ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THE KEY HUNTER

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 8 ต.ค. 50



    บทที่ 2

     

                    สมาพันธ์กุญแจถูกก่อสร้างบนพื้นที่กินอาณาเขตกว้างเกือบหนึ่งในสี่ของนครหลวงแห่งคียาเนียซึ่งถือเป็นพื้นที่ราคาแพงกว่าที่ตั้งสภากลางการปกครองสูงสุดด้วยซ้ำ เนื่องจากเงินทุนที่ได้จากการสนับสนุนของสภาประกอบกับรายได้อันมาจากการรับจ้างค้นหากุญแจ และการแสวงหากุญแจเพื่อทำการค้า จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สมาพันธ์กุญแจจะยังคงขยายเนื้อที่ของตัวเองไปได้เรื่อยๆ อีกทั้งยังมีการให้เงินพิเศษแก่เหล่านักล่ากุญแจทุกคนที่มีผลงานเป็นที่พอใจอีกด้วย ทำให้การเดินผ่านประตูรั่วสีทองเงินสูงเสียดฟ้าเพื่อมายังสมาพันธ์กุญแจนี้เป็นความฝันของใครหลายๆคนเลยทีเดียว

                    ตัวอาคารสำนักงานของสมาพันธ์นั่นถูกออกแบบคล้ายๆปราสาทและราชวังหลายๆแบบเชื่อมต่อกันด้วยสะพานแขวน มีแบ่งออกเป็น 5 ส่วนด้วยกัน คือ ปราสาทแม่กุญแจกลางอันเป็นสถานที่กลางสำหรับทุกคน ลักษณะเป็นปราสาทโอ่อ่าดูยิ่งใหญ่วิจิตรด้วยงานปั้นและแกะสลักเป็นลวดลายกุญแจแบบต่างๆนับหมื่นนับพัน ก่อด้วยหินสีเทาหม่นๆหากแต่แข็งแรงยิ่ง มีดวงไฟติดรายล้อมอยู่ทั่วตัวปราสาทคอยส่องแสงในยามราตรี บานประตูและหน้าต่างทั้งหลายล้วนแล้วแต่มีรูกุญแจทั้งสิ้นราวกับเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ และบนยาดสูงสุดก็มีธงซึ่งมีพื้นเป็นสีดำสนิท ตรงกลางเป็นรูปกุญแจไขว้สีทองและสีเงินทับลงบนแม่กุญแจสีรุ้งลานตาอันเป็นสัญลักษณ์ของสมาพันธ์อยู่ โดยปราสาทหลังนี้จะทำหน้าที่ตั้งแต่รับสมัครผู้ที่จะเป็นนักล่ากุญแจ ติดต่องานตามหากุญแจ ค้าขายกุญแจ รับเรื่องร้องทุกข์ต่างๆ รวมทั้งการมอบหมายภารกิจสำคัญ กักขังผู้กระทำผิดและเรียกประชุมวาระสำคัญ อีกทั้งยังมีการใช้เป็นสถานที่จัดเลี้ยงใหญ่ๆเป็นครั้งคราว 

                    นอกจากปราสาทแม่กุญแจกลางแล้ว ที่เหลือนั้นเป็นการก่อสร้างที่คล้ายราชวัง แยกจากตัวปราสาทด้วยหินอ่อนทางเดินบนพื้นและสะพานแขวนลอยฟ้าด้านบนซึ่งมีลดหลั่นเป็นชั้นๆไป แต่ละราชวังจะมีกุญแจต่างแบบกันตราอยู่บนยอดสุด บ่งบอกถึงความแตกต่างของสถานที่ทั้งสี่ โดยจะรู้จักกันในนามของ ทวารรักษ์แห่งสี่ ซึ่งถูกจัดเป็นระบบเพื่อง่ายต่อการมอบหมายภารกิจแก่นักล่ากุญแจ จัดแบ่งเป็นส่วนๆว่าราชวังใดรับผิดชอบทิศใดในทิศเหนือ ใต้ ตะวันออก และตะวันตก นอกจากนี้ในแต่ละราชวังนั้นจะเป็นเหมือนบ้านพักของเหล่านักล่ากุญแจอีกด้วย

                เบื้องล่างความยิ่งใหญ่ของสิ่งก่อสร้างทั้งห้า คือสนามหญ้าสีเขียวอ่อน และสวนที่ถูกจัดและดูแลอย่างดีให้ต้นไม้ดอกไม้ยังคงเขียวขจีสีสวย มีน้ำพุกระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆเช่นเดียวกับเก้าอี้ม้านั่ง มีคอกม้าประจำอยู่ทั้งสี่ทิศ และที่สำคัญ คือมีลานประลองและลานเหล็กสำหรับลงทัณฑ์ผู้กระทำผิด

                    เรียกได้ว่า สถานที่แห่งนี้เป็นได้ทั้งสวรรค์และนรกสำหรับทุกคนเลยทีเดียว

     

     

                    ยินดีต้อนรับทุกท่านที่เคารพและรักเป็นอย่างสูง...

                    ลูเวไรน์อ่านป้ายประกาศขนาดใหญ่ที่ติดอยู่ใกล้ๆประตูทางเข้าปราสาทแม่กุญแจกลางซึ่งบัดนี้เต็มไปด้วยผู้คนมากมายยืนออกันราวกับมามุงสินค้าลดราคาพิเศษ

                    หากจะแจ้งเรื่องร้องทุกข์ กรุณาไปทางทวารรักษ์ทิศเหนือชั่วคราว ติดต่อค้าขายกุญแจ กรุณาไปทางทวารรักษ์ทิศใต้ชั่วคราว แจ้งการตามหากุญแจ กรุณาไปทางทวารรักษ์ทิศตะวันตกชั่วคราว และถ้าต้องการชมการลงทัณฑ์ผู้กระทำผิดรายวัน กรุณาไปทางทวารรักษ์ทิศตะวันออกชั่วคราว ส่วนผู้ประสงค์จะสมัครเป็นนักล่ากุญแจ กรุณาเข้ามาทางปราสาทแม่กุญแจภายในวันนี้เท่านั้น

                    อ่านจบเด็กสาวผู้ใช้เวทย์แปลงสีผมสีตาของตัวเองให้เป็นสีดำสนิทก็หัวเราะในลำคอ...สมาพันธ์กุญแจ ทำอย่างกับประกาศขายของลดราคาจริงๆนั่นแหละ แต่ก็ยังดีที่มีการเตรียมรับผู้สมัครเป็นนักล่ากุญแจ

    แม้การรับสมัครจะมีประจำทุกสามเดือน และการสมัครแต่ละครั้งก็ล้นหลามไปด้วยผู้คนตั้งแต่วัยเด็กยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมดีจนไปถึงผู้เฒ่าผู้แก่ใกล้ลงโลงไม่ดูสังขาร อีกทั้งดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นทุกครั้ง แต่ถึงอย่างนั้น จำนวนการรับคนเข้าก็ยังคงเท่าเดิม และวิธีการตัดสินคนเข้าก็ยังคงไม่มีเปลี่ยน และก็เพราะเหตุนี้เอง ที่ทำให้มีคนหัวใสบางคนจัดตั้งสถานฝึกสอบเข้าสมาพันธ์กุญแจซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

                    ...แต่ถึงอย่างนั้น ผู้คนส่วนมากที่ไม่ได้เป็นนักล่ากุญแจก็มาจากสถานฝึกสอบนี่ทั้งนั้น

                    อย่างว่าล่ะนะ ของเทียมจะมาสู้ของแท้ได้ยังไง

                    ลูเวไรน์คิดก่อนจะก้าวเท้าเดินตรงผ่านประตูไม้ขนาดใหญ่ที่เปิดอ้ากว้างต้อนรับแขกทุกคนเขาสู้ห้องโถงกลางของตัวปราสาทซึ่งปูด้วยพรมสีน้ำเงินขลิบทองสะอาดสะอ้าน เพดานด้านบนประดับด้วยแชงเดอเลียและโคมไฟระย้าราคาแพงมากมาย ด้านในสุดมีทางแยกขึ้นเป็นบันไดซ้ายขวาทำจากหินอ่อนเป็นมัน และตรงผนังชั้นสอง อันเป็นจุดที่ตรงกับสายตาทุกคู่ของผู้ที่ก้าวเข้ามานั้นมีรูปวาดขนาดใหญ่แขวนอยู่ และเป็นรูปวาดนั้นเองที่ทำให้ลูเวไรน์นิ่งชะงัก

                    กรอบรูปสีทองขนาดใหญ่บรรจุภาพเขียนของหิมะสีขาวสะอาดโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้าสู่ผืนดินเบื้องล่างซึ่งดำและคล้ำเป็นสีแดงในบางจุดที่มีร่างของผู้คนนอนนิ่งให้ความรู้สึกขัดแย้งกันอย่างยิ่ง โดยเฉพาะตรงกลางของภาพที่เป็นรูปของแม่กุญแจขนาดใหญ่อันไม่เข้ากันสักนิดกับสภาพรอบๆ

                การมาของแม่กุญแจ

                เสียงหนึ่งดังจากด้านหลังเรียกให้ลูเวไรน์หลุดจากภวังค์ความนึกคิดหันไปมองเจ้าของเสียงที่เดินมาหยุดข้างๆเธอ

                    หรือที่พวกนักล่ากุญแจรุ่นแรกๆรู้จักกันว่า ผลงานที่ล้มเหลวผู้พูดคือชายหนุ่มร่างสูงโปร่งภายในเสื้อโค้ทตัวยาวลากพื้น ดวงหน้าขาวซีดผิดปกติที่ลูเวไรน์ลงความเห็นว่าเหมือนคนไม่เคยออกมาโดนแสงแดด โดยเฉพาะเมื่อเห็นคนๆนี้แต่งตัวราวกับโลกใบนี้มันหนาวนักหนา แม้แต่มือก็ยังมีถุงมือสวมอยู่ ดวงตาสีนิลถูกบดบังให้เห็นได้ไม่ชัดเท่าไรด้วยหมวกปีกกว้างที่เขาขยับเคลื่อนลงมา ส่วนมืออีกข้างหนึ่งถือไม้เท้าช่วยเดินสีดำราวกับคนแก่ เรือนผมสีดำซอยปะบ่าทำให้เขาดูลึกลับอย่างประหลาด


                   
    คุณเองก็สนใจภาพนี้งั้นหรือ เขาถามด้วยรอยยิ้มและน้ำเสียงเป็นมิตร

                    ก็แค่รู้สึกติดใจ ลูเวไรน์ตอบอย่างคลางแคง อาจเป็นเพราะเธอยังระแวงว่าคนๆนี้อาจเป็นคนของริเวร่าที่จะมาตามตัวเธอกลับไปก็ได้

                    ติดใจตรงไหนล่ะ ชายแปลกหน้ายังคงถามต่อ ขณะที่เด็กสาวเลิกคิ้วอย่างไม่ไว้ใจ

                    มันคล้ายๆกับเหตุการณ์หิมะมฤตยู เธอว่า หิมะที่ไม่ได้เกิดจากธรรมชาติ

                    คำเสริมที่ทำเอาผู้ฟังแอบยิ้มก่อนก้าวเดินผ่านเธอไป

                    ผมหวังว่าจะได้เห็นคุณในสมาพันธ์กุญแจนะ ลูเวไรน์ ริเวร่า 

                    ชื่อจริงที่เด็กสาวสะดุ้งเฮือก แต่เมื่อจะเอ่ยปากอะไรออกไป คนแปลกหน้านั่นก็หายไปเสียแล้ว...

     

     

                    ยินดีต้อนรับค่ะ ขอทราบชื่อและนามสกุลด้วยค่ะ

                    พนักงานสาวแห่งสมาพันธ์เอ่ยตามหน้าที่ขณะถือแผ่นกระดานสีใสรอรับข้อมูลจากผู้สมัครที่ต่อแถวยาวเหยียดขนาดที่ว่าแม้จะมีผู้รับสมัครยืนกระจายกันเกือบ 20 จุด ก็ยังไม่พอบริการ

                    ลูเวไรน์ ริเวร่า เด็กสาวบอกเสียงแผ่วเบาแต่มันก็ยังไม่พ้นหูของพวกที่ต่อแถวอยู่ข้างหลัง และก็เป็นอย่างที่เธอคิด เพราะพวกนั้นต่างพากันส่งเสียงเซ็งแซ่พร้อมกับมองเธอเหมือนตัวประหลาด

                    ...ไม่เคยเห็นคนหรือยังไง

                    ลงทะเบียนเสร็จสิ้น เชิญไปด้านในเพื่อรับการทดสอบค่ะ พนักงานสาวเอ่ยพลางหลีกทางให้เธอก้าวเดินไปข้างหน้าเข้าสู่ประตูเหล็กเบื้องหลัง แน่นอนว่าลูเวไรน์จ้ำเท้าอย่างรวดเร็วแบบไม่สนมารยาทเพื่อต้องการหลุดพ้นจากเสียงซุบซิบและอาการชี้ไม้ชี้มือต่างๆให้เร็วที่สุด

                    เป็นริเวร่าแล้วยังไง...เป็นริเวร่าแล้วเธอจะทำอย่างอื่นนอกจากนั่งเป็นไอ้แก่อยู่ในสภาไม่ได้เลยหรือไง

                    เด็กสาวเปิดประตูและก้าวเข้าไป เพียงเท่านั้น ขาทั้งสองก็รู้สึกเหมือนถูกมือมืดฉุดกระชากลงไปด้านล่าง ขณะที่ประตูปิดเองโดยอัตโนมัติ เธอรีบเอื้อมมือขึ้นเกาะขอบที่เหลือซึ่งยื่นออกมาได้อย่างทันท่วงที ผลให้สภาพของลูเวไรน์ตอนนี้ห้อยโหนอยู่บนความมืดไร้ทิศทางอย่างน่าหวาดเสียว

                    การทดสอบอะไรเนี่ย ไม่เห็นเหมือนที่รู้มาเลยสักนิด...ไหนว่าทุกปีจะให้ตามหากุญแจเป็นการทดลองงานไง ทำไมปีนี้ดันส่งมาอยู่ในที่มืดๆแบบเกมส์จับหนูอย่างนี้เนี่ย

                    พลัน เด็กสาวรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ เสียงแหวกอากาศของบางอย่างก้องในหูก่อนที่สิ่งยึดเกาะของเธอจะถูกทำลายลง ส่งให้ลูเวไรน์ร่วงลงไปเบื้องล่าง 

                    เฮ้ย!!!

                    คำอุทานไม่สมกับผู้ดีมีตระกูลเท่าไรนัก เธอกำลังตก และแน่นอนว่าไม่ว่าข้างล่างมันจะเป็นหิน เป็นฟูก หรือเป็นหอกแหลมๆ เธอก็ไม่อยากเอาชีวิตไปเสี่ยงทั้งนั้น มือทั้งสองพยายามไขว้คว้าหาสิ่งยึดเกาะอื่น ทว่า มันก็มีเพียงแต่ความมืด และว่างเปล่าเท่านั้น ความหงุดหงิดเริ่มเข้ามาแทนที่อารมณ์ตกใจ และเมื่อนั้นเอง ลูเวไรน์สะบัดมือวาดเป็นอาคมกลางอากาศ แสงเรืองรองสีเหลืองเปล่งประกายกลางความมืดก่อนที่ตัวของเธอจะหยุดร่วงหล่นตามแรงโน้มถ่วง และค้างเติ่งนิ่งอยู่กลางความมืดนั้น

                    บ้าชะมัด...

                    เธอสบถพลางถอนหายใจอยย่างโล่งอกที่อย่างน้อยก็ไม่ต้องทดสอบวัสดุที่อยู่เบื้องล่างหุบเหวมืดนี่ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เธอสบายใจเท่าไหร่ เมื่อบัดนี้ เด็กสาวกำลังใช้เวทย์อาคมช่วย

                    โดยปกติแล้ว เวทมนตร์จะเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่งในคียาเนีย ผู้ที่มีเวทมนตร์นั้นถือได้ว่ามีเพียงแค่หนึ่งในล้านเท่านั้น เว้นแต่กรณีพิเศษประเภทสืบทอดทางสายเลือดอย่างตัวเธอที่เป็นคนของริเวร่า อันเป็นตระกูลจอมเวทย์โบราณที่มีชื่อเสียง และนั่นเองที่เป็นเหตุผลให้ทายาทริเวร่าทุกรุ่นต้องถูกทาบทามไปอยู่ในสภากลาง มันเป็นเหตุผลทางการเมืองที่เธอก็ไม่ค่อยชอบเท่าไรนัก

                    ...ถ่วงดุลอำนาจผู้ใช้เวทย์และพลเมืองธรรมดา

                    หากว่ากันตามตรงแล้ว เพียงแค่รวบรวมผู้สืบสายเลือดริเวร่าทั้งหมดมา อำนาจเวทย์ก็เพียงพอที่จะโค่นล้มการปกครองและก่อกบฎได้ด้วยซ้ำ เพราะเหตุนี้ สภากลางจึงไม่มีทางปล่อยริเวร่าเอาไว้นอกการควบคุมแน่

                    ไม่มีทางอย่างแน่นอน แม้ว่าคนๆนั้นจะเข้ามาอยู่ในสมาพันธ์กุญแจอย่างพี่สาวของเธอก็ตาม

                    พี่ลูเวเรีย...

                    ลูเวไรน์เค้นยิ้มก่อนจะสลัดความคิดแก้แค้นออกไปเมื่อยามนึกถึงพี่สาว ตอนนี้เธอต้องเข้าสมาพันธ์นี่ให้ได้ก่อน แต่ นี่มันการทดสอบอะไรล่ะ กลางความมืดแบบนี้เธอจะไปเห็นอะไร แม้จะลอยค้างอยู่ตรงนี้แต่มันก็ได้ไม่นานนักหรอก ยังไงพลังเวยท์มันก็มีจำกัด

                    งั้นก็เลิกใช้สิ

                    เสียงแหบห้าวดังก้องขึ้นท่ามกลางความว่างเปล่าผลให้เด็กสาวเริ่มหันซ้ายขวามองความมืดรอบๆ ทันใดนั้นเอง ดวงตานับหมื่นนับพันคู่ก็ลืมเปิดขึ้นจับจ้องมองมาที่เธอเป็นทางเดียวกัน และวินาทีต่อจากนั้น แสงสีเหลืองรอบตัวเธอก็พลันดับวูบทำให้ร่างของเธอร่วงตกลงไปเบื้องล่างอีกครั้ง

                    อย่าใช้พลังแห่งสายเลือด หากเจ้าเกลียดริเวร่า

                    เสียงนั้นยังคงดังต่อไปขณะที่เธอไม่มีกะจิตกะใจฟังสักนิด 

                    สิ่งที่เจ้าต้องพึ่งพิงคืออะไร...เจ้าต้องการอะไรกันแน่ ผู้เป็นที่รักแห่งข้า...

                    สิ้นเสียงนั้น ร่างของเธอก็ตกลงกระแทกกับพื้นเย็นๆสีขาวโพลนอย่างแรงจนต้องร้องโวยออกมา และเป็นเวลานานทีเดียวกว่าเธอจะรวบรวมเรี่ยวแรงลุกขึ้นสำรวจสภาพรอบๆตัวได้

                    ทิวทัศน์รอบๆคือหิมะ ที่กำลังโปรยปราย และเบื้องหน้านั้น คือใครบางคนที่กำลังเดินตรงมาหาเธอ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดังยุบลงพื้นหิมะหนา และลูเวไรน์ก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าคนๆนั้น คือ หญิงสาวที่เธอเรียกว่าแม่

                    บ้าน่า...แม้ของเธอต้องนั่งรถเข็นอยู่บ้านไม่ใช่เหรอ...

                    ท่าทางลูกจะไม่คิดถึงแม่เลยนะหญิงสาวงามเอ่ยเสียงหวาน ริมฝีปากแดงนั้นคลี่ยิ้ม พริบตานั้นเองที่ร่างของนางก็กลับกลายมาเป็นใครอีกคน

                    งั้นแสดงว่าคงอยากอยู่กับพ่อมากกว่าสินะ ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าตระกูลริเวร่าคนปัจจุบันกล่าวเสียงเย็น ท่ามกลางความตื่นตะลึงจับต้นชนปลายไม่ถูกของลูเวไรน์ เขาก็ยิ้ม และ...

                    วืด...

                    เสียงดาบหวดผ่านอากาศดังขึ้นพร้อมๆกับที่ลูเวไรน์ก้มตัวหลบตามสัญชาตญาณอย่างทันท่วงที ผลให้คมดาบนั้นตวัดโดนอากาศแทนที่จะเป็นคอของเธอ 

                    หลบได้งั้นหรือ เขาว่าพร้อมขยับดาบในมือ แสดงว่าต่อต้านริเวร่าสินะ

                    ขาดคำ ดาบถูกลงซ้ำอีกครั้ง ทว่าคราวนี้เธอไม่ยอมปล่อยโอกาสให้ฝ่ายนั้นเชือดเธอฝ่ายเดียวแน่ ลูเวไรน์ชักดาบขึ้นจากห้วงความว่างเปล่าและยกขึ้นป้องกันพร้อมกับออกแรงโต้กลับไปก่อนจะกระโดดถอยหลังไปตั้งหลักห่างจากชายตรงหน้า

                    เป็นลูกที่ไม่น่ารักเอาเสียเลย เขายังคงพูดอย่างใจเย็นขณะที่ลูเวไรน์ยิ้มเย็น

                    งั้นก็ตัดพ่อตัดลูกไปเลยสิ เธอท้าก่อนจะหายตัวไปจากที่เดิมที่เคยอยู่อย่างรวดเร็วและไปปรากฎ ณ เบื้องหลังของชายหนุ่ม ริเวร่าน่ะ หายไปได้ยิ่งดี

                    สิ้นคำ ดาบก็ถูกตวัดลงร่างตรงหน้า ทว่า เพียงเสี้ยววินาที มันก็ถูกหยุดด้วยเจ้าของดาบเสียเอง เมื่อร่างที่ควรจะเป็นเจ้าตระกูลริเวร่า กลับกลายมาเป็นเด็กสาวผู้มีรูปร่างหน้าตาเหมือนเธอทุกประการ ตั้งแต่ผมสีทอง ไปจนถึงดวงตาสีเหลืองประหลาดประจำตระกูลริเวร่า

                    จะฆ่าพี่คนนี้เชียวหรือ ลูเวไรน์ ผู้มาใหม่เอ่ยถามเสียงหวาน ขณะที่เด็กสาวผู้หยุดดาบเบิกตากว้าง โดยเฉพาะเมื่อเลือดสีสดรินไหลออกจากปากของผู้พูดที่ยังคงยิ้มสวยงาม แต่ไม่ต้องฆ่าหรอก เพราะยังไงลูเวเรียก็ตายไปแล้ว

                    ขาดคำ เลือดก็ทะลักออกมาจากดวงตาสีประหลาดทั้งสองข้าง แขนและขาก็เริ่มโป่งบวมแตกกระจายเป็นเลือดกระเซ็นสาดใส่เด็กสาวผู้ยืนนิ่งค้างอย่างไม่รู้เหนือใต้

                    ...สีแดง...เลือด...

                    ...ยิ้มทำไม พี่ลูเวเรีย...

                    ไม่!!!!!!!!!!!!!!”

                    ลูเวไรน์กรีดร้องลั่น และหลังจากนั้น สติของเธอก็ดับวูบไป

                    ...ก่อนความมืดนี้ มันคือสีเลือด...เลือดของพี่สาว เลือดของริเวร่า...

                    ฉันขอสาปแช่ง!








    ------------------------------------------------------8/10/07

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×