คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ` Chapter 3 The truth reason
chapter 3 The truth reason
“นายไม่เคยเจ็บปวดเวลาไม่มีเพื่อนหรือคนรู้ใจบ้างรึไง ?”
“เอาแต่นั่งเงียบ กลัวฉันมากขนาดนั้นเลยรึไง...”
“....”
“มารยาทน่ะมีมั้ย ฉันถามน่ะหัดตอบซะบ้าง !”
“...” โยซอบพยายามหลีกเลี่ยงสายตาอีกคนโดยเลือกที่ก้มหน้า
“เฮ้ย ได้ยินมั้ยเนี่ย !!” ดูจุนเริ่มตะคอกอย่างเหลืออด
“...” โยซอบที่ตกใจกับเสียงตะคอกหลับตาปี๋แล้วพยักหน้าแบบกลัวๆ
เอี๊ยดดดดดดด
“มีปัญหานักใช่มั้ย !!!” ดูจุนเบรกรถแล้วเริ่มตวาดใส่เด็กหนุ่ม
“ผ...ผม...ผมกลัว...” โยซอบนั่งตัวสั่นก่อนจะเขยิบตัวชิดประตูรถ
“มีปัญหานักใช่มั้ย !” ดูจุนหันมาใช้มือจับไปที่คอของโยซอบราวกับว่าจะบีบคอ
“ฮือ...”
“หยุดร้องซักทีได้มั้ย !!” ดูจุนเริ่มสติแตกและตั้งท่าจะบีบคอ แต่โยซอบก็พยายามใช้มือคู่เล็กของเขาดึงออก แต่ก็ไม่มีแรงมากพอจะสู้ร่างสูงตรงหน้าได้
“ผมกลัวแล้ว...ผมกลัวแล้ว...ฮือ...”
“โว้ย !!” ดูจุนที่รำคาญโยซอบสะบัดมือออกและเหยียบคันเร่งรถด้วยความเร็วสูงจนโยซอบกลัว
“พี่ฮะ...อย่า...”
“หุบปากสิวะ !!!” ดูจุนเหยียบคันเร่งหนักกว่าเดิมจนแซงรถคันแล้วคันเล่า
“ฮือ...ผมไม่หุบ ถ้าพี่ขับเร็ว ฮือ...พี่อย่าทำอะไรผมเลยนะ ผมกลัวแล้ว ฮือ...” เด็กหนุ่มยกมือขอร้องด้วยคราบน้ำตาและพยายามจับแขนอีกคนที่กำลังกำพวงมาลัยแน่น
“อย่ามาร้องไห้ น่ารำคาญ !!!”
“พี่หยุดเถอะฮะ ผมขอ...”
“เรื่องของฉัน อย่ามาสะเออะ ถ้าแกยังไม่หยุดร้อง เฮ้ย !!!!” ดูจุนที่กำลังตวาดใส่ร้องออกมา เพราะโยซอบจับแขนของเขาหักพวงมาลัยจนรถจอดข้างทาง
“ทำบ้าอะไรของมึงวะ !!!” ดูจุนเริ่มฉุนขาดและหันมากระชากคอเสื้อเด็กหนุ่ม
“ฮ...ฮือ...” โยซอบได้แต่นั่งร้องไห้ด้วยความกลัว
“อยากตายมากใช่มั้ย วอนหานรกมากใช่มั้ย !!!” ดูจุนตวาดใส่โยซอบไม่ยั้ง โดยไม่สนว่าหน้าของเด็กหนุ่มจะเปรอะเปื้อนด้วยคราบน้ำตา
“ช่วยไม่ได้...อยากลองดีนักใช่มั้ย !” ดูจุนพูดอย่างเด็ดขาดก่อนจะก้มไปหยิบเชือกมามัดมือมัดเท้าโยซอบ
“ไม่เอาฮะ...อย่ามัดผมเลย ไม่เอา ไม่เอา...ฮือ...” โยซอบพยายามดิ้นแต่ถูกมือของดูจุนจับไว้ทั้งแขนทั้งขา แต่ไม่มีปฏิกิริยาใดตอบรับนอกจากถูกร่างสูงบีบแขนขาแรงกว่าเดิมแล้วมัดด้วยเชือกอย่างแน่น
“อยู่เฉยๆไป ถ้ายังไม่อยากโดนเชือด !” ดูจุนหันมาจับพวงมาลัยและเหยียบคันเร่งหลังจากจัดการกับโยซอบเสร็จ
“...” ไม่มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมาจากร่างเล็กนอกจากหยดน้ำตาที่ร่วงออกมา
20 นาทีให้หลัง รถเก๋งสีดำคันหรูถูกจอดกลางคฤหาสน์ และแม่บ้านจองที่กำลังยกน้ำออกมาเพื่อต้อนรับทั้งสองที่กลับมาจากมหาวิทยาลัย ดูจุนกำลังแก้เชือกให้โยซอบที่กำลังนั่งร้องไห้อยู่
“เลิกร้องซักที แล้วก็ไม่ต้องไปบอกใครเข้าล่ะ ไม่งั้นคงรู้นะว่าเป็นยังไง...” ดูจุนกระซิบข้างใบหูของโยซอบก่อนจะทำทียิ้มแล้วเดินโอบไหล่เด็กหนุ่มที่ยังคงมีน้ำตาคลอเบ้าพลางตัวสั่นเพราะความกลัวอยู่
“วันนี้กลับเร็วจังนะคะ อ้าว...แล้วคุณโยซอบ ทำไม...”
“เขาไม่ค่อยสบายน่ะ เป็นภูมิแพ้นี่ ใช่มั้ย...” ดูจุนหันไปแสร้งยิ้มถามโยซอบ แต่ก็แอบบีบแขนเด็กหนุ่มไว้
“ฮ...ฮะ...” เด็กหนุ่มพยายามฝืนยิ้มและพยักหน้า
“ไปอาบน้ำกันก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวลงมาทานอาหารเย็นกันด้วยนะคะ...” แม่บ้านวัยกลางคนตอบแบบยิ้มซื่อๆก่อนจะเดินเข้าห้องครัวไป
“เล่นเนียนดีนี่...” ดูจุนกัดฟันพูดกับเด็กหนุ่มก่อนจะเดินขึ้นบันไดไป
“...” เด็กหนุ่มยืนมองตามร่างสูงที่เดินขึ้นไปก่อนจะปาดน้ำตาแล้วเดินตามขึ้นไป
.....
“นี่ ฮยอนซึง...ตอนนี้นายกำลังถูกรุ่นพี่เค้าเพ่งเล็งตัวแล้วนะรู้มั้ย ??” กีกวังที่เดินกลับบ้านพร้อมฮยอนซึงรีบเตือนเพื่อน
“แล้วไงล่ะ...ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดนะ ฉันจะสนทำไม...”
“ฉันว่าอย่าไปมีเรื่องกับพี่เขาเลยนะ...”
“นายก็รู้ว่าฉันมันคนไม่ชอบมีเรื่อง แต่นายก็เห็นนี่ว่ามันมาหาเรื่องฉันก่อน ต่อให้เป็นรุ่นพี่ ให้ตายฉันก็ไม่เคารพ !” ฮยอนซึงพูดกับกีกวังราวกับประกาศอย่างเด็ดขาด
“แต่ว่า....”
“ว่าแต่ พรุ่งนี้นายไปทำงานพิเศษรึเปล่าน่ะ ?” ฮยอนซึงรีบเปลี่ยนเรื่องพูด
“ไปสิ ><”
“นายไม่เบื่อเหรอ ทำงานแต่ที่ที่มีแต่เด็กๆน่ะ ?”
“ไม่หรอก เด็กๆน่ารัก ฉันชอบ~” กีกวังพูดอย่างร่าเริงเมื่อถูกถามถึงเด็กๆ
“ว่าแต่นายไปทำงานที่ร้านกาแฟเหมือนเดิมเปล่าอ่ะ ?” กีกวังหันมาถามเพื่อนที่ทำงานต่างที่กัน
“ก็ไปปกตินะ แต่ช่วงนี้ฉันไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่...” ฮยอนซึงพูดก่อนทำหน้าเซ็งๆ
“ทำไมล่ะ ?”
“ฉันรู้สึกขนลุกเวลาอยู่ที่ร้านกับผู้จัดการน่ะ ดูมันหน้าม่อยังไม่รู้...”
“ฮ่าๆ เอาน่า...ถ้าใครม่อนาย ฉันจะไปบอกเองว่าฉันแฟนนาย คิคิคิ” กีกวังแซวเพื่อนรักอย่างขำๆ
“เฮ่ย ! ไม่ดีมั้ง...” ฮยอนซึงสะดุ้งและหันมาทำหน้าเหวอใส่กีกวัง
“ฉันล้อเล่น อ้ะ ถึงทางแยกแล้ว บ๊ายบาย ><//” กีกวังพูดก่อนจะเดินแยกตัวกลับไป
“บ๊ายบาย...” ฮยอนซึงโบกมือกลับก่อนจะเดินออกมา พลางนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับจุนฮยองเมื่อสักครู่ก่อนจะบ่นๆอยู่คนเดียว
“เฮอะ...สารเลวสิ้นดี... เฮ้ย !!!” ฮยอนซึงตกใจมากที่ขณะที่เขากำลังบ่นอยู่ก็มีรถสปอร์ตสีดำคนหนึ่งขับด้วยความเร็วสูงวิ่งบนน้ำจนน้ำกระเด็นใส่เสื้อผ้าเขาจนเปื้อนไปหมด
“โอ๊ย !! ใครวะเนี่ย !” ฮยอนซึงโวยวายทันทีเมื่อเห็นรถคนนั้นเริ่มชะลอและเดินปรี่เข้าไปที่รถคันนั้น
“ไหน...ขอดูหน้ามันซักทีซิ !” ฮยอนซึงรีบเดินไปเคาะกระจกรถ และก็ทำตาโต เมื่อกระจกรถถูกเลื่อนลงมา
“อ...ไอ้...” ฮยอนซึงช็อกและตกใจที่มาเจอจุนฮยองนั่งมองหน้าและยิ้มแบบอารมณ์ดี
“ไม่มีอะไรจะทำรึไง ถึงมาขับรถสาดน้ำใส่ชาวบ้านเขาเนี่ย ฮะ !!!”
“ไอ้มีน่ะมันมี แต่ฉันไม่อยากทำว่ะ...” จุนฮยองพูดพลางนั่งเคาะพวงมาลัยเล่น
“ฉันไม่มีเวลามาทะเลาะกับนาย...” ฮยอนซึงพูดก่อนจะเชิดเดินออกไป
“หึ...มันไม่จบแค่นี้หรอก...” จุนฮยองมองตามก่อนจะเหยียบคันเร่งออกไป
.....
อาหารมื้อเย็นที่ถูกจัดอย่างเรียบง่ายแต่น่ารับประทานถูกวางอยู่บนโต๊ะต่อหน้าดูจุนและโยซอบ ดูจุนค่อยๆนั่งกินอย่างสบายใจ ส่วนโยซอบได้แต่นั่งมองอาหารบนโต๊ะ
“รีบๆกินไป แม่บ้านจะได้เก็บ...”
“ผ...ผมไม่หิวฮะ...”
“เรื่องมากเป็นบ้า ! มีให้กินก็บุญแล้ว กินๆไป”
เด็กหนุ่มเริ่มตัดข้าวด้วยมือสั่นๆที่เต็มไปด้วยความกลัวและอึดอัด ก่อนจะค่อยๆก้มหน้าก้มตากินโดยไม่สบสายตาคนที่นั่งตรงข้ามที่จ้องมาอย่างอำมหิต
เคร้ง !!!
“ไม่กงไม่กินแม่งและ !” ร่างสูงปาช้อนทิ้งบนพื้นก่อนจะเดินขึ้นห้องไป
“...” โยซอบนั่งมองตามก่อนที่น้ำตาจะร่วงลงมาอีกครั้งหลังเห็นปฏิกิริยาของอีกคน
“อ่า...ถ้ายังไม่สบายใจยังไม่ต้องทานก็ได้นะคะ...” แม่บ้านจองที่ดูเหตุการณ์มาตลอดเดินเข้ามาหาพร้อมลูบหัวเด็กหนุ่ม
“ผมผิดรึเปล่าฮะ...”
“ไม่หรอกค่ะ ป้าเข้าใจนะ...”
“ขึ้นไปนอนเถอะค่ะ นี่ก็สองทุ่มแล้ว เดี๋ยวต้องอ่านหนังสือติวอีกนี่คะ...” แม่บ้านจองพยายามปลอบใจเด็กหนุ่มที่นั่งร้องไห้
“ผ..ผมยังไม่อยากขึ้นเลยฮะ...”
“เดี๋ยวป้าขึ้นไปส่งบนห้องก็ได้นะคะ
”
“ไม่เป็นไรฮะ ผมขึ้นเองดีกว่า รบกวนป้าเปล่าๆฮะ” โยซอบพูดก่อนจะช่วยแม่บ้านจองยกจานไปเก็บและค่อยๆเดินขึ้นบันไดไป จนไปหยุดอยู่หน้าประตูห้อง โยซอบได้แต่ยืนลังเลว่าจะเคาะหรือไม่เคาะดี แต่แล้วประตูก็ถูกเปิดออกโดยคนที่อยู่ในห้อง
“ยืนเซ่ออะไร จะเข้าก็เข้า” ร่างสูงยืนพิงประตูพลางทำหน้าเย็นชาใส่คนตัวเล็กที่ยืนหน้าห้อง
“ฮะ...” โยซอบรีบโค้งตัวก่อนจะค่อยๆมุดตัวเดินผ่านอีกคนเพื่อจะเข้าห้อง แต่ถูกสกัดไว้ก่อน
“เดี๋ยว ! ... ”
“ฮ...ฮะ ??” เด็กหนุ่มตกใจและแอบกลัวในคราวเดียวกันที่ถูกอีกคนขวางไว้ไม่ให้เข้าห้อง
“
” ร่างสูงเดินกลับเข้าไปในห้องพร้อมหยิบกระป๋องสเปรย์ปรับอากาศออกมาก่อนจะฉีดใส่ตัวเด็กหนุ่มแบบไม่ยั้ง
“พ...พี่ทำอะไรฮะ โอ๊ย แค่กๆ” โยซอบตกใจและพยายามปิดจมูกเพื่อป้องกันสเปรย์
“เหม็นสาบ !” ดูจุนหยุดฉีดและพูดใส่โยซอบก่อนจะหันหลังเดินเข้าห้องไป
“จะเข้าก็รีบเข้า เปลืองแอร์ !!” ดูจุนหันไปตวาดใส่เด็กหนุ่มอีกครั้ง
“...ฮะ...” โยซอบรีบปิดประตูห้องและเดินไปหยิบเสื้อผ้าเพื่อจะเดินไปอาบน้ำ แต่ก็ไม่วายหันไปถามอีกคนที่นั่งจ้องอยู่
“พ...พี่จะอาบก่อน...มั้ย ??” โยซอบถามแบบกลัวๆ
“เหอะ...รู้หน้าที่ดีนี่” ดูจุนแขวะก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าไปอาบน้ำ
ระหว่างที่รอดูจุนอาบน้ำ โยซอบเลยใช้เวลาว่างในการจัดโต๊ะที่ใช้สำหรับอ่านหนังสือของตัวเอง โต๊ะไม้สีน้ำตาลอ่อนสองตัวถูกวางตรงข้ามกัน ตัวหนึ่งที่มีของอยู่เต็มโต๊ะแต่เป็นระเบียบโยซอบพอจะเดาออกว่าเป็นของดูจุน เด็กหนุ่มจึงเลือกโต๊ะอีกตัวที่มีเพียงโคมไฟและกล่องใส่เครื่องเขียนอันเล็กเพื่อใช้อ่านหนังสือ
“โต๊ะสวยจัง...” เด็กหนุ่มพูดเบาๆปนยิ้มบางๆก่อนจะหยิบหนังสือจากกระเป๋าออกมาเรียง
“ทำอะไร !!” เสียงทุ้มต่ำของดูจุนดังขึ้น
“อ..เอ่อ..ผ..ผม...ผมกำลังจัดหนังสืออยู่ฮะ...” โยซอบสะดุ้งก่อนจะหันมาตอบ
“ฉันอนุญาตให้ใช้แล้วเหรอ !”
“ข...ขอโทษฮะ ผมไม่รู้จริงๆฮะ” เด็กหนุ่มตอบอย่างกลัวสุดขีดก่อนจะลนลานหยิบหนังสือที่ตนเพิ่งจัดเรียงเสร็จออกจากโต๊ะ
“อย่ามาถือสิทธิ์ใช้อะไรตามอำเภอใจในห้องฉัน ถ้าไม่อยากตายไม่ดี !”
“ขอโทษจริงๆฮะ...”
“ไปอาบน้ำซะ เหม็นชะมัด”
“ฮ...ฮะๆ”
โยซอบรีบคว้าผ้าเช็ดตัววิ่งไปอาบน้ำ ดูจุนได้แต่มองตามหลังก่อนจะแสยะยิ้มอย่างมีเลศนัยออกมา
“นี่แค่รับน้องเท่านั้นนะ จากนี้ไปละ ของจริง...”
ผ่านไปร่วม 15 นาที โยซอบเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพชุดนอนยาวรุ่มร่ามเพราะพ่อของดูจุนกะขนาดซื้อไม่ถูก เลยได้ไซส์ที่ใหญ่กว่าตัวมาพอสมควร ประกอบกับผมที่เปียกชุ่มน้ำ สภาพโดยรวมจึงดูไม่ต่างจากลูกหมาตกน้ำ แล้วก็เดินไปหยิบหนังสือที่วางกับพื้นขึ้นมาค่อยๆนั่งอ่าน แต่ก็ไม่พ้นสายตาของคนที่นั่งใส่แว่นอ่านหนังสืออยู่ดี
“ถ้าจะอ่านหนังสือ ก็ขึ้นมาบนโต๊ะ ทำแบบนั้นมันขวางทางเดิน !”
“ฮะๆ” เด็กหนุ่มรีบหยิบหนังสือกองมหึมาขึ้นไปวางบนโต๊ะก่อนจะเปิดอ่าน
“ฉันจะนอนละ อย่าทำอะไรเสียงดัง ถ้าไม่อยากตาย !”
“
” โยซอบรีบพยักหน้าหงึ่กๆติดกันอย่างกลัวๆ
อีรอคเคนันโต (Fiction in Fiction) อิจจี มดทาโก (Fiction in Fiction) แนคาซึมซกเก กึทนาจีอันนึล อียากิล ซือโกอิดซอ
โทรศัพท์ของดูจุนดังขึ้นขณะที่เขากำลังเดินไปนอนบนเตียง ร่างสูงหยิบมาดูก่อนจะพบชื่อจุนฮยองและกดรับก่อนจะพูดโดยที่ไม่แคร์ว่าโยซอบนั่งฟังอยู่
“โทรมาซะดึกเลยนะมึง”
“เป็นไงมั่งวะ เล่นมันยัง...” เสียงปลายสายพูดเรียบๆแต่แฝงด้วยความเจ้าเล่ห์
“เล่นจนแม่งนั่งร้องไห้ไปหลายรอบแล้วว่ะ อ่อนชิบ...”
“เออ ให้มันได้งั้นดิ เยี่ยม !”
“ว่าแต่มึงอ่ะ จัดการเพื่อนมันไปถึงไหนแล้ววะ แม่งชอบมาเสือกซะด้วย” ดูจุนถามกลับบ้าง
“วันนี้กูขับรถสาดน้ำใส่มันไปแล้ว นั่นแค่เบาะๆว่ะ !”
“
” โยซอบทำทีอ่านหนังสือแต่จริงๆแล้วไม่ได้มีสติจดจ่อกับหนังสือแต่อย่างใด หูของเขาฟังบทสนทนาทางโทรศัพท์ของทั้งสองคนอย่างเงียบๆ
“เออ งั้นแค่นี้ก่อนว่ะ กูจะนอนและ” ดูจุนพูดส่งท้ายก่อนจะตัดสายไป
“
”
“ฉันรู้นะ ว่าแกฟังฉันคุยโทรศัพท์ !” ดูจุนมองด้วยสายตาเยือกเย็นกับเด็กหนุ่ม
“ป...เปล่านะฮะ...”
“คิดว่าฉันโง่จนมองไม่ออกรึไง เรื่องของคนอื่นเขา อย่าเสือก !!”
“ผ..ผมไม่อยากรู้ ผมไม่อยากยุ่งฮะ...”
“แต่ถ้าอยากรู้ก็ได้ ก็ดีด้วย...แกจะได้รู้ไงว่าฉันจะจัดการแกกับเพื่อนยังไงต่อ...”
“ผมขอร้องเลยล่ะฮะ อย่าลากเพื่อนผมมาเกี่ยวเลยนะฮะ เขาไม่เกี่ยว พี่จะเกลียดผมหรืออะไรก็ได้ แต่อย่าลากเพื่อนๆผมมาเกี่ยวนะฮะ ผมขอล่ะ...” โยซอบเริ่มน้ำตาคลอเบ้าอีกครั้งขณะที่กำลังอ้อนวอนชายหนุ่ม
“คนที่มันมายุ่งกับพวกฉันน่ะ มันเพื่อนของแกเองนะ !”
“เลิกร้องไห้ซักที ฉันเกลียดที่สุด ไอ้พวกที่ใช้น้ำตา !!!”
“ผมไม่รู้นะฮะว่าพี่เกลียดอะไรผมขนาดนั้น แต่พี่อย่าลากเพื่อนผมมาเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยนะฮะ ผมขอ...”
“คิดว่าฉันจะฟังคำขอของไอ้เด็กไม่รู้หัวนอนปลายเท้าไปเพื่ออะไร !!!” ร่างสูงพูดก่อนจะผลักเด็กหนุ่มลงไปนอนกองกับพื้น
“พี่เกลียดผม เพราะพี่คิดว่าพ่อของพี่รักผมมากกว่าพี่ แต่มันไม่ใช่นะฮะ ฮือ...”
“อ๋อ...นี่สินะ รูปลุงของแก...” ดูจุนเมินกับสิ่งที่โยซอบพูดแล้วเดินไปที่หัวเตียงของโยซอบก่อนจะหยิบรูปถ่ายใบเล็กๆที่ใส่กรอบไว้
“อย่าแตะนะฮะ !” เด็กหนุ่มลุกขึ้นมาพยายามยื้อแย่งกรอบรูป
“ทำไมฉันจะแตะไม่ได้ ในเมื่อแกอยู่ในฐานะผู้ขออาศัย และนี่ก็ห้องของฉัน ฉันจะทำอะไรมันก็สิทธิ์ของฉัน !”
“แต่นั่นมันของของผ...”
“แล้วไง !! ที่แกไม่คิดบ้างล่ะ ว่าที่แกแย่งไป ก็พ่อของฉัน !!!” ดูจุนเริ่มฟิวส์ขาดและหันมากระชากคอเสื้อเด็กหนุ่มจนตัวลอย
“ผ..ผม...ผมไม่...”
“หุบปาก !!” ดูจุนตวาดใส่หน้าโยซอบอีกครั้งก่อนจะโยนเด็กหนุ่มลงพื้นอย่างรุนแรง
“ฮ...ฮึก...” โยซอบพยายามยันตัวขึ้นมานั่งและจ้องตากับดูจุนที่ยืนมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ ความเกลียดชัง ความแค้น และเย็นชาในเวลาเดียวกัน
“ฉันจะนอนละ...” ดูจุนหันหลังกลับไปที่เตียง แล้วข่มตาหลับลง โดยไม่สนใจเด็กหนุ่มที่นั่งมองตามและร้องไห้ออกมาอย่างเงียบๆก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกรอบรูปรูปลุงของตนมากอด
..
เช้าวันเสาร์ กีกวังกำลังนั่งกินปาท่องโก๋และน้ำเต้าหู้อย่างเร่งรีบ เพราะต้องรีบไปทำงานพิเศษแต่เช้า อย่างเช่นทุกๆวันหยุดสุดสัปดาห์
“กีกวัง ทำไมรีบกินจังล่ะลูก...” ชายวัยกลางคนเดินเข้ามาพร้อมหนังสือพิมพ์เล่มหนึ่งก่อนจะนั่งตรงข้ามกับกีกวัง
“อ้าว ทำไมวันนี้พ่อตื่นเช้าจัง”
“พ่อจะพายายไปเอาต้นไม้น่ะสิ...ยายเค้าอยากได้นักอยากได้หนา หึหึ”
“ไม่ต้องมาพูดเลยย่ะ ปากเสียอย่างนี้ลูกสาวของฉันถึงได้หนีแกไปไง” เสียงของผู้หญิงสูงวัยพูดขึ้นมาก่อนจะเดินมาหยิกแก้มพ่อของกีกวังอย่างอารมณ์ขัน
“แม่ก็...พูดอะไรไม่รู้ ดูสิ กีกวังมันหน้าเครียดเลย...”
“ไม่ต้องสนใจหรอกนะกีกวัง แม่ของแกน่ะไปทำงานที่ต่างประเทศอยู่ เค้ายังรักแกอยู่นั่นแหละ” ผู้เป็นยายพูดปลอบใจก่อนจะเดินมาลูบหัวหลานชายคนเดียว
“ฮะ...” กีกวังยิ้มบางๆแต่ทำให้ดวงตาเป็นเส้นอย่างน่ารัก ก่อนจะจ้วงกินปาท่องโก๋ต่อ
“วันนี้พ่อกับยายกลับดึกหน่อยนะ ถ้ามาก่อนไม่ต้องรอก็ได้นะลูก”
“ฮะพ่อ...”
“แล้วว่าแต่ไปทำงานที่พวกลานเด็กเล่นในห้างน่ะ ไม่เบื่อบ้างเหรอ ?” ผู้เป็นยายถาม
“โอ๊ย ผมชอบเด็กสุดๆเลยฮะ >___<”
“พ่อว่าเราก็โตแล้วนะ ทำไมไม่ไปทำงานที่ร้านกาแฟแบบฮยอนซึงล่ะ...”
“ฮยอนซึงดูเป็นผู้ใหญ่ ทำงานแบบนี้ก็เหมาะอยู่ ผมชอบงานนี้มากกว่าฮะ แถมเงินก็ดีด้วย”
“อ๊ะ ! สายแล้ว ผมไปก่อนนะฮะ บ๊ายบายครับพ่อ บ๊ายบายครับยาย” กีกวังรีบวิ่งเอาจานปาท่องโก๋ไปเก็บก่อนจะวิ่งออกจากบ้านไป
“สงสารมันนะ...แม่มันไม่น่าหนีไปเลย...ขอโทษนะที่ฉันต้องโกหกว่าแกปากเสียจนทำให้ลูกฉันหนีไป...” หญิงชรามองตามเด็กหนุ่มที่วิ่งออกไป ก่อนจะเปรยกับพ่อของกีกวังขึ้นมา
“ผมยอมให้แม่โกหกมันละกัน ดีกว่าให้มันรู้ความจริงแล้วเป็นเด็กมีปัญหา...” ชายหนุ่มมองดูลูกชายคนเดียวอย่างสงสาร
...กีกวังรีบวิ่งไปตอกบัตรที่ห้างสรรพสินค้าก่อนจะเดินไปเปลี่ยนชุดยูนิฟอร์มทำงาน เนื่องจากเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ห้างจึงเปิดบริการเร็วกว่าทุกวัน และวันนี้ก็จะมีลูกค้าเยอะกว่าปกติ เพราะเป็นวันเด็กด้วย
“นี่กีกวัง อย่าลืมเอาลูกบอลกับตุ๊กตาไปเทไว้ในบ้านล่ะ เดี๋ยวห้างจะเปิดแล้ว...” เสียงผู้จัดการปาร์คดังขึ้น
“ฮะพี่...”
“แล้วก็ วันนี้นายคงต้องอยู่กะยาวหน่อยนะ เพราะทุกคนเขาพาลูกหลานไปเที่ยวหมดเลย ที่นี่ดันมีแค่นายคนเดียวที่ยังเรียนอยู่ เหนื่อยหน่อยนะ แต่ค่าตอบแทนคุ้มเลยล่ะ”
“สบายมากครับ ^^ พี่ก็พาลูกไปเที่ยวให้สนุกเลย ทางนี้ผมจัดการเอง” กีกวังบอกผู้จัดการขณะที่กำลังหยิบหูแมวขึ้นมาใส่เพื่อดึงดูดความสนใจให้เด็กๆ
“อ้า ขอบใจมาก งั้นพี่ไปนะ...”
“บ๊ายบายคร้าบ~”
“เด็กๆเริ่มมาแล้ว ><” กีกวังพึมพำก่อนจะเริ่มประกาศเชิญชวนเด็กๆให้เข้ามาเล่นในบ้านลูกบอลอย่างน่ารัก
“น้องๆครับ มาเล่นกับพี่แมวมั้ยเอ่ย ?” กีกวังพยายามเรียกเด็กๆและเด็กๆต่างก็ให้ความสนใจ จนผ่านไปครู่เดียว ก็มีเด็กตามบ้านลูกบอล
“คุณน้าขา...หนูอยากเล่นบ้างจัง...” เสียงใสๆของเด็กหญิงวัยประมาณ 4-5 ขวบดังขึ้น ก่อนที่หนูน้อยจะวิ่งเข้ามาหากีกวังที่กำลังเป็นมาสคอตแมว
“แมวเหมียว~”
“อันยองจ้า...เล่นมั้ย ??”
“หนูขอไปขอคุณน้าก่อนนะคะ คุณน้าขา~” เด็กหญิงวิ่งไปหาน้าของตัวเอง ก่อนจะอ้อนผู้เป็นน้า
“อ้า...น้ายอมก็ได้ เห็นว่าเป็นวันเด็ก...” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น เป็นเสียงที่กีกวังคุ้นเคยมาก แต่กลับนึกไม่ออกว่าเป็นเสียงของใครเพราะมัวแต่หันไปมองเด็กๆข้างในจนไม่ได้บอกคนที่อยู่ข้างนอก
“ขอบคุณค่า คุณน้าใจดีจัง พี่แมวเหมียว หนูเล่นด้วยคนน้า” เด็กหญิงเดินเข้ามาสะกิดกีกวังก่อนจะยื่นตั๋วให้
“จ้า เข้าไปเลยนะ...” กีกวังอุ้มเด็กน้อยเข้าไปในบ้านก่อจะหันมาเจอกับร่างสูงผมทองที่ใส่แว่นตากลมโตปิดหน้าที่กีกวังคิดว่าคุ้นเคยมากถึงมากที่สุด
“ดงอุน !!!” กีกวังตกใจที่มาเจอดงอุนในที่แบบนี้ ปกติดงอุนเป็นมาดเด็กเรียน ไม่น่าจะหลวมตัวมาเดินที่ห้างสรรพสินค้า
“อันยอง...” ดงอุนตอบกลับแบบเรียบๆก่อนจะหยิบเก้าอี้มานั่งอ่านหนังสือรอหลานสาว กีกวังเลยถือโอกาสตีซี้ลากเก้าอี้มานั่งคุยเป็นเพื่อน
“นายมาไงเนี่ย...”
“นั่นน่ะ หลานฉัน” ดงอุนตอบแบบไม่มองหน้าอีกคน เพราะสายตากำลังจดจ้องอยู่กับหนังสือ
“จริงดิ ! นายแอบไปมีลูกไว้ตอนไหนเนี่ย !!!” กีกวังถามแบบใสซื่อปนเอ๋อๆ
“หลาน...นั่นลูกของลูกพี่ลูกน้องฉัน”
“ตกใจหมด...ฉันแปลกใจนะ มาเจอคนอย่างนายที่ห้าง หุหุหุ” กีกวังพูดแบบยียวนนิดๆ
“คนอย่างฉันมันทำไม...”
“ก็...มาดเด็กเรียนขนาดนั้น ไม่น่าเชื่อว่าจะมาเดินห้างกะเขานี่สิ...”
“นายยังไม่รู้จักฉันดีพอ อย่ามาพูดดีกว่า...” ดงอุนตอกกลับอย่างเย็นชา แต่ดูเหมือนว่าคนที่นั่งอยู่ข้างๆจะไม่รู้สึกอะไรเพราะยังยิ้มแป้นแล้นอยู่เหมือนเดิม
“แปปนะ รอฉันอยู่ตรงนี้นะ...” กีกวังพูดเบรกดงอุนไว้ก่อนจะวิ่งหายวับไป
“อะไรของมัน...” ดงอุนบ่นเบาๆก่อนจะก้มอ่านหนังสือต่อ
ห้านาทีผ่านไป กีกวังเดินกลับมาพร้อมด้วยแก้วสองใบก่อนจะเดินมาเข้ามานั่งที่เดิมและส่งแก้วใบหนึ่งให้ดงอุน
“อะไร ??”
“ตอบแทนที่เมื่อวานอยู่เป็นเพื่อนฉันตอนทำเวรไง...”
“
” ร่างสูงรับมาก่อนจะมองๆดูของในแก้วแล้วค่อยๆจิบกิน
“อร่อยใช่มั้ยล่ะ ><”
“ก็โอเค...”
“ว่าแต่จะมาห้างทั้งที ทำไมไม่มากับเพื่อนล่ะ น่าสนุกออก” กีกวังถามด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น
“เพื่อนเพิ่นอะไร ฉันไม่มี...” ดงอุนตอบแบบเรียบๆเช่นเคย
“อย่าหาว่าฉันจุ้นเลยนะ ฉันถามอะไรนายหน่อยสิ” กีกวังทำหน้าสลดลงหลังจากฟังคำตอบ ก่อนจะยิงคำถามอีกครั้ง
“ว่ามา”
“นายไม่เคยรู้สึกว้าเหว่หรือเหงาเลยรึไงเวลากินข้าวคนเดียว ไปไหนมาไหนคนเดียว”
“นึกว่าอะไร
”
“ว่าไงล่ะ ??” กีกวังมองอีกคนด้วยสายตาเป็นประกาย
“นายนี่อยากรู้อยากเห็นจริงๆ”
“ก็นะ ฉันเห็นตอนเที่ยงนายกินข้าวคนเดียวทุกวันนี่นา”
“ฉันจะแคร์ทำไม ในเมื่อสิ่งที่นายถามฉันมามันคือความจริงนี่” ดงอุนตอบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ขอโทษนะที่ถามอะไรแบบนี้...”
“ช่างมันเถอะ”
“ชีวิตนายนี่ลึกลับจริงๆแฮะ” กีกวังพูดก่อนจะแอบหัวเราะนิดๆ
บีกา โอนึน นัลแรน นารึล ชัจจาวา บัมมึล แซวอ แกวรบฮีดา~
“ยอโบเซโย...อ้าว คุณน้าเหรอครับ...” ดงอุนรับโทรศัพท์ก่อนจะเดินปลีกตัวออกไปจากเก้าอี้ และเดินกลับมานั่งหลังจากจบบทสนทนาทางโทรศัพท์กับคนที่พอจะเดาได้ว่าเป็นน้า
“นี่ หลานฉันเหลือเวลาอีกนานมั้ย” ดงอุนถามกีกวังที่เป็นคนคุม เพราะเห็นว่าหลานของตนเล่นมานานแล้ว
“เหลืออีก 20 นาทีน่ะ”
“ขอเลิกก่อนได้มั้ย น้าฉันจะมารับหลานฉันกลับแล้ว...”
“ได้สิ งั้นนายเข้าไปกับฉันละกันนะ เพราะฉันสับสนเด็ก เด็กเยอะมาก~”
ดงอุนกับกีกวังค่อยๆเดินเข้าไปในบ้านลูกบอลอย่างระมัดระวังเพราะมีลูกบอลเกลื่อนบ้าน และเนื่องจากเป็นวันเด็ก ทำให้มีเด็กนับสิบๆคนวิ่งเล่นซนไปมา จนกีกวังตาลาย
“จียอนอ่า...อัปป๊าจะมารับแล้ว กลับได้แล้ว...” ดงอุนพยายามใช้เสียงทุ้มต่ำที่แสนจะเบาตะโกนเรียกหลานสาว
“คุณน้า มาเล่นกับหนูหน่อย >< คุณแมวเหมียวด้วย~” จียอน เด็กน้อยจูงมือดงอุนกับกีกวังให้มาเล่นด้วยโดยไม่ฟังที่ดงอุนพูดเลย
“ก็ได้ แต่รอบเดียวนะ เพราะพ่อของจียอนจะมารับแล้ว เดี๋ยวน้าจะไปธุระต่อ”
“ค่า~ ><”
“พี่ชาย อุ้มผมหน่อย ผมจะลงแล้ว...” เสียงของเด็กชายคนหนึ่งดังขัดขึ้นมา ทำให้กีกวังเลยอาสาไปอุ้มเด็กน้อย แต่เจ้ากรรม เท้าของร่างเตี้ยดันไปเหยียบลูกบอลจนไถลและกำลังจะหงายหลังกระแทกพื้น แต่ก็มีมือคู่หนึ่งมารองตัวของกีกวังเอาไว้
“>____<” กีกวังหลับตาปี๋เพราะเข้าใจว่าตัวจะหงายกระแทกพื้น
“เอ๊ะ...ทำไมไม่เจ็บ... ??!!??” กีกวังเริ่มลืมตาและทวนคำถามกับตัวเอง
“นายไม่เจ็บ แต่ฉันหนัก...” เสียงทุ้มต่ำพูดขึ้นมาจนกีกวังสะดุ้งตกใจ !!
จบไปล้าววกับตอนที่สาม -///-
ไรท์เตอร์ขอโทษนะฮะที่หายหัวไปนาน (รีดเดอร์ ; มาก !!)
คือตอนแรกโปรเจคต์เรามี 4 คนแต่ช่วงปิดเทอมเราขาดการติดต่อกันไป (ฮื้อ TT')
พอมาเรียนซัมเมอร์เราเลยเม้าท์กันด่วนค่ะ
และเราก็ตกลงกันว่า จะเอาเรื่องนี้ให้จบเป็นเรื่องแรก (ของไรท์เตอร์อ่ะค่ะ)
แล้วเรื่องอื่นจะทยอยลง (เพราะไรท์เตอร์ต้องย้ายโรงเรียนเลยไม่มีโอกาสได้หารือกับคนอื่นๆ ฮือๆ T__T)
ยังไงก็ขอฝากผลงานเรื่องนี้กับอีกเรื่องคือ It's war ด้วยนะคะ ช้วฟๆ <3
(ปล้ำลุง ; รีดเดอร์จ๋า อย่าเกลียดดูจุนนี่น้า TT')
ความคิดเห็น