ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yamashi] cherry blossom... ~ยามเมื่อซากุระผลิบาน~

    ลำดับตอนที่ #11 : Sakura begins :10

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.ค. 56


            สายฝนโปรยปรายบางเบาในขณะที่รถกระบะเชฟโรเลตสีชมพูสดแล่นไปตามท้องถนนที่ เงียบสงัด จากชานเมืองที่มองเห็นเพียงแค่ป่าสนค่อยๆ ลดหายไปกลายเป็นตัวอาคารเมื่อเริ่มเข้าสู่เขตตัวเมือง แสงจากอาคารบ้านเรือนยังคงส่องสว่างถึงแม้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี้ฝนจะตกลงมา อย่างกระหน่ำทำให้สะพานขนาดใหญ่แตกเป็นรอยแยกที่ไม่ลึกมากแต่ก็กินอาณาเขตไป ในจุดที่หวั่นว่าจะก่อให้เกิดอันตรายได้

          "จริงๆ สะพานนี้ก็ว่าจะได้ฤกษ์สร้างใหม่ปลายปีนี้แหละ แต่ดันมาพังเสียก่อน โชคดีนะที่พวกเอ็งไม่รีบกลับกันก่อน เห็นข่าวบอกรสบัสสองคันเกือบคว่ำ" คุณลุงวัยห้าสิบปลายหันมาพูดคุยกับทั้งสองคนซึ่งไปเจอที่โอดาวาระโจว เข้าพอดี ในขณะที่แกแวะไปรับของที่ระลึกมาตั้งขายที่โรงแรมของแกเองบางส่วน

          "เจอแบบนี้พวกผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไงเหมือนกัน โชคดีที่มาเจอคุณลุงเข้าต้องขอบคุณจริงๆ ครับ" เรียวสุเกะซึ่งนั่งอยู่ด้านข้างคนขับพูดขึ้นด้วยความเกรงใจ ส่วนมิราอิที่นั่งอยู่เบาะหลังก็เอ่ยขอบคุณเช่นกัน

             "ต้องบอกว่าโชคดีมากๆ ถึงจะถูก เมืองนี้เป็นเมืองท่องเที่ยวโรงแรมเต็มพรืดไปหมดก็จริง แต่หน้าเทศกาลแบบนี้เต็มหมดทุกที่แหละ โรงแรมของลูกสาวลุงก็เต็ม แต่ก็มีห้องให้อยู่ได้นะ ถึงจะเป็นห้องที่เขาไม่เอาไว้รับแขกแล้ว อีกไม่กี่วันก็จะทุบทิ้ง ทำเป็นอะไรนะ ห้องไว้นวดสมุนไพรอะไรของเค้านี่แหละ" คุณลุงยังคงคุยจ้อเสียงดัง เรียวสุเกะและมิราอิเองก็เฮฮาไปกับแกจนในที่สุดรถก็เลี้ยวเข้าสู่บริเวณโรงแรม ญี่ปุ่นขนาดเล็กที่ดูผิวเผินเหมือนเป็นบ้านคนเสียมากกว่า

           คุณลุงพาทั้งสองคนเข้าไปในโรงแรมแล้วไปรับกุญแจมาจากพนักงานหน้าเคาน์เตอร์

           "โทษทีนะที่ใันเหลือแค่ห้องนี้ห้องเดียว มา เดี๋ยวลุงพาไปเอง โทรมาบอกป้าเค้าให้สั่งเด็กไปทำความสะอาดหาที่นอนอะไรไว้ให้แล้ว ห้องเล็กแล้วก็เก่าไปหน่อย พวกเอ็งคงอยู่กันได้นะ" คุณลุงเดินนำเข้าไปในห้องที่ดูแล้วก็ไม่ได้เล็กมากมายอะไรสำหรับสองคนนอน เรียวสุเกะและมิราอิมองหน้ากัน แค่วันนี้มีที่ให้ซุกหัวนอนทั้งสองคนก็พอใจมากแล้ว

           "งั้นเดี๋ยวลุงไปดูแลแขกก่อน ตามสบายกันเลยนะ"

         "ขอบคุณครับ/ค่ะ"

          เมื่อคุณลุงผู้ใจดีเดินลับหลังไปแล้ว เรียวสุเกะก็แตะรุนหลังคนตัวบางให้เข้าไปในห้องก่อนจะเดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนบางใน ตู้ออกมาคล้องคอแล้วเดินกลับมาหามิราอิซึ่งกำลังเหม่อมองออกไปยังสวนหินด้านนอก ทั้งที่ออกจะสวยงามขนาดนี้แต่อีกไม่กี่วันก็จะโดนทำลายแล้วสินะ

         "เช็ดผมก่อนนะ เดี๋ยวจะเป็นหวัด"

         เรียวสุเกะบอกพร้อมกับใช้ผ้าขนหนูอีกผืนในมือจัดการเช็ดไปตามปอยผมเปียกชื้นของ ร่างเล็กให้อย่างแผ่วเบา ดวงตาใสเคลื่อนมาที่ใบหน้าของคนตัวสูงอย่างช้าๆ แล้วจับจ้องมองนิ่งไปขณะที่อีกคนไล้มือเช็ดลงมาถึงบริเวณลำคอ

                 บอกตรงๆ ว่ามิราอิไม่ชินกับการกระทำแบบนี้ การที่มีคนมาคอยเอามาใจใส่ทุกฝีเก้าทั้งที่อีกฝ่ายเป็นคนที่เธอประกาศปาวๆ ว่าเกลียดนักหนา ถึงแม้ครอบครัวของเธอจะเป็นครอบครัวที่อบอุ่นพร้อมหน้าพร้อมตา มีพี่สาวที่รักใคร่กันดี แต่เธอก็ถูกเลี้ยงดูมาแบบให้ช่วยเหลือตัวเองมาตลอด เพราะคุณพ่อผู้มีตำแหน่งงานเป็นผู้จัดการสาขาบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งต้องมีการ ย้ายไปประจำสาขาอื่นเพื่อป้องกันการทุจริต ทั้งหมดนี้หล่อหลอมให้เธอกลายเป็นคนรักสันโดษถึงแม้จะมีเพื่อนฝูงมากมายก็ ตาม แต่ความสัมพันธ์เหล่านั้นก็เป็นเพียงแค่ผิวเผิน

           และเพราะเหตุนี้ด้วยหรือเปล่าที่ทำให้มิราอิรู้สึกอ่อนแอกับการกระทำของคนตรงหน้าเหลือเกิน

          "ใจดีจังนะ" คนตัวเล็กถามออกไปเสียงเรียบในขณะที่ดวงตาใสจ้องอีกคนไม่กระพริบ เรียวสุเกะเลิกคิ้วยิ้ม มือหนายังคงคอยซับปลายผมให้อย่างเบามือ

          "ก็ไม่ได้ทำกับทุกคนหรอก"

          "เฉพาะคนที่เกลียดนายอย่างนั้นเหรอ" ตอกย้ำความรู้สึกอีกครั้งจนคนตัวสูงต้องหยุดมือ คิ้วเข้มเริ่มขมวดเล็กน้อยก่อนจะมองลึกเข้าไปในดวงตาของอีกคนที่ยังคงนิ่ง

         "ฉันทำ...เฉพาะกับคนที่อยากทำเท่านั้น"

          ความเงียบเข้ามาแทนที่ทันทีที่ร่างสูงบอกออกไป สายฝนด้านนอกยังคงโปรยปรายกระทบหลังคาเสียงเปาะแปะ มือหนาเลื่อนไล้ประคองใบหน้าเล็กแผ่วเบา ดวงตาของทั้งคู่ยังคงสบประสานกันท่ามกลางแสงสลัวภายในห้อง มิราอิเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อสายตาของอีกคนหลุบมองต่ำในขณะที่เธอได้แต่ยืนเงียบ มิราอิได้ยินเพียงเสียงฝนตกดังก้องในหัว

        กริ๊ง-
        เสียงมือถือของเรียวสุเกะดังขึ้นเรียกสติของมิราอิให้คืนกลับมาพร้อมกับที่เจ้าตัว ถอยหลังหนีห่าง มือน้อยยกแปะตรงบริเวณหน้าอกตัวเองอย่างเงียบๆ เมื่อร่างสูงกดรับมือถือทั้งที่สายตายังคงมองตรงมา

          "ครับแม่... ไม่เป็นไรครับ อยู่โรงแรมกับเพื่อน..." เด็กหนุ่มกรอกเสียงลงไปตามสาย และในจังหวะนั้นมือถือของมิราอิก็ดังขึ้นเช่นกัน เด็กน้อยกดรับเมื่อเห็นว่าเป็นคุณพ่อโทรมาถามข่าวคราว

         "อยู่กับเพื่อนค่ะพ่อ ไม่ต้องห่วงค่ะ พรุ่งนี้ก็กลับแล้ว ค่ะ..." ยูริคุยสักพักก็วางสาย ในขณะที่อีกคนเปลี่ยนชุดเป็นยูกาตะสีเข้มเรียบร้อยแล้ว

         "เมื่อกี้ลุงโยชิดะให้คนมาเรียกไปทานข้าว รีบเปลี่ยนชุดเถอะ ชั้นรอข้างนอกนะ" เรียวสุเกะบอกแล้วเดินออกไปรอด้านนอก ไม่นานคนตัวเล็กก็เดินออกมาในชุดยูกาตะเช่นเดียวกัน ทำให้มิราอิต้องทำหน้ามู่เล็ก น้อยขณะที่อีกคนกลับยิ้มพอใจ

         "ไปกันเถอะ" มือหนาเอื้อมมาจับฝ่ามือเล็กแผ่วเบาแล้วจูงเดินไปตามทางระเบียงไม้ซึ่งมีโคมไฟสีเหลืองนวลคอยให้แสงสว่างไปตลอดเส้นทาง

        ห้องรับประทานอาหารของคุณลุงเป็นเหมือนห้องพักส่วนตัวเสียมากกว่า ทั้งสองนั่งลงบนเสื่อทาทามิหน้าโต๊ะญี่ปุ่นขนาดกลางซึ่งมีอาหาร วางอยู่เต็ม จากนั้นคุณป้าภรรยาของลุงโยชิดะก็ปรี่เข้ามาตักข้าวให้อย่างใจดี

         "ขอบคุณครับ"

         "ไม่ต้องเกรงใจ ทานๆ เอ้านี่ ลองชิมเหล้าหวานสิ เป็นสูตรของโรงแรมลุงเลยนะ ช่วยให้คลายหนาวได้ดีนัก" คุณลุงจ้อแล้วจัดการรินเหล้าสาเกเทลงแก้วเซรามิกเล็กยื่นให้ทั้งคนโดยไม่ ได้คำนึงเลยว่าทั้งสองยังไม่พ้นวัยมัธยมด้วยซ้ำ คุณป้าตีมือลงแขนผู้เป็นสามีเบาๆ พร้อมกับปรามด้วยสายตา

         "จะดีเหรอพ่อ ยังเด็กกันอยู่เลยนะ"

         "ทำไมจะไม่ดี ไม่ใช่เหล้ารุนแรงอะไรเสียหน่อย"

         "พ่อนี่ก็...ทานข้าวกันเยอะๆ นะจ้ะ" นางหันมายิ้มใจดีให้กับเด็กทั้งสอง ขณะเดียวกันคุณลุงก็คะยั้นคะยอให้ดื่มสาเกหวานอย่างต้องการจะอวดฝีมือ เรียวสุเกะจึงยกแก้วดื่มรวดเดียวจนหมด และทันทีคุณลุงก็รินใส่จอกให้จนเต็ม มิราอิเหลือบมองคนตัวสูงแล้วจึงยกแก้วขึ้นจิบ

        "พวกเอ็งเป็นแฟนกันรึ?" คำถามซื่อๆ จากลุงโยชิดะทำเอามิราอิสำลักสาเกจนไอค่อกแค่ก รสชาติหวานเฝื่อนของสาเกคละคลุ้งไปทั่วปากและกลิ่นแสบจมูกยังทำให้น้ำตาซึม คนตัวเล็กยกชายเสื้อปิดหน้า รู้สึกมึนตึบขึ้นมาชั่วขณะจนเรียวสุเกะที่ลูบหน้าลูบหลังปลอบต้องมองอย่างเป็น กังวล

            "เป็นอะไรหรือเปล่า" มิราอิส่ายหน้าพลางรับแก้วน้ำดื่มมาจิบจนสักพักก็รู้สึกดีขึ้น คุณป้าหันไปตีแขนผู้เป็นสามีอีกรอบ มิราอิจึงรีบออกตัวว่าตัวเองไม่เป็นอะไรมาก จากนั้นทุกคนก็รับประทานอาหารกันไปตามปกติ ทั้งที่ความจริงแล้วมิราอิก็รู้สึกมึนนิดหน่อย ไม่รู้ว่าเพราะไปตากฝนมาหรือว่าเพราะสำลักน้ำเหล้าเมื่อสักครู่กันแน่

         เรียวสุเกะยังคงยกแก้วสาเกดื่มเป็นเพื่อนลุงโยชิดะเรื่อยๆ จนมิราอิรู้สึกทนความง่วงซึมไม่ไหว คนตัวเล็กจึงได้ขอตัวออกมาก่อน และเพราะความไม่สบายตัวจึงตัดสินใจว่าจะลงไปแช่ในบ่อน้ำร้อนซึ่งในเวลาดึกดื่นแบบนี้แทบไม่มีคนมาใช้บริการแล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็นบ่รวมก็ตาม

        เมื่อลงมาแช่ในน้ำอุ่น มิราอิก็เอนหลังพิงโขดหินหลับตาลงอย่างผ่อนคลาย ความเมื่อยล้า ความหนักอึ้งหรือแม้กระทั่งความคิดสับสนเริ่มลดเบาลงไปพร้อมกับสติที่เริ่ม เบาโหวง ในเวลานี้เธอไม่อยากคิดอะไรทั้งสิ้น เธออยากจะปล่อยวางทุกอย่างให้เป็นไปตามธรรมชาติ แต่ความคิดเหล่านั้นก็ต้องหยุดชะงักลงเมื่อรู้สึกว่ามีใครอีกคนได้ลงมาแช่ น้ำร้อนอยู่ใกล้ๆ

        มิราอิลืมตาขึ้นก็พบว่าเป็นเรียวสุเกะนั่งลงตรงหน้า แผ่นหลังกว้างแนบไปกับกระดานไม้ซึ่งยกกั้นห้องไว้ ใบหน้าขาวแดงก่ำคงเพราะฤทธิ์ของสาเกซึ่งคงจะดื่มไปมากทีเดียว ดวงตาคมปิดลงในขณะที่แขนก็ยกขึ้นมาก่ายหน้าผากเอาไว้

        "ไม่ไหว สาเกของคุณลุงเล่นเอามึน" เด็กหนุ่มพึมพำบ่น มิราอิแอบย่นหน้า

        "ก็เห็นดื่มเอายังกับน้ำเปล่า ไม่มึนก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว"

         "แค่นี้จิ๊บจ๊อยน่า ดื่มกับพ่อยังมากกว่านี้เลย" บอกพลางลืมตามายิ้มให้ มิราอิเหยียดริมฝีปากยิ้มให้คนขี้คุยก่อนจะผุดลุกขึ้นเตรียมออกไปเพราะตอนนี้ เธอก็แช่มานานเกินไปสมควรจะขึ้นได้แล้วและก็ไม่อยากอยู่ในสภาพนุ่งกระโจมอกผืนเดียวแบบนี้นานๆด้วย แต่จังหวะที่จะก้าวเดินออกไป มือหนาก็รั้งฉุดเอาไว้ให้หยุด มิราอิหันกลับไปมองก็พบสายตาอ้อนวอนจากอีกคน

        "อยู่ก่อนนะ"

        ขอร้องด้วยน้ำเสียงนุ่มชวนฟัง ไม่รู้ว่ามิราอิคิดไปเองหรือว่าเรียวสุเกะตั้งใจกันแน่ ร่างเล็กตัดสินใจนั่งลงที่เดิม แต่แล้วร่างทั้งร่างก็ถูกตวัดกอดให้เข้าไปนั่งตักแนบชิดกับร่างกายแข็งแกร่ง อย่างแนบแน่น ใบหน้าที่สบมองเสมอกันจนเห็นสายตาของอีกฝ่ายชัดเจน เรียวสุเกะลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่แล้วโน้มใบหน้าก้มต่ำลงมาอย่างช้าๆ

         "อย่า..." มิราอิเบี่ยงหน้าหลบทำให้ริมฝีปากปกประทับลงบนแก้มขาวเปียกชื้น เรียวสุเกะผละใบหน้าออกมาพร้อมกับใช้มือลูบไปตามแก้มใสแผ่วเบา

        "ขอโทษ"

         ถึงจะเอ่ยคำว่าขอโทษออกไปคล้ายกับจะรู้สึกผิด แต่ริมฝีปากอุ่นยังคงเฝ้าแนบลงมากดจูบตรงหน้าผากเนียนเรื่อยจนถึงขมับหอม กรุ่น เสียงลมหายใจของคนตัวสูงติดขัดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมองไปยังคนตัวเล็กตรงหน้าที่ร่างกายแดงก่ำไปทั้งตัวจากไอร้อนห่อหุ้ม ร่างจนสั่นสะท้าน เรียวสุเกะใช้ปลายนิ้วจับเรียวคางแหลมเล็กให้หันมาเผชิญหน้า

         ไอน้ำร้อนยังคงกรุ่นฉาบเป็นละอองไปทั่วผิวน้ำ กลิ่นกำมะถันจากบ่อธรรมชาติลอยตามสายลมมาอ่อนๆ เสียงสายฝนจากภายนอกยังคงตกโปรยปรายกระทบหลังคาโรงอาบน้ำขนาดเล็กแห่งนี้ เป็นจังหวะสม่ำเสมอ

             มิราอินึกโทษสิ่งรอบตัว เสียงรอบกายทั้งหมดที่ทำให้เธอไม่อาจต้านทานสายตาของอีกคนที่มองจ้องมาอย่างเปิดเผย มิราอิไม่อยากรับรู้ไม่อยากสัมผัสถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเขา แต่พอเรียวปากอีกคนก้มแตะชิดกับริมฝีปากสั่นระริก ดวงตาสวยก็ปิดลงพร้อมกับรสชาติที่ไม่คุ้นเคยได้ก้าวล้ำผ่าน ลมหายใจที่สอดประสาน เสียงหัวใจที่เต้นระรัวไปพร้อมกับมือหนาแตะไล้ไปตามเรือนกายขาวบางอย่าง เชื่องช้า

        ทุกอย่างที่เกิดขึ้นรวดเร็วเพียงชั่วพริบตา มิราอิไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเข้ามาอยู่ในห้องพักตั้งแต่เมื่อไหร่ แผ่นหลังที่เปลือยเปล่าสัมผัสกับฟูกนอนหนานุ่มพร้อมด้วยร่างกายสูงใหญ่ตามลง มานอนคลอเคลียไม่ห่าง เรียวสุเกะผละริมฝีปากออกมาสบตากับคนที่นอนอยู่ใต้ร่าง นิ้วเรียวยาวแตะปลายผมทัดใบหูให้อย่างอ่อนโยนท่ามกลางบรรยากาศสลัวของห้อง ที่อาศัยแสงไฟจากภายนอกเท่านั้น

         "อื้อ...เจ็บ"

         มิราอิถดตัวถอยหากแต่อุ้งมือหนากลับกดรั้งเอาไว้ก่อนจะเบียดร่างกายเข้าไปทีละ นิดจนสะโพกน้อยที่สั่นระริกเบิกรับเข้าไปจนเต็ม และเมื่อร่างกายของคนตัวสูงเริ่มเคลื่อนไหวก็พาเรือนกายขาวผ่องเอนไปมาจนผ้าปูยับย่น สองแขนบางกอดรัดลำคอหนาเอาไว้แน่นขณะที่ใบหน้าชื้นเหงื่อสะบัดแหงนเงยให้อีก คนได้ซุกซบได้ตามที่ปรารถนา

         "ฉันอ่อนโยนกับคนที่ชอบเท่านั้น จำไว้นะ"
    คนตัวสูงบอกเสียงทุ้มข้างใบหูสวยราวกับจะย้ำเตือนให้จดจำ

         มิราอิหลับตาลงพร้อมกับหยาดน้ำใสไหลรินข้างแก้ม ริมฝีปากอุ่นร้อนจูบซับตามอย่างแผ่วเบา ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่ามิราอิรู้สึกดีแค่ไหนกับการกระทำของเรียวสุเกะที่มีให้มาตลอด ในวันนี้ ที่ผ่านมาพยายามทำเป็นไม่รับรู้ ถึงแม้อีกคนจะคอยกลั่นแกล้งแต่สายตาที่มองตรงมาไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ไม่อยากให้ ละหนีไป

        ทั้งที่ไม่มีรูปไว้เป็นข้อต่อรอง แต่เพราะเหตุนี้ยมิราอิถึงได้รู้สึกพ่ายแพ้อย่างที่ไม่เคยเป็น มิราอิปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ เป็นไปตามความต้องการของร่างกายและ...หัวใจที่ทุกอย่างยังคงดำเนินไปจนสุด ปลายทางของมัน

         สุดท้ายแล้ว เธอก็เลือกที่จะให้อีกคนเป็นฝ่ายที่เหนือกว่า ถึงแม้ตลอดค่ำคืนเธอได้แต่เฝ้าภาวนาขอให้เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพียง ความฝันที่ผ่านไปแค่ชั่วข้ามคืนเท่านั้น

         ตืด...ตืด...
         หน้าจอมือถือกระพริบแสงภายใต้ความมืดสลัว แต่มันคงจะถูกละเลยให้นอนอยู่ใต้ซากเสื้อผ้าที่วางเกลื่อนห้อง เพราะสิ่งที่เจ้าของสนใจมีเพียงคนที่อยู่ในอ้อมกอดเท่านั้น

            .
            .
            .
     
                ยูมิกะมองหน้าจอมือถือด้วยความเป็นกังวล เธอเพิ่งได้รับข่าวเมื่อสักครู่นี่เองจากข่าวท้องถิ่นที่ฉายรอบดึก หลังจากที่กลับมาจากห้องสมุดเธอก็ลงไปช่วยแม่ขายของมาทั้งวัน กว่าจะรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นก็ทำเอาร้อนใจไปหมด ยิ่งเรียวสุเกะไม่ยอมรับโทรศัพท์ยิ่งทำให้คนตัวเล็กนั่งไม่ติดที่

         "ยังไม่นอนอีกเหรอ ยูมิกะ" คุณแม่เดินแวะเข้ามาในห้องเมื่อเห็นไฟยังเปิดอยู่ ยูมิกะส่ายหน้ายิ้มบางให้

         "อีกสักพักค่ะแม่"

         "อย่านอนดึกนักล่ะ"

         ผู้เป็นแม่บอกก่อนจะเดินออกไปจากห้องพร้อมกับปิดประตูให้ ยูมิกะเม้มริมฝีปากอย่างใช้ความคิดก่อนจะโทรไปหาอีกรอบ แต่ปลายสายก็ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง เธอตั้งใจจะโทรไปที่บ้านของยูโตะแต่พอเหลือบมองนาฬิกาแล้วก็ต้องตัดใจ เพราะจะเป็นการรบกวนคุณน้าทั้งสองมากเกินไป

         ยูมิกะครุ่นคิดสักพักก็เปิดคอมเข้าเนตเพื่อตามข่าวสารเรื่องสะพานขาด ติดตามทั้งข่าวออนไลน์ที่นำเสนอกันในรอบดึก แต่พอเนื้อข่าวบอกว่าไม่มีผู้เสียชีวิตเรียวสุเกะก็นึกโล่งใจแต่เพราะตอนนี้ ยังติดต่อเรียวสุเกะคุงไม่ได้ เธอก็ไม่อาจจะนอนหลับได้อย่างสบายใจ

         นึกถึงด้วยความเป็นห่วงแล้วลองโทรอีกครั้งแต่กลับโทรไม่ติดแล้ว ยูมิกะอยากจะร้องไห้ออกมาดื้อๆ

        "ปลอดภัยหรือเปล่านะ เรียวสุเกะคุง"


    TBC.

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++
       
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×