ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yamashi] cherry blossom... ~ยามเมื่อซากุระผลิบาน~

    ลำดับตอนที่ #5 : Sakura begins : 04

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.ค. 56


              ถึงเวลาพักเที่ยงบรรดานักเรียนต่างก็ตรงดิ่งไปที่โรงอาหารหรือบางคนก็นำข้าวกล่องที่พกมาด้วยขึ้นมากินกันไม่เว้นแม้กระทั่งยูโตะซึ่งพอล้วงเอาข้าวกล่องขนาดมหึมาวางบนโต๊ะปุ๊บ ไอ้เพื่อนรักที่คิดว่ามันจะมาโซ้ยด้วยกันกลับลุกหนีปั๊บทันที
     
            "เฮ้ย ไปไหนวะเรียวสุเกะ ไม่ต้องไปโรงอาหารแล้ว วันนี้ให้แม่ทำกับข้าวมาเพียบเลยว่ะ มาๆ นั่ง"
     
             คนชวนใจดีแถมลากเก้าอี้มาให้นั่งเสียด้วย หากแต่เรียวสุเกะกลับส่ายหน้าดิก
     
             "ใครบอกกูจะกินกับมึง"
     
            "อ่าว- ไอ้นี่ แล้วมึงจะปล่อยให้กูกินข้าวคนเดียวดิ๊?"
     
            "ก็กินไปดิ กูจะไปกินข้าวกับยูมิกะ"
     
           "ใจร้ายที่สุด!" 
     
           ยูโตะโอดครวญตามหลังเพื่อนตัวสูงที่เดินออกไป แต่เรื่องอะไรยูโตะจะยอมกินข้าวคนเดียวล่ะ ไว้รอให้เขาเป็นฝั่งเป็นฝา(?)กับฮารุกะก่อนเถอะจะไม่ง้อเลย เด็กหนุ่มรีบโกยข้าวของวิ่งตามเรียวสุเกะที่ทันเห็นหลังไวๆ ออกไปอย่างไม่รีรอ

           เพราะอย่างนั้นมื้อเที่ยงที่คิดว่าจะมีกันแค่สองคนกลับมีบุคคลที่สามสี่เพิ่มเข้ามาด้วยอย่างช่วยไม่ได้ แต่ยูมิกะเองก็ใช่ว่าจะไม่ชอบใจอะไร กินข้าวด้วยกันเยอะๆ สนุกดี ที่สำคัญเพื่อนของเธอ วาตานาเบะ  มายุ  มาทานด้วยกันอยู่แล้ว
     
          "นี่ยามาดะ นายไม่ชอบพกข้าวกล่องเหรอ" มายุถามขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนของตนเองยื่นข้าวกล่องให้คนตัวสูงที่รับมาก็คีบเคี้ยวตุ้ยๆ ท่าทางน่าเอร็ดอร่อย
     
          "โหยย มันไม่ต้องพกก็มีสาวเอามาให้ทุกวันอยู่แล้ว" ยูโตะตอบให้ราวกับรู้เรื่องของเพื่อนเป็นอย่างดีทั้งที่พบหน้ากันได้แค่ไม่กี่วันพลางใช้ตะเกียบคีบไข่หวานคนอื่นขึ้นมากินอีกจึงโดนเรียวสุเกะใช้ตะเกียบในมือเคาะเข้าให้จนต้องร้องเสียงดัง

          "พูดอย่างกับเคยเห็น"

          "เอ้า มารูโกะห้องเราไงฝากข้าวกล่องมาให้" ยูโตะตอบหน้าตาย

          "ไหนบอกแม่ทำไง"

          "ก็โกหกไง"

          คนตัวสูงส่ายหน้าระอา ในขณะที่ยูมิกะลอบมองข้าวกล่องหน้าตาดูดีและอัดแน่นด้วยอาหารชั้นดีทั้งนั้นซึ่งยูโตะกำลังจ้วงกินเอาๆ ก่อนจะเหลือบมองข้าวกล่องของตัวเองที่ให้เรียวสุเกะทาน ก็แค่กับข้าวพื้นๆ ธรรมดาเท่านั้น เพราะเรียวสุเกะเป็นคนใจดียูทิกะจึงรู้ดีว่ายังไงยูโตะก็ต้องเลือกข้าวกล่องของเธอที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กอย่างแน่นอน แต่ยูมิกพจะเห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่านะ ที่เอาความได้เปรียบตรงนี้มาใช้ บางทีเรียวสุเกะอาจจะอยากตอบรับความรู้สึกของเด็กสาวที่ชื่อมารูโกะก็เป็นได้
     
          "ยูมิกะเป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า?"
     
            คนตัวสูงถามพร้อมกับยื่นมาแตะหน้าผากคนตรงหน้าที่เอาแต่นั่งเงียบ ท่าทางซึมๆ ยูมิกะส่ายหน้าเป็นคำตอบพร้อมกับพยายามยิ้มให้โดยมีสายตาของเพื่อนสนิทอย่างมายุเฝ้ามองไม่ห่าง
     
            "อย่างนี้นี่เองสินะ" มายุเปรยออกมาเสียงเบา ยูมิกะได้ยินไม่ชัดจึงหันไปถามอีกรอบ แต่มายุก็ทำเพียงแค่ส่ายหน้าไม่รู้ไม่ชี้

            "ยูมิกะ พรุ่งนี้วันเสาร์ไปค้างที่บ้านฉันไหม" 
     
             จู่ๆ เรียวสุเกะก็พูดขึ้นทำเอาตะเกียบในมือขาวเกือบหล่น ยูมิกะเงยหน้าขึ้นสบตากับเพื่อนตัวสูงเพื่อต้องการคำยืนยันว่าที่เพิ่งได้ยินไม่ได้เข้าใจผิดไป
     
             "ค้าง...?"
     
            "ใช่ ไปค้าง พอแม่ฉันรู้ว่ายูมิกะเองก็เรียนอยู่ที่นี่ก็บ่นคิดถึงใหญ่เลย บอกให้พายูมิกะไปให้คุณนายได้เจอหน่อยน่ะ" เรียวสุเกะบอกเล่าพร้อมกับคีบเนื้อเข้าปาก ยูมิกะยิ้มเมื่อนึกถึงคุณน้ายูโกะแม่ของเรียวสุเกะที่ไม่ได้เจอกันตั้งนาน
     
            "นั่นสินะ เราเองก็ยังไม่ได้ไปทักทายคุณน้าทั้งสองเลย"
     
            "โอเค เอาเป็นว่าเย็นพรุ่งนี้ฉันจะไปรับนะ"
     
            "อื้อ"
     
            ทั้งคู่ยิ้มให้กันในขณะที่มายุได้แต่ลอบมองอยู่ห่างๆ ก่อนจะยิ้มออกมาบางเบาเมื่อคิดว่าในที่สุดเพื่อนของเธอก็คงจะได้เจอคนที่ถูกใจเสียทีหลังจากที่ไม่มองไม่สนใจใครเอาเสียเลยจนนึกเป็นห่วงตั้งนาน ในขณะที่ยูโตะก็แอบมองเรียวสุเกะอยุ่เหมือนกันว่าเมื่อไหร่จะเผลอสักที เขาแอบเล็งไส้กรอกไว้ตั้งนานแล้วเนี่ย
     
             เมื่อใกล้ถึงเวลาเรียนคาบบ่าย สองหนุ่มแห่งห้องซีก็เดินลูบท้องออกมาจากห้องเอ ในจังหวะที่ทั้งคู่เดินออกจากกรอบประตูก็เห็นว่าเพื่อนจากห้องเดียวกันกำลังเดินผ่านห้องเอเพื่อกลับห้องของตนเองเช่นกัน ยูโตะใช้เท้าสะกิดขาเพื่อนเพื่อส่งสัญญาณให้รู้ว่าหวานใจของตัวเองกำลังเดินผ่านมา

            "ฮารุกะที่รักของกู เก้านาฬิกา"

           เรียวสุเกะหันไปมองตามพิกัดพร้อมกับกดยิ้ม ดวงตาคมไม่ได้มองตรงไปที่ฮารุกะแต่กลับเพ่งมองไปยังอีกคนที่เดินมาด้วยกัน แต่ดูเหมือนฝ่ายนั้นจงใจจะเมินสายตาของเขาราวกับว่าที่เขายืนอยู่ตรงนี้ไม่มีตัวตน
     
            "น่ารักเชี่ยๆ เลยมึง" 
     
             ยูโตะยังคงมองตาปรอยพลางเพ้อด้วยถ้อยคำที่เรียวสุเกะชักจะสงสัยว่าตกลงไอ้คุณเพื่อนต้องการจะชมหรือว่ายังไง แต่ในระหว่างที่สองสาวเดินผ่านหน้า ท่อนขายาวก็ยื่นออกไปเล็กน้อยพาให้ร่างจ้อยที่กำลังก้าวเดินสะดุดจนต้องล้มลงไปนั่งทรุดกับพื้นระเบียงท่ามกลางเสียงร้องตกใจของผู้ที่พบเห็น
     
             "ขอโทษนะ ที่ไม่ทันระวัง" ร่างสูงตรงเข้าไปประคองด้วยท่าทีที่ดูเดือดเนื้อร้อนใจในความผิดพลาดของตัวเอง แต่พอมิราอิสะบัดหน้าหันไปมองก็พบกับดวงตาเป็นประกายที่ดูสนุกเกินกว่าจะสำนึกผิดอย่างที่พูด คิ้วเข้มของคนตัวสูงกระตุกพร้อมกับรอยยิ้มมุมปากกดลง
     
              "ฉันไม่ได้...ตั้งใจ" 
     
               จงใจที่จะกดเสียงคำหลังให้ดูต่ำลง เห็นได้ชัดว่าไอ้มนุษย์เสาไฟฟ้าต้องการที่จะแกล้งเธออีกแล้ว มิราอิสะบัดตัวหนีลุกขึ้นยืน ใช้สายตาเขม่นมองคนตรงหน้าด้วยความเกลียดชังจนอยากจะหาอะไรมาขว้างใส่อีกฝ่ายให้ได้รู้สึกเจ็บช้ำเสียบ้างที่ชอบมาระรานคนอื่นไม่มีหยุดหย่อน
     
              "ไปกันเถอะฮารุกะ"
     
              มิราอิหันมาคว้ามือเพื่อนก่อนจะเดินดุ่มๆ กลับเข้าห้องเรียน คนตัวสูงยังคงกดยิ้มลึกพร้อมกับผิวปากอย่างอารมณ์ดีในระหว่างที่เดินกลับไปยังห้องเรียนของตน
     
             .
             .
             .
     
             จวบจนกระทั่งหลังเลิกเรียนที่ห้องชมรมดนตรีซึ่งดูเหมือนเป็นสมาคมคนไม่มีอะไรทำเสียมากกว่าตามสไตล์ของหัวหน้าชมรมที่เป็นถึงรุ่นพี่ปีสามยาบุ โคตะซึ่งตั้งแต่ก่อตั้งชมรมมายังไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันนอกจากสุมหัวกินขนมกันไปวันๆ ห้องชมรมขนาดกลางทั่วไปจึงเต็มไปด้วยซากของถุงจากร้านสะดวกซื้อเกลื่อนปลิวกันว่อน
     
             "เฮ้ย โคตะ มึงเป็นหัวหน้าชมรมนะเว้ย มาช่วยกันทำบัญชีปิดงบของช่วงปิดเทอมทีดิวะ" เด็กหนุ่มหน้าตาผู้ทรงภูมิความรู้ ใส่แว่นกรอบบาง ตัวสูงขาวหันมาตะโกนใส่เพื่อนที่นอนเอกเขนกบนโซฟากลางห้อง โคตะผงกศีรษะขึ้นมาดูเล็กน้อย
     
             "มึงเป็นเหรัญญิกก็จัดการไปดิ" บอกแล้วล้มตัวลงนอนตามเดิม อิโนโอะ เคย์ผู้เป็นถึงการเงินของชมรมได้ยินแล้วคิ้วกระตุก เป็นเวรเป็นกรรมของเขาจริงๆ ที่ต้องมาอยู่ชมรมนี้ โดนใช้งานยังกับทาส
     
            "เฮ้ย ปีสามแล้วนะเว้ย มาทำไรให้มันจริงจังกันหน่อย"
     
             เคย์เหล่ตามองไอ้คนจริงจังที่นั่งกระเดือกชาเขียวอยู่มุมห้อง ยาโอโตะเมะ ฮิคารุ จริงจังตายละมึง มือซ้ายถือขวดชาเขียว มือขวานั่งกดเกมส์ยิกๆ คนที่ควรจะพูดคำนั้นน่ะกูนี่! นึกพลางจดรายการจากใบเสร็จลงสมุดบันทึกค่าใช้จ่ายของชมรมเพื่อส่งไปยังสภานักเรียน มีแต่ค่าขนมทั้งนั้น ฝ่ายการเงินของสภานักเรียนคงยอมอนุมัติเงินให้หรอกนะ
            
             "มาแล้วค๊าบบบบ"
       
             ยูโตะเดินแบกกีต้าร์คู่ใจนำเรียวสุเกะเข้ามาในห้องชมรมด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง รุ่นพี่ทั้งสามที่แอบหนีเรียนมาสุมหัวอยู่ก่อนหน้านี้ทักทายตอบกลับแค่พยักหน้าเนือยๆ ให้ 
     
            "ทำไมทำหน้าเพลียแบบนั้นล่ะครับรุ่นพี่ แค่นี้ยังเหี่ยวไม่พอเหรอ" พูดจบปุ๊บ ขวดชาเขียวที่กินยังไม่หมดแล้วก็ลอยหวือมาใส่ทันที น้ำชาหกกระฉอกตามระยะทางเปื้อนเต็มพื้นไปหมด เรียวสุเกะหัวเราะแล้วเดินหลีกไปนั่งหลังกลองอิเล็กโทรนิกส์กลางเก่ากลางใหม่แต่ยังคงสภาพดีเพราะไม่มีใครมาเล่น

            "โหยอะไรวะ คนเค้าอุตส่าห์เป็นห่วง"ยูโตะบ่นงึมงำเดินตามเรียวสุเกะไปพร้อมกับเอากีต้าร์ขึ้นมาเทียบเสียง
     
            "ห่วงบ้านป๊าแก มาว่าไอ้บุมันเหี่ยว" ฮิคารุว่าให้เดือดร้อนคนโดนพาดพิงต้องลุกขึ้นนั่งเถียง
     
            "มันว่ามึง"
     
           "ว่ามึงน่ะแหละ"
     
           "มึงน่ะแหละ"
     
            "โว้ย! กูอยู่กับพวกมึงแล้วประสาทจะลงไส้ติ่ง กูจะไปห้องพยาบาล ถ้ากลับมาแล้วยังไม่เลิกเถียงกันกูจะจับจูบแม่งให้หมด!" เคย์พูดแล้วเดินกระแทกเท้าออกไปทันทีสวนทางกับมิราอิและฮารุกะซึ่งฝ่ายหลังเมียงมองเข้ามาในห้องชมรมแล้วสะกิดไหล่เพื่อนยิกๆ ทันที
     
           "จะดีเหรอมิราอิ" 
     
            มิราอิถอนหายใจ อยากจะตอบออกไปว่าไม่ดี แต่เพราะความเฮงซวยส่วนตัวทำให้ร่างเล็กต้องพยักหน้าตอบหงึกๆ แล้วจูงมือฮารุกะเข้าไปในห้องชมรมที่พอสองสาวก้าวเข้าไป คนที่อยู่ในห้องก่อนหน้าก็ออกอาการหางโผล่กันเก็บแทบไม่มิด ก็แหม หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักน่าดูเอ็นเสียขนาดนี้แล้วยิ่งยูโตะถึงกับเล่นเพลงเสียจังหวะเมื่อเห็นว่าใครที่กำลังยืนส่งตาแป๋วมาให้
     
          ช่วยไปน่ารักไกลๆ หน่อยได้ไหมครับ!
     
         ถึงจะตะโกน(ในใจ)ออกไปแบบนั้น แต่เด็กหนุ่มกลับพาตัวเองไปเสนอหน้าให้เห็นทันที
     
         "ชิมาซากิก็สนใจเล่นดนตรีเหมือนกันเหรอ" ฮารุกะสั่นหน้าพรืด
     
        "ไม่อ่ะ มาเป็นเพื่อนมิราอิเฉยๆ" 
     
         ตอบคำถามได้ตรงประเด็น เฉยเมยเย็นชาเสียจนยูโตะอยากจะทำมิดีมิร้ายด้วย โอเคมันอาจจะไม่เกี่ยวกันแต่คนน่ารักทำอะไรก็น่ารัก ดวงตาใสแจ๋วแป๋วแหว๋วที่มองมาถึงแม้จะดูออกว่าค่อนข้างจะกลัวเขามิใช่น้อยแต่ยูโตะก็พยายามมองให้ดูเหมือนว่ากำลังถูกจ้องมองด้วยสายตาแห่งความรัก

        "บ้าหรือเปล่าเนี่ย มิราอิไปกันเถอะ" ฮารุกะหันมาสะกิดเพื่อนอีกรอบเมื่อรู้สึกว่ากำลังถูกแทะโลมทางสายตา มิราอิส่ายหน้าแล้วเดินเข้าไปหาโคตะที่ดูน่าจะอาวุโสสุดแล้วในห้อง
     
         "พวกเรามาสมัครเป็นผู้จัดการชมรมค่ะ"
     
        "โอ้ว!"
     
          โคตะกับฮิคารุอุทานออกมาพร้อมกัน ร้อยวันพันปีจะมีคนอาสามาเป็นผู้จัดการชมรมโดยที่ไม่ต้องบังคับฝืนใจใครมาทำ แถมเด็กใหม่ยังหน้าตาดีตัวเล็กน่าหิ้วอีกตังหาก ต่อไปนี้ชมรมที่แห้งเหี่ยวมืดมนมีแต่พวกผู้ชายตัวใหญ่ๆ คงดูสดใสน่าอยู่ขึ้นเป็นกอง
     
         "ฮิค ใบสมัครมาเร็ว"
     
          "มีที่ไหนล่ะของอย่างนั้น" โคตะทำหน้าเหรอหรา ลืมไปว่าไม่ได้ทำไว้
     
          "งั้นพี่รับเลย เริ่มเลย"
     
          "แล้วพวกฉันต้องทำอะไรบ้างคะ?" มิราอิถามขึ้นโดยพยายามทำเป็นมองไม่เห็นคนที่อยู่หลังกลองหลังห้อง โคตะพอได้ฟังคำถามก็นิ่งไปเป็นนาน ว่าแต่ พวกผู้จัดการชมรมเขามีหน้าที่ทำอะไรกันหว่า อืม... งืม... เอ...?
     
          "พี่ยังคิดไม่ออกว่ะ ขอไปเอาเท้าก่ายหน้าผากคิดซักคืนก่อนนะ" ร่างสูงตอบกลับมาหน้าตาจริงจัง คงคิดจะทำอย่างที่พูดจริงๆ ฮารุกะทำหน้าเพลียรู้สึกสงสารตัวเองจริงๆ ที่เข้ามาอยู่ในชมรมนี้ ไม่รู้ว่ามิราอิคิดอะไรอยู่ถึงได้ชวนมาก็ไม่รู้

          "ถ้างั้นพวกเราสองคนขอตัวก่อนนะคะ"

          "เอางั้นก็ได้"

          โคตะพยักหน้าให้เมื่อมิราอิเอ่ยปากขอ เพราะตอนนี้เขาก็ยังคิดไม่ออก เดี๋ยวเสร็จจากชมรมแล้วจะแอบโทรไปถามเพื่อนที่ชมรมอื่นว่าไอ้ผู้จัดการชมรมเนี่ยเค้าทำอะไรกันบ้าง อย่าว่าแต่ผู้จัดการชมรมเลย ไอ้หน้าที่หัวหน้าชมรมที่ตัวเองถือตำแหน่งห้อยคออยู่ตอนนี้ก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าเขาให้เป็นทำไม -*-
     
         "เดี๋ยว!"
     
          เรียวสุเกะที่นั่งนิ่งมานานพูดขัดขึ้นพลางลุกพรวดเข้าไปคว้าแขนเล็กบางของคนที่กำลังจะเดินออกไป มิราอิหันกลับมามองแล้วพยายามดึงแขนออกมาแต่ร่างสูงกลับยื้อไว้พร้อมด้วยสายตาที่มองตรงมาว่าให้นิ่ง
     
          "จะไปตอนนี้ไม่ได้ ชมรมยังไม่เลิก" 
     
          "ฉันได้รับอนุญาตแล้ว" มิราอิเลื่อนสายตามาที่โคตะซึ่งกำลังนั่งหน้างงอยู่ว่าตอนนี้กำลังเกิดอะไรขึ้น เรียวสุเกะก้มหน้าลงกดพูดเสียงให้เบาที่พอจะได้ยินกันแค่สองคน
     
          "แต่ฉันยังไม่อนุญาต"
     
          "นายเป็นหัวหน้าชมรมหรือไงถึงได้มาสั่งฉัน" มิราอิกระแทกเสียงตอบกลับไปเบาไม่ต่างกัน เรียวสุเกะเลิกคิ้วทำหน้ายียวน
     
          "เธอก็รู้ว่าฉันสั่งเธอได้"
     
          ทั้งคำพูดและสายตาที่ตอกย้ำกลับมาว่าเป็นผู้ที่เหนือกว่าทำให้มิราอิต้องขึงตามองตอบผู้ชายตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากจะยอมแพ้แม้ในตอนนี้เธอกำลังถูกบีบให้ต้องอยู่ต่ำกว่าอย่างที่ไม่ควรเป็น
     
         "อย่าให้ฉันลบรูปนั้นได้ก็แล้วกัน นายไม่มีทางได้มาสั่งฉันฉอดๆ อย่างตอนนี้แน่ ยามาดะ  เรียวสุเกะ!"

          "อย่าขู่แต่ปากแล้วกัน"

          "ฉันทำจริงแน่!"

          มิราอิสะบัดด้วยความแรงตามอารมณ์ที่ถูกยั่วยุทั้งที่มิราอิไม่ใช่คนอารมณ์ร้อนขี้โมโหง่ายแต่พอมองหน้าหมอนี่ทีไรก็เหมือนความโกรธความเกลียดจากที่ไหนไม่รู้ประเดประดังเข้ามาให้ต้องหัวเสียทุกครั้ง แต่ในจังหวะนั้นท่อนแขนที่ดึงออกมากลับไปปัดสมุดบันทึกรายการเล่มใหญ่ให้หล่นลงบนพื้นท่ามกลางสายตาตกใจของใครหลายคน
         ยิ่งไปกว่านั้นสมุดที่เหมือนจะเป็นสมบัติล้ำค่าของชมรมกลับหล่นแปะลงบนน้ำชาเขียวที่เจิ่งนองไปทั่วห้อง ฮิคารุยกมือปิดปากด้วยความหวาดเสียวเมื่อคิดว่าถ้าเหรัญญิกของชมรมกลับเข้ามาเห็นสภาพคงได้โดนฆ่าหมกส้วมศพไม่สวยแน่ๆ คิดได้ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงคว้ากระเป๋ามาสะพายแล้วย่องออกไปจากห้องทันที
     
         "เอ่อ พี่ขอตัวกลับก่อนนะ พอดีรู้สึกไม่ค่อยสบาย"
     
         "เฮ้ยไปด้วย!"
     
          เมื่อเห็นเพื่อนเอาตัวรอดไปอย่างเนียนๆ มีหรือประธานชมรมผู้เสียสละจะนิ่งเฉยได้ โคตะเองก็โกยอ้าวหนีไปพร้อมกับฮิคารุในทันที
     
          "รู้ไหมว่าเธอทำอะไรลงไป" เรียวสุเกะหันมาเอาเรื่องกับร่างเล็กที่เหวอไปเล็กน้อยจากพฤติกรรมของรุ่นพี่ที่ดูแปลกไปอย่างกะทันหัน มิราอิหยิบสมุดที่เละเทะขึ้นมาดูสภาพแล้วก็ต้องจำใจยอมรับผิด แต่ก็ใช่ว่าเขาจะยอมให้หมอนี่ด่าปาวๆ แบบนี้
     
         "ฉันจะรับผิดชอบเอง พอใจหรือยัง"
     
         "ก็ดี..."
     
        "มีอะไรกันน่ะ"
     
         เสียงของผู้มาใหม่พาให้ยูโตะที่ยืนดูเหตุการณ์สะดุ้งโหยง เด็กหนุ่มรีบไปรับหน้ารุ่นพี่สุดโหดไม่ให้เข้ามาข้างในเพื่อมองเห็นผลงานตัวเองที่ทำมาหลายวันเปียกยุ่ยไม่เป็นท่า พวกรุ่นพี่คนอื่นก็ไปกันหมดแล้ว คนที่จะโดนลูกหลงจะเป็นใครถ้าไม่ใช่ยูโตะเอง
             
         "เอ่อ พอดีเราได้ผู้จัดการชมรมใหม่แล้วชิดะเขาอาสาทำบัญชีให้รุ่นพี่น่ะครับ"
     
        "จริงเหรอ" เคย์ถามกลับเสียงอ่อนทันที มิราอิเหลือบมองดูคนตัวสูงข้างตัวแล้วก็ต้องจำยอมพยักหน้าไป อย่างน้อยเธอผิด เธอก็ต้องรับผิดชอบ ข้อนี้เธอรู้ดีอยู่แล้ว
     
        "ค่ะ"
     
        "ดีเลย ดีมากๆ แล้วสองคนนั้นเขาหายไปไหนแล้วล่ะ" เคย์มองหาเพื่อนพลางจะเดินเข้ามาข้างในแต่โดนยูโตะเบรคเอาไว้เสียก่อนด้วยท่าทางลุกลนอย่างเห็นได้ชัด
     
        "กลับไปแล้วครับ รุ่นพี่ก็น่าจะกลับไปพักได้แล้วนะ ฮ่ะฮ่ะ"

        "ท่าทางแปลกๆ มีอะไรปิดบังฉันรึเปล่า"

         "ไม่มี๊"

         เคย์มองลึกเข้าไปในดวงตาของเด็กหนุ่มตัวสูงนิ่งนานก่อนจะพูดออกมาเสียงเรียบ
     
        "งั้นเอากระเป๋ามาให้พี่ทีซิ"
     
        แทบจะลอยมาคว้ากระเป๋าเลยทีเดียว เมื่อรับกระเป๋ามาจากยูโตะแล้ว เคย์ก็หันมาหามิราอิก่อนจะยิ้มให้พร้อมกับโบกมือบ้ายบายอย่างใจดีผิดกับภาพลักษณ์ก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
     
       "ขอบใจนะชิดะคุง ไปแล้วนะทุกคน"
     
        ฟู่ววว- ถอนหายใจออกมาพร้อมเพรียงแม้แต่ฮารุกะเองที่ไม่ค่อยจะรู้เรื่องอะไรยังแอบลุ้นอยู่ตั้งนาน เด็กน้อยก้มมองนาฬิกาในมือแล้วแทบสะดุ้ง
     
        "มิราอิ เราต้องไปแล้ว เดี๋ยวไม่ทันไปช่วยรุ่นพี่ที่ชมรมเบสบอล" ฮารุกะบอกด้วยน้ำเสียงร้อนรน มิราอิเห็นแล้วก็รีบพยักหน้าเพราะเท่าที่ขอร้องให้ฮารุกะมาก็มากเกินพอแล้ว 

        "งั้นรีบไปเถอะ"

        "งั้นเดี๋ยวคืนนี้โทรหานะ ถ้าไงเรื่องสมุดเดี๋ยวเราไปช่วยทำ" ฮารุกะอาสาแข็งขัน มิราอิพยักหน้ายิ้มตอบ ฮารุกะจึงได้วิ่งออกไปทันที ยูโตะเองก็มองซ้ายมองขวาก่อนจะคว้าทั้งกระเป๋าและกีต้าร์มาถือเตรียมพร้อมวิ่งตามฮารุกะที่วิ่งลงบันไดหายไปแล้ว
     
        "เดี๋ยวไปส่งฮารุกะ พวกแกก็ตามสบายนะ"
     
        พูดแล้วก็วิ่งออกไปอีกคนเหลือทิ้งก็เพียงสองคนที่อยู่เฝ้าห้อง มิราอิถอนหายใจเก็บสมุดขึ้นมาถือพร้อมกับสำเนาใบเสร็จรายการซื้อของเตรียมออกไปจากห้องเช่นกัน โชคยังดีที่พรุ่งนี้วันหยุด เขาคงพอมีเวลาสะสางสมุดบัญชีนี้ได้ไม่ยาก
     
       "จะไปไหน?"
     
        "ก็กลับบ้านไง" มิราอิบอกโดยที่ไม่ยอมหันกลับมาในขณะที่กำลังจะเดินออกไป แต่ยังไม่ทันที่จะก้าวพ้น ร่างหนาก็เข้ามาขวางทางให้มิราอิต้องทำหน้าเหนื่อยใจอีกรอบ
     
        "มีอะไรอีก ฉันจะรีบกลับบ้านไปทำบัญชีบ้าบอนี่ไง"

         เรียวสุเกะเลิกคิ้วพลางยิ้ม

         "ใครบอกให้ทำที่บ้านได้ เธอต้องทำที่นี่และทำให้เสร็จภายในวันนี้"
     
         มิราอิตวัดสายตามองคนตรงหน้าที่ฝ่ายนั้นก็จ้องตอบกลับมาเช่นกัน
     
         "นายมันปีศาจชัดๆ ยามาดะ เรียวสุเกะ!"

         TBC.

                ++++++++++++++++++++++++
           ขอกำลังใจให้ไรเตอร์ด้วยน๊่าา

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×