คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 2 : New Semester, New Girl
ฟันของเฮอร์ไมโอนี่งับลงบนมือของมัลฟอยเต็มแรงจนอีกฝ่ายสะดุ้ง แต่เขากลับไม่ส่งเสียงร้องแม้แต่น้อย มีเพียงแววตาอาฆาตที่ส่งมาให้
“กล้าดียังไงมากัดฉัน เป็นหมาหรือไง” มัลฟอยกระซิบด้วยความโมโห
เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มเยาะแล้วหันหลังจะเดินออกไป แต่แขนใครบางคนเข้ามารั้งคอเธอแล้วดึงเข้าไปหา เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกเหมือนหัวใจเธอกำลังเต้นแทงโก้อยู่เมื่อเธอสัมผัสถึงกลิ่นน้ำหอมจางๆ และลมหายใจอุ่นๆ บนต้นคอ เสียงเย็นกระซิบข้างหู
“อย่าคิดว่าจะเดินหนีไปง่ายๆ ถ้าฉันไม่อนุญาต”
“นะ...นายเป็นใครถึงมาทำแบบนี้ ฉันไม่ใช่ของเล่นนายนะ!”
“แล้วถ้าฉันจะทำให้เธอเป็นของเล่นของฉัน เธอจะทำไม” เฮอร์ไมโอนี่หยุดหายใจเมื่อริมฝีปากอุ่นๆ ของมัลฟอยแตะลงเส้นเลือดใหญ่ที่ซอกคอ
“หึ เป็นอะไรล่ะ พูดไม่ออกเลยเหรอไง” มัลฟอยถามแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ นั่นทำให้สติของเฮอร์ไมโอนี่กลับคืนมา เธอกระแทกเท้าลงบนเท้ามัลฟอยเต็มแรง
“ฉันไม่ยอมเป็นของเล่นให้ใครทั้งนั้น รู้ไว้ซะ!” เฮอร์ไมโอนี่แผดเสียงใส่ แล้วรีบเดินไปจ่ายเงิน ก่อนจะวิ่งออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว
มัลฟอยยิ้มเยาะ แล้วเบ้หน้าเมื่อความเจ็บปวดแล่นผ่านนิ้วเท้า เขาเดินเอาของไปจ่ายเงินบ้าง แล้วเดินออกมาหน้าร้าน
“ฝากไว้ก่อนเถอะ เกรนเจอร์” มัลฟอยพึมพำขณะมองเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลสลวยวิ่งหายไปในฝูงชน
เฮอร์ไมโอนี่ก้มหน้าวิ่งไปเรื่อยๆ เธอรู้สึกว่าใบหน้าร้อนฉ่าราวกับเพิ่งไปอาบแดดที่ซาฮาร่ามาเลยทีเดียว เธอรู้สึกเหนื่อยจนต้องหยุดนั่งที่ม้านั่งแถวนั้น หัวใจยังคงเต้นราวกับมันจะทะลุออกมาเสียให้ได้ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้นะ เธอคิด
“อ้าว เฮอร์ไมโอนี่ มานั่งทำอะไรตรงนี้ละ” เสียงคุ้นหูดังขึ้น เมื่อเงยหน้าก็พบกับเฟร็ดและจอร์จ ทั้งคู่หอบของเล่นสุดอันตรายมาเต็มอ้อมแขน
“ฉัน...แค่พักเหนื่อยนะ” เธอตอบพลางสูดหายใจลึกๆ ยังรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วใบหน้าอยู่เลย
“ฮั่นแน่! หน้าแดงแจ๋แบบนี้ ต้องไปสวีทกับใครมาแน่ๆ เลย ว่าไหม จอร์จ?” เฟร็ดถามคู่แฝดพลางหัวเราะคิกคัก
“อาจเป็นแฮร์รี่ก็ได้ เอ๋! หรือหนุ่มผิวเข้มอย่างดีน หรือหนุ่มขี้เล่นแบบเชมัส หรือของแปลกแบบเนวิลล์ล่ะจ้ะ” จอร์จรับมุกแล้วหัวเราะตาม เฮอร์ไมโอนี่ลุกพรวดอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ ทำเอาสองแฝดหยุดขำไปเลย
“ถ้าไม่หยุดล้อ ฉันจะบอกคุณนายวีสลีย์” เฮอร์ไมโอนี่กล่าว สองแฝดหน้าซีดจนเฮอร์ไมโอนี่แอบขำ
หลังจากฟังคำอ้อนวอนของเฟร็ดกับจอร์จจนเธอหูแทบชา ในที่สุดเธอก็เดินมาที่ร้านกาแฟกลางแจ้งที่นัดแฮร์รี่ไว้ เฮอร์ไมโอนี่คาดว่าจะเจอแฮร์รี่นั่งอยู่คนเดียว แต่กลายเป็นว่าเขาอยู่กับจินนี่ กำลังหัวเราะกันโดยไม่สนใจรอบข้าง จนเฮอร์ไมโอนี่แอบยิ้ม
“อะแฮ่ม” เฮอร์ไมโอนี่แกล้งกระแอม แล้วนั่งลงที่โต๊ะ ทั้งคู่หน้าแดงแจ๋ จินนี่ก้มหน้าลงอย่างเขินๆ
“หายไปไหนตั้งนานละ ฉันรอจนเบื่อเลยนะ” แฮร์รี่รีบพูดเมื่อเห็นรอยยิ้มอย่างรู้ทันของเฮอร์ไมโอนี่
“ท่าทางนายจะไม่ค่อยเบื่อเลยนี่นา” เฮอร์ไมโอนี่บอกแล้วปรายตามองจินนี่ที่ก้มหน้างุดอย่างเขินอาย
“เอ้อ! เธอคงจะหิวสินะ หาอะไรกินหน่อยเถอะ” แฮร์รี่เปลี่ยนเรื่อง หน้าแดงไม่ต่างจากจินนี่
หลังจากนั้น ครอบครัววีสลีย์ก็ตามมาสมทบ รอนหรี่ตามองแฮร์รี่กับจินนี่ แล้วจงใจนั่งคั่นกลางระหว่างทั้งคู่ตอนนั่งรถของคุณวีสลีย์กลับบ้าน ส่วนเฟร็ดกับจอร์จนั้นเอาของเล่นไปซ่อนที่ไหนก็ไม่ทราบได้
เฮอร์ไมโอนี่มองถุงกระดาษจากร้านเครื่องเขียนแล้วความทรงจำเหล่านั้นก็ฉายซ้ำอีกครั้ง เธอยังรู้สึกถึงริมฝีปากอุ่นๆ ของมัลฟอยอยู่เลย แล้วกลิ่นน้ำหอมนั่นก็ยังเหมือนติดจมูกเธออยู่ ทุกอย่างยังชัดเจนอยู่ในความทรงจำ
แล้วถ้าฉันจะทำให้เธอเป็นของเล่นของฉัน เธอจะทำไม ประโยคนี้ยังคงแล่นอยู่ในสมองตลอดสองอาทิตย์ที่บ้านโพรงกระต่าย จนกระทั่งถึงวันเปิดเทอม....
สถานีรถไฟคิงครอสต์, ลอนดอน
“เอาล่ะ ไม่ลืมอะไรกันแน่นะจ้ะ รอน แต่งตัวให้เรียบร้อยหน่อยสิ! เฟร็ด เอาประทัดที่ซ่อนอยู่ในกางเกงนั่นออกมาเลยนะ!” เสียงคุณนายวีสลีย์ปลุกเฮอร์ไมโอนี่จากภวังค์ ทั้งหมดกำลังจะขึ้นรถไฟกันแล้ว เสียงหวูดรถไฟเป็นสัญญาณว่ารถกำลังจะออก
“เฮอร์ไมโอนี่ มาเร็วเข้า! ยืนเหม่ออะไรอยู่น่ะ” รอนเรียก เขาขึ้นรถไฟแล้ว เฮอร์ไมโอนี่รีบเดินขึ้นรถไฟบ้าง เธอกำลังก้าวขาขึ้นรถไฟ ตอนที่จมูกได้กลิ่นน้ำหอมอันคุ้นเคยอีกครั้ง
“ยืนเกะกะอยู่ได้” เสียงที่เธอไม่มีวันลืมดังขึ้นด้านหลัง มัลฟอยมองเธอด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก เฮอร์ไมโอนี่รีบหันหน้าหนี เพราะความทรงจำเหล่านั้นฉายซ้ำเป็นรอบที่พันแปดแล้ว เธอรีบเดินไปยังตู้ที่เพื่อนๆ นั่งอยู่ให้เร็วที่สุด
“จะรีบไปหาพอตเตอร์ที่รักหรือไงกัน หืม ได้ฟ้องเรื่องที่เกิดขึ้นที่ร้านเครื่องเขียนไหมล่ะ” มัลฟอยตะโกนตามหลัง เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกถึงสายตาของบรรดานักเรียนที่หันมามองอย่างสนใจ รอนที่ยืนเปิดประตูอยู่ตรงห้องโดยสารมองมัลฟอยด้วยความสงสัย ก่อนจะหันมามองเฮอร์ไมโอนี่
“มันพูดถึงเรื่องอะไรน่ะ เฮอร์ไมโอนี่ มันทำอะไรเธอเหรอ” รอนถาม เสียงเขาฟังดูโมโห
“นั่นน่ะสิ บอกเรามา เฮอร์ไมโอนี่ ถ้ามันรังแกเธอ ฉันจะไปสาปให้กลายเป็นกบแล้วโยนลงทะเลสาบตอนเดือนธันวาคมเลย คอยดูสิ” แฮร์รี่บอก เสียงเขาฟังดูเดือดไม่ต่างจากรอนเลย
“หมอนั่นก็แค่พูดอะไรไร้สาระ อย่าไปสนใจเลย” เฮอร์ไมโอนี่ตัดบท แล้วหยิบหนังสือมานั่งอ่านโดยไม่สนใจสายตาสงสัยของเพื่อนรักทั้งสอง
มัลฟอยนั่งเหม่อลอยอยู่ในห้องโดยสาร เขานึกถึงเหตุการณ์ที่ร้านเครื่องเขียนอีกแล้ว มันยังคงติดแน่นอยู่ในหัวเขามาตลอด เขายังจำกลิ่นอบเชยเจือด้วยกลิ่นวานิลลาจากเรือนผมสีน้ำตาลนั่นได้ แล้วทำไมฉันต้องมานั่งนึกถึงยัยเลือดสีโคลนนั่นด้วยล่ะ
แครบกับกอยล์มองหน้ากันอย่างงุนงงเมื่อเห็นมัลฟอยนั่งเหม่อ ไม่สนใจแพนซี่ พาร์กินสันที่นั่งกระแซะอยู่ข้างๆ แม้แต่น้อย
“เดรโก นายว่าฉันทำเล็บสีนี้สวยไหม ฉันทำเพื่อนายเลยนะเนี่ย ปิดเทอมที่ผ่านมาฉันอุตส่าห์ไปเข้าคอร์สความงามกับคุณหญิงแม่มาละ เพื่อเธอเลยนะเนี่ย” แพนซี่นั่งโม้ต่อไป มัลฟอยเองก็นั่งเหม่อต่อไป แครบกับกอยล์มองทั้งคู่แล้วส่ายหน้าอย่างเหลือเชื่อ
“เดรโก นายออกความเห็นหน่อยก็ได้นะ ถ้าไม่ชอบ ฉันจะได้ไปทำสีใหม่ไงละ แล้วฉันจะเปลี่ยนทรงผมด้วยนะ นายวะ....”
“พอแล้ว!” มัลฟอยแผดเสียงอย่างหงุดหงิด แล้วปรายตามองแพนซี่ เขาดูโมโหสุดๆ เลยในขณะนี้
“ต่อให้เธอจะไปทำทรงโมฮอว์คหรือจะทำเล็บสีรุ้งฉันก็ไม่สนใจหรอก จะไปไหนก็ไป” มัลฟอยกล่าวเสียงเย็นยะเยือก แล้วทำท่าจะเดินออกจากห้องโดยสารไป
“นะ..นายจะไปไหนน่ะ” แครบถามแบบกล้าๆ กลัวๆ เมื่อเห็นสายตาของมัลฟอยแล้วเขาก็ตัดสินใจว่าจะหุบปากเพื่อชีวิตอันเป็นที่รักของเขาเองดีกว่า
มัลฟอยเดินไปเรื่อย รู้สึกตัวอีกที เขาก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าทางขึ้นรถไฟทีเจอกับเฮอร์ไมโอนี่แล้ว เขาได้ยินเสียงหัวเราะของรอน และได้ยินเสียงเฮอร์ไมโอนี่คุยกับเพื่อนๆ เขาเพิ่งรู้ตัวว่าแอบฟังบทสนทนาของพวกนั้นอยู่
“…รอน ใครใช้ให้นายเอาเยลลี่เบอร์ตี้บ็อตส์ไปโยนเข้าปากแบบนั้นล่ะ เสียของนะรู้ไหม! ว้าย! แฮร์รี่ นายอย่าเอารากชะเอมหวานไปแหย่จมูกเนวิลล์สิ อี๋! แหวะ! ฮ่าๆๆๆๆๆ”
มัลฟอยยืนพิงผนังข้างๆ ประตูกระจกของห้องโดยสารของเฮอร์ไมโอนี่ แล้วค่อยๆ แอบมองเข้าไปข้างใน เห็นเฮอร์ไมโอนี่กำลังหัวเราะ และยีหัวของรอนอย่างสนุกสนาน เธอยิ้มอย่างมีความสุขท่ามกลางเพื่อนๆ
“…เธอคงไม่มีทางยิ้มแบบนั้นให้ฉันสินะ” มัลฟอยพึมพำ แล้วตัดสินใจเดินกลับห้องโดยสารตนเอง
รถไฟจักรไอน้ำสีแดงเข้าเทียบชานชาลาอีกครั้ง นักเรียนสวมเสื้อคลุมแล้วทยอยเดินลงจากรถ เดรโก มัลฟอยมองไปที่ตู้โดยสารอีกฝั่งหนึ่ง มองหญิงสาวผมสีน้ำตาลกำลังเดินลงจากรถไฟกับกลุ่มเพื่อนกริฟฟินดอร์ เสียงหัวเราะของเฮอร์ไมโอนี่เรียกสายตาหงุดหงิดของแพนซี่ให้หันไปมอง
“เฮอะ! ยัยเลือดสีโคลนทำเป็นระริกระรี้ น่าหมั่นไส้จริงๆ” แพนซี่แขวะแล้วเบ้ปาก เฮอร์ไมโอนี่หันมามองแพนซี่แล้วเหลือบมามองมัลฟอย คราวนี้เธอไม่ได้หลบตาเขา สายตาเธอมองต่ำมายังแขนของแพนซี่ที่ควงแขนเขาอยู่
“ไปเห่าที่อื่นไป ยัยหน้าหมาจู ฉันพูดภาษาหมาไม่เป็นหรอกนะ” เฮอร์ไมโอนี่ตอกกลับ รอนปรบมืออย่างชอบใจ แม้แต่แฮร์รี่ยังแอบยิ้มกับการโต้ตอบอันเจ็บแสบของเฮอร์ไมโอนี่
แพนซี่กระทืบเท้าแล้วเต้นเร่าๆ อย่างโมโห เธอดึงแขนออกจากมัลฟอย แล้วปราดเข้ามาประชิดตัวเฮอร์ไมโอนี่อย่างรวดเร็วจนรอนกับแฮร์รี่คว้าตัวเธอไม่ทัน
“กล้ามากนะที่มาว่าฉัน ยัยเกรนเจอร์” แพนซี่กระซิบด้วยความโกรธ เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเธอนิ่งๆ แล้วถอนหายใจ
“เปลี่ยนสีลิปสติกเถอะ ทาสีแดงแปร๊ดซะขนาดนี้กลัวคนไม่เห็นในระยะสามร้อยเมตรหรือไง หรือกลัวแฟนเธอจะไม่ชอบล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มยั่วพลางเหลือบมองมัลฟอย แพนซี่หน้าขึ้นสีด้วยความโกรธที่เพิ่มขึ้น มือคว้าคอเสื้อของเฮอร์ไมโอนี่ รอนกับแฮร์รี่ตั้งท่าจะดึงตัวแพนซี่ออก แต่เฮอร์ไมโอนี่ยกมือห้าม ตอนนี้เริ่มมีนักเรียนมามุงดูและซุบซิบกันแล้ว
“หุบปากเธอซะเถอะ เกรนเจอร์ ถ้าไม่อยากถูกฉันตบจนเลือดกบปาก” แพนซี่ขู่ฟ่อ เฮอร์ไมโอนี่เอียงคอ ก่อนจะแกะมือแพนซี่ออกอย่างยียวนกวนอารมณ์ แล้วบรรจงขยับยิ้มเยาะเย้ย
“ปีห้าแล้วนะจ้ะน้องหมาจู เวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยน อย่าคิดว่าฉันจะงอมืองอเท้ายอมให้เธอข่มนะ เธอทำอะไรมาฉันก็จะโต้ตอบเธอเหมือนกับที่เธอทำกับฉัน จำไว้นะจ้ะ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบกลับ แล้วมองมัลฟอยที่ยืนดูเหตุการณ์ด้วยสายตานิ่งเฉย เธอสบตาเขาอย่างไม่กลัวเกรงอีก
“ต่อไปนี้ฉันไม่จะอยู่เฉยๆ ให้พวกนายมารุมข่มหรอกนะ ฉันจะเอาคืน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม” เฮอร์ไมโอนี่ประกาศแล้วจ้องตามัลฟอยตรงๆ มัลฟอยยิ้มบางๆ ที่มุมปาก ก่อนจะหันไปหาแครบกับกอยล์
“ได้ยินแล้วแล้วนะพวกนาย คุณเกรนเจอร์ประกาศแบบนี้เราคงต้องระวังตัวกันหน่อยละ” มัลฟอยพูดลอยๆ แล้วเดินนำลงจากรถไฟไปโดยไม่สนใจแพนซี่ที่กรีดร้องด้วยพลังเสียงแปดหลอดบวกกับท่าเต้นเร่าๆ เหมือนช้างตกมัน
“น่าสนุกดีนี่ เกรนเจอร์” มัลฟอยพึมพำแล้วรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากอีกครั้ง
ความคิดเห็น