NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ร่างทรงปิศาจ The Hell I Have Become

    ลำดับตอนที่ #24 : สู้ด้วยไฟ (Burn it!) 2/2

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.ย. 64


     

    เนื้อหานี้เป็นเรื่องแต่ง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ หน่วยงานนั้นๆ หรือบุคคลจริงๆ เขียนขึ้นจากจินตนาการของผู้แต่ง แม้เป็นบรรยากาศย้อนยุค แต่สภาพสังคมและทัศนคติหลายอย่างนั้นเขียนขึ้นจากความเข้าใจตามโลกปัจจุบัน ทั้งนี้เพราะไม่ใช่งานเขียนสะท้อนสังคม และข้อมูลหลายอย่างอาจไม่ตรง หรือถูกบิดเบือนไปบ้างเพื่อความลื่นไหลในการเขียน และไม่กระทบเส้นเรือง ขออภัยหากมีข้อผิดพลาด

    (Trigger Warning! นิยายเรื่องนี้มีการนำเสนอพฤติกรรมการใช้ความรุนแรงทางกาย ทางเพศ และทางจิตใจ)

    ตอนที่ 23 มีการใช้ความรุนแรง

     

     

    "ยิงเข้าไปอย่าหยุด!"

    โลเทรคร้องสั่งทหารทุกนาย พลางควักมีดตัดสายหนังถอดเกราะเหล็กบุบบี้ตรงลำตัวทิ้งเพิ่มความคล่องแคล่ว

    เขากระอักไอเล็กน้อยด้วยยังมีอาการจุกอยู่ ก่อนวิ่งเลาะหลบเปลวไฟมาคว้าขวดเหล้าใกล้มือแล้วเขวี้ยงเข้าใส่มันทันที ทหารอีกหลายสิบตามมาสมทบ ทุกนายต่างระดมขว้างขวดเหล้าเข้าใส่เติมเชื้อไฟให้ยิ่งลุกกระพือโหม เนินซากปรักหักพังกลายเป็นทะเลเพลิงไปแล้วอย่างสมบูรณ์ ปิศาจอาชชี่ โคเว่นกรีดร้องคำรามด้วยความทรมาน มันพยายามที่จะบินขึ้น แต่ปีกนั้นติดไฟชุ่มโชกด้วยน้ำมัน ซ้ำยังถูกตรึงด้วยโซ่นับสิบๆ เส้นอย่างแน่นหนา ค่อยๆ ทรุดร่างลงนั่งคุกเข่าด้วยความทรมาน กางสองแขนออกข้างลำตัว มองขึ้นไปบนฟากฟ้า เมฆสีแดงคล้ำเริ่มก่อตัว เสียงสวดภาษาโบราณจากปากของวิญญาณนับสิบดังก้องอยู่ในหัว เมฆฝนหนักสีแดงฉานยามค่ำคืนเคลื่อนตัวชนกันจนเกิดเสียงคำรามครืนใหญ่ดังแว่วมาแต่ไกล ลมพายุเริ่มพัดโหมกระหน่ำ ชายหนุ่มผมทองแหงนหน้ามองฟ้าด้วยรู้สึกหวาดหวั่นกับการมาของบางสิ่ง

    “ไม่ๆๆๆๆ ม่ายยยยย!”

    เขาส่ายหน้าบอกกับตัวเองก่อนเร่งให้ทหารทุกนายระดมโจมตีมันด้วยทุกอย่างที่มี โลเทรควิ่งหลบเข้ามายังในกำแพงแล้วคว้าธนูไฟขึ้นช่วยทหารใต้บัญชาระดมยิงเข้าใส่อีกแรง

    “ยิงเข้าไป อย่าหยุด มันกำลังจะเรียกฝนมา!”

    อาชชี่ โคเว่น ทั้งถูกเผาและถูกยิงจนร่างกายเละเทะ ธนูนับสิบเสียบตามลำตัวจนแทบไม่มีพื้นที่ว่าง มันกระอักเลือดสีดำข้นคลั่กออกมา ผิวหนังไหม้หลุดลอกร่อนปีกพังผืดค่อยๆ ฉีกขาดจนเหลือแต่โครง และแล้วหยาดฝนเม็ดแรกจึงร่วงหล่นกระทบผิว ปิศาจร่างกายยับเยินเงยหน้าอ้าปากรับความชุ่มฉ่ำนั้น โลเทรคที่กำลังง้างธนูสัมผัสได้ถึงเม็ดฝนตกกระทบใบหน้าระรัวถี่ขึ้นทุกทีจนดังกลบเสียงอื่น ทุกอย่างไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ครั้นจะฝ่าเปลวเพลิงเข้าไปก็คงไม่ไหว ร่างของเขาชุ่มด้วยน้ำมัน แต่แล้วชายหนุ่มจึงนึกได้

    “ตกมาก็ดีเหมือนกัน…” เขาสำรวจมองร่างกายเปียกปอนของตน พลางคิดว่าน้ำฝนคงช่วยทานความไวไฟของเชื้อเพลิงได้บ้าง จึงยกสองนิ้วเป่าปากเรียกม้าหนุ่มสีดำปลอดทันที

    “...อาร์แท็กซ์!” เขาเป่าปากตะโกนเรียกชื่อม้าตัวโปรด

    เมื่อม้าห้อตะบึงมาหยุดยืนใกล้เขา ชายหนุ่มจึงรีบลงจากกำแพงทางบันไดที่พาดอยู่ไม่ไกล แล้วกระโดดขึ้นหลังมันทันทีพร้อมควงดาบเล่มใหญ่ในมือ

    “โยนถังน้ำมันเข้าไปเลยยย!”

    เขาตะโกนร้องบอกจนสุดเสียงฝ่าสายฝนก่อนควบม้าออกไป เหล่าทหารรีบทำตามคำสั่งโดยนำถังไม้โอ๊คนับสิบไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนกลิ้งหรือโยนเข้าไปหา ณ จุดที่ปิศาจนั่งอยู่ สายฝนหวดกระหน่ำสู้เปลวเพลิง ร่างปิศาจเกิดควันคลุ้งโขมง มันค่อยๆ ลุกขึ้น ขืนแรงกระชากจากโซ่รัดตรึงของกลุ่มทหาร ที่กำลังบังคับม้าให้พุ่งออกไปกันคนละทิศ หวังกระชากปิศาจให้หลุดเป็นชิ้นๆ

    อสูรหนุ่มเร่งฟื้นฟูร่างกายแข่งกับเปลวเพลิงเผาผลาญ ใช้สองมือรวบจับโซ่ทั้งหมดทุกเส้น ฝืนเกร็งกล้ามเนื้อเพื่อไม่ให้อวัยวะส่วนใดถูกกระชากขาด ระหว่างมองเห็นรถบรรทุกถังน้ำมันกำลังวิ่งวนรอบตัว ทหารอาร์ชิบอลด์ที่ยืนอยู่บนนั้นลงดาบตัดเชือกปล่อยถังไม้โอ๊คบรรจุน้ำมันหลายถัง กลิ้งกระเด็นกระดอนเข้ามาอัดร่างนั้น ปิศาจพลันม้วนโซ่นับสิบเข้ากับแขนแล้วยกขึ้นกัน ทหารม้ายิ่งกระตุกบังเหียนให้เดินหน้าต้านแรงกระชาก ถังน้ำมันนับสิบกลิ้งเข้ามาชนร่างปิศาจแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ สายน้ำมันกระฉอกสาดราดรด จนเปลวเพลิงยิ่งลุกโหมหนักราวกับม่านไฟ

     

    โลเทรค อาร์ชิบอลด์ ได้ทีบังคับม้าฝ่าเปลวเพลิงเข้ามาท่ามกลางสายฝน ควงดาบยาวใหญ่ฟันคอปิศาจหนุ่ม แต่แม้มันจะอยู่ในสภาพสะบักสะบอมก็กลับไหวตัวทัน จึงก้มตัวหลบแล้ววาดแขนตะปบกรงเล็บหวดทั้งร่างคนและม้าจนกระเด็น ชายหนุ่มผมทองถูกแรงเหวี่ยงหลุดลอยละลิ่วจากหลังม้า กลิ้งไปตามเนินลาดร่างกระแทกเข้ากับต้นไม้ ซากม้าไส้ไหลตัวใหญ่กระทบพื้นทีหลังไถลตามลงมา โลเทรครีบยกดาบเสียบเพื่อหยุดไว้ด้วยสัญชาตญาณ เนื้อตัวสั่นสะท้านรอดจากการถูกอัดกับโคนต้นไม้ซ้ำได้อย่างหวุดหวิด

    ปิศาจอาชชี่ โคเว่นทำอะไรไม่ได้มากนักเพราะถูกโซ่ที่เชื่อมติดกับปลายลูกธนูขนาดใหญ่รัดรึงอยู่พร้อมจะกระชากร่างขาดได้ทุกเมื่อ ทหารอาร์ชิบอลด์นับร้อยเห็นดังนั้นจึงเดินหน้ายิงธนูและปาระเบิดเพลิงเข้าใส่มันอย่างไม่หยุดยั้ง บางส่วนชักดาบออกมาแล้วนัดแนะกันวิ่งเข้าหาปิศาจทันทีเมื่อเห็นไฟค่อยๆ มอดลง

    “ตัดคอมันเลย!!!” เหล่าทหารร้องตะโกนกึกก้อง

    โดยไม่ทันสังเกตว่ามันกำลังดึงโซ่เหล่านั้นด้วยพละกำลังที่พอมีแล้วออกแรงเหวี่ยงหมุนวนรอบตัว กวาดเอาทหารทุกคนที่เฮละโลเข้ามาหวังรุมสังหารมันจนล้มระเนระนาด ทหารม้าที่พยายามยื้ออยู่ไม่อาจทานกำลังปิศาจอีกต่อไป พวกเขากระเด็นหลุดจากหลังม้ากระดอนกันไปคนละทิศ โซ่ที่เกี่ยวกับอานหลุดขาด ม้าศึกหลายตัวกระเด็นตามไปด้วยเช่นกัน

    ปิศาจหนุ่มยืนโงนเงนก่อนยกแขนขึ้นตัดปลายลูกธนูนับสิบดอกบนตัวออก ทว่าร่างกายของมันยังไม่สมบูรณ์พอจะขับของเหล่านั้นออกไปได้ ดีที่ไฟเริ่มมอดดับสวนกันกับสายฝนกระหน่ำแรง และของเล่นที่พวกอาร์ชิบอลด์เตรียมมาเริ่มร่อยหรอ มันสะบัดหัวไล่ความเจ็บปวด มองดูสภาพเละเทะของตนแล้วจึงเริ่มพึมพำเป็นเสียงคำรามแหบต่ำในลำคอ

    ‘ไม่ไหว ต้องกินแล้ว!’

    คิดได้ดังนั้นจึงไม่รอช้าลากโซ่หวดใส่ร่างเหล่าทหารที่นอนสะบักสะบอมตามพื้นหญ้าไหม้เกรียม ก่อนทิ้งเข่าลงกับร่างทหารกดไว้แล้วก้มกัดคอ

    “อ๊าากกกก!! ม่ายยย!! ช่วยด้วยยย!!”

    เสียงทหารกรีดร้องโหยหวนขณะโดนปิศาจขย้ำจนจมเคี้ยว มันสะบัดหัวไปมาฉีกกระชากเนื้อและเส้นเอ็นจนหลุดขาด กลืนกินเนื้อสดๆ อย่างหิวโหย แล้วก้มลงดึงทึ้งคอของร่างแน่นิ่งนั้นอีกครั้งจนหลุดแยกออกจากตัว คาบขึ้นมาในปากสักพักจึงถ่มทิ้ง หัวกระเด็นกลิ้งมาตกต่อหน้าเพื่อนทหารจนแตกตื่นอื้ออึงไปตามๆ กัน

    แม้จะมีทหารหลายนายตายจากแรงกระแทกเมื่อครู่นี้ แต่ยังมีอีกหลายร้อยที่กำลังค่อยๆ ลุกขึ้นยืน มองเห็นเพื่อนทหารหอบร่างหนีปิศาจอาชชี่ โคเว่นด้วยความกลัวสุดขีด ไฟมอดดับลงแล้วอย่างสมบูรณ์ ทหารที่อยู่รอบนอกรัศมีรีบรวบรวมระเบิดเพลิงแล้วเขวี้ยงเข้าใส่ ปิศาจเงยหน้าพลันโยกตัวหลบ เปลวไฟลุกไหม้ติดร่างเพื่อนทหารที่นอนบาดเจ็บอยู่แทนจนดีดดิ้นกลิ้งไปมา ก่อนหันไปคว้าขาทหารใกล้มือที่ทำท่าว่าจะลุกหนีลากเข้ามากัดกร๊วมที่เอ็นข้อเท้า ฉีกกระชากเนื้อหนัง พ่นเศษเสื้อผ้าทิ้งก่อนจะเคี้ยวแล้วขย้อนลงท้อง

    หลายคนเริ่มหาทางวิ่งหนี แต่บางคนกลับนั่งนิ่งมองตาค้าง พวกที่มีสติรีบตั้งหลักโจมตีปิศาจด้วยระเบิดเพลิงมาจากบนกำแพง แต่คราวนี้มันรับไว้แล้วปากลับคืน ขวดเหล้าติดไฟกระแทกเข้ากับสันกำแพงชั้นนอกแตกกระจาย สะเก็ดไฟกระเด็นมาสะกิดลังใส่ขวดเหล้าที่เหลือจนติดไฟลุกพรึ่บ ทหารที่อยู่บนนั้นต่างวิ่งหนี บางคนหลบไม่ทันโดนไฟลุกท่วมร่างทันที บ้างกระโดดลงมาจนขาหักแต่ยังฝืนวิ่งกะโผลกกะเผลกต่อ

    ฝนยังคงตกอยู่อย่างต่อเนื่องแต่ค่อยๆ ลดความแรงลงจนเหลือเพียงแค่ตกปรอยๆ เสียงบรรยากาศรอบด้านเริ่มกลับมาชัดเจนอีกครั้งหลังถูกเสียงฝนกลบมาครู่ใหญ่ ขับให้เสียงร้องโหยหวนของเหล่าทหารที่โดนฉีกทึ้งหวีดแหลมยิ่งดังระงมไปทั่วบริเวณ

    โลเทรค อาร์ชิบอลด์ พาร่างบอบช้ำก้มลงกระชากดาบออกจากท้องม้าคลานกลับขึ้นมาบนเนิน สองหูยินเสียงร้องโหยหวน ก่อนประจักษ์ชัดถึงความเป็นไปในตอนนี้แล้วว่า ฝั่งตนกำลังเพลี่ยงพล้ำจนนำไปสู่ความสูญเสียครั้งใหญ่ เขาเบิกตาโพลงจ้องมองนรกบนผืนหญ้าไหม้เกรียมนั้นอย่างไม่เชื่อสายตา ปิศาจอาชชี่ โคเว่นกำลังไล่ฉีกกระชากร่างทหารของเขานับร้อยจนกระจุยกระจายเป็นเศษเนื้อ หนำซ้ำยังสาวไส้ ควักหัวใจ ออกมากัดกิน ใช้ฟันกัดแทะแขนและขาสะบัดไปมาราวกับสัตว์ร้ายเฝ้าประตูนรก

    “พระเจ้า...กินคนด้วยเหรอเนี่ย….” ชายหนุ่มผมทองร่างสั่นสะท้านด้วยความพรั่นพรึง

    ระหว่างฟังเสียงเนื้อและกระดูกถูกบดขย้ำ หางตาของเขาสังเกตเห็นทหารม้าและทหารเดินเท้าบางส่วนรีบผละถอยหนีหายลับไปกับอากาศขมุกขมัวหลังฝนตก

    “เดี๋ยวสิ! อย่าเพิ่งไป! ข้ายังไม่ได้สั่งให้ถอย!”

    เมื่อสิ้นเสียงของตนแล้วจึงตระหนักได้ว่าบัดนี้บนเนินซากปราสาทคอร์วินัส ตกอยู่ในความเงียบสงัดโดยสมบูรณ์ ไม่มีแม้เสียงร้องโหยหวนอีกต่อไป กลับมีแต่เพียงเสียงหายใจของตนดังเข้าออก และเสียงสืบเท้าดังสวบสาบ ส่งให้เลือดในกายของโลเทรคยิ่งสูบฉีดพล่านจนหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ขนตามร่างกายลุกชูชันระหว่างส่งสายตามองเห็นร่างอาชชี่ โคเว่น กลับมาสมบูรณ์แบบอีกครั้งแม้อยู่ในเงามืด มันกางปีกกระพือขึ้นลงเบาๆ ขณะมองหาเขาอย่างใจเย็น

    ทันใดนั้นชายหนุ่มจึงฉุกคิดถึงระเบิดที่นักบวชเพี้ยนนั่นให้ไว้ก่อนจาก เขารีบคลานกลับมายังซากม้าแล้วค้นข้าวของ คว้ากระเป๋าบรรจุปืนมอร์ทาร์ เอาดาบใหญ่เสียบเข้าไปเก็บไว้ในซองหนังห้อยดาบแล้วแกะออกจากอานม้านำมาสะพายพาดลำตัว พลันรีบวิ่งไปอย่างไร้จุดหมายเพื่อตั้งสติ

    ชายหนุ่มบุตรแห่งอาร์ชิบอลด์วิ่งและวิ่งแม้ร่างบาดเจ็บจะอ่อนล้า จนมาถึงลำธารตื้นเขินแบ่งอาณาเขตเมืองกับชายป่า ห่างออกมาจากซากปราสาทคอร์วินัสไกลพอสมควร

    “ข้าวิ่งมาถึงนี่เลยหรือ…” ชายหนุ่มเหลียวซ้ายแลขวาทรุดร่างลงนั่งหลบใต้ต้นไม้ใหญ่ใกล้ลำธาร ชักดาบออกมาจากซองหนังกระชับมั่นไว้ในมือ พ่นลมหายใจสีขาวหอบถี่

    "จะหนีหรือจะสู้...ข้าไม่รู้...ข้าไม่รู้..." เขาส่ายหน้าพึมพำกับตัวเอง แววตาสั่นไหว ความมั่นใจเหือดหายสิ้น คงเหลือแต่เพียงความประหวั่นพรั่นพรึงอย่างที่เขาไม่เคยนึกฝันมาก่อนว่าจะได้สัมผัส ความรู้สึกนี้ช่างใกล้เคียงกับครั้งแรกเมื่อเริ่มออกรบตอนอายุได้เพียงสิบห้าปี

    “ท่านพ่อ...ท่านพ่อ….” โลเทรค อาร์ชิบอลด์ ยกนิ้วขึ้นแทะเล็มเล็บของตนอย่างไม่รู้ตัว น้ำตาซึมไหลมาตามร่องแก้ม ริมฝีปากฟกช้ำสั่นระริกขณะขยับริมฝีปากร้องเรียกหาคนที่ไม่มีวันยืนอยู่ข้างเขา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×