ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THE ANGEL WITH U [ SF ]

    ลำดับตอนที่ #4 : (T) +TWIN EP01 SICKER X EVE [120%] 18+

    • อัปเดตล่าสุด 26 มี.ค. 64




    Twin


    Twin

    EPISODE 01 SICKER x EVE

                มีคนเคยพูดว่าฝาแฝดมักจะมีอะไรเหมือน ๆ กัน ทั้งรูปร่างหน้าตาและนิสัยใจคอ

                แต่มันไม่ใช่สำหรับเธอ..

           “เอวา!

                “หะ..ห๋า!

                ร่างเจ้าของชื่อที่ถูกเรียกเมื่อกี้สะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ ก่อนจะหันไปมองคนที่เรียกเธอเมื่อกี้ เป็นหญิงสาวที่มีรูปร่างได้สัดส่วน ผมสีดำขลับยาวถึงกลางหลัง ผิวขาวอมชมพู ใบหน้ารูปไข่ ดวงตาเรียวสีน้ำตาลและจมูกที่เชิดรั้นขึ้นนิด ๆ ตามนิสัยเจ้าตัวรับกับริมฝีปากบาง หญิงสาวตรงหน้าจัดได้ว่าเป็นคนสวยและมีเสน่ห์คนหนึ่ง แตกต่างกับเธอที่จืดชื่นและไม่เป็นที่สนใจ แม้ว่าเธอและผู้หญิงคนนั้นจะมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกันอย่างกับว่าเป็นคนเดียวกันก็ตาม

                ถูกต้องแล้วล่ะ... พวกเราเป็นฝาแฝดกัน เอวา นั่นคือชื่อของเธอเอง ส่วนแฝดของเธอชื่อว่า อีฟ เกิดหลังจากเธอแค่ไม่กี่วินาที

                “เป็นไร พี่เห็นเอวานั่งเหม่อมาสักพักล่ะ”

                “เปล่า แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย” เธอตอบปัดเมื่อพี่อีฟถาม

                “ถ้างั้นช่วยเลือกชุดหน่อยสิ จะใส่ไปคืนนี้ด้วย ตัวไหนดี”

                “ซ้ายมั้งคะ”

                เอวาตอบทันทีโดยที่ยังไม่หันไปมองด้วยซ้ำ แล้วเธอก็ได้ยินเสียงบ่นฮึมฮัมของพี่อีฟในเวลาต่อมา ให้ทำไงได้ เซ้นส์ทางด้านแฟชั่นของเธอมันแย่นี่น่า จะชุดไหนมันก็เหมือน ๆ กันสำหรับเธอ เธอไม่ใช่คนประเภทพี่สาวฝาแฝดที่ยอมเสียเวลาเป็นชั่วโมง ๆ กับการเลือกชุดนี่

                “เอวา.. เลือกทำตัวเป็นหนอนหนังสือ แล้วหัดไปเปิดหูเปิดตาบ้าง”

                “ก็ไม่ชอบนี่คะ”

                “เป็นซะอย่างเนี้ย คนถึงไม่มาจีบสักที”

                “ก็จีบพี่อีฟแทนไง”

                เธอเงยหน้าตอบพี่อีฟที่เดินมานั่งลงบนเตียง ถึงเธอจะมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับคนตรงหน้า แต่เธอไม่ใช่สายสังสรรค์และแทบไม่มีปฏิสัมพันธ์กับใครนอกจากพี่อีฟและเพื่อนอีกสองสามคนเท่านั้น เธอเป็นพวกชอบอยู่เงียบ ๆ ไม่อยากเป็นจุดสนใจ หลบในมุมมืดแล้วเป็นฝ่ายมองพวกเขาแทนซะมากกว่า

                ในขณะที่พี่อีฟจะเป็นสายปาร์ตี้นิด ๆ ชอบเข้าสังคม จึงเป็นที่รู้จักกันพอสมควรในคณะ แถมยังรับงานถ่ายแบบในบางครั้งด้วย จึงมีคนติดตามในไอจีและเฟสบุ๊คพอสมควร พี่สาวเธอเป็นคนตลก ยิ้มง่าย มนุษย์สัมพันธ์ดี ใคร ๆ ก็พากันเอ็นดูเธอ ไม่แปลกหรอกที่จะมีคนมาจีบเยอะ

                “แต่มันเหนื่อยนี่ มาเยอะซะพี่ทำตัวไม่ถูก”

                “ก็หาแฟนสักคนไง” เธอแนะนำแล้วก้มลงอ่านหนังสือในมือต่อ

                “...”

                มือที่กำลังจะพลิกหน้ากระดาษหยุดชะงักเมื่อไม่ได้ยินอะไรตอบกลับมาจากพี่อีฟ และเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นว่าพี่กำลังยิ้มแห้ง ๆ มาให้ เอวาถอนลมหายใจออกมา ปิดหนังสือลงแล้วมองพี่ที่นั่งอยู่ตรงหน้า

                “มีอะไรจะบอกมั้ยคะ? พี่อีฟ”

                “เออ.. คือที่จริง...พี่มีแฟนแล้วน่ะ”

    โอเค... ถือว่าเป็นเรื่องที่ทำให้เธอเซอร์ไพรส์ได้นิดนึง เพราะเธอก็สังเกตเห็นว่าเดี๋ยวนี้พี่อีฟชอบคุยโทรศัพท์นานผิดปกติ ไม่แปลกที่กำลังคุยกับใครอยู่

                “เพิ่งคบมาได้สองอาทิตย์ เอวาไม่โกรธนะที่พี่เพิ่งบอกน่ะ”

                “ได้ข่าวว่าแฟนเก่าที่คบกัน พี่ก็เพิ่งมาบอกว่าคบกันมาเดือนหนึ่งแล้วไม่ใช่เหรอไงคะ”

                “เออก็จริง” เธอส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยปากถามถึงแฟนของพี่อีฟ

                “แล้วไปเจอกันได้ไง ที่ไหน เมื่อไหร่ นิสัยเป็นไง ที่สำคัญเป็นใคร”

                “โห่.. ถามเยอะไปมั้ย เอวา”

                “จะบอกไม่บอกคะ พี่?

                พี่อีฟทำหน้ายู่ใส่เธอเล็กน้อย ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วยื่นมาให้เธอ บนหน้าจอปรากฏรูปภาพของผู้ชายคนหนึ่ง ในรูปเขาดูสูงดี แขนขายาวจนน่าอิจฉา หุ่นผอมเล็กน้อย สีผมน้ำตาลอ่อน ตาเรียวยาวแต่ถึงอย่างนั้นนัยน์ตาของผู้ชายคนนี้ก็ดูคมดุ จมูกโด่ง ริมฝีปากคล้ำเล็กน้อย ถ้าให้เดาคือน่าจะสูบบุหรี่จัดพอตัว แต่โดยรวมแล้วแฟนคนใหม่ของอีฟถือว่าหน้าตาดีกว่าคนที่แล้ว ๆ มาหลายเท่าตัว

                แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกคุ้น ๆ เหมือนเคยเห็นเขาที่ไหนมาก่อนนะ

                “พี่ไปเจอเขาที่สนามแข่งรถ เมื่อเดือนที่แล้ว เราคุยกันถูกคอดี”

                “แล้วเขาเป็นใคร”

                “เดี๋ยวนะ นี่เอวาไม่รู้จักเขาเหรอ!?

                พี่อีฟทำสีหน้าตกใจทำอย่างกับว่าเธอพลาดอะไรสำคัญไปอย่างนั้นแหละ

                “พี่... เอวารู้จักคนไม่เยอะนะ” เธอพ่นลมหายใจออกมาทีหนึ่ง ยกมือมาเกี่ยวเส้นผมทัดหูตัวเอง

                “เขาเป็นคนใหญ่คนโตเลยนะ ใคร ๆ ก็รู้จักเขากันทั้งนั้น”

                “....”

                “ซีกเกอร์ นั่นล่ะชื่อเขา”

    ในตอนแรกที่เธอได้ยินชื่อ เธอก็แค่ร้องอ๋อออกมาเท่านั้น ก่อนที่สมองของเธอจะรันความคิดใหม่ เดี๋ยวนะ! ซีกเกอร์ งั้นเหรอ นี่มันชื่อเล่นลูกชายอธิการบดีมหาลัยยูเรสเคที่เธอกับพี่อีฟเรียนอยู่ไม่ใช่เหรอไง

                เอวาก้มลงมองหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง แล้วก็แทบอุทานออกมาเมื่อเธอนึกขึ้นได้ว่าเคยเห็นผู้ชายคนนี้ที่ไหนมาก่อน เธอเคยเห็นเขาตามหนังสือของมหาลัย อาจจะเคยเดินผ่านกันด้วยซ้ำ แต่ไม่กล้าเงยหน้าไปสบตากับผู้ชายคนนี้ตรง ๆ เพราะเธอก็พอได้ยินข่าวมาบ้างว่าเขาเป็นตัวก่อเรื่องพอสมควร ไม่มีใครกล้ายุ่งกับเขานัก แถมเพื่อน ๆ ในกลุ่มของเขาก็ไม่ใช่เล่น ๆ ลูกคนใหญ่คนโตทั้งนั้น

                “พี่! นี่พี่เป็นแฟนกับเขาจริงๆ เหรอ!?

                เธอถามอย่างไม่เชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นจริง นี่มันเซอร์ไพรส์เธอมากเลยนะ เมื่อรู้ว่าแฟนของพี่คือใคร

                “ใช่แล้ว”

                “เออ.. เขาน่ากลัวนะคะ..”           

    “เอวาก็เวอร์ไป พอ ๆ ถือว่ารู้แล้วนะว่าแฟนพี่คือใคร แล้วก็คืนนี้อาจจะกลับดึกหน่อยนะ”

    “แล้วจะไปเที่ยวไหนคะ”

    “ก็ที่ ฝั่งนั้นนั่นแหละ”

    เอวากลอกตาไปมาเมื่อพี่อีฟตอบ เธอมองร่างของพี่ที่คว้ากระเป๋ามาสะพายก่อนจะโบกมือลาอย่างรวดเร็วแล้วออกไปจากห้องเพื่อที่จะเข้าเรียนเพราะวันนี้เธอมีเรียนเช้า ส่วนเธอมีเรียนช่วงบ่ายจึงจมปลักอยู่ที่ห้องเหมือนปกติ

    ฝั่งนั้น ที่พี่อีฟพูดเมื่อกี้ ถ้าไม่ใช่เด็กยูเรสเคก็ไม่รู้หรอกว่าคืออะไร มันถือสถานที่หนึ่งสำหรับหนุ่มสาวยูเรสเค เป็นสถานที่บันเทิงเฉพาะกลุ่ม มีทั้งบาร์เหล้าเบียร์ โต๊ะสนุกเกอร์ บลาๆ และที่สำคัญคือสนามแข่งรถที่ทุกคนที่ไปฝั่งนั่นต้องไปดูสักครั้ง แต่ไม่ใช่ว่าจะมีแต่เด็กยูเรสเคนะ ยังมีอีกสถาบันหนึ่งเหมือนกัน โจเซฟ มหาลัยคู่อริที่มักจะมีเรื่องกันอยู่เสมอก็มีสิทธิ์ได้ไปที่นั่นเหมือนกัน แต่ก็มีกฎว่าห้ามทะเลาะหากเกิดขึ้นเห็นว่าจะโดนแบนไม่ให้เข้าอีกเลยมั้ง

                เอวาดันกรอบแว่นตาตัวเองขึ้นเล็กน้อยหลังจากที่อาจารย์ออกไปจากห้องเรียน เธอก้มมองดูนาฬิกาบนข้อมือที่ตอนนี้บ่ายสี่แล้ว ทุก ๆ คนในห้องเริ่มทยอยเดินออกไป ส่วนเธอก็เก็บของใส่กระเป๋าก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้อง

                “อีฟ ๆ”

                เธอหยุดชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ามีใครคนหนึ่งเรียกชื่อแฝดพี่ของเธอ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่ทำให้เธอต้องหยุดเดิน แต่เป็นเพราะเขาเรียกเธอน่ะสิ ทั้ง ๆ ที่วันนี้เธอใส่แว่นมาแล้วนะ มันก็น่าจะต่างกับพี่ที่แทบไม่เคยใส่แว่นเลยด้วยซ้ำ สุดท้ายคนอื่นก็ยังทักผิดอยู่ดี

                “จารย์อรเรียกหาเธอน่ะ เห็นว่ามีเรื่องสำคัญจะพูดด้วย”

                “แต่ว่า...”

                “รีบไปเลยนะ” แล้วเขาคนนั้นก็เดินหนีหายไปเฉยเลย ปล่อยให้เธออ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออกเมื่อเหตุการณ์ทำนองนี้มันเกิดขึ้นอีกแล้ว เธอพ่นลมหายใจออกมาพลางหยิบโทรศัพท์โทรหาพี่อีฟเพื่อบอกให้พี่ไปพบอาจารย์อรตามที่เขาคนนั้นบอก

                (มีไรเหรอเอวา?)

                “วันนี้มีคนทักเอวาผิดว่าเป็นพี่”

                (ก็ปกติไม่ใช่เหรอ พี่ก็เคยนี่)

                “เขาบอกให้ไปหาจารย์อรน่ะ”

                (ตอนนี้?)

                “อือฮึ”

                เอวาทำท่าจะวางสายหลังจากที่เธอโทรมาบอกเสร็จ แต่ก็ต้องหยุดนิ้วที่จะกดตัดสายเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องหลุดออกมาจากลำโพงโทรศัพท์

                “พี่ร้องทำไม?

                (พี่ไปหาตอนนี้ไม่ได้น่ะสิ มีควิกสอบ เอวาไปให้หน่อยนะ)

                “เออ..”

                (นะเอวาจ๋า ไปให้หน่อยนะคะ)

                “ไม่ต้องมาทำเสียงหวานเลยนะ โอเค ๆ เดี๋ยวเอวาไปหาให้ก็ได้” หลังจากที่วางสายจากพี่อีฟเธอก็มุ่งหน้าตรงไปยังห้องพักของอาจารย์ เธอเคาะประตูสองครั้งก่อนเปิดเข้าไป แอร์เย็นภายในห้องปะทะเข้าหน้าเธอเบา ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำเอาขนอ่อนที่ต้นแขนลุกชันได้แล้ว

                “มาพบอาจารย์อรค่ะ”

                “เข้าไปในห้องนั่นได้เลย”

                อาจารย์ท่านหนึ่งชี้ทางให้ เธอเอ่ยขอบคุณแล้วเดินเคาะประตูทีหนึ่งก่อนจะเปิดเข้าไปก็พบกับอาจารย์อรที่นั่งอยู่หลังโต๊ะ ก้มหน้าอ่านเอกสารบางอย่างอยู่ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นแล้วเชิญให้เธอนั่งฝั่งตรงข้าม

                “ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ เอมมิกา”

                “เออ.. อาจารย์คะ คือหนูเอมมิชาค่ะ พี่อีฟเขาติดควิกสอบพอดี หนูเลยมาแทน”

                “อ้าว เอวาเองเหรอ?” อาจารย์มีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเธออธิบายว่าคนตรงหน้าไม่ใช่เอมมิกาหรือพี่อีฟแต่เป็นเธอแทน

                “เอาไงดีล่ะ นี่มันเรื่องสำคัญน่ะ”

                “หนูถามได้มั้ยคะว่าเรื่องอะไร”

                “อืม... ได้ ว่าแต่เธอรู้ใช่มั้ยว่าทางมหาลัยเรามีโครงการสานสัมพันธ์กับทางโจเซฟ”

                “ก็พอทราบค่ะ”

                เธอพยักหน้าเบา ๆ เพราะเคยได้ยินมาบ้างว่าทั้งสองฝ่ายพยายามที่จะสานความสัมพันธ์กัน แม้ว่าจะมีอุปสรรคและเสียงต่อต้านจากบรรดาเด็กหัวแข็งที่ไม่อยากจะยอมรับอีกฝ่าย อาจารย์อรถอนหายใจเล็กน้อยให้ได้ยินแล้วยื่นเอกสารที่อ่านอยู่ก่อนหน้านี้เลื่อนมาให้เธออ่าน

                “แลกเปลี่ยน?

                เอวาขมวดคิ้วเมื่อได้อ่านคร่าว ๆ เธอวางเอกสารลงแล้วเงยหน้ามองอาจารย์อรเพื่อขอคำอธิบายที่เข้าใจมากกว่านี้ และอาจารย์ก็ยอมที่จะอธิบายให้เธอเข้าใจ

                “เป็นความคิดของอาจารย์หลาย ๆ ท่านน่ะ ที่อยากให้เด็กของเราไปศึกษาที่โจเซฟ”

                “..!?

                “เหมือนไปแลกเปลี่ยนกันนะ ทางฝั่งนั่นก็เห็นด้วย”

                “แล้ว... อาจารย์ก็รับผิดชอบเรื่องการคัดสรรเด็กใช่ไหมคะ”

                “ใช่ ก็เลือกมาแล้วบ้างน่ะ”

                เธอยกมือขยับแว่นตาตัวเองเล็กน้อย หัวสมองเริ่มใช้ความคิดกับเรื่องที่ได้ยินร่วมถึงโครงการที่อยู่ตรงหน้า แลกเปลี่ยนเด็กกันและกันอย่างนั้นเหรอ ถึงแม้ว่าจะเป็นแนวคิดที่ดี แต่มันจะเป็นไปได้เหรอ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จมันครึ่งต่อครึ่งเลยนะ

                “ถ้าอย่างนั้น... ที่อาจารย์ต้องการพบพี่อีฟ ก็เพื่อที่จะให้ลงชื่อเข้าร่วมโครงการนี้ใช่ไหมคะ”

                “ถูกต้องเพราะอีฟก็ถือว่าตรงคุณสมบัติ ก็เลยอยากจะเรียกมาคุยน่ะว่าสนใจมั้ย”

                “เออ... ว่าแต่.. อาจารย์ทราบมั้ยคะว่า... พี่หนูคบกับคุณ..ซีกเกอร์”

                “หื้อ? คบกับซีกเกอร์งั้นเหรอ”

                อาจารย์อรทำสีหน้าแปลกใจอีกรอบเมื่อได้ยินเรื่องที่เธอบอกไป คือจะพูดไงดีล่ะ ซีกเกอร์ ผู้ชายคนนี้เหมือนเป็นผู้นำในการทะเลาะวิวาทน่ะ เขาเกลียดเด็กในโจเซฟเข้าไส้เลย เธอเคยได้ยินมาว่าเขาเคยไปทะเลาะกับคน ๆ หนึ่งในโจเซฟจนทั้งคู่ต้องเข้าโรงบาลแถมโดนทัณฑ์บนด้วยถือเป็นข่าวดังในช่วงนั้นเลย แล้วคือตอนนี้พี่อีฟเป็นแฟนกับเขา แล้วถ้ามารู้ว่าพี่อีฟจะโดนดึงเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนกับโจเซฟ มีหวังเขาได้อาละวาทแน่ ๆ

                “ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยนะ แน่ใจนะเอวาว่าเรื่องจริง”

                “ค่ะ พี่อีฟบอกกับหนูเอง”

                “เฮ้อ... ถ้างั้นเธอสนใจมั้ยล่ะ จะเข้าร่วมโครงการนี้”

                เธอกะพริบตาปริ่ม ๆ พอได้ยินคำเชิญชวนจากปากอาจารย์อร แทบไม่คิดเลยว่าอาจารย์จะชวนเธอให้เข้าร่วมโครงการนี้ ให้ไปแลกเปลี่ยนที่มหาลัยโจเซฟน่ะเหรอ เออ... มันไม่น่ากลัวเกินไปเหรอคะ

                “คือว่า...”

                “ลองเอาไปคิดดูก่อน นี่ใบสมัครนะ”

                “...”

                “พรุ่งนี้ค่อยมาให้คำตอบกับฉันล่ะกัน เธอไปได้แล้วล่ะ”

                เอวาเดินออกมาจากห้องพักอาจารย์เหมือนคนไร้สติพอสมควร ในมือมีแผ่นกระดาษสีขาวที่เป็นใบสมัครเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนกับเด็กโจเซฟ เธอก้มมองดูมันอีกครั้ง ก่อนที่จะเก็บเข้าแฟ้มแล้วยัดใส่กระเป๋าพลางถอดแว่นตาออก

                “เฮ้อ... ไหงเรื่องมันมาลงที่เรานะ”

                เธอบ่นกับตัวเอง อยากจะยกมือทั้งสองข้างมาทึ้งผมไม่ก็ตบแก้มตัวเองเผื่อตื่นจากฝันนี้ได้ แต่นี่มันเป็นความจริงน่ะสิเธอถึงไม่ได้ทำอย่างที่คิด เอวายกมือขึ้นมาลูบหน้าก้มมองดูนาฬิกาข้อมืออีกรอบ ก่อนจะรีบเดินออกจากตึกเพื่อให้ทันรถเมล์ ขืนช้ากว่านี้คงรออีกนานกว่ารถจะมาอีก

    ส่วนเรื่องโครงการแลกเปลี่ยน ต้องรอพี่อีฟกลับถึงห้องก่อนแล้วคุยถึงเรื่องนี้ว่าจะเอาไงดี เพราะจริง ๆ เธอก็ไม่อยากเข้าร่วมโครงการนี้สักเท่าไหร่นัก เอวาหยุดคิดเรื่องน่าปวดหัวเมื่อลงมาด้านล่างแล้วและกำลังเลี้ยวตรงหัวมุมทางเดิน เธอก็เจอกับผู้ชายตัวสูงสองคนที่เหมือนว่ากำลังดักรอใครบางคนอยู่

                “เออ... ขอทางนะคะ”

                เอวาเอ่ยออกมาเมื่อพวกเขาไม่ยอมเปิดทางให้แถมยังจ้องมาที่เธอ จนเป็นเธอเองที่เป็นฝ่ายก้าวถอยหลังด้วยความหวาดระแวงนิด ๆ

                “ใช่อีฟใช่มั้ย”

                “คะ!?

                “มากับเราหน่อย เพื่อนฉันมันอยากเจอเธอ”

                “แล้ว...แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน ฉันไม่รู้จักพวกคุณเลยนะ”

                เธอพยายามที่จะสะบัดข้อมือที่ถูกเกาะกุมจากผู้ชายคนหนึ่ง ก่อนที่จะโดนล็อกแขนทั้งสองข้างแล้วลากไปที่ไหนก็ไม่รู้

                “เกี่ยวสิ ก็เธอเป็นแฟนกับมันไม่ใช่เหรอ”

                เอวาอ้าปากค้างเมื่อได้รับคำตอบหลังจากที่โดนจับยัดเข้าไปในรถคันหนึ่งทางด้านหลัง แถมจะเปิดประตูหนีก็ไม่ได้เพราะโดนล็อกจากฝั่งคนขับ

                “เออ.. ต้องมีการเข้าใจผิดแน่ ๆ ฉันไม่ใช่คนที่คุณตามหานะ”

                “ไม่ใช่ได้ไง อีกอย่างเธอก็รู้จักกับพวกเรามาก่อนนี่ จำไม่ได้เหรอไง”

                “ฉันชื่อเอวา เป็นฝาแฝดกับพี่อีฟ คุณพามาผิดคนแล้วนะคะ”

                “หื้อ? แฝดงั้นเหรอ”

                คนที่นั่งข้างคนขับเอี่ยวตัวมามองพอได้ยิน เธอพยายามอธิบายอีกครั้งจนรถที่ขับหยุดจอดคอนโดหนึ่ง นั่นทำให้เธอต้องหยุดแล้วโดนดึงออกมาจากรถอย่างรวดเร็ว

                “จะใช่ไม่ใช่ไม่รู้ล่ะ รู้แค่ว่าเพื่อนฉันมันอยากเจอเธอ”

                “ทำไมเขาต้องอยากเจอพี่อีฟด้วย”

                “ไม่รู้ ไปคุยกับมันเองล่ะกัน”

                “แต่ฉันไม่ใช่พี่อีฟนะ!” เอวาพยายามบอกขณะที่โดนคุมตัวบนลิฟต์ก่อนที่จะโดนลากมาหยุดหน้าห้องหนึ่งในชั้นบนสุดของคอนโด เธอหันหลังหนีประตูนั้นพยายามที่จะเดินหนีแต่ก็โดนพวกเขาดันไหล่ทั้งสองข้างผลักติดกับประตูทำให้เธอหนีไปไหนไม่ได้

                “คุณ! ฉันไม่ใช่พี่อีฟนะคะ เชื่อฉันสิ”

                “ไม่รู้ล่ะ ถ้าไม่ใช่ก็บอกมันเอง อยู่ตรงนี้นะ อย่าคิดที่จะหนี ไม่งั้นเธอเจอดีแน่” เธอสะดุ้งพอเจอกับคำขู่ก่อนที่พวกเขาทั้งสองคนจะเดินออกไปจากทางเดิน ปล่อยให้เธอยืนอยู่หน้าห้องเพื่อนของเขาคนเดียว นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมวันนี้ถึงโดนคนอื่นทักผิดตั้งสองรอบเลยนะ เธอยกมือสองขยี้ผมตัวเอง ในหัวก็รันเหตุการณ์เมื่อกี้ใหม่อีกครั้ง

                พวกเขาบอกว่าเป็นเพื่อนกับแฟนของพี่อีฟใช่มั้ยนะ แฟนของพี่อีฟ... เดี๋ยวนะ! ถ้างั้นก็เป็นเขาคนนั้นน่ะสิ

                แอด...

                เสียงเปิดประตูดังขึ้นแต่แค่นั้นทำเอาเอวาสะดุ้งโหยงทั้งตัวแล้ว เธอค่อย ๆ หันกลับไปมอง สายตาก็ปะทะเข้ากับแผงอกขาว ๆ ของเจ้าของห้องแทบจะทันที เพราะเจ้าตัวไม่ติดกระดุมเลยสักเม็ดสวมแค่เสื้อเชิ้ตเอาไว้เท่านั้น ก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของแผงอกตรงหน้าพลางกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเพราะรู้สึกคอแห้งขึ้นมาดื้อ ๆ

                ทันทีที่เงยหน้าขึ้นสบตากับเจ้าของร่างสูงโปร่ง ร่างทั้งร่างของเธอก็เหมือนถูกสะกดให้ยืนนิ่งอยู่กับที่ ไม่กล้าที่จะขยับขาหนีไปไหน คำพูดที่จะอธิบายว่าพาคนมาผิดก่อนหน้านี้ติดอยู่ที่ลำคอเมื่อเจอกับกับใบหน้านิ่ง ๆ ของเขา และนัยน์ตาดุ ที่กำลังจับจ้องมองที่เธออย่างไม่ละสายตาตั้งแต่ที่เขาเปิดประตูออกมา

                “..ซีกเกอร์”

                หมับ..

                เอวาสะดุ้งอีกรอบเมื่อซีกเกอร์คว้าข้อมือเธอขึ้นมาก่อนจะออกแรงดึงให้เธอเข้าห้องอย่างรวดเร็ว และเพราะแรงที่เขาดึงทำให้เธอถลาเข้าไปปะทะอกเข้าเต็มๆ เธอรีบดันตัวเองให้ออกห่างจากเขาแทบจะทันทีที่ได้ยินเสียงประตูปิดลง เว้นระยะห่างจากเขาเมตรหนึ่งจนเธอรับรู้ได้ถึงสายตาของเขาที่มองมาด้วยความสงสัย

                “เออ... คือว่าฉัน..”

                “เธอ...” น้ำเสียงเรียบ ๆ ของเขาเอ่ยขึ้นมา คงเพราะแปลกใจกับพฤติกรรมแปลก ๆ ของเธอที่แสดงออกไป พอเขาก้าวเข้าไปใกล้ก็เป็นเธอที่ถอยหลังหนีไปหลายก้าว

                จะไม่ให้แปลกใจได้ไง ในเมื่อเธอไม่ใช่พี่อีฟแฟนของเขา

                “มาที่นี้ได้ไง...”

                “คะ..คือว่า...”

                ซีกเกอร์เอ่ยถามแถมยังก้าวเข้ามาเรื่อย ๆ จนเอวาถอยหลังไปติดกับกำแพง หัวใจเธอเต้นแรงจนต้องหอบเอาอากาศเข้าปอดลึก ๆ และตื่นเต้นเลยทำให้เธอลนลานคิดหาคำพูดอธิบายไม่ออกแถมบรรยากาศภายในห้องก็กดดันจนเธอไม่กล้ามองหน้าเขา

                เอวาสะดุ้งอีกครั้งเมื่อซีกเกอร์ใช้แขนข้างหนึ่งยันกับกำแพงไว้ แถมพอเธอจะหนีไปอีกทาง มืออีกข้างก็ปิดกั้นไม่ให้เธอไป ทำให้ตอนนี้เธอเหมือนโดนกักขังจากแขนทั้งสองข้างของซีกเกอร์

                “คุณ.. คุณเข้าใจผิดแล้วนะคะ” ในที่สุดเอวาก็ได้เปิดปากพูดสักทีหลังจากที่พูดตะกุกตะกักหาคำพูดไม่เจอ เธอเม้มริมฝีปาก รวบรวมความกล้าเงยหน้ามองใบหน้าของซีกเกอร์แล้วอธิบายกับเขาว่านี่มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด เพื่อนของเขาพามาผิดคน เธอไม่ใช่พี่อีฟ แฟนสาวของเขาแต่เป็นน้องสาวฝาแฝดต่างหาก

                “ฉันไม่ใช่พี่อีฟ...”

                แววตาของซีกเกอร์มีความตกใจออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนเมื่อเธอปฏิเสธว่าไม่ใช่พี่อีฟ

                “เพื่อนของคุณพามาผิดคน... พี่อีฟเขามีสอบเลย อ้ะ!

                เอวาร้องตกใจออกมาเมื่ออยู่ ๆ คนที่กักขังเธอให้ติดกำแพงก็เอนตัวมาหาเธอ จนเธอต้องรีบประคองร่างของเขาก่อนที่จะล้มพรืดกองกับพื้น ทันทีที่เธอสัมผัสผิวกายของซีกเกอร์ เธอก็เดาได้แทบทันทีว่าทำไมเขาถึงหน้ามืดล้มมาได้

                ก็ตัวเขาร้อนจี๋ซะขนาดนี้จะไม่ให้หน้ามืดล้มได้ไง

                “คุณ.. คุณคะ...”

                เธอพยายามเรียกเขาให้ได้สติแต่ดูเหมือนจะเป็นไปได้ยากเพราะไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับมาเลย แถมตัวเขาก็หนักจนขาทั้งสองข้างของเธอเกือบจะรับไม่ไหว เอวาต้องใช้แรงทั้งหมดที่มีพาเขาไปที่เตียง พอถึงเธอแทบจะโยนเขาลงไปเลยด้วยซ้ำ

                เอวาหอบหายใจพลางยกมือปาดเหงื่อตัวเองแม้ว่าภายในห้องของเขาจะเปิดแอร์ทำให้บรรยากาศในห้องเย็นสบายก็ตาม เธอดึงร่างของซีกเกอร์ให้นอนดี ๆ ระหว่างนั้นเธอก็ได้เห็นใบหน้าของเขาชัดขึ้น เขาเหมือนกับในรูปที่พี่อีฟถ่ายมาเลยเพียงแต่ตัวจริงดูจะหล่อกว่าในรูป แถมดูน่ากลัวกว่าที่เธอคิดเอาไว้เสียอีก

                “ตัวร้อนจี๋เลย... คุณไปตากฝนมาเหรอไงนะ”

                เอวาว่าหลังจากที่เธอทาบมือลงหน้าผากของเขาเพื่อวัดอุณหภูมิอีกรอบ เอาไงดีล่ะ จะปล่อยทิ้งไว้อย่างนี้แล้วกลับบ้านจะดีรึเปล่า หรือจะช่วยเขาดี เพราะยังไงเขาก็ถือว่าเป็นแฟนกับพี่อีฟเลยนะ

                (เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้...)

                เธอยกมือขึ้นมาเกาหัวเมื่อพยายามติดต่อพี่อีฟก็ไม่ติดสักที

                สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ซีกเกอร์ก่อน เพราะตัวเขาร้อนมาก ดีที่ในกระเป๋าเธอพกแผงยาลดไข้ติดตัวเอาไว้ ไม่ต้องลำบากลงไปซื้อข้างล่าง เธอถือกระบะใบเล็กที่เจอในห้องน้ำมาวางไว้โต๊ะข้างเตียงกับผ้าผืนเล็กที่บิดน้ำมาหมาด ๆ เตรียมไว้ ก่อนที่จะสะกิดเขาให้ตื่นเพื่อให้มาทานยาก่อน

                “คุณตื่นมาทานยาลดไข้ก่อนนะคะ”
                “...”

                เขาไม่ได้ส่งเสียงตอบกลับมาแต่ตอนที่เธอประคองก็เหมือนว่าเขาจะได้สติอยู่ เธอจึงป้อนยาเขาไปสองเม็ดพร้อมกับน้ำที่มีอยู่ในตู้เย็นแค่ขวดหนึ่ง ก่อนที่จะประคองเขานอนตามเดิม จากนั้นเธอก็หยิบผ้ามาเช็ดตัวเพื่อให้อุณหภูมิในร่างกายลดลง  ผ่านไปสักพักก็ดูเหมือนว่าไข้ของเขาจะลดลงมาบ้าง เธอเลยจดโน้ตเขียนไว้ว่าตอนสองทุ่มให้เขาทานยาอีกสองเม็ดแปะไว้บนโต๊ะข้างเตียงก่อนที่ตัวเองจะออกจากห้องของเขาเพื่อกลับบ้าน

                “คุณ... งั้นฉันไปก่อนนะคะ อย่าลืมทานยาด้วยนะ”

                เอวาบอกเขาและหวังว่าเขาจะได้ยินก่อนที่เธอจะหันหลับกลับเตรียมออกจากห้อง ทว่าแขนของเธอกลับถูกคนที่คิดว่านอนหลับอยู่บนเตียงคว้าเอาไว้ ก่อนจะโดนดึงให้ล้มกลับมาที่เตียงพร้อมกับที่ร่างของเขาค่อมทับร่างของเธออย่างรวดเร็ว

                หัวใจของเอวาเต้นรัวเร็วด้วยความตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว เธอเบิกตากว้างมองใบหน้าของซีกเกอร์ที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม เขาดูไม่เหมือนคนป่วยที่ไข้ขึ้นสูงเลยสักนิด นัยน์ตาทั้งสองข้างคมกริบและดูดุดันจนน่ากลัวกำลังจ้องมองมาที่เธออย่างไม่คาดสายตา แล้วไหนจะใบหน้าของเขาที่ก้มต่ำลงมาเรื่อย ๆ จนผิวแก้มของเธอสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อน ๆ ของเขา

                “คุณ... ชะ..ช่วยลุกออกไปด้วยค่ะ”

                เธอพยายามบอกด้วยน้ำเสียงเท่าที่มี แต่มันดูกระท่อนกระแท่นแล้วก็เบาหวิวจนแทบไม่ได้ยิน แล้วเหมือนว่าซีกเกอร์จะไม่ยอมทำตามที่เธอพูด เพราะวินาทีต่อมาริมฝีปากบางคล้ำของเขาก็ประกบลงริมฝีปากของเธอ

                “...!!

    เอวาถึงกับช็อกกับสิ่งที่เกิดขึ้น ตลอดยี่สิบสองปีของเธอมานี้ เธอแทบไม่เคยไปจูบกับใครมาก่อนเลยสักครั้ง จริงอยู่ที่ว่าเธอเคยมีแฟนมาก่อนแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าการจับมือ ทว่าตอนนี้คนตรงหน้าเธอกลับก้มลงมาจูบชนิดที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว

                ที่สำคัญ... เขาเป็นแฟนพี่อีฟ!!

                “อื้อ!

                เธอพยายามที่สะบัดใบหน้าหนีริมฝีปากร้อน ๆ ของซีกเกอร์ มือทั้งสองข้างพยายามผลักเขาให้ถอยออกไป ทว่าเขากลับยึดมือเธอไว้ด้วยมือข้างเดียวอย่างง่ายดาย จับกดลงบนเตียงไม่ให้เธอขัดขืนแล้วบังคับให้เธอเปิดปากรับจูบของเขาอีกครั้ง

                เอวาสัมผัสได้ถึงลิ้นสากระคายของซีกเกอร์ที่ถูกดันเข้ามาในริมฝีปากของเธอ มันทั้งดุดัน รุนแรง เกี่ยวกระหวัดลิ้นของเธออย่างชำนาญพร้อมกับที่ป้อนความรู้สึกแปลก ๆ ที่เธอไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน เธอพยายามรวบรวมสติตัวเองอีกรอบเมื่อเขาผละริมฝีปากออกมาแล้วหันไปขบเม้มลำคอของเธอแทน มืออีกข้างของเขาก็ลูบไล้ลำตัวของเธอ เลื่อยต่ำลงเรื่อย ๆ จนเธอผวา จิกเล็บเข้าที่อุ้งมืออย่างลืมตัว

                “ซีกเกอร์! หยุด... ฉันไม่ใช่... อื้อ!

                เธอพยายามที่จะร้องห้ามและตะโกนบอกเขาว่าเธอไม่ใช่พี่อีฟ ทว่าซีกเกอร์กลับเลื่อนใบหน้ามาปิดปากของเธอและครั้งนี้มันรุนแรงกว่าเดิม วาบหวามจนหัวใจของเธอสั่นด้วยความกลัว ผู้ชายคนนี้ทำให้เธอกลัวจริง ๆ เพราะทั้งมือและริมฝีปากที่กำลังขบกัดปากของเธอ กำลังทำให้สติของเธอค่อย ๆ ลอยหายไปเรื่อย ๆ เหลือเพียงความรู้สึกบางอย่างที่เธอไม่เคยรู้จักเป็นตัวควบคุมร่างกายของเธอแทน

                “อ้ะ..”

                เสียงครางที่ดังขึ้นทำให้ใบหน้าของเอวาร้อนฉ่า มันเป็นเสียงร้องที่เธอไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะหลุดร้องออกมาให้ได้ยิน ก่อนที่เธอจะได้ยินเสียงครางต่ำของคนที่กำลังยุ่งวุ่นวายกับการถอดเสื้อของเธอ เสียงของเขาเหมือนเสียงสัตว์ร้ายที่กำลังอดทนกับอะไรสักอย่างอยู่และจวนเจียดใกล้จะระเบิดเต็มที่

                ร่างของเธอสะดุ้งเมื่อรับรู้ถึงสัมผัสเปียกชื้นบริเวณหน้าอกพร้อมกับแรงบีบขย้ำตามมา เธอไม่กล้าลืมตาขึ้นมองเพราะแค่นี้เธอก็ทนรับแทบไม่ไหวอยู่แล้ว แล้วไหนจะอะไรบางอย่างที่ดุนดันบริเวณหน้าท้องของเธออีก

                ซีกเกอร์เลื่อนใบหน้ามาจูบปากเธออีกครั้ง แต่ว่ามันไม่ได้รุนแรงเหมือนในตอนแรก เขาบดคลึง ขบเม้มอย่างเชื่องช้า หยอกล้อปลายลิ้นของเธออย่างมีชั้นเชิง ลัดเลาะริมฝีปากเธอทุกซอกทุกมุม กวาดต้อนทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเธอ เขาแทบจะกลืนกินเธอไปทั้งตัวด้วยจูบนี้อยู่แล้วถ้าหากว่าเธอไม่ทุบเข้าที่ไหล่เขาให้ปล่อยเสียทีเพราะว่าเธอเริ่มจะหายใจไม่ทันแล้ว 

                เอวาหอบหายใจแฮ่กเหมือนกับคนที่ไปวิ่งมาราธอนมาหลายกิโลหลังจากที่เขายอมปล่อยเธอให้เป็นอิสระ เธอหอบเอาอากาศเข้าปอดหลังจากที่โดนเขาสูบไปจนหมด ก่อนที่จะร้องครางออกมาเบา ๆ เมื่อซีกเกอร์แนบริมฝีปากร้อน ๆ ที่ติ่งหูของเธอ เขาหยอกล้อมันเล่น ในขณะที่เธอเกร็งด้วยความรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งร่าง เธอยกมือขึ้นมาจิกต้นแขนของเขาเพื่อระบายความรู้สึกที่ถูกเขาปลุกขึ้นมา พยายามที่จะกั้นเสียงร้องของตัวเองแต่ก็ทำได้ยากเหลือเกิน เมื่อเขาเริ่มโจมตีเธอหนักขึ้นเรื่อย ๆ

                ฝ่ามือร้อน ๆ ของเขาลูบผ่านต้นขาของเอวา สอดเข้าไปในกระโปรงก่อนที่เธอจะรับรู้ว่าเขาเกี่ยวเอาชั้นในด้านล่างของเธอออกจากปลายเท้าในเวลาต่อ เธอลืมตาขึ้นมองใบหน้าของซีกเกอร์ด้วยแววตาตกใจแทบจะทันทีที่รับรู้ว่าเขาขว้างชั้นในของเธอทิ้งอย่างไม่ใยดี สติที่ล่องลอยหายไปก่อนหน้านี้กลับเข้ามาอย่างรวดเร็ว และพอเธอจะขยับตัวหนี ร่างของเธอก็ถูกเขากดทับเอาไว้พร้อมกับรั้งร่างให้แนบชิดทุกสัดส่วนบนร่างของเขา

                มะ..ไม่นะ..

                “อ้ะ!..”

                เอวาผวาเข้าไปกอดซีกเกอร์แน่นเมื่อโดนกระตุ้นจากนิ้วมือของเขา มันดุนดันเข้ามาอย่างเชื่องช้าทว่ามุ่งมั่นที่จะเข้ามาเรื่อย ๆ สัมผัสแปลกใหม่ที่เธอไม่เคยได้รับทำให้เธอคิดอะไรไม่ออก ร่างทั้งร่างสั่นสะท้านไปหมด เธอคิดว่าแค่นี้เธอก็เหมือนจะขาดใจตายอยู่แล้ว ทว่าในตอนที่ซีกเกอร์ลดตัวต่ำลงเรื่อย ๆ จนไปหยุดในที่ที่ไม่ควรหยุด ก็ทำให้เธอคิดได้ว่าเธอคิดผิดถนัด!

                ส่วนที่อ่อนไหวที่สุดถูกสัมผัสด้วยความชุ่มชื่นที่ปัดป่ายเข้ามา มันรุนแรงจนร่างของเธอหดเกร็ง และทำได้แค่ยื่นมือไปขย้ำเส้นผมของเขาเพื่อระบายความรู้สึกที่ถูกกระตุ้น อีกครั้งที่สัมผัสแปลกใหม่โจมตีเธอจนคิดอะไรไม่ออก ระลอกแล้วระลอกเล่าที่ซัดเข้ามาโดยฝีมือซีกเกอร์ทำให้เธอได้แต่ครวญครางเรียกชื่อเขาเท่านั้น ก่อนที่ร่างทั้งร่างของเธอจะเกร็งกระตุก

                เอวารู้สึกเหมือนว่ามีสายฟ้าฟาดลงมาหาเธอ เหมือนว่าเธอถูกใครบางคนจับเหวี่ยงขึ้นสูงล่องลอยในอากาศก่อนที่จะถูกใครคนนั้นฉุดลงมาที่พื้นอย่างรวดเร็ว ร่างกายของเธอชาหนึบอย่างกับว่ามีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างก่อนที่จะรู้สึกเบาสบายขึ้นมาดื้อ ๆ มันเป็นความรู้สึกที่เธออธิบายไม่ถูก เธอไม่รู้ว่ามันคืออะไร

    เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของเธอดังขึ้นท่ามกลางเสียงหอบหายใจของเธอ นั่นทำให้สติของเธอกลับมาอีกครั้ง เอวาหันไปมองที่กระเป๋าของเธอที่กองอยู่บนเตียง ข้าวของในนั้นออกมานอกกระเป๋ารวมถึงต้นตอของเสียงที่ดึงสติเธอให้กลับมาด้วย และถ้าเธอมองไม่ผิด...

     สายที่โทรเข้ามาหาเธอคือพี่อีฟ

                “จะทำอะไร?

                ซีกเกอร์กดร่างของเธอให้นอนลงบนเตียง เมื่อเห็นว่าเธอขยับตัวเพื่อจะคว้าโทรศัพท์ เธอมองเขาด้วยแววตาขอร้องให้เขาหยุดทำเรื่องนี้กับเธอสักที เพราะเธอไม่ใช่แฟนของเขา และอีกอย่าง... พี่อีฟโทรมาหาเธอ ยังไงเธอก็ต้องรับสาย

                ทว่าวินาทีต่อมาเอวาก็ต้องอ้าปากค้างด้วยความตกใจกับการกระทำของเขา เมื่อเขายื่นมือไปกดตัดสายโทรศัพท์ของเธอพร้อม ๆ กับปิดเครื่อง ก่อนที่จะกวาดข้าวของของเธอลงไปที่พื้น จากนั้นเขาก็หันมามองเธอด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก และเป็นเธอเองที่หลับตาหนีดวงตาคู่นั่นแล้วเอ่ยปากขอร้องให้เขาหยุดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

                “ดะ..ได้โปรด... ซีกเกอร์”

                “...”

    “หยุดเถอะนะคะ.. ฉันไม่ใช่พี่...”

                “...ไม่”

                ซีกเกอร์ปฏิเสธกลับมาอย่างไร้เยื่อใยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เขาบังคับให้เธอลืมตามองตาของเขา เอวามองเห็นประกายแวบวับผ่านม่านตาของเขาอยู่แวบหนึ่ง เหมือนกับว่าเขาเจอของที่ถูกใจ เหมือนว่าเขาจะไม่ปล่อยให้เหยื่อหลุดมือไปจากกรงเล็บของเขาเด็ดขาด

    และเหยื่อที่เขาต้องการที่จะให้แหลกคามือก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ถ้าไม่ใช่เธอ...




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×