คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #27 : Chapter 27 : The Calm Before Storm
“ร้องอีกสิ! ร้องไปก็ไม่มีใครช่วยแกได้! แกมันเลือดสีโคลน เป็นได้แค่เศษสวะโลกของฉันเท่านั้นนังโง่!!”
เบลลาทริกซ์แผดเสียงหัวเราะด้วยความหฤหรรษ์กับความเจ็บปวดของเฮอร์ไมโอนี่
เธอกำลังจะร่ายคาถากรีดแทงซ้ำใส่ในตอนที่มีเสียงบางอย่างดังมาจากชั้นใต้ดินที่พวกแฮร์รี่และรอนถูกคุมขังอยู่
ดวงตาสีเข้มบ้าคลั่งของเธอเหลือบไปมองเฟนเรียและส่งสัญญาณให้เขาลงไปตรวจสอบ
เฟนเรียเร่งรีบลงบันไดไปทันที
ไม่กี่นาทีถัดมา
ร่างของเฟนเรียลอยละลิ่วขึ้นมากระแทกพื้นไม่ไกลจากเฮอร์ไมโอนี่นัก
เบลลาทริกซ์ลุกขึ้นและยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นทันที เฮอร์ไมโอนี่เห็นแฮร์รี่และรอน
พร้อมกับใครอีกคนหนึ่งที่คาดไม่ถึง…ด๊อบบี้นั่นเอง
ก่อนที่ผู้เสพความตายคนอื่นจะได้ร่ายคาถา
ด๊อบบี้ดีดนิ้วเรียวยาวของมัน
ราวกับมีพลังงานที่มองไม่เห็นลูกใหญ่ซัดเข้าใส่เบลลาทริกซ์จนเธอกระเด็นไปอีกฝั่งของห้อง
รอนรีบวิ่งมาประคองเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นโดยมีแฮร์รี่คอยร่ายคาถาโต้ตอบกับพวกผู้เสพความตายด้วยไม้กายสิทธิ์ที่เขาขโมยมา
รอนกึ่งลากกึ่งพยุงเฮอร์ไมโอนี่มาหาด๊อบบี้และจับมือเธอกับด๊อบบี้ไว้แน่น
แฮร์รี่สะบัดไม้กายสิทธิ์ส่งคาถาสะกดนิ่งใส่โรโดลฟัสเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเข้ามาจับมือรอน
ทันใดนั้น ราวกับโลกทั้งใบกำลังบิดเบี้ยว
พวกเธอกำลังจะหายตัวไปได้สำเร็จอยู่แล้ว…จนกระทั่งเฮอร์ไมโอนี่เห็นประกายสีเงินพุ่งตรงมายังพวกเธอก่อนจะหลับตาแน่น
เมื่อทุกอย่างกลับมาสงบ เฮอร์ไมโอนี่ค่อยๆ ลืมตาขึ้น
เสียงลมโกรกและเสียงเกลียวคลื่นซัดชายฝั่ง กลิ่นเกลือจางๆ ในอากาศยามค่ำทำให้เธอรู้ว่าเธอมาถึงกระท่อมเปลือกหอยของบิลและเฟลอร์แล้ว
เธอกำลังจะทรุดตัวนั่งด้วยความโล่งอก แต่แล้วเธอก็เห็น
มีดเล่มเล็กสีเงินที่ปักอยู่บนอกของด๊อบบี้…เลือดสีแดงซึมออกมาบนปลอกหมอนใบเก่าที่มันชอบสวมเสมอ
มันโซเซก่อนจะล้มลงในอ้อมแขนแฮร์รี่ที่ดวงตาเบิกกว้างด้วยความช็อก เขาค่อยๆ วางมันตะแคงบนพื้นหญ้าเย็นๆ
“ด๊อบบี้..อย่า อย่าตาย อย่าตาย….”
ดวงตาของเอล์ฟจ้องไปยังแฮร์รี่ ริมฝีปากของมันสั่นระริก
ราวกับพยายามจะพูดอะไรออกมา
“แฮร์รี่…พอตเตอร์”
และจากนั้น ร่างของเอล์ฟสั่นน้อยๆ และแน่นิ่งไป
ดวงตาดุจลูกแก้วลูกโตของมันมองไปยังท้องฟ้ายามค่ำอย่างว่างเปล่า สะท้อนเงาดวงดาวนับล้านที่มันไม่อาจมองเห็นได้อีกต่อไป
สเปนเซอร์นั่งมองเปลวเพลิงในเตาผิงด้วยสายตาว่างเปล่า
คฤหาสน์หรูหราของเขาเงียบสงัด
หีบใบใหญ่ที่ใส่ข้าวของสำหรับไปฮอกวอร์ตนั้นถูกเก็บเรียบร้อย
แต่เขารู้ดีว่าเขาจะไม่ได้กลับไปฮอกวอร์ต…อย่างน้อยก็ยังไม่ใช่ตอนนี้
ตอนที่สถานการณ์ในโลกเวทมนตร์กำลังเปราะบางพร้อมแตกหัก
เสียงเคาะประตูเบาๆ
ดังขึ้นแต่สเปนเซอร์ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย
พ่อบ้านชราประจำตระกูลของเขาวางถาดเงินที่บรรจุชาร้อนและขนมสโคนไว้ข้างๆ เขา
ดวงตาสีเทาที่พร่าเลือนตามวัยจ้องมองนายน้อยด้วยความเคารพ เขาจัดแจงรินน้ำชาและถอยออกไปยืนด้านหลังเงียบๆ
“คุณลุงล่ะ” สเปนเซอร์ถามเสียงแผ่ว
“คุณอักเซลจะไม่กลับบ้านคืนนี้ครับ ท่านเป็นผู้นำการบุกจับผู้เสพความตายอย่างเป็นทางการแล้วหลังจากคุณสคริมเจอร์เสียชีวิต”
“’งั้นหรือ…”
เงียบกันไปครู่หนึ่ง
สเปนเซอร์หยิบถ้วยชามาจิบอย่างเหม่อลอย
เขาเหลือบมองพ่อบ้านที่ยืนนิ่งราวกับรูปปั้นก่อนจะกล่าวเสียงเรียบ
“ไปพักผ่อนเถอะโธมัส ผมอยากอยู่คนเดียวสักพัก”
“ครับ นายน้อย” โธมัสโค้งให้น้อยๆ
และสบตาสเปนเซอร์ด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง
ก่อนจะเดินออกจากห้องไปเงียบๆ สเปนเซอร์มองตาม แต่มือเหี่ยวย่นของโธมัสวางค้างอยู่บนลูกบิด
ดวงตาสีเทาของเขาหันมามองสเปนเซอร์อีกครั้ง
“บางทีคุณอาจจะอยากไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดนะครับ ผมเชื่อว่าที่นั่นมีอะไรอีกมากมายที่คุณยังไม่เคยค้นพบ” โธมัสกล่าวเสียงค่อย ก่อนจะเปิดประตูออกไปและปิดตามอย่างเงียบกริบ
ทิ้งสเปนเซอร์ไว้ให้ครุ่นคิดถึงคำพูดของเขาเพียงลำพัง
เสียงรองเท้าหนังสีดำปลาบกระทบไปบนพื้นหินอ่อน
สเปนเซอร์นอนไม่หลับ เขาจึงตัดสินใจว่าจะไปหาอะไรอ่านที่ห้องสมุดตามคำแนะนำของโธมัส
แม้ว่าจะตะหงิดใจกับคำพูดพิลึกของพ่อบ้านชรา
โธมัสรับใช้ตระกูลของเขามาตั้งแต่สมัยพ่อกับแม่ของเขาแต่งงานกันใหม่ๆ
เขาจึงเป็นข้ารับใช้เก่าแก่ที่ซื่อสัตย์ต่อตระกูลสเปนเซอร์มาตลอด
โธมัสเป็นผู้ที่รู้เรื่องทุกอย่างของตระกูลนี้ดีกว่าใคร
และอาจจะดีกว่าตัวของสเปนเซอร์เองอีกด้วยซ้ำ
สเปนเซอร์ผลักประตูรูปสลักเทวากับซาตานที่เขาแสนจะเกลียดเข้าไป
ห้องนี้เป็นทั้งห้องทำงานและห้องสมุดของผู้นำตระกูล
ในอดีตมันคือห้องทำงานของวินเซนต์ สเปนเซอร์…ห้องที่พ่อของเขาถูกลูเซียส
มัลฟอยฆ่านั่นแหละ แต่ตอนนี้มันเป็นห้องทำงานของอักเซล สเปนเซอร์ผู้เป็นลุงของเขา
แสงจันทร์สีเงินส่องกระทบสวนสไตล์อังกฤษด้านนอก
และลอดผ่านหน้าต่างบานใหญ่เข้ามากระทบโต๊ะทำงานแกะสลักงดงามที่ตั้งอยู่ริมสุดห้องราวกับแสงสปอร์ตไลท์
สเปนเซอร์หยิบหนังสือมาเล่มหนึ่งและทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้นวมหนานุ่มหลังโต๊ะทำงาน
โต๊ะที่พ่อเขาชอบนั่งทำงานอยู่เสมอ ตอนที่เขายังเป็นเด็ก
พ่อของเขาจะอุ้มสเปนเซอร์นั่งลงบนตักและอ่านหนังสือนิทานให้ฟังที่โต๊ะตัวนี้อยู่บ่อยๆ
เขาจึงชอบกลับมานั่งตรงนี้เพราะมันทำให้เขานึกถึงพ่อ
สเปนเซอร์พลิกหน้ากระดาษไปเรื่อยเปื่อยอย่างใจลอย
จนเขาเหลือบเห็นลิ้นชักหนึ่งข้างโต๊ะที่ดูเหมือนจะถูกปิดไว้ลวกๆ
มันจึงเผยอออกมาเล็กน้อย
โดยปกติแล้ว ลุงของเขาจะปิดล็อกลิ้นชักที่โต๊ะด้วยคาถาเสมอเพราะเก็บเอกสารสำคัญของกระทรวงไว้
แต่ดูเหมือนช่วงนี้เขายุ่งเกินกว่าจะรอบคอบเหมือนเคย ด้วยความสงสัย
สเปนเซอร์จึงดึงลิ้นชักออกมา
และพบว่าข้างในคือไม้กายสิทธิ์ที่ถูกหักครึ่งและจดหมายอีกปึกหนึ่งที่ดูเก่ามากแล้ว
สเปนเซอร์ขยับเข้าไปดูอย่างสนใจ เขาจำไม้กายสิทธิ์นี้ได้
มันเป็นไม้อันเก่าของอักเซล แต่ดูเหมือนว่าไม้นี้จะเสียหายเกินกว่าจะซ่อมได้แล้ว
แต่ตราประทับบนจดหมายปึกเก่าๆ เหล่านี้ต่างหากที่เขาไม่คุ้นเลย
สเปนเซอร์ใช้เวลามากมายไปกับการนั่งอ่านจดหมายกับพ่อ
เขาจึงจำตราประทับบนซองจดหมายที่ส่งมายังตระกูลเขาได้เกือบหมด
แต่เห็นได้ชัดว่าอักเซลคงมีพันธมิตรอีกมากมายที่เขาไม่รู้จัก
สเปนเซอร์แกะจดหมายออกมาคลี่อ่านอย่างตั้งใจ
และเขาก็รู้สึกราวกับว่าโลกทั้งใบกำลังพังทลายลงต่อหน้าของเขาในตอนนั้นเอง
หลายสัปดาห์ผ่านไป
เฮอร์ไมโอนี่หอบเล็กน้อยขณะเดินตามรอนและแฮร์รี่ไปตามทางเดินหินแคบๆ
ที่เชื่อมระหว่างร้านของอาเบอร์ฟอร์ธและฮอกวอร์ต ความเหนื่อยล้าดูเหมือนจะบรรเทาลงเล็กน้อยเมื่อคิดได้ว่าเธอกำลังจะได้เจอเพื่อนๆ
ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า สองสัปดาห์ที่ผ่านมาดูราวกับเป็นฝันร้าย
ตั้งแต่พวกเธอหนีออกมาจากคฤหาสน์ของมัลฟอย เฮอร์ไมโอนี่
รอนและแฮร์รี่หยุดพักที่กระท่อมเปลือกหอยเพียงไม่กี่วัน
ก่อนจะออกตามหาฮอร์ครักซ์ชิ้นต่อไป
ถ้วยของฮัฟเฟิลพัฟ พวกเธอเสี่ยงชีวิตปลอมตัวเข้าไปในกริงกอตส์เพื่อขโมยมันออกมาจากห้องนิรภัยของเบลลาทริกซ์
แถมพวกเธอยัง (จำเป็นต้อง) ปล่อยมังกรออกมาจากใต้ดิน ทำกริงกอตส์พังยับเยิน ถ้าหากเป็นไม่กี่เดือนก่อน
เฮอร์ไมโอนี่คงไม่มีทางเชื่อแน่นอนว่าเธอจะทำแบบนี้
“เธอไหวหรือเปล่า? เฮอร์ไมโอนี่” รอนถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นเธอหอบหายใจหนักกว่าปกติ
หลังจากที่เฮอร์ไมโอนี่ถูกคาถากรีดแทงของเบลลาทริกซ์แล้ว
เธอดูเปราะบางและขวัญเสียง่ายขึ้น ราวกับเธอได้เสียเศษเสี้ยวหนึ่งในตัวของเธอไปแล้ว
พ่อของรอนเคยเล่าให้ฟังถึงพ่อแม่ของเนวิลล์ที่เสียสติไปหลังจากถูกคาถากรีดแทง
เขาได้แต่หวังว่าเฮอร์ไมโอนี่จะไม่เป็นแบบนั้น
“ไม่เป็นไร ฉันโอเคดี”
เฮอร์ไมโอนี่ตอบพลางยิ้มอย่างอ่อนแรง พอดีกับที่แฮร์รี่และเนวิลล์ที่เดินนำหน้าพวกเธอหยุดชะงักกึก
“พร้อมนะ”
เนวิลล์ที่นำทางทั้งสามคนมาตลอดทางจากร้านอาเบอร์ฟอร์ธหันมาถาม
ทั้งสามพยักหน้า เนวิลล์จึงผลักด้านหลังรูปภาพออก แล้วแฮร์รี่ รอน
เฮอร์ไมโอนี่ก็พบกับรอยยิ้มจากหลายสิบใบหน้าที่จ้องมองมาอย่างปีติยินดี กองทัพดัมเบิลดอร์ส่งเสียงโห่ร้องดังก้องห้องต้องประสงค์
หลังจากทั้งสามคนวนเวียนทักทายเพื่อนๆ
จนครบแล้ว เฮอร์ไมโอนี่จึงได้สังเกตจริงๆ จังๆ ว่าทุกคนดูโทรมมาก
บางคนมีแผลฟกช้ำตามตัว บางคนดูอิดโรยและซูบผอมเสียจนเธอแทบจำไม่ได้ โดยเฉพาะเนวิลล์ที่ดูเหมือนจะโดนหนักสุด
เฮอร์ไมโอนี่รู้ดีว่าพวกเขาต้องอดทนมากกับการใช้ชีวิตในฮอกวอร์ตที่มีผู้เสพความตายเข้ามาครองและหาเรื่องทรมานนักเรียนทุกวิถีทาง
แต่กองทัพดัมเบิลดอร์ยังคงยืนหยัดอยู่ด้วยความหวังเดียวของพวกเขา ความหวังที่เรียกว่าแฮร์รี่
พอตเตอร์
ภายในห้องเงียบสงัดในขณะที่แฮร์รี่อธิบายถึงฮอร์ครักซ์ชิ้นต่อไป
รัดเกล้าของเรเวนคลอ มันสาบสูญไปนานหลายศตวรรษแล้ว
และคนที่มีชีวิตอยู่ไม่เคยมีใครเห็นมันเลย แม้แต่ลูน่ากับโชที่เป็นนักเรียนบ้านเรเวนคลอก็ยังไม่สามารถตอบได้ว่ามันควรจะอยู่ไหนหรือว่าใครเป็นเจ้าของ
“แต่ฉันพาเธอไปดูได้นะว่าหน้าตามันเป็นยังไง
ในห้องนั่งเล่นบ้านเรเวนคลอมีรูปปั้นของโรเวนนา เรเวนคลออยู่
เธอสวมรัดเกล้าอยู่ด้วยล่ะ” ลูน่ากล่าว แฮร์รี่ที่ดูอับจนหนทางนิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า
“’งั้นฉันจะไปกับลูน่า
รอนกับเฮอร์ไมโอนี่รอที่นี่นะ” แฮร์รี่ทิ้งท้ายก่อนจะออกวิ่งไป
เฮอร์ไมโอนี่มองรอนอย่างกังวล ต่อให้เธอได้ฮอร์ครักซ์มา เธอจะทำลายมันยังไงล่ะ
พวกเธอไม่มีดาบของกริฟฟินดอร์แล้ว ถ้วยของฮัฟเฟิลพัฟที่อยู่ในกระเป๋าแม้จะเล็กและเบา
แต่ตอนนี้มันกลับหนักอึ้งขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“ฉันว่าฉันรู้แล้ว!”
รอนอุทานขึ้นมา ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร รอนก็รีบลากเฮอร์ไมโอนี่ออกจากห้องไปทันที
มัลฟอยรู้สึกว่าค่ำคืนนี้มันเงียบสงัดเกินไป
เงียบเสียจนเขาได้ยินเสียงไฟปะทุในเตาผิงในห้องนั่งเล่นรวมของสลิธีรินที่ร้างผู้คน
มีเพียงแครบกับกอยล์นั่งหลับอยู่ไกลๆ มันเหมือนกับทะเลที่สงบก่อนพายุจะโหมเข้า
เขาหมุนไม้กายสิทธิ์ของแม่ไปมาอย่างใจลอย เธอให้ยืมมาเพราะไม้ของเขาถูกแฮร์รี่แย่งไปตอนต่อสู้
เขาไม่โกรธแฮร์รี่เลยสักนิด ได้แต่หวังว่าแฮร์รี่จะใช้ไม้ของเขาปกป้องเฮอร์ไมโอนี่
และนึกสงสัยว่าตอนนี้เธอจะเป็นอย่างไรบ้าง
เขากำลังจะลุกขึ้นไปนอนบนหอนอนตอนที่เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นมาจากตัวปราสาทชั้นบน
ตามมาด้วยระเบิดของคาถาและเสียงกระจกแตก แครบกับกอยล์สะดุ้งตื่น
มัลฟอยคว้าเสื้อสูทของเขาขึ้นมาสวมและเก็บไม้กายสิทธิ์เข้าไป
ก่อนจะออกวิ่งไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น
มันคือความโกลาหล นักเรียนทุกชั้นปีทุกบ้าน วิ่งหลบคาถาที่ผู้เสพความตายร่ายสู้กับบรรดาอาจารย์
เขาทันเห็นศจ.มักกอนนากัลวาดไม้กายสิทธิ์ร่ายคาถาใส่สเนปที่ปัดป้องเต็มที่ ก่อนจะสลายกลายเป็นกลุ่มควันสีดำพุ่งออกนอกหน้าต่างไป
สองพี่น้องแคร์โรว์ตามสเนปไปติดๆ
“ขี้ขลาด!”
ศจ.มักกอนนากัลตวาดลั่นตามหลังท่ามกลางเสียเฮลั่นของนักเรียน
เธอหันมามองมัลฟอยด้วยสายตาดุๆ อย่างไม่สบอารมณ์
ก่อนจะสะบัดเสื้อคลุมเดินหันหลังกลับไปห้องโถงใหญ่และเรียกนักเรียนทุกคนไปรวมตัวกัน
แครบและกอยล์ตามมาขนาบข้างมัลฟอยตอนไหนไม่รู้ได้
มันทำให้เขาหงุดหงิดไม่น้อย จอมมารไม่ไว้ใจเขาแล้ว ถึงได้สั่งให้สองคนนี้ตามติดเขาแทบจะตลอดเวลา
“ฉันได้ยินว่าแฮร์รี่
พอตเตอร์กลับเข้ามาในฮอกวอร์ตแล้ว” แครบพูดเสียงเหี้ยมพลางหักนิ้วกรอบแกรบ
“แกว่าไงนะ?!”
มัลฟอยอุทานลั่นอย่างไม่อยากจะเชื่อ หมายความว่าเฮอร์ไมโอนี่ก็อยู่ที่นี่ด้วยสินะ
“ไปรวมที่ห้องโถงใหญ่ก่อน
พอยัยค้างคาวแก่นั่นปล่อยนักเรียนแล้วเราค่อยไปล่ามัน” มัลฟอยกล่าวเสียงเย็น
เขาอยากประวิงเวลาให้แฮร์รี่ทำอะไรก็ตามที่เขาต้องทำสำเร็จก่อน
แครบกับกอยล์พยักหน้ารับ
มัลฟอยเดินนำไปห้องโถงใหญ่ จนกระทั่งเขาเห็นเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนที่เขาไม่มีทางลืมอยู่ท่ามกลางผู้คนที่กำลังรีบไปห้องโถงใหญ่
เฮอร์ไมโอนี่กับรอนกำลังวิ่งไปที่ไหนสักแห่ง แต่มัลฟอยไม่ได้สนใจมันเท่ากับมือของรอนที่กำลังกุมมือของเฮอร์ไมโอนี่อยู่
ทั้งสองคนวิ่งผ่านไปโดยไม่ได้สังเกตเห็นเขาเลย
“นั่นมันยัยเลือดสีโคลนกับไอ้ยาจกนี่
ฉันว่าเราตามไปเลยดีกว่า” แครบกล่าวก่อนจะออกวิ่งนำไปโดยไม่สนใจมัลฟอยอีก
กอยล์ตามไปติดๆ
“บ้าเอ๊ย!
ฉันยอมให้แค่วันนี้นะ ไอ้เจ้าบ้าวีสลีย์!!” มัลฟอยพึมพำอย่างหัวเสียพลางตามแครบกับกอยล์ไป
“นายแน่ใจนะ” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างหวาดๆ ขณะที่มองประตูเหล็กกลมบนมีงูสีทองแดงหกตัวขดอยู่อยู่บนนั้น
ดวงตามรกตของมันวิบวับราวกับมีชีวิต รอนพยักหน้าก่อนจะพูดอะไรสักอย่างเป็นภาษาพาร์เซล
งูทองแดงทั้งหกตัวเลื้อยออกไปจากบานประตูพร้อมเสียงกลอนที่ถูกปลด
“แฮร์รี่ชอบละเมอเป็นภาษาพาร์เซลตอนนอนน่ะ
เธอไม่รู้เหรอ” รอนกล่าวอย่างขำๆ แต่เมื่อเห็นสีหน้าของเฮอร์ไมโอนี่
หูของเขาก็กลายเป็นสีแดงพอๆ กับสีผมเลย
“เอ่อ..เธอไม่รู้ แหงล่ะ
ต้องไม่รู้อยู่แล้ว” รอนพึมพำเขินๆ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป ห้องโถงยาวๆ
และคูน้ำรอบห้องยังเป็นเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือโครงกระดูกขนาดยักษ์ของบาซิลิสก์ที่อยู่ตรงกลางห้อง
รอนเดินเข้าไปใกล้กะโหลก ก่อนจะหักเขี้ยวออกมาอันหนึ่ง
เฮอร์ไมโอนี่หยิบถ้วยของฮัฟเฟิลพัฟออกมาวางที่พื้น
“เธออยากลองไหม?” รอนถามพลางยื่นเขี้ยวบาซิลิสก์ให้ เฮอร์ไมโอนี่รับมาอย่างลังเล
“ตอนฉันทำลายล็อกเกตนั่น
มันทำฉันแย่แทบตาย แต่ฉันเชื่อว่าเธอเข้มแข็งกว่าฉันนะเฮอร์ไมโอนี่” รอนพูดเสียงแผ่ว เฮอร์ไมโอนี่กำเขี้ยวในมือแน่น
มืออีกข้างจับถ้วยไว้พลางเล็งเขี้ยวพร้อมแทง เธอได้ยินเสียงหวีดวิวในหู
เสียงกระซิบที่ตอกย้ำความกลัวของเธอ ภาพพ่อแม่ แฮร์รี่ รอน และเพื่อนๆ
ของเธอล้มตาย ภาพมัลฟอยแสยะยิ้มในฮู้ดสีดำสนิท แสงสีเขียววาบบาดตาเมื่อเขาร่ายคาถาพิฆาตใส่มักเกิ้ล
เธอหลับตาแน่น ก่อนจะแทงลงไปเต็มแรง
เธอได้ยินเสียงระเบิดเปรี๊ยะ เสียงกรีดร้องของใครสักคนจากที่ไกลๆ
ควันที่ลอยออกจากรอยไหม้บนถ้วยนั้นกลิ่นเหมือนเนื้อคนกำลังไหม้ เฮอร์ไมโอนี่ถอยออกอย่างขยะแขยง
ทันใดนั้น น้ำในคูน้ำรอบห้องก็ยกสูงขึ้นราวกับคลื่นยักษ์เตรียมโถมใส่เธอและรอน
รอนลากเธอวิ่งไปจนสุดขอบห้อง คลื่นนั้นมีใบหน้าของโวลเดอร์มอร์
มันโถมใส่ทั้งคู่อย่างรุนแรงจนเธอเกือบล้ม
รอนกอดเธอและเอาตัวบังไว้จนทุกอย่างกลับไปเงียบสงัดเหมือนเดิม
“เสร็จไปอีกหนึ่งชิ้นแล้ว
ไปหาแฮร์รี่กันเถอะ” รอนบอก
ก่อนจะจับมือเฮอร์ไมโอนี่เตรียมวิ่ง แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะได้ก้าวขาออกจากห้อง ทั้งคู่ก็ต้องตัวแข็งทื่อด้วยความกลัวเมื่อได้ยินเสียง
เสียงของโวลเดอร์มอร์ที่กำลังพูด ราวกับมันถูกเปล่งออกมาจากพื้นและกำแพง
ออกมาจากในหัวของเธอ เฮอร์ไมโอนี่ได้สติกลับมาเพียงเล็กน้อยตอนที่เสียงเย็นเยียบนั้นกล่าวทิ้งท้าย
“ส่งตัวแฮร์รี่ พอตเตอร์มา แล้วพวกคุณจะไม่ต้องตาย คุณมีเวลา 1 ชั่วโมง ก่อนที่กองกำลังของฉันจะพังถล่มฮอกวอร์ตให้ราบคาบ แค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น...”
แฮร์รี่ได้ยินเสียงกรีดร้องและเสียงโหวกเหวกของนักเรียนที่กำลังอพยพ
แต่เขาไม่เหลือสติให้คิดเรื่องอื่นแล้ว แฮร์รี่นึกถึงคำของลูน่าที่ว่า คนที่มีชีวิตอยู่ไม่เคยได้เห็นรัดเกล้านี้
เขาจึงฉุกคิดถึงสุภาพสตรีสีเทา ผีประจำบ้านเรเวนคลอขึ้นมาได้ เขาใช้เวลาไปพักหนึ่งกว่าจะเกลี้ยกล่อมให้เธอยอมให้เบาะแสเขา
ถึงแม้ว่าคำตอบที่ได้จะกำกวม แต่แฮร์รี่มั่นใจในสัญชาตญาณตัวเอง...แต่ถ้าเขาพลาด
มันจะไม่มีวันพรุ่งนี้ให้พบเจออีกแล้ว คืนนี้ทุกอย่างจะต้องจบลง
ระเบียงที่คุ้นเคยนั้นว่างเปล่าร้างผู้คน
แฮร์รี่เดินวนไปมา 3 รอบพลางตั้งสมาธิอย่างหนัก จนกระทั่งประตูเหล็กดัดสีดำปรากฎขึ้นบนผนังหิน
มือของเขากำลังจะเอื้อมแตะที่จับพอดีในตอนที่รอนกับเฮอร์ไมโอนี่วิ่งหอบเข้ามาหยุดข้างๆ
เขา
“นายแน่ใจนะ?” รอนถาม แฮร์รี่พยักหน้า
“มันเป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่เรามี” แฮร์รี่พูดเสียงเบา เฮอร์ไมโอนี่และรอนพยักหน้ารับ ทั้งสามคนเข้าไปในห้องต้องประสงค์
ประตูสีดำปิดสนิทตามหลังและเริ่มหายไปในตอนที่มัลฟอยกระชากมันเปิดออกอีกครั้งก่อนจะพุ่งตัวเข้าไป
แครบ กอยล์ตามเข้าไปด้วย
ถึงแม้ข้างนอกจะเสียงดัง
แต่ภายในห้องนี้เงียบกริบ มันเต็มไปด้วยสิ่งของที่ถูกทิ้งมากมาย ตั้งแต่ชิ้นเล็กๆ
ไปจนถึงตู้หนังสือสูงสิบเมตร มัลฟอยรู้จักห้องนี้ดี เพราะปีที่แล้วเขาแทบจะกินนอนอยู่ที่นี่เพื่อซ่อมตู้อันตรธาน
เพียงแค่นึกถึงก็ทำให้เขารังเกียจตัวเองขึ้นมาแล้ว
ความคิดเห็น