ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yamashi] cherry blossom... ~ยามเมื่อซากุระผลิบาน~

    ลำดับตอนที่ #4 : Sakura begins : 03

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.ค. 56


         ตอนหัวค่ำหลังจากที่ยูมิกะอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็เดินออกมาเตรียมจัดโต๊ะทานข้าวที่ได้ลงมือทำอาหารเองไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ถึงแม้ฮาโกเน่จะเป็นบ้านเกิดของผู้เป็นแม่แต่ญาติพี่น้องที่เคยอยู่แถวนี้ก็ย้ายไปที่อื่นกันหมดจึงเหลือแค่แม่และเธออยู่ด้วยกันสองคนเท่านั้น อะไรที่พอช่วยเหลือได้ยูมิกะก็อยากจะช่วย อย่างเช่นการทำกับข้าวมื้อเย็นที่เป็นหน้าที่หลักของเธอ
          
         "เรียวสุเกะคุง-"

          มือน้อยที่กำลังใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดผมชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเดินเข้าไปในบริเวณโต๊ะทานข้าวที่ติดเชื่อมกับห้องครัวของบ้าน คนที่ถูกเรียกหันมายิ้มแฉ่งพร้อมกับตักกับข้าวให้คุณแม่ยังสาวที่ยิ้มพออกพอใจเสียยิ่งกว่าดูละครคิมุทาคุเสียอีก
     
     
           "ยูมิกะมาพอดีเลยลูก เรียวสุเกะคุงเค้ามาหา แม่ก็เลยเรียกมาทานข้าวด้วยกัน ดูสิ ไม่เจอกันแป้บเดียวโตเป็นหนุ่มหล่อซะแม่ยังตกใจ"
     
           "แต่คุณป้าไม่เปลี่ยนเลยนะครับ สวยยังไงก็ยังสวยยังงั้น"
     
           "ตายแล้ว มาชมคนแก่" คุณนายคาวาชิมะหัวเราะร่วนพลางตีมือแปะบนท่อนแขนแกร่ง แหม เนื้อหนุ่มนี่แน่นปั๋งดีนักเชียว 
            
           "เพิ่งรู้นะเนี่ยว่ายูมิกะทำกับข้าวอร่อยขนาดนี้ สงสัยจะได้มาฝากท้องที่บ้านนี้บ่อยๆ" เรียวสุเกะพูดพลางเคี้ยวตุ้ยๆ ให้ดูว่ารสชาติดีอย่างที่เจ้าตัวชม ยูมิกะยิ้มรับพร้อมกับนั่งลงตรงข้ามกับคนตัวสูงโดยมีนางคาวาชิมะครองเก้าอี้หัวโต๊ะเฝ้ามองลูกๆ ด้วยความปลื้มอกปลื้มใจ
     
           "มาบ่อยๆ เดี๋ยวคุณแม่เราก็มาบ่นกับป้าหรอกเรียวสุเกะคุง"
     
          "ก็แลกกับยูมิกะไงครับ แม่ผมเค้าชอบยูมิกะจะตาย ส่วนผมก็รักคุณป้าที่สุด ดีออกครับ แลกกันๆ"
     
          "ต๊ายย ความคิดดีนะจ้ะ"
     
          "แม่คะ-" ยูมิกะกดเสียงเข้มแอบเบรคอารมณ์แม่ของตัวเองที่ดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ แต่ยิ่งเขาทำหน้าดุ สองคนที่เหลือก็ทำหน้ากลัวได้เหลือใจกันจริงๆ ถ้าพ่นหัวเราะออกมาได้คงทำกันแล้ว จนกระทั่งหมดเวลาของอาหารค่ำ นางคาวาชิมะก็ขอตัวออกไปเฝ้าร้านปล่อยให้ทั้งสองคนได้นั่งเล่นกันตามลำพัง
     
         "เรียวสุเกะคุงไหนบอกว่าจะมาพรุ่งนี้ไง" ยูมิกะเอ่ยถามในขณะที่กำลังนั่งทำการบ้าน ส่วนคนถูกถามกำลังนั่งดูข่าวกีฬาด้วยความสนอกสนใจ

          "ก็มีเรื่องหงุดหงิดนิดหน่อยน่ะ แต่ช่างมันเถอะ ว่าแต่ยูมิกะ ออกไปเที่ยวกันดีกว่า" ใบหน้าคมหันกลับมาถามทันทีคล้ายกับเจ้าตัวเพิ่งนึกได้ ยูมิกะเลิกคิ้วพลางมองนาฬิกาที่บอกเวลาสามทุ่ม
     
          "เที่ยว? จะไปเที่ยวที่ไหนกันตอนนี้"
     
          "ไปเถอะน่า ฉันเพิ่งย้ายมายังไม่รู้เส้นทางเท่าไหร่ ยูมิกะนั่นแหละเป็นไกด์ดีที่สุด" คนตัวสูงจูงมือบางให้ลุกขึ้นทันทีโดยไม่ฟังเสียงทัดทาน แถมยังเป็นคนขออนุญาตผู้เป็นแม่ให้เองเสร็จสรรพ ยูมิกะส่ายหน้ากับความคิดปุบปับของอีกคน แต่เธอเองก็ใช่ว่าอยากจะคัดค้านเสียเมื่อไหร่
     
          "อากาศข้างนอกหนาวนะ ไหวมั้ย"
     
     
          เรียวสุเกะหันมาถามในระหว่างที่จูงจักรยานคู่ใจออกมารับที่หน้าร้าน ยูมิกะส่ายหน้าทั้งที่ลมหนาวที่พัดมาแต่ละระลอกแทบสั่นสะท้านเลยทีเดียว คนตัวสูงมองแก้มขาวที่แดงปลั่งแล้วกดยิ้มก่อนจะถอดผ้าพันคอที่ตนเองสวมอยู่ออกมาจัดแจงพันให้ร่างเล็กอย่างเบามือ
     
         "ยูมิกะน่ะขี้หนาว และก็ขี้เกรงใจด้วย" ดวงตาคมมองสบตากับคนที่เงยหน้าขึ้นมอง "...ทีนี้อุ่นขึ้นยัง?" ยูมิกะพยักหน้าเป็นคำตอบและก็ได้รอยยิ้มกลับมาว่าอีกคนหายห่วง

          ทั้งคู่ปั่นจักรยานไปตามถนนในตัวเมืองและออกสู่ชานเมืองไปตามเส้นทางเล็กๆ ถึงแม่เรียวสุเกะจะบอกว่าให้ยูมิกะเป็นไกด์แต่เจ้าตัวกลับปั่นไปตามจุดหมายที่มีอยู่ในใจแล้ว และยูมิกะเองก็พอจะนึกออกว่าที่กำลังจะไปเป็นที่ไหน
     
         "เรียวสุเกะคุงเคยมาทะเลสาบอาชิเหรอ" 
     
          "อื้อ ตอนมาถึงใหม่ๆ ก็ปั่นจักรยานไปทั่วเลยล่ะ แต่สงสัยโชคไม่ดี ไม่ได้เจอกับยูมิกะเลย" คำตอบของเรียวสุเกะทำให้ยูมิกะเผลอยิ้ม ดวงตาสวยแหงนมองเสี้ยวหน้าของคนที่ทำหน้าที่ปั่นจักรยาน ในยามที่สายลมพัดมาปะทะ ถ้าเป็นคนอื่นคงหลบตาหนี แต่สำหรับเรียวสุเกะแล้ว มักจะมองทุกเรื่องเป็นเรื่องสนุก ยิ่งลมหนาวพัดมาเท่าไหร่ ดวงตาคมก็จะเบิกกว้างมากยิ่งขึ้น

          เพราะเป็นคนที่ตรงข้ามกันเกือบทุกเรื่อง ยูมิกะถึงได้รู้สึกเหมือนชีวิตถูกเติมเต็มในส่วนที่ขาดหาย คิดแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ที่เรารู้จักกันเมื่อหลายปีก่อน
     
          "ถึงแล้ว ที่ที่ฉันอยากจะให้ยูมิกะมาดูด้วยกัน"
     
           ยูมิกะลุกออกมายืนพร้อมกับมองตรงไปยังทิวทัศน์เบื้องที่รู้สึกว่าแปลกตาไปกว่าที่เคยเห็น สะพานที่ยื่นออกสู่ทะเลสาบขนาดเล็กในตอนกลางวันคงเป็นแค่สถานที่นั่งพักเพียงแค่ชั่วคราว ใครเลยจะคิดว่าในเวลาแบบนี้มันจะให้ความรู้สึกที่แตกต่างได้อย่างมากมาย แสงไฟมูนไลฟ์จากตะเกียงทั้งสี่มุมสะท้อนให้เห็นภาพภูเขาไฟฟูจิเบื้องหน้าที่เด่นตระหง่านตาอย่างสวยงาม
     
          "สวยมากเลยใช่ไหมล่ะที่นี่ อิจฉายูมิกะแล้วสิที่ได้อยู่ท่ามกลางบรรยากาศสวยๆ แบบนี้ทุกวัน" เรียวสุเกะพูดพลางบิดขี้เกียจด้วยท่าทางสบายใจก่อนที่เจ้าตัวจะเดินดุ่มๆ ไปนั่งลงบนพื้นไม้ของตัวสะพานพร้อมกับดึงขากางเกงขึ้นปล่อยให้ปลายเท้าได้สัมผัสกับสายน้ำเย็นฉ่ำใต้ทะเลสาบ

          "เราก็ไม่ค่อยได้ออกไปไหนนักหรอก จะว่าไปเราเองยังไม่เคยเห็นบรรยากาศตอนกลางคืนของที่นี่เลยนะ" ยูมิกะบอกพลางนั่งลงข้างๆ กับคนตัวสูงที่หันมายิ้มให้

          "ถ้าอย่างนั้นฉันจะเป็นคนพายูมิกะไปเที่ยวเอง โอเคไหม" ยูมิกะยิ้มให้เป็นคำตอบ ร่างสูงทำเป็นสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนสะพานแล้วหลับตาลงด้วยท่าทางสบายใจ  ยูมิกะยิ้มแล้วปล่อยให้เรียวสุเกะได้ทำตามใจชอบของตัวเอง ส่วนเธอก็นั่งมองทิวทัศน์ไปเรื่อยเปื่อย 
     
          "อ๊ะ-" ฉับพลันเอวน้อยก็ถูกรวบดึงให้ลงมานอนบนพื้นไม้ที่เย็นเฉียบพร้อมกับเสียงหัวเราะของคนตัวสูงที่คิดว่านอนนิ่งไปแล้ว
     
          "เรียวสุเกะคุงจะทำอะไร" ยูมิกะหันไปถามคนที่ยังนอนหลับตาแต่ริมฝีปากกลับยิ้มกว้าง มือหนาที่เคยวางอยู่ที่เอวกลับเลื่อนขึ้นมาวางบนศีรษะเล็กพร้อมกับลูบไปมาแผ่วเบา
     
          "ยูมิกะลองหลับตาดูสิ ไม่รู้ว่าเพราะทำแบบนี้หรือเพราะมียูมิกะอยู่ด้วย ฉันถึงได้รู้สึกสบายใจอย่างนี้" 
     
           คำบอกเล่าเพียงบางเบาแต่กลับกระตุกหัวใจดวงน้อยของอีกคนให้สะท้าน ยูมิกะยังคงเฝ้ามองใบหน้าของคนข้างกาย ถึงแม้สายลมวันนี้จะหนาวเหน็บ ถึงแม้ดาวบนฟ้าจะว่างเปล่า แต่ดวงจันทร์ที่ส่องสกาวลงมาเด่นชัดไม่ต่างไปจากความรู้สึกที่เริ่มจะมีมากขึ้นทุกวัน

           สำหรับฉัน เพราะมีเรียวสุเกะคุงอยู่ด้วย ถึงได้รู้สึกอุ่นใจอย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน
     
           ยูมิกะอยากจะพูดประโยคนี้ออกไปให้อีกคนได้รับรู้ แต่เขาเลือกที่จะหลับตาลงอย่างเงียบๆ เสียงลม เสียงใบไม้พัดยังคงไม่เด่นชัดเท่ากับเสียงในใจที่กำลังเอ่อล้น
         
           คิดเหมือนกันรึเปล่านะ เรียวสุเกะคุง...
         
            .
            .
            .
            เช้าวันใหม่และก็เป็นเหมือนเช่นเคยที่อากาศยังคงหนาวเย็น หลังจากที่เรียวสุเกะปั่นจักรยานไปรับยูมิกะที่บ้าน ทั้งคู่ก็ตรงมาที่โรงเรียนด้วยกันท่ามกลางสายตาของบรรดานักเรียนน้อยใหญ่ซึ่งมองตามตาปรอยระคนอิจฉา จะไม่ให้รู้สึกอย่างนั้นได้ยังไง เพราะเรียวสุเกะที่ทั้งสูง ขาว หุ่นดีที่สำคัญหล่อยังกะทักกี้ตัวเป็นๆ แบบนั้นมันหนุ่มในฝันของสาวๆ เลยนะ!
     
            คำนิยามที่ใครหลายคนจำกัดความให้ดูเหมือนคนที่ถูกกล่าวถึงจะไม่ได้รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ เรียวสุเกะเดินมาส่งยูมิกะที่หน้าห้อง 1-A ก่อนจะเดินผละไปยังห้องตัวเองที่อยู่ถัดไปอีกด้าน

            "เอ่อ.... เรียวสุเกะคุง"

             เสียงที่เรียกเอาไว้ทำให้คนตัวสูงหันกลับมามองยังร่างเล็กที่ก้มหน้าก้มตาท่าทางแปลกๆ

            "มีอะไรเหรอ ยูมิกะ" 
     
             "เราทำข้าวกล่องมาเผื่อ ไม่รู้ว่าเรียวสุเกะจะรับไว้ได้หรือเปล่า" ยูมิกะพูดอ้ำอึ้งพลางยื่นกล่องอาหารขนาดกลางมาให้ เพราะเธอเองไม่รู้ว่าเรียวสุเกะจะคิดยังไงที่จู่ๆ ก็ทำข้าวกล่องมาให้เฉยเลยทั้งที่ไม่ได้ร้องขอ คิดแล้วก็น่าอายจริงๆ ยูมิกะ
            
              "ฉันไม่รับหรอก"

              คำตอบที่พูออกมาชัดเจนจนยูมิกะใจหาย

              " ถ้าเรียวสุเกะคุงไม่รับก็ไม่เป็นไร  เรา...."
        
              "เก็บไว้กับยูมิกะดีกว่า เดี๋ยวตอนเที่ยงเราไปกินข้าวด้วยกันนะ"

               "เอ๋?..."

               เรียวสุเกะยิ้มให้กับใบหน้าแปลกใจของเพื่อนตัวเล็กพลางยกมือขยี้ศีรษะเบาๆ อย่างเอ็นดูก่อนจะเดินผละจากมา ยูมิกะก้มมองข้าวกล่องในมือแล้วยิ้มจนเต็มแก้มกับความหมายที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ แค่คิดว่าตอนเที่ยงต้องมากินข้าวด้วยกันก็อดจะใจเต้นนิดหน่อยไม่ได้
     
               ร่างสูงเดินผิวปากเป็นทำนองเดินไปตามระเบียงในขณะที่สายตาก็เหลือบไปเห็นว่ามีอีกคนกำลังจะเดินเข้าห้องพอดี ไวเท่าความคิด คนตัวสูงปราดเอาตัวเข้าแทรกประตูเข้าไปได้ก่อนในวินาทีเฉียบพลัน มิราอิที่ถูกตัดหน้าตวัดสายตาขึ้นมองคนตัวสูงแล้วเมินหน้าไม่สนใจก่อนจะเดินไปยังที่นั่งของตัวเอง
             
                "หยิ่งซะด้วย"

                 เรียวสุเกะพึมพำพร้อมกับกดยิ้มลึก เด็กหนุ่มยักไหล่แล้วเดินไปยังที่นั่งของตัวเองที่อยู่หลังห้องก็พบว่ายูโตะกำลังนั่งหน้าหมองเหมือนโดนของเขมรชอบกล ทันทีที่เขาเข้าไปใกล้ยูโตะก็พรวดพราดเข้ามาเกาะไหล่แน่นหนึบซะจนน่าขนลุก

                 "เรียวสุเกะ ช่วยด้วย-"

                 "เป็นไรเนี่ย ท้องผูกรึไง?"

                 ยูโตะสั่นหน้าพรืดจนผมปลิว

                 "ฮารุกะเดินมาบอกกูเมื่อกี้นี่เองว่า..." พอพูดถึงชิมาซากิ เรียวสุเกะก็เลื่อนสายตาไปยังร่างเล็กที่กำลังนั่งคุยอยู่กับคนที่เป็นหัวข้อการสนทนา ดูแล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่นา แถมฝ่ายนั้นยังเป็นคนมาคุยด้วยแล้วทำไมยูโตะมันถึงได้ออกอาการหงอยซะขนาดนี้

                 "ว่าอะไรวะ"

                 ยูโตะทำหน้าเศร้า  น้ำตาซึม
     
                 "....ว่าไม่มีเวลามาเข้าชมรมเราแล้ว โฮ..."

                 หือ? ... คนตัวสูงตวัดสายตามองยังมิราอิที่พอรู้ว่าถูกมองก็เมินหน้าไปอีกทาง เรียวสุเกะขมวดคิ้วแน่นใบหน้าตึงขึ้นมาในทันที ทั้งที่คิดว่าพูดกันเข้าใจแล้วตั้งแต่เมื่อวานแต่ทำไมผลมันถึงออกมาตาลปัตรแบบนี้ ถึงแม้จะไม่พอใจมากแค่ไหนแต่เด็กหนุ่มก็เลือกที่จะอยู่เฉยๆ รอจนกระทั่งหมดคาบโฮมรูมโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอาจารย์ประจำชั้นพูดอะไรไปบ้าง
     
                 "ออกไปข้างนอกแป้บนะ" มิราอิหันมาบอกเพื่อนที่กำลังนั่งอ่านการ์ตูนที่เกี่ยวกับกีฬาเบสบอลที่เจ้าตัวชอบนักหนา 
     
                 "ให้ออกไปเป็นเพื่อนไหม" ฮารุกะถามทั้งที่สายตายังไม่ละไปจากที่เดิม 
     
                "ถามตามมารยาทใช่ไหมเนี่ย แต่เราไปเองได้" เมื่อได้ฟังคำตอบของเพื่อนฮารุกะก็หันมายิ้มก่อนจะเลื่อนสายตากลับไปยังจุดเดิม มิราอิจึงได้ลุกออกมาเพื่อตรงไปยังห้องน้ำที่อยู่มุมตึกซึ่งติดกับห้องเก็บอุปกรณ์ที่เขาไม่อยากจะมองสักเท่าไหร่ 

                 เมื่อร่างเล็กจัดการทำธุระส่วนตัวแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ ฉับพลันข้อมือขาวก็ถูกจับแน่นพร้อมกับโดนลากเข้าไปในห้องเก็บอุปกรณ์ที่ทุกอย่างยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิมเหมือนเมื่อวานไม่ว่าจะเป็นเบาะที่วางแผ่บนพื้นหรือไม้กวาดที่ยังวางเรี่ยราดไม่เป็นระเบียบ
     
                 "นายคิดจะทำอะไรอีกเนี่ยยามาดะ!" คนตัวเล็กกระแทกเสียงถาม เดาได้ไม่ยากว่าเป็นใครที่มาทำเรื่องไร้มารยาทแบบนี้กับเธอ  มิราอิเหลือบสายตามองคนตัวสูงที่มองมาหน้าตานิ่งเฉยแล้วกอดอกยืนเบี่ยงหลบออกมาคล้ายกับจะรำคาญที่ต้องมาถูกระรานหาเรื่องอีกครั้ง
     
                "เราตกลงกันแล้ว แต่ทำไมชิมาซากิถึงได้มาบอกปฏิเสธแบบนี้" ร่างสูงถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ มิราอิถอนหายใจเงยหน้ามองอีกฝ่ายตรงๆ ก่อนตอบ
     
                "นายให้ฉันไปชวนฮารุกะ  ฉันก็ชวนให้แล้ว แต่เรื่องที่เค้าจะตัดสินใจยังไงมันก็เป็นสิทธิ์ของเขา ฉันไม่ชอบไปบังคับฝืนใจใคร...เหมือนนาย" คำหลังคนตัวเล็กแอบใส่น้ำเสียงลงไปให้กระทบไปถึงอีกคนที่ขมวดคิ้วฉับทันที สักพักเรียวสุเกะก็กดยิ้มลึกแต่มิราอิกลับมองว่าเป็นยิ้มที่ดูร้ายกาจแปลกๆ

                 "รู้รสนิยมฉันดีซะด้วย ถูกของเธอนะว่าฉันชอบบังคับฝืนใจคนอื่น..." ร่างสูงก้าวเข้ามาหาคนตัวเล็กที่เดินถอยหลังฉับทันทีด้วยความระแวดระวังทั้งจากน้ำเสียงและแววตาที่ดูประสงค์ร้ายอย่างชัดเจน เมื่อเห็นท่าทางกล้าๆ กลัวๆ ของคนตรงหน้าเด็กหนุ่มก็ยิ่งยิ้มอย่างพอใจ "...โดยเฉพาะคนชอบพยศอย่างเธอ  ฉันยิ่งอยากจะฝืนใจให้หมดฤทธิ์"

                 "ทุเรศ-"
                 
                  มิราอิว่าเข้าให้แล้วเดินหนีแต่เอวบางกลับถูกดึงรั้งด้วยมือหนาให้เข้าหา ครั้นพอจะใช้มือผลักฝ่ามือที่ใหญ่กว่าก็รวบมือทั้งสองข้างของร่างเล็กไพล่หลังไว้อย่างแน่นหนา เหตุการณ์ที่ดูเหมือนกับเมื่อวานทำให้มิราอินึกเจ็บใจตัวเองที่ไม่ระวังตัว แต่เหนือสิ่งอื่นใดคนที่ตามเข้ามาประชิดด้านหลังกลับดูแปลกไปจนมิราอินึกหวั่นใจ

                  "จะทำอะไร.." มิราอิพยายามควบคุมเสียงให้ปกติ  แต่เรียวสุเกะยังคงยิ้มด้วยความพอใจ

                  "ก็บังคับฝืนใจไง"

                  "ถ้านายไม่ปล่อย  ฉันจะตะโกน"

                  "ก็เอาสิ... คนอื่นเค้าจะได้รู้ว่าเราเข้ามาทำ...  อะไรๆกันในนี้"

                  คนตัวสูงพูดพลางดึงเสื้อนักเรียนตัวนอกของมิราอิออกจากไหล่และค่อยปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตขาวจากบนลงล่างอย่างช้าๆ จนเผยให้เห็นเสื้อกล้ามสีขาวตัวบางที่อยู่ภายใน  มิราอิพยายามดิ้นแต่เหมือนร่างกายถูกล็อคเอาไว้ทุกทาง ริมฝีปากเล็กถูกขบกัดจนแน่นด้วยความเจ็บแค้นที่ไม่สามารถต่อกรกับอีกคนได้

                  "ไอ้บ้า! ปล่อยนะ!"

                  คำตอบของเรียวสุเกะคือการซุกใบหน้าแนบลงกับลำคอสวยในขณะที่อีกมือพยายามรั้งเสื้อนักเรียนของคนตัวเล็กออกจนเห็นเพียงเสื้อกล้ามตัวบาง เมื่อทุกอย่างดูจะเป็นไปในทางที่แย่ลง หยาดน้ำตาของร่างเล็กที่ไม่เคยร้องออกมาให้ใครเห็นเริ่มปริ่มคลอ 
     
                  ไม่ใช่เพราะมิราอิกลัวหรืออับอาย แต่เธอกำลังเจ็บใจอย่างที่สุด
     
                  แชะ! 
     
                 ทันทีที่เสียงชัตเตอร์กล้องมือถือดังขึ้น มือหนาก็ปล่อยข้อมือขาวทันทีพร้อมกับพาตัวเองถอยห่างออกมา เรียวสุเกะมองภาพในมือถือแล้วยิ้มอย่างสมใจ ภาพที่เห็นคือใบหน้าของมิราอิชัดเจน แก้มแดง ตาแดง หน้าอกเปลือกน้อยๆ จากฝีมือชายนิรนามที่ซุกหน้าลงกับซอกคอมองเห็นเพียงเสี้ยวหน้าดูไม่ออกว่าเป็นใคร

                 "เจ๋ง  ออกมาดูดีกว่าที่คิดนะเนี่ย"

                 คนตัวสูงว่าพลางยื่นหน้าจอให้อีกคนได้เห็น มิราอิกัดริมฝีปากรับรู้ได้เลยว่าร่างกายกำลังสั่นสะท้านด้วยความโกรธเกลียดแทบระเบิด กำปั้นเล็กลอยหวือออกไปตรงหน้าแต่คนตัวสูงกลับหลบออกมาได้ทันท่วงทีอย่างง่ายดาย ไม่มีท่าทีตกใจแต่เรียวสุเกะกลับมองเห็นเป็นเรื่องน่าขันไปเสียอย่างนั้น
     
                "ยังอ่อนหัดอยู่นะ แต่ถ้าเธอยังพาเพื่อนของเธอเข้าชมรมฉันไม่ได้ภายในวันนี้ รับรองรูปนี้ลงบอร์ดของโรงเรียนติดอันดับข่าวฉาวของสำนักพิมพ์โรงเรียนแน่นอน"

                "ไอ้....!"

                "อาจารย์จะเข้าสอนแล้ว ถ้าไม่รีบจัดการกับเสื้อผ้า อาจจะเข้าเรียนสายได้นะ  มิราอิจัง"

                คนตัวสูงบอกพร้อมกับยิ้มก่อนจะเดินจากไปทิ้งไว้เพียงแต่มิราอิที่ยืนกำมือตัวสั่นด้วยความโมโห มิราอิไม้กวาดที่ขวางทางจนลอยหวือออกไปไกลพร้อมกับใช้หลังมือปาดน้ำตาที่รินไหลลงมาด้วยความแรงจนหน้าขาวแดงก่ำ 

                มิราอิจะจำความรู้สึกนี้ไว้
                ถ้าโอกาสมาถึงเมื่อไหร่ รับรองว่าเธอจะเอาคืนอย่างสาสมแน่ ยามาดะ  เรียสุเกะ!

               
                TBC
    .

                      ++++++++++++++++++++++++++++++++++++
                             อย่าลืมเม้นโหวตเป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยนะคะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×