ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THE ANGEL WITH U [ SF ]

    ลำดับตอนที่ #5 : (T) +TWIN EP02 SICKER X EVE [120%]

    • อัปเดตล่าสุด 22 มี.ค. 64




    Twin


    Twin

    EPISODE 02 SICKER x EVE

               ถ้าหากว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเพียงแค่ความฝัน...

    เอวาก็พร้อมที่จะแลกทุกอย่างเพื่อให้มันเป็นเช่นนั้น

    ปัง...

    เสียงปิดประตูดังขึ้นเบา ๆ พร้อมกับที่ร่างของเธอไถลลงพื้น น้ำตาที่พยายามอัดอั้นไม่ให้มันไหลตลอดทางตอนนี้ไหลทะลักอาบแก้มทั้งสองข้าง เธอยกมือขึ้นมาปิดใบหน้าตัวเอง พยายามกั้นเสียงสะอื้นแม้รู้ดีว่าตอนนี้ไม่มีใครอยู่ในห้องนอกจากเธอคนเดียว

    ความรู้สึกผิดต่อพี่อีฟพุ่งเข้าหาเธอดั่งลูกศรที่พุ่งเข้าหาเป้าหมาย ทะลุทะลวงจนตอนนี้หัวใจเธอรู้สึกเจ็บปวดไปหมด เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้ชายคนนั้น ทำไมอยู่ ๆ เขาถึงทำกับเธอ.. ทั้งที่เธอไม่ใช่... แถมยังเป็นน้องสาวของแฟนเขา

    เอวาปาดน้ำตาบนแก้มของเธอทิ้งหลังจากที่เธอร้องไห้อยู่หลายนาที เธอดันตัวเองลุกขึ้นยืนแม้ว่ามันจะลำบากเพราะร่างกายของเธออ่อนล้าจนเกินจะทนรับไหวก่อนจะเดินไปที่ตู้เย็นหยิบขวดน้ำเปล่าที่มีขึ้นมาแล้วลวงเอาแผงยาคุมฉุกเฉินที่แวะซื้อที่ร้านขายยาวางเอาไว้บนโต๊ะ

    เธอมองมัน มือก็กุมขวดน้ำไว้แน่น ถึงมันอาจจะมีผลข้างเคียงต่อร่างกายของเธอแต่ถ้าหากเธอไม่ทานตอนนี้ มันอาจจะเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้นมาได้ และเธอก็ไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นแน่ ๆ เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นความผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัย และเธอก็จะไม่ยอมให้เรื่องนี้ไปถึงหูพี่อีฟเด็ดขาด มันจะเป็นความลับตลอดไป เธอไม่อยากให้พี่ต้องมารับรู้เรื่องที่น้องสาวฝาแฝดอย่างเธอทำกับแฟนของพี่เขา

    เอวาแกะเม็ดยาในแผงที่มีอยู่สองเม็ดออกมาเม็ดหนึ่งก่อนจะทานมันลงคออย่างรวดเร็ว เธอเก็บยาคุมฉุกเฉินใส่กระเป๋า เก็บหลักฐานให้เรียบร้อยก่อนที่พี่อีฟจะกลับมาสังเกตเห็นจากนั้นเธอก็เดินเข้าไปอาบน้ำ เอวามองดูร่างกายของเธอบนกระจก ร่องรอยช้ำจากฝีมือของเขาปรากฏให้เห็นบนร่างเธออย่างเห็นได้ชัด และมันทำให้เธอนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นแค่ไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา

    “ไม่เป็นไร... เธอจะไม่เป็นไร เอวา..”

    ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันจะเป็นความลับ... และมันจะไม่มีทางเกิดขึ้นอีกเด็ดขาด เธอสัญญา..

    หลังจากผ่านพ้นคืนที่ยาวนานมาอย่างยากลำบาก เพราะว่าเธอนอนไม่หลับและถึงจะหลับก็มักจะสะดุ้งตื่นทุกครั้ง ทำให้เช้าวันนี้เธอตื่นเช้ากว่าปกติ ในขณะที่พี่อีฟซึ่งเพิ่งกลับประมาณตีสามกว่า ๆ เพิ่งเดินออกมาจากห้องตัวเองด้วยท่าทางงัวเงียในตอนที่เธอเตรียมจะออกจากห้องไปเรียน และชุดพี่อีฟก็ไม่ได้เปลี่ยนตั้งแต่เมื่อคืนด้วย อาจเพราะไม่ไหวเลยไม่คิดจะอาบน้ำล่ะมั้งถึงได้นอนทั้งชุดแบบนี้ เธอมองพี่อีฟที่เดินไปนั่งลงบนโซฟา เปิดปากหาวพร้อมกับบิดขี้เกียจเพื่อขับไล่ความง่วงงุน ก่อนที่สายตาของพี่เขาจะหันมามองเธอ

    “ทานยาอะไรน่ะ”

    “..!!

    เอวาสะดุ้งเล็กน้อย ในตอนที่เธอกำลังแกะยาคุมฉุกเฉินเม็ดสุดท้าย เธออ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อยู่สักพักก่อนที่จะหลบสายตาพี่อีฟแล้วตอบคำถามพี่เขาไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

    “ยา..ยาพาราค่ะ เอวาไม่ค่อยสบาย...” พูดจบเธอก็รีบกลืนยาลงคอพร้อมกับที่กำแผงยาในมือแน่น

    “อ้าวเหรอ? แล้วเป็นไรมากมั้ย ปวดหัวรึเปล่า” พอบอกว่าไม่สบาย พี่อีฟก็กระเด้งตัวจากโซฟาเดินตรงมาหาเธอ ยกมือขึ้นมาทาบหน้าผากเพื่อวัดอุณหภูมิร่างกาย ความเป็นห่วงที่ถูกส่งออกมาทำให้เธอร้องไห้เมื่อนึกถึงสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไปเมื่อวาน

    ทั้ง ๆ ที่พี่อีฟเป็นห่วงเธอขนาดนี้ รักเธอมากกว่าใคร แต่เธอกลับทำร้ายจิตใจพี่เขาแทน..

    “เอ้า! แล้วจะร้องไห้ออกมาทำไมล่ะฮึ ปวดหัวใช่มั้ยเนี่ย”

    “ปะ..เปล่าค่ะ แค่..แค่...”

    เอวากลืนก้อนสะอึกลงคอ เธอพูดอะไรไม่ออกเพราะมันแสบคอไปหมด ยิ่งพี่อีฟเข้ามากอดปลอบให้เธอหยุดร้องไห้ก็ยิ่งทำให้เธออยากจะร้องไห้มากกว่าเดิม เอวาพยายามที่จะห้ามน้ำตาตัวเองไม่ให้ไหลเพื่อไม่ให้พี่อีฟผิดสังเกต เธอรีบเช็ดน้ำตาลวก ๆ ก่อนจะส่งยิ้มให้พี่อีฟเพื่อบอกว่าเธอยังโอเค ไม่ได้เป็นไรมาก

    “ไปเรียนไหวแน่นะ ถ้าเกิดเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาจะทำไง” พี่อีฟเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

    “ไหวค่ะ... แค่ช่วงเช้าเอง ตอนบ่ายก็ไม่มีแล้ว”

    “เฮ้อ... เอวานะเอวา”

    พี่อีฟผลักหน้าผากของเธอเบา ๆ เมื่อเธอดื้อดึงที่จะเข้าเรียนไม่ยอมพักผ่อนอยู่บ้าน แต่จะให้ทำไงได้เพราะวันนี้เธอต้องเข้าเรียนจริง ๆ สุดท้ายพี่อีฟก็มาส่งเธอหน้าหอพักก่อนที่จะกลับขึ้นไปบนห้อง ส่วนเธอก็เป่าปากออกมาด้วยความรู้สึกโล่งอกที่พี่อีฟจับโกหกไม่ได้

    “ขอโทษ...”

    เอวาเอ่ยขอโทษเบา ๆ เมื่อต้องปกปิดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานและพลอยต้องมาสร้างเรื่องโกหกขึ้นมาอีก แต่เพื่อที่จะต้องรักษาความลับ ผลก็ต้องออกมาในรูปแบบนี้

    คือเธอจะต้องโกหกต่อไป...

    หลังจากนั้นเธอก็เข้าเรียนตามปกติ ทุก ๆ อย่างยังเหมือนเดิม จนกระทั่งเธอเหลือบไปเห็นอาจารย์อรขึ้นมาในช่วงพักกลางวัน นั่นทำให้เธอเพิ่งนึกขึ้นได้ถึงเรื่องใบสมัครโครงการแลกเปลี่ยนที่โจเซฟ แถมวันนี้ตอนเช้าเธอก็ยังไม่ได้คุยกับพี่อีฟถึงเรื่องนี้ด้วย

    เอาไงดีล่ะ.. หรือเธอจะตอบตกลงอาจารย์ดี

    เธอขยับแว่นตาขึ้นพลางขบคิดถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับโครงการนี้ ทั้ง ๆ ที่เมื่อวานเธอพูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่าเธอจะไม่เข้าร่วมเด็ดขาด แต่หลังจากผ่านเหตุการณ์เมื่อวานทำให้เธอต้องกลับมาคิดใหม่

    เขาคนนั้นเรียนอยู่ที่นี้ เป็นแฟนกับพี่อีฟ และมันต้องมีโอกาสได้เจอกันแน่ ๆ ไม่ว่าจะทางใดทางหนึ่ง เพราะขนาดที่พี่อีฟยังไม่ได้คบกับเขาคนนั้น เธอยังมีโอกาสได้เดินผ่านเลย เธอไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ว่าเมื่อวานเขารู้ตัวรึเปล่าว่าผู้หญิงที่เขา... เออ.. เป็นพี่อีฟแฟนของเขา เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นมันก็ดี แต่ถ้าไม่ใช่เธอก็ไม่อยากจะคิดแล้วมันผลที่ตามมาจะเป็นยังไง

    เอวาเม้มริมฝีปากเมื่อหัวสมองพาให้ไปนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานขึ้นมา สัมผัสของเขา น้ำเสียงของเขาที่ดังใกล้หู ร่องรอยที่เขาทิ้งไว้จนเธอต้องใส่เสื้อกันหนาวแขนยาวตัวบาง ๆ มาใส่ ทุก ๆ อย่างเหมือนว่ามันเพิ่งเกิดขึ้น และมันทำให้เธอรู้สึกร้อนผ่าวบริเวณที่เขาทิ้งรอยช้ำเอาไว้จนเธอต้องรีบสะบัดหัว ไล่ภาพพวกนั้นออกไปให้หมด และตัดสินใจได้สักทีว่าจะเอายังไงกับโครงการแลกเปลี่ยนที่มหาลัยโจเซฟ

    นั่นคือเธอจะเข้าร่วมโครงการนี้

    ทว่าในตอนที่เอวาค้นหาใบสมัครที่เก็บไว้ในกระเป๋า เธอกลับไม่พบมันเลยแถมหายไปทั้งแฟ้มเลยด้วย เธอเทของทุกอย่างในกระเป๋าลงบนโต๊ะแต่ก็ไม่พบอยู่ดี สุดท้ายเธอเลยต้องมาพบอาจารย์อรโดยไม่มีใบสมัคร ทันทีที่อาจารย์ได้ยินว่าเธอจะเข้าร่วมโครงการนี้ก็ยิ้มกว้างด้วยความดีใจเลยล่ะ ก่อนที่จะบอกให้เธอนั่งรอในห้อง

    “รออยู่นี่ล่ะกัน เดี๋ยวฉันไปเอาใบมาใหม่ให้”
                แล้วอาจารย์อรก็เดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว เอวานั่งหมุนเก้าอี้ฆ่าเวลาพลางก็มองรอบ ๆ ห้องพักของอาจารย์ไปด้วย เธอรู้จักกับอาจารย์อรช่วงปีแรก ๆ ตอนที่เข้ามาเรียนที่ยูเรสเค อาจารย์คนนี้ถือว่าเป็นที่รู้จักของใครหลาย ๆ คน นักศึกษาที่นี้ก็ให้ความเคารพกันเยอะ

    เอวาหยุดหมุนเก้าอี้ เธอขยับเท้าเลื่อนเก้าอี้ที่มีล้อลากไปใกล้ ๆ โต๊ะอาจารย์เพราะเห็นมีกรอบรูปสองสามอันที่ตั้งไว้บนโต๊ะ มองจากมุมเธอเห็นไม่ค่อยชัดเท่าไหร่นัก แต่ก็พอรู้ ๆ ว่าน่าจะเป็นหลานของอาจารย์ล่ะมั้ง เพราะว่าจารย์อรโสดยังไม่มีใครเพราะงั้นก็ไม่น่าจะมีลูกแน่ ๆ แล้วเธอก็ได้ยินมาบ้างว่าอาจารย์อรมีหลานชายอยู่คนหนึ่ง

    เธอขยับแว่นตาเล็กน้อยพลางหรี่ตาเพื่อที่จะพยายามมองรูปภาพให้ชัด ๆ ก่อนที่เธอจะรีบเด้งตัวกลับเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูพรวดพราดเข้ามา เธอคิดว่าเป็นอาจารย์อรที่เข้ามาจึงลุกขึ้นยืนแล้วหันไปมองแต่เธอคิดผิด เพราะคนที่เข้ามาในห้องนี้ไม่ใช่อาจารย์ แต่เป็นผู้ชายคนนั้น... คนที่เธอไม่อยากจะเจอหน้าจนต้องมาลงชื่อเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนที่มหาลัยโจเซฟ

    เขามาทำอะไรที่นี้

    “คุณ...”

    เอวากลืนน้ำลายลงคอเมื่อรู้สึกคอเธอแห้งขึ้นมาดื้อ ๆ เธอตกใจที่อยู่ ๆ ซีกเกอร์ก็โผล่เข้ามา เขามองมาที่เธอก่อนที่จะก้าวมาหาเธอและนั่นทำให้เธอสะดุ้ง หันซ้ายหันขวาเพื่อที่จะหาทางหลีกหนีเขา

    ช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานสำหรับเธอ ในที่สุดอาจารย์อรก็เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับใบสมัครในมือ อาจารย์อรดูจะแปลกใจนิดหน่อยที่เห็นซีกเกอร์อยู่ในห้องนี้ด้วย พลางหันมามองเธอที่ยืนแข็งทื่อยังไม่ได้ขยับตัวหนีไปไหน

    “มาหาอีฟงั้นเหรอ ซีกเกอร์”

    อาจารย์อรถามพลางเดินกลับมานั่งที่เก้าอี้ประจำ ในขณะที่ซีกเกอร์เดินมาหยุดตรงหน้าโต๊ะ และเป็นเธอที่เป็นฝ่ายขยับตัวหนีให้ออกห่างจากเขา

    “นี่เอวา ฝาแฝดของอีฟ เธอมาหาผิดคนแล้วล่ะ”

    ใช่... เขาต้องมาหาผิดคนแน่ ๆ คนที่เขาควรที่จะไปหาควรที่จะเป็นพี่อีฟ ไม่ใช่เธอ

    เอวามั่นใจว่าซีกเกอร์ต้องมีการเข้าใจผิดแน่ ๆ บางทีเขาอาจกำลังตามหาพี่อีฟ ดังนั้นเธอจึงลอบถอนหายใจออกมาเงียบ ๆ อย่างโล่งอก และคิดว่าเขาคงจะเดินออกไปเอง ทว่าเขากลับไม่เดินออกไปแต่ยังยื่นมือมากุมข้อมือเธอไว้แน่น แถมยังพูดบางอย่างออกมาที่ทำให้เธอต้องหันไปมองเขาด้วยความตกใจ

    “ไม่ครับ ผมมาหาถูกแล้ว”

    มะ..เมื่อกี้ เขาพูดว่าไรนะ!?

    เอวาพยายามที่จะบิดข้อมือให้พ้นจากการเกาะกุมของซีกเกอร์ แต่เขาก็จับไว้ซะแน่นจนเธอทำอะไรไม่ได้ แถมเขายังหันมาดุทางสายตา บอกเป็นนัย ๆ ว่าให้เธอยืนอยู่นิ่ง ๆ นั่นเลยทำให้เธอก้มหน้างุดไม่กล้าทำอะไรอีก

    “ถ้างั้นรอให้เอวาเขียนใบนี้ก่อนค่อยพาไป”

    “ถ้าจะหมายถึงโครงการแลกเปลี่ยนบ้า ๆ นั่น ผมว่าป้าล้มเลิกเถอะ”

    “ซีกเกอร์”

    อาจารย์อรเอ่ยปรามซีกเกอร์กับท่าทีที่มีต่อโครงการแลกเปลี่ยนที่โจเซฟ แต่นั่นมันไม่ใช่ประเด็นที่ทำให้เธอเงยหน้ามองใบหน้าด้านข้างของเขา แต่เป็นเรื่องที่เขาเรียกอาจารย์อรด้วยสรรพนามที่ต่างออกไปต่างหากรวมถึงเรื่องที่เขารู้ด้วยว่าเธอจะเข้าร่วมโครงการนี้

    เดี๋ยวนะ... อย่าบอกนะว่าเขาเป็นหลานชายแท้ ๆ ของอาจารย์อรน่ะ!

    “ถึงเธอจะไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้ แต่พ่อเธออนุมัติแล้วนะ และมันก็ดำเนินการใกล้เสร็จแล้วด้วย ถ้าจะให้ล้มเลิกตอนนี้คงไม่ได้ เธอต้องเข้าใจสิ”

    “เฮอะ...”

    “อีกอย่าง เอวาก็ยอมที่จะเข้าร่วมโครงการนี้แทนอีฟ ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ เธอจะมาขวางทำไมฮึ” คราวนี้เอวามองเห็นว่าเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ท่าทางดูแปลกใจกับเรื่องที่ได้ยินแต่ก็เพียงแปบเดียวเขาก็กลับไปเป็นสีหน้าราบเรียบตามเดิม

    “ป้าอรมองหาคนใหม่ดีกว่า ผู้หญิงคนนี้คงไม่ได้”

    “...!!” อีกครั้งที่เอวาต้องหันไปมองซีกเกอร์ด้วยความตกใจ เมื่อเขาเป็นคนออกปากไม่ให้เธอเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนกับอาจารย์อรตรง ๆ

    เดี๋ยวนะ! มันต้องมีการเข้าใจผิดกันแน่ ๆ

    “ไม่ได้ซีกเกอร์ ตอนนี้เหลือแค่คนเดียวก็ครบเป้าที่วางไว้ แล้วเอวาก็เป็นคนตัดสินใจเข้าร่วมเอง หรือเธอจะให้ป้าเรียกอีฟมาแทน”

    “ไม่นะคะอาจารย์”

    เอวารีบห้ามทันทีเมื่ออาจารย์หาทางออกโดยการเรียกพี่อีฟเข้าร่วมแทน ขืนทำอย่างนั้นก็เท่ากับว่าส่งพี่อีฟไปที่มหาลัยโจเซฟส่วนเธอก็ต้องอยู่ที่นี้น่ะสิ แล้วเขาจะยอมงั้นเหรอ? ไม่มีทางอะ เขาไม่มีทางยอมให้แฟนตัวเองไปอยู่มหาลัยคู่อริแน่นอน

    “เห็นไหมซีกเกอร์ เจ้าตัวเขาปฏิเสธไม่ให้อีฟไป แล้วจะให้ป้าทำไง”

    “ถึงยังไงเธอคนนี้ก็ห้ามครับ”

    “ซีกเกอร์!” เพราะเขาดึงดันไม่ยอมท่าเดียวนั่นทำให้อาจารย์อรต้องขึ้นเสียงเล็กน้อย และพลอยทำให้เธอสะดุ้งไปด้วย

    ฮือ! ทำไมเธอถึงมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ขึ้นมาได้นะ

    “ขออนุญาตนะคะ หนูมาส่งงานค่ะ” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศที่เริ่มมาคุนิด ๆ ทำให้อาจารย์หยุดพูดกับซีกเกอร์แล้วหันไปคุยกับนักศึกษาผู้หญิงที่เข้ามาแทน เอวารู้สึกได้ว่าซีกเกอร์หันไปมองผู้หญิงคนนั้น เหมือนว่าเขาคิดอะไรบางอย่างอยู่ก่อนที่เขาจะกระตุกยิ้มมุมปากขึ้นนิด ๆ

    และเธอยอมรับเลยว่ารอยยิ้มเมื่อกี้ของเขาดูชั่วร้าย

    “ผมว่าผมหาคนมาแทนได้แล้ว... เธอคนนั้นไงครับ”

    “หื้อ? หมายความว่าไง”

    อาจารย์อรเลิกคิ้วนิด ๆ เมื่อเห็นว่าหลานชายตัวเองดูผ่อนคลายลง ต่างจากก่อนหน้านี้ที่เกือบจะทะเลาะกัน ส่วนเอวาก็มองไปมาระหว่างซีกเกอร์กับอาจารย์ ในใจตอนนี้เธออยากจะพาตัวเองหนีไปจากตรงนี้ใจจะขาดถ้าทำได้แต่ก็ติดตรงที่เขาจับข้อมือเธอไว้ไม่ยอมปล่อยนี่สิ ทำให้เธอขยับตัวไปไหนไม่ได้เลย

    “หวังว่าอาจารย์คงจะเห็นด้วยนะครับ งั้นผมขอตัวก่อน”

    หลังจากที่พูดจบซีกเกอร์ก็ลากตัวเอวาออกจากห้องแทบจะทันที โดยที่เธอไม่ทันจะได้พูดอะไรสักคำ แถมเธอก็อยากจะขอโทษผู้หญิงคนนั้นที่เข้ามาผิดเวลาจนทำให้ต้องเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนที่โจเซฟแทนเธอโดยที่ไม่เต็มใจ

    ซีกเกอร์ดึงตัวเธอออกมาทางอาคารชั้นสองแล้วมันต้องผ่านกลุ่มคนที่นั่งเล่นกันอยู่ เธอพยายามขืนตัวเองไม่ให้ไหลไปตามแรงของเขาแต่ก็สู้ไม่ไหว เขามีแรงมากเกินไป ไม่เหมือนคนที่เพิ่งฟื้นไข้มาเลยสักนิด สุดท้ายเธอก็ต้องรีบใช้มืออีกข้างถอดแว่นตาตัวเองออก พร้อมกับดึงยางมัดผมตัวเอง ปล่อยให้ผมสยายกลางหลังเพื่อทำให้เธอดูเหมือนพี่อีฟมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

    และก็โชคดีที่ไม่มีใครเอ่ยทัก หรือเพราะพวกเขาไม่กล้าก็ไม่รู้ นั่นทำให้ซีกเกอร์พาตัวเธอออกจากตึกได้อย่างง่ายดายและอย่างรวดเร็วจนตอนนี้เธอมาหยุดอยู่บริเวณตึกหนึ่งซึ่งห่างจากคณะของเธอพอสมควร และเขาก็ปล่อยข้อมือของเธอสักทีก่อนจะหันกลับมามองเธอ

    ซีกเกอร์ชะงักเล็กน้อยทันทีที่หันกลับมามอง เธอรู้ดีว่าทำไมเขาถึงชะงัก ก็เพราะเมื่อกี้เธอทำตัวเองให้เหมือนพี่อีฟน่ะสิ และเป็นเธอที่สวมแว่นตาในมือกลับไปใหม่ พร้อมกับเว้นระยะห่างจากเขาสามก้าว

    “คุณ.. มีธุระอะไรกับฉันรึเปล่า? ถ้าจะติดต่อกับพี่อีฟ ตอนนี้เธออยู่ที่ห้องค่ะ” เพราะว่าเขาเงียบแถมเอาแต่ใช้สายตาคมดุของเขามองมาที่ตัวเอง ทำให้เอวาต้องเป็นฝ่ายเอ่ยปากถามแทน ตอนนี้เธอทำตัวไม่ถูก ไม่กล้าสบตากับเขา แล้วก็อยากจะเดินหนีเขาสุดๆ เลยด้วย

    “เป็นแฝดกับอีฟสินะ”

    “ใช่... คุณไม่เคยรู้มาก่อนเหรอ”

    เอวาถามกลับแล้วก็อยากจะตบปากตัวเองจริงๆ ที่เผลอไปถามอย่างนั้นเข้า มันก็ไม่แปลกหรอกที่เขาจะไม่รู้ เพราะขนาดเพื่อนของเขาก็ไม่รู้เลย อีกอย่างพี่อีฟก็ไม่เคยป่าวประกาศว่าตัวเองมีแฝดอีกคนที่หน้าตาเหมือนกันมากด้วย

    เธอรู้สึกได้ว่าซีกเกอร์มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะวกกลับมามองหน้าเธออีกครั้ง แล้วเป็นเธอที่สะดุ้งตกใจเมื่ออยู่ ๆ เขาก้าวเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็วในสองก้าวของเขา ทั้ง ๆ ที่เธอเว้นระยะพอสมควรแล้วนะ แต่เขาก็เข้ามาถึงตัวเธออย่างไว

    “เมื่อวาน...”

    “...!!

    “ฮึ.. ท่าทางตกใจแสดงว่าเป็นเธอจริง ๆ ที่อยู่กับฉัน”

    คราวนี้สิ่งที่เธอไม่อยากจะคิด หากว่าผู้ชายตรงหน้าจำได้ว่าเมื่อคืนเธออยู่ด้วยสุดท้ายมันก็เกิดขึ้นจนได้ เธออึกอักไม่รู้จะแก้ตัวยังไง ยิ่งเขาไล่ต้อนเธอก็ยิ่งจนมุมและตอนนี้แผ่นหลังของเธอก็แตะเข้าที่กำแพงในที่สุด

    ผู้ชายคนนี้จำได้... เขาจำมันได้...

    เอวาเม้มริมฝีปากเมื่อหัวสมองของเธอกำลังย้อนให้เธอนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน ความรู้สึกผิดต่อพี่อีฟถาโถมเข้าหาเธออีกครั้งจนเธอรู้สึกแสบจมูกไปหมดแล้วไหนจะขอบตาที่เริ่มรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาอีก เอวาต้องใช้แรงเท่าที่มีพยายามกั้นไม่ให้ตัวเองร้องไห้พร้อมกับที่ต้องพูดกับเขาโดยที่ไม่ให้เสียงตัวเองสั่นเครือจนฟังไม่รู้เรื่อง

    ในเมื่อเขาจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้น... ก็มีอย่างเดียวที่เธอจะทำได้ในตอนนี้..

    “ฉัน.. ฉันขอร้องนะคะ... คุณอย่าบอกพี่อีฟได้มั้ย”

    “...”

    “เมื่อวานมันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ เพราะว่าคุณ... คุณ...” พอถึงประโยคนี้เธอก็ติดขัดเพราะไม่รู้จะพูดยังไงออกไปดี และเป็นเขาที่เป็นคนต่อประโยคมาให้อย่างใจดี

    “มีเซ็กส์กับเธอ” ฮือ! นั่นมันก็ตรงไปมั้ย

    “ชะ..ใช่... เออ..คุณช่วยลืมคืนนั่นไปได้ไหม ฉันจะไม่บอกอะไรพี่อีฟเลยนะ”

    “แต่เมื่อคืนฉันไม่ได้ป้องกัน...”

    เรื่องนี้เธอรู้...รู้ว่าเขาไม่ได้ป้องกัน ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ซื้อยาคุมมาทานหรอก

    เอวาเม้มริมฝีปากตัวเองรู้สึกคอแห้งขึ้นมาจนต้องกลืนน้ำลายลงคอแล้วเงยหน้าขึ้น รวบรวมความกล้าเพื่อที่จะมองตาของเขาก่อนจะขยับปากพูดกับเขาต่อ

    “เรื่องนั่น... ฉันทานยาคุมฉุกเฉินแล้ว..”

    “...”

    ซีกเกอร์ยังคงมองมาที่เธอแต่เขาไม่ได้พูดอะไรอีกแล้วก็เป็นฝ่ายขยับถอยห่างออกไป นั่นทำให้เธอรู้สึกโล่งใจแทบจะทันทีที่คุยกับเขารู้เรื่อง ถ้าเธอไม่พูดแล้วเขาก็ไม่บอกพี่อีฟ เรื่องมันก็จะเป็นความลับ แล้วในที่สุดเรื่องนี้มันก็หายไปเอง

    ใช่.. เธอคิดไว้ว่ามันจะเป็นแบบนั้น

    “เธอลืมของไว้ที่ห้องฉัน”

    “คะ?

    เอวาเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้ง แล้วก็พบเขาหันหลังให้ตัวเองและเหมือนว่าจะเดินไปจากตรงนี้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็พูดอีกประโยคหนึ่งให้เธอได้ยิน

    “หรือฉันควรโทรหาพี่สาวเธอดีให้มารับของของเธอที่ห้อง”

    “...!!

    เดี๋ยวสิ! นั่นก็ไม่ได้เป็นการบอกว่าเธอเคยไปที่ห้องเขาไม่ใช่เหรอ!?

    เอวาอ้าปากค้างเมื่อวิเคราะห์คำพูดของเขา ถ้างั้นเมื่อกี้เธอก็เข้าใจผิดน่ะสิว่าคุยกับเขารู้เรื่อง ทั้งที่จริงแทบไม่รู้เรื่องต่างหากแถมเขาก็ไม่ได้เอ่ยปากยอมทำตามคำขอของเธอด้วย บ้าเอ้ย! เธอนี่มันโง่ชะมัด คิดเองเออเองว่าเขาจะยอมตกลง และก่อนที่เธอจะทึ้งผมตัวเองไม่ก็เอาหัวไปกระแทกกับกำแพงสักทีสองทีให้หายโง่ เธอก็เห็นว่าซีกเกอร์หันหน้ามาหาเธอพร้อมกับที่โทรศัพท์หาใครสักคน

    “เฮ้.. อีฟ นี่ฉันเอง”

    เขา... เขาโทรหาพี่อีฟเหรอ!?

    หมับ!

    เอวารีบวิ่งไปคว้าแขนข้างหนึ่งของเขาอย่างลืมตัวเพราะความสนใจของเธอพุ่งไปที่เขาโทรหาพี่อีฟเกือบหมด ซีกเกอร์ปรายตามองมาที่เธอเล็กน้อยและเธอก็เห็นเขากระตุกยิ้มที่มุมปากด้วย รอยยิ้มแบบเดียวที่เธอเห็นในห้องพักอาจารย์อรเลย

    เขาคิดจะทำอะไรน่ะ?

    “เมื่อวาน...”

    “...!” ไม่นะ! เขาคงไม่พูดอะไรออกไปใช่มั้ย

    “เธอ... ไปอยู่ไหนมา โทรไปก็ไม่รับ” ดูเหมือนว่าเขาจะสนุกที่เห็นว่าเธอหน้าซีดขึ้นเรื่อย ๆ เพราะกลัวว่าเขาจะหลุดปากพูดเรื่องนั้นออกมา ก่อนที่เอวาจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ดังนั้นเธอเลยรีบปล่อยแขนของเขาพร้อม ๆ กับที่กระโดดถอยหลังหนีเพื่อรักษาระยะห่าง แต่ก็ไม่ได้ไกลมากจนไม่ได้ยินบทสนทนาระหว่างเขากับพี่อีฟ

    “อยู่บ้านงั้นเหรอ... ไม่มีอะไรหรอก”

    ซีกเกอร์เลิกคิ้วเล็กน้อยซึ่งเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น เธอไม่ได้ยินเสียงพี่อีฟหรอก เลยไม่รู้ว่าพี่อีฟพูดอะไร แต่ต่อมาเขาก็เป็นฝ่ายวางสายแล้วมองมาที่เธออีกครั้ง

    “สงสัยพี่เธอคงไม่ได้มาห้องฉันแล้วล่ะ”

    “...”

    “แต่ของของเธอน่ะ ถ้าเธอไม่ไปเอาเองวันนี้ ฉันจะเรียกให้พี่เธอไปเอา”

    “คุณทำอย่างนั้นไม่ได้นะคะ!

    “งั้นก็มาที่ห้องฉัน”

    เอวาเม้มริมฝีปากเมื่อเขาหาทางออกให้ ซึ่งสำหรับเธอมันดูไม่เหมือนทางออกเลยสักนิด เธอไม่อยากไปที่ห้องของเขา ไม่อยากไปยุ่งเกี่ยว ทางที่ดีคือไม่ต้องเจอกันนั่นแหละ คือสิ่งที่เธอต้องการมากที่สุด

    แต่เหมือนว่ามันจะไม่เป็นอย่างที่เธอหวังไว้เลย

    เธอเห็นว่าเขายักไหล่อย่างไม่ยี่หระ ทำเหมือนกับว่ามันไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา ทั้งที่เขาก็น่าจะรู้ผลที่ตามมาว่าถ้าหากเรียกพี่อีฟไปที่ห้อง แล้วพบข้าวของของเธออยู่ในนั้น พี่อีฟก็ต้องถามแน่ ๆ แล้วถ้าเกิดความแตกขึ้นมา พี่อีฟก็อาจจะบอกเลิกกับเขาก็ได้

    ทำไมเขาถึงไม่คิดผลลัพธ์ที่ตามมานะ หรือว่าเขาไม่ได้คิดจริงจังกับพี่อีฟ?

                พอคิดมาถึงตรงนี้เอวาก็เริ่มไม่มั่นใจ เธอรู้ว่าพี่อีฟคบกับเขาได้สองอาทิตย์แล้วแต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่ของเธอจริงจังกับคน ๆ นี้รึเปล่า แต่ถ้าเกิดพี่อีฟจริงจังแต่เขาไม่ล่ะ... เพราะเท่าที่เห็นเธอก็เห็นว่าเขาดูจะไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลยสักอย่างเลย

                “จะมาหรือไม่มา”

                เอวาสะดุ้งเล็กน้อย หลุดออกจาภวังค์ความคิดเมื่อกี้ เมื่อซีกเกอร์เอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง เธอเม้มริมฝีปากตัวเองพลางขยับแว่นตา ในหัวสมองก็กำลังชั่งน้ำหนักว่าจะเอายังไงดีก่อนที่จะตัดสินใจไปเอาของที่ห้องของเขาเมื่อคิดดีแล้ว

                เอวายอมติดรถของซีกเกอร์เพื่อไปห้องของเขา เธอนั่งตัวเกร็งตลอดทางเพราะรถของเขามันดูแพงเอามาก ๆ กลิ่นภายในรถบ่งบอกได้เลยว่าเขาเพิ่งถอยออกมาแน่ ๆ เพราะกลิ่นของใหม่ลอยเข้ามาแตะจมูกทันทีที่เปิดรถขนาดนี้ นั่นเลยทำให้เธอไม่กล้าขยับตัวเพราะว่ากลัวว่าจะทำรถของเขาเป็นรอย

                ซีกเกอร์ใช้เวลาไม่นานก็ขับมาถึงคอนโดของเขา เอวารีบปลดสายเข็มขัดนิรภัยก่อนจะลงออกจากรถแล้วเดินตามหลังเขาไปเงียบ ๆ ตั้งแต่ที่เธอตอบตกลงว่าจะมาเอาของเอง เธอก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย ซีกเกอร์ก็เช่นกัน เขาเงียบตลอดทาง ไม่ได้ปรายตามองเธอด้วยซ้ำ ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกดีนิดหน่อยที่ไม่ต้องมาอึดอัดกับสายตาดุ ๆ ของเขาที่จ้องมาที่เธอ

                เอวาก้มหน้าก้มตาเดินตามหลังเขาจนมาถึงห้อง พอเธอเข้าไปก็พบว่าสภาพห้องของเขายังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อวาน เธอหยุดยืนอยู่หน้าประตูในขณะที่เจ้าของห้องเดินไปนั่งโซฟา ยกขาสองข้างยาว ๆ เหยียดบนโต๊ะข้างหน้า

                “แล้ว... แล้วของของฉันล่ะคะ”

    เธอเอ่ยถามเขา เพราะเธอกวาดสายตาแล้วไม่พบอะไรที่เป็นของของเธอเลย

    “อยู่ในห้องนอน” พอเขาบอกโดยที่ไม่ได้ปรายตามองมาที่เธอเพราะเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดอะไรสักอย่างอยู่ เธอก็รีบตรงไปที่ห้องนอนของเขาอย่างรวดเร็ว ห้องที่เธอเคยเข้ามาแล้วครั้งหนึ่ง เธอกวาดสายตามองก็พบแฟ้มของเธอที่หายไปวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง

    ก็ว่าทำไมถึงหาไม่เจอ ที่แท้มันก็หล่นอยู่ที่นี้เอง

    เอวาก้าวขาเดินไปหยุดหน้าโต๊ะ ก้มหยิบแฟ้มขึ้นมาพร้อมกับเปิดดูว่ามีเอกสารอะไรหายอีกรึเปล่า เพราะในแฟ้มนี้ก็มีใบงานที่เธอต้องส่งอาจารย์อยู่ด้วย เธอใช้เวลาหาแปปเดียวก็พบว่าใบงานที่ต้องส่งไม่หาย แต่มีหายอยู่ใบเดียว นั่นก็คือเอกสารสมัครเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนที่มหาวิทยาลัยโจเซฟ

    เดี๋ยวนะ... หรือว่าเขาเห็นมัน ถึงได้... โผล่พรวดเข้ามาตอนนั้น?

    เธอขมวดคิ้วเมื่อคิดถึงตรงนี้ก่อนที่จะสะบัดความคิดนั้นทิ้งไป จะยังไงก็ช่างเถอะ ตอนนี้คือต้องรีบออกไปจากห้องของเขาให้เร็วที่สุด นั่นล่ะคือสิ่งที่เธอควรทำตอนนี้

    “ไอ้เวร! กูก็ว่าทำไมถึงมียานั่นในห้องกู” ทันทีที่เอวาเดินออกมาจากห้องนอนของเขา เธอก็อดสะดุ้งตกใจกับคำพูดห่ามๆ ของซีกเกอร์ไม่ได้ โอเค.. เธอก็เคยได้ยินเพื่อน ๆ คุยกันแบบหยาบ ๆ มาบ้าง แต่นั่นมันก็แค่สำหรับผู้หญิงที่เธอได้ยิน แต่กับเพื่อนผู้ชายเธอแทบไม่มีและไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวด้วย ก็พอรู้อยู่บ้างว่าพวกเขาไม่ได้โกรธกันแต่เป็นการพูดคุยปกติสำหรับพวกเขา ถึงอย่างนั้นก็เถอะ พอมาเจอเข้าจัง ๆ มันก็อดรู้สึกตกใจขึ้นมาไม่ได้จริง ๆ

    เอวาผ่อนลมหายใจออกมา ดันแว่นตาตัวเองที่ตกลงมาเล็กน้อยกลับเข้าที่ ก่อนจะพยายามก้าวเท้าเดินออกจากห้องนี้ให้เงียบที่สุด เธอไม่อยากไปรบกวนสมาธิของเขา ยังไงตอนนี้เธอก็ได้ของกลับมาแล้ว ฉะนั้นก็ไม่มีอะไรที่ต้องข้องเกี่ยวกันอีก ดังนั้นเธอรีบออกไปจากที่นี้ให้เร็วที่สุดจะเป็นการดีมาก

    “นั่นเธอจะไปไหน?

    มือที่กำลังยื่นไปเปิดประตูต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากทางด้านหลัง เธอรู้ทันทีว่าเขาไม่ได้คุยกับเพื่อนในสายโทรศัพท์แต่เรียกเธอต่างหาก เอวากลืนน้ำลายลงคอ พยายามรวบรวมสติให้กลับมาแล้วหันไปเผชิญหน้า แล้วก็พบว่าเขาลุกขึ้นจากโซฟาเดินตรงมาหาเธอ แต่ในมือก็ยังถือสายโทรศัพท์เอาไว้

    “กูไม่ได้พูดกับมึง ยูเรนัส”

    ซีกเกอร์หันกลับไปพูดกับเพื่อน ก่อนที่เขาจะคว้าข้อมือเธอไว้แล้วลากกลับไปนั่งโซฟาที่ที่เขาเพิ่งลุกมาตามเดิมโดยที่เธอติดมาด้วย เอวาถูกเขาดึงให้นั่งลง พอเธอเริ่มดิ้นเขาก็หันมาส่งสายตาดุทันทีนั่นเลยทำให้เธอต้องนั่งนิ่ง ๆ

    “กูไม่รู้ว่ากูกินไปเท่าไหร่ ทีหลังมึงไม่ต้องมาทิ้งของของมึงไว้ที่ห้องกูอีกนะ”

    เธอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำด่าที่หลุดออกมาจากปากซีกเกอร์ ตอนนี้เธอแทบจะร้องไห้อยู่แล้วเพราะกลัวเขาจะระเบิดอารมณ์ใส่เธอ

    ฮือ! ทำไมเขาต้องพูดจากันรุนแรงด้วยนะ

    ผ่านไปสักพักไม่ถึงห้านาที ซีกเกอร์ก็วางสายจากเพื่อนของเขาที่ชื่อว่า ยูเรนัส ไม่รู้ว่าเขาคุยกันเรื่องอะไรกัน แต่เท่าที่รู้คือซีกเกอร์ดูโมโหมาก ๆ และมันทำให้เธอกลัวจนไม่กล้าจะหายใจเสียงดังเลย

    “เออ... คุณให้ฉันไปได้ยังคะ?” เธอถามทันทีพอเขาวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะตรงหน้า

    “ยัง”

    เขาตอบกลับมาอย่างรวดเร็วแบบที่ไม่ได้แวะคิดอะไรเลยสักนิดเดียว เอวามองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจก่อนจะเป็นฝ่ายหลบสายตาแทนเมื่อเขามองกลับ เธอยังไม่มีความกล้าบ้าบิ่นพอที่จะจ้องตาเขากลับด้วยอารมณ์อยากจะข่วนหน้าเขาให้เป็นรอยสักแผลสองแผล

    ขืนจ้องเขาด้วยสายตาหาเรื่องมีหวังเธอเองแหละที่จะเป็นฝ่ายเจ็บตัวแทน

    “เมื่อคืนเธอให้ฉันดื่มน้ำนี่ใช่มั้ย” แล้วอยู่ ๆ ซีกเกอร์ก็เอ่ยถามขึ้นมาพร้อมกับเอาขวดน้ำเปล่าโยนมาให้เธอรับจนเธอเกือบรับไว้ในมือไม่ทัน เธอเลิกคิ้วมองเขาอย่างไม่เข้าใจกับคำถามนัก ก่อนจะก้มมองดูขวดน้ำในมือ ซึ่งมันก็เป็นขวดน้ำเปล่า ๆ

    “มันก็มีแค่ขวดเดียวในตู้เย็นของคุณ... ถ้าไม่มีน้ำคุณจะทานยาลดไข้ยังไง” เธอตอบเขาไปพร้อมกับที่ถามเขากลับไปด้วย “คุณไม่รู้ตัวเหรอว่าเมื่อวานตัวคุณร้อนมาก”

    “แล้วรู้มั้ย? มันไม่ใช่แค่น้ำเปล่า”

    “คะ?

    เอวาเลิกคิ้ว สงสัยกับประโยคเมื่อกี้ของเขา จะบอกว่าขวดน้ำในมือเธอตอนนี้ไม่ใช่น้ำเปล่าที่ดื่มกันปกติอย่างนั้นเหรอ ทั้ง ๆ ที่มันก็เหมือนน้ำดื่มทั่วไปด้วยซ้ำ ก่อนที่เธอจะเป็นฝ่ายสะดุ้งขึ้นมาเมื่อซีกเกอร์ยื่นมือมาถอดแว่นตาของเธอออก

    “คุณ..คุณจะทำอะไรน่ะ”

    “สายตาสั้น”

    “คะ?

    เอวาไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด และเหมือนเขาจะดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่ต้องพูดซ้ำ ดูได้จากสีหน้าของเขาเธอก็รู้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยอมที่จะขยายความคำพูดเมื่อกี้ของเขาให้ฟัง

    “ฉันถามว่าเธอสายตาสั้นงั้นเหรอ”

    “ปละ..เปล่า แค่ใส่ไว้ คนอื่นมักทักผิดว่าฉันเป็นพี่อีฟ”

    “...”

    ซีกเกอร์ขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น ส่วนเธอก็ถอยหนีเขาเรื่อย ๆ จนหลังของเธอติดกับพนักแขนโซฟา และมันทำให้เธอขยับถอยห่างกว่านี้ไม่ได้อีก แต่ก็ยังดีที่เขาไม่ได้ขยับเข้ามาใกล้อีกเมื่อเห็นว่าฉันถอยหนีไปไหนไม่ได้ ก่อนที่เขาจะเริ่มพูดกับเธออีกครั้ง

    “เรามาตกลงกันมั้ย”

    “คะ?...”

    คราวนี้เธอเห็นว่าเขากระตุกยิ้มที่มุมปากอีกครั้ง รอยยิ้มที่ทำให้เธอรู้สึกขนลุกขึ้นมาเฉย ๆ ทั้งที่ในห้องก็ไม่ได้หนาวเลย แถมเธอยังรู้สึกถึงลางสังหรณ์อันตรายบางอย่างที่คืบคลานเข้ามาใกล้ ๆ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังอยู่เฉย เพราะเธอไม่รู้ว่ามันจะมาในรูปแบบไหน และเธอก็ไม่มั่นใจเลยว่าตัวเองจะหนีพ้นรึเปล่าด้วย

    “ฉันจะไม่บอกเรื่องที่เรามีอะไรกันกับพี่ของเธอ”

    “จริงเหรอคะ!? คุณจะไม่บอกจริง ๆ นะ” ตาของเธอเป็นประกายขึ้นมาทันที เมื่อซีกเกอร์รับปากว่าจะไม่บอก ความกังวลก่อนหน้านี้ละลายหายไปหมด แต่มันก็เพียงแปบเดียวเพราะประโยคต่อมาจากปากของเขาทำให้เธอถึงกับพูดอะไรไม่ออก

    “ถ้าเธอยอมเป็นคู่นอนให้ฉัน”

    “...!!

    เอวามองหน้าเขาด้วยสีหน้าตกใจสุดขีดกับประโยคเมื่อกี้ที่เขาพูด เมื่อกี้มันอะไร? เขาพูดเรื่องบ้าอะไรกัน!? คู่นอนงั้นเหรอ... ยอมเป็นคู่นอนให้กับเขาเพื่อที่จะปิดเรื่องนั่นไม่ให้พี่อีฟรู้เนี่ยนะ!

    “คุณจะบ้ารึไง! ฉันเป็นน้องสาวแฟนของคุณนะ!

    “แล้วไง?

    “คุณ!

    เอวาตัดสินใจยกมือผลักเขาให้ถอยออกไปห่าง ๆ  เธอรีบลุกขึ้นแล้วเดินหนีไปให้พ้นจากห้องผู้ชายคนนี้ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพี่อีฟจะมาชอบเขาได้ เขามันเลวกว่าแฟนเก่าพี่อีฟคนก่อนหลายเท่า ทำไมพี่อีฟถึงได้ตกลงคบเขาเป็นแฟนได้นะ

    หมับ!

    ซีกเกอร์ลุกมาคว้าตัวเธออย่างรวดเร็ว เธอก้าวได้แค่ไม่ถึงสามก้าวก็ถูกดึงไปหาเขาพร้อมกับที่แขนข้างหนึ่งของเขารัดเอวเธอไว้แน่น ทำให้ทุกส่วนบนร่างกายของเธอเบียดร่างของเขาจนแทบไม่เหลือที่ว่างให้อากาศลอดผ่าน

    “ไม่คิดหน่อยเหรอว่าเราเข้ากันได้ดี... บนเตียง”

    “คุณต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ คุณเป็นแฟนกับพี่อีฟนะ”

    เอวาย้ำกับเขาอีกรอบว่าเขาอยู่ในสถานะไหน แต่ดูเหมือนเขาจะไม่แคร์เลย รอยยิ้มนิด ๆ ของเขาปรากฏขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับใบหน้าที่ก้มต่ำลงมาจนเธอสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผะผ่าวของเขาที่เป่ากระทบผิวของเธอ

    “พี่เธอไม่ว่าหรอก เชื่อฉันสิ”

    “...!

    “แล้วอีกอย่างเรื่องที่เกิดขึ้นมันก็เป็นความผิดของเธอ”

    “คุณว่าไงนะ!?

    เธอขมวดคิ้วเป็นปมเมื่อซีกเกอร์โยนความผิดทั้งหมดมาให้เธอ ทั้ง ๆ ที่คืนนั้นเธอไม่ได้ทำอะไรเลย เป็นเขาต่างหากที่ฉุดเธอลงไป ทั้ง ๆ ที่เธอพยายามขอร้องให้เขาปล่อย เขาก็ไม่ยอมปล่อยด้วย เธอมองซีกเกอร์อย่างไม่เข้าใจแล้วก็เห็นเขายกยิ้มที่มุมปากอีกครั้ง เขามองมาที่เธอด้วยสายตาที่เหมือนมองดูของเล่นในมือก่อนที่จะพูดขึ้นอีกครั้ง

    “น้ำที่เธอให้ดื่มเมื่อวานน่ะ มันผสมยากระตุ้น”

    “...!!

    วะ..ว่าไงนะ!

    ซีกเกอร์ก้มหน้าลงมาหาเธออีก ริมฝีปากของเขาเฉียดผิวแก้มของเธอไปเพียงนิดเดียว แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็รู้สึกร้อนตรงแก้มที่เกือบโดนสัมผัส เธอกัดริมฝีปากตัวเองเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน ใช่... เธอเป็นคนให้เขาดื่มขวดน้ำนั่น แต่จะให้ทำไงได้ ในเมื่อมันมีอยู่ขวดเดียวในตู้เย็นไม่อย่างนั้นเขาจะทานยายังไง

    มันเป็นความผิดของเธองั้นเหรอที่ไม่รู้ว่าในขวดน้ำมันจะผสมยาอะไรก็ไม่รู้น่ะ

    ถ้าเกิดเธอรู้... เธอก็คงไม่ช่วยเขาหรอก!

    “แต่... แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ไม่ควรที่จะทำ”

    “หึ! ก็แล้วไงล่ะ? ฉันไม่ใช่คนดี”

    ใช่.. คุณไม่ใช่คนดีเลยสักนิด เอวาอยากจะตะโกนบอกเขาไปอย่างนั้น แต่ก็ทำได้เพียงแค่กัดปากตัวเอง ไม่ได้โต้อะไรกลับไป

    “อีกอย่าง.. เธอก็ดูโอเคนี่ วิน ๆ กันทั้งคู่”

    เขากระซิบข้างหูของเธอด้วยน้ำเสียงที่กลั้วหัวเราะนิด ๆ นั่นทำให้เธออยากจะร้องไห้ออกมา ขอบตาของเธอร้อนผ่าวอย่างห้ามไม่ได้ คอก็เริ่มรู้สึกแสบขึ้นมาจนกลืนน้ำลายลำบาก เธออยากจะหนีไปให้พ้น ๆ จากสถานการณ์ตรงนี้ อยากจะลืม ๆ ไปให้หมด แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อยกลับสนุกที่ได้เห็นเธอใกล้ร้องไห้แทน

    “ยอมรับข้อเสนอซะ”

    ซีกเกอร์ผละใบหน้าออกมาเล็กน้อยเพื่อที่จะมองใบหน้าของเธอ และเขาก็ยังไม่ล้มเลิกข้อเสนอบ้า ๆ นั่นด้วย

    “ไม่งั้นฉันจะบอกเรื่องของเรากับพี่เธอ... เอวา”




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×