คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่1
บทที่ 1
“ไม่ได้ ยังไงก็ไม่อนุญาต!”
เสียงตะโกนก้องราวกับฟ้าฟาดใส่เด็กสาวผู้ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้า และทันทีที่เธอจะเปิดปากเถียง เสียงเดิมก็ดังตวาดขึ้นอีกครั้ง
“นักล่ากุญแจ ของไร้สาระพรรค์นั้นจะไปเป็นทำไม”
“แต่...”
“ไม่ให้ก็คือไม่ให้! ได้เวลาไปเรียนแล้วไม่ใช่หรือไง ไปได้แล้ว! และไม่ต้องพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้อีก เข้าใจไว้ด้วย”
เพียงเท่านั้น เด็กสาวผู้ไม่อาจเถียงอะไรได้ก็ถูกบรรดาคนใช้จับตัวพาออกจากห้องไปตามคำสั่งของผู้เป็นพ่อแท้ๆของตัวเอง
ลูเวไรน์กัดฟันกรอด...เธอไม่ยอมแพ้หรอก ต่อให้เหลือแต่วิญญาณ เธอก็จะออกไปเป็นนักล่ากุญแจให้ได้!
ในนครหลวงแห่งคียาเนีย น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักตระกูลริเวร่าอันโด่งดัง เนื่องจากบุคคลในตระกูลนี้ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลสำคัญทางด้านการปกครองสำหรับคียาเนียทั้งสิ้น ซึ่งก็คือเป็นหนึ่งในสภาการปกครองสูงสุดแห่งคียาเนียในทุกยุคทุกสมัยสืบทอดกันมาจนกลายเป็นประเพณีว่าบุคคลในริเวร่าจะต้องดำรงตำแหน่งในสภาเท่านั้น
จะมีแหกคอกออกมาก็แค่คนเดียว...คนเดียวจริงๆจากประวัติศาสตร์ตระกูลอันยาวนานเกือบร้อยปี
...ลูเวเรีย ริเวร่า...
“ฉันจะตามพี่ไปให้ได้” เด็กสาวอายุราว 16-17 ปีเอ่ยขึ้นกับรูปภาพขนาดใหญ่ที่แขวนไว้มุมสุดของห้องซึ่งได้ชื่อว่าบันทึกข้อมูลของบุคคลในตระกูลริเวร่าอันเต็มไปด้วยภาพวาดเหมือนตั้งแต่บรรพบุรุษรุ่นแรก จนกระทั่งรุ่นของเธอ...รุ่นที่ถูกประณามว่านอกคอก...
“พี่ลูเวเรีย” มือบางเอื้อมไปสัมผัสรูปภาพเหมือนนั้น รูปภาพของเด็กสาวผมทองยาวสลวยถึงกลางหลังผู้กำลังยิ้มแย้มเบิกบานสวยงามราวกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย ดวงตาสีเหลืองสว่างสีแปลกตาอันเป็นลักษณะเด่นประจำตระกูลถูกขับให้ดูโดดเด่นเมื่ออยู่บนดวงหน้าขาวนวลซึ่งแม้จะเป็นเพียงภาพวาด แต่มันกลับทำให้ดูเหมือนเธอคนนี้มีชีวิตอยู่จริงๆ
...ทั้งๆที่ไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกแล้ว...
เธอกำมือแน่นก่อนจะทุบลงตรงกำแพงอย่างระบายอารมณ์ด้วยแรงที่ไม่เข้ากับรูปร่างบอบบางนั่นสักนิด
“หลบมาอยู่ที่นี่อีกแล้วนะครับ” พลันเสียงทักอย่างไร้ตัวตนดังขึ้นมาจากที่ไหนสักแห่งภายในห้อง “ได้เวลาไปเรียนแล้วนะครับ”
“ฉันรู้แล้วน่า!” ลูเวไรน์บอกเสียงเย็น แล้วถอนมือออกจากกำแพง ตั้งใจจะเดินออกจากห้องโดยไม่คิดหาต้นเสียงที่มาเตือนนั่นสักนิดหากเจ้าของเสียงจะไม่ขัดขึ้นก่อน
“คุณผู้หญิงตามหาคุณหนูอยู่ด้วยนะครับ”
“แล้วมาบอกฉันทำไม” เธอถามกลับ “ฉันไม่ใช่พี่ลูเวเรีย”
พูดจบก็ปิดประตูห้องเดินจากไปขณะเดียวกับที่ผู้หลบในเงามืดของห้องเก็บภาพก้าวเดินออกมา...เด็กหนุ่มอายุไม่ต่างจากอีกฝ่ายเท่าไรนักผู้เป็นเจ้าของเรือนผมสีฟ้าอ่อนซอยสั้นหากแต่มีผมยาวบางส่วนที่ถักเป็นเปียยาวลงมา รูปร่างสูงโปร่งตามแบบฉบับนายแบบขวัญใจสาวๆ ดวงตาสีน้ำเงินทอดมองผู้เดินจากไปอย่างอาลัย ริมฝีปากซีดเอ่ยถ้อยคำแผ่วเบาที่ไม่ต้องการให้ใครได้ยิน
“เพราะคุณคือลูเวไรน์...คุณหนู...”
การเป็นคุณหนูในตระกูลริเวร่าคือความใฝ่ฝันของใครหลายๆคนที่อยากจะมีชีวิตสุขสบายเกิดมาคาบช้อนเงินช้อนทอง อยากได้อะไรเพียงแค่ชี้ก็มีคนนำมาให้ แต่นั่นไม่ใช่สำหรับเธอ!
ริเวร่า คือนามที่เธอแทบอยากจะสาปแช่งให้หายสาบสูญไปตลอดกาล!
ลูเวไรน์เดินกระแทกส้นเท้าจนเสียงฝีเท้านั้นดังกึกก้องสะท้อนไปตามทางเดินหินอ่อนที่ถูกขัดจนมันเงา และแม้ว่ามันจะถูกประดับประดาด้วยของตกแต่งเป็นประกายระยิบระยับ แต่มันไม่ได้ทำให้จิตใจของเด็กสาวเบิกบานขึ้นเลยสักนิด
เธอเกลียดที่นี่...เกลียดริเวร่า...
“นั่นลูเวเรียใช่มั้ย”
เสียงหวานอ่อนโยนดังมาจากด้านหลังตามด้วยเสียงล้อของรถเข็นสำหรับผู้เดินไม่ได้จะดังสะท้อนบ่งบอกถึงการมาของนายหญิงใหญ่แห่งบ้าน...ลูซีวา ริเวร่า หญิงสาวเจ้าของใบหน้าผู้งดงามหมดจดตามแบบฉบับของหญิงมีตระกูล ผิวขาวนวลผ่องไร้รอยเหี่ยวย่นไม่สมวัย ดวงหน้าคมคายสวยอันส่งผมให้ลูกที่เกิดมาได้รับอานิสงส์ทางด้านนี้ไปด้วย เรือนผมสีครามถูกเกล้าเป็นมวยเก๋ด้านหลัง ดวงตาสีฟ้าอ่อนแลดูอ่อนโยนและเต็มไปดวงความห่วงใยยามจ้องมองมายังเธอ...ไม่สิ...ลูเวเรียต่างหาก...
“ตอนนี้ไม่มีเรียนเหรอ”
เสียงถามยังคงดังขึ้น ทว่า ผู้ถูกถามกลับไม่มีความคิดที่จะตอบ เว้นเสียแต่กำมือแน่นมากขึ้นจนเล็บเริ่มจิกเข้าเนื้อ
“ลูเวเรีย ลูกไม่สบายเหรอ ทำไมไม่ตอบแม่ล่ะ” ว่าพลางเลื่อนล้อรถเข็นขยับเข้ามาใกล้เด็กสาวผู้ตัดสินใจตอบออกไปด้วยเสียงหวาน
“เปล่าค่ะ หนูกำลังจะไปเรียนพอดีค่ะ” ลูเวไรน์หันไปยิ้มให้มารดา รอยยิ้มที่ดูจริงใจ ทว่าภายใต้นั้นกลับซ่อนร่องรอยของความเจ็บปวดไว้ได้อย่างแนบเนียน...ตอนนี้เธอคือลูเวเรีย...ไม่ใช่ลูเวไรน์ เด็กสาวบอกตัวเอง
“งั้นเหรอ” หญิงสาวเอ่ย “ถ้าเรียนเสร็จแล้วมาหาแม่ด้วยนะ วันนี้เราจะได้ทำขนมด้วยกัน” พูดแล้วกางมือออกเป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าเธอต้องเดินเข้าไปสวมกอดผู้เป็นมารดาด้วยรอยยิ้มแบบที่พี่ลูเวเรียมี...ไม่ใช่แบบที่เธอควรจะทำ
“ค่ะ คุณแม่” เธอรับคำแล้วรีบถอนตัวออกห่าง หันไปส่งยิ้มอีกครั้งก่อนจะเดินจากมาอย่างร้อนรนขณะเดียวกับที่สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเรียบเฉยเย็นชาทันทีที่พ้นรัศมีการมองเห็นของอีกฝ่าย
แม่ไม่เคยเห็นเธอในสายตา...ตั้งแต่วันนั้นที่ริเวร่าถูกสั่นคลอนด้วยเด็กสาวเพียงคนเดียว...
วันที่ลูเวเรีย ริเวร่าตัดสินใจหนีออกจากบ้านเพื่อไปตามหาความฝันของตัวเองในการเป็นนักล่ากุญแจ วันที่พี่สาวของเธอละเมิดกฏข้อบังคับทั้งหมดของตระกูล สละยศศักดิ์และเงินทองทั้งหมดแล้วจากไปในแบบที่ทหารองครักษ์หรือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต่างๆที่พ่อของเธอจ้างมาไม่อาจตามจับได้ หนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย จนกระทั่งเมื่อเกิดเหตุการณ์หิมะมฤตยู...พี่สาวของเธอเสียชีวิตเพราะเหตุการณ์นั้น จากการปฏิบัติหน้าที่ของสมาพันธ์กุญแจ และนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่เธอได้เห็นพี่สาวของตัวเอง...ทุรนทุราย ทรมานจากโรคร้าย และตายจากไปผ่านทางกระจกใสที่เอาไว้ดูคนป่วยอาการใกล้ตาย
เพราะเหตุนี้เอง ที่ทำให้พ่อของเธอกีดกันทุกทางที่จะทำให้เธอสามารถไปเป็นนักล่ากุญแจได้ แต่มันก็ยังไม่เท่ากับแม่ของเธอ...ลูซิอา ริเวร่าเสียใจมากกับการจากไปของลูกสาวเพียงคนเดียว ส่งผลให้กลายมาเป็นแบบปัจจุบัน...เลอะเลือน จนจำได้เพียงแค่ว่าตัวเองมีลูกสาวเพียงคนเดียว คือลูเวเรีย...และไม่เคยรู้จักลูเวไรน์
“เพื่อแม่แค่นี้ทำหน่อยไม่ได้หรือไง” นั่นเป็นคำตอบจากพ่อของเธอเมื่อรู้ว่าภรรยาของตนไม่อาจจดจำลูกสาวของตัวเองได้ และเธอก็ไม่อาจเถียงอะไร นับแต่นั้น...ลูเวไรน์จึงตายไปจากความทรงจำของลูซิอา และเธอก็ต้องเป็นลูเวเรียทุกครั้งที่พบมารดาของตน
...รู้มั้ยว่ามันน่าเสียใจแค่ไหน...
เด็กสาวหยุดหันไปมองกระจกที่ติดอยู่ด้านข้างทางเดิน สะท้อนให้เห็นดวงหน้าของตัวเองที่เหมือนพี่สาวราวกับฝาแฝดทั้งที่อายุห่างกันเกือบ 6 ปี ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของผิว สีตา หรือแม้กระทั่งสีผม เหมือนกันทุกประการ ยิ่งตอนนี้เธอต้องไว้ผมยาวสยายเพื่อให้แม่ของเธอไม่สามารถจับผิดได้แล้ว มันทำให้เธอสามารถกลายเป็นลูเวเรียได้อย่างสบายๆ...แต่นั่นก็แค่ภายนอกเท่านั้น...
ก็พี่สาวของเธอน่ะ ตายไปแล้ว...
และมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่เธอจะมานั่งคร่ำครวญเสียใจ...ที่เธอต้องทำ คือ...แก้แค้น...
รัตติกาลมืดมนเข้าครอบคลุมทุกพื้นที่ยามแสงอาทิตย์ลาลับของฟ้า และนั่นก็เป็นเวลาที่ใครบางคนเฝ้ารอมานาน
หน้าต่างคฤหาสน์หรูชั้นสองทางปีกตะวันตกถูกเปิดออกตามด้วยการชะโงกหน้าของเจ้าของห้องผู้พรางตัวเองภายใต้ชุดคลุมสีดำ เด็กสาวก้มมองด้านล่างที่มีเจ้าหน้าที่ตรวจการณ์เดินกันขวักไขว่ ทว่าข้างบนนั้นกลับว่างเปล่า
จังหวะนี้แหละ...
เธอยกมือขึ้นจับชายคาที่ยื่นออกมาด้านบนก่อนจะปีนขึ้นขอบหน้าต่างและใช้เท้าทั้งสองออกแรงถีบยันตัวเองส่งขึ้นไปยืนบนหลังคาคฤหาสน์อย่างเงียบเชียบราวกับโจร
เสร็จไปหนึ่งขั้น...
คิดพลางถอนหายใจอย่าโล่งอก ทว่ามันคงจะดีกว่านี้ถ้าไม่มีเสียงใครบางคนขัดขึ้นมา
“เวลานี้คุณหนูควรจะอยู่ในห้องนอนมากกว่านะครับ”
เสียงพูดราบเรียบแต่ทำเอาผู้ฟังแทบอยากจะบ้าตาย ยิ่งความโล่งอกที่เคยมีไม่ต้องพูดถึง...หมอนี้ ทำไมมันประสาทสัมผัสไวอย่างนี้ฟะ...
“ถ้าจะบอกว่าเดินเล่นหรือออกมารับลมก็ฟังไม่ขึ้นหรอกนะครับ เมื่อคุณหนูสวมเสื้อคลุมดำแบบนี้” เด็กหนุ่มผมฟ้าอ่อนเอ่ยพลางทิ้งตัวลงบนหลังคาอย่างแผ่วเบาและเดินตรงมายังลูเวไรน์
“ต่อให้เป็นนาย ฉันก็ไม่ยอมหรอกนะ” เธอว่า
“ผมเองก็ให้คุณหนูไปไม่ได้ครับ”
“ถ้าเพื่อความปลอดภัยของคุณหนู ผมคงต้องทำ” สิ้นคำ ดาบสีดำทะมึนเล่มหนาก็ปรากฏขึ้นในมือของเด็กหนุ่ม และโดยไม่มีสัญญาณใดๆ เขาก็มาอยู่ตรงหน้าลูเวไรน์...
เคร้ง!!!
เสียงปะทะระหว่างดาบใหญ่และดาบเรียวเล่มงามที่ถูกชักออกมาจากใต้ผ้าคลุมได้ทันท่วงที ทว่า เรื่องพละกำลังและฝีมือ คุณหนูอย่างลูเวไรน์ย่อมไม่มีทางสู้คนที่ฝึกดาบมาตั้งแต่เกิดได้ และเธอก็รู้ข้อนั้นดี เพราะอย่างนั้น...
“นายจะตามจองเวรจองกรรมกับฉันไปถึงไหน” ลูเวไรน์ถามเสียงสั่นเพราะแรงทั้งหมดที่เริ่มถอถอยจากการต้านน้ำหนักดาบของคนตรงหน้า
“ผมทำตามหน้าที่”
“ฉันขอสั่งให้นายกลับไปซะ”
“ปฏิเสธครับ”
“แล้วนายจะเสียใจ!” เด็กสาวตวัดดาบพร้อมก้าวหลบฉากออกมา ทว่า ความเร็วของเธอนั้นก็ไม่อาจสู้เทลธารัสได้ ดาบใหญ่เข้าฟาดฟันเฉียดแขนซ้ายของเขาไปเพียงนิดเดียว ลูเวไรน์กระโดดไปมาอย่างคล่องแคล่วด้วยทักษะที่ดึงดันเรียกมาจากอาจารย์ที่พ่อเธอจ้างมา จนกระทั่งมาสุดที่ยอดหลังคา...ปลายสุดที่ไม่มีทางให้ถอยได้อีก นอกจากจะร่วงลงไปข้างล่าง...
“ไม่มีทางให้วิ่งเล่นแล้วนะครับ” เทลธารัสเอ่ยเสียงเรียบ
“นายแน่ใจเหรอ” ลูเวไรน์ถามแล้วยกดาบขึ้นสูง “เวลาแห่งราตรีน่ะ มันคือเวลาของฉันนะ”
พริบตานั้นเองที่เมฆเคลื่อนตัวมาบดบังแสงจากดวงจันทร์ก่อนที่อาคมจะปรากฏขึ้นรายล้อมตัวเทลธารัส และทันใดนั้นเองที่ฟ้าผ่าลงมาทั้งที่ระหว่างเด็กหนุ่มบนหลังคาทั้งสอง ไหลวนไปตามอาคมที่ถูกเขียนเปล่งแสงสว่างเรืองรองแสบตา แม้จะเป็นเพียงชั่วครู่ แต่มันก็มากพอสำหรับใครสักคนที่ต้องการจะหนีไป
“ยังไงฉันก็ชนะนายในเรื่องเวทย์อยู่ดี เทลธารัส”
นั่นเป็นคำพูดทิ้งท้ายก่อนที่คุณหนูคนสุดท้ายแห่งริเวร่าจะหายตัวไป ทิ้งไว้เพียงแต่เด็กหนุ่มผู้มีหน้าที่เป็นองครักษ์ประจำตัวผู้ยืนนิ่งไร้ความรู้สึกใดๆ
คฤหาสน์ริเวร่าที่เคยสงบสุขกลับมาวุ่นวายอีกครั้งเมื่อนายใหญ่ของบ้านสั่งเจ้าหน้าที่ทั้งหมดออกตามล่าบุตรีคนเดียวคืนมา การสั่งการอย่างเฉียบขาดมีประสิทธิภาพและอำนาจของตระกูลทำเอาสนามหน้าคฤหาสน์แทบจะกลายเป็นลานหน้าปราสาทไว้ให้เหล่าทหารมายืนเรียงแถวเตรียมตัวออกรบ แต่มันก็เพียงเวลาไม่นานนัก เพราะพวกเขาทั้งหมดก็จำต้องกระจายไปทุกททิศทุกทางทุกถิ่นที่เสาะหาตัวคนหนีออกจากบ้านกลับมาให้ได้...มันเป็นความวุ่นวายที่กินเวลายาวนานจนอาทิตย์กลับขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง...และปลุกกลุ่มคนที่ยังเหลืออยู่ในคฤหาสน์ให้ตื่นขึ้นมาพร้อมข่าวสารอันน่าตื่นเต้น...
“คุณหนูลูเวไรน์หนีออกจากบ้าน!”
เสียงตะโกนอย่างตกใจมาจากบรรดาสาวใช้ที่ถูกเรียกมาประชุมกันอย่างเร่งด่วนในเช้าวันรุ่งขึ้นหลังเกิดเหตุวุ่นวายที่ทำเอาริเวร่าสั่นคลอนอีกครั้ง
“เป็นไปได้ยังไง ก็ในเมื่อนายท่านจ้างคนมาคุมออกเยอะแยะ”
“ใช่ๆ โดยเฉพาะพ่อหนุ่มองครักษ์รูปหล่อนั่นน่ะ”
“ไม่น่าเชื่อว่าเทลธารัสจะหยุดคุณหนูไว้ไม่ได้”
เสียงซุบซิบนินทาตามประสาสาวใช้ดังระงมทั่ว และคงจะดังและยาวนานกว่านี้แน่หากหัวหน้าแม่บ้านไม่ตวาดขึ้นเสียก่อน
“เรามาประชุม ไม่ได้จับกลุ่มนินทา!” เนส หญิงร่างท้วมวัยเกือบห้าสิบว่า และนั่นก็ทำให้คุณเธอทั้งหลายยอมกลับมาสงบเสงี่ยมโดยดี นางสอดส่ายสายตาเอือมระอาไปยังสาวใช้น้อยใหญ่ที่พากันก้มหน้าไปตามๆกันก่อนจะถอนหายใจเฮือกพร้อมสะบัดเรือนผมออกขาวที่ดัดเป็นลอนไปด้านหลัง “นายท่านสั่งมาว่าให้ค้นหาทุกซอกทุกมุมเผื่อว่าคุณหนูจะไปหลบอยู่ในนั้น เปิดให้หมดไม่ว่าจะเป็นตู้ ชั้น ลิ้นชัก หรือแม้แต่ที่เก็บขยะ อย่างให้เล็ดลอดสายตาไปได้...”
“คนทั้งคนจะไปแอบในตู้ได้ยังไงคะ” สาวใช้คนหนึ่งถามขึ้นและก็ได้รับการพยักหน้าเห็นด้วยของใครหลายๆคน
“งั้นเธอก็ไปบอกนายท่านเองสิ” นางตอบเสียงเฉียบขาดเล่นเอาทั้งหมดหงอยไปตามกัน “เอาล่ะพวกเธอ ช่วงเช้าไปช่วยกันค้นบ้าน ส่วนเรื่องซื้อของใช้ประจำวันฉันจัดการเอง ไปได้แล้ว แต่เธอคนนั้นน่ะ” ว่าแล้วก็ชี้นิ้วไปยังสาวใช้ผู้ยืนหลบมุมอยู่ใกล้ประตู “ตามมาช่วยฉันซื้อของด้วย แยกย้ายกันได้แล้ว!”
สิ้นคำสั่ง กลุ่มนินทาสาวใช้ก็สลายตัวไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ลืมบ่นอุบกับหน้าที่ใหม่ที่ได้รับ ก็คฤหาสน์ริเวร่ามันใช้บ้านเล็กๆซะที่ไหน พวกเธอหลายคนยังจำได้ไม่ลืมเลยเมื่อครั้งที่คุณหนูลูเวเรียหายตัวไป และนายท่านก็สั่งให้ค้นแบบนี้เหมือนกัน เล่นเอาแทบสลบ กว่าจะค้นหมดก็ปาเข้าไปสองวันแถมยังคว้าน้ำเหลว...ก็อย่างว่าล่ะ ถ้าหนีไปแล้วใครจะบ้าซ่อนอยู่ในนี้อีกล่ะ...
“ส่วนเธอ ตามมา” เนสกล่าวแล้วเดินนำไปยังเรือนเล็กที่แยกเป็นอิสระสำหรับเก็บพาหนะโดยเฉพาะ และสำหรับตำแหน่งหัวหน้าแม่บ้านเก่าแก่อย่างเธอแล้ว เวลาไปซื้อของจะสามารถขอใช้รถลากได้หนึ่งคัน เพื่อประหยัดเวลาและไม่ต้องเหนื่อยกับการเดินทางไกล ด้วยเหตุว่าระยะทางจากตัวคฤหาสน์ไปจนถึงประตูรั้วนั้นก็กินอาณาเขตมากชนิดที่ว่าสามารถยกตลาดกลางเมืองเข้ามาตั้งได้เลย
ไม่นานนัก สารถีผู้ปิดบังหน้าไว้ด้วยหมวกหนาและรถลากเทียมม้าสองตัวก็ก้าวออกมาจากโรงเก็บรถ นางเปิดประตูรถก่อนจะหลบทางพลางผายมือเชิญให้สาวใช้อีกคนที่ตามมาก้าวขึ้นไปก่อน มันเป็นอะไรที่ทำเอาอีกฝ่ายเบิกตากว้างอย่างแปลกใจ ส่วนสารถีที่อยู่ข้างหน้านั้นเพียงแค่เลิกคิ้วสูงเล็กน้อย ทว่ามันก็เป็นเวลาสั้นมากเกินกว่าที่คนทั้งสองจะสังเกตเห็น
“อย่านึกว่าอิฉันไม่รู้นะคะ คุณหนูลูเวไรน์” คำพูดเสียงเฉียบตามแบบฉบับที่ตอนท้ายลดเสียงลงเหลือเพียงกระซิบแต่เล่นเอาผู้ฟังสะดุ้งเฮือก “จะสงสัยอะไรเก็บไว้ก่อน ค่อยขึ้นไปคุยกันบนรถ เชิญค่ะ”
เป็นอันว่าพัง...
ความคิดในใจสาวใช้ตัวปลอมที่คอตกยอมก้าวเดินขึ้นรถลากแต่โดยดี
...ชีวิตนี้เธอจะหนีไม่พ้นริเวร่าเลยหรือไง...
...สารภาพผิด...สอบสวนผู้กระทำผิด...
มันคือคำนิยามความรู้สึกของคุณหนูแห่งริเวร่ายามถูกจับขังอยู่ในรถลากที่เคลื่อนตัวสู่ตลาดกับหัวหน้าแม่บ้าน หลังจากที่เธอฉีกกระชากชุดสาวใช้ที่แอบไปขโมยมาอย่างไม่เหลือดีเผยให้เห็นชุดลำลองอันเป็นกางเกงและเสื้อมอซอแบบคนปกติธรรมดามักใส่กัน วิกที่สวมไว้ก็ถอดออกปล่อยให้เรือนผมสีทองทิ้งตัวลงมา ขณะที่สีตาก็เริ่มกลับมาเป็นสีเหลืองสว่างแปลกตาดังเดิม...
“คุณหนูคิดว่าแค่เปลี่ยนชุด เปลี่ยนสีตา ทำผมใหม่แค่นี้จะหลอกอิฉันที่เลี้ยงดูคุณหนูมาตั้งแต่เล็กๆได้หรือคะ” เนสเริ่มอารัมภบท “อิฉันไม่ทราบหรอกนะคะว่าคุณหนูใช้มนตร์อะไรในการเปลี่ยนโฉมตัวเอง แต่มันไม่พอค่ะ และถ้าถึงตลาดเมื่อไหร่กรุณาเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยนะคะ เสื้อผ้ามอซอแบบขอทานเช่นนี้อิฉันรับไม่ได้ค่ะ”
“ค่ะ” ลูเวไรน์รับคำเสียงอ่อย และเนสก็ไม่คิดเปิดโอกาสให้เธอได้พูดอะไรมากกว่านั้น
“แล้วแผนของคุณหนูคืออะไรคะ สัมภาระสักอย่างก็ไม่มี เงินก็ไม่ติดตัว จะไปตัวเปล่าหรือคะ แบบนั้นเท่ากับไปหาที่ตายชัดๆเลยนะคะ แถมใส่เชื้อผ้ามอซอ ยิ่งเปลี่ยนสีตาให้เป็นสีอื่นแบบที่ไม่ใช่ริเวร่าแล้ว คุณหนูคิดจะไปเป็นขอทานหรือคะ มันไม่เหมือนหนีออกจากบ้านเลยสักนิด ทำแบบนี้มันแย่มากๆเลยนะคะ”
“ค่ะ”
“แล้วอิฉันก็ได้ยินว่าคุณหนูหนีไปตั้งแต่เมื่อวาน แม้ว่านี่จะเป็นแผนของคุณหนูที่จะหลอกล่อให้พวกทหารเจ้าหน้าที่ของนายท่านออกจากคฤหาสน์ไปจนหมดเพื่อง่ายต่อการหนีและอาศัยจังหวะที่พวกสาวใช้กำลังค้นหาตัวคุณหนูหนีออกมา แต่มันก็เป็นแผนที่เต็มไปด้วยช่องโหว่และถูกจับได้ง่าย ถือว่าไร้ความคิดไม่สมกับที่คุณหนูเคยร่ำเรียนมาเลยนะคะ”
“ค่ะ”
“และคุณหนูอาจจะยิ่งลืมไปว่าเทลธารัสไม่มีทางปล่อยคุณหนูไปแบบนี้แน่ อย่างน้อยถ้าคุณหนูจะทำควรไปบอกเขาเสียก่อนไม่ใช่ให้เขาวิ่งวุ่นอดหลับอดนอนตามหาตัวคุณหนูแบบนี้ ไม่รู้ว่าตอนนี้จะไปถึงชายแดนหรือยัง น่าสงสารเขาจริงๆ”
“ค่ะ”
“ทีหลังห้ามทำอีกนะคะ”
“ค่ะ” รับเสียงยานคางและถอนหายใจอย่างเหนื่อยเป็นที่สุดโดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าการอบรมของหัวหน้าแม่บ้านคนเก่งจบลงเสียที ลูเวไรน์แทบอยากจะบ้าตาย ไม่รู้ทำไมไม่ว่าเธอจะทำอะไรจะต้องมีคนมาตามจับตามจ้องตลอด วางแผนทีไรเป็นอันล่ม และล่ม
เธอเคยตั้งใจจะหนีออกจากบ้านถึงห้าครั้งและมันก็เหลวทั้งหมด ครั้งแรกนั้นถูกขัดขวางโดยเทลธารัสทำให้มันล่มตั้งแต่ยังไม่ปฏิบัติ ครั้งที่สองและสามดีขึ้นมาหน่อย คือได้ออกจากคฤหาสน์ แต่มันก็แค่ตัวคฤหาสน์ เพราะยังไม่ถึงประตูรั้ว ไอ้เจ้าคุณองครักษ์เทลธารัสผู้แสนดีคนเดิมก็ลากเธอกลับเข้าคฤหาสน์ได้อย่างง่ายดาย ส่วนครั้งที่สี่ ก็เป็นเนสนี่แหละที่เจอเธอกำลังปีนออกนอกหน้าต่าง เป็นอันจบเห่ และครั้งสุดท้ายคือครั้งนี้...
เธอว่าเธอวางแผนแล้วนะ...
“นั่งหลังตรงค่ะ” เสียงเนสเตือนทำเอาเด็กสาวสะดุ้งเฮือกอีกครั้ง...เธอแพ้เสียงของแม่บ้านคนนี้จริงๆ ให้ตายสิ สงสัยคงเป็นเพราะเธอโตมากับเนสยิ่งกว่าแม่แท้ๆ เลยพลอยกลัวเสียงของเนสมากกว่าเสียงของแม่ตัวเองอีกล่ะมั้ง
“อีกนิดเดียวก็จะถึงแล้ว คุณหนูเตียมตัวให้พร้อมด้วยนะคะ”
จะให้เตรียมอะไรล่ะ
ลูเวไรน์ถามในใจ เตรียมกลับไปถูกพ่อลงโทษหรือไง ถึงแม้ว่าตลอดทุกครั้งที่มันล้มเหลว เทลธารัสจะช่วยเธอโดยการรับว่าตัวเองเป็นคนพาเธอไปเดินเล่น แต่แบบนี้นานๆเข้ามันก็ไม่ไหวเหมือนกัน อย่างน้อยเธอก็ไม่อยากเห็นเพื่อนที่มีอยู่เพียงคนเดียวต้องรับกรรมเพราะตัวเธอเอง
...แต่ถึงอย่างนั้น...เธอก็ตัดใจจากการแก้แค้นไม่ได้...
“เชิญค่ะ คุณหนู”
เสียงเนสลอยเข้ามาในความคิด นั่นเองที่ทำให้เด็กสาวสลัดทุกอย่างออกจากหัวเตรียมรับการลงโทษ ทว่า ทันทีที่ก้าวออกจากรถลาก เธอก็ต้องแปลกใจเมื่อสถานที่ที่ควรจะเป็นประตูเหล็กสีดำใหญ่ๆของคฤหาสน์ตระกูลริเวร่ากลับกลายเป็นประตูรั้วสูงสีทองสลับเงินลงลวดลายของกุญแจนับร้อยนับพันแบบเอาไว้ ตรงกลางของมันมีร่องสำหรับวางมือและมีรูกุญแจสองรูประดับอยูบนรั้วหนาซึ่งกั้นอาณาเขตระหว่างสถานที่ภายนอกกับเขตแดนแห่งนักล่ากุญแจ
“ที่นี่...” ลูเวไรน์นิ่งค้างอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“สมาพันธ์กุญแจไงคะ” เนสตอบเสียงเรียบ “คุณหนูจะมาที่นี่ไม่ใช่หรือคะ” ถามพลางบอกเด็กสาวตรงหน้าที่ค่อยๆเบนสายตามาจับจ้องนางอย่างตื่นตะลึง “อิฉันเลี้ยงดูคุณหนูมาตลอด ของแค่นี้ถ้ามองไม่ออกก็ไม่สมควรมาเป็นหัวหน้าแม่บ้านแล้วล่ะค่ะ”
“ไม่ส่งหนูกลับไปหาคุณพ่อเหรอ” ลูเวไรน์ถามด้วยความประหลาดใจเป็นที่สุด และคำตอบที่ได้กลับมานั้นก็คือกระเป๋าเป้ขนาดกลางที่แม่บ้านผู้แสนดีส่งมาให้
“คุณหนูลูเวเรียเคยบอกว่าคุณหนูลูเวไรน์เป็นเหมือนนก ยิ่งกักขังไว้ก็จะยิ่งหาทางหนี ยิ่งเข้าใกล้ก็จะยิ่งห่างออกไป อิสรภาพเท่านั้นที่จองจำคุณหนูไว้ได้” เนสกล่าวและยิ้มให้ “ไม่ต้องห่วงว่าอิฉันจะถูกลงโทษหรอกค่ะ อายุปูนนี้แล้ว ยังไงก็คงอยู่ได้ไม่นาน อีกอย่าง แผนครั้งนี้ของคุณหนูใช้ได้เลยทีเดียว ป่านนี้นายท่านคงไปฟ้องขอกำลังพลเพิ่มถึงสภาการปกครองแล้วล่ะมั้ง”
“แต่...”
“ถ้าคุณหนูยังแต่อีกล่ะก็ อิฉันจะพากลับนะคะ” คำตัดบทเสียงเฉียบทำเอาลูเวไรน์คอตกอีกครั้งอย่างไม่มีทางเลือก
“ถึงอย่างนั้น พวกคุณอาจต้องรับเคราะห์เพราะหนู” เธอว่า
“อิฉันเต็มใจค่ะ เคยได้ยินมั้ยคะว่าถ้าเพื่อคนที่เรารักแล้ว จะทำเพื่อเขาได้ทุกอย่างโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ” นางบอกเสียงอ่อนกว่าทุกครั้ง นั่นทำให้ผู้ฟังต้องเงยหน้าขึ้นมามองอย่างประหลาดใจ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น เนสเป็นคนที่เข้มงวดกับเธอตลอด ทั้งการกระทำ และน้ำเสียงที่สั่ง จะมีก็แต่ครั้งที่เท่านั้น...ครั้งเดียวที่เธอได้ยิน
“สำหรับอิฉัน คุณหนูคือคนที่อิฉันรักที่สุด เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวค่ะ ไม่ว่าอย่างไรอิฉันจะอยู่ข้างคุณหนูเสมอ เพราะฉะนั้นตอนนี้คุณหนูไปเถอะนะคะ” ว่าแล้วก็ผายมือไปทางประตูทางเข้าสมาพันธ์ “อิฉันอยากเห็นนกโผบินบนฟากฟ้ามากกว่านกที่อยู่ในกรงทองค่ะ”
เนสยิ้ม และลูเวไรน์ก็ยิ้มตอบ เป็นครั้งแรกที่เธอยอมยิ้มออกมาหลังจากครั้งสุดท้ายเมื่อตอนที่พี่สาวเธอตายไป รอยยิ้มจริงใจที่เคยหายไปเหมือนจะกลับมาอีกครั้ง
“ขอบคุณค่ะ” เด็กสาวบอก “หนูเองก็รักเนสเหมือนกัน”
แล้วคุณหนูแห่งริเวร่าก็โค้งตัวเคารพแม่บ้านผู้แสนดีของตนอย่างสง่างามตามที่ได้รับการสั่งสอนมาก่อนจะหันหลัง และเดินก้าวไปหยุดหน้าประตูรั้วสีสวย วางมือทาบลงบนรอยที่มี ทำให้บานประตูก็เริ่มเคลื่อนตัวออกช้าๆเช่นเดียวกับขาของเด็กสาวที่ค่อยๆก้าวไปอย่างไม่มีวี่แววว่าจะเหลียวหลังกลับมา
เนสยืนมองเด็กสาวค่อยๆเดินเข้าไปยังโลกที่ต่างจากเดิมอย่างช้าๆจนลับตา ประตรั้วเคลื่อนตัวปิดลงอีกครั้ง และวินาทีนั้นเองที่สารถีรถลากกระโดดลงมายืนข้างๆนาง
“ไม่คิดจะพูดอะไรเลยเหรอ” นางเอ่ยถามเจ้าคนที่กำลังถอดหมวกถอดผ้าคลุมสีตุ่นๆแบบสารถีรถลากออก “ถ้าคุณหนูรู้ทีหลังระวังจะโดนคุณหนูโวยวายใส่นะคะ”
“ถ้าคุณหนูกลับมานะครับ” เทลธารัสตอบพลางโยนอุปกรณ์ปลอมตัวทั้งหมดทิ้งอย่างไม่ใยดี
“รู้อยู่แล้วเหรอว่าคุณหนูยังไม่หนีไปเมื่อคืน”
“ครับ”
คำตอบสั้นๆไม่มีอธิบายเพิ่มที่เนสถอนหายใจ...เทลธารัส ยังไงก็ไม่เคยเปลี่ยน
ต่อให้ใครจะเป็นยังไงลักษณะแบบคนไร้ความรู้สึกก็ไม่เคยหายไป...แม้แต่กับคุณหนูลูเวไรน์ที่กำลังจะจากไป...ก็ไม่คิดจะแสดงอะไรออกมาเลยเหรอ...
“ได้เวลากลับแล้ว เดี๋ยวนายท่านจะพาลสงสัยเอา” นางเอ่ยออกมาในที่สุดก่อนจะก้าวขึ้นรถลากไปอย่างไม่ลืมทิ้งท้ายเอาไว้ว่า “สิ่งสำคัญ ถ้าจากไปแล้วส่วนมากจะไม่ย้อนคืนมาหรอกนะคะ”
“ผมทราบครับ” เด็กหนุ่มผมฟ้าอ่อนตอบเสียงเรียบไม่เปลี่ยนแล้วขึ้นประจำที่นั่งคนขับจากนั้นจึงสะบัดแส้ให้ม้าทั้งสองทำหน้าที่นำรถลาให้เคลื่อนไปท่ามกลางความรู้สึกติดค้างที่เขายังคงสลัดไม่ออก
...ทำไมถึงยังไม่อยากไปจากที่นี่...ทำไมเขาถึงยังอยากเห็นใครบางคนเดินกลับออกมาจากประตูนั้น...
ยิ่งกักขังไว้ก็จะยิ่งหาทางหนี ยิ่งเข้าใกล้ก็จะยิ่งห่างออกไป
ไกล...ออกไป...
ไร้สาระ!
...คิดมากไป เพราะเมื่อคืนมัวแต่ตามหาคุณหนูล่ะมั้ง...
เทลธารัสบอกตัวเองและหันเหสมาธิไปยังการบังคับรถลากของตนต่อ...
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>> 5/08/07
ความคิดเห็น