ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yamashi] cherry blossom... ~ยามเมื่อซากุระผลิบาน~

    ลำดับตอนที่ #14 : Sakura drop : 13

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.ค. 56


           "เอาล่ะถ้ามากันครบทุกคนแล้วเราก็จะเริ่มประชุมกันเลยนะ" ประธานชมรมดนตรีลุกขึ้นยืนพูดป่าวประกาศในตอนเที่ยงหลังจากที่ใช้เวลาเรียนโดดไประดมเหล่าสมาชิกชมรมที่มีอยู่เพียงไม่กี่คนให้มาประชุมกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้จัดการชมรมสองสาวน้อย
     
          "อีกประมาณสามเดือน..."
     
          "สองเดือน" เคย์พูดขัดขึ้นเมื่อโคตะเริ่มต้นมาก็จำเดือนผิดเสียแล้ว
     
          "เออ ใช่ อีกประมาณสองเดือนจะมีการออดิชั่นทีมที่จะเข้าแข่งขันวงดนตรีระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ซึ่งชมรมดนตรีเราจะพลาดไม่ได้ เพราะพวกเราโดนไอ้พวกคณะกรรมการนักเรียนจ้องจะเล่นงานอยู่ ถ้าภายในปีนี้ไม่มีผลงานที่โดดเด่น ชมรมเราก็จะถูกยุบ ซึ่งถ้าหากมันเป็นแบบนั้น เราก็จะของบมาซื้อขนม เอ้ย ชมรมดนตรีอันมีประวัติศาสตร์ยาวนานจะสูญสลายไปเหลือไว้เพียงแต่ชื่อให้รุ่นลูกหลานได้กล่าวขานกันเพียงแค่นั้น"
     
         "มึงจะเว่อร์ไปไหน แสรดดดด" ฮิคารุพูดพลางใช้ไม้กลองเคาะหัวเพื่อนทันที โคตะหันมาใช้เท้าถีบขาเก้าอี้ที่ฮิคารุนั่งแล้วก็ตีกันฝุ่นตลบ เคย์มองสภาพแล้วจามออกมาติดกันสามทีก่อนจะหันไปตะคอกไอ้พวกที่มันตะลุมบอนนัวเนียเกือบจะได้เสียกันบนพื้นโดยมีน้องๆ ปีหนึ่งนั่งมองกันตาแป๋ว
      
         "เฮ้ย ถ้าไม่เลิกฟีทเจอริ่งกัน กูจะถีบแม่งออกนอกห้องให้หมด!"
     
         "ก็ไอ้ฮิคมันอยากมาตีหัวกูก่อนทำไม" โคตะฟ้องทันที
     
          "หัวมึงเป็นขี้กลากรึไง ตีแค่นี้ทำเป็นบ่น โด่!" ฮิคารุฟ้องกลับ
     
         "รึมึงจะเอา!"
     
         "เอาดิ๊ๆ"
     
         "เอาตีนกูไปกินก่อนมั้ยสาด..." เคย์พูดสวนขึ้นเสียงดัง แล้วดึงแขนฮิคารุมาหาตนเอง "...ไอ้เชี่ยฮิคมึงมาอยู่กับกู ส่วนไอ้เชี่ยบุมึงพูดต่อ จะให้น้องๆ มาฟังพวกแม่งพูดจาไร้สาระทำไมวะ" เหรัญญิกชมรมหรือกรรมการ(ห้ามมวย)ประจำชมรมดุเสียงเขียว โคตะหันมายิ้มให้น้องๆ ปีหนึ่งเจาะจงเฉพาะน้องมิราอิและน้องฮารุกะส่วนไอ้ถึกสองตัวช่างแม่งมัน
     
         "เข้าเรื่องกันเลยนะ พวกพี่เลยคิดกันว่าจะไปเข้าค่ายเก็บตัวกันซักสองวันเสาร์อาทิตย์ เอาเป็นหลังสอบมิดเทอมเดี๋ยวจะแจ้งวันเวลาสถานที่แน่นอนอีกที แต่ที่สำคัญพวกเราไม่มีเงินกันเลย เพราะงั้น วันนี้พวกเราจะออกไปหาตังค์กัน" 
     
        "หาตังค์?" ยูโตะถามเสียงสูง โคตะพยักหน้าทันที
     
        "ใช่ จากหน้าตาของพวกเราแล้ว ไปเป็นโฮสต์ดีที่สุด ไปให้ป้าๆ ล้วงๆ ควักๆ คืนสองคืน ส่วนน้องๆ สองคนหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มก็เดี๋ยวส่งไปเป็นดาราหนังโป๊สองสามเรื่อง ทีนี้ล่ะแหล่มเลย" ฮารุกะตาโตส่ายหน้าหนีทันที ยูโตะที่ยืนอยู่ข้างหลังลูบหลังปลอบใจให้ประหนึ่งว่าไม่เป็นไร เพราะยังไงพี่โตะก็อาสาใส่แว่นตาดำเล่นเป็นพระเอกให้เอง
     
        "แหล่มบ้านป้อมึง" ฮิคารุด่าเข้าให้ ก่อนจะเข้าโหมดจริงจัง(สักที) "คืออย่างนี้ ช่วงนี้เป็นเทศกาลชมดอกซากุระพอดี ก่อนที่กลีบมันจะร่วงหมด พวกเราก็ไปเล่นดนตรีเปิดหมวกกันหน้าอุทยาน ก็เอาเครื่องดนตรีของตัวเองไปนั่นแหละ ส่วนกลองของเรียวสุเกะก็ให้เปลี่ยนเป็นคาฮองแทนแล้วกันนะ โทรไปบอกแล้วเมื่อคืน เอามานะ?" เรียวสุเกะพยักหน้ารับทันที เคย์ยิ้มเมื่อเห็นว่าน่าจะไปได้สวยแล้วหันมาพูดกับมิราอิและฮารุกะที่เป็นผู้จัดการชมรม 

         "ส่วนพวกน้องๆ ก็แค่เดินถือหมวกเก็บเงิน โอเคมั้ย?" ฮารุกะรับคำเมื่อคิดว่าน่าสนุกดี ขณะที่มิราอิเพียงแค่ยิ้มรับบางเบาเท่านั้น
     
         "โอเค เอาเป็นว่าเข้าใจกันตามนี้ ที่เหลือก็เจอกันตอนเย็นหลังเลิกเรียน เอ้า แยกย้ายๆ" โคตะแบมือให้สัญญาณว่าภารกิจเสร็จสิ้นแล้วก็เดินออกไปเป็นคนแรกด้วยคติที่ว่าประธานชมรมต้องมาทีหลังกลับก่อนเสมอ
     
         เมื่อทุกคนออกไปกันเกือบหมดแล้ว มิราอิที่เดินรั้งท้ายก็ตัดสินใจเดินกลับเข้ามาหาเคย์ที่กำลังจัดเอกสารชมรมเข้าแฟ้มก่อนจะเรียกเสียงเบา
     
        "รุ่นพี่คะ..." เคย์หยุดมือแล้วเงยหน้ามองตรงๆ อย่างตั้งใจฟัง
     
        " ฉันขอลาออกจากชมรมได้ไหมคะ" มิราอิบอกออกไปแล้วก็ได้แต่เม้มริมฝีปากด้วยความอึดอัดใจกับการตัดสินใจของตัวเอง เพราะดูเหมือนว่าชมรมดนตรีกำลังประสบปัญหาแต่เธอผู้ซึ่งเพิ่งเข้ามาทีหลังกลับขอถอนตัวราวกับเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบ แต่เนื่องจากมิราอิคิดดีแล้ว หน้าที่ของเธอคงไม่ต้องทำอะไรมาก อีกอย่างถึงแม้เธอจะออกแต่ฮารุกะคงยังอยู่ต่อเพราะยูโตะก็ยังอยู่ ส่วนมิราอิคงไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องอยู่ต่อแล้ว ที่สำคัญไปกว่านั้น มิราอิอยากจะตัดขาดจากใครบางคนแม้ว่าความสัมพันธ์ภายในชมรมจะน้อยนิดก็ตาม
     
        เคย์มองเด็กน้อยที่กำลังยืนเหม่อตรงหน้าแล้วเหลือบสายตาไปมองร่างสูงที่ยืนนิ่งพิงประตูรับฟังมาตั้งแต่ต้น เรียวสุเกะส่ายหน้าให้เคย์ปฏิเสธคำร้องขอของมิราอิจนคนที่เป็นรุ่นพี่ได้แต่ทำหน้าลำบากใจ
     
       "ช่วงนี้พวกพี่กำลังขาดคน ชิดะคุงช่วยอยู่ต่อสักพักได้ไหม ถ้าหาคนมาแทนได้เมื่อไหร่แล้วค่อยออกนะ ถือว่าช่วยกัน" ตัดสินใจพูดออกไปแบบนั้นแล้วเคย์ก็ลอบถอนหายใจเมื่อเรียวสุเกะพูดแบบไม่มีเสียงว่าขอบคุณ มิราอินิ่งไปสักพักก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มตอบ
     
        "ก็ได้ค่ะ ฉันจะอยู่ต่อ"
     
        เคย์เห็นเรียวสึเกะลอบยิ้มแล้วฝ่ายนั้นก็เดินออกไปในจังหวะที่มิราอิหันหลังกลับพอดี เคย์ขมวดคิ้วมองการกระทำของทั้งคู่ด้วยสายตาพิจารณาผ่านแว่นใสแล้วก็พูดออกไปก่อนที่มิราอิจะก้าวพ้นประตูห้อง
     
        .
        . 
        . 

        ตอนเย็นหลังเรียนมิราอิถูกฮารุกะลากออกไปซื้อเครื่องดื่มเตรียมไว้สำหรับให้พวกนักดนตรีตามหน้าที่ผู้จัดการชมรมที่ดีซึ่งมิราอิอยากจะถามเหลือเกินว่าแล้วชมรมเบสบอลที่อยากเข้านักหนาไม่ไปซ้อมแล้วเหรอ แต่ก็กลัวเพื่อนจะอายจึงได้แต่ยอมตามไปเงียบๆ เรียวสุเกะเดินแบกคาฮองออกมาพร้อมกับที่ยูโตะสะพายกีต้าร์ตัวโปรดขึ้นไหล่แล้วแวะห้องเอเพื่อไปบอกฮารุกะเสียก่อน
     
        "นั่นแฟนเธอเดินมาแล้ว" มายุพยักหน้ามาทางหน้าห้องเรียกยูมิกะให้หันไปยิ้มให้คนตัวสูงที่กำลังเดินเข้ามาหา
     
        "ยูมิกะ วันนี้พวกฉันจะไปเล่นดนตรีหน้าอุทยาน คงไปส่งไม่ได้นะ" ยูมิกะพยักหน้ารับทันทีเพราะลำพังตัวเธอเองสามารถเดินกลับบ้านได้สบายอยู่แล้ว ขณะที่มายุตาโตหูผึ่งทันทีเมื่อได้ยิน
     
       "จะไปเล่นเปิดหมวกกันเหรอ?"
     
       "ใช่แล้ว แต๊นแต่น!" ยูโตะตอบแถมยังโชว์ลีลาดีดกีต้าร์ลมให้เป็นขวัญตา มายุเขย่าแขนเพื่อนทันทีเพราะเจ้าตัวเป็นคนที่ชอบอะไรทำนองนี้อยู่แล้ว
     
       "ไปดูกันนะยูมิกะ เราอยากไป" ยูมิกะเห็นท่าทางตื่นเต้นของเพื่อนแล้วก็หัวเราะขำก่อนจะหันมาถามคนรักตัวสูงด้วยรอยยิ้มหวาน
     
       "พวกเราไปได้ไหม เรียวสุเกะคุง"
     
       เรียวสุเกะเงียบ ก่อนจะยิ้มตอบ
     
       "อืม ไปสิ"
     
       .
       .
       .
     
         ด้านหน้าอุทยานฮาโกเน่คราคร่ำไปด้วยผู้คนจำนวนมากมากันพร้อมหน้าเป็นครอบครัวกลุ่มใหญ่ มิราอินั่งซ้อนจักรยานมากับฮารุกะซึ่งพอถามว่าซื้อจักรยานใหม่เหรอเจ้าตัวก็ตอบอ้อมแอ้มว่าของยูโตะ เพียงเท่านี้มิราอิก็ไม่อยากจะถามต่อแล้วเดี๋ยวอีกคนเขินจนปั่นจักยานลงคลองไปใครจะมาช่วย ไม่นานหลังจากนั้นทั้งคู่ก็มาหยุดตรงหน้าลานซึ่งมีพวกรุ่นพี่รอกันอยู่แล้ว
     
        "เสบียงเพียบแบบนี้ค่อยมีกำลังใจเล่นหน่อย" โคตะยิ้มรับเครื่องดื่มขนมนมเนยตาหยี 
     
        "ตล๊อดดด" ฮิคารุแอบเหน็บแต่มือก็รีบคว้าน้ำนมโซดาหมับตัดหน้าโคตะไป สักพักที่เหลือก็ตามมาจนครบและพอเห็นว่าเรียวสุเกะพาใครมาด้วยทั้งโคตะและฮิคารุก็กลายร่างเป็นนกหวีดเป่าปากแซวรุ่นน้องด้วยความหมั่นไส้ในความเกินหน้าเกินตาทันทีจนเคย์นึกอยากจะเอาขนมยัดปากพวกมันให้หยุดเพราะอายคนอื่นเขา แต่พอเด็กหนุ่มเหลือบสายตาไปเห็นมิราอิที่เอาแต่นั่งก้มหน้าก็ได้แต่ถอนหายใจเมื่อสิ่งที่สงสัยดูจะมีคำตอบให้จากการแสดงออกที่เห็นชัดเจน

        เรียวสุเกะเดินเอาคาฮองกลองพื้นบ้านของฝั่งแอฟริกาไปวางในตำแหน่งตรงกลางแล้วเดินมาหยิบขวดน้ำเปล่าที่ตั้งเรียงในถุงข้างมิราอิขึ้นดื่มพร้อมกับนั่งลงบนขั้นบันไดที่อยู่สูงกว่าคนตัวเล็กไปอีกขั้นหนึ่ง
     
       "มาถึงนานแล้วเหรอ" ถามขึ้นเสียงอ่อน มิราอิพยักหน้าตอบอือเบาๆ ในลำคอโดยไม่หันมามอง ทั้งคู่เงียบไปสักพักมายุก็ลากยูมิกะให้มานั่งลงข้างเรียวสุเกะพร้อมกับชวนชี้ให้ดูการแสดงเปิดหมวกอีกหลายอย่างที่อยู่บริเวณลานหน้าอุทยานเหมือนกัน ยูมิกะหัวเราะตามเพื่อนที่กำลังขำก๊ากกับการแสดงตลกแล้วหันมาหาคนตัวสูงก่อนจะเรียกเสียงอ่อน
     
       "เรียวสุเกะคุง..." คนถูกเรียกหันมาหาพร้อมกับที่ยูมิกะยิ้มหวานให้ "...พยายามเข้านะ" เรียวสุเกะยิ้มบางรับแล้วลุกออกไปหลังจากที่ถูกเรียกโดยโคตะ และเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วนักร้องนำอย่างท่านประธานชมรมก็เริ่มคลอเพลงเป็นจังหวะเบาๆ มายุและยูมิกะปรบมือเสียงดังจนฮารุกะต้องหันมาหัวเราะก่อนจะชวนมิราอิให้ปรบมือด้วยท่าทางคึกคัก
     
        ผู้คนเริ่มทยอยเข้ามามุงดูไม่ขาดสาย พอจบเพลงหนึ่งฮารุกะก็ดึงแขนมิราอิให้วิ่งออกไปรับตังค์จากคนดูด้วยความสนุกสนาน ยิ่งพอกลับมาพร้อมกับแบงค์เต็มหมวกฮารุกะก็ตาโตก่อนจะหันไปยกนิ้วให้ยูโตะที่ยิ้มตอบกลับมาเสียหวาน
     
          "ยูโตะท่าจะกำลังใจดีนะเนี่ย" มิราอิแอบล้อเพื่อนขณะที่ทั้งคู่เดินกลับมานั่งที่เดิม ฮารุกะโบ้ยหน้าไปหาเรียวสุเกะทันที
     
         "เรียวสุเกะมากกว่ามั้ง มีแฟนมาตามให้กำลังใจถึงที่เชียว" พูดแล้วก็หันไปเห็นมายุและยูมิกะกำลังยิ้มส่งมาให้พร้อมกับที่ทั้งสองคนเรียกให้ไปนั่งด้วยกัน มิราอิถูกดันให้นั่งลงข้างยูมิกะที่ยิ้มสวยมาให้อย่างเป็นมิตรแล้วทั้งหมดก็แนะนำตัวเอง ยูมิกะหันไปมองหน้ามิราอิคล้ายกับกำลังครุ่นคิดก่อนถาม
     
         "ชิดะจังนี่เอง เราจำได้แล้ว แวะไปซื้อของที่ร้านเราบ่อยๆ ใช่ไหม วันก่อนเรียวสุเกะคุงก็อยู่ด้วย ไม่เห็นจะแนะนำเพื่อนให้รู้จักบ้างเลย" แอบบ่นแบบไม่จริงจังนัก มิราอิยิ้มขณะที่ฮารุกะยื่นหน้าเข้ามาคุยด้วย

         "สองคนนี้อยู่บ้านใกล้กันเหรอ"

         "อือ แต่บ้านเราอยู่ลึกกว่าหน่อย"  มิราอิพยักหน้าตอบ ยูมิกะยิ้มดีใจ

        "งั้นวันหลังเราก็กลับบ้านด้วยกันได้สิ"

        "จะได้กลับพร้อมเพื่อนฝูงไหมล่ะค๊าคาวาชิมะซัง ก็เห็นแฟนพากลับตลอด" มายุแอบเหน็บคล้ายกับจะตัดพ้อที่เดี๋ยวนี้ต้องปั่นจักรยานกลับพร้อมเพื่อนคนอื่นตลอดตั้งแต่ที่เพื่อนสนิทมีแฟนเป็นตัวเป็นตน ยูมิกะรีบหันมาจับมือเพื่อนทันทีอย่างร้อนรน
     
         "เราขอโทษนะ ต่อไปนี้เราจะกลับพร้อมมายุก็ได้"
     
          มายุได้ฟังแล้วก็หลุดหัวเราะออกมาที่แกล้งเพื่อนเสียจนหน้าเจื่อน
     
         "ล้อเล่นน่ะยูมิกะ เราไม่ชอบพรากคู่ให้แตกแยกหรอก มันบาปๆ"
     
         "มายุล่ะก็..."
     
          ยูมิกะค้อนเพื่อนตาคว่ำแล้วพอถูกมายุชี้ให้ดูเรียวสุเกะที่กำลังตีคาฮองท่าทางสนุกสนานคนตัวเล็กก็ยิ้มออกมาจนถูกเพื่อนล้ออีกรอบ มิราอิเหลือบสายตาไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ แววตาสดใสและรอยยิ้มสว่างทุกครั้งที่ใครๆ ต้องเอ่ยชมทำให้คนตัวน้อยต้องหันไปมองร่างสูงที่โดดเด่นแม้จะอยู่ท่ามกลางฝูงชนมากมาย
     
         ความเหมาะสมที่เห็นชัดเจนมีหรือมิราอิจะไม่รับรู้ ดวงตาเรียวสวยเก็บซ่อนต่ำเมื่อคำพูดที่มายุเอ่ยออกมาก่อนหน้านี้ดังก้องสะท้อนในศีรษะไปมาราวกับจะตอกย้ำความเป็นจริงที่อยู่ตรงหน้า
     
         พรากคู่คนอื่นมันบาปอย่างนั้นหรือ ต่อให้มิราอิคิดอยากจะแย่งแต่มันก็คงเป็นไปไม่ได้ในเมื่อเรียวสุเกะคงไม่คิดที่จะพรากจากคู่ของตัวเองเพื่อมาคว้ากลีบซากุระที่รอวันหล่นลงสู่พื้นดิน แม้จะสวยงามจับตาเมื่อสดสะพรั่งบนต้นของมัน แต่พอร่วงลงพื้นก็เป็นเพียงแค่ขยะที่ถูกโกยลงถังเท่านั้น
     
        เมื่ออากาศเริ่มเย็นเหล่านักดนตรีก็หยุดพักเหนื่อยกันหลังจากที่เล่นเพลงต่อเนื่องกันจนหอบ ทั้งหมดตรงดิ่งเข้ามาหาน้ำดื่มโดยมีอีกสองสาวที่เป็นผู้จัดการชมรมคอยยื่นส่งให้จนเหลือเรียวสุเกะและยูโตะที่เดินเข้ามาเป็นสองคนสุดท้าย รายหลังตรงเข้ามานั่งข้างฮารุกะยื่นขวดน้ำดื่มให้ทันที ขณะที่เรียวสุเกะก็รับน้ำมาจากยูมิกะที่ตั้งใจยื่นส่งไปให้เช่นกัน

        มิราอิวางขวดน้ำกลับลงที่เดิมอย่างเงียบๆ โดยไม่ให้ใครเห็น
     
       "เหนื่อยไหม" ยูมิกะเงยหน้าถาม เรียวสุเกะยิ้ม
     
        "เหนื่อยแต่สนุกดี"
     
         "เห็นหน้าก็รู้แล้วล่ะ" มายุแอบฟังอยู่เอ่ยล้อขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
     
          "แหม รู้ใจกันจังเลยนะตัวเอง" ยูมิกะตีแขนเพื่อนเข้าให้ด้วยความเขินอายพร้อมกับที่มายุโวยวายเสียงดัง เรียวสึเกะยิ้มแล้วเลื่อนสายตามาหาอีกคนที่ยังคงนั่งเงียบ
     
          "ขอผ้าหน่อยสิ" 
     
          มิราอิเงยหน้าสบตาด้วยแล้วก็หันไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่เตรียมมายื่นส่งให้ เรียวสุเกะรับมาขณะที่สายตายังคงจับจ้องใบหน้าเล็กจนกระทั่งมิราอิเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
     
          "เรียวสุเกะคุง เราคงต้องกลับแล้วแหละ เย็นมากแล้วเดี๋ยวแม่เป็นห่วง" ยูมิกะบอกพลางลุกขึ้นยืนโดยไม่ลืมดึงมือมายุให้ลุกตามมาด้วย เรียวสุเกะพยักหน้ารับรู้แล้วยูมิกะก็หันมาหาเพื่อนใหม่อีกสองคนพร้อมกับยิ้มหวานก่อนบอกลา
     
          "เรากลับก่อนนะ" 
     
           มิราอิยิ้มรับ มายุโบกมือบ๊ายบายมาให้และฮารุกะก็โบกมือตอบ ทั้งคู่เดินไปลาบรรดารุ่นพี่ทั้งสามก่อนจะเดินไปขึ้นรถจักรยานของมายุโดยมีเรียวสุเกะตามไปส่ง หลังจากที่ทั้งสองคนเดินทางออกไปแล้วเรียวสุเกะก็เดินกลับมานั่งลงข้างมิราอิพร้อมกับดื่มน้ำจนหมดขวด
     
           นั่งเงียบกันไปสักพักโคตะก็เรียกให้ไปประจำที่กันอีกครั้ง เรียวสุเกะลุกขึ้นยืนแล้วหันกลับมาพูดเสียงเรียบ
     
           "กลับมาคราวนี้ขอขวดน้ำขวดนั้นนะ"
     
          มิราอิเงยหน้าเลิกคิ้วมองด้วยความไม่เข้าใจ คนตัวสูงยิ้มแล้วชี้นิ้วไปยังขวดน้ำเรียงรายข้างกายมิราอิมองตาม
     
           "ขวดเดิมที่เอาไปเก็บไง"
     
            อธิบายพร้อมกับคล้องผ้าขนหนูผืนเล็กห่มไหล่บางแล้วเดินออกไปกลางลาน มิราอิมองแผ่นหลังกว้างก่อนจะก้มหน้ายิ้มออกมาด้วยดวงตาที่คลอฉ่ำกับความรู้สึกตื้อสะท้อนในอกตีกันไปมาอย่างกะทันหันระหว่างอาการเจ็บแปลบจนต้องกลั้นน้ำตาและความรู้สึกดีจนเผลอหลุดยิ้มออกมา มิราอิไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าจริงๆ แล้วตนเองรู้สึกเช่นไรในตอนนี้กันแน่
     
             .
             .
             .
     
            เมื่อผู้คนเริ่มทยอยกลับบ้านกันเกือบหมดก็ได้เวลาที่ชมรมดนตรีจะต้องเตรียมตัวกลับ เคย์รวบรวมเงินที่ได้ใส่กระเป๋าอย่างดีเพื่อนำไปเก็บไว้ในธนาคารกองกลาง เพราะถ้าหากให้ไอ้ประธานหรือรองประธานเก็บมีหวังวันนี้สูญเปล่าแน่ 

            "แล้วนี่กลับกันยังไง" ฮิคารุเอ่ยถามรุ่นน้องด้วยความเป็นห่วง ยูโตะรีบหันไปมองหน้าฮารุกะราวกับจะอ้อนวอนขอให้กลับไปด้วยกัน มิราอิสังเกตเห็นเพื่อนดูลังเลใจคงเพราะฮารุกะไม่อยากจะให้ตัวเธอต้องกลับคนเดียวลำพัง คนตัวเล็กจึงเอ่ยพูดขึ้นเสียเอง
     
           "ฮารุกะกลับพร้อมนากาจิม่าเถอะ ส่วนเราเดี๋ยวติดรถยามาดะกลับ" ยูโตะยิ้มจนตาหยีที่วันนี้จะได้กลับบ้านพร้อมหวานใจ เมื่อไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วเหล่ารุ่นพี่ทั้งสามก็เคลื่อนขบวนกลับบ้าน ตามด้วยยูโตะและฮารุกะที่หันมาโบกมือลาหยอยๆ
     
           เมื่อลับสายตาทุกคนแล้วมิราอิก็หยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย
     
          "ฉันจะกลับบ้านเอง นายไม่ต้องไปส่งหรอก" 
     
           เรียวสุเกะมองตรงมาที่ร่างเล็กแล้วพูดเสียงเรียบ
     
           "ลืมไปว่าเราไม่มีอะไรจะต้องเกี่ยวข้องกันอีก" มิราอิรับฟังแล้วเงียบลงเพียงแค่นั้น คนตัวเล็กยืนเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อเรียวสุเกะปั่นจักรยานออกไปโดยไม่ตามตื้ออย่างทุกที มิราอิจึงออกเดินไปพร้อมกับผู้คนละแวกนั้นซึ่งส่วนใหญ่ล้วนมากันเป็นกลุ่มใหญ่ คงมีเพียงมิราอิที่เดินลำพังคนเดียวท่ามกลางกลีบซากุระที่โปรยปราย

            ดีแล้ว เป็นแบบนี้น่ะดีแล้ว

           บอกกับตัวเองซ้ำๆ ด้วยความรู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นสมควรจะเดินกลับไปยังเส้นทางของมัน มิราอิอาจเป็นแค่ตัวทดสอบเพื่อให้ความรักของทั้งคู่มั่นคงขึ้น ถึงจะเป็นแค่นั้นแต่เธอก็ยังยิ้มให้กับตัวเองว่าสิ่งที่กำลังเป็นอยู่ ...ดีแล้ว
     
           สักพักร่างเล็กก็เดินหายเข้าไปในรั้วบ้านพร้อมกับล็อคประตูปิดแน่นหนา เสียงผู้เป็นแม่ร้องทักและพี่สาวกำลังถามถึงความเป็นไปทำให้คนที่แอบตามมาเงียบๆ ต้องเผลอยิ้ม เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กปลอดภัยดีแล้ว เด็กหนุ่มก็หมุนจักรยานกลับไปยังเส้นทางเดิมเพื่อมุ่งตรงกลับบ้านของตัวเอง
     
    TBC.
    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×