ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Intro
เช้าวันใหม่เริ่มไปพร้อมกับฤดูกาลและสีสันของธรรมชาติได้ผลิบาน ความสดชะอุ่มของแมกไม้นานาพรรณแข่งขันกันชูช่องามไสวพาให้เมืองแห่งขุนเขาสดสะพรั่ง ให้ความรู้สึกเปล่งปลั่งจนยากจะละสายตาสำหรับเด็กหนุ่มเมืองกรุง ผู้ไม่เคยพานพบกับความบริสุทธิ์ของธรรมชาติอย่างใกล้ชิดแบบนี้มาก่อน เพราะตั้งแต่เกิดมาเขาพบเพียงสิ่งก่อสร้างฉาบปูนไร้ชีวิตชีวา
เพราะอย่างนี้รึเปล่านะ ชีวิตของเขาจึงได้ดูแห้งแล้งอย่างที่เป็นอยู่...
ยามาดะ เรียวสุเกะ ปั่นจักรยานไปตามถนนเส้นเล็กที่ทั้งสองข้างทางรายล้อมไปด้วยต้นซากุระที่เริ่มจะผลิดอกเป็นสีชมพูหวาน กิ่งก้านสาขาที่เอนเข้ามาเชื่อมตรงกลางของต้นไม้ทั้งสองฝั่ง ราวกับเป็นอุโมงค์ที่สวยงามของเทพนิยายสักเรื่องที่เคยผ่านตา เส้นทางที่มุ่งไปสู่โรงเรียนที่ร้างผู้คนกว่าที่คิด หรือว่านี่อาจจะเช้าเกินไปสำหรับการมาโรงเรียนของที่่นี่ก็ได้
เรียวสุเกะหยุดจักรยานบริเวณหัวมุมช่วงเลี้ยวขึ้นเนินเพื่อมองไปยังยอดภูเขาไฟฟูจิที่อยู่ห่างออกไป เขาเพิ่งย้ายมาอยู่ที่ฮาโกเน่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาในจังหวะเดียวกับช่วงเตรียมตัวขึ้น มัธยมปลาย ถ้าเทียบระหว่างที่นี่กับโตเกียวที่ตัวเองเคยอยู่มาทั้งชีวิต เขาเองก็คงไม่สามารถตอบได้ว่าขอบเขตที่ไหนมากกว่า สำหรับตัวเขาแล้ว อาจเรียกได้ว่าเป็นคนง่ายๆ ที่มองอะไรง่ายๆ ไม่มีอะไรที่เขาเกลียดเป็นพิเศษ และไม่มีอะไรที่ทำให้เขารักได้หมดใจเช่นกัน
ไม่ว่าอะไรก๋ไม่อยู่ในความสนใจ มองได้แต่ก็ไม่คิดมาก ทำได้แต่ก็ไม่โปรดปราน
เคยมีคนบอกว่า เป็นคนง่ายๆน่ะดีจะตาย แต่ว่ามันจะดีจริงๆน่ะหรือ.....
กริ๊ง...
สายลมในตอนเช้าพัดผ่านมาพาให้รู้สึกถึงความเหน็บหนาว แต่ความสนใจของเรียวสุเกะไม่ใช่ผ้าพันคอที่เริ่มหลุดรุ่ย เด็กหนุ่มก้มมองพรวนกระดิ่งขนาดเล็กที่ผูกไว้กับกระเป๋าซึ่งกำลังสั่นกระทบ กันไปมาตามแรงลม นิ้วยาวจับตัวกระดิ่งไว้มั่น แต่ทำไมเสียงที่น่าเงียบหายไปกลับยังกังวานชัดเจน
กริ๊ง...
เด็กหนุ่มละสายตากลับไปมองด้านหลัง สิ่งที่เห็นคือหญิงสาวในวัยเดียวกันกำลังยืนจ้องมาที่เขา ดวงหน้าอ่อนเยาว์และสายตาหวานคมที่กำลังมองมาทำให้เรียวสุเกะเผลอขมวดคิ้วตาม สายลมยามเช้าพัดพาเส้นผมสีน้ำตาลละเอียดไปพร้อมกับเปลือกตาบางของคนตรงหน้า กระพริบปริบ เหนือสิ่งอื่นใด พรวนกระดิ่งในกำมือของอีกคนกำลังสั่นสะเทือนเรียกความทรงจำเมื่อสี่ปีที่ แล้วให้หวนกลับมา
" เรียวสุเกะคุง /ยูมิกะจัง"
.
.
.
"เรียวสุเกะคุง/ยูมิกะจัง"
ทั้งคู่เอ่ยขึ้นพร้อมกันเป็นครั้งที่สองในขณะที่กำลังเดินเข้าประตูรั้ว โรงเรียนโดยเรียวสุเกะเป็นฝ่ายจูงจักรยานและมียูมิกะเดินเคียงข้างมาด้วยกัน อย่างเงียบๆ ตอนนี้เริ่มมีบรรดานักเรียนทยอยเดินทางกันมามากขึ้น แค่ชื่อเรียกขานที่ต่างก็เปล่งเสียงออกมาราวอุทานย้ำเตือนถึงสถานะความ สัมพันธ์ที่ทั้งคู่เคยมีให้กันมาก่อน คนที่ไม่ได้พบหน้ากันมาถึงสี่ปี แม้ช่วงเวลานั้นต่างก็ยังเป็นเด็กแค่ชั้นประถมกันทั้งคู่ แต่สำหรับเรียวสุเกะแล้วเขาไม่เคยลืมว่า คาวาชิม่า ยูมิกะ เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่งของเขา
"เรียวสุเกะคุงมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง" ยูมิกะเอ่ยถามก่อนพร้อมกับเงยหน้ามองอีกคนที่มัวแต่ยิ้มดีใจที่ได้เจอ กับเพื่อนสมัยเด็กจึงไม่ทันได้เห็นว่าคนที่ตัวเล็กกว่ากำลังเก็บพรวนกระดิ่ง เข้ากระเป๋าไปแล้ว
"ฉันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายถาม จู่ๆ ก็หายไป ยังจะมาแบ๊วถามตาใสแบบนี้หมายความว่ายังไงครับ คาวาชิม่าซัง"
เรียวสุเกะพูดพลางยิ้มอย่างเห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวไม่ได้ติดใจเอาความอย่างที่พูด มือยาวยกจับศีรษะคนตัวเล็กโยกไปมาอย่างที่ชอบทำเหมือนเมื่อก่อน ในขณะอาโออิได้แต่หลุบตามองเพียงปลายเท้าตัวเอง นึกไปถึงตอนนั้น เธอเองก็เกิดและเติบโตที่โตเกียวจนกระทั่งถึงประถมหก ความตั้งใจที่จะสอบเข้าชั้นมัธยมที่เดียวกับเรียวสุเกะสลายไปพร้อมกับการสูญเสีย หัวหน้าครอบครัวอย่างคุณพ่อผู้เป็นทุกอย่างของบ้าน ทำให้เธอและแม่ต้องย้ายกลับมาที่ฮาโกเน่ ที่ซึ่งเป็นบ้านเกิดของคุณแม่อย่างกะทันหัน
ไม่มีการเตรียมตัว.... ไม่มีแม้ซึ่งคำลา
และเธอเองก็ไม่คิดว่าจะได้มาเจอเรียวสุเกะที่นี่ ทั้งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้
"ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ ยูมิกะจัง ไม่ได้ตั้งใจจะว่านะ ก็แค่...แค่ "
คำพูดที่ขาดช่วงของคนตัวสูงทำให้ยูมิกะต้องเงยหน้าขึ้นมอง ม่านหมอกที่กระจายตามพรรณไม้เริ่มหายไปพร้อมกับเสียงเคลื่อนไหวของนักเรียนคนอื่น เสียงเจี๊ยวจ๊าวเหล่านั้นกลับไม่เข้าหูเมื่อยูมิกะได้สบตากับคนตรงหน้า พร้อมกับคำพูดที่เบาราวกระซิบ
"แค่...คิดถึง.."
ทั้งน้ำเสียงและสายตาที่ถ่ายทอดออกมาทำให้แก้มขาวแดงปลั่งขึ้นมา ทำให้คนตัวเล็กก้มหน้าก้มตาเดินทันที แม้จะเป็นเพียงเด็กไม่กี่ขวบ แม้จะผ่านมาแล้วถึงกี่ปี แต่คำพูดแบบนี้ใครบ้างจะไม่รู้สึก
"เราเข้าให้เรียนก่อนนะ"
ยูมิกะรีบพูดเร็วปร่ื๋อก่อนจะรีบเดินจ้ำอ้าวไปยังอาคารขนาดใหญ่ยาว ทิ้งเรียวสุเกะไว้กับความไม่เข้าใจว่าตัวเองพูดอะไรผิดไป เด็กหนุ่มเลิกคิ้วงงเพียงครู่ก่อนจะปั่นจักรยานไปไว้ยังโรงจอดรถด้านหลังของอาคารแล้วขึ้นไปยังห้องเรียนของตัวเองบ้าง หลังจากดูรายชื่อบนบอร์ดแล้ว เด็กหนุ่มก็นึกเสียดายที่ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับยูมิกะอย่างที่หวัง
แต่ไม่เป็นไร ยังไงก็ได้อยู่โรงเรียนเดียวกัน เดี๋ยวค่อยแวะไปหาก็ได้
คิดแล้วก็ยิ้มกับตัวเองพร้อมกับก้าวเข้าไปในห้อง 1- C แต่ในจังหวะที่กำลังจะก้าวเข้าไปก็พบว่ามีอีกคนที่กำลังจะเดินออกมาพอดีทำ ให้ทั้งคู่ต้องชะงักอยู่ตรงหน้าประตูพร้อมๆ กัน เรียวสุเกะกำลังจะเอ่ยขอโทษหากแต่สายตาแสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจนของคนที่ตัว เล็กกว่ามากทำให้เขาเลือกที่จะปิดปากเงียบ
เด็กหนุ่มก้าวหลีกไปทางซ้าย ในขณะที่อีกคนก็ขยับเท้าไปในทางเดียวกัน พอลองขยับไปทางขวาก็ดันขยับมาทางเดียวกันอีก
"เอ๊ะ..."
น้ำเสียงที่เริ่มจะฉุนมาพร้อมกับใบหน้าที่เชิดขึ้นสูง เรียวสุเกะก้มมองคนตัวเล็กที่สูงเฉียดแค่ไหล่ของเขาแล้วถอนหายใจ ใบหน้าน่ารักเกินเด็กผู้หญิงทั่วไปยิ่งทำจมูกเชิด ปากเชิดยิ่งดูเหมือนคุณหนูจากคฤหาสถ์หลังเขื่องมีพ่อบ้านเซบาสเตียนตามประกบ หน้าหลังก็ไม่ปาน
"เอางี้นะ" เรียวสุเกะพูดพร้อมกับใช้มือจับไหล่คนตัวเล็กไว้แล้วตัวเองก็ก้าวไปยังอีกทางที่ มีพื้นที่ว่างแล้วตบไหล่เล็กเบาๆ ก่อนจะยิ้มมุมปากให้แล้วเดินเข้าไปในห้อง จัดแจงเลือกที่นั่งข้างหน้าต่างที่ยังว่างเป็นของตัวเองไปเรียบร้อย
"มีอะไรรึเปล่า มิราอิ?"
"เปล่า.. ไม่มีอะไรหรอก"
ชิดะ มิราอิตอบเพื่อนที่รออยู่นอกห้องพลางเลื่อนสายตามองตามคนตัวสูงที่ตอนนี้กำลัง มองออกไปนอกหน้าต่าง เธอยักไหล่ไม่สนใจก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ
TBC.
เพราะอย่างนี้รึเปล่านะ ชีวิตของเขาจึงได้ดูแห้งแล้งอย่างที่เป็นอยู่...
ยามาดะ เรียวสุเกะ ปั่นจักรยานไปตามถนนเส้นเล็กที่ทั้งสองข้างทางรายล้อมไปด้วยต้นซากุระที่เริ่มจะผลิดอกเป็นสีชมพูหวาน กิ่งก้านสาขาที่เอนเข้ามาเชื่อมตรงกลางของต้นไม้ทั้งสองฝั่ง ราวกับเป็นอุโมงค์ที่สวยงามของเทพนิยายสักเรื่องที่เคยผ่านตา เส้นทางที่มุ่งไปสู่โรงเรียนที่ร้างผู้คนกว่าที่คิด หรือว่านี่อาจจะเช้าเกินไปสำหรับการมาโรงเรียนของที่่นี่ก็ได้
เรียวสุเกะหยุดจักรยานบริเวณหัวมุมช่วงเลี้ยวขึ้นเนินเพื่อมองไปยังยอดภูเขาไฟฟูจิที่อยู่ห่างออกไป เขาเพิ่งย้ายมาอยู่ที่ฮาโกเน่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาในจังหวะเดียวกับช่วงเตรียมตัวขึ้น มัธยมปลาย ถ้าเทียบระหว่างที่นี่กับโตเกียวที่ตัวเองเคยอยู่มาทั้งชีวิต เขาเองก็คงไม่สามารถตอบได้ว่าขอบเขตที่ไหนมากกว่า สำหรับตัวเขาแล้ว อาจเรียกได้ว่าเป็นคนง่ายๆ ที่มองอะไรง่ายๆ ไม่มีอะไรที่เขาเกลียดเป็นพิเศษ และไม่มีอะไรที่ทำให้เขารักได้หมดใจเช่นกัน
ไม่ว่าอะไรก๋ไม่อยู่ในความสนใจ มองได้แต่ก็ไม่คิดมาก ทำได้แต่ก็ไม่โปรดปราน
เคยมีคนบอกว่า เป็นคนง่ายๆน่ะดีจะตาย แต่ว่ามันจะดีจริงๆน่ะหรือ.....
กริ๊ง...
สายลมในตอนเช้าพัดผ่านมาพาให้รู้สึกถึงความเหน็บหนาว แต่ความสนใจของเรียวสุเกะไม่ใช่ผ้าพันคอที่เริ่มหลุดรุ่ย เด็กหนุ่มก้มมองพรวนกระดิ่งขนาดเล็กที่ผูกไว้กับกระเป๋าซึ่งกำลังสั่นกระทบ กันไปมาตามแรงลม นิ้วยาวจับตัวกระดิ่งไว้มั่น แต่ทำไมเสียงที่น่าเงียบหายไปกลับยังกังวานชัดเจน
กริ๊ง...
เด็กหนุ่มละสายตากลับไปมองด้านหลัง สิ่งที่เห็นคือหญิงสาวในวัยเดียวกันกำลังยืนจ้องมาที่เขา ดวงหน้าอ่อนเยาว์และสายตาหวานคมที่กำลังมองมาทำให้เรียวสุเกะเผลอขมวดคิ้วตาม สายลมยามเช้าพัดพาเส้นผมสีน้ำตาลละเอียดไปพร้อมกับเปลือกตาบางของคนตรงหน้า กระพริบปริบ เหนือสิ่งอื่นใด พรวนกระดิ่งในกำมือของอีกคนกำลังสั่นสะเทือนเรียกความทรงจำเมื่อสี่ปีที่ แล้วให้หวนกลับมา
" เรียวสุเกะคุง /ยูมิกะจัง"
.
.
.
"เรียวสุเกะคุง/ยูมิกะจัง"
ทั้งคู่เอ่ยขึ้นพร้อมกันเป็นครั้งที่สองในขณะที่กำลังเดินเข้าประตูรั้ว โรงเรียนโดยเรียวสุเกะเป็นฝ่ายจูงจักรยานและมียูมิกะเดินเคียงข้างมาด้วยกัน อย่างเงียบๆ ตอนนี้เริ่มมีบรรดานักเรียนทยอยเดินทางกันมามากขึ้น แค่ชื่อเรียกขานที่ต่างก็เปล่งเสียงออกมาราวอุทานย้ำเตือนถึงสถานะความ สัมพันธ์ที่ทั้งคู่เคยมีให้กันมาก่อน คนที่ไม่ได้พบหน้ากันมาถึงสี่ปี แม้ช่วงเวลานั้นต่างก็ยังเป็นเด็กแค่ชั้นประถมกันทั้งคู่ แต่สำหรับเรียวสุเกะแล้วเขาไม่เคยลืมว่า คาวาชิม่า ยูมิกะ เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่งของเขา
"เรียวสุเกะคุงมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง" ยูมิกะเอ่ยถามก่อนพร้อมกับเงยหน้ามองอีกคนที่มัวแต่ยิ้มดีใจที่ได้เจอ กับเพื่อนสมัยเด็กจึงไม่ทันได้เห็นว่าคนที่ตัวเล็กกว่ากำลังเก็บพรวนกระดิ่ง เข้ากระเป๋าไปแล้ว
"ฉันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายถาม จู่ๆ ก็หายไป ยังจะมาแบ๊วถามตาใสแบบนี้หมายความว่ายังไงครับ คาวาชิม่าซัง"
เรียวสุเกะพูดพลางยิ้มอย่างเห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวไม่ได้ติดใจเอาความอย่างที่พูด มือยาวยกจับศีรษะคนตัวเล็กโยกไปมาอย่างที่ชอบทำเหมือนเมื่อก่อน ในขณะอาโออิได้แต่หลุบตามองเพียงปลายเท้าตัวเอง นึกไปถึงตอนนั้น เธอเองก็เกิดและเติบโตที่โตเกียวจนกระทั่งถึงประถมหก ความตั้งใจที่จะสอบเข้าชั้นมัธยมที่เดียวกับเรียวสุเกะสลายไปพร้อมกับการสูญเสีย หัวหน้าครอบครัวอย่างคุณพ่อผู้เป็นทุกอย่างของบ้าน ทำให้เธอและแม่ต้องย้ายกลับมาที่ฮาโกเน่ ที่ซึ่งเป็นบ้านเกิดของคุณแม่อย่างกะทันหัน
ไม่มีการเตรียมตัว.... ไม่มีแม้ซึ่งคำลา
และเธอเองก็ไม่คิดว่าจะได้มาเจอเรียวสุเกะที่นี่ ทั้งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้
"ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ ยูมิกะจัง ไม่ได้ตั้งใจจะว่านะ ก็แค่...แค่ "
คำพูดที่ขาดช่วงของคนตัวสูงทำให้ยูมิกะต้องเงยหน้าขึ้นมอง ม่านหมอกที่กระจายตามพรรณไม้เริ่มหายไปพร้อมกับเสียงเคลื่อนไหวของนักเรียนคนอื่น เสียงเจี๊ยวจ๊าวเหล่านั้นกลับไม่เข้าหูเมื่อยูมิกะได้สบตากับคนตรงหน้า พร้อมกับคำพูดที่เบาราวกระซิบ
"แค่...คิดถึง.."
ทั้งน้ำเสียงและสายตาที่ถ่ายทอดออกมาทำให้แก้มขาวแดงปลั่งขึ้นมา ทำให้คนตัวเล็กก้มหน้าก้มตาเดินทันที แม้จะเป็นเพียงเด็กไม่กี่ขวบ แม้จะผ่านมาแล้วถึงกี่ปี แต่คำพูดแบบนี้ใครบ้างจะไม่รู้สึก
"เราเข้าให้เรียนก่อนนะ"
ยูมิกะรีบพูดเร็วปร่ื๋อก่อนจะรีบเดินจ้ำอ้าวไปยังอาคารขนาดใหญ่ยาว ทิ้งเรียวสุเกะไว้กับความไม่เข้าใจว่าตัวเองพูดอะไรผิดไป เด็กหนุ่มเลิกคิ้วงงเพียงครู่ก่อนจะปั่นจักรยานไปไว้ยังโรงจอดรถด้านหลังของอาคารแล้วขึ้นไปยังห้องเรียนของตัวเองบ้าง หลังจากดูรายชื่อบนบอร์ดแล้ว เด็กหนุ่มก็นึกเสียดายที่ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับยูมิกะอย่างที่หวัง
แต่ไม่เป็นไร ยังไงก็ได้อยู่โรงเรียนเดียวกัน เดี๋ยวค่อยแวะไปหาก็ได้
คิดแล้วก็ยิ้มกับตัวเองพร้อมกับก้าวเข้าไปในห้อง 1- C แต่ในจังหวะที่กำลังจะก้าวเข้าไปก็พบว่ามีอีกคนที่กำลังจะเดินออกมาพอดีทำ ให้ทั้งคู่ต้องชะงักอยู่ตรงหน้าประตูพร้อมๆ กัน เรียวสุเกะกำลังจะเอ่ยขอโทษหากแต่สายตาแสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจนของคนที่ตัว เล็กกว่ามากทำให้เขาเลือกที่จะปิดปากเงียบ
เด็กหนุ่มก้าวหลีกไปทางซ้าย ในขณะที่อีกคนก็ขยับเท้าไปในทางเดียวกัน พอลองขยับไปทางขวาก็ดันขยับมาทางเดียวกันอีก
"เอ๊ะ..."
น้ำเสียงที่เริ่มจะฉุนมาพร้อมกับใบหน้าที่เชิดขึ้นสูง เรียวสุเกะก้มมองคนตัวเล็กที่สูงเฉียดแค่ไหล่ของเขาแล้วถอนหายใจ ใบหน้าน่ารักเกินเด็กผู้หญิงทั่วไปยิ่งทำจมูกเชิด ปากเชิดยิ่งดูเหมือนคุณหนูจากคฤหาสถ์หลังเขื่องมีพ่อบ้านเซบาสเตียนตามประกบ หน้าหลังก็ไม่ปาน
"เอางี้นะ" เรียวสุเกะพูดพร้อมกับใช้มือจับไหล่คนตัวเล็กไว้แล้วตัวเองก็ก้าวไปยังอีกทางที่ มีพื้นที่ว่างแล้วตบไหล่เล็กเบาๆ ก่อนจะยิ้มมุมปากให้แล้วเดินเข้าไปในห้อง จัดแจงเลือกที่นั่งข้างหน้าต่างที่ยังว่างเป็นของตัวเองไปเรียบร้อย
"มีอะไรรึเปล่า มิราอิ?"
"เปล่า.. ไม่มีอะไรหรอก"
ชิดะ มิราอิตอบเพื่อนที่รออยู่นอกห้องพลางเลื่อนสายตามองตามคนตัวสูงที่ตอนนี้กำลัง มองออกไปนอกหน้าต่าง เธอยักไหล่ไม่สนใจก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ
TBC.
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น