ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THE ANGEL WITH U [ SF ]

    ลำดับตอนที่ #1 : (A) +ACCIDENT EP01 DAMON x ALICE [120%]

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.ค. 63




    Accident

    EPISODE 01 Damon x Alice



     
             “ฉันเป็นใคร ?

                เดมอนมองผู้หญิงตรงหน้าในชุดคนป่วยนิ่ง ก่อนที่เธอจะขยับตัวหันหน้ามาทางเขา พลางมองรอบ ๆ ห้องด้วยอาการตื่นกลัวผสมมึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ก้มมองดูแขนข้างซ้ายที่เข้าเฝือกเนื่องจากกระดูกหักจากการถูกรถชน ก่อนที่จะเลื่อนสายตากลมโตกลับมามองที่เขาอีกครั้ง

                เธอคนนั้นมองมาที่เขาเหมือนต้องการให้เขาอธิบายกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี เพราะก็ไม่รู้เช่นกันว่าเธอคนนี้เป็นใคร เท่าที่รู้คือ อยู่ ๆ เธอก็โผล่พรวดมาหน้ารถจนเขาเหยียบเบรกไม่ทัน เลยขับชนเธอโดยไม่ตั้งใจ ก่อนจะรีบส่งโรงพยาบาล โชคดีที่ไม่ถึงขั้นเข้าห้องไอซียู แค่แขนหักกับหัวแตกเท่านั้น

                แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่แค่นั้นอย่างที่เขาโล่งใจแล้ว เมื่อคนเจ็บฟื้นขึ้นมาแล้วเอ่ยถามคำถามที่เขาเองก็ยังตอบไม่ได้

                “ดูเหมือนว่าคนไข้จะความจำเสื่อม...”

    เดมอนขมวดคิ้วเมื่อคุณหมอเข้ามาตรวจเช็คอาการแล้วให้ข้อสรุปกับเขา ทว่านั่นก็ยังไม่พอที่จะทำให้เขาเข้าใจ ถึงเขาจะเป็นฝ่ายชนผู้หญิงคนนั้นก็จริง แต่ก็ไม่ได้ชนแรงขนาดที่ว่าทำให้สมองเธอกระทบกระเทือนจนจำอะไรไม่ได้นี่

    “อาจจะเป็นเพราะตกใจ หรือในภาวะนั้นคนไข้มีเรื่องที่กระทบจิตใจทำให้สมองสั่งการปิดความทรงจำชั่วคราว”

    “แน่ใจนะครับหมอ”

    “หมอก็ไม่มั่นใจนัก เพราะมันมีหลายสาเหตุที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้ แต่หมอคาดว่าคงต้องรอสักระยะความทรงจำของคนไข้น่าจะกลับมานะครับ”

    “...”

    “เคสที่เกิดขึ้นแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยครับ บางเคสเดือนสองเดือนก็จะค่อย ๆ จำอะไรขึ้นมาได้บ้าง”

    คุณหมอให้คำแนะนำก่อนที่จะขอตัวไปตรวจคนไข้ที่เหลือ เขาพ่นลมหายใจออกมา หวังจะให้คลายความกังวลลงได้บ้าง เมื่อตัวเองดันไปชนใครก็ไม่รู้ แล้วเจ้าตัวก็เกิดความจำเสื่อมจำอะไรไม่ได้อีก แถมตอนนี้ก็เอาแต่จ้องมองเขาตาแป๋วอย่างกับลูกแมวอีกต่างหาก

    เดมอนก้าวเท้าไปยืนอยู่ตรงหน้าเตียงของเธอ ยกแขนขึ้นมากอดอกพลางใช้ความคิดว่าจะทำยังไงกับผู้หญิงคนนี้ดี นี่อาจจะเป็นความซวยที่เกิดขึ้นกับเขาในวัยยี่สิบห้าปีก็ได้ จะปล่อยทิ้งทำเป็นไม่รับรู้ก็ไม่ได้อีก เขาไม่ได้ใจจืดใจดำขนาดนั้น แต่เขาก็ไม่อยากจะรับผิดชอบชีวิตใครด้วย

    “คุณ..”

    น้ำเสียงแหบ ๆ ของเธอเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ และเป็นเสียงที่ฉุดให้เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอ ถึงหน้าจะซีดและมีผ้ากอซแปะที่ขมับ แต่เท่าที่เขามองก็พบว่าผู้หญิงคนนี้หน้าตาไม่เลว แต่ก็ไม่ได้สวยจัดขนาดที่ต้องเหลียวหลังหันกลับมามอง พูดๆ ง่ายก็คือ พอดูได้ประมาณหนึ่ง

    “คุณเป็นอะไรกับฉันเหรอ... แล้วฉันเป็นใคร ทำไมถึงจำอะไรไม่ได้”

    คำถามมากมายรัวออกมาเป็นชุด พร้อมกับแววตาคาดหวังที่ส่งมา หวังให้เขาช่วยตอบให้เธอเข้าใจ หลังจากที่ลืมตาตื่นขึ้นอยู่ในห้อง ๆ หนึ่งที่มีสายอะไรไม่รู้เจาะเข้าที่แขนตัวเอง แถมภาพแรกที่เธอเห็นก็เป็นใบหน้าดุ ๆ ของผู้ชายตัวสูงคนหนึ่งที่ไม่คุ้นหน้าเลยสักนิด ใบหน้าเฉี่ยวกับนัยน์ตาคมดุสีดำสนิททำให้เธอรู้สึกกลัวขึ้นมา ก่อนจะมาพบว่าตัวเธอนึกชื่อตัวเองไม่ออก ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร อยู่ที่ไหน แล้วเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ประโยคแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวคือ

    เธอไม่รู้อะไรเลย...

    “คุณความจำเสื่อม”

    “ความจำเสื่อม ?

    “แค่ชั่วคราว... หมอว่าอีกสักพักความทรงจำของคุณก็น่าจะกลับมา” ผู้ชายตรงหน้าอธิบายด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ พูดช้า ๆ เสียงดังฟังชัดให้เธอได้เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

                “แล้วคุณ... ช่วยฉันไว้”

                “เปล่า”

                “อ้าว ?

                “ผมขับรถชนคุณ” ดูเหมือนว่าประโยคที่เดมอนพูดออกไปจะทำให้ผู้หญิงคนนี้สะดุ้ง ขยับตัวเองจนไปติดกับหัวเตียงคนไข้ชนิดที่ว่าถ้าเธอคนนี้แทรกหนีทะลุกำแพงห้องได้คงทำไปแล้ว เธอจ้องมองมาที่เขาด้วยแววตาตื่นกลัวอีกครั้งอย่างกับว่าเขาผิดอย่างนั้นแหละ ทั้งที่จริงเธอต่างหากที่วิ่งพรวดเข้ามาชนรถของเขาเอง

                ดูท่าเขาคงต้องมาอุปการะเลี้ยงดูผู้หญิงคนนี้ไปสักพัก

                ซวยกว่านี้ไม่มีอีกแล้วจริง ๆ

    .

    .

    .

    ระยะเวลาผ่านไปเป็นเดือนกว่าเธอจะได้ออกจากโรงพยาบาลไม่ต้องอุดอู้อยู่ในห้อง ความตื่นเต้นดีใจปรากฏขึ้นมาให้เห็นง่าย ๆ อย่างช่วยไม่ได้ เธอเบื่อกลิ่นยาที่ต้องทานแล้วไหนจะขยับตัวลุกไปไหนก็ไม่ได้อีก แต่แขนก็ยังต้องใส่เฝือกเหมือนเดิม คุณหมอบอกว่าต้องรอให้กระดูกสมานจนเข้าที่ถึงจะผ่าออก

                ดูเหมือนว่าเธอเพียงแค่จำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใครเท่านั้น เรื่องอื่น ๆ ไม่ว่าจะการพูดคุย การอ่านเขียน การเรียกสิ่งของต่าง ๆ หรือความรู้พื้นฐานยังคงปกติดี อาจจะมีบ้างที่เธอสับสนเรื่องทิศทางอยู่เล็กน้อย เพราะตอนที่คุณพยาบาลให้เลี้ยวขวาเพื่อเข้าห้องน้ำหญิงระหว่างไปตรวจร่างกาย เธอก็ดันเลี้ยวซ้ายไปเข้าห้องน้ำชายเข้า จนคนที่อยู่ในนั้นต่างสะดุ้งที่เห็นผู้หญิงอย่างเธอเข้ามาโดยไม่ให้สุ่มให้เสียง แล้วเกือบคิดไปแล้วว่าเธอเป็นผู้หญิงบ้า

                เธอกะพริบตามองดูใบหน้าของตัวเองผ่านกระจกที่สะท้อนภาพใบหน้าของผู้หญิงคนหนึ่ง แม้จะส่องกระจกมาหลายครั้งแต่เธอก็ยังไม่คุ้นกับใบหน้าของตัวเองดีนัก ฟังดูตลกดีนะ เพราะบางวันเธอก็งงว่าผู้หญิงในกระจกคือเธอจริง ๆ ใช่รึเปล่า มันยังคงแปลกหน้าแปลกตาในความรู้สึกของเธอ แต่สำหรับผู้ชายหน้าดุที่เขาบอกชื่อตัวเองว่า เดมอน ในตอนนี้เธอเริ่มคุ้นเคยดีแล้ว

                ถึงผู้ชายคนนั้นจะไม่ได้มาเยี่ยมเธอทุกวันยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่ในอาทิตย์หนึ่งเขาจะต้องมาหาเธอสามครั้ง มาถามอาการของเธอว่าดีขึ้นกว่าเดิมแล้วหรือยัง แล้วก็ถามว่าพอจะนึกอะไรออกได้ไหม แต่คำตอบที่เธอให้ไปก็ยังเหมือนเดิม

    คือเธอยังจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง

                “คุณจะพาฉันไปพักที่ไหนเหรอ ?” เธอเอ่ยถามหลังจากออกมาจากห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่คุณพยาบาลหามาให้ เพราะเสื้อผ้าอันเก่ามันเละเทะจนใส่ไม่ได้แล้ว

    เดมอนเงยหน้าขึ้น เลิกสนใจสมาร์ทโฟนในมือ มอง ยู ที่เดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าตัวเอง เพราะไม่รู้ว่าเธอชื่ออะไร เขาเลยตั้งชื่อเธอไปส่ง ๆ เวลาเรียกจะได้ไม่สับสน และเพราะคำถามของเธอเมื่อกี้ ทำให้เขาพ่นลมหายใจออกมา เก็บสมาร์ทโฟนใส่กระเป๋ากางเกงแล้วเดินนำเธอออกจากห้องพักผู้ป่วย

                “คอนโดของผม”

                “คะ ?

                เดมอนไม่ได้อธิบายอะไรต่อหลังจากพูดจบ ปล่อยให้เธอขมวดคิ้วสงสัยตลอดทางที่นั่งในรถ แล้วเธอก็ไม่ได้อ้าปากถามอะไร อาจจะเริ่มเข้าใจว่าถึงถามไปใช่ว่าเดมอนจะยอมตอบง่าย ๆ เธอรู้ดีว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ ท่าจะพูดคือเป็นเรื่องสำคัญเท่านั้น

                ไม่นานเดมอนก็พายูมาถึงห้องชุดคอนโดที่เขาพักอาศัยอยู่ เขาเคลียร์พื้นที่ห้องว่างห้องหนึ่งให้กับเธอโดยเฉพาะจนกว่าความทรงจำของเธอจะกลับมาแล้วนึกออกสักทีว่าตัวเองเป็นใคร แล้วค่อยให้เธอย้ายออกไป ถึงอย่างไรเขาก็ควรจะรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นบ้าง

                “ห้องคุณอยู่ทางนั้น มีเตียง หมอน ผ้าห่ม อยู่ได้ใช่มั้ย”

                “แค่นี้ก็เยี่ยมแล้วล่ะ ขอบคุณนะ”

                “อืม...”

                เดมอนพยักหน้าเบา ๆ มองดูยูเดินเข้าไปในห้องที่ไม่มีอะไรมากนัก เพราะเขาเพิ่งยัดของที่เหลือ ๆ จากพวกเพื่อน ๆ ตัวเองมาใส่แก้ขัดไปก่อน ถึงยังไงผู้หญิงคนนี้คงไม่อยู่กับเขานานนักหรอก

                “ส่วนเรื่องเสื้อผ้าก็อยู่ในกระเป๋านั้น”

                “คุณไปหามาจากไหนเหรอ”

                “เพื่อนน่ะ ยัยนั่นตัวเท่า ๆ กับเธอ”

                “อ่า...”

                เดมอนปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นวุ่นวายไปกับเสื้อผ้าที่ได้มา เขาเดินไปที่ตู้เย็นคว้าขวดน้ำเย็นขึ้นดื่มดับกระหาย พลางคิดว่าคืนนี้เขาน่าจะไปสังสรรค์กับเพื่อนให้หายเครียดหน่อย เพราะยังไงเธอก็คงไม่ก่อความวุ่นวายให้เขาต้องปวดหัวเล่นหรอกมั้ง เพิ่งออกจากโรงบาลคงทำอะไรไม่ได้มากนักหรอก อีกอย่างเขาให้เพื่อนตัวเองไปสืบประวัติของเธอด้วย วันนี้ไปหามันน่าจะมีข้อมูลอะไรเพิ่มเติม

                “อยู่ในห้องนี้ อย่าออกไปไหนเข้าใจมั้ย”

                “เข้าใจค่ะ แล้วคุณจะไปไหนเหรอ” ทันทีที่เธอเดินออกมาจากห้อง เธอก็เห็นว่าเดมอนคว้าเสื้อแจ็คเก็ตกับกุญแจรถไว้ในมือพอดี ทำท่าทางจะออกไปข้างนอกจึงเอ่ยปากถามอย่างสงสัย แม้ในความเป็นจริงเธอไม่มีสิทธิ์จะถามก็ตาม แต่ยังดีที่เขายอมตอบคำถามของเธอ

                “หาเพื่อน”

                เดมอนบอกจบก็เดินไปที่ประตูออกจากห้องไป ทิ้งให้เธอยืนอยู่กลางห้องชุดกว้าง ๆ ของเขาคนเดียว เธอหมุนตัวเองไปรอบ ๆ เพื่อสำรวจห้องชุดนี้ โดยละเว้นห้องนอนของเดมอนไว้ เพราะเธอไม่อยากโดนเขาโมโหใส่ ถึงผู้ชายคนนั้นจะขับรถชนเธอจนได้รับบาดเจ็บแถมทำให้ตัวเองจำอะไรไม่ได้ แต่เขาก็ดูแลเธออย่างดี ออกค่าใช้จ่ายให้แถมให้ที่พักกับเธอด้วย เพราะฉะนั้นเธอก็ควรที่จะเคารพในความส่วนตัวของเขาไม่ก้าวก่ายพื้นที่ตรงนั้น

                เธอเลียริมฝีปากตัวเอง เดินไปหยุดยืนตรงริมระเบียง ก้มมองดูด้านล่างที่เห็นรถราวิ่งกันไปมา ผู้คนจำนวนหนึ่งเดินข้ามถนน แสงไฟในบ้านที่เปิดขึ้น และแม่น้ำสายหนึ่งที่ส่องแสงวิบวับเมื่อแสงแดดกระทบกับผิวน้ำ จากที่เธอลอบสังเกตและประเมินเดมอน บอกได้เลยว่าผู้ชายคนนี้ต้องมีเงินเยอะแน่ ๆ รถของเขาดูดีมาก ๆ ยี่ห้ออะไรก็ไม่รู้แหละแต่นั่งแล้วสบาย เบาะก็นุ่ม แถมขับเร็วได้อย่างใจอีกต่างหาก แล้วห้องคอนโดของเขาก็อยู่จนเกือบสูงสุดของชั้น วิวด้านนอกก็สวย ซึ่งห้องแบบนี้ราคาซื้อต้องแพงแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้มาอยู่หรอก

                เธอวุ่นวายไปกับการคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยฆ่าเวลาเล่น ก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปหาอะไรกินในตู้เย็น แม้ว่ามันจะลำบากเล็กน้อยเพราะแขนที่ใช้การได้มีข้างเดียว แต่ก็ยังดีที่เป็นแขนซ้าย เพราะดูเหมือนว่าเธอจะถนัดใช้แขนขวาซะมากกว่า เธอนั่งกินมาม่าคัฟไปพลางเปิดดูทีวีไปพลาง เลื่อนช่องไปเรื่อย ๆ จนหยุดที่ช่องหนึ่งที่เป็นวงดนตรี และมันทำให้เธอจดจ่อกับมันได้ เธอนั่งฟังการแสดงดนตรีสด สายตาจับจ้องมองไปที่กีตาร์ที่ผู้ชายคนหนึ่งกำลังเล่นแล้วรู้สึกอยากลองเล่นแบบเขาขึ้นมาดื้อ ๆ

                บางทีถ้าแขนซ้ายเธอหาย เธออาจจะลองเล่นมันดูเหมือนกัน

    .

    .

    .

                หลังจากที่เดมอนออกจากห้องตัวเองแล้วตัดสินใจมาหาเพื่อน เขาก็ใช้เวลาในการขับรถไม่ถึงชั่วโมงก็มาถึงที่หมาย เดมอนผลักประตูเข้าไปข้างในร้านกาแฟประจำ สั่งพนักงานต้อนรับที่เข้ามาบริการก่อนที่จะเดินตรงไปหากลุ่มเพื่อนสองคนที่นั่งรออยู่ก่อนหน้านี้ ทันทีที่พวกนั้นเห็นเขาก็พยักหน้าทักทาย แล้วขยับที่ให้เขาได้นั่ง

                “เป็นไงวะ”

                “อะไรคือเป็นไง” เขาเอ่ยถามกลับไป มองไปที่หนุ่มผมยาวที่ปล่อยให้ยาวอย่างกับผู้หญิงด้วยความขี้เกียจตัดของมัน เลยปล่อยมาเรื่อย ๆ จนยาวถึงกลางหลัง

                “ก็คนที่มึงไปชนเขาไง”

                “ยังเหมือนเดิม จำอะไรไม่ค่อยได้”

                “สงสัยผู้หญิงคนนั้นเป็นเจ้ากรรมนายเวรมึงแหง ๆ วะ”

                “หุบปากน่า ถ้ามึงไม่พูดก็ไม่มีใครว่าหรอกนะ เรย์”

                เดมอนยกถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบเมื่อพนักงานผู้หญิงคนหนึ่งมาเสิร์ฟก่อนที่จะก้มหน้างุดรีบหันหลังกลับไป และสาเหตุที่ทำให้เธอแสดงอาการแบบนั้นก็มาจากเพื่อนที่นั่งข้าง ๆ เขานี่เอง

                “มึงนี่ก็หวงน้องเขาจัง”

                “ยุ่งน่า..”

                เขาเอ่ยแซวเล็กน้อยแล้วก็โดนเพื่อนตัวเองว่ากลับ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุยเป็นอย่างอื่น ซึ่งเขาก็ได้แต่ส่ายหน้าเบา ๆ กับอาการหวงเด็กของมัน เอาจริง ๆ ตัวเขาเองก็ไม่ยักจะรู้ว่าเพื่อนตัวเองมีรสนิยมโลลิคอนขนาดนี้ แม้แต่เด็กมัธยมปลายมันก็ไม่เว้น จ้องหวงไม่ยอมให้แม้แต่เพื่อนตัวเองเขาไปทำความรู้จัก แม่งกะจะกินเองคนเดียว

                “แล้วมึงสืบประวัติเธอเจอมั้ย” เดมอนเอ่ยถามเรย์ หลังจากที่ปล่อยให้มันพล่ามเรื่องไร้สาระได้สักพักหนึ่ง แต่คำตอบของมันไม่ได้ช่วยทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาเลยสักนิด

    “ไม่วะ กูถามคนอื่น ๆ ที่รู้จักกันวงกว้างก็ไม่คุ้นหน้าเธอคนนี้เลยสักนิด”

    “บางทีเธออาจจะไม่ใช่คนแถวนี้”

    “ก็น่าจะ แต่กูก็แจ้งเรื่องคนหายไปแล้วนะ คงต้องรอให้มีคนติดต่อกลับมานั่นแหละ”

    เดมอนพยักหน้าเข้าใจ ก็คงได้แต่รออย่างเดียวเท่านั้น ว่าเธอจะจำอะไรขึ้นมาได้เมื่อไหร่หรือมีคนที่รู้จักเธอมาติดต่อตอนไหน เขาพ่นลมหายใจตัวเองออกมาอีกรอบ ยกถ้วยกาแฟขึ้นมาดื่มจนหมดแล้วเปลี่ยนเรื่องคุยเป็นอย่างอื่นเป็นเวลานาน จนกระทั่งสมาร์ทโฟนของเขาดังขึ้น ดึงให้เขาหยุดบทสนทนา

    “งั้นกูไปก่อนล่ะ มีธุระต้องไปต่อ”

    “อืม..”

    เขาลาเพื่อนตัวเองที่คบกันมาตั้งแต่เข้าปีแรกที่มหาลัยคาลอส เดินออกจากร้านขึ้นรถระหว่างนั้นก็เลื่อนหน้าจอรับสายที่โทรเข้ามา ถึงแม้ในใจเขาไม่อยากที่จะกดรับมันก็ตาม แต่ถ้าไม่รับมันก็จะร้องดังอยู่อย่างนี้จนน่ารำคาญ

    (เดมอน! นี่มึงอยู่ไหนเนี่ย)

    “มีอะไร”

    (กูต้องการคนด่วนเลยมึง มาช่วยกูหน่อย)

    “ช่วยเชี่ยไร กูไม่ว่าง”

    เขาปฏิเสธแทบจะทันทีถึงในความเป็นจริงช่วงนี้เขาโคตรจะว่างก็ตาม พลางสตาร์ทรถขับถอยหลังออกมาแล้วเปลี่ยนเกียร์เคลื่อนออกสู่ถนนใหญ่

    (อย่ามาตอแหลไอ้เด กูรู้มึงว่าง)

    “...”

    (ช่วยกูหน่อยเหอะ กูขาดคนจริง ๆ มึงมาร้องเพลงให้กูคืนนี้เหอะ)

    “แล้วนักร้องมึงไปไหน”

    เดมอนถามเมื่อคนที่โทรมาต้องการให้เขาไปร้องเพลงให้วงของมันที่คลับคืนนี้ เท่าที่เขาจำได้วงของซีเคมันก็มีนักร้องนำของมันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอไง แล้วทำไมต้องลากเขาไปร้องแทนคนอื่นด้วย แค่ไปเล่นเบสแทนมันตอนที่มันนอนซมป่วยก็เป็นพระคุณให้มันมากแล้วก็เถอะ

    (แม่งติดหญิงอะดิ โทรไปก็ไม่รับ)

    “มึงก็ขึ้นไปร้องแทนดิ”

    (ร้องให้เขาปารองเท้าใส่หน้ากูเหรอ)

    “งั้นก็ไม่ต้องเล่น ให้วงอื่นขึ้นแทน”

    (กูรับเงินมาแล้วน่ะสิ เดมอนถือว่ากูขอล่ะ ช่วยเพื่อนตาดำ ๆ คนนี้เหอะ)

    เขาโคตรอยากตัดสายจากเพื่อนเวรนี่ชะมัด แต่ให้ทำไงได้ในเมื่อมันเป็นแฟนของเพื่อนสนิทสมัยเด็กเขาเอง ไม่รู้ว่ายัยนั่นโดนทำของใส่รึเปล่าถึงไปคบกับมันได้ลงคอ พอได้รู้จักกันก็โอเคอยู่หรอกแต่เวลาเดือดร้อนทีไรก็โทรให้เขาไปช่วยทุกที ถ้าจะโทษก็น่าจะโทษเพื่อนของเขาเองที่ไม่น่าปากสว่านบอกว่าเขาร้องเพลงเป็น

    “เออ ๆ เดี๋ยวไป”

    ชั่วโมงกว่า ๆ กว่าที่เดมอนจะพาตัวเองมาถึงคลับ ถือว่ามาทันก่อนที่วงของซีเคจะเริ่มแสดง เขาลงจากรถแล้วเดินลัดเข้าหลังคลับ โดยมีซีเคยืนรออยู่ มันแทบจะกราบเขาอยู่แล้วทันทีที่เห็น ก่อนที่มันจะนำทางไปห้องพักที่เพื่อนของมันนั่งรออยู่ รวมถึงเพื่อนของผมเองเช่นกัน

    “ไง อันนา”

    เดมอนทักเพื่อนของตัวเอง ผู้หญิงท่าทางอ่อนหวานที่ไม่น่าจะเป็นเพื่อนกับเขาได้ แต่เพราะพ่อแม่ของของเขาและเธอรู้จักกันเลยทำให้รู้จักกันได้ไม่ยาก อันน่าส่งยิ้มเป็นการทักทายแล้วเอ่ยขอบคุณเขาที่ยอมมาช่วยแฟนของเธอให้พ้นจากปากเหว

    “นี่ถ้านายไม่มา หมอนี่คงสติแตกแน่ ๆ”

    “งั้นก็อย่าลืมบุญคุณฉันล่ะกัน”

    “จ้า ๆ ไม่ลืมแน่”

    หลังจากนั้นเดมอนก็นั่งซ้อมกับวงดนตรีของซีเค ดีที่เพลงที่จะร้องคืนนี้เขาพอจะร้องได้เพียงแค่ปรับจูนจังหวะและทำนองให้เข้ากันเท่านั้น และเมื่อถึงเวลาเริ่มแสดงเขาก็เหลือบมองดูนาฬิกาข้อมือเล็กน้อย ที่ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มกว่า ๆ พลางก็นึกถึงผู้หญิงที่อยู่ในห้องของเขาขึ้นมา ก่อนที่ซีเคจะเดินมาตบเข้าที่ไหล่ดึงสติให้กลับมา

    เขาสะบัดหัวเล็กน้อยก่อนจะขึ้นไปร้องเพลง แม้พวกที่เป็นแฟนคลับวงของมันจะแปลกใจเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็สนุกไปกับเพลงจนสนุกสุดเหวี่ยงไปตาม ๆ กัน สาว ๆ ที่ยืนอยู่ตรงหน้าส่งยิ้มยั่วยวนมาให้อย่างเปิดเผยซึ่งเขาก็ยกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยก่อนที่จะเดินลงจากเวทีเมื่อร้องเพลงสุดท้ายจบ

    “อุ้ย! ขอโทษค่ะ” ร่างของผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาชนเขาอย่างตั้งใจและเขาก็ยื่นแขนโอบเอวเธออย่างช่วยไม่ได้ หน้าอกของเธอเบียดเข้าอกของเขาอย่างจงใจ สายตายั่วยวนส่งมาให้โดยไม่คิดจะปิดก่อนที่เจ้าตัวจะยืดตัวเองขึ้นมากระซิบข้างหูของเขา

    “คืนนี้คุณอยากเล่นสนุกกับฉันมั้ยคะ ?” เดมอนเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถาม พลางจ้องใบหน้าสวย ๆ ของผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอดตัวเองแล้วคลี่ยิ้มที่มุมปาก ก้มใบหน้าต่ำลงจนชิดใบหน้าของเธอ ทาบริมฝีปากตัวเองลงบนกลีบปากที่แต้มลิปสติกสีแดงสดโดยมีเสียงโห่แซวจากซีเคให้ได้ยินอยู่ด้านหลัง

    เสียเวลานิดหน่อยคงไม่เป็นไรมั้ง ก็บอกแล้วว่าช่วงนี้เขาว่าง

    .

    .

    .

    ฟุบ...

    ร่างของหญิงสาวล้มลงไปที่เตียงก่อนจะโดนเดมอนเจ้าของห้องทาบทับลงมา เขากลืนกินริมฝีปากของหล่อนโดยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างที่กำลังจ้องมองการจูบที่ดุเดือดลึกซึ้งเลยสักนิด บุคคลที่สามที่อยู่ในห้องอ้าปากค้างกับภาพที่เห็น ความง่วงหายไปปลิดทิ้ง

    ตอนนี้เธอตาสว่างมาก ๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังหลับสบาย แต่ทันทีที่ได้ยินเสียงกุกกักหน้าประตูเธอก็ลืมตาสะลึมสะลือมอง แล้วอยู่ ๆ เดมอนก็ผลักประตูเข้ามาพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่ง ดันร่างของผู้หญิงคนนั้นล้มลงข้าง ๆ ตัวเธอ จนตัวเองต้องกลิ้งหลบหล่นไปที่พื้นแทน แล้วก็เกือบจะได้เห็นฉากรักในระดับความคมชัดเอชดีถ้าเดมอนไม่เหลือบมาเห็นเข้าให้

    “เวรเอ้ย !

    เดมอนสบถออกมา พลอยทำให้เธอสะดุ้งตกใจลนลานขอโทษเสียงสั่นแล้วรีบดึงสติกลับมาหลังจากที่มันแตกกระเจิงไปคนละทิศคนละทาง ลุกขึ้นยืนแล้วรีบย้ายร่างตัวเองไปให้ไกลจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด หัวใจของเธอเต้นกระหน่ำจนแทบจะหลุดออกมานอกอก ภาพเหตุการณ์เมื่อกี้ยังติดตรึงไม่ยอมจางหายไปง่าย ๆ ริมฝีปากของเดมอนที่บดขยี้ปากผู้หญิงคนนั้น มือเรียวยาวที่ลูบไล้ร่างกายของเธอ แล้วไหนจะเสียงครางแผ่วเบาของทั้งสองฝ่ายที่วิ่งลอยผ่านหูให้เธอได้ยินอีก ขนอ่อนของเธอลุกชันไปหมดแล้ว ตัวสั่นเล็กน้อยซึ่งไม่รู้ว่าตกใจหรืออายกันแน่

    แต่เรื่องนี้เธอไม่ผิดนะ ในเมื่อเดมอนยกห้องให้เธอแล้วถึงจะชั่วคราวก็เถอะ เพราะฉะนั้นเป็นเขาต่างหากที่ลืมไปว่ามีเธออยู่ห้องน่ะ ถึงได้พา... เออ.. ผู้หญิงมาในห้องน่ะ

    “กลับไป”

    “ว่าไงนะ!? นี่คุณไล่ฉันงั้นเหรอ”

    “กลับไปซะ!” ทันทีที่เดมอนเห็นยูวิ่งหายไปจากห้อง เขาก็ไล่หญิงสาวที่หิ้วมาอย่างไม่ใยดี หมดอารมณ์ตั้งแต่เห็นแววตาตื่นตระหนกตกใจของยูที่เห็นฉากรักของตัวเอง ผู้หญิงตรงหน้าที่เขาพามาด้วยยกนิ้วชี้หน้าด่าเขาก่อนที่จะสะบัดตูดเดินออกจากห้องไปแต่โดยดี

    เขายกมือเสยผมตัวเองขึ้น พ่นลมหายใจร้อน ๆ ออกมา ระงับอารมณ์ตัวเองให้มันสงบแล้วเดินออกมาจากห้องนอนที่เผลอลืมไปว่าตอนนี้มันมีเจ้าของแล้ว และเจ้าของตอนนี้ก็ยืนสงบเสงี่ยมอยู่ที่มุมห้องหนึ่ง ทันที่ที่เห็นเขาเดินออกมา เธอก็สะดุ้งน้อย ๆ แก้มทั้งสองข้างแดงขึ้นมาจนเขาอดที่จะมองมันไม่ได้

    “โทษที.. ผมลืมว่าคุณอยู่ด้วย” เขาเอ่ยขอโทษ เพราะเรื่องนี้เขาผิดจริง ตั้งแต่ไหนแต่ไรเขาก็หิ้วผู้หญิงมาสนุกกันที่ห้องนั้นถ้าเกิดพามาที่นี้

    “อะ...เออ ไม่เป็นไร”

    เธอส่ายหน้าเป็นเชิงไม่ถือสา ส่วนเดมอนหลังจากที่ขอโทษเสร็จก็ยังคงมองใบหน้าของยูเหมือนเดิมไม่ได้ขยับไปไหน แล้วเหมือนว่าเธอจะมองมาที่เขาด้วยเช่นกัน ก่อนที่เธอจะชี้มาแถว ๆ หน้าของเขา พร้อมกับขยับปากบอกอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ

    “คือ.. หน้าคุณ”

    “..?” เขาเลิกคิ้วข้างหนึ่งเมื่อเธอพยายามชี้อะไรบางอย่าง

    “มันเปื้อนลิปสติกของเธอคนนั้นน่ะ”

    เดมอนยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาลูบแก้มตัวเอง ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเดินไปหยุดยืนตรงหน้าหญิงสาวที่ยืนอยู่มุมห้องแล้วก้มตัวยื่นหน้าไปใกล้ ๆ เธอแบบไม่ให้ทันตั้งตัว อาการตกใจของเธอปรากฏให้เห็นแวบหนึ่งก่อนจะเลิกคิ้วงุนงง กะพริบตากลมตาจ้องมองมาที่หน้าของเขา

    “เออ...”

    “เช็ดให้หน่อย”

    เธอกะพริบตาปริ่ม ๆ เหมือนจะไม่เข้าใจกับคำพูดของเดมอนเมื่อกี้ จนคนตรงหน้าพูดซ้ำอีกครั้ง เธอถึงเข้าใจแล้วยื่นแขนเสื้อมาเช็ดรอยลิปสติกที่เปื้อนข้างแก้มให้ ดีที่เธอใส่เสื้อแขนยาวเลยเช็ดออกได้ง่าย ใบหน้าของเดมอนที่อยู่ในระยะประชิดเป็นครั้งแรก ทำให้เธอรู้สึกประหม่าขึ้นมาและเพิ่งตระหนักรู้ตัวว่าผู้ชายคนนี้หน้าตาดีเกินไปแล้ว มองไกล ๆ ก็ถือว่าโอแล้วด้วยซ้ำ นี่อยู่ใกล้แค่ไม่กี่คืบเอง ถึงตาเขาจะดูดุ แฝงความดิบเถื่อนพลอยให้รู้สึกตกใจกลัวอยู่บ้าง แต่เพราะแบบนี้ล่ะมั้ง หัวใจของเธอถึงยังไม่ยอมเต้นในจังหวะปกติสักที

    แล้วเหมือนว่าหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคืนนั้น เดมอนก็ไม่ได้พาผู้หญิงคนไหนขึ้นมาอีกเลย บางวันเขาก็อยู่ที่ห้องทั้งวัน บางวันก็หายไปตั้งแต่เช้าแล้วกลับมาดึก ๆ เธออยู่แบบนี้มาได้อาทิตย์หนึ่งแล้ว ซึ่งระหว่างนั้นก็พยายามนึกทบทวนความทรงจำที่หายไปของตัวเองเพราะเธอก็ไม่อยากเป็นภาระให้กับเดมอนไปมากกว่านี้ แต่พยายามแค่ไหนก็ไม่ได้อะไรกลับมานอกจากอาการปวดหัว

    เธอขมวดคิ้ว ยกมือขวาขึ้นมากุมขมับตัวเองเมื่ออาการปวดหัวเข้ามาขัดจังหวะในระหว่างที่เธอเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออก ภาพความจำที่ขาด ๆ วิ่น ๆ ไหลเข้ามาอย่างรวดเร็วจนประติดประต่อก็ไม่ได้ ก่อนจะมีเสียงหนึ่งดังก้องเข้ามาในหัว

    พี่ต่อ !’

    หมับ !

    เธอสะดุ้งโหยงเมื่อมีมือใครก็ไม่รู้คว้าเข้าที่ไหล่ตัวเอง ทันทีที่หันไปมองก็เป็นเดมอนยืนอยู่ด้านหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แถมตอนนี้อาการปวดหัวที่กำเริบก็หายไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งปริศนาเอาไว้เพียงหนึ่งอย่างที่ไม่รู้ว่าเป็นชื่อของใครให้เธอ

    “เป็นอะไร?

    “อะ..เอออ ปวดหัวน่ะ เมื่อกี้พยายามนึกความจำตัวเอง” เธออธิบายให้เดมอนฟังแต่โดยดีเมื่อเขาถาม ก่อนจะพาร่างตัวเองมานั่งลงบนโซฟา

    “แล้วพอจะจำอะไรขึ้นมาได้บางมันก็ปวดหัวขึ้นมาดื้อ ๆ”

    “...”

    “แต่เมื่อกี้เหมือนว่าฉันจะนึกชื่อใครไม่รู้ออกนะ รู้สึกจะเป็น.. ต่อ.. พี่ต่อน่ะ”

    “ต่อ ?

    เดมอนเลิกคิ้วเมื่อได้ยินชื่อใครสักคนหลุดออกมาจากปากยู เขารู้สึกคุ้นนิดหน่อยเหมือนว่าจะเคยได้ยินจากปากใครสักคน แต่ก็นึกไม่ออกเช่นกัน ไอ้คนชื่อนี้อาจจะเป็นคนรู้จักของเธอก็ได้ แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ถามหรือฟังอะไรจากปากของเธอต่อ สมาร์ทโฟนที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงก็สั่นขึ้นพร้อมกับเสียงริงโทนดังขึ้นมาทีหลัง

    “มีอะไร ?

    (ไอ้เด ตอนนี้มึงอยู่ไหนวะ)

    “กูไม่ร้อง มึงไปหาคนอื่นเลย” ไม่ทันที่ปลายสายจะทันได้พูดอะไรต่อ เขาก็ชิงตัดสายอย่างรวดเร็วชนิดที่ว่าเธอที่นั่งอยู่ไม่ไกลแล้วก็ได้ยินบทสนทนาเมื่อกี้กะพริบตาปริ่ม ๆ มองมาที่เขา ก่อนที่สมาร์ทโฟนของมันจะสั่นอีกครั้ง แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเดินไปคว้าขวดน้ำเย็น ๆ มายกขึ้นดื่มแทน

    “ทำไมคุณไม่รับล่ะ”

    “ขี้เกียจ”

    เธอมองไปที่สมาร์ทโฟนที่บังเอิญอยู่ใกล้ตัวพอดีก่อนจะหันหน้ามามองที่เขาที่เดินเอ้อระเหยลอยไปมาในห้อง เสียงริงโทนเงียบหายไปแต่โดยดี แต่ก็เพียงแค่แป็บเดียวเสียงเตือนข้อความไลน์ก็ดังขึ้น แถมดังขึ้นต่อเนื่องชนิดที่ว่าเพียงไม่ถึงนาทีก็เป็นร้อย ๆ ข้อความ

    “แม่ง !” สุดท้ายเดมอนก็เดินหัวเสียคว้าสมาร์ทโฟนขึ้นมาแล้วกดโทรหาไอ้เพื่อนเวรที่ตามตื๊อไม่เลิก แล้วก็เดาไม่ผิดที่ว่ามันโทรมาให้เขาไปช่วยวงมันอีกรอบ

    “ก็บอกแล้วไงว่าไม่เอา มึงนี่”

    (ทำไงได้วะ ก็แฟน ๆ มันเรียกร้องนี่)

    “กูขี้เกียจ อีกอย่างนักร้องนำมึงก็อยู่ไม่ใช่รึไง”

    (เออก็อยู่ แต่กูอยากให้มึงมาร้องให้สักเพลงตอนเริ่มแสดง นะเดมอน มาเหอะ กูจ้างมึงเลยก็ได้ เอ้า !)

    เดมอนยกมือขึ้นมาลูบหน้า ฟังไอ้เพื่อนเวรที่สรรหาวิธีเพื่อที่จะลากเขาให้ไปร้องเพลงเปิดให้วงมัน เขานั่งลงข้าง ๆ ยูที่กำลังใช้ดวงตากลมโตมองมาที่เขาอยู่ แล้วเหมือนว่าเธอจะรู้สึกตัวจึงทำท่าจะลุกขึ้นเดินหนีไปที่อื่นให้เขาคุยกับเพื่อนได้สะดวก ทว่ามือของเขาก็กดลงที่ไหล่ของเธอให้นั่งลงตามเดิม

    “นั่งนี่แหละ”

    (มึงคุยกับใครวะ)

    “ไม่ใช่มึงล่ะกัน”

    เขาตอกกลับไปโดยไม่สนใจว่ามันจะใจร้ายกับเพื่อนตัวเองรึเปล่า ก่อนที่จะเอาสมาร์ทโฟนตัวเองออกห่างจากหูแล้วหันมามองใบหน้าของยูที่กำลังมองมาที่เขาพอดี

    “อยากไปฟังดนตรีสดมั้ย”

    “คะ ?

    “แต่มันอยู่ที่คลับนะ เสียงดังนิดหน่อย อยากไปมั้ย” เพราะว่าเขาสังเกตเห็นว่ายูชอบฟังพวกรายการเพลงอยู่บ่อย ๆ ท่าทางเธอดูสนใจเรื่องเพลงมากกว่าเรื่องอื่น ความคิดหนึ่งเลยแวบเข้ามาว่าถ้าพาเธอไปแล้วมันคุ้นกับสิ่งที่เธอเคยเห็นเคยได้ยิน บางทีอาจจะดึงความทรงจำที่ถูกปิดเอาไว้ให้ออกมาก็ได้ และเท่าที่เขามองก็พบว่าเธอมีอาการดีใจแล้วก็อยากไปมาก ๆ ให้เห็นโดยที่ไม่ต้องเอ่ยปากบอกก็รู้

    “ไปได้เหรอ !? คุณให้ฉันไปได้แน่นะ”

    “แต่ต้องอยู่ในสายตาผม แขนคุณยังไม่หายดี”

    “อื้อ ! ได้อยู่แล้ว ฉันไม่ไปไหนหรอก” รอยยิ้มกว้างของเธอส่งมาให้เดมอนอย่างรวดเร็ว มันดูสดใสแล้วก็สว่างจ้าจนเขาต้องดึงสติกลับมา หันหน้าไปทางอื่นแล้วเอาสมาร์ทโฟนแนบกับหูอีกครั้งเพื่อตอบตกลงซีเคว่าจะไปร้องเพลงเปิดให้ แต่แค่เพลงเดียวเท่านั้น

    หลังจากพูดเคลียร์กันเรียบร้อย เดมอนก็ปล่อยให้ยูไปเตรียมตัวโดยไม่ลืมกำชับให้แต่งตัวมิดชิดเพราะที่คลับที่จะไปบรรยากาศมันเย็น ส่วนเขาก็เข้าไปในห้องนอนตัวเองอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าง่าย ๆ แล้วมานั่งรอเธอ ไม่นานยูก็เดินออกมาด้วยชุดที่เขาเพิ่งพาเธอไปซื้อมาใหม่

    “ผมจะขึ้นไปร้อง คุณก็ยืนอยู่ตรงจุดที่ผมบอกก็พอ”

    “คุณเป็นนักร้องนำเหรอ”

    “เปล่า”

    “อ้าว ?

    ใบหน้าของเธอเศร้าลงเล็กน้อย เพราะเธอคาดหวังไปแล้วว่าเดมอนเป็นนักร้องนำวงดนตรี ถึงเธอจะไม่เคยได้ยินเสียงเขาร้องก็เถอะ แต่เสียงพูดของคน ๆ นี้ก็มีเสน่ห์อยู่ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเวลาที่เขาร้องมันน่าจะน่าฟังมาก ๆ แน่

    “แล้วทำไมคุณถึงได้ไปร้องเพลงล่ะ”

    เธอเอ่ยถามในระหว่างที่นั่งในรถแล้วพยายามดึงสายเข็มขัดนิรภัยมาคาด แต่เพราะไม่ค่อยถนัดนักเดมอนเลยเอื้อมตัวไปดึงสายให้ เลยทำให้เธอได้กลิ่นโคโลญจน์ของเขา แม้จะเริ่มคุ้นเคยกับกลิ่นนี้แล้วก็ตามแต่มันก็ดันทำให้หัวใจของเธอเต้นตึกตักอีกครั้ง จนต้องระบายลมหายใจร้อน ๆ ของเธอเองเพื่อระงับอาการตื่นเต้น

    “เพื่อนผมมันขอให้ไป”

    “ถ้างั้นคุณก็ต้องร้องเพลงเพราะมาก ๆ น่ะสิ”

    “...”

    “ฉันจะรอฟังคุณร้องเพลงนะ”

    เดมอนหันมามองใบหน้าของยูที่ยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มเล็ก ๆ บนแก้มของเธอ เขาใช้ดวงตาทั้งสองข้างมองเธอเนิ่นนาน จนเจ้าตัวที่กำลังถูกมองรู้สึกตัว หันกลับมามองด้วยแววตาสงสัย ก่อนที่ตัวเขาจะเบนสายตามาจดจ่อเส้นทางที่จะไปแทน โดยไม่ได้พูดหรือหันกลับไปมองเธออีกเลย

    “ขอบคุณสวรรค์ที่มึงมา”

    “หุบปากแล้วพากูเข้าไปได้แล้ว”

    ทันทีที่เดมอนมาถึงแล้วเดินนำยูมาทางหลังคลับ ซีเคที่ยืนรออยู่ก็ถลาเข้ามาอย่างรวดเร็วก่อนจะโดนเขาผลักเข้าที่ไหล่ดันให้มันพาเข้าไป แต่ดูเหมือนว่าเพื่อนตัวดีของเขาจะเห็นผู้หญิงที่เขาพามาด้วยเข้า มันเลยหยุดชะงักแล้วส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ดูน่าไม่ไว้วางใจสุด ๆ มาให้ แถมยังยักคิ้วหลิ่วตาจนเดมอนอยากจะหาไม้หน้าสามมาฟาดหน้ามันสักทีสองที

    “ฮั่นแน่.. มึงมาใครมาด้วยวะ”

    “อย่ายุ่งน่า สรุปมึงจะให้กูไปร้องเพลงเปิดให้มั้ย ถ้าไม่กูจะได้กลับ”

    “เฮ้ย ๆ ก็แค่แหย่เล่น มึงอย่าเพิ่งน้อยใจกลับดิวะ”

    “...”

    “มา ๆ เข้ามา อ๋อ ! แล้วก็ยินดีที่รู้จักนะครับ ผมชื่อซีเคนะ เป็นเพื่อนกับแฟนคุณ” เธออ้าปากค้าง ตกใจกับประโยคตอนท้ายของผู้ชายที่ชื่อซีเค แต่เธอก็ไม่ทันได้อธิบายชายคนนั้นเพราะเขาเดินนำละลิ่วพาเข้าไปด้านในซะแล้ว ทิ้งระเบิดลูกใหญ่ให้เธอทำอะไรไม่ถูกข้าง ๆ เดมอนแถมแก้มทั้งสองข้างก็ร้อนขึ้นมาอีกแล้ว

    แล้วทำไมเดมอนถึงไม่รีบอธิบายให้เพื่อนเขาเข้าใจกันนะ เพราะทันทีที่เธอเดินมาหยุดอยู่ที่ห้องหนึ่ง คนในห้องที่คาดว่าเป็นเพื่อนกับเดมอนก็เข้าใจไปแล้วว่าเธอเป็นแฟนกับเขา จนเธอไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปมุดอยู่ที่ไหน พอจะอธิบายเดมอนก็พูดขัดเธอทุกครั้งก่อนจะโยนให้เธอไปอยู่กับผู้หญิงหน้าตาน่ารักที่ชื่อว่าอันนาแทน

    “คุณคงจะเป็นผู้หญิงที่เดมอนชนคุณใช่มั้ย”

    “อ่า...ใช่ เออ..แล้วก็ฉันไม่ได้เป็นแฟนกับเขานะ” ในที่สุดเธอก็ได้มีโอกาสพูดประโยคนี้สักที แต่ทำไมพอพูดแล้วอันนาถึงเอาแต่ยิ้ม ๆ ท่าทางดูไม่ค่อยเชื่อนักล่ะ นี่เธอไม่ได้พูดโกหกเลยนะ

    “ไม่เป็นไรหรอก คุณไม่ต้องกังวลขนาดนั้นก็ได้ เพื่อนฉันยังไม่มีแฟน ไม่มีใครมาหาเรื่องคุณแน่นอน พวกผู้ชายก็ชอบแซวกันแบบนี้เป็นประจำ คุณไม่ต้องคิดมากหรอกนะ”

    “เออ... งั้นเหรอคะ”

    อันนาเหมือนจะเข้าใจดี แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เธอก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี เพราะเธอกลัวไปทำให้เดมอนหงุดหงิดขึ้นมาน่ะสิ เธอพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ พลางหันไปมองเดมอนที่อยู่กับกลุ่มเพื่อนของเขา แถมทันทีหันไปก็พบว่าเดมอนมองมาที่ตัวเองอยู่ก่อนหน้านี้อยู่แล้ว นั่นเลยทำให้เธอหันหน้าหนีไปที่อื่นแทบจะไม่ทัน หัวใจนี่เต้นตึกตักรัวเร็วขึ้นมาอีกรอบ รู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ยังไงก็ไม่รู้ พอนึกถึงดวงตาคมดุที่กำลังจ้องมองมาที่ตัวเอง ร่างของเธอก็รู้สึกสั่นไม่เป็นตัวของตัวเองเลยสักนิด

    โอ้ยยย ทำไมเขาถึงมองเธอกันล่ะ

    และกว่าที่การแสดงดนตรีสดจะเริ่ม ก็ปาไปสองทุ่มกว่า ๆ เธอเลียริมฝีปากตัวเองขณะมองดูคนอื่น ๆ อยู่คนเดียว ส่วนอันนานั้นเธอขอตัวไปเข้าห้องน้ำพอดี สายตาของเธอจับจ้องมองไปที่เดมอนที่เดินขึ้นเวที เข้าควงไมค์ในมือก่อนที่จะยกยิ้มที่มุมปากนิด ๆ เมื่อได้ยินเสียงต้อนรับจากสาว ๆ ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเวที นี่ถ้าไม่มีรั้วมากั้น สาว ๆ พวกนั้นได้พากันรุมทึ้งเดมอนแน่นอน

    ไม่รู้เป็นเพราะแสงสีในคลับหรือเพราะอะไรกันแน่ เธอถึงได้รู้สึกว่าเดมอนมีเสน่ห์ร้ายกาจชนิดที่ว่าเธอละสายตาจากเขาไปไหนก็ไม่ได้ ท่าทางของเขา น้ำเสียงของเขาตรึงสายตาเธอให้มองแต่เขาคนเดียว และเมื่อเสียงเครื่องดนตรีเริ่มเล่น ดวงตาคมดุสีดำสนิทของเดมอนก็มาหยุดที่เธอ ก่อนที่เขาจะเริ่มร้องเพลง

    เธอยกมือขึ้นมากุมบริเวณขมับ เมื่อเพลงที่เดมอนร้องมันคุ้นหูเธอเหมือนว่าเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน ภาพตรงหน้าที่เธอเห็นมันพร่าเลือนแล้วถูกแทนที่ด้วยภาพหนึ่งแทน เป็นภาพที่เธอกำลังเล่นกีตาร์อยู่บนเวที มีผู้ชมกำลังยืนฟังกันอย่างมีความสุข ก่อนจะตัดมาที่ภาพใบหน้าผู้ชายคนหนึ่งที่เธอเรียกเขาว่าพี่ต่อ

    และใช่... คน ๆ นั้นเป็นแฟนของเธอ

    “โอ้ย !

    เหมือนว่ามีแสงสว่างสาดเข้ามาตรงหน้าเธอทำให้อาการปวดหัวกำเริบหนักขึ้นกว่าเดิม แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ภาพต่าง ๆ ที่เธอไม่คุ้ยเคยหยุดลงเลยแม้แต่น้อย กลับไหลมาเรื่อย ๆ อย่างกับสายน้ำแล้วเริ่มประติดประต่อมากขึ้นกว่าเดิม เธอยื่นมือขวาไปจับราวเหล็กเพื่อพยุงร่างตัวเองไม่ให้ล้ม กัดริมฝีปากตัวเองเมื่อภาพเหตุการณ์ล่าสุดโผล่เข้ามาแล้วความทรงจำทุก ๆ อย่างที่เคยเลื่อนหายไปก็กลับมาครบดังเดิม

    อลิส...

    ชื่อของเธอคืออลิส... อลิส นักศึกษาปีสุดท้ายของมหาลัยโจเซฟ เธอเรียนวารสารศาสตร์ แล้วก็เป็นมือกีตาร์โปร่งให้กับวงของแฟนตัวเอง พี่ต่อ แล้วก็ใช่.. ผู้ชายคนนี้นี่แหละทำให้ตัวเธอร้องไห้เสียใจหนัก เมื่อเธอจับได้คาหนังคาเขาว่าเขานอกใจมีอะไรกับเพื่อนสนิทของตัวเอง และนั่นทำให้เธอวิ่งหนีออกมาแล้วถูกรถของเดมอนชนเข้า

    “อลิส !

    เธอสะดุ้ง หันกลับไปตามเสียงเรียกที่ดังแทรกเข้ามาให้ได้ยินก่อนที่จะเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อคนที่เรียกเป็นพี่ต่อแฟนเก่าของเธอเอง และตอนนี้เดินตรงมาจับไหล่ของเธอทั้งสองข้าง สำรวจมองเธอด้วยแววตาดีใจที่ได้พบเธอที่นี้

    “รู้มั้ยว่าพี่เป็นห่วงแค่ไหน อยู่ ๆ เธอก็หายไป ให้ตายเถอะ! พี่เป็นห่วงเราแทบแย่” พี่ต่อดึงเธอเข้าไปกอดอย่างรวดเร็ว ร่างกายของเธอแข็งทื่อ รู้สึกไม่คุ้นชินกับสัมผัสของพี่เขาเลยสักนิด ก่อนที่เขาจะผละออกแล้วก้มมองเธออีกครั้ง

    “โชคดีของพี่ที่ได้มาเจอ อลิสฟังพี่พูดนะ พี่ไม่ได้มีอะไรกับแป้ง มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด พี่ไม่ได้นอกใจอลิสเลยนะ”

    “ดะ..เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน”

    “อลิสต้องเชื่อพี่นะ”

    “พี่ต่อ เจ็บ...”

    เธอบอกเพราะพี่ต่อบีบไหล่เธอจนรู้สึกเจ็บ เขาเลยผ่อนแรงลงแต่ก็ไม่ได้ปล่อยให้เธอหลุดมือ

    “แล้วอลิสหายไปไหน พี่โทรหาก็ไม่มีสัญญาณ แล้ว....”

    “ปล่อยผู้หญิงคนนั้นซะ !” ก่อนที่พี่ต่อจะทันได้ถามอะไรต่อมิอะไรมากมายจบ เสียงดุดันของเดมอนก็ดังขึ้นทางด้านหลัง อลิสจำได้เป็นอย่างดีว่าเสียงนี้เป็นเสียงของเขา และยื่นมือมาจับแขนข้างขวาของเธอ ออกแรงดึงให้พ้นจากพันธนาการของพี่ต่ออย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะเป็นคนรวบเอวของเธอเอาไว้แทน

    “มันเป็นใคร”

    เดมอนก้มลงถาม ลมหายใจร้อน ๆ เป่ากระทบผิวแก้ม เธอสัมผัสได้ถึงเหงื่อเย็น ๆ ของเขา ไม่รู้ว่าเดมอนร้องเพลงเสร็จตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เท่าที่รู้ตอนนี้เธอรู้สึกอุ่นใจขึ้นมากกว่าตอนที่พี่ต่อเจอเธอเสียอีก

    “คือ...”

    “แฟนของเธอ แล้วมึงล่ะเป็นใครมายุ่งอะไรกับแฟนกู”

    “...!!” แขนที่โอบเอวของเธอรัดแน่นขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย เมื่อพี่ต่อเป็นฝ่ายบอกเอง เดมอนไม่ได้หันไปสนใจพี่ต่อเลยสักนิดเขากลับก้มมองมาที่เธอแทน ใช้ดวงตาคมดุจ้องลึกมาที่ดวงตากลมโตของเธอเหมือนต้องการคำตอบจากปากเธอมากกว่าคำตอบของพี่ต่อ

    “ไม่.. ไม่ใช่”

    คำตอบจากปากของเธอแม้จะแผ่วเบา แต่เดมอนก็ได้ยินชัดเจน เขายืดตัวขึ้นแล้วมองผู้ชายตรงหน้าที่เตี้ยกว่าเขาแล้วทำกร่างจนน่าเอาเท้าถีบเข้าที่อกมันให้กระเด็นไปไกล ๆ

    “อลิสมาหาพี่!

    “...”

    เดมอนขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อชายคนนี้เรียกยูด้วยชื่ออื่น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เอ่ยปากไล่มันอยู่ดี

    “ไสหัวออกไป ถ้ามึงไม่อยากเจ็บตัว”

    “มึงว่าไงนะ !?

    “เอามันออกไป ซีเค”

    เดมอนหันไปบอกเพื่อนของเขาที่เดินมาสมทบทีหลัง ถึงจะไม่รู้เรื่องราวแต่ซีเคก็พยักหน้าเออออรับแล้วลากมันออกไปแต่โดยดี และพอไอ้ตัวปัญหาพ้นสายตาไปได้สักที เขาก็หันมาสนใจผู้หญิงในอ้อมกอดข้าง ๆ ที่ยังคงเงียบไม่พูดจบอะไร ริมฝีปากเล็กนั่นเอาแต่กัดจนแดงช้ำให้เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก แค่ที่อยู่ ๆ เธอก็ทำท่าจะล้มไปกองกับพื้นก็ทำให้เขาสมาธิหลุดอยู่แล้ว ไหนจะผู้ชายเมื่อกี้นี่เองที่เขาแทบจะโดดลงจากเวทีพอร้องเพลงจบ

    “คุณรู้จักกับมัน ?

    “อะ..เออ..”

    “ตอบ”

    เดมอนเชยคางเธอขึ้นไม่ให้เธอหลบหน้าหนีไปทางอื่น มองใบหน้าของเธอที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้วใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเขาก้มหน้าลงไปอีกพร้อมกับรั้งเอวของเธอให้แนบชิดกับร่างกายของเขา

    “ฉัน... คือว่า..”

    “ถ้าไม่พูด ผมจะลงโทษคุณ”

    “ลงโทษ ?

    ผู้หญิงตรงหน้ากะพริบตากลมโตแล้วจ้องมาที่เขา ริมฝีปากเล็ก ๆ เผยอขึ้นอย่างลืมตัว เขารู้ดีว่าเธอไม่ได้ยั่วแต่ไม่รู้ทำไมแค่อาการที่เธอแสดงตอนนี้ก็ทำให้เขาตัดสินใจอย่างรวดเร็ว และคิดจะลงโทษเธอทันที ไม่สนแล้วว่ามันจะสร้างความตกใจให้เธอมากน้อยแค่ไหน

    เดมอนก้มลงจูบริมฝีปากเล็ก ๆ ของเธออย่างรวดเร็ว ท่ามกลางเสียงเพลงดนตรีที่ดังสนั่นแต่ตอนนี้อลิสกับได้ยินเสียงหัวใจตัวเองดังก้องอยู่ในหู เธอตกใจที่อยู่ ๆ เดมอนก็ก้มลงมาจูบเธอ แถมยังใช้โอกาสที่เธอเผลอแทรกลิ้นเข้ามาอย่างอุกอาจ เกี่ยวกระหวัดลิ้นของเธอจนเธอรู้สึกมึนงง ก่อนจะเคลิ้มไปกับรสสัมผัสของเขาในเวลาต่อมา เดมอนครอบครองริมฝีปากเธออย่างดุดัน ไม่ปรานีเลยว่านี่อาจจะเป็นจูบแรกของเธอ เนิ่นนานจนเธอไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองถูกเขาดันแผ่นหลังติดกับกำแพง กักขังร่างของเธอภายใต้วงแขนของเขา ริมฝีปากอุ่นจัดแนบลงที่มุมปากของเธอ หยอกเย้าเธอเล่นจนร่างของเธอสั่นเท่า หัวใจเธอเต้นแรงจนห้ามไม่ได้จริง ๆ สัมผัสของเดมอนทำให้เธอจะเป็นลมไปตรงนี้อยู่แล้วถ้าเขายังไม่คิดจะหยุด

    “เดมอน...”

    อลิสเรียกชื่อเขาเสียงแผ่วเบา หวังให้เขายอมปล่อยให้เธอได้มีโอกาสหายใจได้ทั่วท้องสักที แต่ดูเหมือนว่าเธอจะคิดผิด เพราะวินาทีต่อมาเดมอนก็กดจูบปิดปากเธออีกครั้ง เขาไม่สนใจว่าตัวเองกำลังอยู่ที่ไหน ไม่สนสายตาคนอื่น ๆ ที่มองมา ตอนนี้เขาสนเพียงแต่ริมฝีปากหอมหวานตรงหน้าเท่านั้น ทันทีที่ได้ลองก็เหมือนกับเจอของหวานที่ถูกใจและยากที่จะหยุด

    และใช่... เขาจูบเธออีกครั้ง และอีกครั้ง...



     



    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×