึงกำลังมีเรื่อง"
       
         เรียวสุเกะขมวดคิ้ว

        "เรื่อง? เรื่องอะไรวะ ยูมิกะเป็นอะไร" ยูโตะทำหน้าลำบากใจ เพราะเจ้าตัวก็ไม่รู้จะเรียบเรียงคำพูดออกมายังไงเหมือนกัน อีกอย่างก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องมากนักแต่เห็นเค้าลือกันมาเท่านั้นเอง
     
        "เอ่อ..."
     
        เรียวสุเกะมองท่าทางของเพื่อนแล้วคิดว่าคงช่วยอะไรไม่ได้ คนตัวสูงจึงรีบวิ่งตรงไปยังห้องเอทันที โดยมียูโตะวิ่งตามไปในขณะที่ฮารุกะซึ่งก็ได้ยินข่าวลือมาพร้อมกับยูโตะแอบถอนหายใจเบาๆ เมื่อมองไปยังเด็กสาวสี่คนที่นั่งเงียบอยู่ในห้อง แล้วหน้าตาแต่ละคนก็ดูกังวลกันเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเรียวสุเกะดูจะเป็นห่วงยูมิกะกว่าที่คิด ทั้งที่พวกเธอเองก็ไม่ได้จะให้เรื่องมันกระจายไปทั่วโรงเรียนจนกลายเป็นเรื่องใหญ่แท้ๆ
     
        "สงสัยจะเป็นเรื่องแน่ๆ"
     
        "มีอะไรกันเหรอ" มิราอิถามขึ้นกับบรรยากาศที่เปลี่ยนไปของห้อง ฮารุกะมองซ้ายมองขวาก่อนจะเอามือป้องปากกระซิบกระซาบกับเพื่อนที่ยังออกอาการไม่รู้เรื่อง
     
         "พวกมารูโกะไปหาเรื่องคาวาชิมะห้องเอ เห็นคนอื่นบอกว่าตบตีกันแย่งยามาดะน่ะ"

         มิราอิขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้ออกความเห็นกับเรื่องที่ได้ยินมา 
     
        "แล้วเธอหายไปไหนมา ปล่อยให้ฉันอยู่กับหมอนั่นตั้งนาน น่าเบื่อจะตาย พูดคนเดียวอยู่ได้เป็นชั่วโมงๆ" ฮารุกะบ่นกระปอดกระแปดพลางทำหน้าเหนื่อยจริงจัง ก็ยูโตะน่ะสิ อะไรก็ไม่รู้พูดเอาๆ แล้วไหนจะท่าทางยังกับจะเตรียมพร้อมกระโดดเข้าใส่ได้ทุกเมื่อ นึกขึ้นมาทีไรฮารุกะก็ขนลุกทุกที
          
          "ท้องเสียน่ะ" มิราอิตอบพลางยิ้ม ก่อนจะเหลือบตามองไปยังกลุ่มของมารูโกะที่อยู่หลังห้อง

              .
              .
              .

           "ยูมิกะ!"

             ร่างสูงรุดเข้าไปหาคนตัวเล็กที่กำลังนั่งทำแผลให้มายุในห้องเรียน พอยูมิกะหันมาหาตามคำเรียกเรียวสุเกะก็ใจหายเมื่อสิ่งที่เห็นเป็นมากกว่าที่คิดเอาไว้ เด็กหนุ่มเดินเข้าไปนั่งลงใกล้ๆ พร้อมกับใช้มือประคองใบหน้าขาวให้หันมาหาอย่างแผ่วเบา

         แก้มใสมีรอยแดงช้ำซีกหนึ่งอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งตามลำคอและแขนก็ยังมีรอยขีดข่วนเล็กๆ ให้เห็น แต่เพราะยูมิกะเป็นคนผิวขาว รอยที่เล็กจึงดูเด่นชัดแดงช้ำจนคนตัวสูงครางเสียงแผ่วในลำคอกับสภาพของคนรัก ที่ดูแย่กว่าที่คิด

         "ยูมิกะไปโดนอะไรมา" เรียวสุเกะถามเสียงอ่อน ในขณะที่อีกมือลูบไปตามรอยช้ำบนลำแขนแผ่วเบา ยูมิกะเม้มริมฝีปากแน่น เธอไม่อยากให้เรียวสุเกะรู้เรื่องนี้เลยและเธอก็ไม่อยากให้มันดูเป็นเรื่องใหญ่ เพราะจริงๆ แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องดีที่ต้องมาป่าวประกาศให้คนอื่นต้องรับรู้

         "เอ่อ..."

         "ก็แฟนคลับนายไง พอรู้ว่านายเป็นแฟนกับยูมิกะนะ เดินลิ่วๆ เข้ามาหาเรื่อง นึกแล้วก็เจ็บใจ ไหนๆ ก็ไม่โดนทำโทษแล้วน่าจะซัดให้หลาบจำกว่านี้..."

         "มายุ..." ยูมิกะปรามเพื่อนเสียงเข้มทั้งที่ตกลงกันไว้แล้วว่าจะไม่พูดอะไรมาก แต่มายุเจ็บใจนี่นาแล้วก็แค้นมากด้วย อีกอย่างเธอคิดว่าเรื่องนี้เรียวสุเกะควรจะรับรู้เพราะเกี่ยวกับเจ้าตัวเต็มๆ

         "ใครทำ" เรียวสุเกะถามเสียงต่ำด้วยใบหน้าเครียดขึงอย่างโมโห ยูมิกะรีบส่ายหน้าตอบทันที

          "ไม่เป็นไรหรอกเรียวสุเกะคุง ช่างมันเถอะ"

          "ช่างมันได้ยังไง ยูมิกะเจ็บขนาดนี้ ฉันไม่มีทางยอมอยู่เฉยๆ แน่ วาตานาเบะ..." คนตัวสูงหันมาถามมายุที่เหลือบตาไปมองเพื่อนของตัวเองซึ่งกำลังส่ายหน้าด้วย ความลำบากใจ มายุก็รู้ว่ายูมิกะไม่อยากให้เรื่องมันเลยเถิด ไม่อยากเอาเรื่องใครให้ต้องเจ็บแค้นกันและกัน แต่ถ้าไม่ทำให้เข็ดก็จะยิ่งเหลิงกันไปใหญ่น่ะสิ

           "พวกมารูโกะห้องนายไง"

            เมื่อได้คำตอบที่ต้องการคนตัวสูงก็เดินดุ่มๆ ออกไปทันที

            "เรียวสุเกะคุง!"

            "ตอนเย็นฉันจะมารับกลับบ้านนะ"

             หันมาตอบเสียงร้องห้ามที่คนตัวเล็กส่งสายตาขอร้องมา ตั้งแต่เด็กเรียวสุเกะไม่เคยยอมให้ใครมากลั่นแกล้งยูมิกะได้ และตอนนี้ก็ไม่ต่างกัน ถึงแม้อีกฝ่ายจะทำเพราะมีใจให้กับเขาแต่การมาทำร้ายคนที่เขารักก็ใช่ว่าเรียวสุเกะจะยอมให้อภัย ร่างสูงเดินกลับห้องสวนทางกับมิราอิที่เดินออกมา แต่เด็กหนุ่มไม่ได้หันมามองอย่างเคย ดวงตาคมเพ่งมองไปที่จุดเดียวคือกลุ่มเด็กสาวหลังห้องที่พอเห็นเรียวสุเกะเดินหน้าเครียดเข้ามาก็ต่างพากันลุกลนในทันที

          "ขอคุยด้วยหน่อย"

           คนตัวสูงพูดแล้วเดินแยกจากไปท่ามกลางสายตาของใครหลายคนที่คอยเฝ้าสังเกต การณ์ มารูโกะร้องไห้โฮออกมาแต่เมื่อถูกเพื่อนสาวลากตัวให้ออกไปและพวกเธอเองก็ไม่ กล้าที่จะขัดใจคนตัวสูงจึงได้แต่เดินตามออกไปอย่างว่าง่ายทั้งที่ในใจก็ หวั่นกลัวว่าถูกเรียวสุเกะเกลียดเข้าแล้วแน่ๆ

          "ยามาดะกลัวจังอ่ะ"

           ฮารุกะหันมากระซิบกับมิราอิหลังจากที่เหตุการณ์สงบลง เธอยังคงไม่ออกความเห็นใดๆ ในขณะที่สายตามองตามแผ่นหลังกว้างไปจนสุดสายตา

        .
        .
        .

          ชั่วโมงเรียนคาบบ่ายกลุ่มของมารูโกะไม่ได้กลับเข้ามาเรียน มีเพียงคนตัวสูงที่ยังนั่งนิ่งหน้าเฉยจนเพื่อนที่สงสัยไม่กล้าเข้าไปถามว่า เกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งเลิกเรียนเรียวสุเกะก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่มิราอิกำลังตัดสินใจว่าจะเข้าไปที่ชมรมดนตรีดีหรือเปล่า เพราะถึงแม้จะไม่เต็มใจแต่เธอก็ได้ขึ้นชื่อว่าสมาชิกคนหนึ่งเหมือนกัน

           "อ่าวชิดะ ชอมาซากิล่ะหายไปไหนแล้ว"

                  ยูโตะเดินแบกกีต้าร์เข้ามาถามพลางมองหาอีกคนล่อกแล่ก มิราอิส่ายหน้า

       "ไปชมรมเบสบอลแล้วล่ะ แล้วนี่เราต้องเข้าไปชมรมด้วยหรือเปล่า"

         "ไม่ต้องไปก็ได้นะ วันนี้ก็คงไม่ได้ทำอะไรเหมือนเดิม ไอ้เรียวสุเกะก็ไม่เข้าชมรมวันนี้เห็นบอกจะไปส่งยูมิกะที่บ้าน คงกลัวว่าจะมีใครมาทำร้ายอีก ฉันก็กะจะโดดเหมือนกัน ซิมาซากิไม่ไปก็ไม่มีกำลังใจแล้ว" ยูโตะบ่นแล้วเดินคอตกออกไป ทิ้งไว้ให้รมิราอิได้แต่ส่ายหน้าไม่รู้จะสงสารใครดีระหว่างนากาจิม่ากับฮารุกะเนี่ย

        เรื่อยมาจนกระทั่งก่อนวันหยุดสุดสัปดาห์ เรียวสุเกะยังคงแวะเวียนไปห้องเอทุกครั้งที่มีเวลาว่างจนจะกลายเป็นเด็กห้องเอไปแล้ว ส่วนพวกมารูโกะก็กลับมาเรียนตามปกติแต่ดูเหมือนจะท่าทางจ๋อยๆ กว่าปกติ มิราอิเองก็อยากจะให้มันเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ เพราะหมอนั่นไม่ได้มาแหย่มาแกล้งอย่างเคยทำให้เธอรู้สึกว่าชีวิตที่สงบ เงียบได้กลับมาอีกครั้ง

        มิราอิคิดพลางเดินไปตามถนนเพื่อตรงไปยังร้านสะดวกซื้อเมื่อเป่ายิงฉุบแพ้พี่สาวที่ตกลงกันว่าใครแพ้จะต้องเป็นคนออกมาซื้อไอศครีมรสวานิลลาทั้งที่ตอนนี้ ก็เป็นต้นฤดูใบไม้ผลิอากาศก็ออกจะเย็นแท้ๆ

         คนตัวเล็กเดินเข้าไปในร้านตรงไปยังตู้ไอศกรีม ในขณะที่กำลังเลือกหายี่ห้อที่ชอบสายตาก็เหลือบไปเห็นเรียวสุเกะกำลังนั่งอ่าน หนังสืออะไรสักอย่างบนเก้าอี้ในขณะที่ลูกสาวเจ้าของร้านกำลังยืนประจำแหน่งหน้าเคาน์เตอร์ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลกัน โชคดีที่ระยะทางจากที่มิราอิยืนอยู่มีแผงขนมกั้นทำให้สามารถหลบสายตาจากคนทั้ง คู่ได้

         แต่มิราอิไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องหลบด้วย

        "เรียวสุเกะคุงไม่ต้องคอยตามดูแลเราตลอดเวลาแบบนี้ก็ได้นะ เราไม่เป็นอะไรแล้ว" ยูมิกะบอกเสียงอ่อนในขณะที่เดินเข้ามาหาคนตัวสูงซึ่งละสายตาจากหนังสือ วารสารดนตรีขึ้นมามองคนตัวเล็กที่กำลังทำหน้าลำบากใจมาให้

          "ยูมิกะรำคาญเหรอ"

          "ไม่ใช่แบบนั้นนะ คือเราแค่อยากจะบอกว่าเราดูแลตัวเองได้" ฟังคำบอกเล่าของยูมิกะแล้วเรียวสุเกะก็ยิ้มก่อนจะดึงแขนร่างเล็กให้นั่งลง เคียงข้างพลางใช้มือลูบไปตามใบหน้าใสแผ่วเบา ซึ่งยูมิกะก็ได้แต่มองท่าทางเอาใจใส่ของอีกคนตาใส

          "เห็นแล้วครับว่าดูแลตัวเองได้ แต่คิดถึงนี่ อยากอยู่ใกล้ๆ ไม่ได้เลยเหรอ" ว่าพลางส่งสายตาอ้อนจนยูมิกะต้องเผลออมยิ้มตาม แก้มขาวแดงเรื่อได้อย่างน่ามองก่อนที่คนตัวเล็กจะแกล้งทำหน้าดุ

           "กลับบ้านได้แล้วนะ ดึกแล้ว"

        "ไม่เอา วันนี้จะนอนที่นี่"

        "เอาจริงเหรอ"

        "จริงสิ หรือว่ายูมิกะจะไล่ฉันกลับอีก"

         ยูมิกะมองคนตัวสูงตาคว่ำอย่างไม่จริงจัง กำลังจะตอบกลับไปก็มีลูกค้าเดินมาจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์พอดี

       "คิดเงินด้วยค่ะ"

       ยูมิกะรีบผละจากเรียวสุเกะตรงไปเคาน์เตอร์ซึ่งเรียวสุเกะเองก็มองตามไป พอเห็นว่าเป็นใครริมฝีปากบางก็กดยิ้มลึกพร้อมกับจ้องมองตาไม่กระพริบ

       "ทั้งหมด 1250 เยนค่ะ"

        มิราอิล้วงเงินออกมาให้แล้วก็ดันเผลอไปสบตากับคนตัวสูงที่เพ่งมองมาอยู่แล้ว ร่างเล็กหันหน้าหนีทันที จริงๆ แล้วเธอก็ไม่ได้อยากจะเข้ามาขัดจังหวะสักเท่าไหร่หรอก เพียงแต่เธอเองก็รีบกลับบ้านเหมือนกันนี่นา จะให้มารอให้คนทั้งคู่อี๋อ๋อกันให้เสร็จมีหวังคงต้องรอจนถึงเช้า

         แล้วใครมันจะไปรอได้จนถึงตอนนั้น

         เมื่อรับของและเงินทอนมาแล้วคนตัวเล็กก็เดินดุ่มๆ ออกไปจากร้านโดยไม่หันมาทักทายเพื่อนร่วมห้องเลยแม้แต่น้อย เรียวสุเกะมองตามแล้วก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับหันไปหายูมิกะที่กำลังจะเดินเข้ามา หา

         "ฉันว่าฉันกลับบ้านก่อนดีกว่า ยูมิกะจะได้เวลาปิดร้านแล้วนี่"

         "อื้อ"

         ยูมิกะพยักหน้าให้ถึงแม้จะแปลกใจนิดหน่อยที่จู่ๆ เรียวสุเกะก็เกิดเปลี่ยนใจทั้งที่ตอนแรกออกจะรั้นไม่ยอมกลับบ้าน สงสัยตอนแรกคงต้องการจะแหย่เขาเล่นอีกแล้วเป็นแน่

         "กลับดีๆ นะ"

        "แล้วจะโทรหานะ"

         ยูมิกะยืนโบกมือส่งจนร่างสูงปั่นจักรยานไปจนสุดเส้นทาง คนตัวเล็กก็จัดการปิดร้านเตรียมเข้านอน เพราะพรุ่งนี้นัดมายุไปทำรายงานประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นที่ห้องสมุด ของมหาวิทยาลัยแห่งฮาโกเน่ตั้งแต่เช้า

          บนเส้นทางขนาดเล็กในย่านชุมชนเริ่มมีผู้คนและยานพาหนะบางตาลงเมื่อเวลาล่วง เลยไปกว่าค่อนคืนแล้ว มิราอิรีบเร่งฝีเท้าเดินไปให้ถึงบ้านที่อยู่ในซอยถัดไปโดยไวแต่ยังไม่ทันที่จะ ไปได้ไกล รถจักรยานก็เข้ามาขวางทางไว้พร้อมกับการปรากฏตัวของคนตัวสูงซึ่งพอมิราอิเห็น ก็กรอกตาด้วยความเหนื่อยใจทันที

        "ขึ้นรถสิ จะไปส่ง"
     
             "ไม่ต้อง" มิราอิตอบกลับความมีน้ำใจของอีกคนเสียงห้วนพร้อมกับเดินหลีกออกมา เรียวสุเกะเลิกคิ้วมองแล้วยิ้มก่อนจะปั่นตามไปอย่างช้าๆ

         "ยังเป็นมิตรเหมือนเดิมนะมิรรอิจัง"

         "ใครอนุญาตให้เรียกชื่อฉันไม่ทราบ"

         "ก็ไม่มีป้ายแขวนคอบอกไว้นี่ว่าห้ามเรียก"

          "เอ๊ะ..."

           ร่างเล็กหยุดเดินก่อนจะหันไปส่งสายตาเอาเรื่องกับร่างสูงที่ยิ้มยียวนมาให้ มิราอิกัดริมฝีปากแล้วสะบัดหน้าตัดใจเดินต่อไป เพราะคิดว่าหากมัวมาต่อปากต่อคำกับหมอนี่ก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้น

         ทั้งคู่เดินทางมาถึงหน้าบ้านของมิราอิในเวลาไม่นาน มิราอิเปิดประตูรั้วเข้าไปโดยพยายามไม่สนใจคนตัวสูงที่ตามเข้ามาจอดรถไว้ใกล้ๆ

    "พรุ่งนี้เรามีนัดทำรายงานกันนะ อย่าลืมมาล่ะ ฉันกับยูโตะจะรอพวกเธอที่สถานีรถไฟตอนสิบโมง" มิราอิขมวดคิ้วก่อนหันกลับมาเผชิญหน้ากันโดยตรง แล้วถามขึ้นด้วยความสงสัย

         "ทำไมต้องไปที่สถานี ไปแค่ห้องสมุดเอง"

         เรียวสุเกะกดยิ้มลึก

        "ใครบอกเราจะไปห้องสมุด จะทำให้ได้คะแนนดีต้องไปสถานที่จริงถึงจะดี" มิราอิได้ฟังแล้วประกอบกับใบหน้าท่าทางที่ดูมีลับลมคมใน คนตัวเล็กทำหน้าเครียดขณะที่เอ่ยถามเสียงเรียบ

         "พวกนายมีแผนอะไรกันอีกล่ะ"

          เรียวสุเกะยักคิ้วแล้วหัวเราะเสียงดังลั่น ก่อนจะโบกมือลาในท่าที่มิราอิคิดว่ากวนประสาทได้มากที่สุด เมื่ออีกฝ่ายปั่นจักรยานออกไปแล้ว มิราอิก็ได้แต่ถอนหายใจพรืด รู้สึกกังวลถึงเรื่องพรุ่งนี้ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

    TBC.

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×