ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ━╳°◖NEKO : HOPEV◗°╳━

    ลำดับตอนที่ #1 : PLAYBOY 1

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ค. 58


     

    Hey Playboy haha (boy) Let’s play!

     
     

                นิ้วเรียวดันกรอบแว่นหนาเตอะให้เข้าที่ก่อนที่มือเรียวจะรวบหนังสือทั้งหมดลงใส่ในกระเป๋าเป้ใบสีขาวด้วยท่าทีเนิบนาบอย่างเช่นทุกวัน เสียงถอนหายใจเบาๆจากความเหนื่อยหน่ายของคาบเรียนที่แล้วทำให้เขาแทบจะรอเวลากลับไปล้มตัวลงนอนบนเตียงที่บ้านไม่ไหว

     

                “พี่ซอกจินมาแล้วแก!”  เสียงของกลุ่มหญิงสาวดังขึ้นราวกับนาฬิกาบอกเวลา เพราะมันดังแบบนี้แทบจะ...ไม่สิ มันดังแบบนี้ทุกวันต่างหาก


     

                “แทฮยอง!” ร่างบางสะดุ้งโหยงก่อนจะหันไปมองคนที่ตะโกนเรียกชื่อตัวเองเสียงดัง เจ้าของร่างยืนพิงกรอบประตูก่อนจะยิ้มตาหยีเรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดของเหล่าหญิงสาวในห้องได้เป็นอย่างดี “ฮยองมารับแล้วนะครับ” น้ำเสียงที่จงใจดัดให้นุ่มทุ้มทำให้แทฮยองแอบเบ้ปาก เขาหยิบกระเป๋า MCM ใบเก่งขึ้นมาสะพายพลางมือก็ดันกรอบแว่นให้ชิดสันดั้งเข้าไปด้วยระหว่างที่เดินไปหน้าประตู


     

                “จินอปป้าคะ! วันนี้หล่อเหมือนเดิมเลยนะคะ” เสียงของหนึ่งในหญิงสาวกลุ่มเดิมเอ่ยทัก วันนี้ดูจะแปลกไปจากทุกวันเสียหน่อยตรงที่จองฮเยริกล้าเดินมาเอ่ยชมร่างสูงต่อหน้า ในมือของเธอมีกล่องสีขาวใบขนาดพอดีมืออยู่ก่อนที่เธอจะก้มหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่เพียงแค่พี่ชายของเขาหันไปมอง


     

                “อ่า...ฮ่ะๆ” ซฮกจินหัวเราะแก้เก้อ เขาไม่รู้จะทำยังไงดีกับคำชมเดิมๆของผู้หญิงคนเดิมที่เอาแต่ชมเขาทุกวันอย่างกับโรบอทที่ถูกตั้งโปรแกรมเอาไว้ “ขอบใจ”


     

                “อปป้าคะ...ดีใจด้วยนะคะที่สอบได้ที่สามสิบเก้าของห้อง!” เธอพูดเสียงดังด้วยน้ำเสียงดีใจก่อนจะรีบยื่นกล่องในมือมาตรงหน้าชายหนุ่มที่เธอแอบชอบ แทฮยองแอบหัวเราะก่อนจะรีบยกมือขึ้นมาป้องปากเมื่อถูกสายตาคาดโทษของร่างโปร่งตวัดมามอง



     

                มันน่าดีใจตรงไหนกันนะในเมื่อห้องของเขามันมีอยู่แค่สี่สิบคนน่ะ!



     

                “ขอบใจนะ แต่เธอเก็บมันไว้เถอะ” เอ่ยเสียงเรียบก่อนจะยิ้มบางๆไปให้ เขาเอื้อมไปคว้าแขนน้องชายที่เอาแต่กลั้นขำจนตัวโยนให้รีบเดินออกมาจากห้องเรียนด้วยกันหลังจากตกเป็นเป้าสายตาอยู่นาน


     

                “อปป้าคะ...ดีใจด้วยนะคะที่สอบได้ที่สามสิบเก้าของห้อง! ฮ่าๆ” เสียงล้อเลียนของคนข้างกายเรียกให้มือใหญ่ๆยกขึ้นมาเขกหัวน้องชายแท้ๆไปหนึ่งทีก่อนจะถอนหายใจแรงๆอย่างสงบอารมณ์


     

                “เงียบปากน่า”


     

                “ทีพี่มาตะโกนเรียกเราหน้าห้องเสียงดังทั้งๆที่รู้ว่าเราไม่ชอบล่ะ?” ยอกย้อนเข้าให้ก่อนจะหยิบลูกอมในกระเป๋าขึ้นมาแกะกินระหว่างเดินไปที่ลานจอดรถของมหาลัย “จริงๆพี่น่าจะรับของขวัญเธอ นั่นน่ะน้ำหอม Chanel เลยนะ”


     

                “ต่อให้ยัยนั่นขุดฟูจิมาทั้งลูกฮยองก็ไม่รับ” เสียงหัวเราะเหอะในลำคอทำให้แทฮยองหลุดหัวเราะ เขารู้ว่าพี่ชายคงจะหัวเสียน่าดูแต่ก็แย่หน่อยที่เขามันพวกชอบย้ำคิดย้ำทำเสียด้วยสิ “ไป ไปขึ้นรถไอ้โฮซอก มันสตาร์ทรอนานแล้ว” คนเป็นพี่ว่าก่อนจะชี้ไปที่รถเก๋งคันสีขาวสะอาดตา ข้างๆกันมีร่างสูงที่ยืนพิงรถเล่นโทรศัพท์มือถืออย่างไม่สนใจรอบข้างอยู่และเพียงไม่นานเจ้าของร่างนั้นก็เงยหน้าขึ้นมามองทางเขา...


     

                “ไม่ไป” คนตัวบางยืนยันเสียงเด็ดขาด ก่อนจะเปิดประตูรถของพี่ชายเขาไปนั่งและล็อคมันเสร็จสรรพกันใครบางคนมาลากตัวเขาลงไปอีก


     

                “อย่าดื้อน่าแทฮยองย่าส์”


     

                “ฮยองนั่นแหละดื้อ เราบอกว่าเราไม่ไปไง”


     

                “แต่...”


     

                “ถ้าอยากไปฮยองก็ไปสิ เดี๋ยวเรานั่งแท็คซี่กลับบ้านก็ได้” เขาว่าพลางมือก็เตรียมยกกระเป๋าขึ้นมาสะพานสื่อเป็นในๆว่าคิมแทฮยองคนนี้กำลังพูดจริงทำจริงแน่นอนถ้าหากว่าพี่ชายยังไม่ยอมตามใจกัน


     

                “อะๆ รู้แล้วน่า รอบนนี้ก่อนแล้วกันเดี๋ยวมา”


     

                “ห้านาที” เขาว่าแค่นั้นก่อนจะยกมือขึ้นดันกรอบแว่น มองไปยังกระจกมองหลังก็เห็นพี่ชายกำลังคุยอะไรสักอย่างกับผู้ชายคนนั้นที่ไม่ได้แสดงท่าทีทุกข์ร้อนใดๆออกมาทั้งสิ้น


     

                เหอะ! คนบ้า!


     

     

     

     

     

     

    돌릴  없는  당연한  Play (boy)

    คุณถอนตัวจากเกมนี้ไม่ได้แล้วล่ะ (ที่รัก)
    늦었다 싶을  이미    없을 정도로 내게 빠졌다고 (안그래?)
    กว่าจะรู้ว่าสายเกินไป คุณก็ตกหลุมรักผมเข้าให้แล้ว คุณควบคุมไม่ได้หรอก (ใช่ไหม?)

     



     

                “ปล่อยสิวะ!” เสียงเล็กๆของร่างบางเรียกให้เจ้าของของอ้อมกอดที่รั้งเอวของเขาเอาไว้หัวเราะออกมาเบาๆ เจ้าของร่างสูงที่เข้ามาป่วนเขายามวิกาลดูจะไม่ได้ทุกข์ร้อนเลยสักนิดนั่นยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดเข้าไปใหญ่จนอยากจะต่อยหน้าอีกคนให้รู้แล้วรู้รอด


     

                “พูดไม่เพราะเลยครับ”


     

                “พูดไม่เพราะแค่กับโฮซอกนั่นแหละ ปล่อย!” เด็กเอาแต่ใจยังคงดิ้นเร่าๆเรียกให้อีกคนต้องโถมตัวเข้าไปกอดเอาไว้แน่นกันไม่ให้คนฤทธิ์มากดิ้นจนตกเตียงไปเสียก่อน ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มกับภาพตรงหน้าของเด็กเอาแต่ใจก่อนจะจูบแก้มใสเบาๆอย่างฉวยโอกาส


     

                “พี่โฮซอก”


     

                “โฮซอก! จองโฮซอก! เราบอกให้ปล่อยหูหนวกเหรอ!!” พอไม่มีแว่นแล้วก็ไม่รู้จะปัดป้องอีกคนยังไงดีเพราะภาพตรงหน้ามันเลือนลางไปหมดแถมแสงไฟสีส้มอ่อนจากโคมไฟบนหัวเตียงก็ไม่ได้ทำให้ห้องมันสว่างขึ้นมาสักนิด “เราเหม็นกลิ่นเหล้ากับบุหรี่นะโฮซอก!


     

                “ดื่มไปนิดเดียวเอง” เขาว่าอย่างไม่ใส่ใจนักว่ากลิ่นตัวของเขาตอนนี้มันจะแย่ตามที่แทฮยองพูดหรือเปล่า กลับกันแล้วมือใหญ่ยังเลื่อนไปกดหัวคนที่ตัวเล็กกว่าให้ลงไปซุกกับอก “ส่วนบุหรี่ก็สูบไปสองมวล”


     

                “ไม่ได้ถามสักหน่อย...” เสียงอู้อี้เรียกให้น้ำเสียงนุ่มทุ้มหัวเราะออกมาเบาๆ เขาลูบกลุ่มผมสีสว่างนิ่มมือเล่นเมื่ออีกคนมีท่าทีสงบลงไปบ้างแล้ว “เราจะแจ้งตำรวจข้อหาบุกรุก”


     

                “บุกรุกตรงไหนครับ พี่มีกุญแจ ฮ่าๆ”


     

                “หัวเราะอยู่ได้ เป็นบ้าหรือไง!” กำปั้นหลุนๆทุบลงบนไหล่กว้างก่อนที่ฟันคมจะกัดลงที่หน้าอกอีกคนให้หายหมั่นเขี้ยว เขาล่ะเกลียดคนๆนี้จริงๆ


     

                “ตอนเย็นทำไมถึงไม่กลับมากับพี่?”


     

                “แล้วทำไมพึ่งจะมาง้อตอนตีสอง?”


     

                “เดี๋ยวนี้ทำไมถึงยอกย้อนเก่ง?” คนโตกว่าตบก้นแทฮยองด้วยความหมั่นเขี้ยว นับวันแทฮยองก็ยิ่งดื้อจนเขาอยากจะจับมาฟัดให้ขาดใจตายเสียจริงๆ


     

                “พี่เบื่อเราใช่มั้ยล่ะ...” น้ำเสียงที่ฟ้องว่าอีกคนกำลังประหม่าที่จะพูดมันออกมาทำให้โฮซอกขมวดคิ้ว เขาพยายามจะเชยคางอีกคนขึ้นมามองหน้าแต่แทฮยองกลับเอาแต่กดหน้าลงกับอกเขาราวกับว่าไม่อยากเห็นหน้ากัน


     

                “ทำไมถึงคิดว่าพี่เบื่อ?”


     

                “แต่เราเบื่อพี่”


     

                “...”


     

                “เราเบื่อที่ต้องเอาแต่คิดถึงพี่จนแทบเป็นบ้า”


     

                “...”


     

                “แค่พี่ไม่ไลน์มาบอกให้เรากินข้าวกลางวันเราก็แทบร้องไห้แล้ว...”


     

                “แทฮยองครับ...”


     

                “ฟังเรา พี่ไม่มีสิทธิ์พูด” คนตัวเล็กมุ่ยหน้าถึงรู้ว่าโฮซอกจะไม่เห็นก็ตาม เขาต้องการจะพูดทุกอย่างที่ตัวเองรู้สึกออกมาให้หมดและเขาสัญญาว่าจะให้พี่โฮซอกอธิบายทุกอย่างแน่นอน


     

                “เราเกลียดพี่”


     

                “ทำไมครับ?”


     

                “เราเกลียดพี่เวลาพี่ยิ้มให้คนอื่น ใจดีกับคนอื่นไปทั่ว..วันนั้นที่พี่อุ้มนาอึนไปห้องพยาบาล ทั้งที่เรารู้ว่าพี่เป็นเพื่อนกันแต่เราก็หวง...”


     

                “...”


     

                “เรางี่เง่าใช่มั้ย?”


     

                “ใช่ เรางี่เง่า” โฮซอกว่าทีเล่นทีจริง คนในอ้อมกอดของเขากำลังสั่นไปหมดราวกับกลั้นสะอื้น มือหนาๆของเดือนคณะนิติฯยกขึ้นมาลูบหัวแทฮยองเบาๆก่อนจะยิ้มบางออกมา “แต่เพราะพี่เลือกแล้วว่าจะรักเรา ต่อให้งี่เง่ามากกว่านี้พี่ก็จะรัก”

     

     

     

     

     

    못됐지 하지 말란   즐겨 
    ผมมันแย่ ผมชอบทำสิ่งที่คุณไม่ให้ทำ

    말했듯 아직 시작도   메인 게임
    อย่างที่พูดแหละครับ เกมจริงๆยังไม่เริ่มต้นเลยด้วยซ้ำ

     


     

                “ขอนั่งด้วยนะ” เสียงของใครบางคนเรียกให้แทฮยองเงยหน้าขึ้นก่อนที่ริมฝีปากสีโอรสจะยกยิ้ม เขาพยักหน้าช้าๆพร้อมกับสายตาที่กำลังทอดมองอีกคนที่ทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามพร้อมกับรอยยิ้ม

     
     

                “ไม่เจอกันนานเลยนะจองกุก”


     

                “พอดีช่วงนี้ที่คณะโปรเจคเราโคตรยุ่งเลย ฮ่าๆ” ชายหนุ่มตรงหน้าหัวเราะออกมาเบาๆแก้เก้อ อันที่จริงจะว่ายุ่งก็ไม่ยุ่งหรอกแต่เพราะขี้เกียจเดินมาของอีกฝั่งของมหาลัยมากกว่า เขายิ้มให้เพื่อนต่างคณะที่พยักหน้ารับรู้ก่อนที่เจ้าตัวจะก้มหน้าก้มตาลงไปอ่านหนังสือต่อ เช้าๆแบบนี้ในโรงอาหารของคณะนิติฯมันเงียบกว่านิเทศฯของจองกุกเป็นไหนๆ เห็นทีคงต้องมาฝากท้องที่นี่บ่อยๆ


     

                “แทฮยอง”


     

                “ห๊ะ?”


     

                “อะไรติดหน้าอ่ะ” จองกุกว่าพร้อมๆกับมือที่ชี้ลงไปบนแก้มของตัวเอง เขาเห็นว่าแทฮยองทำหน้าเหลอหราก่อนที่จะเอามือตะปมลงบนแก้มตัวเองพลางปาดๆมันออกทั้งๆที่ไม่มีอะไรติดแม้แต่นิดเดียว


     

                “ออกยังอ่ะ?”


     

                “ยัง เช็ดแบบนั้นเมื่อไรจะออก เราเช็ดให้มา” ว่าเสร็จก็เอื้อมมือไปหยิกแก้มของแทฮยองเบาๆก่อนจะหัวเราะออกมา “อ้วนขึ้นป่ะเนี่ย แก้มออกเชียว ฮ่าๆๆๆ” เขาเบ้ปากเมื่อจองกุกเอาแต่ขำกับแก้มของเขาที่ถูกดึงจนหน้าบิดเบี้ยวแต่ยังไม่ทันที่จะได้โต้ตอบอะไรกลับไปเสียงของใครบางคนก็ดังแทรกออกมาเสียก่อน


     

                “แทฮยอง” น้ำเสียงคุ้นหูทำให้เขาเงยหน้าขึ้นไปมองต้นเสียงโดยอัตโนมัติ จองกุกเอามือออกไปแล้วแต่เขาเห็นว่าโฮซอกยังเอาแต่จ้องมือกับหน้าของเพื่อนเขาสลับกันก่อนที่ดวงตาสีดำสนิทจะเบนสายตามามองเขาแทน


     

                “มีอะไร?” ถามออกไปด้วยความงงเพราะโฮซอกเอาแต่ทำหน้าเรียบเฉยพร้อมๆกับสายตาที่ไม่สื่ออารมณ์ใดๆ “พี่จิน แม่โทรมาบอกว่าโอนเงินมาให้แล้วนะ” เขาเบนสายตาไปพูดกับพี่ชายที่ยืนอยู่ข้างๆเพื่อนสนิทหลังจากที่นึกอะไรขึ้นมาได้ เขาเห็นว่าซอกจินจิ๊ปากแต่แทฮยองก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี..


     

                “มันใช่เวลามั้ยเนี่ย...”


     

                “มากับพี่หน่อย” โฮซอกว่า เขาไม่อยากจะแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวไปมากกว่านี้เพราะตอนนี้คนกำลังทยอยเข้ามาในโรงอาหาร แต่เด็กตรงหน้าก็ยังเอาแต่นั่งนิ่งอยู่กับที่ เรื่องที่เมื่อเช้าหนีออกมาจากบ้านก่อนเขาก็ยังไม่เคลียร์ยังจะมาสร้างคดีใหม่อีก “พี่บอกว่า มากับพี่หน่อย” เขากดเสียงต่ำเมื่อแทฮยองยังเอาแต่นั่งนิ่งพร้อมกับขมวดคิ้วแบบคนที่ไม่เข้าใจสถาณการณ์ใดๆ


     

                “แต่เรากำลังจะไปเรียน”


     

                พรึบ!


     

                ทันทีที่จบประโยคร่างของเขาก็เซถลาไปประทะกับอกของคนสูงกกว่าทันที ข้อมือของเขาถูกบีบแน่นจนต้องนิ่วหน้าแต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรสองขาก็ต้องออกเดินเสียแล้วเมื่อโฮซอกเอาแต่ลากเขาออกมาจากโรงอาหารโดยไม่พูดอะไรสักนิด


     

                “เราเจ็บนะโฮซอก!” ถึงจะพยายามยื้อไปก็ไร้ผล โฮซอกไม่ยอมหันมามองหน้า สิ่งเดียวที่ร่างสูงเอาแต่ทำอยู่ตอนนี้คือการลากเขาไปที่ไหนสักที่ก่อนที่มันจะมาจบลงตรงห้องน้ำชายหลังมหาลัยที่เงียบสนิท ร่างของเขาถูกดันให้ติดกับกำแพงโดยที่ไม่มีโอกาสขัดขืนใดๆทั้งสิ้น


     

                “เป็นบ้าอะไรเนี่ย!?” เขาขึ้นเสียงด้วยความไม่พอใจ ทั้งๆที่ลากมาถึงนี่แล้วแต่สิ่งที่ผู้ชายคนนี้มีให้ก็ยังคงมีเพียงแค่ความเงียบ ทั้งๆที่เวลาปกติพูดได้ร้อยแปดแต่พอเวลาแบบนี้กลับไม่ยอมปริปากพูดออกมาสักคำ


     

                “ให้มันจับแก้มทำไม?” เวลาผ่านไปเกือบสามนาทีหลังจากพยายามสงบสติอารมณ์จนสำเร็จโฮซอกถึงได้เริ่มพูดอีกครั้ง ใบหน้าคมคายจ้องคนตรงหน้าอย่างต้องการคำตอบ


     

                “ห๊ะ?”


     

                “ให้มันจับแก้มทำไม!” แทฮยองหลับตาแน่นด้วยความตกใจเมื่ออยู่ๆร่างของโฮซอกก็ขยับเข้ามาใกล้อย่างเร็ว แขนแข็งแรงทั้งสองข้างกักเขาเอาไว้ให้อยู่ตรงกลางพร้อมกับสายตาที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน...


     

                โฮซอกกำลังโกรธ...


     

                “นั่นเพื่อน”


     

                “พี่ไม่ชอบ”


     

                “เราก็ไม่ชอบที่พี่อุ้มนาอึนเหมือนกัน” คนตัวบางว่าหน้านิ่ง เขาเบนหน้าหนีสายตาดุๆของโฮซอกก่อนจะเหล่สายตามามองอีกครั้งเมื่อโฮซอกเริ่มที่กลับมาเงียบอีกครั้ง


     

                ฟอด!


     

                “มาหอมแก้มเราทำบ้าอะไรวะ!” แทฮยองตะหวาดเสียงลั่นก่อนจะพยายามผลักอีกคนที่ทำท่าจะเข้ามาหอมแก้มเขาอีกครั้งออก


     

                “แก้มเราพี่มีสิทธิ์คนเดียว”


     

                “ไอ้...”


     

                “ตัวเราก็เหมือนกัน”

     



     

     TBC.

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    แม่บอกว่าเคะดื้อต้องกด

     

     

    #ฟิคฮวเพลย์บอย

    © themy  butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×