ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yamashi] cherry blossom... ~ยามเมื่อซากุระผลิบาน~

    ลำดับตอนที่ #13 : Sakura drop : 12

    • อัปเดตล่าสุด 29 ก.ค. 56


        
          เสียงเข็มนาฬิกาดังเป็นจังหวะท่ามกลางความเงียบฉี่ขณะที่เด็กนักเรียนห้อง 1-C กำลังก้มหน้าก้มตาทำข้อสอบวิชาประวัติศาสตร์ด้วยสีหน้าคล้ายกับโดนยาเบื่อ เนื่องจากอาจารย์เรียวโกะ ฮิโรสุเอะ อาจารย์ประจำวิชาที่ได้ขึ้นชื่อว่าสวยโฉดเดินฉับๆ เข้ามาพร้อมกับร่อนกระดาษสอบโดยที่ไม่บอกกล่าวล่วงหน้า แถมยังทำหน้าเคร่งเครียดคุมสอบราวกับสนามเตรียมสอบเข้าก็ไม่ปาน

          เมื่อเข็มนาฬิกาเดินทางมาถึงจุดหมาย คุณครูสาวก็เดินตรงไปยังหน้าห้องแล้วเคาะที่ทับกระดาษกับโต๊ะแรงๆ ทำเอาบรรดานักเรียนวัยใสสะดุ้งกันเป็นแถบๆ

         "หมดเวลาแล้ว ส่งกระดาษคำตอบไล่มาเป็นแถว เอ้าเร็วๆ!"

          ตะโกนบอกกันถึงขนาดนี้เป็นใครจะกล้าขัดใจ เพียงไม่นานกระดาษปึกใหญ่ก็อยู่ในมือของเธอเป็นที่เรียบร้อยพร้อมกับ เสียงออดบอกหมดเวลา ยูโตะแทบจะเลื้อยลงนอนกับโต๊ะของตัวเองอย่างหมดเรี่ยวแรงเมื่อพบว่าเขายังลอกเรียวสุเกะได้ไม่ถึงครึ่งเลย

         "ยากเชี่ยๆ" หันไปพูดกับเพื่อนตัวสูงเสียงอ่อย เรียวสุเกะยกนิ้วทำท่าปาดคอตัวเองแล้วก็ต้องหันขวับไปหาคุณครูที่เคาะโต๊ะเสียงดังอีกครั้ง

          "แล้วก็อย่าลืมส่งรายชื่อตัวแทนห้องไปประกวดวาดภาพซากุระด้วยล่ะ งานนี้ถ้าห้องไหนชนะนอกจากจะได้ส่งรูปไปลงหนังสือหอสมุดฮาโกเน่แล้วทุกคนใน ห้องนั้นยังจะได้คูปองรับประทานอาหารกลางวันฟรีตลอดเทอมเชียวนะ หวังว่าห้องของเราคงไม่ทำให้ครูผิดหวังกันล่ะ" อาจารย์สาวบอกพลางกวาดสายตาไปทั่วห้องจนเด็กนักเรียนไม่กล้าแม้แต่จะฮือฮา ทั้งที่หูผึ่งกับของฟรีกันเป็นแถว คุณครูเรียวโกะเตรียมเก็บหนังสือเรียนแล้วเพ่งมองมาที่เรียวสุเกะและมิราอิเขม็ง

          "ยามาดะ เรียวสุเกะ แล้วก็ ชิดะ มิราอิตามมาพบครูที่ห้องพักอาจารย์ด้วยนะ"

           เธอบอกแล้วก็เดินออกไปทันที

           "เรื่องอะไรวะ" ยูโตะถามเสียงเครียดด้วยความกังวลแทนเพราะคุณครูเองก็ขึ้นชื่อได้ว่าโหด เอาเรื่อง แต่เรียวสุเกะกลับยังคงทำหน้าเฉยเหมือนไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจ เด็กหนุ่มแค่ยกยิ้มมุมปากก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ขณะที่มิีราอิหันไปสบตากับฮารุกะก่อนจะยักไหล่บอกว่าตนเองก็ไม่รู้เรื่อง เหมือนกันว่าอาจารย์เรียกไปหาทำไม ร่างเล็กพึมพำบอกเพื่อนว่าเดี๋ยวจะกลับมาแล้วจึงลุกเดินออกไป

          "นี่ชิดะ ฝากไปลงชื่ออายาเสะประกวดวาดรูปที่ห้องกรรมการนักเรียนด้วยนะ" หัวหน้าห้องป้องปากตะโกนบอกมา มิราอิพยักหน้าแล้วเดินจากไป


             .
             .
             .

                "นี่มันอะไรกัน ครูสื่อสารไม่รู้เรื่องหรือว่าพวกเธอไม่เข้าใจกันเอง..." สมุดรายงานสองเล่มถูกกระแทกวางบนโต๊ะพร้อมกับที่คุณครูสาวนั่งยกขาไขว้ห้าง ฉับ มือขาวทาเล็บฉาบสีแดงหมุนปากกาในมือขณะที่เพ่งมองไปยังเด็กทั้งสองที่ ยังคงรับฟังอย่างนิ่งสงบ

        "ครูบอกให้พวกเธอจับคู่กันทำรายงาน แต่ทำไมถึงส่งมาสองเล่ม เล่มหนึ่งมีแต่เนื้อหา ส่วนอีกเล่มหนึ่งมีแต่รูปภาพ มันยังไงกันแน่ ตกลงจะเอาคะแนนกันอยู่ไหม" เรียวโกะถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบพลางพิจารณาเด็กทั้งสองที่ยืนอยู่ตรงหน้า คนตัวเล็กเอาแต่ยืมเม้มริมฝีปากเมินหน้าลงต่ำขณะที่ร่างสูงเหลือบมองคู่ทำรายงานแล้วหันไปสบตากับอาจารย์ที่ยังคงรอคำตอบอยู่

        "พวกผมขอเอารายงานกลับไปแก้ได้ไหมครับ"

         อาจารย์สาวถอนหายใจ

         "ครูให้เวลาถึงพรุ่งนี้เช้าพอ ถ้ามากกว่านั้นครูไม่รับ"

         "ขอบคุณครับ"

         ทั้งคู่เดินออกมาจากห้องพักอาจารย์หลังจากที่โดนคุณครูสาวโบกมือไล่ มิราอิยื่นมือออกไปรับรายงานของตัวเองที่คนตัวสูงยื่นให้ แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมปล่อย ตากลมโตตวัดขึ้นมองทันที แต่พอได้สบตากับร่างสูงเต็มตา มิราอิก็เลือกที่จะเดินหนีออกมาเพราะถึงแม้เธอจะไม่มีสมุดรายงานแต่ก็ ยังมีไฟล์สำรองเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ที่บ้านอยู่ดี

         "รอเดี๋ยว..."

          ร้องเรียกเอาไว้ขณะที่มิราอิกำลังวิ่งลงบันไดพร้อมกับฉวยมือน้อยไม่ให้เดินห่างออกไปไกล มิราอิยื้อแขนกลับมาแต่คนตัวสูงกลับเดินอ้อมมาเผชิญหน้ากันโดยตรง แต่ถึงอย่างนั้นคนตัวเล็กก็เบี่ยงตัวหลบไปยืนเกาะระเบียงซึ่งเป็นขั้นพักของบันไดและเลือกที่จะมองตรงไปยังสนามฟุตบอลด้านนอกมากกว่าใบหน้าหล่อเหลาของคนตรงหน้า เรียวสุเกะขยับเข้าไปใกล้มากกว่าเดิมแล้วพูดเอ่ยเสียงเบา

        "เรื่องคืนนั้นฉัน..."

         "ช่างมันเถอะ..." มิราอิพูดสวนขึ้น ดวงตาใสกระพริบปริบขณะขบกัดริมฝีปากบางจนเป็นเส้นขาว "...ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นความผิดพลาดที่เราต่างก็รู้ดีว่ามันไม่สมควรเลย นายเมา ส่วนฉัน..." คำพูดถูกละเว้นกลืนหายไปในลำคอเมื่อร่างน้อยไม่สามารถจะเอ่ยบอกเหตุผลของตัวเองได้ มิราอิเป็นคนชัดเจนแต่ในเวลานี้เหมือนเธอไม่อาจเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองได้เลย

          มิราอิกำลังสับสนแต่ถึงอย่างนั้นน้ำเสียงที่บอกออกไปก็ราบเรียบราวกับในใจไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่าสิ่งที่กำลังเอ่ยบอก

           "ฉันจะถือว่าเรื่องของเราไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ฮาุรุกะเองก็ดูเหมือนจะยอมรับนากาจิม่าแล้ว ที่เหลือก็ให้พวกเขาสานต่อเอง ส่วนนายกับฉันก็ไม่มีเรื่องต้องเกี่ยวข้องกันอีก" มิราอิย้ำกับตัวเองตลอดเวลาว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพียงความฝันที่แค่ตื่นขึ้นมา ทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ แม้บางอย่างอาจจะไม่เหมือนเดิมแล้วก็ตาม

         "ที่บอกไม่เกี่ยวข้องกันคืออะไร ไม่พูด ไม่มองหน้า ทำเป็นเหมือนคนไม่รู้จักกันงั้นเหรอ" เรียวสุเกะพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูติดจะเข้มไม่ต่างใบหน้าที่ดูหงุดหงิดเล็กน้อย มิราอิหันกลับมาสบตากับคนตัวสูงตรงๆ

        "ใช่ เพราะเราไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเกิดขึ้น เราก็ควรจะลืมมันไปซะ" มิราอิพูดพลางหลุบสายตามองต่ำ ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นเมื่อรับรู้ได้ด้วยตัวเองว่าเสียงที่เปล่งออก มาเริ่มจะสั่น เรียวสุเกะยังคงจ้องมองใบหน้าหวานที่ก้มหลบก่อนจะพูดออกมาเสียงหนัก

         "แล้วถ้าฉันบอกว่าตั้งใจทำ เธอจะยังทำเป็นไม่รับรู้เรื่องคืนนั้นอีกเหรอ"

                แพรขนตายาวกระพริบไหวก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนเปิดมองสบตากับอีกคนอย่างช้าๆ ด้วยความไม่แน่ใจในคำพูดของอีกฝ่าย ทั้งที่พยายามหลบสายตาแต่ในแวลานี้ความสั่นไหวที่มีคงถูกมองเห็น ทั้งคู่สบสายตากันราวกับกำลังต่อสู้กับอำนาจใต้จิตใจที่เริ่มแผ่ขยายผ่านออก มาให้เห็นทีละน้อยๆ ไปพร้อมกับความทรงจำในช่วงเวลาสั้นๆ ได้ผุดขึ้นมาให้ต้องนึกทบทวนถึงเรื่องราวที่ได้ทำร่วมกันเหล่านั้น

        "มิราอิ"

         เสียงห้าวเอ่ยเรียกขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของเด็กหนุ่มร่างสูง มิราอิกระพริบตาด้วยความตกใจก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังผู้มาใหม่ซึ่งกำลังเดินตรง เข้ามาหาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถามพลางมองไปยังอีกคนด้วยท่าทางที่ดูระแวดระวัง

        "ยูริ..." คนตัวเล็กพึมพำเรียกเสียงอ่อน ยูริจึงได้หันกลับมา

         "มีอะไรหรือเปล่ามิราอิ" ถามด้วยความเป็นห่วงที่เห็นญาติผู้น้องดูเงียบซึมผิดปกติและจากบรรยากาศที่ ดูตึงเครียดระหว่างคนทั้งคู่ สายตาคมปรายมองร่างสูงที่กำลังมองตอบกลับมาด้วยใบหน้าที่ดูจะไม่พอใจเล็ก น้อยจนยูรินึกไม่ชอบขี้หน้าขึ้นมาเพราะคราวก่อนจำได้ว่าเจอกันที่ห้องดนตรี หมอนี่ก็ใช้สายตามองเขาแบบนี้เช่นกัน แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะเห็นได้ชัดเจนยิ่งกว่า

         "เปล่าหรอก ไม่มีอะไร เรากำลังจะกลับไปเรียนกันแล้วล่ะ แล้วยูริไม่มีเรียนเหรอ ยังไม่ถึงเวลาพักเที่ยงเลยนี่นา" คนตัวเล็กถาม ยูริจึงยกชีทที่ถือในมือให้ดู

          "แวะมาเอาชีทให้อาจารย์น่ะ"

          "อืม งั้นเราไปเรียนก่อนนะ" มิราอิบอกแล้วปลีกตัวออกไปทันที เมื่อแผ่นหลังบางลับสายตาไป เรียวสุเกะกับยูริก็หันมาสบตากันด้วยท่าทางที่แสดงออกชัดว่าต่างฝ่ายต่างก็ไม่ไว้ ใจอีกคนอย่างเปิดเผยก่อนที่เรียวสุเกะจะเดินกลับไปยังห้องเรียนของตัวเองโดยไม่ได้พูดอะไรออกไป
          
           .
           .
           .

                   เสียงออดหมดเวลาพร้อมกับบรรดานักเรียนกรูกันออกมาจากห้อง ยูมิกะเก็บหนังสือใส่กระเป๋าเรียบร้อยก็พอดีกับที่คนตัวสูงเดินมาเรียก ใบหน้าหวานยิ้มรับแล้วหันไปโบกมือน้อยๆ ให้กับเพื่อนสนิทที่โบกมือตอบ มายุยิ้มบางเมื่อเห็นภาพของยูมิกะซึ่งเดินเร็วๆ เข้าไปหาเรียวสุเกะและฝ่ายนั้นก็อาสารับกระเป๋ามาถือให้ก่อนจะเดินออกไป รอยยิ้มของเพื่อนตัวน้อยดูสว่างสดใสกว่าที่เคยและเธอเองก็อยากจะให้มันเป็น เช่นนี้ตลอดไป

         รถจักรยานเคลื่อนตัวไปไม่เร็วมากนักในระหว่างที่เดินทางไปยังอุทยานฮาโกเน่ หลังจากที่คุณแม่ของเรียวสุเกะโทรมาบอกว่าตอนนี้ไปรออยู่ที่นั่นแล้ว เมื่อรถจักรยานวิ่งมาถึงซุ้มซากุระซึ่งเป็นต้นขนาดกลางยืนแถวเรียงยาวไปตลอด เส้นทางเล็กๆ แห่งนี้ ยูมิกะก็แหงนหน้ามองพร้อมกับกลีบดอกซากุระร่วงกราวราวกับปุยนุ่นสีชมพู ลอยฟุ้งในอากาศเมื่อถูกสายลมเย็นพัดผ่าน คนตัวเล็กยิ้มก่อนจะเอียงหน้ามองไปยังร่างสูง

         "เรียวสุเกะคุง..."

          เรียวสุเกะยังคงเงียบ ทำให้ยูมิกะต้องเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจที่เห็นเสี้ยวหน้าคมดูเคร่งกว่า ปกติราวกับกำลังคิดอะไรอยู่ ยูมิกะจึงดึงชายเสื้ออีกคนเบาๆ พร้อมกับเอ่ยเรียกขึ้นอีกครั้ง

         "เรียวสุเกะคุง"

         "หือ มีอะไรเหรอยูมิกะ" เรียวสุเกะเอี้ยวหน้ามาตอบเล็กน้อย

          "เปล่าหรอก เราแค่จะบอกว่าซากุระสวยดีนะวันนี้"

          "อืม งั้นเหรอ" คำตอบรับมีเพียงประโยคสั้นๆ ยิ่งทำให้ยูมิกะรู้สึกถึงความแปลกไปของเรียวสุเกะ ร่างน้อยเริ่มขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยถามออกไปด้วยความเป็นห่วง

         "เรียวสุเกะคุงเป็นอะไรหรือเปล่า วันนี้ดูเงียบๆ"

          คนตัวสูงเงียบไปชั่วอึดใจก็ยิ้มตอบกลับมา "ก็กำลังคิดว่า..." ลากเสียงยาวให้คนที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลังต้องชะโงกมาเลิกคิ้วถาม เรียวสุเกะกดยิ้มมุมปาก "...จะพายามะจังซิ่งดีไหมไงล่ะ" บอกพร้อมกับออกแรงปั่นจักรยานเพิ่มความเร็วจนยูมิกะต้องคว้าเอวหนากอด เอาไว้แน่น

          "ไม่เอานะเรียวสุเกะคุง เรากลัว!"

           "ไม่ดีเหรอ ถึงเร็วดีนะ" ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่เรียวสุเกะก็ยอมลดความเร็วลงพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง ยูมิกะทำหน้ามู่ แต่พอเห็นอีกคนหัวเราะ ร่างเล็กก็อดจะยิ้มตามไม่ได้ มือน้อยจึงทำได้แต่ตีแปะบนแผ่นหลังหนาไม่แรงมากนักแต่อีกคนกลับร้องครวญเจ็บ ออกมาเสียเว่อร์ ยุมิกะจึงตีแปะให้อีกครั้งแรงๆ พลางยิ้มออกมาจนเต็มแก้ม ก่อนจะถามเสียงอ่อน

           "เจ็บไหมอ่ะ"
     
                   เรียวสุเกะยิ้มบางๆ ขณะที่สายตามองตรงไปยังถนนด้านหน้าก่อนตอบ

           "ไม่เจ็บหรอก ถ้าใครบางคนจะเลิกนั่งเกร็ง แล้วก็กอดเอวฉันไว้ก็ได้ถ้ากลัวจะตก" คำพูดของอีกคนทำให้ยูมิกะต้องเผลอแก้มแดงที่ถูกจับสังเกตได้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นรวดเร็วจนปรับตัวตามไม่ทัน เธอไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไรให้ดูแล้วไม่รู้สึกว่ามันมากจนเกินไป แต่ถ้าจะให้ทำตัวเหมือนเดิมเยูมิกะก็รู้อยู่เต็มอกแล้วว่ามันได้เปลี่ยน แปลงไปแล้ว

          ดวงหน้าหวานเอียงมองเสี้ยวใบหน้าขาวของร่างสูงก่อนจะเลื่อนลำแขนเข้ากอดเอว หนาอย่างช้าๆ พร้อมกับยิ้มเขินออกมาเมื่ออีกคนวางมือทับลงบนฝ่ามือเล็กตรงบริเวณหน้าท้อง แผ่วเบา

          ต้นซากุระตามรายทางออกดอกสวยงามเหมือนกับความรู้สึกของยูมิกะที่เติบโตพอกพูนมากขึ้นทุกวันและเขาก็หวังว่าความรักของเราจะเบ่งบานเช่นนี้ตลอดไปไม่ ร่วงโรยราเหมือนกลีบซากุระที่กำลังจะหายไปจากต้นของมันทีละน้อย

           .
           .
           .

           ช่วงเวลาหัวค่ำหลังจากที่ทุกคนรับประทานอาหารเย็นกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว มิราอิก็ปลีกตัวออกมาอาบน้ำขณะที่ทุกคนยังนั่งดูทีวีกันต่อ คนตัวเล็กเช็ดผมที่เพิ่งสระพร้อมกับเดินไปเปิดคอมพิวเตอร์เตรียมทำงาน แต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่ารูปอยู่กับอีกคน มิราอิถอนหายใจแล้วก็คิดว่าจะนั่งหารูปประกอบในเนตคงไม่เป็นไร

         "มิราอิมีเพื่อนมาหาแน่ะ"

         เสียงของแม่ตะโกนขึ้นมาจากชั้นล่าง มิราอิขมวดคิ้วสงสัยว่าเป็นใคร แต่พอจะเดินลงไปดูประตูห้องก็เปิดอ้าออกพร้อมกับผู้มาใหม่ซึ่งพอมิราอิมองเห็น ก็ทำหน้าตึงขึ้นมาทันที แต่อีกคนกลับทำสีหน้าโล่งใจเมื่อเหลือบมองไปเห็นหน้าจอคอมพิวเตอร์ยังคง โล่งอยู่

         "นึกว่าจะมาไม่ทันซะแล้ว" เรียวสุเกะพูดพลางยิ้มแล้วยื่นแฟลชไดฟ์ซึ่งมีข้อมูลรูปภาพมาให้ มิราอิรับมาถือไว้แล้วก็เงยหน้ามองคนตัวสูงก่อนจะพูด

        "เดี๋ยวที่เหลือฉันทำเอง นายก็กลับไปได้แล้ว"

        "เพราะเราไม่จำเป็นต้องข้องเกี่ยวกันอีกแล้ว?" เรียวสุเกะเลิกคิ้วถาม มิราอิพยักหน้า

        "ใช่"

        "แต่นี่เป็นรายงานคู่ ไม่ใช่รายงานเดี่ยว ถ้าเธอไม่อยากจะอยู่กับฉันนานๆ ก็รีบทำกันดีกว่า" บอกออกมาเสียงเรียบไม่ต่างไปจากสีหน้า มิราอิเม้มริมฝีปากอย่างตัดสินใจ เพียงไม่นานคนตัวเล็กก็เดินกลับไปนั่งหน้าจอคอมพ์แล้วเรียกไฟล์งานเปิดขึ้น เรียวสุเกะเดินเข้ามายืนดู ความสูงใหญ่ของเรือนกายสาดเงาบดบังหน้าจอจนเลือนสลัว มิราอิถอนหายใจอีกรอบ

                "ก็แค่ใส่รูป ฉันเป็นคนทำเนื้อหารู้ว่าควรจะเอารูปใส่ตรงไหน ส่วนนายก็นั่งอ่านการ์ตูนไปก่อนแล้วกัน อีกแป้บเดียวก็คงเสร็จ" บอกพร้อมกับลงมือทำงานขณะที่เรียวสุเกะยักไหล่ก่อนจะเดินวนภายในห้องนอนขนาดเล็ก ที่ดูเหมือนห้องของเด็กผู้หญิงทั่วไป แต่ผ้าปูที่นอนกลับเป็นสีฟ้า  ดวงตาคมหันไปมองใบหน้าเล็กแล้วก็คิดขึ้นมาได้ว่ามันก็ดูจะเข้ากันดีอยู่หรอก

         มิราอิเลือกรูปไปใส่ทีละภาพๆ ถึงแม้ว่าจะฟังดูเหมือนง่ายแต่เอาเข้าจริง เะอก็ต้องมาอ่านเนื้อหาใหม่ทั้งหมดแล้วก็ต้องเลือกรูปภาพที่คิดว่าดีที่สุด จากภาพเป็นร้อย ซึ่งเธอเองก็อดที่จะยอมรับไม่ได้ว่าเรียวสุเกะก็ถ่ายภาพได้สวยเลยทีเดียว มิราอิเลื่อนดูภาพแล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองก็เคยถูกถ่ายเอาไว้เหมือนกัน แต่ในแฟลชไดฟ์กลับไม่มีเลยแฮะ

         ความรู้สึกวูบโหวงราวกับตกเคว้งคว้างลงไปใต้เหวนี่คืออะไรกัน

          มิราอิกระพริบตาถี่ๆ ปรับอารมณ์ของตัวเองให้เป็นปกติจนเวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงก็กดเซฟและปริ้นท์งานออกมาเป็นที่เรียบร้อย

         "นี่ เสร็จแล้วนะ..."

          มิราอิหันกลับไปบอกคนที่คิดว่านั่งอ่านการ์ตูนอยู่แต่กลับพบว่าเรียวสุเกะกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงของเธอด้วยห้วงลมหายใจที่สม่ำเสมอ มิราอิส่ายหน้าแล้วเดินลุกมาหวังจะปลุกให้ตื่น แต่พอดวงตาสวยทอดมองใบหน้าหล่อใสในยามหลับใหลกลับทำได้แค่นั่งมองดูอยู่ อย่างนั้น ไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงเรียกให้ดังรบกวนอีกคนด้วยซ้ำ

        เสียงเครื่องปริ้นท์ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องจนเมื่องานหมดสต๊อกก็หยุดลง พร้อมกับความเงียบเข้ามาแทนที่ ริมฝีปากบางสีสดเป็นกระจับเล็กวาดออกเป็นรอยยิ้มบางแต่ดวงตาที่เคยสดใสกลับ ทอประกายหม่นหมองเมื่อสามารถมองใบหน้าของคนตัวสูงได้เต็มตาแค่ในเวลานี้เอง

           เวลาล่วงเลยผ่านไปจนเสียงสุดท้ายของบ้านชิดะคือฝีเท้าของพี่สาวเดินหาย เข้าไปในห้องตรงข้าม ร่างสูงขยับตัวลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆ แล้วดูนาฬิกาตรงข้อมือบอกเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้ว เด็กหนุ่มผินมองไปยังข้างเตียงก็พบว่ามิราอิกำลังนั่งหลับบนโต๊ะเล็กในห้อง ร่างสูงผุดลุกออกจากเตียงแล้วไปช้อนอุ้มร่างเล็กให้กลับมานอนลงบนเตียงอย่าง ช้าๆ

         นิ้วเรียวยาวเกลี่ยเส้นผมบางออกไปทัดหูให้อย่างแผ่วเบา ดวงตาคมทอดมองใบหน้าใสนิ่งนานก่อนจะโน้มใบหน้าจุมพิตหน้าผากเนียนแนบแน่น

         แสงไฟถูกปิดลงพร้อมกับเสียงปิดประตูด้วยความระมัดระวัง เปลือกตาบางขยับเปิดขึ้นอย่างช้าๆ แล้วคนตัวน้อยก็ค่อยๆ ขยับกายลุกขึ้นนั่ง ใบหน้าสวยมองผ่านหน้าต่างออกไปยังบริเวณหน้าบ้านเห็นว่าเรียวสุเกะกำลังจูง จักรยานออกไป จนเมื่อแผ่นหลังหนาหายลับไปความมืดมิดของท้องถนน ดวงหน้าแสนหวานก็หงอยเศร้าพร้อมกับมือน้อยแตะหน้าผากตรงตำแหน่งที่ยังอุ่น ร้อนแผ่วเบา

         มิราอิไม่ชอบความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้เลย


                      TBC.
     
     
            ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×