คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : Chapter 19 : Smoke Memories
เสียงประตูเหล็กดัดวิจิตรสีดำสนิทครูดกับพื้นทำให้สเปนเซอร์หลุดจากภวังค์ เมื่อเขาก้าวเข้าไป มันก็ปิดลงเองโดยอัตโนมัติราวกับมีพ่อบ้านที่มองไม่เห็นคอยปิดให้ สวนที่จัดตามแบบอังกฤษดั้งเดิมบัดนี้เงียบสงัด พุ่มกุหลาบสีขาวไหวตามแรงลมราวกับต้อนรับการกลับมาของเขา
คฤหาสน์หลังมโหฬารที่จำลองมาจากพระราชวังแวร์ซายน์ แต่เล็กกว่าราวสองเท่าทอดยาวอยู่เบื้องหน้า เมื่อเขาเดินพ้นประตูไม้โอ๊คบานยักษ์เข้าไป ภายในคฤหาสน์เงียบสงบและมืดราวกับไม่มีใครอยู่ พ่อบ้านและสาวใช้เกือบยี่สิบคนก็เข้าแถวรอรับเขาราวกับปรากฏมาจากความมืด
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ คุณชายลีโอนาร์ด” เสียงทักทายขรึมๆ จากชายวัยกลางคนทำเอาสเปนเซอร์ต้องปราดตาหันไปมอง ดวงตาสีเทาวาววับสบกับดวงตาสีน้ำเงินเข้มของเขา
“คุณลุงอยู่ไหน” สเปนเซอร์ถามเสียงเรียบ ชายคนนั้นยิ้มอย่างสุภาพ ก่อนจะเดินนำหน้าเขาไป แล้วบรรดาสาวใช้และพ่อบ้านที่เหลือก็หายไปอย่างเงียบงันเฉกเช่นเดียวกับตอนที่ปรากฏ
รองเท้าหนังสีดำวาวของสเปนเซอร์กระทบกับพื้นหินอ่อนสีชมพูทอง ทำให้เกิดเสียงสะท้อนก้องไปมาตามโถงทางเดินที่ประดับประดาอย่างวิจิตรงดงาม แสงไฟสีทองนวลตาจากแชนเดอร์เลียร์คริสตัลสว่างขึ้นตามทางที่เขาเดินไป พ่อบ้านพาเขามาหยุดหน้าประตูบานหนึ่ง สลักเสลาเป็นลวดลายสงครามเทวาและซาตาน ซึ่งสเปนเซอร์คิดว่ามันขันนัก
เมื่อประตูด้านหลังปิดลงสนิท สเปนเซอร์ก็ก้าวเข้าไปในห้องที่คุ้นเคย ห้องที่กว้างพอๆ กับห้องโถงของฮอกวอร์ต ตกแต่งอย่างหรูหรา ซ้ายขวาเต็มไปด้วยตู้หนังสือสูงห้าเมตร เพดานถูกเนรมิตให้เป็นภาพเฟรสโกสีทองสวยงาม เขาเดินไปเรื่อยๆ และหยุดลงที่หน้าโต๊ะไม้มะฮอกกานีที่ปลายห้อง ชายคนหนึ่งนั่งหันหลังให้เขา กำลังมองไปยังสวนด้านนอกที่ตกแต่งเป็นตารางหมากรุก แสงอัสดงของยามเย็นส่องผ่านหน้าต่างกระจกใสบานยักษ์กระทบลงบนแหวนบลูไดมอนด์น้ำงามของเขา เมื่อเขาหยุดลงที่หน้าโต๊ะตัวงาม ชายคนนั้นจึงหันมา
“โรงเรียนเป็นยังไงบ้าง” เสียงทุ้มและแผ่วเบา แต่แผงไปด้วยอำนาจทำให้สเปนเซอร์รู้สึกเกร็งทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับชายผู้นี้ เขามีผมยาวประบ่าสีน้ำตาลเข้มที่รวบไว้ด้วยเชือกหนัง ดวงหน้าดูกร้านแกร่งและคมคาย เคราบางๆ บนใบหน้าและจมูกที่โด่งเป็นสันขับให้ดวงตาสีน้ำเงินเข้มดูโดดเด่น อักเซล สเปนเซอร์....แดร็กคูล่าแห่งกระทรวงเวทย์มนตร์
“ก็ดีครับ คุณลุงสบายดีนะครับ” เขาทักทายพลางนั่งลงบนเก้าอี้หนังสีดำฝั่งตรงข้าม
“สบายดี ลุงยุ่งอยู่กับการจับตัวผู้เสพความตาย เลยไม่ค่อยได้กลับมาบ้านนัก” เขาตอบ ก่อนจะวางซิการ์ชั้นดีลงบนที่เขี่ยบุหรี่ แล้วนั่งประสานมือพลางจ้องมองเขาด้วยสายตาพิเคราะห์
“ลุงมีของขวัญคริสต์มาสให้หลาน” อักเซลกล่าวขณะจ้องมองเขา
“ลูเซียส มัลฟอยเพิ่งจะถูกจับเมื่อสองชั่วโมงก่อน หลังจากนั้น เราบุกคฤหาสน์แต่พบเพียงนาร์ซิสซา มัลฟอย ไม่พบตัวเดรโก ระหว่างการพิจารณาคดีของลูเซียส กระทรวงเวทย์มนตร์จะอนุญาตให้สองแม่ลูกอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์ได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมตัวอย่างแน่นหนา” อักเซลเว้น พลางขยับเข้ามาสบตาเขาใกล้ขึ้นเสียจนสเปนเซอร์ได้กลิ่นซิการ์จางๆ
“เธอคงพอใจแล้วสินะ...” อักเซลกล่าวพร้อมรอยยิ้มขรึมๆ แต่สเปนเซอร์กลับไม่โต้ตอบอะไรนอกจากสายตาเย็นชา
“สิ่งที่ผมต้องการคือชีวิตของลูเซียสกับเดรโก มัลฟอย แค่นี้มันยังไม่พอ” สเปนเซอร์ตอบ ดวงตาสีน้ำเงินแข็งกร้าวยามสบตาของอักเซล แล้วรอยยิ้มบางๆ ของแดร็กคูล่าแห่งกระทรวงเวทย์มนตร์ก็ปรากฏอีกครั้ง ดวงตาสองคู่สบกันในความเงียบ ก่อนจะถูกขัดด้วยเสียงหัวเราะเย็นๆ
“นั่นละสิ่งที่ลุงต้องการจะได้ยิน”
แสงไฟสีทองของเรือนกระจกที่ปลูกไว้ติดกับคฤหาสน์อันกว้างขวางนี้ ถูกตกแต่งด้วยพรรณไม้กว่าร้อยชนิด มีโต๊ะสีขาวสะอาดตา ภายนอกมืดสนิทแล้ว แต่เรือนกระจกยังคงสว่างไสว หน้าต่างบานใหญ่ถูกปิดไว้เพื่อป้องกันสายลมเย็นเยียบจากทะเลสาบด้านหลังคฤหาสน์
สเปนเซอร์เดินมองพืชพรรณที่เขาปลูกไว้ก่อนไปเรียน มันเติบโตได้ดีแม้เขาจะไม่อยู่ ความทรงจำมากมายอบอวลอยู่ในที่แห่งนี้ สเปนเซอร์นั่งลงบนเก้าอี้เหล็กดัดสีขาวพลางหลับตาลง ดำดิ่งลงไปในความทรงจำ
...สิบปีก่อน...
สเปนเซอร์ยังอายุเพียงแค่เจ็ดขวบ แทบทุกวันคฤหาสน์ของเขาจะมีงานเลี้ยงหรูหรา มีขุนนางอังกฤษและสวีเดน อีกทั้งยังเจ้าหน้าที่ระดับสูงมาร่วมงานแทบไม่ขาด สเปนเซอร์เบื่อหน่ายต่องานเลี้ยงเหล่านั้นเพราะมันทำให้พ่อแม่ของเขาไม่มีเวลาให้ แม่นมของเขาจึงมักจะพาเขามานั่งเล่นที่นี่ สถานที่ที่ไม่มีใครล่วงเข้ามาในความทรงจำอันงดงามในวัยเด็กของเขาได้
วันนั้น สเปนเซอร์นั่งสเก็ตช์ภาพของต้นกุหลาบน้ำแข็งที่ขุนนางสวีเดนคนหนึ่งนำมามอบให้กับพ่อของเขา และมันก็ถูกทิ้งลืมไว้ที่นี่ สเปนเซอร์มักจะแวะมาดูแลมันด้วยตนเอง ดอกสีฟ้าครามของมันแทบจะเป็นสีเดียวกับดวงตาของเขา ปลายนิ้วของเขาแตะใบสีเงินของมันอย่างแผ่วเบา
“ฉันแปลกใจที่เห็นคุณชายอย่างนายมาเก็บตัวที่นี่” เสียงยานคางของเดรโก มัลฟอย ทำเอาเขาสะดุ้ง สเปนเซอร์หันไปพบว่าเดรโกกำลังมองสมุดสเก็ตช์ของเขาอยู่ด้วยสายตาเรียบนิ่ง
“ลีโอนาร์ด สเปนเซอร์สินะ ฉันเดรโก มัลฟอย ฉันมาทำความรู้จักนายตามคำสั่งพ่อแล้ว ไปละ” เดรโกกล่าวอย่างหยิ่งยโส ก่อนจะหมุนตัวเตรียมออกไป
“เดี๋ยว” สเปนเซอร์เรียกด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก เดรโกหันกลับมาด้วยสายตาอวดดี
“คุณชายผู้สูงสู่งอย่างนายต้องยอมให้ใครมาสั่งด้วยรึ” สเปนเซอร์ถามเรียบๆ เดรโกหน้าเสียเล็กน้อย
“นั่นพ่อของฉัน แล้วก็ไม่ใช่เรื่องของนาย” เดรโกตอบอย่างโกรธๆ สเปนเซอร์ยิ้มเหยียด
“หากนายยอมให้พวกเขาจูงจมูกนายไปเรื่อยๆ ทั้งชีวิตนี้นายก็จะไม่มีวันเดินได้ด้วยตัวเอง นายก็เป็นแค่หุ่นเชิดของตระกูลซึ่งฉันไม่อยากรู้จัก” สเปนเซอร์ตอบพลางยักไหล่น้อยๆ เดรโกมองหน้าเขาชั่วขณะก่อนจะยิ้มเหยียดบ้าง
“แล้วนายล่ะ คุณชายสูงส่งผู้ถูกพ่อแม่ลืมรึ” คำพูดนี้เสียดแทงจิตใจของสเปนเซอร์เข้าเต็มแรง ดวงตาสีน้ำเงินเข้มของเขาจ้องมาอย่างโกรธเกรี้ยว
“ออกไปซะ ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน” สเปนเซอร์แทบตะโกนใส่ เดรโกไม่ขยับ แต่กลับเดินมานั่งฝั่งตรงข้ามเก้าอี้ที่เขานั่ง
“มันก็ไม่ต่างจากฉันสักเท่าไหร่...” เดรโกเริ่มพลางจ้องภาพสเก็ตช์ของเขา สเปนเซอร์จ้องมองเด็กชายแสนประหลาดคนนี้อยู่ครู่หนึ่ง แล้วเขาก็รู้ว่าเขาเห็นอะไร.....เขาเห็นภาพสะท้อนของตนเอง
เรื่องราวของทั้งคู่ถูกแลกเปลี่ยน สิ่งที่พวกเขามีร่วมกัน คือการถูกครอบครัวทำแต่งานจนลืมพวกเขา หลายปีผ่านไป เดรโกและลีโอนาร์ดกลายเป็นเพื่อนสนิทกัน ความลับไม่เคยมีอยู่ระหว่างทั้งคู่ เดรโกและลีโอนาร์ดสนิทกันดีราวกับเป็นพี่น้องร่วมสายเลือด ตระกูลสเปนเซอร์และตระกูลมัลฟอยต่างร่วมงานกันได้อย่างราบรื่น
....จนกระทั่งวันหนึ่ง....
เสียงของหล่นแตกทำให้เดรโกและสเปนเซอร์เงยหน้าจากกระดานหมากรุกพ่อมด ดวงตาของทั้งคู่สบกันอย่างสงสัย หลังจากนั้นคือเสียงของใครบางคนที่คุ้นเคย กำลังเริ่มร่ายคาถาพิฆาต
เลือดในกายของทั้งคู่เย็นเยียบขณะที่วิ่งขึ้นบันไดหินอ่อนไปยังห้องทำงานของวินเซนต์ สเปนเซอร์ พ่อของลีโอนาร์ด สเปนเซอร์และเดรโกผลักประตูสลักเทวากับซาตานแล้วต้องช็อกกับสิ่งที่เห็น
ร่างของวินเซนต์ สเปนเซอร์นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นโดยมีลูเซียส มัลฟอย ยืนค้ำอยู่และเหยียบลงบนอกของเขา ไม้กายสิทธิ์ยังจ่อคาไว้อยู่ ดวงตาของเขาดูอำมหิตเกินกว่าที่เดรโกและสเปนเซอร์จะรับได้
ลูเซียสหันมามองทั้งคู่พร้อมรอยยิ้มเย็นๆ สเปนเซอร์ทรุดลงกับพื้น เสียงร้องอย่างเจ็บปวดเสียจนเดรโกแทบทนฟังไม่ได้ดังออกจากปากเพื่อนสนิทที่สุดและคนเดียวในชีวิตของเขา น้ำตาของลูกผู้ชายไหลพรากขณะที่สเปนเซอร์วิ่งเข้าไปกอดร่างของผู้เป็นพ่ออย่างเสียสติ พลางเรียกให้พ่ออย่างเพิ่งทิ้งเขาไป
“โลกของธุรกิจมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะได้ครอง วินเซนต์ สเปนเซอร์” ลูเซียสกล่าวโดยไม่หันกลับไปมองร่างไร้ชีวิตและลูกชายของวินเซนต์ที่ร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด
สเปนเซอร์ได้ยินเสียงการหายตัวของลูเซียส เมื่อหันไปก็ไม่พบกับลูเซียสและเดรโกอีกต่อไป สเปนเซอร์อยู่คนเดียวอีกครั้ง สูญเสียทุกอย่าง....อีกครั้ง
ในงานศพของพ่อเขา สายฝนเย็นเยียบพรำตลอดพิธี เขาไม่ได้ยินเสียงปลอบใจ ลูเซียส มัลฟอยยังคงลอยนวลเพราะอำนาจที่มากเกินใครจะกล้าจับกุม อีกทั้งยังเป็นยุคที่จอมมารกำลังจะกลับมาผงาด อำนาจตระกูลมัลฟอยยังคงล้นฟ้า
ต่อหน้าหลุมศพสีขาวสะอาดของพ่อที่ตั้งเคียงข้างกับหลุมศพของแม่ที่จากเขาไปด้วยโรคร้าย ฝ่ามืออุ่นๆ และหนักแน่นของอักเซล สเปนเซอร์แตะลงบนไหล่ของเขา
....และในตอนนั้นเองที่เขาสาบานจะแก้แค้น
ความคิดเห็น