NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ร่างทรงปิศาจ The Hell I Have Become

    ลำดับตอนที่ #23 : สู้ด้วยไฟ (Burn it!) 1/2

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.ย. 64


     

    เนื้อหานี้เป็นเรื่องแต่ง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ หน่วยงานนั้นๆ หรือบุคคลจริงๆ เขียนขึ้นจากจินตนาการของผู้แต่ง แม้เป็นบรรยากาศย้อนยุค แต่สภาพสังคมและทัศนคติหลายอย่างนั้นเขียนขึ้นจากความเข้าใจตามโลกปัจจุบัน ทั้งนี้เพราะไม่ใช่งานเขียนสะท้อนสังคม และข้อมูลหลายอย่างอาจไม่ตรง หรือถูกบิดเบือนไปบ้างเพื่อความลื่นไหลในการเขียน และไม่กระทบเส้นเรือง ขออภัยหากมีข้อผิดพลาด

    (Trigger Warning!นิยายเรื่องนี้มีการนำเสนอพฤติกรรมการใช้ความรุนแรงทางกาย ทางเพศ และทางจิตใจ)

    ตอนที่ 22 มีความรุนแรง

     

    สภาพของอาชชี่ โคเว่นในตอนนี้ทำให้ทั้งลอดิสและเอเดรียนต่างรู้สึกประหลาดใจและเศร้าใจไปพร้อมๆ กัน ชายหนุ่มนั่งคุดคู้อยู่ที่พื้นร่างกายสั่นเทาราวกับกำลังพยายามทำตัวให้ลีบเล็กที่สุด หญิงสาวหันมามองหน้าเอเดรียนสักพักก่อนตัดสินใจเดินเข้าไปนั่งใกล้ๆ ร่างนั้น นางยกมือปัดปอยผมดำยาวของเขาขึ้นทัดหู ไล้ใบหน้าคมซีดเซียวอย่างแผ่วเบาด้วยความปวดร้าวที่เห็นนายท่านผู้งามสง่าคนนั้นกลับกลายเป็นเช่นนี้

    “....พวกอาร์ชิบอลด์ทำอะไรท่าน....พวกมันทำอะไรท่าน...” ลอดิสยกมือปิดปากเริ่มร้องไห้ตาม “ถ้าจะเป็นแบบนี้อย่ากลับมาเสียดีกว่า…”

    อาชชี่ โคเว่น ไม่รับรู้สิ่งใดแล้วนอกจากภาพในช่วงเวลาก่อนสิ้นชีวิตของตน การถูกตรวจหาร่องรอยปิศาจต่อหน้าประชาชนของบาทหลวงเฒ่าทำให้เขาอับอาย

    ‘เผาอาชชี่ โคเว่น ไม่เอาปิศาจ! ’ เสียงชาวบ้านกระหึ่มทั่วลานประหาร

    ชายหนุ่มสะดุ้งตัวพลันสะบัดหน้ากวาดสายตามองผู้คนที่อยู่เบื้องล่างด้วยดวงตาเบิกโพลง

    “ข้าไม่ใช่ปิศาจ…” เขาสั่นหัว

    ในแม่น้ำสีดำ น้องสาวและบิดารวมถึงบรรพบุรุษที่ล้อมวงรุมกดชายหนุ่มจนจมน้ำค่อยๆ ถอยห่าง เปิดทางให้ร่างขาวซีดเปลือยเปล่าผุดลอยขึ้นมา ผู้เป็นบิดาเหยียดยิ้มจ้องมองบุตรชายก่อนเหลียวมองครอบครัวของตนแล้วเริ่มกล่าวคำว่า ‘วินดิคต้า (vindicta) ’ ซ้ำไปซ้ำมา เป็นต้นเสียงนำพาบรรพบุรุษทุกตนให้กล่าวคำนี้ตามจนดังกระหึ่มก้องกังวานทั่วคุ้งน้ำ คาเธรีน่าน้องสาวของเขาก้มหน้าลงตะโกนร้องคำเดียวกันนี้กรอกหูเขา

    ‘วินดิคต้า! วินดิคต้า! ’

    เลือดสีดำรินหลั่งออกมาจากใบหน้าขาวซีดของคนเหล่านั้น ขณะเปิดทางให้อีกาเรเวนตัวใหญ่มหึมากระพือปีกบินมาหาค่อยๆ ร่อนลงกางกรงเล็บสีดำเมี่ยมโฉบร่างชายหนุ่มขึ้นจากน้ำ

    อาชชี่ โคเว่นหายใจเฮือกใหญ่ลืมตาขึ้น มองเห็นครอบครัวล้อมวงจับมือกันเฝ้ามองเขาถูกพาตัวกลับไปหาเจ้าอสุรกายที่ดิ้นรนอยู่ในสนามรบ

    ระหว่างลอยสูงขึ้นจากน้ำ เขามองเห็นภาพสะท้อนของเจ้าโลเทรค อาร์ชิบอลด์ กำลังชูแผ่นหนังใบหน้าของใครบางคนอยู่ ตะโกนท้าทายเขาจากในโลกอีกฟาก ตรงพื้นใกล้เท้าของมันมีศพบีอาทริเช่ เมียรัก ถูกขุดขึ้นมาจากหลุม สภาพนั้นเละเทะไม่น่ามอง

    “ออกมาสิโว้ยยย! ไอ้อาชชี่ โคเว่น! มัวหดหัวอยู่ที่ไหน! ”

    ชายหนุ่มกัดฟันกรอดด้วยความเคียดแค้นก่อนสะบัดหน้ามองตรงไป เห็นเจ้าอสุรกายกระชากโซ่ตรวนที่ตรึงมันอยู่ทิ้ง ก่อนวาดมือใหญ่มหึมาเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อเคลื่อนไหวยวบหยุ่นดุจมีชีวิตขึ้นคว้าร่างเขา อีกาคลายกรงเล็บ ปล่อยร่างชายหนุ่มลงสู่เงื้อมมือของอสุรกาย

    ‘บัง...อาจ...ขัง...ข้า…’ มันคำรามร้องด้วยความฉุนเฉียว พลันบีบร่างนั้น แต่อาชชี่ โคเว่นกลับส่งสายตาท้าทายมัน

    ‘โลกของข้า...กฎของข้า…’ เขาเค้นเสียงคำรามตอบ จ้องมองฟันแหลมคมเรียงเต็มพรืดในปากอ้ากว้าง ระหว่างถูกโยนหายลับเข้าไปในตัวมันสู่ความมืดดำอนธการ

     

    ชายหนุ่มอาเจียนพ่นเอาของเหลวสีดำออกมาก่อนลงไปนอนชักดิ้นชักงอที่พื้น ทั้งลอดิสและเอเดรียนต่างสะดุ้งตกใจไปตามๆ กัน ฝ่ายหญิงสาวนั้นพยายามตั้งสติเอื้อมมือสั่นเทาไปสัมผัสร่างทุกข์ทรมาน เอเดรียนยังไม่เคยเห็นเขาในสภาพนี้มาก่อน แต่พอจะเดาออกว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป จึงรีบตรงเข้ามาดึงตัวนางถอยออกห่างจากเขา อาชชี่กระตุกร่างเหยียดเกร็งสักพักก่อนพลิกตัวกลับมาคลานสี่ขา แล้วยืดตัวขึ้นนั่งคุกเข่า สะบัดมืองอกกรงเล็บสีดำยาว บิดกายเร่าเพื่อดันปีกให้ทิ่มแทงออกทางแผ่นหลัง พลางค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ระหว่างนั้นแมกจิโอน้อยส่งเสียงร้องไห้กระจองอแง บิดาของเขากลอกดวงตามอง เอเดรียนรีบหันมาหาหนูน้อยด้วยความเป็นห่วง หางตาเห็นชายหนุ่มวิ่งผ่านหลังตรงไปถีบประตู มิวายหยุดกวาดมองพวกเขาทุกคนเล็กน้อยอย่างอาวรณ์ จิกกรงเล็บกับกรอบประตูทั้งสองด้านแน่น

    “ขอโทษ…” เขาเปล่งน้ำเสียงทุ้มต่ำแหบพร่าอย่างปวดร้าว ก่อนพุ่งออกไปกางปีกทะยานร่างขึ้นสู่ฟากฟ้า กรอบประตูไม้ทั้งสองด้านหักพังเป็นรอยเล็บครูดจนเศษไม้ปลิวว่อนกระจัดกระจาย ลมวูบใหญ่พายพัดผ่านปะทะหน้าทั้งลอดิสและเอเดรียนจนเส้นผมสะบัดปลิว ทั้งสองรีบยกมือป้องตาสักพักจึงรีบวิ่งตามมาชะเง้อมองเบียดร่างกันอยู่ตรงประตูโดยไม่ได้นัดหมาย ทันเห็นร่างปิศาจหนุ่มกระพือปีกพังผืดสีดำหายลับจากยอดไม้ ทิ้งไว้แต่เพียงเสียงคำรามกึกก้องสะท้อนกลับไปมา

    “เขาทำประตูบ้านข้าพัง…” ลอดิสใช้นิ้วปาดป้ายน้ำตา เอเดรียนก้มลงมองกลอนและสลักยึดประตูที่หลุดออกจนบานประตูตกห้อย

    “นั่นนายท่านเหรอ? ...” เสียงๆ หนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลัง ทั้งสองคนหันไปมอง พบแฮมมอนด์ฟื้นจากอาการไข้ กำลังยืนส่งสายตามองออกไปด้านนอกอย่างตกตะลึงด้วยเช่นกัน

     

    บนเนินซากปราสาทคอร์วินัส ในที่สุดทุกคนรวมถึงโลเทรคก็ได้ยินเสียงคำรามร้องกึกก้องตอบรับคำท้าทาย โลเทรค อาร์ชิบอลด์รีบทิ้งหนังหัวมนุษย์แล้วปีนกลับขึ้นมาบนสะพาน บังคับม้าตรงมายังห้องโถงที่มีหลุมขนาดใหญ่

    “แค้นข้านักใช่ไหม! มาเลยไอ้เวรตะไล! ” ชายหนุ่มผมทองยังตะโกนท้าทายไม่หยุด ขณะทหารทุกคนต่างชะเง้อชะแง้มองหาทิศทางของต้นเสียง

    ทหารบนซากหอคอยซึ่งเป็นจุดสูงที่สุดของปราสาทคอร์วินัส เพ่งสายตาฝ่าม่านหมอกจางๆ ยามค่ำคืน เห็นเงาตะคุ่มคล้ายนกขนาดใหญ่กระพือปีกบินมาแต่ไกลท่ามกลางแสงจันทร์ส่องสว่าง จะเป็นสิ่งมีชีวิตอื่นใดมิได้นอกเสียจากปิศาจอาชชี่ โคเว่น!

    “ปิศาจมาแล้ววว! มันมาแล้ววว! ” เขาชี้นิ้วตะโกนร้องบอกทุกคนที่อยู่เบื้องล่าง

    เสียงร้องคำรามดังกึกก้องใกล้เข้ามาทุกที ปลุกทหารทุกคนที่ประจำอยู่บริเวณระเบียงชั้นสองของปราสาทรอบหอคอยให้รีบเตรียมขึ้นสายธนูชุบน้ำมัน เพื่อนทหารนายหนึ่งวิ่งถือคบเพลิงไล่จุดไฟให้ทีละคนอย่างรวดเร็ว ไม่ช้าปิศาจจึงเคลื่อนเข้ามาใกล้พอจะอยู่ในระยะโจมตี ทหารบนหอคอยรวมถึงทหารทุกนายไม่รอช้า ปล่อยลูกธนูเพลิงดีดผึงพุ่งเข้าใส่มันอย่างรวดเร็ว เจ้าปิศาจผมดำสะบัดตัวหลบห่าธนู ก่อนลู่ปีกแล้วถลาร่อนเข้าหาทหารหาญบนหอคอยสูงเป็นจุดแรก มันกางกรงเล็บแหลมเกี่ยวขอบหน้าต่างหอคอยแล้วกระโดดเข้ามาด้านใน พบทหารอาร์ชิบอลด์อีกสี่นายประจำอยู่ในพื้นที่หอสังเกตการณ์ซึ่งมีขนาดพอๆ กับห้องนอนเล็กๆ พวกเขาลนลานจ่อธนูไฟยิงใส่ปิศาจอาชชี่ โคเว่น ทว่ามันกลับรีบยกปีกขึ้นกันแล้วสะบัดธนูทิ้ง ก่อนพุ่งเข้าเสียบทหารที่ใกล้มือที่สุด เหวี่ยงร่างนั้นไปรอบๆ ฟาดคนที่เหลือจนกระเด็นกันไปคนละทิศ ไม่ทันได้ตอบโต้

    ทหารที่ขึ้นสายธนูรออยู่ตรงลานระเบียงชั้นสอง เงี่ยหูฟังเสียงหวีดร้องอย่างตื่นตระหนกก่อนแลเห็นร่างเพื่อนทหารร่วงตกลงมากระแทกที่พื้นเลือดสาดกระจาย ทุกคนวิ่งหลบกันจนเสียกระบวนกลายเป็นเพียงแค่เหยื่อชั้นดีให้ปิศาจอาชชี่ โคเว่น ที่กระโจนตามออกมาได้ไล่ล่าอย่างสนุก มันกางปีกถลาร่อนขนานไปกับพื้นพร้อมกางกรงเล็บแหลมเสียบร่างใครก็ตามที่กระโจนหลบไม่ทันแล้วสะบัดทิ้ง มีบางคนทำใจกล้าหมอบราบไปกับพื้นหลบพ้นเงื้อมมือปิศาจได้อย่างหวุดหวิด เขารีบวิ่งย้อนกลับไปยังจุดเติมของ คว้าคบเพลิงแล้วจุดไฟใส่ลังไม้บรรจุขวดเหล้าพลันเขวี้ยงทั้งหมดเข้าใส่ปิศาจทันทีที่มันบินกลับมาทางเขา อสุรกายหนุ่มปัดลังไม้ทิ้งก่อนพุ่งเข้าไปกระชากนายทหารคนสุดท้ายบนระเบียงจนตัวขาดครึ่ง เขวี้ยงซากร่างตกลงมายังด้านในห้องโถงใหญ่ที่โลเทรค อาร์ชิบอลด์ประจำอยู่ ชายผมทองผู้เป็นศัตรูมองชิ้นส่วนมนุษย์ร่วงตกลงมา ก่อนได้ยินเสียงกระพือปีกดัง ‘หวู่มมม’ สะท้อนก้องทั่วพื้นที่ห้องโถง จึงแหงนหน้ามองไปยังเบื้องบนพบปิศาจกระพือปีกโผขึ้นมายืนบนยอดหอคอย มันค่อยๆ ย่อตัวลงระหว่างลู่ปีกไปด้านหลัง กรีดยิ้มเย็นเยือกให้กับเขา

    ระหว่างนั้นทหารจากบนกำแพงรอบนอกที่อยู่ชั้นต่ำกว่าจึงระดมยิงธนูเข้าใส่จนท้องฟ้าสว่างวาบด้วยลูกไฟนับสิบดวง ปิศาจอาชชี่ โคเว่น ทิ้งตัวลงมาจากยอดหอคอย พลิกร่างหงายมองเห็นห่าธนูพุ่งหวือแหวกฟ้ากำลังร่วงย้อยตกลงตาม จึงกระตุกปีกขึ้นกัน แล้วพลิกร่างกลับสะบัดธนูทิ้ง ก่อนพุ่งไปข้างหน้าบินเข้าหาเป้าหมายอย่างไม่ลดละ โลเทรคเห็นดังนั้นจึงรีบเอื้อมมือชักดาบออกมาจากซองหนังข้างอานม้า รอจนปิศาจบินเข้ามาใกล้พอสมควรแล้วจึงใช้ปลายดาบเขี่ยกระถางคบเพลิงรอบตัวให้ล้มลง เปลวไฟลามเลียลุกโหมทันทีด้วยมีน้ำมันราดรดพื้นรออยู่ก่อนแล้ว กลายเป็นทะเลเพลิงย่อมๆ ในบัดดล เขาชักม้าหันหลังกลับควบหนีออกจากห้องโถงผ่านมายังสะพานข้ามคูน้ำด้านนอก ปิศาจอาชชี่ โคเว่น หยุดชะงักพลันเปลี่ยนทิศพุ่งทะยานขึ้นสู่ฟ้าแทน

    โลเทรคห้อม้าตะบึงเร่งเร็วรี่ยกดาบฟันคบเพลิงในกระถางร่วงตกลงพื้นสะพานเป็นแถบๆ เปลวไฟลุกโหมลามเลียตามมา เขาแหงนหน้ามองเห็นร่างปิศาจกระพือปีกข้ามมาดักยังสะพานด้านหน้าแทน ชายหนุ่มรั้งบังเหียนมาด้านหลังด้วยความตกใจ ม้าสีดำปลอดตัวใหญ่ส่งเสียงร้องยกสองขาหน้าตะกุยอากาศ ทหารที่ซุ่มอยู่ภายนอกตามแนวกำแพงข้างประตู จุดไฟเข้ากับชนวนผ้าที่อุดปากขวดเหล้าแล้วระดมเขวี้ยงใส่ปิศาจทันที มันถึงกับสะดุ้งผงะเล็กน้อยแล้วรีบสะบัดปีกขึ้นกัน

    ระหว่างเห็นมันเสียหลัก ชายหนุ่มผมทองจึงไม่รอช้ากระทุ้งสองขาเข้าสีข้างม้า หวดสายบังเหียนโจนทะยานไปข้างหน้า แล้วควงดาบยาวใหญ่ฟาดเข้าใส่ปิศาจทันที เปลวไฟลุกติดปีกของอสูรหนุ่มเล็กน้อย มันงอกกรงเล็บคว้าใบดาบไว้ ก่อนกระพือปีกส่งร่างตนพุ่งขึ้นสูง โลเทรคเห็นท่าไม่ดีจึงยันเท้าเข้ากับร่างของมันเพื่อดึงดาบออก ทว่าปิศาจกลับหวดกรงเล็บสวน ชายหนุ่มรีบปล่อยมือจากด้ามดาบ ยกสองแขนที่มีเกราะเหล็กขึ้นกัน ผิวโลหะเสียดกับกรงเล็บคมจนเกิดประกายไฟแล่บ สนับแขนเหล็กโดนตบเสียบู้บี้ ร่างของเขาร่วงลงมาบนเนินหญ้าหน้าปราสาท เสียงดัง “อั่ก” หลังกระแทกพื้น นึกขอบคุณที่ตัดสินใจปล่อยมือก่อนจะถูกพาขึ้นสูงมากไปกว่านี้ เสื้อเกราะหนาหนักซับแรงกระแทกไว้ได้บ้าง แต่มันอัดร่างเขาเข้ามาจนจุกร้าวทั้งหลัง ทำได้เพียงนอนนิ่งมองปิศาจบนฟากฟ้าอยู่พักหนึ่ง เห็นมันควงดาบในมือราวกับอัครเทวทูต

    “ซวยแล้วไง! ...”

    โลเทรคร้องพยายามยันร่างขึ้น ทันใดนั้น เขาก็ได้เห็นมันยกดาบในมือขึ้นมองด้วยความตกใจกลัว

    ‘ไอ้บ้าเอ๊ย! ’ ปิศาจคำรามร้อง

    ภาพแห่งความทุกข์ทรมานแทรกเข้ามาในหัว ทำให้มันไม่สามารถทนถือดาบเล่มนั้นไหว จึงเปลี่ยนใจปาดาบอัดเป้าหมายที่นอนพังพาบอยู่บนผืนหญ้าเบื้องล่างแทนอย่างหัวเสีย ชายหนุ่มผมทองเบี่ยงตัวหลบทันใด ดาบเล่มโตพุ่งลงมาปักเฉียดใบหูเขาไปเพียงนิดเดียว ไม่มีเวลาให้ทำหน้าตกใจ แม้เนื้อตัวจะชุ่มโชกด้วยน้ำมันที่สาดราดรดไว้จนทั่วผืนพรมหญ้าเมื่อช่วงเวลาก่อนหน้า แต่โลเทรคก็พยายามยันตัวลุกขึ้นคว้าดาบส่งสัญญาณบอกให้ทหารหลายร้อยนายที่ยืนรายล้อมอยู่รอบบริเวณปราสาทและเนินทุ่งหญ้า ขึ้นสายธนูเล็งเป้าหมายที่กำลังโฉบลงมาหาเจ้านายของพวกเขาด้วยความรวดเร็ว

    “ยิง!!! ”

    โลเทรคตะโกนร้องพลางกระโจนหนีปิศาจอย่างทุลักทุเล เกราะเหล็กทำให้เขาอุ้ยอ้าย  ปิศาจอาชชี่ โคเว่นจึงสามารถตามมาประชิดร่างหนักในชุดเกราะนั้นได้ทัน ชายหนุ่มรีบหันมาเหวี่ยงดาบพร้อมกระโดดถอยหนี มันกระพือปีกดีดตัวขึ้นหลบทันทีแล้วเตะเข้าที่ศีรษะของอีกฝ่ายจนหน้าหันกระเด็นกลิ้งลงมาตามแนวลาดของเนิน ธนูไฟสว่างไสวพุ่งย้อยปักร่างปิศาจราวห่าฝนแม้มันจะยกปีกขึ้นกันไว้ได้บ้าง ทว่าธนูที่ตกลงมารอบๆ บนผืนหญ้าชุ่มน้ำมันมากมายต่างหากคือเป้าหมายสำคัญ เปลวเพลิงลุกพรึ่บเป็นวงกว้างในบัดดล พวกเขาล่อปิศาจอาชชี่ โคเว่นลงมาติดกับดักไฟได้สำเร็จ แม้ทุกอย่างจะเป็นไปอย่างทุลักทุเล

    “จัดการเลย! ”

    นักรบหนุ่มผมทองพยายามครองสติแม้ยังมีอาการมึนงง ยกมือขึ้นโบกนิ้ววนให้สัญญาณระหว่างไถลลื่นลงมาหาหน่วยทหารม้าที่ซุ่มอยู่ตรงพุ่มไม้ใกล้ๆ พวกเขาควบม้าโผล่ขึ้นมาบนเนิน บังคับมันวิ่งวนรอบรัศมีเปลวเพลิงก่อนยิงลูกศรติดโซ่ดอกใหญ่เข้าใส่เป้าหมาย

    ปิศาจอาชชี่ โคเว่นที่กำลังถูกเปลวเพลิงเผาผลาญจนปีกเริ่มลุกไหม้ ยกมือจับลูกศรติดโซ่ไว้เท่าที่จะทำได้แล้วเหวี่ยงไปรอบๆ จนทหารม้าเคราะห์ร้ายกระเด็นลอยละลิ่ว สบโอกาสให้ทหารชุดที่สองรีบตามเข้ามายิงซ้ำทันที ทั้งลูกดอกติดโซ่นับสิบเส้นและห่าธนูไฟต่างพุ่งตรงมายังร่างของปิศาจไม่ขาดสาย ปีกพังผืดเริ่มลุกไหม้เสียหายหนัก ปิศาจที่มีเพียงร่างมนุษย์ธรรมดาเป็นเครื่องป้องกันจึงไม่อาจต้านทานอาวุธเหล่านั้นไว้ได้นาน โซ่ที่ติดปลายลูกศรขนาดใหญ่เจาะทะลุปีกพุ่งเข้ามาถึงลำตัวพลันถูกขึงตึงแน่นขึ้นด้วยทหารที่คุมอยู่ต้นสายควบม้าวิ่งวนรอบนอกรัศมีกำลังพยายามยื้อยุดฉุดกระชากร่างปิศาจจากทุกทิศ อสุรกายหนุ่มออกแรงรั้งโซ่กลับบ้าง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×