ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yamashi] cherry blossom... ~ยามเมื่อซากุระผลิบาน~

    ลำดับตอนที่ #8 : Sakura begins :07

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.ค. 56


             เช้าวันจันทร์อากาศเริ่มผ่อนคลายกลายเป็นสายลมแค่เพียงแผ่วเย็น ทำให้บรรยากาศในการเรียนวันนี้เป็นไปอย่างราบรื่นตลอดคาบจนกระทั่งคุณครูสาว สวยปิดหน้าหนังสือลงพร้อมกับหยุดการบรรยายเมื่อใกล้ถึงเวลาหมดชั่วโมงเรียน

              "อย่างที่คุณครูได้สอนไปเมื่อสักครู่นะคะ คุณครูอยากให้นักเรียนทุกคนมีความเข้าใจในประวัติศาสตร์บ้านเมืองของเราให้ มากกว่านี้ โดยเฉพาะกับเมืองฮาโกเน่ของเรา เพราะฉะนั้น ก็ขอให้นักเรียนจับคู่กันทำรายงานถึงสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ส่งในวันจันทร์หน้า ให้หัวหน้ารวบรวมไปส่งที่โต๊ะของครู เข้าใจนะคะ"

             พอพูดจบก็สบสายตานักเรียนที่เพียรหลบกันเท่าห้อง ใครจะกล้าคัดค้านกันล่ะ สั่งเสียงหวานแถมยังหน้าตาสะสวยแต่สายตานี่นึกว่าอาจารย์ฝ่ายปกครองมาเอง เมื่อไม่มีใครคัดค้านคุณครูก็เดินฉับๆ ออกไปในขณะที่ยูโตะซึ่งนั่งอยู่หลังห้องใช้เท้าเขี่ยขาเพื่อนยิกๆ ทันที

            "เฮ้ย เรียวสุเกะ-"

             คนถูกเรียกหันมามอง ทั้งคู่สบตากันก่อนที่เด็กหนุ่มตัวสูงจะยักคิ้วข้างหนึ่งให้พร้อมกับโบ้ยปากไปยังสองสาวหน้าชั้นเรียน

            "เราทำรายงานด้วยกันเนอะ มิราอิ"

             ฮารุกะหันมาส่งตาแป๋วให้เพื่อนตัวเล็กที่พยักหน้ารับทันทีอย่างไม่รู้ชะตากรรมตัวเองว่ากำลังตกเป็นเหยื่อของอิทธิพลมืดซึ่งกำลังคืบคลานเข้ามาหา แขนแกร่งสองข้างตวัดรัดรอบลำคอของเด็กน้อยทั้งสองพร้อมด้วยรอยยิ้มที่มิราอิ หันไปเจอแล้วอยากจะเอาหนังสือเล่มโตฟาดเข้าให้

              "เรียวสุเกะ มึง!..." ยูโตะยืนกัดมุมผ้าเช็ดหน้าแอบอยู่ด้านหลังเมื่อเห็นเพื่อนรักหักเหลี่ยม โหดคล้องคอกอดยอดยาหยีของพี่โตะได้หน้าตาเฉย

               "สองคนนี้คิดจะทำรายงานเรื่องอะไรกันเหรอ" เรียวสุเกะถามขึ้นในขณะที่มิราอิเมินหน้าหนีไม่อยากตอบ คนตัวสูงจึงหันมาหาฮารุกะที่ส่ายหน้าน้อยๆ แทนคำตอบ

               "พวกเรายังไม่ได้คุยกันเลย อาจจะเป็นโชโกกุ โนะ โมริ มั้ง เนอะมิราอิ" คนน่ารักหันไปเนอะกับคนที่น่ารักอีกคนซึ่งพยายามดึงลำแขนหนาให้ออกไปจากตัว แต่ดูเหมือนคนตัวสูงจะยิ่งเกร็งแขนไม่ให้คนแรงน้อยเอาออกไปได้ง่ายๆ

               "ดีเลย ฉันกับยูโตะความเห็นไม่ตรงกันพอดี ยูโตะน่ะมันอยากทำเกี่ยวกับโชโกกุ โนะ โมริ ส่วนฉันอยากจะทำเรื่องปราสาทโอดาวาระ ถ้าพวกเธอยังไม่มีเรื่องทำมาแชร์กับพวกเราไหมล่ะ ชิมาซากิอยากทำโชโกกุ โนะ โมริ เหมือนยูโตะก็จับคู่กันทำ ส่วนฉันกับชิดะก็ไปทำอีกเรื่อง เป็นไง" เรียวสุเกะบอกยิ้มๆ อันที่จริงเรื่องหัวข้อรายงานนี่เมคขึ้นมาทั้งนั้น เห็นฮารุกะเอ่ยชื่อโชโกกุ โนะ โมริ มาก็จัดการสวมรอยให้เสียเลย แต่ทั้งหมดนี้มีหรือที่มิราอิจะมองไม่ออก

               "ก็เรื่องของพวกนายสิ ไม่เกี่ยวกับเราสักหน่อย" คนตัวเล็กว่าเข้าให้ แต่เรียวสุเกะกลับยิ้มกริ่มก่อนจะยืดตัวขึ้นพร้อมล้วงมือถือขึ้นมาเปิดอย่าง เชื่องช้า

               "สงสัยต้องมีข้อแลกเปลี่ยนละมั้ง ชิดะถึงจะยอม"

                ร่างเล็กมองตรงไปที่คนตัวสูงซึ่งกำลังยืนยิ้มมาให้ด้วยสายตาเจ้าเล่ห์เกินใคร ครั้นพอทำอะไรไม่ได้ มิราอิก็นึกโมโหไปยังอีกคนที่เดินตาหยีเข้ามาร่วมวงด้วยทันทีเมื่อสบโอกาสเหมาะ ทำไมยูโตะต้องมาชอบฮารุกะด้วยก็ไม่รู้ แล้วไอ้คนตัวสูงนี่ก็ไม่รู้ว่าจะรักเพื่อนอะไรนักหนา คนที่ต้องลำบากที่สุดเห็นจะไม่มีใครเกินมิราอิแน่นอน!
     
                "ก็ดีเหมือนกันนะ เราเองก็อยากทำโอดาวาระ โจวเหมือนกับยามาดะ  อยากทำมากกกกกกที่สุดในโลกเลย" มิราอิลากเสียงยาวประชดให้ ในขณะที่เรียวสุเกะยิ้มกว้างมากกว่าเดิมทันที
     
               "เจ๋ง"
     
               ตอบรับพร้อมกับยักคิ้วให้อย่างกวนประสาท มิราอิสะบัดหน้าหนีรีบยัดหูฟังไอพอดแล้วเปิดเพลงดังทะลุแก้วหูให้ระเบิดไปเลย มิราอิไม่รู้ไม่สนอะไรทั้งนั้นแล้ว
     
               "ดีใจจังที่เราได้จับคู่กัน ขอเบอร์หน่อยชิมาซากิจัง" ยูโตะได้ทียื่นหน้าเข้ามาถามเบอร์ที่อยากรู้ใจจะขาดอยู่แล้ว ฮารุกะหันมาสะกิดมิราอิแล้วรีบถอยออกมานั่งข้างเพื่อนตัวเล็กจนตัวติดกัน มิราอิหันหน้าไปสบตากับเพื่อนแล้วได้แต่นึกสงสาร อดทนหน่อยนะฮารุกะ!
     
                ติ๊ด- เสียงเมลล์ดังขึ้น มิราอิกดเปิดอ่านทันที

                [ออกไปเจอกันที่ห้องเก็บอุปกรณ์]

               มิราอิหันขวับไปมองคนตัวสูงที่ยืนกดมือถือคล้ายกับกำลังเล่นเกมส์ ร่างเล็กทำเป็นไม่สนใจแล้วเลือกที่จะฟุบหน้าลงกับโต๊ะและภาวนาให้คุณครูรีบเข้ามาสอนโดยไว สักพักไฟหน้าจอมือถือก็กระพริบบอกว่าเมลล์เข้ามาอีกฉบับ มิราอิเปิดดูอีกครั้งแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นเป็นรูปบ้าๆ ที่อีกคนเอามาแบล็คเมล์อีกครั้ง
     
              แต่พอหันกลับไปหาอีกรอบปรากฏว่าเรียวสุเกะไม่อยู่ในห้องแล้ว มิราอิเหลือบมองฮารุกะที่ยังคงโดนยูโตะป้อไม่เลิกก่อนจะถอนหายใจแรงๆ ดังพรืด
     
             คนตัวเล็กเดินกระแทกเท้าเข้าไปในห้องขนาดเล็กที่มีร่างสูงยืนอยู่ก่อนแล้ว
     
            "มีอะไร" มิราอิถามเสียงห้วน
     
            "เคย์จังฝากมาบอกว่าให้เอาสมุดบัญชีไปส่งที่ห้องสภานักเรียนก่อนบ่ายสาม"
     
            "แค่เนี้ย?" มิราอิถอนหายใจเตรียมเดินออกไปจากห้อง เรื่องแค่นี้ทำไมไม่บอกที่ห้องเรียนก็ไม่รู้ ให้ถ่อมาถึงที่นี่ให้เปลืองแรงเปลืองเวลาทำไมมิราอิล่ะเบื่อจริงๆ เลย
     
            "เดี๋ยว..." ร่างสูงรั้งเอาไว้พร้อมกับจูงมือน้อยให้เดินเข้ามานั่งลงบนเบาะที่ยังคงนอนแอ้งแม้งบนพื้นเหมือนวันแรกที่มิราอิเป็นคนรื้อมันออกมา คนตัวเล็กมองตรงไปที่เรียวสุเกะด้วยสายตาหวาดระแวงแต่หากร่างสูงกลับยิ้มส่ายหน้าเบาๆ พร้อมกับเอนตัวลงนอนโดยใช้หน้าตักของมิราอิเป็นหมอนเฉยเลย
     
            "จะทำอะไรเนี่ย?" มิราอิเตรียมลุก แต่เรียวสุเกะก็จับเอาไว้ให้นั่งลงที่เดิม
     
            "จะนอน เมื่อคืนดูบอลดึก ง่วง"
     
           "ก็แล้วทำไมต้อง..."
     
            "เถอะน่า ฉันขี้เกียจฟังเธอบ่นแล้ว แค่แป้บเดียว" บอกเสร็จก็หลับตานอนไปจริงจัง มิราอิกรอกตาไปมาด้วยความไม่เข้าใจ จะนอนจะหลับมันก็เป็นเรื่องของตัวเองคนเดียวไม่ใช่หรือไง ทำไมต้องให้เธอมานั่งเมื่อยเป็นหมอนด้วยก็ไม่รู้ คิดพลางก้มลงมองแพขนตาหนาที่ยาวพริ้มไปกับผิวแก้มขาวแล้วยอมที่จะนั่งนิ่งเงียบๆ

            นายนี่มันบ้าจริงๆ

            .

            .
     
            .

            ก่อนจะเริ่มคาบเรียนสุดท้ายของช่วงเช้า ยูมิกะและมายุก็เดินนำขยะออกไปเททิ้งที่โรงเก็บขยะนอกตัวอาคารเพราะเป็นเวรทำความสะอาดพอดี ทั้งคู่เดินมาเปลี่ยนรองเท้าที่หน้าประตูทางออก ในระหว่างนั้นยูมิกะที่เปิดล็อกเกอร์ก็ต้องเอียงคอมองกระดาษแผ่นเล็กซึ่งหนีบไว้กับเชือกรองเท้าด้วยความประหลาดใจ
     
           มือขาวเอื้อมหยิบออกมาอ่าน
     
          [จะรอที่หลังตึกกิจกรรมตอนคาบสามนะ -เรียวสุเกะ-]
     
          "เรียวสุเกะคุงอย่างนั้นเหรอ" ยูมิกะพึมพำ นึกแปลกใจยิ่งกว่าเดิมเสียอีกที่พบว่าเรียวสุเกะเป็นคนเรียกออกไปพบในเวลาแบบนี้ทั้งที่ปกติจะมาหาที่ห้องเรียนได้เลยแท้ๆ 
     
          "มีอะไรเหรอ หืม... ยามาดะเหรอ มิน่าล่ะ ได้ยินพวกห้องซีบอกว่าชั่วโมงนี้ว่างนี่นา แต่เราก็ไม่ได้ว่างด้วยสักหน่อย คิดอะไรของเขากันน่ะ" มายุยื่นหน้ามาอ่านแล้วก็วิเคราะห์ด้วยความสงสัยไม่ต่างไปจากยูมิกะที่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
     
           "แต่ก็ลองไปดูหน่อยแล้วกันเนอะ เผื่อคุณแฟนหมาดๆ มีอะไรจะเซอร์ไพรส์" มายุบอกพลางล้อเลียนเพื่อนที่อมยิ้มแก้มตุ่ยตอบ จากนั้นทั้งสองคนก็เอาขยะไปเทก่อนจะเดินเลยไปด้านหลังตึกอาคารกิจกรรมซึ่งในเวลาเรียนแบบนี้แทบจะไม่มีเด็กนักเรียนมาป้วนเปี้ยนเลย
     
          "ไม่เห็นมีคนเลย" มายุบ่นเมื่อมองไปรอบๆ แล้วไม่เจอใคร 
     
          "กลับกันเถอะยูมิกะ"
     
          "อื้อ"
     
          ยูมิกะพยักหน้าแต่ก็ยังคอยมองไปรอบๆ เพราะกลัวว่าอาจจะเป็นเรียวสุเกะคุงจริงๆ ก็ได้ ฉับพลันกลุ่มเด็กนักเรียนหญิงสามสี่คนก็เดินอาดๆ เข้ามาด้วยใบหน้าเรียบเฉยไม่ต่างไปจากน้ำเสียงที่ร้องทักขึ้นมา

          "จริงสินะที่เขาบอกว่าคาวาชิมะ ยูมิกะคนเก่งจากห้องเอเป็นแฟนกับยามาดะคุง" หนึ่งในสี่สาวที่ดูท่าว่าจะเป็นหัวโจกและน่าจะเป็นคนเดียวกับคนที่เขียนจดหมายมาให้ยูมิกะด้วย เด็กสาวกวาดสายตามองท่าทางคุกคามนั้นก็พอจะเดาได้กำลังถูกหาเรื่องเข้าให้แล้ว
     
          "แล้วพวกเธอเป็นใคร" 

          มายุถามขึ้นแต่แล้วก็ต้องสะดุดกับเด็กสาวคนหนึ่งที่ยืนหลบอยู่ด้านหลัง ถ้าจำไม่ผิดนั่นมันมารูโกะห้องซีห้องเดียวกับยามาดะนี่นา และคนพวกนี้ก็คงเป็นเด็กห้องซีสินะ ก็พอจะเข้าใจอะไรได้บ้าง นี่คงแอบเล็งยามาดะไว้แต่พอฝ่ายนั้นมาเป็นแฟนกับยูมิกะถึงได้เต้นพล่านกันอย่างที่เห็น
     
          "เธอไม่เกี่ยว..." เด็กสาวหัวโจกหันมาตะคอกใส่มายุแล้วตวัดสายตาไปยังยูมิกะที่ยังคงยืนนิ่ง "..เด็กเรียนเฉิ่มๆอย่างเธอ.ไม่อายหรือไง เรียวสุเกะคุงเขาก็คงเห็นเป็นของแปลก อย่าทำท่าออเซาะแอ๊บเรียบร้อยไปหน่อยเลย เห็นแล้วรำคาญลูกกะตา" เด็กสาวด่าแล้วก็ต้องยิ้มเยาะอย่างสะใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายหน้าเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด มายุยืนดูเหตุการณ์แล้วอดรนทนไม่ไหวจนปรี๊ดแตกแทนคนเป็นเพื่อนที่ยังคงนิ่ง แต่ดูก็รู้แล้วว่ายูมิกะกำลังตกใจ และก็เพราะเป็นยูมิกะนี่แหละถึงได้ไม่โต้ตอบอีกฝ่าย

          "ไม่แปลกใจเลยจริงๆ ว่าทำไมยามาดะถึงไม่แล"

         เพี๊ยะ! มายุหน้าหันไปทันทีที่พูดจบ เด็กสาวสะบัดหน้ากลับมาตาลุกวาว

         "หมดความอดทนแล้วนะ!"

          "มายุ!"

          ยูมิกะร้องลั่นเมื่อเห็นเพื่อนถูกเด็กผู้หญิงรุมตบกันจนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร เธอพยายามจะเข้าไปห้ามแต่กลับกลายเป็นว่าถูกรุมตะลุมบอนชุลมุนไปหมดจนยูมิกะเองไม่รู้จะทำยังไงแล้ว เธอไม่อยากทำร้ายคนอื่นถึงแม้ฝ่ายนั้นจะเข้ามาหาเรื่องก่อน แต่เธอก็ไม่อยากให้เพื่อนต้องมาเจ็บตัวโดยที่เขาเป็นสาเหตุ เรื่องมันควรจะมีทางออกที่ดีกว่านี้แต่ดูเหมือนความคิดของเธอจะสื่อไปไม่ถึงทุกคนเลย
     
         เพี๊ยะ- แก้มขาวถูกตบจนแสบปร่าและถูกผลักให้ล้มลงไปบนผืนหญ้าจนจุกไปทั้งตัว

         "ยูมิกะ!"

         มายุรีบเข้ามาประคองเพื่อนและในจังหวะนั้นก็มีเสียงเป่านกหวีดแล้วเด็กนักเรียนติดเข็มปีสามก็วิ่งเข้ามาแยกทั้งสองกลุ่มให้ออกจากกันวุ่นวาย ยูมิกะมองสบตากับมายุด้วยความเป็นกังวลเมื่อคิดว่าถูกเรียกไปฝ่ายปกครองอย่างแน่นอน

         .

         .

         .
      
          ห้องสภานักเรียนที่แสนเย็นฉ่ำแต่บรรยากาศรอบตัวกลับดูเคร่งเครียดเมื่อ ประธานนักเรียนทาคาคิ ยูยะเดินกอดอกวนไปรอบที่นั่งซึ่งได้รวบตัวเด็กปีหนึ่งที่ไปแอบทะเลาะกันหลัง ตึกอาคารกิจกรรม การกระทำที่อุกอาจเช่นนี้ทำให้ผู้เป็นประธานนักเรียนซึ่งกำลังนั่งหลับใน ห้องเรียนต้องวิ่งมายังห้องสภาที่ตอนนี้ได้กลายเป็นห้องสืบสวนชั่วคราวไป แล้ว

          "ทำไมถึงได้ทะเลาะกันแบบนี้ ไหนบอกมาซิ มีเรื่องขุ่นข้องหมองใจอะไรกันนักหนา"

          "คนเราก็ต้องมีเรื่องที่เป็นความลับกันบ้างสิคะ" เสียงของหนึ่งในสี่สาวพูดขึ้นอย่างไม่เกรงกลัวบารมีใดๆ ทำให้เท้าที่กำลังเดินวนหยุดกึก ยูยะใช้มือลูบปากตัวเองก่อนจะตัดสินใจเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งของ ตน

          "จะไม่ถามก็ได้ว่าทำไม แต่รู้ใช่ไหมว่าทำแบบนี้มันผิดกฏโรงเรียนข้อที่ 34 ที่ว่า..."

           "ตาลุงนี้บ่นอะไรของเขาเนี่ย" มายุแอบกระซิบกับยูมิกะ แต่พอสายตาดันไปปะทะกับคู่กรณีฝั่งตรงข้ามก็ตาเขียวขึ้นมาทันทีจนยูมิกะ ต้องลูบมือปลอบให้ใจเย็น

           "เอาเป็นว่าคราวนี้จะไม่ส่งเรื่องไปถึงฝ่ายปกครองเพราะเห็นยังเป็นเด็กใหม่ กันอยู่ แต่ถ้ามีอีกคราวหน้ารับรองบัตรเชิญร่อนไปถึงบ้านแน่นอน ไปเรียนกันได้แล้วไป" ประธานนักเรียนโบกมือไล่ทันทีที่พูดจบ ทั้งสองกลุ่มส่งสายตาเอาเรื่องไม่ยอมกันแล้วต่างฝ่ายก็รีบออกมาจากห้องสภา นักเรียนทันที

           มายุที่ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง หน้าตามีรอยแดงรอยขีดข่วนยังคงส่งสายตาเขม่นกับฝ่ายตรงข้ามในขณะที่พยายาม เบียดกันออกไปจากประตู ยูมิกะเดินตามหลังออกไปได้แต่ส่ายหน้า ถึงแม้มายุจะอารมณ์ร้อนแต่ก็เป็นเพราะไม่ยอมแพ้ใครง่ายๆ และที่สำคัญยังคอยปกป้องเธออยู่เสมอ

          มีแต่เธอที่ทำให้ทุกคนต้องลำบากกันอยู่เรื่อย

         ยูมิกะเดินผ่านประตูออกไปในจังหวะที่เด็กหนุ่มอีกคนเดินเข้ามาพอดี

         "มีเรื่องแค่เพราะแย่งผู้ชายกัน ไม่คิดว่าน่าละอายใจหน่อยเร้อ-"

          ยูมิกะหยุดเดินก่อนจะหันไปมองคนพูดที่ตอนนี้กำลังเดินเข้าไปคุยกับ ประธานนักเรียน จากเข็มกลัดติดหน้าอกบอกให้รู้ว่าอยู่ปีสอง และคงเป็นหนึ่งในคณะกรรมการนักเรียนอย่างแน่นอน

          คนตัวเล็กก้มหน้าลงก่อนจะยิ้มรับคำครหาด้วยความเต็มใจ

          ยูมิกะรู้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องนัก และก็สมควรแล้วที่จะถูกตราหน้าเช่นนั้น
     
          "ยูมิกะ เหม่ออะไรอยู่" มายุที่ยืนรออยู่ไม่ไกลตะโกนเรียก

          "อื้อ กำลังจะไปเดี๋ยวนี้แหละ"

          ยูมิกะยิ้มหวานให้เพื่อนอย่างเคยทั้งที่ในใจกำลังรู้สึกแย่อย่างที่สุด

     
    TBC.


           
        +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×