คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ร่องรอยปิศาจ (The witch interrogation) 1/3
เนื้อหานี้เป็นเรื่องแต่ง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ หน่วยงานนั้นๆ หรือบุคคลจริงๆ เขียนขึ้นจากจินตนาการของผู้แต่ง แม้เป็นบรรยากาศย้อนยุค แต่สภาพสังคมและทัศนคติหลายอย่างนั้นเขียนขึ้นจากความเข้าใจตามโลกปัจจุบัน ทั้งนี้เพราะไม่ใช่งานเขียนสะท้อนสังคม และข้อมูลหลายอย่างอาจไม่ตรง หรือถูกบิดเบือนไปบ้างเพื่อความลื่นไหลในการเขียน และไม่กระทบเส้นเรือง ขออภัยหากมีข้อผิดพลาด
(Trigger Warning!นิยายเรื่องนี้มีการนำเสนอพฤติกรรมการใช้ความรุนแรงทางกาย ทางเพศ และทางจิตใจ)
ตอนที่ 7 มีการใช้ความรุนแรง
ดวงจันทร์ซีดเซียวหายลับไปจากขอบฟ้า ถูกแทนที่ด้วยแสงอาทิตย์สาดส่องลอดเข้ามาถึงยังห้องทึบที่ใช้คุมขังนักโทษคนพิเศษ ซึ่งมืดมนขมุกขมัว ตัดกับแสงสว่างสดใสภายนอก มีเพียงม้านั่งหินติดผนังเท่านั้นที่ยังคงมองเห็นได้ชัด เพราะรับแสงรำไรตกกระทบลงมาจากหน้าต่างได้อย่างพอดิบพอดี
อาชชี่ โคเว่น ค่อยๆ ลืมตาเมื่อสัมผัสได้ถึงไอแดดเจิดจ้าทิ่มแทงเปลือกตาบางปลุกเขาให้ตื่นจากฝันร้ายมาผจญความจริงที่เจ็บปวดยิ่งกว่า อาการรวดร้าวชาหนึบไปทั้งร่างดูจะทวีขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อยามเช้ามาเยือน
ระหว่างกำลังขยับตัวเปลี่ยนท่าทาง นักโทษหนุ่มพลันได้ยินเสียงไขกุญแจเข้ามา เวลานั้นหัวใจของเขาแทบร่วงหล่นไปถึงตาตุ่ม ภาวนาให้เป็นเอเดรียน เด็กหนุ่มวัยสิบแปดผู้เป็นมิตร
น่าเสียดาย เพราะเมื่อบานประตูเปิดอ้าออก กลับเป็นเจ้าปิศาจชั่วช้าตนเดิมก้าวเข้ามาแทน พร้อมทหารสองสามนายหิ้วถังน้ำและเสื้อผ้ามาด้วย
โลเทรคฉวยถังน้ำสาดเข้าใส่ร่างเปลือยเปล่าที่มีเพียงเสื้อกั๊กสีเข้มห่มคลุม อาชชี่ โคเว่นถึงกับสั่นสะท้าน เริ่มหนาวสั่นหนักขึ้นเรื่อยๆ
“ลุกขึ้นแต่งตัว! ได้เวลาแล้ว!”
ไม่พอ มันยังเดินเข้ามาเตะตรงต้นขาของเขาเสียอีก พลางสังเกตเห็นเสื้อกั๊กของน้องชาย จึงหยิบขึ้นมาดูก่อนเขวี้ยงทิ้ง
“คุยกันถูกคอนักนี่ ไงล่ะ น้องชายข้าเพ้อเจ้อดีใช่ไหม” มันยิ้ม
อาชชี่ไม่ตอบ ทำเพียงส่งสายตาเคืองแค้นกลับ โลเทรคสำรวจดูร่องรอยที่มันย่ำยีเขาเมื่อคืน ก่อนพบว่ายังมีคราบเลือดติดอยู่
“ข้าบอกให้ทำความสะอาดตัวเองไง! ”
มันกล่าวด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ก่อนสั่งทหารให้ลากตัวเขาออกมาจากมุมห้อง ชายหนุ่มสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว เขาขืนร่าง พยายามใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดต้านทานพวกมันไว้แม้ไม่เป็นผล
“เฮอะ! ถึงกับกลัวจนไม่อยากให้ใครแตะต้องตัวเลยรึ จะบอกให้นะ สิ่งที่เจ้าเจอน่ะ....” โลเทรค หยุดสูดหายใจ ก่อนก้าวเข้ามาประจันหน้ากันกับเขาที่แทบจะไร้แรงยืนหากไม่มีทหารสองคนคอยหิ้วปีกอยู่ข้างๆ
“มันเล็กน้อยมาก....” เจ้าปิศาจหรี่ตา
เพียงเสี้ยววินาที แค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นที่อาชชี่ โคเว่น สังเกตเห็นริมฝีปากบางสีระเรื่อของมันสั่นเบาๆ ขณะพยายามเหยียดรอยยิ้มเย้ยหยันกลบเกลื่อน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาติดใจอะไร เพราะความชิงชังเคียดแค้นได้ครอบคลุมเคลือบไปทั่วทั้งความคิดของเขาแล้ว
ชายหนุ่มร่างสูงกว่าเจ้าปิศาจเล็กน้อย เนื้อตัวแข็งแรง แต่บอบช้ำ อ่อนล้า ถ่มน้ำลายปนเลือดใส่หน้า แล้วพ่นภาษาโบราณประหลาดๆ
“Damnatio mortis oriuntur venire. (แดมนาทิโอ มอร์ทิส ออริอันตูร์ เวนีร์) Qui tibi a nocere nobis condemnentur (กีย์ ทิบี อา โนเชเร โนบีส์ คอนเดมเอนเตอร์) Carnes et sanguinem oblatum optimum est. (คาร์นส์ เอท์ แซงกิเนม โอบลาทัม ออพติมัม เอสท์) Animus torqueri recrit. (อนิมุส ทอร์เกอริ รีครี) ”
แม้จะฟังไม่ออก แต่ก็พอจะเดาได้ว่ามิใช่คำสรรเสริญ โลเทรค อาร์ชิบอลด์ ค่อยๆ ใช้นิ้วหัวแม่มือเช็ดน้ำลายเปื้อนเลือดมาป้ายที่ริมฝีปากตน ก่อนเอื้อมไปกดนิ้วหัวแม่มือข้างเดิมลงบนริมฝีปากของอาชชี่ โคเว่น แล้วสอดเข้าไปกวาดกระพุ้งแก้มของชายหนุ่ม
“จนตรอกถึงกับยอมรับว่าตัวเองเป็นพวกพ่อมดหมอผีแล้วสินะ” มันยิ้มอย่างพึงใจ จ้องมองอีกฝ่ายที่กำลังกลอกดวงตามองมือของมันในปาก
“ในเมื่อไม่ยอมทำความสะอาดตัวเองให้หมดจด ถ้าเช่นนั้น ข้าก็จะทำให้เอง” ชายหนุ่มผมทองกล่าว ก่อนขอผ้าชุบน้ำจากทหารทางด้านหลัง เมื่อรับมา เจ้าปิศาจจึงใช้ผ้าเปียกชุ่มน้ำผืนนั้นฟาดใบหน้าของอาชชี่ โคเว่น อย่างเต็มแรง แล้วสั่งทหารให้จับเขาหันหลังกดตัวเข้ากับผนังห้อง
“จะเล่าอะไรสนุกๆ ให้ฟังอย่าง...” มันประชิดตัวแนบร่างเปลือยเปล่าของอาชชี่ โคเว่น พลางกระซิบข้างหู
“ครั้งแรกน่ะ มันจะเจ็บเช่นนี้ล่ะ แต่พอครั้งถัดไป เจ้าจะไม่เจ็บแล้ว…”
ชายหนุ่มอดีตขุนนางงามสง่าถึงกับกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ด้วยความหวาดกลัว เขารู้สึกอับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี กัดฟัน เหลือบตามองเพดานเงียบๆ ระหว่างปล่อยให้เจ้าปิศาจรุกล้ำร่างกายเขาอีกครั้ง ต่อหน้าทหารหลายนาย ปากก็เริ่มพูดพร่ำเป็นภาษาโบราณซ้ำไปซ้ำมาด้วยความเจ็บแค้นและเสียใจ
“คาร์นส์ เอท์ แซงกิเนม โอบลาทัม ออพติมัม เอสท์, อนิมุส ทอร์เกอริ รีครี....”
“อนิมุส ทอร์เกอริ รีครี...”
ไม่ว่าจะเหตุบังเอิญหรือจงใจ แต่ท้องฟ้ายามสายแสนอบอุ่นสดใส กลับเริ่มมีเค้าลางเมฆครึ้มฝน ยินเสียงอีกาหลายตัวบินแหวกฟ้าร้องวนไปมาใกล้ๆ ทั้งที่ปกติจะอยู่กันแถบแนวป่าหรือกระจายไปรอบๆ ตัวเมืองตามกองขยะ
โลเทรค อาร์ชิบอลด์ มีอาการกระตุกเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงสวดนั้นซ้ำๆ ขณะกดศีรษะของอาชชี่ โคเว่น แนบติดกับผนัง โดยที่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรเขามากไปกว่าเอาผ้าเช็ดรอยเลือดตรงหว่างขา
“หุบปาก…”
ระหว่างกระตุก มันเห็นภาพชายคนหนึ่งกำลังทรมานจากการถูกเผาทั้งเป็น ภาพสงครามที่มีเงาทะมึนใหญ่ ภาพของชายคนเดิมถือดาบเล่มโต กระโจนเข้าฟาดฟันกับอสุรกายที่ไม่อาจระบุได้ว่ารูปร่างเป็นเช่นไร ท่ามกลางสมรภูมิรบยุคโบราณอันดุเดือด
อาชชี่ โคเว่น ยังคงพร่ำประโยคเดิมต่อ ด้วยเสียงทุ้มต่ำเยือกเย็นขึ้นเรื่อยๆ
“อนิมุส ทอร์เกอริ รีครี...อนิมุส ทอร์เกอริ รีครี...”
“ข้าบอกให้หุบปากไง! ” มันเขวี้ยงร่างเขาจนล้มกลิ้งไปกับพื้นราวกับตุ๊กตาโทรมๆ อาชชี่ โคเว่น ยังคงพร่ำพูดไม่หยุด แม้ตอนพยายามยันร่างขึ้น พลางส่งสายตามองมันราวสัตว์ร้ายจ้องขย้ำเหยื่อ
โลเทรค ปรี่เข้าไปเตะใบหน้าและลำตัวของร่างนั้นจนกระเด็นติดผนังห้องอีกด้านทันที อาชชี่ โคเว่น กระอักเลือด แต่นั่นก็ไม่อาจทำให้เขาหยุดพูดข้อความในหนังสือได้
“เมื่อล่วงเข้าสู่แม่น้ำแห่งความตาย วิญญาณจักทำสัญญากับปิศาจซึ่งยืนรออยู่ ณ อีกฟากฝั่งหนึ่ง” ชายหนุ่มผมดำกล่าว ด้วยประโยคคล้ายกันกับที่โลเทรคเคยได้ยินจากปากของเอเดรียน เมื่อนานมาแล้ว
“ยังไม่หยุดอีกใช่มั้ย! ” โลเทรค ไม่ลดละ ตรงเข้าไปจิกผมชายหนุ่มขึ้นแล้วง้างหมัด
“คนตาย….จะฟื้นคืน….ในฐานะร่างทรงอสุรกาย...เพื่อทวงคืนสิ่งที่เขาพึงได้รับก่อนชีพวายน์....”
สิ้นประโยคจากปากเลอะเลือดของชายหนุ่มตระกูลโคเว่น โลเทรคจึงคลายมือออกจากผมของเขา แล้วผลุนผลันเดินจากไปด้วยอารมณ์ที่ไม่อาจบ่งบอกได้ว่าโกรธ โมโห หรือตื่นตระหนก
อาชชี่ โคเว่น ถูกปล่อยไว้อย่างนั้นตรงมุมห้อง พ่นลมหายใจหอบถี่ เขาค่อยๆ เงยหน้าส่งสายตาดุดันลอดปอยผมยุ่งเหยิงไปยังทหารอาร์ชิบอลด์ที่กำลังเข้ามาใกล้ พวกนั้นมีอาการชะงักงันเล็กน้อยด้วยความหวั่นกลัว
“รูปกายของอสูรนั้น มีปีกคล้ายกับค้างคาวขนาดใหญ่ แผ่สยายครอบคลุมเต็มผืนฟ้า มันมิใช่ทั้งมังกรหรือตัวกริฟฟอน หากแต่มีรูปลักษณ์ดั่งมนุษย์อัปลักษณ์ร่างใหญ่แข็งแรงเหมือนกับยักษ์โกไลแอท แต่ขนาดมหึมายิ่งกว่า มันเข้าจู่โจมฉีกกระชากศัตรูด้วยกรงเล็บสีดำเมี่ยมราวกับกรงเล็บของอีกา ไม่แค่ฉีกกินเปล่าๆ แต่มันยังสวาปามเลือดและเนื้อสดๆ ของเหยื่อทั้งที่ยังเป็นๆ อีกด้วย”
ระหว่างรอการมาถึงของนักโทษ ชาวเมืองคอร์วัสและคนจากเมืองอื่น ต่างมายืนชมการแสดงตำนานอสุรกายแห่งโคเว่น ซึ่งจัดแสดงอยู่บนเวทีที่จะใช้ทำการไต่สวน มีกางเขนดำที่ถูกฝังลงไปในพื้นดินของจัตุรัส ตีล้อมด้วยไม้ระแนงล้อมกรอบอีกที เป็นฉากหลัง
หลายคนสนุกสนานเพลิดเพลินไปกับการแสดง แต่หลายคนกลับเศร้าโศกเสียใจ เพราะนอกจากจะร่ำไห้ให้กับเจ้าเมืองแล้ว ในบรรดาบ่าวรับใช้ที่ตายกันอยู่ในเหตุการณ์สังหารหมู่ตระกูลโคเว่นนั้น มีลูกหลานเครือญาติของพวกเขาอยู่ จึงสร้างความไม่พอใจให้กับคนบางส่วนเป็นอย่างมาก
“แต่แล้ว ขณะที่บรรพบุรุษของพวกเรากำลังสิ้นหวัง ได้มีชายลึกลับผู้หนึ่งปรากฏกาย เข้าต่อกรกับเจ้าอสุรกายด้วยดาบฆ่ามังกรเล่มใหญ่ เวทมนตร์ปะทะเวทมนตร์ เลือดเนื้อปะทะเลือดเนื้อ สงครามระหว่างตระกูลโคเว่นผู้ครอบครองพลังแห่งเทพเจ้ากับตัวแทนของตระกูลอาร์ชิบอลด์ ซึ่งเป็นเพียงแค่มนุษย์ธรรมดา ดำเนินไปอย่างดุเดือด อสุรกายแห่งโคเว่นได้บันดาลให้เกิดฟ้าฝนแปรปรวน จนแม้ไฟบรรลัยกัลป์ก็มิอาจทำอะไรมันได้ ทว่านั่นไม่ได้ทำให้ชายลึกลับจากแดนไกลหวั่นเกรง เขากลับมุ่งหน้าฝ่าเงามืดทะมึนนั้นเข้าไปถึงใจกลางของอสุรกาย และสังหารมันได้ในที่สุด วิญญาณถูกผนึกด้วยโซ่ตรวน บ้านเมืองกลับสู่ความสงบ และอาณาจักรของเราจึงได้ทำสนธิสัญญา ตระกูลโคเว่นให้สัตย์สาบานว่า จักไม่ยุ่งเกี่ยวกับไสยเวทมนตร์ดำอีก จักไม่มีการอัญเชิญวิญญาณใดมายังโลกนี้ กางเขนดำจึงถูกนำไปเก็บไว้ใต้ปราสาทคอร์วินัส และบัดนี้มันได้มาอยู่ตรงหน้าพวกเจ้าแล้ว”
การแสดงยังคงดำเนินต่อไป ทว่าระหว่างทำการแสดงอยู่นั้น พวกชาวบ้านบางส่วนได้ตรงเข้าไปทำร้ายทหารอาร์ชิบอลด์จนเกิดการปะทะกัน คราวนี้ไม่มีใครสนใจเรื่องราวบนเวทีแล้ว ทุกคนเริ่มหันมามุงดูเหตุการณ์ด้านล่างแทน ทหารอาร์ชิบอลด์จ่อปืนเข้าหากลุ่มชาวบ้านซึ่งเป็นญาติของผู้สูญเสียพลางข่มขู่ไม่ให้พวกเขาเข้ามา
จากเสียงวุ่นวายด้านล่างหน้าปะรำพิธี ทำให้ลอร์ดวิลเลี่ยม อาร์ชิบอลด์ และภรรยา เลดี้มาเดอลีน เซเลสต์ รวมถึงแขกเหรื่อที่เป็นชนชั้นสูงคนอื่นๆ ในห้องของอาคารสูงสามชั้นฝั่งตรงข้าม ถึงกับหันไปมองยังนอกหน้าต่าง ชาวบ้านบางส่วนเริ่มก่อจลาจล ทหารอาร์ชิบอลด์เริ่มลงมือทุบทำร้าย เกิดการต่อสู้ปะทะกันจนวุ่นวายไปหมด
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย แล้วเจ้าโลเทรคเมื่อไหร่มันจะโผล่หัวมาซะที มัวเล่นสนุกกับนักโทษอยู่ได้” ลอร์ดวิลเลี่ยม โลเทรค บ่นอุบ พลางเหลือบสายตามองไปยังบีอาทริเช่ เดส์ ลูมิเยร์ ที่กำลังนั่งจิบชาอยู่ตรงชุดโซฟาแถวมุมห้อง โดยมีสาวใช้อุ้มบุตรชายของอาชชี่ โคเว่น นั่งอยู่ข้างๆ
ทั้งหญิงสาวสวยภรรยาของศัตรูและชายสูงวัยในชุดทหารเต็มยศ ต่างสบตากันราวกับรู้อะไรบางอย่าง ก่อนที่ลอร์ดวิลเลี่ยม อาร์ชิบอลด์ จะยื่นหน้าออกไปนอกหน้าต่างหันซ้ายแลขวาหาบุตรชายตน
ไม่ช้าจึงเห็นโลเทรค อาร์ชิบอลด์ บุตรชายคนโตสวมชุดสีน้ำตาลอ่อนตัดด้วยสีขาวสะอาดตาและรองเท้าบูตพับใต้เข่าสีน้ำตาล ควบม้าสีดำปลอดลอดซุ้มโค้งใต้อาคารซึ่งเป็นทางเข้าจัตุรัสจากเส้นทางนอกเมือง ฝ่าเข้ามากลางฝูงชน พร้อมยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อเป็นการข่มขู่
ไม่ไกลจากด้านหลังของเขา คือขบวนรถม้าของศาสนจักร ต่อด้วยขบวนรถม้าบรรทุกกรงขังนักโทษพร้อมทหารกลุ่มใหญ่ขี่ม้าขนาบข้าง
“ใครมีปัญหากับตระกูลอาร์ชิบอลด์และกลุ่มตุลาการศาล ข้าจะจับขึ้นไปแขวนคอเสียบนปะรำพิธีนั่น ไหน...ยังมีใครหน้าไหนที่ทำงานให้กับตระกูลโคเว่นอีกมั้ย!” โลเทรคชักดาบขึ้นมากวาดไปรอบๆ กลุ่มชาวบ้าน
“หากยินดีที่จะรับใช้ตระกูลพ่อมดแม่มดนั้นต่อ ข้าจะถือว่าเจ้าตั้งตนเป็นปฏิปักษ์กับบ้านเมือง และจะต้องได้รับโทษตายตกไปตามกัน!”
ความคิดเห็น