ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Sakura begins :02
เมื่อได้เวลาเรียนคาบสุดท้ายของช่วงเช้า มิราอิก็ก้าวเข้ามาในห้อพร้อมกับที่อาจารย์กำลังเดินเข้ามาสอน แต่แล้วเธอก็ต้องหยุดชะงักเมื่อภาพตรงหน้าที่เห็นคือมนุษย์ตัวสูงโย่ง เด่นกว่าใครในห้องกำลังนั่งเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางสบาย มิราอิจะไม่ลำบากใจเลยถ้าเรียวสุเกะทำในที่นั่งของตัวเอง แต่ที่เธอเห็นมันที่นั่งข้างเขาชัดๆ
"หายไปไหนมามิราอิ" ฮารุกะกระซิบกระซาบในขณะที่มิราอิกำลังนั่งลงบนที่นั่งของตัวเอง ร่างเล็กหันมากระซิบตอบเพื่อนว่าไปห้องน้ำ จากนั้นทั้งคู่ก็หันมาตั้งใจเข้าสู่บทเรียนที่อาจารย์กำลังจะเริ่มสอน
ป๊อก-
ผ่านไปแค่ไม่กี่บรรทัด ยางลบขนาดเล็กก็ถูกโยนลงบนตรงหน้าพร้อมกับมีกระดาษผูกติดมาด้วย มิราอิเหล่ตามองโต๊ะข้างๆ ซึ่งเดิมทีเป็นที่นั่งของเรียวสุเกะ แต่ตอนนี้เจ้าตัวกลับระเห็ดไปนั่งแทนที่ไอ้ผู้ชายตัวสูงที่ทำท่าว่าตั้งใจ เรียนเหลือเกินอยู่ข้างๆ เธอ
คิดจะยั่วโมโหกันหรือไง ไม่มีวันซะล่ะ
นิ้วเล็กเขี่ยยางลบไว้ขอบโต๊ะอย่างไม่สนใจไยดี ดวงตาใสแจ๋วมองกระดานด้วยความตั้งอกตั้งใจ สักพักดินสอกดก็ถูกโยนมาไว้ตำแหน่งกลางโต๊ะและแน่นอนว่ามีกระดาษผูกติดมา ด้วย คิ้วสวยเริ่มขมวดมุ่นแต่มิราอิก็เลือกที่จะเขี่ยไปกองรวมกับยางลบที่ขอบ โต๊ะ ก่อนจะหันกลับไปตั้งใจฟังอาจารย์สอนโดยไม่สนใจมารผจญรอบตัว
ป๊อก- ป๊อก- ป๊อก-
ทั้งปากกา กบเหลาดินสอ ไม้บรรทัดกวาดกันมาหมดทั้งกระเป๋าดินสอที่ต่างก็ถูกโยนมาที่มิราอิโดยฝีมือของ คนที่นั่งติดกัน ถึงแม้คนตัวเล็กอยากจะกวาดทุกอย่างบนโต๊ะปาใส่หน้าหล่อๆ ของคนทำเสียหนักหนาแต่เธอก็เลือกที่จะทำเป็นไม่สนใจ จนกระทั่ง...
"ยามาดะ เรียวสุเกะ และ ชิดะ มิราอิ โทษฐานที่เล่นกันในห้องไม่สนใจฟังอาจารย์ เลิกเรียนแล้วให้อยู่ทำความสะอาดห้องด้วย! เข้าใจนะ"
"อาจารย์! หนูไม่..."
"ตั้งใจเรียนกันได้แล้ว!"
ถ้อยคำประกาศิตจากอาจารย์ที่หันมาตะเบ็งเสียงใส่ทำให้มิราอิถึงกับอ้าปากค้าง เธอไม่ได้มีส่วนรู้เห็นด้วยสักหน่อย ทั้งที่เป็นฝ่ายถูกแกล้งทำไมเธอต้องถูกทำโทษด้วย คนตัวเล็กคิดพลางตวัดสายตามองคนข้างกายที่ไม่ได้มีท่าทางเดือดร้อนเลยสักนิด
รอยยิ้มมุมปากที่กดยิ้มมาให้อย่างจงใจแสดงออกชัดเจนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้หมอนี่เป็นคนวางแผนไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว!
.
.
.
"ให้ช่วยมั๊ย มิราอิ"
ฮารุกะพูดขึ้นในขณะที่คนทั้งคู่กำลังเดินไปโรงอาหาร แค่ได้ยินมิราอิก็ทำหน้าเบื่อทันที ไม่เข้าใจว่าหมอนั่นต้องการอะไร ตั้งแต่เมื่อวานแล้วมิราอิรู้สึกไม่ชอบขี้หน้าเลยจริงๆ ยิ่งมาเจอพฤติกรรมกลั่นแกล้งแบบนี้เธอเองก็ชักจะเหลือทนแล้วเหมือนกัน
"ต้องรีบไปสมัครชมรมเบสบอลไม่ใช่หรือไง แต่ช่างเถอะ อย่าพูดถึงมันเลย" คนตัวเล็กว่าพลางเดินผ่านห้อง 1-A เพื่อลงบันไดไปชั้นล่าง ในจังหวะที่ก้าวลงก็พบว่ามีอีกคนที่กำลังเดินขึ้นมาพอดี
"อ๊ะ! ขอโทษนะ"
คนที่เอ่ยขอโทษหลีกทางให้พร้อมกับรอยยิ้มหวานจับใจ เมื่อฝ่ายนั้นเดินผละจากไปฮารุกะที่มองตามอยู่แล้วก็พูดขึ้นทั้งที่สายตายังไม่ละไปจากใบหน้าสดใสที่ยังคงยิ้มทักทายเพื่อนฝูงไปตลอดทาง
"คนนั้นน่ะ คาวาชิมะ ยูมิกะ ฉันเคยเรียนที่เดียวกับเขาตอน ม.ต้น ยิ้มสวย นิสัยดี น่ารัก ดังพอตัวเลยล่ะสำหรับที่นี่" มิราอิพยักหน้าตามแต่เธอก็ไม่ค่อยได้สนใจมากนัก สำหรับมิราอิแล้วการที่ต้องย้ายโรงเรียนแทบจะทุกปีตามหน้าที่การงานของผู้เป็นพ่อทำให้เธอไม่ค่อยจะยึดติดกับเรื่องเหล่านี้สักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะสถานที่ คนเด่นคนดัง หรือแม้กระทั่งเพื่อน ต่อให้สนิทสนมรักกันมากแค่ไหนสุดท้ายระยะทางก็ทำให้คนห่างกันได้อยู่ดี
.
.
.
"ยูมิกะ"
เสียงของเรียวสุเกะที่มาพร้อมกับเจ้าตัวซึ่งวาดลำแขนกอดคอหมับทำให้ยูมิกะหันไปมองพร้อมด้วยรอยยิ้มที่ฮารุกะพูดไม่ผิดเลยว่าเป็นคนที่ยิ้มได้สวยจริงๆ
"วันนี้ตอนเย็นกลับด้วยกันนะ" คนตัวสูงบอก หากแต่ยูมิกะกลับส่ายหน้ามู่
"คงไม่ได้หรอก เรียวสุเกะคุงมีชมรมนี่ ส่วนเราก็กลับบ้านเย็นไม่ได้ ต้องไปช่วยแม่เฝ้าร้านน่ะ" เรียวสุเกะเลิกคิ้วทำท่าคล้ายกับกำลังครุ่นคิดโดยมีคนตัวเล็กที่ถูกกอดคอแหงนหน้ามองรอว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรอย่างตั้งอกตั้งใจ
"ไปส่งไม่ได้ งั้นพรุ่งนี้ไปรับนะ"
"อืม ก็ได้"
"ดีมาก" คนตัวสูงขยี้เส้มผมละเอียดไปมาพลางยิ้มจนตาหยีก่อนจะผละออกไปหายูโตะที่ยืนแบกกีต้าร์รออยู่ไม่ไกล แม้จะเป็นช็อตแค่เพียงสั้นๆ แต่ดูเหมือนบรรดานักเรียนที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างก็แอบลอบมองความเป็นไปของทั้งสองคนเป็นตาเดียวกัน ไม่เว้นแม้กระทั่งมิราอิเอง ทั้งที่ไม่ได้อยากจะสนใจเรื่องของคนอื่นแท้ๆ
"ยามาดะเนี่ยเพิ่งย้ายมาที่นี่แต่ดูสนิทกับคาวาชิมะจังนะ ดูไปดูมาก็เหมือนแฟนกันเลยเนอะ" ฮารุกะเปรยขึ้นด้วยท่าทางสงสัย แต่พอเจ้าตัวเจออาหารที่ถูกใจก็ทำท่าลัลล้าลืมเรื่องที่พูดไปก่อนหน้าเสียอย่างนั้น มิราอิเสมองไปนอกหน้าต่างโรงอาหาร ภาพตรงหน้าคือยามาดะ เรียวสุเกะและผองเพื่อนกำลังตั้งวงตีกระป๋องสีกันเหมือนเด็กๆ
เรื่องของพวกเขา ไม่เกี่ยวกับเราซักหน่อย....
.
.
เสียงออดบอกเวลาหลังเลิกเรียน เหล่านักเรียนมัธยมปลายปี 1 ต่างกรูกันออกจากห้องเพื่อแยกย้ายไปทำกิจกรรมของตัวเอง จะมีเพียงก็แต่มิราอิที่ได้แต่นั่งนิ่งบนที่เก้าอี้ของตัวเองโดยที่เพื่อนๆ ต่างก็ค่อยก้าวออกไปทีละคนจนเหลือแค่เธอกับ...ไอ้ตัวต้นเหตุที่ยังนั่งกระดิกเท้าอย่างอารมณ์ดีเสียเหลือเกิน
"ทำความสะอาดกันดีกว่า"
คนตัวสูงบอกพร้อมกับเดินออกไปเอาอุปกรณ์ทำความสะอาดจากห้องเก็บอุปกรณ์ที่อยู่มุมตึก มิราอินึกสงสัยจริงๆ ว่าหมอนี่ต้องการจะทำอะไร เห็นได้ชัดว่าจงใจให้เรื่องมันเป็นแบบนี้แต่กลับไม่เห็นจะมีท่าทีอะไรเป็นพิเศษนอกจากการเอาเฮดโฟนครอบหูราวกับจะกันเธอให้ออกจากโลกส่วนตัวก็ไม่ปาน ทั้งที่ตอนแรกมิราอิเข้าใจว่าหมอนี่ต้องการจะคุยกับเธอเรื่องชมรมเสียอีก
มิราอิถอนหายใจกับตัวเองแล้วรีบลงมือลบกระดาน คิดไปก็เท่านั้น รีบทำความสะอาดให้เสร็จเร็วๆ จะได้รีบกลับบ้านดีกว่า
ทั้งคู่จัดการงานของตัวเองกันอย่างเงียบๆ จนในที่สุดห้องเรียนที่ไม่ค่อยจะสกปรกสักเท่าไหร่ก็สะอาดและดูเป็นระเบียบเรียบร้อยขึ้น
"ฉันจะเอาไม้กวาดไปเก็บเอง นายก็ไปเถอะ" มิราอิอาสาเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายยังมีกิจกรรมชมรมที่จะต้องทำแล้วยูโตะก็เป็นคนเอาของพวกนี้มาด้วย คนที่เก็บก็น่าจะเป็นเขาเอง
"ก็ตามใจ" เรียวสุเกะพูดพลางเดินมายื่นไม้ถูพื้นให้อย่างว่าง่าย มิราอิรับมาแล้วเดินไปยังห้องมุมตึกเพื่อเอาของไปเก็บ แต่ทันทีที่ก้าวเข้าไปในห้องมืดแคบ ประตูที่เปิดอ้าทิ้งไว้กลับปิดลงสนิททั้งที่ไร้ซึ่งแรงลมจากภายนอก
กึก-
เสียงล็อคห้องดังมาจากข้างนอกทำให้ยูมิกะทิ้งไม้กวาดลงพื้นก่อนจะถลามาที่ประตู มือขาวพยายามจะหมุนลูกบิดแต่มันก็เป็นอย่างที่คิด
มีคนล็อคห้องจากด้านนอก!
"ยามาดะ เปิดเดี๋ยวนี้นะ!" แทบจะไม่ต้องรอให้ใครมาบอกว่าเป็นฝีมือใคร มิราอิระหน่ำทุบประตูจนสะเทือนแต่การเคลื่อนไหวภายนอกยังคงเงียบฉี่
คิดเหรอว่ามิราอิจะร้องไห้อ้อนวอนขอร้องให้นายช่วย กะอีแค่ห้องแคบๆ และความมืดไม่ได้ทำให้ความกลัวของเธอสะเทือนหรอก มุมปากเล็กกดยิ้มเมื่อมองเห็นแสงสว่างที่ลอดเข้ามาผ่านหน้าต่างที่ถูกปิดไว้สนิท
"คิดว่าฉันจะยอมนายเหรอ ยามาดะ เรียวสุเกะ"เสียงล็อคห้องดังมาจากข้างนอกทำให้ยูมิกะทิ้งไม้กวาดลงพื้นก่อนจะถลามาที่ประตู มือขาวพยายามจะหมุนลูกบิดแต่มันก็เป็นอย่างที่คิด
มีคนล็อคห้องจากด้านนอก!
"ยามาดะ เปิดเดี๋ยวนี้นะ!" แทบจะไม่ต้องรอให้ใครมาบอกว่าเป็นฝีมือใคร มิราอิระหน่ำทุบประตูจนสะเทือนแต่การเคลื่อนไหวภายนอกยังคงเงียบฉี่
"ไอ้คนทุเรศ เจ้าเล่ห์ ฉันบอกให้เปิดประตูเดี๋ยวนี้!" ไร้การตอบกลับมาอย่างสิ้นเชิง ป่านนี้แล้วคนอื่นๆ คงกลับบ้านกันหมดไม่เว้นแม้กระทั่งอาจารย์ด้วย หรือถ้ายังอยู่ห้องอาจารย์ก็อยู่อีกฝั่งคงไม่ได้ยินคำร้องขอของเธอแน่ๆ มิราอิผละถอยหลังออกมาเมื่อคิดว่าทุบประตูห้องไปคงไม่มีประโยชน์ คนตัวเล็กจึงมองไปรอบๆ ห้องที่มืดสนิท
คิดเหรอว่ามิราอิจะร้องไห้อ้อนวอนขอร้องให้นายช่วย กะอีแค่ห้องแคบๆ และความมืดไม่ได้ทำให้ความกลัวของเธอสะเทือนหรอก มุมปากเล็กกดยิ้มเมื่อมองเห็นแสงสว่างที่ลอดเข้ามาผ่านหน้าต่างที่ถูกปิดไว้สนิท
มิราอิรุดเข้าไปดึงเบาะเก่าๆ ที่คงเอาไว้ใช้ในชั่วโมงพละออกจากการวางพาดทับหน้าต่างเอาไว้ให้นอนลงบนพื้น จากนั้นก็ใช้เบาะนั่นแหละเป็นตัวเพิ่มความสูงปีนขึ้นไปเปิดหน้าต่างซึ่งค่อนข้างจะอยู่สูงพอสมควร
ชั้นของปีหนึ่งคือชั้นสอง ถ้าเธอคิดจะปีนลงจากหน้าต่างก็คงจะสามารถทำได้ล่ะนะ มิราอิคิดพลางใช้มือเลื่อนหน้าต่างให้เปิดออก แต่ทันทีที่แสงจากภายนอกส่องเข้ามา คนที่คิดว่ายังอยู่ในตัวอาคารกลับโผล่หน้ามายิ้มแฉ่งให้ด้วยท่าทียียวนกวนประสาทสุดๆ
"คิดไว้แล้วว่าเธอต้องหนีทางนี้"
"ว๊าย!"
มิราอิร้องตกใจพร้อมกับผงะไปด้านหลังจนเผลอสะดุดเบาะล้มจ้ำอ้าวลงกระแทกพื้น เรียวสุเกะเองก็ดูจะตกใจไม่น้อย คนตัวสูงที่ยืนอยู่บนบันไดยาวรีบปีนเข้ามาในห้องพร้อมกับช่วยประคองร่างเล็กที่จุกจนพูดแทบไม่ออกให้ลุกมานั่งบนเบาะ
"เธอนี่มันฤทธิ์เยอะจริงๆ ให้ตาย" เรียวสุเกะพูดพลางหอบในขณะที่คนในอ้อมกอดเองก็ดูเหนื่อยหนักไม่ต่างกัน แต่ก็ยังมีแรงที่จะขัดขืนโดยบิดข้อมือที่ถูกล็อคจับไปมาให้หลุด
"ปล่อยฉันนะ!"
"อยู่นิ่งๆ ก่อนจะได้ไหม มีเรื่องจะคุยด้วย" เสียงที่ส่งผ่านเฉียดใบหูไม่ไกลทำให้มิราอิยอมนิ่งอย่างที่อีกฝ่ายร้องขอ เมื่อเห็นว่าคนในอ้อมแขนเริ่มจะสงบเรียวสุเกะก็คลายมือออกแต่ก็ยังคงจัดการล็อคเอาไว้อย่างเบาๆ เพื่อกันไม่ให้ร่างเล็กแผลงฤทธิ์ดิ้นหนีก่อนที่จะทันได้คุยกันให้รู้เรื่อง
"คิดไว้แล้วว่าเธอต้องหนีทางนี้"
"ว๊าย!"
มิราอิร้องตกใจพร้อมกับผงะไปด้านหลังจนเผลอสะดุดเบาะล้มจ้ำอ้าวลงกระแทกพื้น เรียวสุเกะเองก็ดูจะตกใจไม่น้อย คนตัวสูงที่ยืนอยู่บนบันไดยาวรีบปีนเข้ามาในห้องพร้อมกับช่วยประคองร่างเล็กที่จุกจนพูดแทบไม่ออกให้ลุกมานั่งบนเบาะ
"ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ตกใจ" ร่างสูงพูดร้อนรน แต่มือบางก็พยายามทั้งผลักทั้งดันให้ออกห่างพร้อมด้วยสายตาเคียดแค้นเต็มกำลัง
"ออกไปเลยนะ ไอ้คนทุเรศ!" แม้จะเจ็บทั้งกายเจ็บทั้งใจแต่มิราอิก็ยังไม่อยากให้คนที่เขาเพิ่งจะตระหนักด้วยตัวเองเลยว่าเป็นคนที่เธอเกลียดเข้าไส้จริงๆ มาช่วย คิดจะตบหัวแล้วลูบหลังกันอย่างนั้นเหรอ มิราอิพยายามยื้อตัวออกห่างแต่กับอีกคนดูจะเห็นเป็นเรื่องสนุกที่อยากจะเอาชนะไปซะแล้ว
"เจ็บขนาดนี้ยังจะอวดดี"
"เรื่องของฉัน นายไม่ต้องมายุ่ง"
"ไม่ให้ยุ่งงั้นเหรอ"
คนตัวสูงพูดพลางล็อคคอกอดร่างเล็กจากทางด้านหลังโดยที่มีแรงขัดขืนจากอีกฝ่ายซึ่งดิ้นไปมาแทบหลุดจากอ้อมแขนหลายต่อหลายครั้ง ทั้งคู่ยื้อแย่งกันด้วยกำลังบนเบาะเก่าจนฝุ่นคละคลุ้งตลบอบอวลจนในที่สุดคนแรงน้อยกว่าก็ต้องตกอยู่ใต้อานัติของคนที่มีกำลังมากกว่าอยู่ดี
"เจ็บขนาดนี้ยังจะอวดดี"
"เรื่องของฉัน นายไม่ต้องมายุ่ง"
"ไม่ให้ยุ่งงั้นเหรอ"
คนตัวสูงพูดพลางล็อคคอกอดร่างเล็กจากทางด้านหลังโดยที่มีแรงขัดขืนจากอีกฝ่ายซึ่งดิ้นไปมาแทบหลุดจากอ้อมแขนหลายต่อหลายครั้ง ทั้งคู่ยื้อแย่งกันด้วยกำลังบนเบาะเก่าจนฝุ่นคละคลุ้งตลบอบอวลจนในที่สุดคนแรงน้อยกว่าก็ต้องตกอยู่ใต้อานัติของคนที่มีกำลังมากกว่าอยู่ดี
"เธอนี่มันฤทธิ์เยอะจริงๆ ให้ตาย" เรียวสุเกะพูดพลางหอบในขณะที่คนในอ้อมกอดเองก็ดูเหนื่อยหนักไม่ต่างกัน แต่ก็ยังมีแรงที่จะขัดขืนโดยบิดข้อมือที่ถูกล็อคจับไปมาให้หลุด
"อยู่นิ่งๆ ก่อนจะได้ไหม มีเรื่องจะคุยด้วย" เสียงที่ส่งผ่านเฉียดใบหูไม่ไกลทำให้มิราอิยอมนิ่งอย่างที่อีกฝ่ายร้องขอ เมื่อเห็นว่าคนในอ้อมแขนเริ่มจะสงบเรียวสุเกะก็คลายมือออกแต่ก็ยังคงจัดการล็อคเอาไว้อย่างเบาๆ เพื่อกันไม่ให้ร่างเล็กแผลงฤทธิ์ดิ้นหนีก่อนที่จะทันได้คุยกันให้รู้เรื่อง
"ยูโตะน่ะมันชอบชิมาซากิเพื่อนของเธอ..." แค่ประโยคแรกที่ได้ฟังมิราอิก็ต้องเอี้ยวหน้าเงยขึ้นมองคนที่กอดเอาไว้จากทางด้านหลัง สายตาที่ดูเหมือนจะถามทำให้เรียวสุเกะต้องก้มหน้าลงมายิ้มให้ และนั่นก็ทำให้มิราอิต้องสะบัดหน้ากลับมาที่เดิมแทบจะทันทีเช่นกัน
"แล้วทำไมไม่ไปชวนฮารุกะเองล่ะ. มาชวนฉันทำไม" มิราอิแย้งเสียงเบา
"ก็ชิมาซากิประกาศปาวๆ ว่าตัวเองจะเข้าชมรมเบสบอล พวกฉันเลยคิดว่าถ้าเธอมาอยู่ชมรมเรา ชิมาซากิก็คงจะมาอยู่ด้วย"
"ไม่มีทาง ฮารุกะชอบเบสบอลจะตาย"
"แล้วทำไมไม่ไปชวนฮารุกะเองล่ะ. มาชวนฉันทำไม" มิราอิแย้งเสียงเบา
"ก็ชิมาซากิประกาศปาวๆ ว่าตัวเองจะเข้าชมรมเบสบอล พวกฉันเลยคิดว่าถ้าเธอมาอยู่ชมรมเรา ชิมาซากิก็คงจะมาอยู่ด้วย"
"ไม่มีทาง ฮารุกะชอบเบสบอลจะตาย"
"ก็ให้อยู่ทั้งสองชมรมเลยไง น่า ช่วยกันหน่อยสิ จริงๆ ชมรมเราก็ไม่ได้ต้องการผู้จัดการชมรมมากขนาดนั้น เพราะคงไม่มีงานอะไรให้ทำมากมาย เธอก็แค่พาชิมาซากิเข้าชมรมไปให้ยูโตะมันมีโอกาสได้ใกล้ชิดบ้างก็เท่านั้น"
"แผนสูง" มิราอิพูดอุบอิบกับตัวเอง แต่มีหรืออีกคนจะไม่ได้ยิน
"แผนสูง" มิราอิพูดอุบอิบกับตัวเอง แต่มีหรืออีกคนจะไม่ได้ยิน
"รู้แล้วก็ช่วยตกลงหน่อยสิ"
"ไม่ ทั้งนายและก็เพื่อนของนายไม่มีความจริงใจ ถ้ารักถ้าชอบทำไมไม่มาบอกตรงๆ เข้าใจก็ปล่อยฉันได้แล้ว" มิราอิว่าพลางดิ้น แต่คนตัวสูงกลับบีบรัดลำแขนกอดแน่นเข้าไปอีก
"ถ้าไม่ยอมตกลงก็จะกอดไว้แบบนี้ล่ะ"
"ฉันเจ็บนะ" มิราอิครางเสียงอ่อย แต่คราวนี้เรียวสึเกะเรียนรู้ด้วยตัวเองแล้วว่าจะไม่ตกหลุมพรางที่ร่างเล็กสร้างขึ้นมาอีก ใบหน้าคมจึงวางคางลงบนไหล่เล็กพร้อมกับกระชับอ้อมกอดแน่น
"งั้นเหรอ แต่ฉันกำลังสบายเลยนะ"
"นายนี่มัน..." มิราอิกัดฟันเข่นเขี้ยวแต่นึกคำด่าให้สาสมใจไม่ออก คนตัวเล็กจึงได้แต่กรอกตาไปมาก่อนจะถอนหายใจเสียงดังตั้งใจให้คนบ้าอำนาจที่เกาะหลังเป็นกระดองเต่าได้ยิน
"แต่ขอบอกเอาไว้ก่อนนะ ว่าฉัน...เกลียดนาย"
มิราอิบอกชัดเจนแล้วเป็นฝ่ายปีนออกจากหน้าต่างลงบันไดที่เรียวสุเกะเป็นคนพาดไว้ตอนที่ขึ้นมา คนตัวสูงยักไหล่ เขาเองก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรนักหรอกเพราะยังไงก็ได้ทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จสมบูรณ์แล้วเรียวสุเกะมองนาฬิกาข้อมือก็พบว่าเป็นเวลาห้าโมงกว่าแล้ว
"ตายห่ะ- ชมรม"
"ถ้าไม่ยอมตกลงก็จะกอดไว้แบบนี้ล่ะ"
"ฉันเจ็บนะ" มิราอิครางเสียงอ่อย แต่คราวนี้เรียวสึเกะเรียนรู้ด้วยตัวเองแล้วว่าจะไม่ตกหลุมพรางที่ร่างเล็กสร้างขึ้นมาอีก ใบหน้าคมจึงวางคางลงบนไหล่เล็กพร้อมกับกระชับอ้อมกอดแน่น
"งั้นเหรอ แต่ฉันกำลังสบายเลยนะ"
"นายนี่มัน..." มิราอิกัดฟันเข่นเขี้ยวแต่นึกคำด่าให้สาสมใจไม่ออก คนตัวเล็กจึงได้แต่กรอกตาไปมาก่อนจะถอนหายใจเสียงดังตั้งใจให้คนบ้าอำนาจที่เกาะหลังเป็นกระดองเต่าได้ยิน
"ก็ได้ๆ ฉันจะพาฮารุกะเข้าชมรมบ้าบอของพวกนายก็ได้"
"ดีมาก"
เรียวสุเกะยิ้มพออกพอใจพร้อมกับยกมือขยี้ศีรษะเล็กไปมาเบาๆ พร้อมกับปล่อยร่างเล็กให้เป็นอิสระ ทันทีที่หลุดออกมาได้ มิราอิก็ผละตัวออกห่างไกลเป็นวาโดยที่เรียวสุเกะค่อยๆ หยัดกายลุกพร้อมกับปัดเศษฝุ่นออกจากตัว
"แต่ขอบอกเอาไว้ก่อนนะ ว่าฉัน...เกลียดนาย"
มิราอิบอกชัดเจนแล้วเป็นฝ่ายปีนออกจากหน้าต่างลงบันไดที่เรียวสุเกะเป็นคนพาดไว้ตอนที่ขึ้นมา คนตัวสูงยักไหล่ เขาเองก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรนักหรอกเพราะยังไงก็ได้ทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จสมบูรณ์แล้วเรียวสุเกะมองนาฬิกาข้อมือก็พบว่าเป็นเวลาห้าโมงกว่าแล้ว
"ตายห่ะ- ชมรม"
เรียวสุเกะตรงไปที่หน้าต่างเพื่อเตรียมปีนลง แต่บันไดที่มันควรจะพาดไว้กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย จะเป็นฝีมือใครไปได้ล่ะ นอกจากคนที่เพิ่งจะใช้งานมันเมื่อไม่กี่นาทีนี้ จะให้เขาใช้ประตูก็ไม่ได้เพราะเป็นคนจัดการล็อคเองกับมือ
"แสบจริงๆ นะชิดะ"
TBC.
+++++++++++++++++++++++++++
เม้น โหวต. เป็นกำลังใจกันด้วน๊าาาาา~~
+++++++++++++++++++++++++++
เม้น โหวต. เป็นกำลังใจกันด้วน๊าาาาา~~
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น