ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THE KEY HUNTER

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่1

    • อัปเดตล่าสุด 12 ก.ย. 50



    บทที่ 1

                    ไม่ได้ ยังไงก็ไม่อนุญาต!”

                    เสียงตะโกนก้องราวกับฟ้าฟาดใส่เด็กสาวผู้ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้า และทันทีที่เธอจะเปิดปากเถียง เสียงเดิมก็ดังตวาดขึ้นอีกครั้ง

                    นักล่ากุญแจ ของไร้สาระพรรค์นั้นจะไปเป็นทำไม

                    แต่...

                    ไม่ให้ก็คือไม่ให้! ได้เวลาไปเรียนแล้วไม่ใช่หรือไง ไปได้แล้ว! และไม่ต้องพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้อีก เข้าใจไว้ด้วย

                    เพียงเท่านั้น เด็กสาวผู้ไม่อาจเถียงอะไรได้ก็ถูกบรรดาคนใช้จับตัวพาออกจากห้องไปตามคำสั่งของผู้เป็นพ่อแท้ๆของตัวเอง

                    ลูเวไรน์กัดฟันกรอด...เธอไม่ยอมแพ้หรอก ต่อให้เหลือแต่วิญญาณ เธอก็จะออกไปเป็นนักล่ากุญแจให้ได้!

     

     

       
                
    ในนครหลวงแห่งคียาเนีย น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักตระกูลริเวร่าอันโด่งดัง เนื่องจากบุคคลในตระกูลนี้ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลสำคัญทางด้านการปกครองสำหรับคียาเนียทั้งสิ้น ซึ่งก็คือเป็นหนึ่งในสภาการปกครองสูงสุดแห่งคียาเนียในทุกยุคทุกสมัยสืบทอดกันมาจนกลายเป็นประเพณีว่าบุคคลในริเวร่าจะต้องดำรงตำแหน่งในสภาเท่านั้น

                    จะมีแหกคอกออกมาก็แค่คนเดียว...คนเดียวจริงๆจากประวัติศาสตร์ตระกูลอันยาวนานเกือบร้อยปี

                    ...ลูเวเรีย ริเวร่า...

                    ฉันจะตามพี่ไปให้ได้ เด็กสาวอายุราว 16-17 ปีเอ่ยขึ้นกับรูปภาพขนาดใหญ่ที่แขวนไว้มุมสุดของห้องซึ่งได้ชื่อว่าบันทึกข้อมูลของบุคคลในตระกูลริเวร่าอันเต็มไปด้วยภาพวาดเหมือนตั้งแต่บรรพบุรุษรุ่นแรก จนกระทั่งรุ่นของเธอ...รุ่นที่ถูกประณามว่านอกคอก...

                    พี่ลูเวเรีย มือบางเอื้อมไปสัมผัสรูปภาพเหมือนนั้น รูปภาพของเด็กสาวผมทองยาวสลวยถึงกลางหลังผู้กำลังยิ้มแย้มเบิกบานสวยงามราวกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย ดวงตาสีเหลืองสว่างสีแปลกตาอันเป็นลักษณะเด่นประจำตระกูลถูกขับให้ดูโดดเด่นเมื่ออยู่บนดวงหน้าขาวนวลซึ่งแม้จะเป็นเพียงภาพวาด แต่มันกลับทำให้ดูเหมือนเธอคนนี้มีชีวิตอยู่จริงๆ

                    ...ทั้งๆที่ไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกแล้ว...

                    เธอกำมือแน่นก่อนจะทุบลงตรงกำแพงอย่างระบายอารมณ์ด้วยแรงที่ไม่เข้ากับรูปร่างบอบบางนั่นสักนิด

                    หลบมาอยู่ที่นี่อีกแล้วนะครับ พลันเสียงทักอย่างไร้ตัวตนดังขึ้นมาจากที่ไหนสักแห่งภายในห้อง ได้เวลาไปเรียนแล้วนะครับ

                    ฉันรู้แล้วน่า!” ลูเวไรน์บอกเสียงเย็น แล้วถอนมือออกจากกำแพง ตั้งใจจะเดินออกจากห้องโดยไม่คิดหาต้นเสียงที่มาเตือนนั่นสักนิดหากเจ้าของเสียงจะไม่ขัดขึ้นก่อน

                    คุณผู้หญิงตามหาคุณหนูอยู่ด้วยนะครับ

                    แล้วมาบอกฉันทำไม เธอถามกลับ ฉันไม่ใช่พี่ลูเวเรีย

                    พูดจบก็ปิดประตูห้องเดินจากไปขณะเดียวกับที่ผู้หลบในเงามืดของห้องเก็บภาพก้าวเดินออกมา...เด็กหนุ่มอายุไม่ต่างจากอีกฝ่ายเท่าไรนักผู้เป็นเจ้าของเรือนผมสีฟ้าอ่อนซอยสั้นหากแต่มีผมยาวบางส่วนที่ถักเป็นเปียยาวลงมา รูปร่างสูงโปร่งตามแบบฉบับนายแบบขวัญใจสาวๆ ดวงตาสีน้ำเงินทอดมองผู้เดินจากไปอย่างอาลัย ริมฝีปากซีดเอ่ยถ้อยคำแผ่วเบาที่ไม่ต้องการให้ใครได้ยิน

                    เพราะคุณคือลูเวไรน์...คุณหนู...

     

     

      
                 
    การเป็นคุณหนูในตระกูลริเวร่าคือความใฝ่ฝันของใครหลายๆคนที่อยากจะมีชีวิตสุขสบายเกิดมาคาบช้อนเงินช้อนทอง อยากได้อะไรเพียงแค่ชี้ก็มีคนนำมาให้ แต่นั่นไม่ใช่สำหรับเธอ
    !

                    ริเวร่า คือนามที่เธอแทบอยากจะสาปแช่งให้หายสาบสูญไปตลอดกาล!

                    ลูเวไรน์เดินกระแทกส้นเท้าจนเสียงฝีเท้านั้นดังกึกก้องสะท้อนไปตามทางเดินหินอ่อนที่ถูกขัดจนมันเงา และแม้ว่ามันจะถูกประดับประดาด้วยของตกแต่งเป็นประกายระยิบระยับ แต่มันไม่ได้ทำให้จิตใจของเด็กสาวเบิกบานขึ้นเลยสักนิด

                    เธอเกลียดที่นี่...เกลียดริเวร่า...

                    นั่นลูเวเรียใช่มั้ย

                    เสียงหวานอ่อนโยนดังมาจากด้านหลังตามด้วยเสียงล้อของรถเข็นสำหรับผู้เดินไม่ได้จะดังสะท้อนบ่งบอกถึงการมาของนายหญิงใหญ่แห่งบ้าน...ลูซีวา ริเวร่า หญิงสาวเจ้าของใบหน้าผู้งดงามหมดจดตามแบบฉบับของหญิงมีตระกูล ผิวขาวนวลผ่องไร้รอยเหี่ยวย่นไม่สมวัย ดวงหน้าคมคายสวยอันส่งผมให้ลูกที่เกิดมาได้รับอานิสงส์ทางด้านนี้ไปด้วย เรือนผมสีครามถูกเกล้าเป็นมวยเก๋ด้านหลัง ดวงตาสีฟ้าอ่อนแลดูอ่อนโยนและเต็มไปดวงความห่วงใยยามจ้องมองมายังเธอ...ไม่สิ...ลูเวเรียต่างหาก...

                    ตอนนี้ไม่มีเรียนเหรอ

                    เสียงถามยังคงดังขึ้น ทว่า ผู้ถูกถามกลับไม่มีความคิดที่จะตอบ เว้นเสียแต่กำมือแน่นมากขึ้นจนเล็บเริ่มจิกเข้าเนื้อ

                    ลูเวเรีย ลูกไม่สบายเหรอ ทำไมไม่ตอบแม่ล่ะ ว่าพลางเลื่อนล้อรถเข็นขยับเข้ามาใกล้เด็กสาวผู้ตัดสินใจตอบออกไปด้วยเสียงหวาน

                    เปล่าค่ะ หนูกำลังจะไปเรียนพอดีค่ะ ลูเวไรน์หันไปยิ้มให้มารดา รอยยิ้มที่ดูจริงใจ ทว่าภายใต้นั้นกลับซ่อนร่องรอยของความเจ็บปวดไว้ได้อย่างแนบเนียน...ตอนนี้เธอคือลูเวเรีย...ไม่ใช่ลูเวไรน์ เด็กสาวบอกตัวเอง

                    งั้นเหรอ หญิงสาวเอ่ย ถ้าเรียนเสร็จแล้วมาหาแม่ด้วยนะ วันนี้เราจะได้ทำขนมด้วยกัน พูดแล้วกางมือออกเป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าเธอต้องเดินเข้าไปสวมกอดผู้เป็นมารดาด้วยรอยยิ้มแบบที่พี่ลูเวเรียมี...ไม่ใช่แบบที่เธอควรจะทำ

                    ค่ะ คุณแม่ เธอรับคำแล้วรีบถอนตัวออกห่าง หันไปส่งยิ้มอีกครั้งก่อนจะเดินจากมาอย่างร้อนรนขณะเดียวกับที่สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเรียบเฉยเย็นชาทันทีที่พ้นรัศมีการมองเห็นของอีกฝ่าย

                    แม่ไม่เคยเห็นเธอในสายตา...ตั้งแต่วันนั้นที่ริเวร่าถูกสั่นคลอนด้วยเด็กสาวเพียงคนเดียว...

                    วันที่ลูเวเรีย ริเวร่าตัดสินใจหนีออกจากบ้านเพื่อไปตามหาความฝันของตัวเองในการเป็นนักล่ากุญแจ วันที่พี่สาวของเธอละเมิดกฏข้อบังคับทั้งหมดของตระกูล สละยศศักดิ์และเงินทองทั้งหมดแล้วจากไปในแบบที่ทหารองครักษ์หรือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต่างๆที่พ่อของเธอจ้างมาไม่อาจตามจับได้ หนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย จนกระทั่งเมื่อเกิดเหตุการณ์หิมะมฤตยู...พี่สาวของเธอเสียชีวิตเพราะเหตุการณ์นั้น จากการปฏิบัติหน้าที่ของสมาพันธ์กุญแจ และนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่เธอได้เห็นพี่สาวของตัวเอง...ทุรนทุราย ทรมานจากโรคร้าย และตายจากไปผ่านทางกระจกใสที่เอาไว้ดูคนป่วยอาการใกล้ตาย

                    เพราะเหตุนี้เอง ที่ทำให้พ่อของเธอกีดกันทุกทางที่จะทำให้เธอสามารถไปเป็นนักล่ากุญแจได้ แต่มันก็ยังไม่เท่ากับแม่ของเธอ...ลูซิอา ริเวร่าเสียใจมากกับการจากไปของลูกสาวเพียงคนเดียว ส่งผลให้กลายมาเป็นแบบปัจจุบัน...เลอะเลือน จนจำได้เพียงแค่ว่าตัวเองมีลูกสาวเพียงคนเดียว คือลูเวเรีย...และไม่เคยรู้จักลูเวไรน์

                    เพื่อแม่แค่นี้ทำหน่อยไม่ได้หรือไง นั่นเป็นคำตอบจากพ่อของเธอเมื่อรู้ว่าภรรยาของตนไม่อาจจดจำลูกสาวของตัวเองได้ และเธอก็ไม่อาจเถียงอะไร นับแต่นั้น...ลูเวไรน์จึงตายไปจากความทรงจำของลูซิอา และเธอก็ต้องเป็นลูเวเรียทุกครั้งที่พบมารดาของตน

                    ...รู้มั้ยว่ามันน่าเสียใจแค่ไหน...

                    เด็กสาวหยุดหันไปมองกระจกที่ติดอยู่ด้านข้างทางเดิน สะท้อนให้เห็นดวงหน้าของตัวเองที่เหมือนพี่สาวราวกับฝาแฝดทั้งที่อายุห่างกันเกือบ 6 ปี ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของผิว สีตา หรือแม้กระทั่งสีผม เหมือนกันทุกประการ ยิ่งตอนนี้เธอต้องไว้ผมยาวสยายเพื่อให้แม่ของเธอไม่สามารถจับผิดได้แล้ว มันทำให้เธอสามารถกลายเป็นลูเวเรียได้อย่างสบายๆ...แต่นั่นก็แค่ภายนอกเท่านั้น...

                    ก็พี่สาวของเธอน่ะ ตายไปแล้ว...

                    และมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่เธอจะมานั่งคร่ำครวญเสียใจ...ที่เธอต้องทำ คือ...แก้แค้น...

     

     

     
              
    รัตติกาลมืดมนเข้าครอบคลุมทุกพื้นที่ยามแสงอาทิตย์ลาลับของฟ้า และนั่นก็เป็นเวลาที่ใครบางคนเฝ้ารอมานาน

                    หน้าต่างคฤหาสน์หรูชั้นสองทางปีกตะวันตกถูกเปิดออกตามด้วยการชะโงกหน้าของเจ้าของห้องผู้พรางตัวเองภายใต้ชุดคลุมสีดำ เด็กสาวก้มมองด้านล่างที่มีเจ้าหน้าที่ตรวจการณ์เดินกันขวักไขว่ ทว่าข้างบนนั้นกลับว่างเปล่า

                    จังหวะนี้แหละ...

                    เธอยกมือขึ้นจับชายคาที่ยื่นออกมาด้านบนก่อนจะปีนขึ้นขอบหน้าต่างและใช้เท้าทั้งสองออกแรงถีบยันตัวเองส่งขึ้นไปยืนบนหลังคาคฤหาสน์อย่างเงียบเชียบราวกับโจร

                    เสร็จไปหนึ่งขั้น...

                    คิดพลางถอนหายใจอย่าโล่งอก ทว่ามันคงจะดีกว่านี้ถ้าไม่มีเสียงใครบางคนขัดขึ้นมา

                    เวลานี้คุณหนูควรจะอยู่ในห้องนอนมากกว่านะครับ

                    เสียงพูดราบเรียบแต่ทำเอาผู้ฟังแทบอยากจะบ้าตาย ยิ่งความโล่งอกที่เคยมีไม่ต้องพูดถึง...หมอนี้ ทำไมมันประสาทสัมผัสไวอย่างนี้ฟะ...

                    ถ้าจะบอกว่าเดินเล่นหรือออกมารับลมก็ฟังไม่ขึ้นหรอกนะครับ เมื่อคุณหนูสวมเสื้อคลุมดำแบบนี้ เด็กหนุ่มผมฟ้าอ่อนเอ่ยพลางทิ้งตัวลงบนหลังคาอย่างแผ่วเบาและเดินตรงมายังลูเวไรน์

                    ต่อให้เป็นนาย ฉันก็ไม่ยอมหรอกนะ เธอว่า 

                ผมเองก็ให้คุณหนูไปไม่ได้ครับ

                    ถ้าเพื่อความปลอดภัยของคุณหนู ผมคงต้องทำ สิ้นคำ ดาบสีดำทะมึนเล่มหนาก็ปรากฏขึ้นในมือของเด็กหนุ่ม และโดยไม่มีสัญญาณใดๆ เขาก็มาอยู่ตรงหน้าลูเวไรน์...

                    เคร้ง!!!

                    เสียงปะทะระหว่างดาบใหญ่และดาบเรียวเล่มงามที่ถูกชักออกมาจากใต้ผ้าคลุมได้ทันท่วงที ทว่า เรื่องพละกำลังและฝีมือ คุณหนูอย่างลูเวไรน์ย่อมไม่มีทางสู้คนที่ฝึกดาบมาตั้งแต่เกิดได้ และเธอก็รู้ข้อนั้นดี เพราะอย่างนั้น...

                    นายจะตามจองเวรจองกรรมกับฉันไปถึงไหน ลูเวไรน์ถามเสียงสั่นเพราะแรงทั้งหมดที่เริ่มถอถอยจากการต้านน้ำหนักดาบของคนตรงหน้า

                    ผมทำตามหน้าที่

                    ฉันขอสั่งให้นายกลับไปซะ 

                    ปฏิเสธครับ

                    แล้วนายจะเสียใจ!” เด็กสาวตวัดดาบพร้อมก้าวหลบฉากออกมา ทว่า ความเร็วของเธอนั้นก็ไม่อาจสู้เทลธารัสได้ ดาบใหญ่เข้าฟาดฟันเฉียดแขนซ้ายของเขาไปเพียงนิดเดียว ลูเวไรน์กระโดดไปมาอย่างคล่องแคล่วด้วยทักษะที่ดึงดันเรียกมาจากอาจารย์ที่พ่อเธอจ้างมา จนกระทั่งมาสุดที่ยอดหลังคา...ปลายสุดที่ไม่มีทางให้ถอยได้อีก นอกจากจะร่วงลงไปข้างล่าง...

                    ไม่มีทางให้วิ่งเล่นแล้วนะครับ เทลธารัสเอ่ยเสียงเรียบ 

                นายแน่ใจเหรอ ลูเวไรน์ถามแล้วยกดาบขึ้นสูง เวลาแห่งราตรีน่ะ มันคือเวลาของฉันนะ

                    พริบตานั้นเองที่เมฆเคลื่อนตัวมาบดบังแสงจากดวงจันทร์ก่อนที่อาคมจะปรากฏขึ้นรายล้อมตัวเทลธารัส และทันใดนั้นเองที่ฟ้าผ่าลงมาทั้งที่ระหว่างเด็กหนุ่มบนหลังคาทั้งสอง ไหลวนไปตามอาคมที่ถูกเขียนเปล่งแสงสว่างเรืองรองแสบตา แม้จะเป็นเพียงชั่วครู่ แต่มันก็มากพอสำหรับใครสักคนที่ต้องการจะหนีไป

                    ยังไงฉันก็ชนะนายในเรื่องเวทย์อยู่ดี เทลธารัส

                    นั่นเป็นคำพูดทิ้งท้ายก่อนที่คุณหนูคนสุดท้ายแห่งริเวร่าจะหายตัวไป ทิ้งไว้เพียงแต่เด็กหนุ่มผู้มีหน้าที่เป็นองครักษ์ประจำตัวผู้ยืนนิ่งไร้ความรู้สึกใดๆ

     

     

        
               
    คฤหาสน์ริเวร่าที่เคยสงบสุขกลับมาวุ่นวายอีกครั้งเมื่อนายใหญ่ของบ้านสั่งเจ้าหน้าที่ทั้งหมดออกตามล่าบุตรีคนเดียวคืนมา การสั่งการอย่างเฉียบขาดมีประสิทธิภาพและอำนาจของตระกูลทำเอาสนามหน้าคฤหาสน์แทบจะกลายเป็นลานหน้าปราสาทไว้ให้เหล่าทหารมายืนเรียงแถวเตรียมตัวออกรบ แต่มันก็เพียงเวลาไม่นานนัก เพราะพวกเขาทั้งหมดก็จำต้องกระจายไปทุกททิศทุกทางทุกถิ่นที่เสาะหาตัวคนหนีออกจากบ้านกลับมาให้ได้...มันเป็นความวุ่นวายที่กินเวลายาวนานจนอาทิตย์กลับขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง...และปลุกกลุ่มคนที่ยังเหลืออยู่ในคฤหาสน์ให้ตื่นขึ้นมาพร้อมข่าวสารอันน่าตื่นเต้น...

    คุณหนูลูเวไรน์หนีออกจากบ้าน!”

                    เสียงตะโกนอย่างตกใจมาจากบรรดาสาวใช้ที่ถูกเรียกมาประชุมกันอย่างเร่งด่วนในเช้าวันรุ่งขึ้นหลังเกิดเหตุวุ่นวายที่ทำเอาริเวร่าสั่นคลอนอีกครั้ง

                    เป็นไปได้ยังไง ก็ในเมื่อนายท่านจ้างคนมาคุมออกเยอะแยะ

                    ใช่ๆ โดยเฉพาะพ่อหนุ่มองครักษ์รูปหล่อนั่นน่ะ

                    ไม่น่าเชื่อว่าเทลธารัสจะหยุดคุณหนูไว้ไม่ได้

                    เสียงซุบซิบนินทาตามประสาสาวใช้ดังระงมทั่ว และคงจะดังและยาวนานกว่านี้แน่หากหัวหน้าแม่บ้านไม่ตวาดขึ้นเสียก่อน

                    เรามาประชุม ไม่ได้จับกลุ่มนินทา!” เนส หญิงร่างท้วมวัยเกือบห้าสิบว่า และนั่นก็ทำให้คุณเธอทั้งหลายยอมกลับมาสงบเสงี่ยมโดยดี นางสอดส่ายสายตาเอือมระอาไปยังสาวใช้น้อยใหญ่ที่พากันก้มหน้าไปตามๆกันก่อนจะถอนหายใจเฮือกพร้อมสะบัดเรือนผมออกขาวที่ดัดเป็นลอนไปด้านหลัง นายท่านสั่งมาว่าให้ค้นหาทุกซอกทุกมุมเผื่อว่าคุณหนูจะไปหลบอยู่ในนั้น เปิดให้หมดไม่ว่าจะเป็นตู้ ชั้น ลิ้นชัก หรือแม้แต่ที่เก็บขยะ อย่างให้เล็ดลอดสายตาไปได้...

                    คนทั้งคนจะไปแอบในตู้ได้ยังไงคะ สาวใช้คนหนึ่งถามขึ้นและก็ได้รับการพยักหน้าเห็นด้วยของใครหลายๆคน 

                    งั้นเธอก็ไปบอกนายท่านเองสิ นางตอบเสียงเฉียบขาดเล่นเอาทั้งหมดหงอยไปตามกัน เอาล่ะพวกเธอ ช่วงเช้าไปช่วยกันค้นบ้าน ส่วนเรื่องซื้อของใช้ประจำวันฉันจัดการเอง ไปได้แล้ว แต่เธอคนนั้นน่ะ ว่าแล้วก็ชี้นิ้วไปยังสาวใช้ผู้ยืนหลบมุมอยู่ใกล้ประตู ตามมาช่วยฉันซื้อของด้วย แยกย้ายกันได้แล้ว!”

                สิ้นคำสั่ง กลุ่มนินทาสาวใช้ก็สลายตัวไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ลืมบ่นอุบกับหน้าที่ใหม่ที่ได้รับ ก็คฤหาสน์ริเวร่ามันใช้บ้านเล็กๆซะที่ไหน พวกเธอหลายคนยังจำได้ไม่ลืมเลยเมื่อครั้งที่คุณหนูลูเวเรียหายตัวไป และนายท่านก็สั่งให้ค้นแบบนี้เหมือนกัน เล่นเอาแทบสลบ กว่าจะค้นหมดก็ปาเข้าไปสองวันแถมยังคว้าน้ำเหลว...ก็อย่างว่าล่ะ ถ้าหนีไปแล้วใครจะบ้าซ่อนอยู่ในนี้อีกล่ะ...

                    ส่วนเธอ ตามมา เนสกล่าวแล้วเดินนำไปยังเรือนเล็กที่แยกเป็นอิสระสำหรับเก็บพาหนะโดยเฉพาะ และสำหรับตำแหน่งหัวหน้าแม่บ้านเก่าแก่อย่างเธอแล้ว เวลาไปซื้อของจะสามารถขอใช้รถลากได้หนึ่งคัน เพื่อประหยัดเวลาและไม่ต้องเหนื่อยกับการเดินทางไกล ด้วยเหตุว่าระยะทางจากตัวคฤหาสน์ไปจนถึงประตูรั้วนั้นก็กินอาณาเขตมากชนิดที่ว่าสามารถยกตลาดกลางเมืองเข้ามาตั้งได้เลย

                    ไม่นานนัก สารถีผู้ปิดบังหน้าไว้ด้วยหมวกหนาและรถลากเทียมม้าสองตัวก็ก้าวออกมาจากโรงเก็บรถ นางเปิดประตูรถก่อนจะหลบทางพลางผายมือเชิญให้สาวใช้อีกคนที่ตามมาก้าวขึ้นไปก่อน มันเป็นอะไรที่ทำเอาอีกฝ่ายเบิกตากว้างอย่างแปลกใจ ส่วนสารถีที่อยู่ข้างหน้านั้นเพียงแค่เลิกคิ้วสูงเล็กน้อย ทว่ามันก็เป็นเวลาสั้นมากเกินกว่าที่คนทั้งสองจะสังเกตเห็น

                    อย่านึกว่าอิฉันไม่รู้นะคะ คุณหนูลูเวไรน์ คำพูดเสียงเฉียบตามแบบฉบับที่ตอนท้ายลดเสียงลงเหลือเพียงกระซิบแต่เล่นเอาผู้ฟังสะดุ้งเฮือก จะสงสัยอะไรเก็บไว้ก่อน ค่อยขึ้นไปคุยกันบนรถ เชิญค่ะ

                    เป็นอันว่าพัง...

                    ความคิดในใจสาวใช้ตัวปลอมที่คอตกยอมก้าวเดินขึ้นรถลากแต่โดยดี 

                    ...ชีวิตนี้เธอจะหนีไม่พ้นริเวร่าเลยหรือไง...          

     

                    

                    ...สารภาพผิด...สอบสวนผู้กระทำผิด...

                    มันคือคำนิยามความรู้สึกของคุณหนูแห่งริเวร่ายามถูกจับขังอยู่ในรถลากที่เคลื่อนตัวสู่ตลาดกับหัวหน้าแม่บ้าน หลังจากที่เธอฉีกกระชากชุดสาวใช้ที่แอบไปขโมยมาอย่างไม่เหลือดีเผยให้เห็นชุดลำลองอันเป็นกางเกงและเสื้อมอซอแบบคนปกติธรรมดามักใส่กัน วิกที่สวมไว้ก็ถอดออกปล่อยให้เรือนผมสีทองทิ้งตัวลงมา ขณะที่สีตาก็เริ่มกลับมาเป็นสีเหลืองสว่างแปลกตาดังเดิม...

                    คุณหนูคิดว่าแค่เปลี่ยนชุด เปลี่ยนสีตา ทำผมใหม่แค่นี้จะหลอกอิฉันที่เลี้ยงดูคุณหนูมาตั้งแต่เล็กๆได้หรือคะ เนสเริ่มอารัมภบท อิฉันไม่ทราบหรอกนะคะว่าคุณหนูใช้มนตร์อะไรในการเปลี่ยนโฉมตัวเอง แต่มันไม่พอค่ะ และถ้าถึงตลาดเมื่อไหร่กรุณาเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยนะคะ เสื้อผ้ามอซอแบบขอทานเช่นนี้อิฉันรับไม่ได้ค่ะ

                    ค่ะ ลูเวไรน์รับคำเสียงอ่อย และเนสก็ไม่คิดเปิดโอกาสให้เธอได้พูดอะไรมากกว่านั้น

                    แล้วแผนของคุณหนูคืออะไรคะ สัมภาระสักอย่างก็ไม่มี เงินก็ไม่ติดตัว จะไปตัวเปล่าหรือคะ แบบนั้นเท่ากับไปหาที่ตายชัดๆเลยนะคะ แถมใส่เชื้อผ้ามอซอ ยิ่งเปลี่ยนสีตาให้เป็นสีอื่นแบบที่ไม่ใช่ริเวร่าแล้ว คุณหนูคิดจะไปเป็นขอทานหรือคะ มันไม่เหมือนหนีออกจากบ้านเลยสักนิด ทำแบบนี้มันแย่มากๆเลยนะคะ

                    ค่ะ

                    แล้วอิฉันก็ได้ยินว่าคุณหนูหนีไปตั้งแต่เมื่อวาน แม้ว่านี่จะเป็นแผนของคุณหนูที่จะหลอกล่อให้พวกทหารเจ้าหน้าที่ของนายท่านออกจากคฤหาสน์ไปจนหมดเพื่อง่ายต่อการหนีและอาศัยจังหวะที่พวกสาวใช้กำลังค้นหาตัวคุณหนูหนีออกมา แต่มันก็เป็นแผนที่เต็มไปด้วยช่องโหว่และถูกจับได้ง่าย ถือว่าไร้ความคิดไม่สมกับที่คุณหนูเคยร่ำเรียนมาเลยนะคะ

                    ค่ะ

                    และคุณหนูอาจจะยิ่งลืมไปว่าเทลธารัสไม่มีทางปล่อยคุณหนูไปแบบนี้แน่ อย่างน้อยถ้าคุณหนูจะทำควรไปบอกเขาเสียก่อนไม่ใช่ให้เขาวิ่งวุ่นอดหลับอดนอนตามหาตัวคุณหนูแบบนี้ ไม่รู้ว่าตอนนี้จะไปถึงชายแดนหรือยัง น่าสงสารเขาจริงๆ

                    ค่ะ

                    ทีหลังห้ามทำอีกนะคะ

                    ค่ะ รับเสียงยานคางและถอนหายใจอย่างเหนื่อยเป็นที่สุดโดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าการอบรมของหัวหน้าแม่บ้านคนเก่งจบลงเสียที ลูเวไรน์แทบอยากจะบ้าตาย ไม่รู้ทำไมไม่ว่าเธอจะทำอะไรจะต้องมีคนมาตามจับตามจ้องตลอด วางแผนทีไรเป็นอันล่ม และล่ม 

                    เธอเคยตั้งใจจะหนีออกจากบ้านถึงห้าครั้งและมันก็เหลวทั้งหมด ครั้งแรกนั้นถูกขัดขวางโดยเทลธารัสทำให้มันล่มตั้งแต่ยังไม่ปฏิบัติ ครั้งที่สองและสามดีขึ้นมาหน่อย คือได้ออกจากคฤหาสน์ แต่มันก็แค่ตัวคฤหาสน์ เพราะยังไม่ถึงประตูรั้ว ไอ้เจ้าคุณองครักษ์เทลธารัสผู้แสนดีคนเดิมก็ลากเธอกลับเข้าคฤหาสน์ได้อย่างง่ายดาย ส่วนครั้งที่สี่ ก็เป็นเนสนี่แหละที่เจอเธอกำลังปีนออกนอกหน้าต่าง เป็นอันจบเห่ และครั้งสุดท้ายคือครั้งนี้...

                    เธอว่าเธอวางแผนแล้วนะ...

                    นั่งหลังตรงค่ะ เสียงเนสเตือนทำเอาเด็กสาวสะดุ้งเฮือกอีกครั้ง...เธอแพ้เสียงของแม่บ้านคนนี้จริงๆ ให้ตายสิ สงสัยคงเป็นเพราะเธอโตมากับเนสยิ่งกว่าแม่แท้ๆ เลยพลอยกลัวเสียงของเนสมากกว่าเสียงของแม่ตัวเองอีกล่ะมั้ง

                    อีกนิดเดียวก็จะถึงแล้ว คุณหนูเตียมตัวให้พร้อมด้วยนะคะ

                    จะให้เตรียมอะไรล่ะ

                    ลูเวไรน์ถามในใจ เตรียมกลับไปถูกพ่อลงโทษหรือไง ถึงแม้ว่าตลอดทุกครั้งที่มันล้มเหลว เทลธารัสจะช่วยเธอโดยการรับว่าตัวเองเป็นคนพาเธอไปเดินเล่น แต่แบบนี้นานๆเข้ามันก็ไม่ไหวเหมือนกัน อย่างน้อยเธอก็ไม่อยากเห็นเพื่อนที่มีอยู่เพียงคนเดียวต้องรับกรรมเพราะตัวเธอเอง

                    ...แต่ถึงอย่างนั้น...เธอก็ตัดใจจากการแก้แค้นไม่ได้...

                    เชิญค่ะ คุณหนู

                    เสียงเนสลอยเข้ามาในความคิด นั่นเองที่ทำให้เด็กสาวสลัดทุกอย่างออกจากหัวเตรียมรับการลงโทษ ทว่า ทันทีที่ก้าวออกจากรถลาก เธอก็ต้องแปลกใจเมื่อสถานที่ที่ควรจะเป็นประตูเหล็กสีดำใหญ่ๆของคฤหาสน์ตระกูลริเวร่ากลับกลายเป็นประตูรั้วสูงสีทองสลับเงินลงลวดลายของกุญแจนับร้อยนับพันแบบเอาไว้ ตรงกลางของมันมีร่องสำหรับวางมือและมีรูกุญแจสองรูประดับอยูบนรั้วหนาซึ่งกั้นอาณาเขตระหว่างสถานที่ภายนอกกับเขตแดนแห่งนักล่ากุญแจ

                    ที่นี่... ลูเวไรน์นิ่งค้างอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง

                    สมาพันธ์กุญแจไงคะ เนสตอบเสียงเรียบ คุณหนูจะมาที่นี่ไม่ใช่หรือคะถามพลางบอกเด็กสาวตรงหน้าที่ค่อยๆเบนสายตามาจับจ้องนางอย่างตื่นตะลึง อิฉันเลี้ยงดูคุณหนูมาตลอด ของแค่นี้ถ้ามองไม่ออกก็ไม่สมควรมาเป็นหัวหน้าแม่บ้านแล้วล่ะค่ะ

                    ไม่ส่งหนูกลับไปหาคุณพ่อเหรอลูเวไรน์ถามด้วยความประหลาดใจเป็นที่สุด และคำตอบที่ได้กลับมานั้นก็คือกระเป๋าเป้ขนาดกลางที่แม่บ้านผู้แสนดีส่งมาให้

                    คุณหนูลูเวเรียเคยบอกว่าคุณหนูลูเวไรน์เป็นเหมือนนก ยิ่งกักขังไว้ก็จะยิ่งหาทางหนี ยิ่งเข้าใกล้ก็จะยิ่งห่างออกไป อิสรภาพเท่านั้นที่จองจำคุณหนูไว้ได้ เนสกล่าวและยิ้มให้ ไม่ต้องห่วงว่าอิฉันจะถูกลงโทษหรอกค่ะ อายุปูนนี้แล้ว ยังไงก็คงอยู่ได้ไม่นาน อีกอย่าง แผนครั้งนี้ของคุณหนูใช้ได้เลยทีเดียว ป่านนี้นายท่านคงไปฟ้องขอกำลังพลเพิ่มถึงสภาการปกครองแล้วล่ะมั้ง

                    แต่...

                    ถ้าคุณหนูยังแต่อีกล่ะก็ อิฉันจะพากลับนะคะ คำตัดบทเสียงเฉียบทำเอาลูเวไรน์คอตกอีกครั้งอย่างไม่มีทางเลือก

                    ถึงอย่างนั้น พวกคุณอาจต้องรับเคราะห์เพราะหนู เธอว่า

                    อิฉันเต็มใจค่ะ เคยได้ยินมั้ยคะว่าถ้าเพื่อคนที่เรารักแล้ว จะทำเพื่อเขาได้ทุกอย่างโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ นางบอกเสียงอ่อนกว่าทุกครั้ง นั่นทำให้ผู้ฟังต้องเงยหน้าขึ้นมามองอย่างประหลาดใจ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น เนสเป็นคนที่เข้มงวดกับเธอตลอด ทั้งการกระทำ และน้ำเสียงที่สั่ง จะมีก็แต่ครั้งที่เท่านั้น...ครั้งเดียวที่เธอได้ยิน

                    สำหรับอิฉัน คุณหนูคือคนที่อิฉันรักที่สุด เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวค่ะ ไม่ว่าอย่างไรอิฉันจะอยู่ข้างคุณหนูเสมอ เพราะฉะนั้นตอนนี้คุณหนูไปเถอะนะคะ ว่าแล้วก็ผายมือไปทางประตูทางเข้าสมาพันธ์ อิฉันอยากเห็นนกโผบินบนฟากฟ้ามากกว่านกที่อยู่ในกรงทองค่ะ

                    เนสยิ้ม และลูเวไรน์ก็ยิ้มตอบ เป็นครั้งแรกที่เธอยอมยิ้มออกมาหลังจากครั้งสุดท้ายเมื่อตอนที่พี่สาวเธอตายไป รอยยิ้มจริงใจที่เคยหายไปเหมือนจะกลับมาอีกครั้ง

                    ขอบคุณค่ะ เด็กสาวบอก หนูเองก็รักเนสเหมือนกัน

                    แล้วคุณหนูแห่งริเวร่าก็โค้งตัวเคารพแม่บ้านผู้แสนดีของตนอย่างสง่างามตามที่ได้รับการสั่งสอนมาก่อนจะหันหลัง และเดินก้าวไปหยุดหน้าประตูรั้วสีสวย วางมือทาบลงบนรอยที่มี ทำให้บานประตูก็เริ่มเคลื่อนตัวออกช้าๆเช่นเดียวกับขาของเด็กสาวที่ค่อยๆก้าวไปอย่างไม่มีวี่แววว่าจะเหลียวหลังกลับมา

                    เนสยืนมองเด็กสาวค่อยๆเดินเข้าไปยังโลกที่ต่างจากเดิมอย่างช้าๆจนลับตา ประตรั้วเคลื่อนตัวปิดลงอีกครั้ง และวินาทีนั้นเองที่สารถีรถลากกระโดดลงมายืนข้างๆนาง

                    ไม่คิดจะพูดอะไรเลยเหรอ นางเอ่ยถามเจ้าคนที่กำลังถอดหมวกถอดผ้าคลุมสีตุ่นๆแบบสารถีรถลากออก ถ้าคุณหนูรู้ทีหลังระวังจะโดนคุณหนูโวยวายใส่นะคะ

                    ถ้าคุณหนูกลับมานะครับ เทลธารัสตอบพลางโยนอุปกรณ์ปลอมตัวทั้งหมดทิ้งอย่างไม่ใยดี

                    รู้อยู่แล้วเหรอว่าคุณหนูยังไม่หนีไปเมื่อคืน

                    ครับ

                    คำตอบสั้นๆไม่มีอธิบายเพิ่มที่เนสถอนหายใจ...เทลธารัส ยังไงก็ไม่เคยเปลี่ยน


                   
    ต่อให้ใครจะเป็นยังไงลักษณะแบบคนไร้ความรู้สึกก็ไม่เคยหายไป...แม้แต่กับคุณหนูลูเวไรน์ที่กำลังจะจากไป...ก็ไม่คิดจะแสดงอะไรออกมาเลยเหรอ...

                    ได้เวลากลับแล้ว เดี๋ยวนายท่านจะพาลสงสัยเอา นางเอ่ยออกมาในที่สุดก่อนจะก้าวขึ้นรถลากไปอย่างไม่ลืมทิ้งท้ายเอาไว้ว่า สิ่งสำคัญ ถ้าจากไปแล้วส่วนมากจะไม่ย้อนคืนมาหรอกนะคะ

                    ผมทราบครับ เด็กหนุ่มผมฟ้าอ่อนตอบเสียงเรียบไม่เปลี่ยนแล้วขึ้นประจำที่นั่งคนขับจากนั้นจึงสะบัดแส้ให้ม้าทั้งสองทำหน้าที่นำรถลาให้เคลื่อนไปท่ามกลางความรู้สึกติดค้างที่เขายังคงสลัดไม่ออก

                    ...ทำไมถึงยังไม่อยากไปจากที่นี่...ทำไมเขาถึงยังอยากเห็นใครบางคนเดินกลับออกมาจากประตูนั้น...

                    ยิ่งกักขังไว้ก็จะยิ่งหาทางหนี ยิ่งเข้าใกล้ก็จะยิ่งห่างออกไป

                    ไกล...ออกไป...

                    ไร้สาระ!

                    ...คิดมากไป เพราะเมื่อคืนมัวแต่ตามหาคุณหนูล่ะมั้ง...

                    เทลธารัสบอกตัวเองและหันเหสมาธิไปยังการบังคับรถลากของตนต่อ...







    >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>> 5/08/07

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×