ลำดับตอนที่ #12
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Sakura begins :11
รถไฟวิ่งฉิวไปตามรางผ่านสะพานแขวนขนาดใหญ่ซึ่งเชื่อมระหว่างตัวเมืองโดยอีกฟากหนึ่งยังมีการซ่อมแซมกันอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่เมื่อคืนจนสภาพเริ่มจะ กลับมาเป็นปกติ ไอหมอกของตอนเช้าตรู่ยังคงลอยกรุ่นเห็นเป็นสายสีขาวฟุ้งสลับไปกับธรรมชาติสี เขียวตลอดเส้นทางที่รถไฟแล่นผ่าน ในขบวนรถไฟมีผู้โดยสารเพียงไม่กี่คนและในจำนวนนั้นก็คือมิราอิที่นิ่งเงียบทอดสายตาเหม่อไปตามทิวทัศน์รอบด้านอย่างไร้จุดหมายและถัดไปอีกเบาะ ซึ่งอยู่ตรงข้ามกันก็เป็นอีกหนึ่งคนที่เอาแต่นั่งมองหมวกแก็ปในมือตาไม่กระ พริบ
"สถานีต่อไป สถานีโมโตฮาโกเน่ Next station Motohagone..."
เมื่อขบวนรถไฟจอดเทียบท่าสถานีเรียบร้อย มิราอิิก็เดินดุ่มๆ ออกมายังประตูทางออกของตัวอาคารโดยไม่ได้สนใจอีกคนที่เดินตามหลังมาก่อนที่ ร่างเล็กจะโบกแท็กซี่ออกไปอย่างรวดเร็วทั้งที่ปกติแล้วถ้าไม่มีเหตุจำเป็น จริงๆ เธอก็ไม่คิดจะใช้บริการที่แสนแพงแบบนี้เด็ดขาด
เรียวสุเกะมองตามหลังรถแท็กซี่ที่เพิ่งจากไปแล้วถอนหายใจ เด็กหนุ่มนำหมวกแก็ปในมือสวมใส่ศีรษะก่อนจะโบกแท็กซี่อีกคันที่กำลังผ่านมา ทิ้งเบื้องหลังไว้เพียงความว่างเปล่าของสถานีที่มีกลีบซากุระร่วงกราวตามสาย ลมแผ่วเบาเท่านั้น
.
.
.
เมื่อเรียวสุเกะมาถึงที่บ้านก็นึกแปลกใจที่ได้ยินเสียงพูดคุยกันดังมาจากในบ้าน ทั้งที่เวลานี้ก็ยังเป็นเวลาที่เช้ามากสำหรับวันหยุด เด็กหนุ่มเดินไปเปิดประตูและในทันทีทุกสายตาก็มองตรงมาที่เขาเป็นจุดเดียว ไม่เว้นแม้กระทั่งร่างเล็กกะทัดรัดที่ยืนขึ้นยิ้มกว้างทันทีที่เห็นว่าใครมา
"ยูมิกะ..."
เรียวสุเกะพึมพำแล้วเดินเข้าไปหาคนที่รออยู่ในบ้านอย่างช้าๆ
"เป็นยังไงบ้างฮะเรา แม่นึกว่าจะกลับมาช้ากว่านี้ซะอีก" คุณนายยามาดะพูดพลางเดินเข้าไปในครัวเพื่อไปทำอาหารที่ค้างเอาไว้ต่อ โดยมียูมิกะเดินตามเข้าไปเป็นลูกมืออย่างแข็งขันทำเอาหญิงสูงวัยถึงกับ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความปลื้มอกปลื้มใจ ความใฝ่ฝันของเธอคือได้ทำกิจกรรมร่วมกันกับลูกที่แสนน่ารัก แต่ก็น่าน้อยใจที่ลูกชายคนเดียวของเธอเป็นคนสนใจทำนั่นนี่นู่นมากมาย ยกเว้นก็แต่การเข้าครัวพร้อมกับผู้เป็นแม่นี่แหละที่ฝ่ายนั้นดูจะเพิกเฉยได้ อย่างน่าตีนักเชียว
"สะพานซ่อมเสร็จเร็วน่ะครับแม่..." เรียวสุเกะหันไปร้องบอกผู้เป็นแม่พร้อมกับนั่งลงบนโซฟาตรงข้ามกับคุณพ่อที่กำลัง กางหนังสือพิมพ์อ่านอยู่อย่างติดพัน
"ยูิมิกะจังโทรหาแกไม่ติดเลยมาถามข่าวแต่เช้า พ่อเลยคิดว่าแบตมือถือคงจะหมดใช่ไหมล่ะ" คำถามของผู้เป็นพ่อทำให้เรียวสุเกะต้องล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบมือถือขึ้นมาดูก็พบ ว่าหน้าจอมืดสนิทอย่างที่คุณพ่อกล่าว คนตัวสูงหันไปหายูมิกะที่อยู่ในครัวแล้วลุกขึ้นเดินไปพิงขอบประตูบอก เสียงอ่อน
"ยูมิกะ เดี๋ยวฉันขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ"
"อื้อ"
ยูมิกะพยักหน้ารับรู้ เรียวสุเกะยิ้มแล้วเดินออกไปทันที นางนากาจิม่าเดินไปหยิบไก่ในตู้อบมาวางบนเคาน์เตอร์ครัวก่อนจะหันมาจ้องเด็กหญิงตัวเล็กด้วยสายตาพิจารณาเป็นนาน ใบหน้าหวานอมยิ้มจนแก้มตุ่ยหน้าตาสดใสเห็นเลือดฝาดสีระเรื่อทั้งปากทั้งแก้ม ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่นาทีในช่วงที่ลูกชายของเธอยังไม่กลับมาถึงบ้าน ยูมิกะดูกังวลถึงขั้นร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งบรรยากาศที่ดูแปลกไปของเด็กทั้งสองคน มีหรือที่คนเป็นแม่จะไม่รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลง
"ยูมิกะจัง..."
"คะ?" ยูมิกะหยุดมือที่กำลังหั่นผักแล้วหันไปหาหญิงสูงวัยที่กำลังมองตรงมา
"...กับลูกชายของน้าน่ะ สารภาพรักไปแล้วใช่ไหม"
"...................."
ยูมิกะนิ่งไปคล้ายกับสมองหยุดทำงานชั่วขณะกับคำถามของผู้ใหญ่ที่เธอเอง ก็เคยนึกหวาดกลัว ถึงแม้นางยามาดะจะแสดงออกว่ารักเธอไม่ต่างไปจากลูกชายของตัวเองแต่ความ สัมพันธ์ที่ไม่ใช่แค่เพื่อนสมัยเด็กอย่างที่เคยเป็น เธอเองก็ไม่แน่ใจว่าคนในครอบครัวจะรับได้มากแค่ไหน ดวงตากลมหลบวูบพร้อมกับใบหน้าที่ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด จนหญิงสูงวัยต้องเผลอยกมือปิดปากแล้วรีบเดินเข้าไปกอดปลอบเด็กตัวน้อยของเธอ โดยเร็ว
"โอ๋ๆ น้าถามเฉยๆ ไม่มีอะไร นี่มันสมัยไหนแล้ว ไม่ต้องกลัวนะ น้าไม่ว่าอะไรหนูเลยออกจะเอ็นดูขนาดนี้เนอะ"
"คุณน้าไม่ว่าอะไรจริงๆ เหรอคะ" มิราอิถามซ้ำด้วยน้ำเสียงที่ติดจะสั่นเล็กน้อย หญิงสูงวัยสั่นหน้าพรืดพลางยิ้มให้เต็มแก้มจนเห็นฟันเขี้ยวซี่เล็กอย่างน่า รัก
"ใครจะกล้าว่ากันล่ะจ้ะ น้าแอบลุ้นมาตั้งนาน ตกลงพวกเราเป็นแฟนกันแล้วใช่ไหม" ยูมิกะเม้มริมฝีปากแน่น แก้มขาวแดงปลั่งยิ่งกว่าเดิมด้วยความกระดากอายที่ต้องมาเปิดใจต่อหน้า ผู้ใหญ่ ดวงตาใสสบตากับคุณแม่ของเรียวสุเกะก่อนจะพยักหน้าเป็นคำตอบอย่างช้าๆ และทันทีคุณนายยามาดะก็ยกมือทาบอกอ้าปากกว้าง ดวงตาเป็นประกายวิบวับอย่างมีความสุขทันที
"น้าจะโทรหาแม่ของหนูเดี๋ยวนี้เลย ส่วนหนู ยูมิกะจัง หยุดทำได้แล้วลูก ขึ้นไปตามเรียวสุเกะข้างบนนะแล้วบอกว่าเราจะไปดูซากุระด้วยกันตอนนี้เลย ตายแล้ว ต้องไปซื้อของเพิ่มไหมเนี่ย แต่ที่ทำไว้ก็น่าจะพอ คุณคะ...คุณ..." นางยามาดะดูวุ่นวายขึ้นมาอย่างกะทันหันเมื่อคิดขึ้นมาได้ว่าต้องฉลองกัน พร้อมหน้าพร้อมตาให้ได้ทั้งที่ตั้งใจว่าจะรออีกสักสองสามวันค่อยไปชมซากุระ เพราะเขตโมโตฮาโกเน่เพิ่งจะเริ่มจัดกันตามการผลิดอกของต้นซากุระ ซึ่งตามข่าวท้องถิ่นจะสวยงามที่สุดก็ช่วงกลางสัปดาห์
แต่ข่าวดีน่ารักๆ แบบนี้ก็ต้องเหมาะกับบรรยากาศหวานๆ ถึงจะถูก
"คุณคะ ไปดูซากุระกันเถอะ"
"ไปได้ไงล่ะคุณ อุทยานยังไม่เปิดให้เข้าไปชมเลย" ผู้เป็นสามีหันมาบอก
"ไม่นะ..." นางยามาดะม่าทำหน้าม่อยก่อนจะหันมาหายูมิกะที่ยังยืนอยู่แถวนั้น "...ไม่เป็นไร ยูมิกะจังไปตามเรียวสุเกะลงมาทานข้าวก่อน เรามาฉลองกันแบบง่ายๆ ก็พอ จากนั้นค่อยจัดเต็มเนอะ"
ยูมิกะถูกรุนหลังให้เดินไปยังบันได ร่างเล็กละล้าละลังด้วยความไม่แน่ใจ แต่เมื่อหญิงสูงวัยพยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้กำลังใจ เธอจึงค่อยๆ เดินขึ้นไปยังห้องของเรียวสุเกะที่หาได้ไม่ยาก อันที่จริงแล้วไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยที่เธอจะเข้าออกห้องของเรียวสุเกะเพราะ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่เพราะท่าทีของคุณน้าทำให้ยูมิกะอดที่จะรู้สึกกระดากอายไม่ได้
"เรียวสุเกะคุง เราเข้าไปนะ"
"อืม เข้ามาสิ"
เสียงอนุญาตดังมาจากข้างในทำให้คนตัวเล็กผลักประตูเข้าไปอย่างช้าๆ และก็พบว่าเรียวสุเกะกำลังยืนเช็ดผมอยู่หน้ากระจกด้วยชุดที่สวมใส่ใหม่เรียบร้อย ยูมิกะเดินเข้าไปนั่งบนเตียงแล้วหยิบตุ๊กตากระต่ายที่เธอจำได้ว่าเคยให้ เรียวสุเกะเป็นของขวัญวันเกิดครบรอบอายุสิบขวบ ไม่คิดเลยว่าคนตัวสูงจะยังเก็บมันไว้ทั้งที่เธอเองก็เกือบจะลืมไปด้วยซ้ำ
"คิดถึงสมัยก่อนจังเลยนะ" ยูมิกะเปรยพร้อมกับยิ้มกว้างให้เจ้ากระต่ายเนื้อนิ่มในมือ แต่คนที่ยืนอยู่กลับชะงักมือเล็กน้อย ดวงตาคมสบมองตัวเองในกระจกก่อนจะเดินมานั่งลงเคียงข้างกับคนรักตัวน้อยที่ ยังคงมีความสุขกับสิ่งของในมือ
"ยูมิกะ..."
เสียงห้าวเอ่ยเรียกเบาหวิว ยูมิกะเอียงหน้ามองร่างสูงแล้วก็ต้องเผลอเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจกับท่า ทางนิ่งเงียบของอีกคน เรียวสุเกะที่ชอบยิ้มชอบพูดแหย่ในตอนนี้กลับเอาแต่นั่งมองมือที่วางบนหน้าตักของ ตัวเอง
"เรียวสุเกะคุง เป็นอะไรหรือเปล่าหรือว่าไม่สบาย" คำถามแสดงความห่วงใยถูกถ่ายทอดผ่านน้ำเสียงที่ดูเป็นกังวล เรียวสุเกะหันไปสบตากับคนข้างกาย สายตาคมทอดมองดวงหน้าสวยนิ่งเป็นนานคล้ายกับกำลังตัดสินใจจะพูดบางอย่าง แต่สุดท้ายแล้วเด็กหนุ่มก็เลือกที่จะยิ้มบางๆ ให้พร้อมกับวางมือบนศีรษะเล็กแผ่วเบา
"ฉันไม่ได้เป็นอะไร ยูมิกะจังนั่นแหละ เป็นห่วงตัวเองบ้างก็ได้นะ เห็นคุณพ่อบอกว่ายูมิกะมาที่บ้านแต่เช้า แล้วเมื่อคืนได้นอนบ้างหรือเปล่า..." เรียวสุเกะพูดพลางยิ้ม
"นอนสิ แต่เรานอนไม่ค่อยหลับหรอก ไม่รู้นี่นาว่าเรียวสุเกะคุงเป็นอะไรมากหรือเปล่า เราเป็นห่วง" ยูมิกะพูดบอกตาใส เรียวสุเกะรับฟังพร้อมกับทำหน้านิ่ง สักพักเด็กหนุ่มก็เอ่ยเรียกชื่อร่างเล็กด้วยน้ำเสียงจริงจังอีกครั้ง
"ยูมิกะ..."
"อะไรเหรอ"
ยูมิกะเอ่ยถามพร้อมกับที่ร่างน้อยถูกดึงเข้าสู่อ้อมกอดแข็งแกร่งอย่างรวดเร็ว ลำแขนหนากอดรัดลำตัวจ้อยจนยูมิกะรู้สึกอึดอัดแต่เธอก็ไม่ได้เอ่ย ท้วงติงออกไป ยังคงปล่อยให้เรียวสุเกะกอดเอาไว้อย่างนั้นสักพักจนรับรู้ได้ถึงอาการผ่อนคลาย จากอ้อมกอดของอีกคนพร้อมกับที่เรียวสุเกะเอ่ยพูดเสียงเบา
"ขอโทษนะ"
ยูมิกะเลิกคิ้วกับคำพูดขอโทษของร่างสูงที่ฟังดูแปลกไปกว่าทุกครั้ง ร่างเล็กตั้งใจจะผละออกมาเพื่อพูดคุยกันแต่เรียวสุเกะกลับกระชับลำแขนมากขึ้นกว่า เดิม
"เรียวสุเกะคุง..."
"จะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก ฉันขอโทษ..." เรียวสุเกะกลืนน้ำลายหายเข้าไปในลำคอที่แสนแห้งผากทั้งที่เวลาอยู่ใกล้กับยุมิกะแล้ว เรียวสุเกะรู้สึกเหมือนอยู่ภายใต้น้ำใสไหลเย็นฉ่ำอย่างที่เขาเคยพูดบอกกับยูมิกะบ่อยๆ ในตอนเด็กว่า ยูมิกะจังน่ะเหมือนกับน้ำ อยู่ใกล้เมื่อไหร่ก็เย็นใจเมื่อนั้น แต่ถ้าหากขาดไปคงตายเข้าสักวัน
"สำหรับฉันแล้ว..." ดวงตาคมเพ่งมองพรวนกระดิ่งที่ห้อยกระเป๋าเป้ติดตัวไว้ตลอดเวลาก่อนจะตัดสินใจพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง
"สำหรับฉันแล้ว ยูมิกะเป็นคนสำคัญที่สุดนะ"
ถึงแม้ ยูมิกะจะยังข้องใจในท่าทีของเรียวสุเกะที่ดูพูดจาเคร่งเครียดกว่าปกติและเธอ ก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่เรียวสุเกะต้องการจะสื่อ แต่ยูมิกะเองก็อดที่จะยอมรับกับตัวเองไม่ได้ว่า คำพูดที่อีกคนเพิ่งเอ่ยปากบอกทำให้หัวใจดวงน้อยหวั่นไหวจนต้องเผยรอยยิ้มจน เต็มแก้ม และเมื่อคนตัวสูงยอมปล่อยให้เป็นอิสระพร้อมกับรอยยิ้มที่กลับมาเป็น เรียวสุเกะคนเดิม เพียงเท่านียูมิกะก็ไม่ต้องการสิ่งใดไปมากกว่าการได้เห็นคนที่เรารัก กำลังมีความสุขแล้ว
"ฉันพูดจริงๆ นะ" เรียวสุเกะบอกด้วยท่าทางนิ่งขรึมอีกครั้งเป็นการย้ำเตือน ยูมิกะอมยิ้มแล้วพยักหน้ารับรู้ก่อนจะพูดบอกเมื่อนึกขึ้นมาได้
"คุณน้าให้ตามมาลงไปทานข้าวแน่ะ"
"โอเค งั้นเราก็ลงไปข้างล่างกันเลยดีกว่า" เรียวสุเกะบอกพร้อมกับกอดคอคนตัวเล็กเดินไปด้วยกัน "ยูมิกะนี่ชิมไปด้วยทำไปด้วยหรือเปล่าเนี่ย ดูอ้วนขึ้นนะ กอดทีนึกว่ากอดหมีพูห์" ยูมิกะตาโตพร้อมกับตีมือลงบนแขนแกร่งไม่แรงมากนัก
"งั้นไม่ต้องมากอดเลย"
"ที่พูดเนี่ยชมนะ น่ารักเหมือนหมีพูห์ไม่ชอบเหรอ"
"ไม่ต้องเลย"
เสียงพูดคุยพร้อมกับวิ่งไล่กันลงมาจากบันไดเป็นภาพคุ้นตาที่ผู้สูงวัยทั้ง สองได้แต่ลอบสบตาอมยิ้มให้กันกับความรู้สึกเก่าๆ ที่ได้หวนกลับมา เพียงแต่ว่าตอนนี้เด็กทั้งสองได้เติบโตและกำลังถัก ทอความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นให้หนาแน่นมากขึ้นกว่าเดิม ถึงแม้ในอนาคตข้างหน้าเด็กทั้งสองยังต้องพบเจอและเรียนรู้ถึงความเปลียนแปลง ด้วยกันอีกมากมาย แต่สุดท้ายมีเพียงเสียงหัวเราะและรอยยิ้มเท่านั้นที่ผู้ใหญ่ทั้งสองไม่อยาก จะให้มันเปลี่ยนไป
.
.
.
เช้าวันจันทร์เริ่มต้นมาพร้อมกับสีชมพูของดอกซากุระในเขตโมโตฮาโกเน่แห่งนี้ เริ่มเบ่งบานเต็มที่จนไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็พบแต่สีของความสดใสเปล่งประกาย ไปทั่วทุกมุมเมือง และถือได้ว่าเป็นตัวแทนสีสันของฤดูใบไม้ผลิได้อย่างงดงามและลงตัวอย่างยาก ที่จะหาความงามใดมาเปรียบเปรย แต่ถึงอย่างนั้นความงดงามที่เห็นชัดเจนอยู่ตรงหน้ากลับถูกละเลยจากร่างเล็กที่เพียงแต่แหงนมองดูกลีบดอกที่ค่อยๆ ร่วงหล่นบนพื้นดินทีละกลีบๆ อย่างเชื่องช้า
อวดค่าความงามให้เชยชมได้เพียงช่วงเวลาสั้นๆ พอกลีบดอกสุดท้ายร่วงโรยไปก็หมดความสนใจลงแค่นั้น
มิราอิยื่นมือออกไปรับกลีบซากุระที่เคลื่อนตัวลอยลงมานอนแผ่บนฝ่ามือขาว ก่อนที่คนตัวเล็กจะพลิกฝ่ามือปล่อยให้กลีบนั้นค่อยๆ ร่วงลงพื้นแล้วเดินจากไปเพื่อมุ่งตรงไปยังโรงเรียนที่เห็นอยู่ตรงหน้าด้วย ความรู้สึกที่ไม่อยากจะเหยียบย่างเข้าไปเลยแม้แต่น้อย
เสียงจ้อกแจ้กจอแจของเหล่านักเรียนดังขึ้นมาเป็นระยะระหว่างที่ร่างเล็กเดิน ไปตามระเบียงของตัวอาคาร มิราอิก้าวเข้าไปในห้องเรียนแล้วก็ต้องยืนนิ่งหยุดมองกับภาพแปลกตาที่เห็นตรง หน้าฮารุกะกำลังพูดเรื่องเบสบอลที่ถ่ายทอดสดเมื่อคืนวานโดยมียูโตะนั่งเท้า ค้างรับฟังด้วยท่าทางที่ให้ความสนใจเต็มที่ บรรยากาศรอบตัวของทั้งคู่ดูเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีราวกับดอกซากุระที่กำลัง เบ่งบานสวยงาม คงมีเพียงมิราอิเท่านั้นที่ซากุระไม่ปรารถนาจะอวยพรให้
มิราอิเดินเข้าไปยังที่ของตัวเองด้วยท่าทางที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ในขณะที่ฮารุกะพอเห็นเพื่อนชัดเจนเท่านั้นแหละก็รีบปลีกตัวออกจากคนตัวสูงมาหาเพื่อนทันที ท่าทางก๋ากั่นดูเลิกลั่กเล็กน้อยเมื่อถูกสายตาล้อเลียนจากคนตัวเล็กส่งมาให้
"ห้ามล้อนะ" ฮารุกะพูดพลางหลบตาแล้วสาละวนหยิบหนังสือออกมาจากกระเป๋าวุ่นวาย มิราอิยิ้มขำแล้วฉับพลันรอยยิ้มนั้นก็หายไปทันทีที่ร่างสูงของอีกคนเดินเข้ามา ทั้งคู่สบตากันโดยไม่ได้ตั้งใจทั้งสองฝ่ายก่อนที่มิราอิจะหันกลับมามองเพียง กระดานดำที่ว่างเปล่า
"ไงยามาดะซัง เดินทางมาโรงเรียนเหนื่อยมั้ยครับ" ยุโตะพอเห็นเพื่อนสนิทก็ปรี่เข้าไปหาพร้อมกับนวดไหล่นวดแขนให้อย่างเอาใจ
"มึงกินยาเขย่าขวดบ้างป่ะเนี่ย"
"ด่าอะไรก็ว่ามาเถอะครับ วันนี้หนูโตะยอม" ยูโตะยิ้มรับจนตาหยีด้วยออร่ามีความสุขกระแทกตาเพื่อนฝูงจนเรียวสุเกะอดที่จะ เหลือบตาไปมองสองสาวน้อยหน้าชั้นเรียนไม่ได้ นี่แสดงว่าแผนของเขาได้ผลงั้นสิ ไม่อยากจะเชื่อว่าฮารุกะจะหลงผิดและทำอะไรไม่คิดถึงขนาดยอมไอ้ยูโตะเอาง่ายๆ
"ดีใจด้วยจริงๆ ว่ะ" เรียวสุเกะบอกพลางตบไหล่เพื่อนแปะๆ แล้วเดินไปนั่งยังที่ของตัวเอง โดยมียูโตะเดินบิดตัวไปมาด้วยความเขินอายตามมานั่งลงข้างๆ พลันเสียงนักเรียนหญิงที่คุยกันเสียงดังหน้าห้องก็เงียบกริบลงอย่างกะทันหัน พร้อมกับการปรากฏตัวของร่างเล็กซึ่งเมียงมองเข้ามาในห้อง 1-C ด้วยความประหม่าเล็กน้อยกับสายตาทุกคู่ที่มองตรงมา
"ยูมิกะ" เรียวสุเกะเรียกชื่อคนรักเสียงดังพร้อมกับลุกออกไปหา ยูมิกะยิ้มหวานมาให้อย่างนึกโล่งใจ
"เรียวสุเกะคุงลืมเอาโทรศัพท์มือถือมาเหรอ เห็นคุณน้าโทรเข้าเบอร์เราบอกว่าเย็นนี้จะพาไปดูซากุระที่อุทยานกัน" เรียวสุเกะเลิกคิ้ว ก่อนจะยิ้ม
"เราไม่ได้ลืมหรอก แต่สงสัยคุณนายอยากจะโทรหายูมิกะเองนั่นแหละ แล้วคุณป้าก็จะมาด้วยกันใช่ไหม"
"อื้อ แม่บอกจะปิดร้านมา เห็นบอกดีใจใหญ่ที่จะได้เจอทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตา" บอกเล่าพร้อมรอยยิ้มสวยจนทำเอาสาวๆ และหนุ่มๆ แอบเคลิ้มโดยไม่รู้ตัวกับบรรยากาศอ่อนหวานที่ไม่ต่างไปซากุระบานแรกแย้ม เรียวสุเกะยังคงยิ้มอ่อน
"งั้นเดี๋ยวเลิกเรียนจะไปรับที่ห้องนะ"
"อื้อ งั้นเราไปนะ"
ยูมิกะโบกมือพร้อมกับยิ้มเผื่อแผ่เพื่อนร่วมห้องของเรียวสุเกะให้อย่างน่ารัก ก่อนจะเดินจากไป พอยูมิกะลับหลังไปแล้วเสียงที่ถูกหยุดเอาไว้เมื่อสักครู่ก็ดังขึ้นทันทีใน หัวข้อที่ใครๆ ต่างก็อิจฉาเรียวสุเกะแทบแดดิ้น ยูมิกะคนดังของโรงเรียนจากที่มองเห็นไกลๆ ก็ว่าน่ารักแล้ว มาเจอในระยะเห็นเต็มตาแบบนี้ประกอบกับท่วงท่าที่หวานเกินใคร ไหนจะออร่าโมเอ้กระจายยิ่งกว่านางเอกการ์ตูนฮาเร็มทำเอาหนุ่มๆ ฮือฮาเป็นเสียงเดียวกัน
"น่ารักจังเนอะ" ฮารุกะหันมาพูดกับมิราอิที่ยิ้มบางรับ คนตัวเล็กมองไปยังเรียวสุเกะที่กำลังถูกเพื่อนในห้องรุมถามก่อนจะเม้มริมฝีปาก แน่นพร้อมกับเบือนหน้าเท้าคางมองต้นซากุระเก่าแก่ที่มีเพียงต้นเดียวยืนเด่น เป็นสง่าชูช่อดอกสีชมพูสดท่ามกลางพุ่มไม้สีเขียวของขอบเขตแนวรั้วโดยลำพัง
คงมีเพียงมิราอิเท่านั้นที่ซากุระไม่ปรารถนาจะอวยพรให้เฉกเช่น...คนอื่นๆ
TBC.
+++++++++++++++++++++++++++++++
"สถานีต่อไป สถานีโมโตฮาโกเน่ Next station Motohagone..."
เมื่อขบวนรถไฟจอดเทียบท่าสถานีเรียบร้อย มิราอิิก็เดินดุ่มๆ ออกมายังประตูทางออกของตัวอาคารโดยไม่ได้สนใจอีกคนที่เดินตามหลังมาก่อนที่ ร่างเล็กจะโบกแท็กซี่ออกไปอย่างรวดเร็วทั้งที่ปกติแล้วถ้าไม่มีเหตุจำเป็น จริงๆ เธอก็ไม่คิดจะใช้บริการที่แสนแพงแบบนี้เด็ดขาด
เรียวสุเกะมองตามหลังรถแท็กซี่ที่เพิ่งจากไปแล้วถอนหายใจ เด็กหนุ่มนำหมวกแก็ปในมือสวมใส่ศีรษะก่อนจะโบกแท็กซี่อีกคันที่กำลังผ่านมา ทิ้งเบื้องหลังไว้เพียงความว่างเปล่าของสถานีที่มีกลีบซากุระร่วงกราวตามสาย ลมแผ่วเบาเท่านั้น
.
.
.
เมื่อเรียวสุเกะมาถึงที่บ้านก็นึกแปลกใจที่ได้ยินเสียงพูดคุยกันดังมาจากในบ้าน ทั้งที่เวลานี้ก็ยังเป็นเวลาที่เช้ามากสำหรับวันหยุด เด็กหนุ่มเดินไปเปิดประตูและในทันทีทุกสายตาก็มองตรงมาที่เขาเป็นจุดเดียว ไม่เว้นแม้กระทั่งร่างเล็กกะทัดรัดที่ยืนขึ้นยิ้มกว้างทันทีที่เห็นว่าใครมา
"ยูมิกะ..."
เรียวสุเกะพึมพำแล้วเดินเข้าไปหาคนที่รออยู่ในบ้านอย่างช้าๆ
"เป็นยังไงบ้างฮะเรา แม่นึกว่าจะกลับมาช้ากว่านี้ซะอีก" คุณนายยามาดะพูดพลางเดินเข้าไปในครัวเพื่อไปทำอาหารที่ค้างเอาไว้ต่อ โดยมียูมิกะเดินตามเข้าไปเป็นลูกมืออย่างแข็งขันทำเอาหญิงสูงวัยถึงกับ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความปลื้มอกปลื้มใจ ความใฝ่ฝันของเธอคือได้ทำกิจกรรมร่วมกันกับลูกที่แสนน่ารัก แต่ก็น่าน้อยใจที่ลูกชายคนเดียวของเธอเป็นคนสนใจทำนั่นนี่นู่นมากมาย ยกเว้นก็แต่การเข้าครัวพร้อมกับผู้เป็นแม่นี่แหละที่ฝ่ายนั้นดูจะเพิกเฉยได้ อย่างน่าตีนักเชียว
"สะพานซ่อมเสร็จเร็วน่ะครับแม่..." เรียวสุเกะหันไปร้องบอกผู้เป็นแม่พร้อมกับนั่งลงบนโซฟาตรงข้ามกับคุณพ่อที่กำลัง กางหนังสือพิมพ์อ่านอยู่อย่างติดพัน
"ยูิมิกะจังโทรหาแกไม่ติดเลยมาถามข่าวแต่เช้า พ่อเลยคิดว่าแบตมือถือคงจะหมดใช่ไหมล่ะ" คำถามของผู้เป็นพ่อทำให้เรียวสุเกะต้องล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบมือถือขึ้นมาดูก็พบ ว่าหน้าจอมืดสนิทอย่างที่คุณพ่อกล่าว คนตัวสูงหันไปหายูมิกะที่อยู่ในครัวแล้วลุกขึ้นเดินไปพิงขอบประตูบอก เสียงอ่อน
"ยูมิกะ เดี๋ยวฉันขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ"
"อื้อ"
ยูมิกะพยักหน้ารับรู้ เรียวสุเกะยิ้มแล้วเดินออกไปทันที นางนากาจิม่าเดินไปหยิบไก่ในตู้อบมาวางบนเคาน์เตอร์ครัวก่อนจะหันมาจ้องเด็กหญิงตัวเล็กด้วยสายตาพิจารณาเป็นนาน ใบหน้าหวานอมยิ้มจนแก้มตุ่ยหน้าตาสดใสเห็นเลือดฝาดสีระเรื่อทั้งปากทั้งแก้ม ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่นาทีในช่วงที่ลูกชายของเธอยังไม่กลับมาถึงบ้าน ยูมิกะดูกังวลถึงขั้นร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งบรรยากาศที่ดูแปลกไปของเด็กทั้งสองคน มีหรือที่คนเป็นแม่จะไม่รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลง
"ยูมิกะจัง..."
"คะ?" ยูมิกะหยุดมือที่กำลังหั่นผักแล้วหันไปหาหญิงสูงวัยที่กำลังมองตรงมา
"...กับลูกชายของน้าน่ะ สารภาพรักไปแล้วใช่ไหม"
"...................."
ยูมิกะนิ่งไปคล้ายกับสมองหยุดทำงานชั่วขณะกับคำถามของผู้ใหญ่ที่เธอเอง ก็เคยนึกหวาดกลัว ถึงแม้นางยามาดะจะแสดงออกว่ารักเธอไม่ต่างไปจากลูกชายของตัวเองแต่ความ สัมพันธ์ที่ไม่ใช่แค่เพื่อนสมัยเด็กอย่างที่เคยเป็น เธอเองก็ไม่แน่ใจว่าคนในครอบครัวจะรับได้มากแค่ไหน ดวงตากลมหลบวูบพร้อมกับใบหน้าที่ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด จนหญิงสูงวัยต้องเผลอยกมือปิดปากแล้วรีบเดินเข้าไปกอดปลอบเด็กตัวน้อยของเธอ โดยเร็ว
"โอ๋ๆ น้าถามเฉยๆ ไม่มีอะไร นี่มันสมัยไหนแล้ว ไม่ต้องกลัวนะ น้าไม่ว่าอะไรหนูเลยออกจะเอ็นดูขนาดนี้เนอะ"
"คุณน้าไม่ว่าอะไรจริงๆ เหรอคะ" มิราอิถามซ้ำด้วยน้ำเสียงที่ติดจะสั่นเล็กน้อย หญิงสูงวัยสั่นหน้าพรืดพลางยิ้มให้เต็มแก้มจนเห็นฟันเขี้ยวซี่เล็กอย่างน่า รัก
"ใครจะกล้าว่ากันล่ะจ้ะ น้าแอบลุ้นมาตั้งนาน ตกลงพวกเราเป็นแฟนกันแล้วใช่ไหม" ยูมิกะเม้มริมฝีปากแน่น แก้มขาวแดงปลั่งยิ่งกว่าเดิมด้วยความกระดากอายที่ต้องมาเปิดใจต่อหน้า ผู้ใหญ่ ดวงตาใสสบตากับคุณแม่ของเรียวสุเกะก่อนจะพยักหน้าเป็นคำตอบอย่างช้าๆ และทันทีคุณนายยามาดะก็ยกมือทาบอกอ้าปากกว้าง ดวงตาเป็นประกายวิบวับอย่างมีความสุขทันที
"น้าจะโทรหาแม่ของหนูเดี๋ยวนี้เลย ส่วนหนู ยูมิกะจัง หยุดทำได้แล้วลูก ขึ้นไปตามเรียวสุเกะข้างบนนะแล้วบอกว่าเราจะไปดูซากุระด้วยกันตอนนี้เลย ตายแล้ว ต้องไปซื้อของเพิ่มไหมเนี่ย แต่ที่ทำไว้ก็น่าจะพอ คุณคะ...คุณ..." นางยามาดะดูวุ่นวายขึ้นมาอย่างกะทันหันเมื่อคิดขึ้นมาได้ว่าต้องฉลองกัน พร้อมหน้าพร้อมตาให้ได้ทั้งที่ตั้งใจว่าจะรออีกสักสองสามวันค่อยไปชมซากุระ เพราะเขตโมโตฮาโกเน่เพิ่งจะเริ่มจัดกันตามการผลิดอกของต้นซากุระ ซึ่งตามข่าวท้องถิ่นจะสวยงามที่สุดก็ช่วงกลางสัปดาห์
แต่ข่าวดีน่ารักๆ แบบนี้ก็ต้องเหมาะกับบรรยากาศหวานๆ ถึงจะถูก
"คุณคะ ไปดูซากุระกันเถอะ"
"ไปได้ไงล่ะคุณ อุทยานยังไม่เปิดให้เข้าไปชมเลย" ผู้เป็นสามีหันมาบอก
"ไม่นะ..." นางยามาดะม่าทำหน้าม่อยก่อนจะหันมาหายูมิกะที่ยังยืนอยู่แถวนั้น "...ไม่เป็นไร ยูมิกะจังไปตามเรียวสุเกะลงมาทานข้าวก่อน เรามาฉลองกันแบบง่ายๆ ก็พอ จากนั้นค่อยจัดเต็มเนอะ"
ยูมิกะถูกรุนหลังให้เดินไปยังบันได ร่างเล็กละล้าละลังด้วยความไม่แน่ใจ แต่เมื่อหญิงสูงวัยพยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้กำลังใจ เธอจึงค่อยๆ เดินขึ้นไปยังห้องของเรียวสุเกะที่หาได้ไม่ยาก อันที่จริงแล้วไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยที่เธอจะเข้าออกห้องของเรียวสุเกะเพราะ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่เพราะท่าทีของคุณน้าทำให้ยูมิกะอดที่จะรู้สึกกระดากอายไม่ได้
"เรียวสุเกะคุง เราเข้าไปนะ"
"อืม เข้ามาสิ"
เสียงอนุญาตดังมาจากข้างในทำให้คนตัวเล็กผลักประตูเข้าไปอย่างช้าๆ และก็พบว่าเรียวสุเกะกำลังยืนเช็ดผมอยู่หน้ากระจกด้วยชุดที่สวมใส่ใหม่เรียบร้อย ยูมิกะเดินเข้าไปนั่งบนเตียงแล้วหยิบตุ๊กตากระต่ายที่เธอจำได้ว่าเคยให้ เรียวสุเกะเป็นของขวัญวันเกิดครบรอบอายุสิบขวบ ไม่คิดเลยว่าคนตัวสูงจะยังเก็บมันไว้ทั้งที่เธอเองก็เกือบจะลืมไปด้วยซ้ำ
"คิดถึงสมัยก่อนจังเลยนะ" ยูมิกะเปรยพร้อมกับยิ้มกว้างให้เจ้ากระต่ายเนื้อนิ่มในมือ แต่คนที่ยืนอยู่กลับชะงักมือเล็กน้อย ดวงตาคมสบมองตัวเองในกระจกก่อนจะเดินมานั่งลงเคียงข้างกับคนรักตัวน้อยที่ ยังคงมีความสุขกับสิ่งของในมือ
"ยูมิกะ..."
เสียงห้าวเอ่ยเรียกเบาหวิว ยูมิกะเอียงหน้ามองร่างสูงแล้วก็ต้องเผลอเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจกับท่า ทางนิ่งเงียบของอีกคน เรียวสุเกะที่ชอบยิ้มชอบพูดแหย่ในตอนนี้กลับเอาแต่นั่งมองมือที่วางบนหน้าตักของ ตัวเอง
"เรียวสุเกะคุง เป็นอะไรหรือเปล่าหรือว่าไม่สบาย" คำถามแสดงความห่วงใยถูกถ่ายทอดผ่านน้ำเสียงที่ดูเป็นกังวล เรียวสุเกะหันไปสบตากับคนข้างกาย สายตาคมทอดมองดวงหน้าสวยนิ่งเป็นนานคล้ายกับกำลังตัดสินใจจะพูดบางอย่าง แต่สุดท้ายแล้วเด็กหนุ่มก็เลือกที่จะยิ้มบางๆ ให้พร้อมกับวางมือบนศีรษะเล็กแผ่วเบา
"ฉันไม่ได้เป็นอะไร ยูมิกะจังนั่นแหละ เป็นห่วงตัวเองบ้างก็ได้นะ เห็นคุณพ่อบอกว่ายูมิกะมาที่บ้านแต่เช้า แล้วเมื่อคืนได้นอนบ้างหรือเปล่า..." เรียวสุเกะพูดพลางยิ้ม
"นอนสิ แต่เรานอนไม่ค่อยหลับหรอก ไม่รู้นี่นาว่าเรียวสุเกะคุงเป็นอะไรมากหรือเปล่า เราเป็นห่วง" ยูมิกะพูดบอกตาใส เรียวสุเกะรับฟังพร้อมกับทำหน้านิ่ง สักพักเด็กหนุ่มก็เอ่ยเรียกชื่อร่างเล็กด้วยน้ำเสียงจริงจังอีกครั้ง
"ยูมิกะ..."
"อะไรเหรอ"
ยูมิกะเอ่ยถามพร้อมกับที่ร่างน้อยถูกดึงเข้าสู่อ้อมกอดแข็งแกร่งอย่างรวดเร็ว ลำแขนหนากอดรัดลำตัวจ้อยจนยูมิกะรู้สึกอึดอัดแต่เธอก็ไม่ได้เอ่ย ท้วงติงออกไป ยังคงปล่อยให้เรียวสุเกะกอดเอาไว้อย่างนั้นสักพักจนรับรู้ได้ถึงอาการผ่อนคลาย จากอ้อมกอดของอีกคนพร้อมกับที่เรียวสุเกะเอ่ยพูดเสียงเบา
"ขอโทษนะ"
ยูมิกะเลิกคิ้วกับคำพูดขอโทษของร่างสูงที่ฟังดูแปลกไปกว่าทุกครั้ง ร่างเล็กตั้งใจจะผละออกมาเพื่อพูดคุยกันแต่เรียวสุเกะกลับกระชับลำแขนมากขึ้นกว่า เดิม
"เรียวสุเกะคุง..."
"จะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก ฉันขอโทษ..." เรียวสุเกะกลืนน้ำลายหายเข้าไปในลำคอที่แสนแห้งผากทั้งที่เวลาอยู่ใกล้กับยุมิกะแล้ว เรียวสุเกะรู้สึกเหมือนอยู่ภายใต้น้ำใสไหลเย็นฉ่ำอย่างที่เขาเคยพูดบอกกับยูมิกะบ่อยๆ ในตอนเด็กว่า ยูมิกะจังน่ะเหมือนกับน้ำ อยู่ใกล้เมื่อไหร่ก็เย็นใจเมื่อนั้น แต่ถ้าหากขาดไปคงตายเข้าสักวัน
"สำหรับฉันแล้ว..." ดวงตาคมเพ่งมองพรวนกระดิ่งที่ห้อยกระเป๋าเป้ติดตัวไว้ตลอดเวลาก่อนจะตัดสินใจพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง
"สำหรับฉันแล้ว ยูมิกะเป็นคนสำคัญที่สุดนะ"
ถึงแม้ ยูมิกะจะยังข้องใจในท่าทีของเรียวสุเกะที่ดูพูดจาเคร่งเครียดกว่าปกติและเธอ ก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่เรียวสุเกะต้องการจะสื่อ แต่ยูมิกะเองก็อดที่จะยอมรับกับตัวเองไม่ได้ว่า คำพูดที่อีกคนเพิ่งเอ่ยปากบอกทำให้หัวใจดวงน้อยหวั่นไหวจนต้องเผยรอยยิ้มจน เต็มแก้ม และเมื่อคนตัวสูงยอมปล่อยให้เป็นอิสระพร้อมกับรอยยิ้มที่กลับมาเป็น เรียวสุเกะคนเดิม เพียงเท่านียูมิกะก็ไม่ต้องการสิ่งใดไปมากกว่าการได้เห็นคนที่เรารัก กำลังมีความสุขแล้ว
"ฉันพูดจริงๆ นะ" เรียวสุเกะบอกด้วยท่าทางนิ่งขรึมอีกครั้งเป็นการย้ำเตือน ยูมิกะอมยิ้มแล้วพยักหน้ารับรู้ก่อนจะพูดบอกเมื่อนึกขึ้นมาได้
"คุณน้าให้ตามมาลงไปทานข้าวแน่ะ"
"โอเค งั้นเราก็ลงไปข้างล่างกันเลยดีกว่า" เรียวสุเกะบอกพร้อมกับกอดคอคนตัวเล็กเดินไปด้วยกัน "ยูมิกะนี่ชิมไปด้วยทำไปด้วยหรือเปล่าเนี่ย ดูอ้วนขึ้นนะ กอดทีนึกว่ากอดหมีพูห์" ยูมิกะตาโตพร้อมกับตีมือลงบนแขนแกร่งไม่แรงมากนัก
"งั้นไม่ต้องมากอดเลย"
"ที่พูดเนี่ยชมนะ น่ารักเหมือนหมีพูห์ไม่ชอบเหรอ"
"ไม่ต้องเลย"
เสียงพูดคุยพร้อมกับวิ่งไล่กันลงมาจากบันไดเป็นภาพคุ้นตาที่ผู้สูงวัยทั้ง สองได้แต่ลอบสบตาอมยิ้มให้กันกับความรู้สึกเก่าๆ ที่ได้หวนกลับมา เพียงแต่ว่าตอนนี้เด็กทั้งสองได้เติบโตและกำลังถัก ทอความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นให้หนาแน่นมากขึ้นกว่าเดิม ถึงแม้ในอนาคตข้างหน้าเด็กทั้งสองยังต้องพบเจอและเรียนรู้ถึงความเปลียนแปลง ด้วยกันอีกมากมาย แต่สุดท้ายมีเพียงเสียงหัวเราะและรอยยิ้มเท่านั้นที่ผู้ใหญ่ทั้งสองไม่อยาก จะให้มันเปลี่ยนไป
.
.
.
เช้าวันจันทร์เริ่มต้นมาพร้อมกับสีชมพูของดอกซากุระในเขตโมโตฮาโกเน่แห่งนี้ เริ่มเบ่งบานเต็มที่จนไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็พบแต่สีของความสดใสเปล่งประกาย ไปทั่วทุกมุมเมือง และถือได้ว่าเป็นตัวแทนสีสันของฤดูใบไม้ผลิได้อย่างงดงามและลงตัวอย่างยาก ที่จะหาความงามใดมาเปรียบเปรย แต่ถึงอย่างนั้นความงดงามที่เห็นชัดเจนอยู่ตรงหน้ากลับถูกละเลยจากร่างเล็กที่เพียงแต่แหงนมองดูกลีบดอกที่ค่อยๆ ร่วงหล่นบนพื้นดินทีละกลีบๆ อย่างเชื่องช้า
อวดค่าความงามให้เชยชมได้เพียงช่วงเวลาสั้นๆ พอกลีบดอกสุดท้ายร่วงโรยไปก็หมดความสนใจลงแค่นั้น
มิราอิยื่นมือออกไปรับกลีบซากุระที่เคลื่อนตัวลอยลงมานอนแผ่บนฝ่ามือขาว ก่อนที่คนตัวเล็กจะพลิกฝ่ามือปล่อยให้กลีบนั้นค่อยๆ ร่วงลงพื้นแล้วเดินจากไปเพื่อมุ่งตรงไปยังโรงเรียนที่เห็นอยู่ตรงหน้าด้วย ความรู้สึกที่ไม่อยากจะเหยียบย่างเข้าไปเลยแม้แต่น้อย
เสียงจ้อกแจ้กจอแจของเหล่านักเรียนดังขึ้นมาเป็นระยะระหว่างที่ร่างเล็กเดิน ไปตามระเบียงของตัวอาคาร มิราอิก้าวเข้าไปในห้องเรียนแล้วก็ต้องยืนนิ่งหยุดมองกับภาพแปลกตาที่เห็นตรง หน้าฮารุกะกำลังพูดเรื่องเบสบอลที่ถ่ายทอดสดเมื่อคืนวานโดยมียูโตะนั่งเท้า ค้างรับฟังด้วยท่าทางที่ให้ความสนใจเต็มที่ บรรยากาศรอบตัวของทั้งคู่ดูเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีราวกับดอกซากุระที่กำลัง เบ่งบานสวยงาม คงมีเพียงมิราอิเท่านั้นที่ซากุระไม่ปรารถนาจะอวยพรให้
มิราอิเดินเข้าไปยังที่ของตัวเองด้วยท่าทางที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ในขณะที่ฮารุกะพอเห็นเพื่อนชัดเจนเท่านั้นแหละก็รีบปลีกตัวออกจากคนตัวสูงมาหาเพื่อนทันที ท่าทางก๋ากั่นดูเลิกลั่กเล็กน้อยเมื่อถูกสายตาล้อเลียนจากคนตัวเล็กส่งมาให้
"ห้ามล้อนะ" ฮารุกะพูดพลางหลบตาแล้วสาละวนหยิบหนังสือออกมาจากกระเป๋าวุ่นวาย มิราอิยิ้มขำแล้วฉับพลันรอยยิ้มนั้นก็หายไปทันทีที่ร่างสูงของอีกคนเดินเข้ามา ทั้งคู่สบตากันโดยไม่ได้ตั้งใจทั้งสองฝ่ายก่อนที่มิราอิจะหันกลับมามองเพียง กระดานดำที่ว่างเปล่า
"ไงยามาดะซัง เดินทางมาโรงเรียนเหนื่อยมั้ยครับ" ยุโตะพอเห็นเพื่อนสนิทก็ปรี่เข้าไปหาพร้อมกับนวดไหล่นวดแขนให้อย่างเอาใจ
"มึงกินยาเขย่าขวดบ้างป่ะเนี่ย"
"ด่าอะไรก็ว่ามาเถอะครับ วันนี้หนูโตะยอม" ยูโตะยิ้มรับจนตาหยีด้วยออร่ามีความสุขกระแทกตาเพื่อนฝูงจนเรียวสุเกะอดที่จะ เหลือบตาไปมองสองสาวน้อยหน้าชั้นเรียนไม่ได้ นี่แสดงว่าแผนของเขาได้ผลงั้นสิ ไม่อยากจะเชื่อว่าฮารุกะจะหลงผิดและทำอะไรไม่คิดถึงขนาดยอมไอ้ยูโตะเอาง่ายๆ
"ดีใจด้วยจริงๆ ว่ะ" เรียวสุเกะบอกพลางตบไหล่เพื่อนแปะๆ แล้วเดินไปนั่งยังที่ของตัวเอง โดยมียูโตะเดินบิดตัวไปมาด้วยความเขินอายตามมานั่งลงข้างๆ พลันเสียงนักเรียนหญิงที่คุยกันเสียงดังหน้าห้องก็เงียบกริบลงอย่างกะทันหัน พร้อมกับการปรากฏตัวของร่างเล็กซึ่งเมียงมองเข้ามาในห้อง 1-C ด้วยความประหม่าเล็กน้อยกับสายตาทุกคู่ที่มองตรงมา
"ยูมิกะ" เรียวสุเกะเรียกชื่อคนรักเสียงดังพร้อมกับลุกออกไปหา ยูมิกะยิ้มหวานมาให้อย่างนึกโล่งใจ
"เรียวสุเกะคุงลืมเอาโทรศัพท์มือถือมาเหรอ เห็นคุณน้าโทรเข้าเบอร์เราบอกว่าเย็นนี้จะพาไปดูซากุระที่อุทยานกัน" เรียวสุเกะเลิกคิ้ว ก่อนจะยิ้ม
"เราไม่ได้ลืมหรอก แต่สงสัยคุณนายอยากจะโทรหายูมิกะเองนั่นแหละ แล้วคุณป้าก็จะมาด้วยกันใช่ไหม"
"อื้อ แม่บอกจะปิดร้านมา เห็นบอกดีใจใหญ่ที่จะได้เจอทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตา" บอกเล่าพร้อมรอยยิ้มสวยจนทำเอาสาวๆ และหนุ่มๆ แอบเคลิ้มโดยไม่รู้ตัวกับบรรยากาศอ่อนหวานที่ไม่ต่างไปซากุระบานแรกแย้ม เรียวสุเกะยังคงยิ้มอ่อน
"งั้นเดี๋ยวเลิกเรียนจะไปรับที่ห้องนะ"
"อื้อ งั้นเราไปนะ"
ยูมิกะโบกมือพร้อมกับยิ้มเผื่อแผ่เพื่อนร่วมห้องของเรียวสุเกะให้อย่างน่ารัก ก่อนจะเดินจากไป พอยูมิกะลับหลังไปแล้วเสียงที่ถูกหยุดเอาไว้เมื่อสักครู่ก็ดังขึ้นทันทีใน หัวข้อที่ใครๆ ต่างก็อิจฉาเรียวสุเกะแทบแดดิ้น ยูมิกะคนดังของโรงเรียนจากที่มองเห็นไกลๆ ก็ว่าน่ารักแล้ว มาเจอในระยะเห็นเต็มตาแบบนี้ประกอบกับท่วงท่าที่หวานเกินใคร ไหนจะออร่าโมเอ้กระจายยิ่งกว่านางเอกการ์ตูนฮาเร็มทำเอาหนุ่มๆ ฮือฮาเป็นเสียงเดียวกัน
"น่ารักจังเนอะ" ฮารุกะหันมาพูดกับมิราอิที่ยิ้มบางรับ คนตัวเล็กมองไปยังเรียวสุเกะที่กำลังถูกเพื่อนในห้องรุมถามก่อนจะเม้มริมฝีปาก แน่นพร้อมกับเบือนหน้าเท้าคางมองต้นซากุระเก่าแก่ที่มีเพียงต้นเดียวยืนเด่น เป็นสง่าชูช่อดอกสีชมพูสดท่ามกลางพุ่มไม้สีเขียวของขอบเขตแนวรั้วโดยลำพัง
คงมีเพียงมิราอิเท่านั้นที่ซากุระไม่ปรารถนาจะอวยพรให้เฉกเช่น...คนอื่นๆ
TBC.
+++++++++++++++++++++++++++++++
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น